![]() |
"ส่วนการรับสังฆทานซึ่งมีผู้มาถวายทุกวันนั้น อาตมาแต่งตั้งพระภิกษุ ๕ รูป ให้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันรับสังฆทาน ปัจจัยที่ได้มาจะเก็บขึ้นเป็นส่วนตัวก็ไม่ว่า ขอเพียงข้าวของที่เหลือให้ส่งเข้าคลังเอาไว้เป็นกองกลางก็แล้วกัน
ปรากฏว่าพระเวรสังฆทานท่านทำได้ดีกว่าที่อาตมาคิด เมื่ออนุญาตให้มีเงินเป็นส่วนตัว ท่านก็ไม่ได้เอาไปใช้เป็นการส่วนตัว เอามาถวายให้เจ้าอาวาสได้ใช้ในทำงานส่วนรวมบ้าง รวมกันในหมู่ของท่านทำงานอย่างใดอย่างหนึ่งให้วัด ที่เมื่อเอาเงินสังฆทานมารวมกันแล้วมีเงินพอที่จะทำได้บ้าง" |
"อาตมาจึงเพิ่มเติมงบประมาณบางส่วน ให้พระภิกษุหลายรูปถือเงินเอาไว้ เมื่อเห็นว่าส่วนใดส่วนหนึ่งในวัดที่สมควรจะจัดการ ถ้าอยู่ในวงเงินงบประมาณที่ตนเองถือไว้ ก็ให้จัดการไปได้เลย
หรือถ้าหากว่าเป็นงานใหญ่เกินงบประมาณในมือ ก็ให้ปรึกษาหารือกันในหมู่พระภิกษุที่ถือเงินงบประมาณ เมื่อเอามารวมกันแล้วถ้าทำงานอย่างนั้นไหว ก็ให้ทำไปโดยไม่ต้องปรึกษาหารือเจ้าอาวาส ยกเว้นว่ารวมกันแล้วยังเกินกำลัง ค่อยมาแจ้งกับเจ้าอาวาสอีกที" |
"เมื่อเป็นเช่นนี้ ต่อให้วัดท่าขนุนไม่มีเจ้าอาวาส ก็สามารถที่จะอยู่กันได้โดยที่ไม่เกิดอาการ "วัดโทรม" เพราะการเปลี่ยนเจ้าอาวาสใหม่ เนื่องจากว่าเป็นการบริหารวัดอย่างเป็นระบบ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวบุคคล
ไม่เช่นนั้นแล้วในเรื่องของเจ้าอาวาสนั้น อาตมาอยากจะเรียกว่า "วงจรอุบาทว์" ก็คือ เมื่อมีการเปลี่ยนเจ้าอาวาสใหม่เมื่อไร ถ้าท่านเก่งสู้เจ้าอาวาสเก่าไม่ได้ วัดก็จะโทรมลงไปทันตา ต่อให้เจ้าอาวาสใหม่ท่านเก่งสู้เจ้าอาวาสเก่าได้ ญาติโยมรอบวัดก็ยังคิดถึงเจ้าอาวาสเก่าอยู่ดี กว่าที่เจ้าอาวาสใหม่จะสร้างบารมีให้เป็นที่ยอมรับของคนรอบวัดได้ ก็มักจะเป็นช่วงท้าย ๆ ของชีวิตท่านแล้ว เมื่อสิ้นท่านไปมีเจ้าอาวาสใหม่ขึ้นมา ก็จะตกสู่วงจรอุบาทว์เช่นนี้ไปไม่รู้จบ เมื่อเล็งเห็นจุดบอดในส่วนนี้ของแต่ละวัด อาตมาจึงพยายามที่จะบริหารวัดด้วยระบบ ไม่ใช่บริหารด้วยตัวบุคคล ถ้าระบบเข้มแข็งและวัดอยู่ได้แล้ว แค่หางบประมาณมาสำรองเอาไว้ เพื่อไม่ต้องให้เจ้าอาวาสใหม่ลำบากในการหาเงินอีก วัดนั้นก็จะเป็นไปด้วยดี ไม่มีการทรุดโทรมในช่วงเปลี่ยนผ่านเจ้าอาวาสอีกต่อไป" |
"สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ พระภิกษุ สามเณร แม่ชี และบุคคลในวัด จะต้องรู้หน้าที่ รู้งานในความรับผิดชอบ ไม่เกี่ยงงาน ไม่เห็นแก่ตัว จึงจะบริหารวัดให้เป็นไปด้วยดี
ในส่วนนี้อาตมาตั้งเงินเดือนให้แล้ว ใครขยันมากก็จะได้มากกว่า เมื่อถึงเวลาจ่ายเงินเดือน คนที่ได้น้อยกว่าก็จะรู้เองว่าเป็นเพราะเหตุใด แล้วแก้ไขปรับปรุงตนเองให้ดีขึ้น ถ้ายังไม่แก้ไข ก็มีการหักเงินเดือน หรือว่าประกาศงดจ่ายเงินให้ เป็นจำนวนเท่านั้นเท่านี้เดือน เพื่อที่บุคคลนั้นจะได้หลาบจำ และเป็นการ "เชือดไก่ให้ลิงดู" อีกด้วย" |
"เมื่อช่วยเหลือบุคคลภายนอกแล้ว วันนี้ (๙ เมษายน ๒๕๖๓) อาตมาจึงจ่ายเงินรายละ ๒,๐๐๐ บาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพระภิกษุ ๓๓ รูป สามเณร ๑ รูป แม่ชี ๘ รูป โดยไม่ได้รวมถึงพระภิกษุที่ไปช่วยงานในวัดสาขาอื่น เพราะถือว่าเมื่อท่านเอาเขาไปทำงาน ก็จงรับผิดชอบชีวิตของเขาด้วย..!
ภาษิตไทยโบราณว่า "ชายข้าวเปลือกหญิงข้าวสารโบราณว่า น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่าอัชฌาสัย เราก็จิตคิดดูเล่าเขาก็ใจ รักกันไว้ดีกว่าชังระวังการ" อาตมาขอให้ดูตรง "น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่าอัชฌาสัย เราก็จิตคิดดูเล่าเขาก็ใจ" เนื่องจากมนุษย์เป็นสัตว์สังคม ต้องพึ่งพาอาศัยกันและกันถึงจะอยู่ได้ด้วยดี แม้ว่าจะบวชเข้ามาเป็นพระภิกษุสามเณรหรือแม่ชีก็ตาม ก็ยังถือว่าเป็นมนุษย์ปุถุชนเหมือนกัน เรามีความต้องการอย่างไร คนอื่นก็มีความต้องการเช่นนั้น เรารักสุขเกลียดทุกข์อย่างไร คนอื่นก็รักสุขเกลียดทุกข์อย่างนั้น ถ้าทำเช่นนั้นได้ ถึงจะเรียกว่านำเอาหลักธรรมของพระพุทธเจ้ามาใช้งานได้ในชีวิตจริง" |
"หลักธรรมที่ว่าคือ สังคหวัตถุ ๔ ได้แก่
๑. ทาน รู้จักเสียสละแบ่งปันซึ่งกันและกัน ๒. ปิยวาจา พูดดี พูดเพราะต่อกัน ๓. อัตถจริยา ทำประโยชน์ให้เกิดแก่ผู้อื่น ๔. สมานัตตา ซึ่งปัจจุบันนี้แปลกันว่า ทำตัวให้เสมอต้นเสมอปลาย ซึ่งความจริงแล้วอาตมาเห็นว่าแปลผิด เพราะว่าการทำตัวชั่วเสมอต้นเสมอปลายผูกใจคนไม่ได้แน่..! คำนี้ควรที่จะมาจาก "สมาน = เสมอกัน, อัตตา = ตัวตน" แปลความว่าเสมอด้วยตัวตน คือต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรา เราต้องการอย่างไรก็ทำให้ผู้อื่นอย่างนั้น เราไม่ชอบใจอะไรก็อย่าทำแบบนั้นกับผู้อื่น" |
"ถ้าทุกคนสามารถนำเอาหลักสังคหวัตถุ ๔ มาใช้ ไม่ว่าจะในภาวะปกติ หรือว่าในภาวะที่เชื้อไวรัส covid - ๑๙ กำลังแพร่ระบาดอย่างนี้ ท่านก็สามารถที่จะผูกใจคน ให้สามัคคีกลมเกลียวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ ซึ่งในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้ ความสามัคคีพร้อมเพรียงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เป็นสิ่งที่ประเทศชาติและสังคมของเราต้องการเป็นอย่างยิ่ง
ธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็น "อกาลิโก" ไม่ถูกจำกัดด้วยเวลาหรือยุคสมัย ผู้ใดนำมาใช้งานเมื่อไร ก็ย่อมก่อให้เกิดประโยชน์แก่ตัวเองและคนรอบข้างเป็นอย่างดียิ่งเมื่อนั้น เราต้องสามารถนำเอาหลักธรรมของพระพุทธเจ้ามาใช้ให้ ถูกที่ ทุกคน ถูกงาน ถูกเวลา จึงจะสมกับคำว่า พุทธมามกะ ผู้นั่งใกล้พระพุทธศาสนา ด้วยประการฉะนี้" |
ถาม : เงิน ๒,๐๐๐ บาทที่หลวงพ่อให้ ผมเอาไปให้พ่อแม่ได้ไหมครับ ?
ตอบ : ได้...พระพุทธเจ้าอนุญาตให้พระภิกษุสงฆ์เลี้ยงดูพ่อแม่ได้ตามสมควร คำว่า ตามสมควร คือให้มีปัจจัย ๔ พอที่จะดำรงชีวิตอยู่ได้ แต่ไม่ใช่ไปสร้างบ้านให้หลังละ ๒๐ ล้านบาท ซื้อรถให้คนละคัน..! |
ถาม : แม่ผมกินอาหารไม่ได้ พอกลืนลงไปก็อาเจียนออกมาหมด หมอตรวจแล้วไม่พบสาเหตุอะไรเลย หลวงพ่อพอจะบอกได้ไหมครับว่าเกิดจากอะไร ?
ตอบ : ลมตีขึ้น แสดงว่าธาตุลมกำเริบเพราะอายุมาก ให้ไปหายาแก้ลม ๑๐๘ มาให้แม่กิน แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นไปเอง คนสมัยนี้ไม่เห็นความสำคัญของยาลม พออายุ ๓๕ ปีขึ้นไปธาตุทุกอย่างในร่างกายจะเริ่มพร่องมากขึ้น ต้องหาพวกยาหอมยาลมติดตัวเอาไว้บ้าง ฉุกเฉินขึ้นมาจะได้อาศัยได้ |
ถาม : วิชามวยไท้เก๊กเหมือนกรรมฐานไหมครับ ? ฝึกอย่างไรครับ ?
ตอบ : ไม่เหมือน...แต่มีส่วนคล้าย เหตุที่ไม่เหมือนเพราะว่ากรรมฐานเน้นฝึกทางใจ แต่มวยไท้เก๊กเน้นฝึกทางกาย ถึงแม้จะมีใจผสานเข้าไปด้วย ก็ออกไปในแนว "ฌานใช้งาน" อยากจะฝึกก็ไปหาครูที่ท่านสอนได้ |
ถาม : หลวงพ่อตั๊กม้อนั่งสมาธิอะไรนานถึง ๙ ปีครับ ?
ตอบ : ผู้ที่ทรงฌาน ๔ คล่องตัว ถ้าสามารถทรงฌานตั้งเวลาได้ ทำแบบนี้ได้ทุกคน แต่ของพระอาจารย์ตั๊กม้อนั้นเป็นการเข้านิโรธสมาบัติ มีคุณสมบัติสูงกว่านั้นมาก |
ถาม : รับยันต์เกราะเพชรแล้วทานข้าวหมากได้ไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าทาน (ให้) ก็ได้อย่างแน่นอน แต่ถ้ากิน ต้องดูว่ากลายเป็นแอลกอฮอล์หรือยัง ? ถ้าเริ่มเป็นแอลกอฮอล์ กินแล้วเมา ก็กินไม่ได้ ถ้ายังไม่เป็น ก็กินเข้าไปเถอะ |
ถาม : พรหมวิหาร ๔ ควรทำไปตามลำดับ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ใช่ไหมครับ ? อุเบกขาตัวนี้ต่างจากวิปัสสนาญาณอย่างไรครับ ?
ตอบ : พรหมวิหาร ๔ เป็นกรรมฐานที่แตกต่างกัน ๔ กอง จะเริ่มปฏิบัติจากกองไหนก่อนก็ได้ อุเบกขาในพรหมวิหาร ๔ เป็นการวางเฉยเพราะว่ามีกำลังฌานกดไว้ ส่วนวิปัสสนาญาณวางเฉยได้เพราะว่ามีปัญญารู้แจ้งเห็นจริงแล้วปล่อยวางลงได้ |
ถาม : ถ้าผีตายแล้วไปไหนครับ ?
ตอบ : ต้องทำความเข้าใจกับคำว่าผีก่อน สิ่งที่เรามองไม่เห็น ถ้ามีอะไรก็อกแก็กขึ้นมาเรานับเป็นผีหมด คำว่า ตาย ในที่นี้ บาลีใช้คำว่า จุติ แปลว่า เคลื่อนไปจากภพภูมินั้น จึงต้องแยกกันออกไปดังนี้ ๑. สัตว์นรก จุติจากนรกภูมิ ส่วนมากก็ไปเป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน ตามลำดับไป แล้วค่อยมาเกิดเป็นมนุษย์ แต่ก็มีที่หลุดจากนรกแล้วไปเป็นเทวดานางฟ้าเลย ขึ้นอยู่กับบุญกรรมของตน ๒. เปรต เคลื่อนจากเปติวิสัยภูมิแล้ว ส่วนมากไปเป็นอสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน แล้วค่อยเป็นมนุษย์ แต่ก็มีที่ไปเป็นเทวดานางฟ้าทันทีเช่นกัน ๓. อสุรกาย เคลื่อนจากอสุรกายภูมิแล้ว ส่วนมากไปเป็นสัตว์เดรัจฉาน แล้วค่อยเกิดเป็นมนุษย์ แต่ก็มีส่วนหนึ่งที่ไปเป็นเทวดานางฟ้าได้เลยเหมือนกัน ๔. สัตว์เดรัจฉาน เคลื่อนไปแล้วถ้าใจเกาะมนุษย์ ก็เกิดเป็นมนุษย์ ถ้าใจเกาะพระ หรือเกาะคุณความดีส่วนใดส่วนหนึ่ง ก็ไปเป็นเทวดาหรือนางฟ้า แต่ก็มีที่ตกต่ำลง ไปเป็นสัตว์นรก เป็นเปรต เป็นอสุรกาย แต่ส่วนมากแล้วไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานเหมือนเดิม จนกว่าจะครบตามกรรมเก่าที่ตนเองได้สร้างเอาไว้ ๕. มนุษย์ ตายแล้วไปได้ทุกภพทุกภูมิ ตามกำลังบุญกรรมที่ตนเองได้สร้างไว้ ตั้งแต่พระนิพพานยันโลกันตนรก..! ๖. เทวดานางฟ้า เมื่อจุติแล้วมีบางส่วนไปพระนิพพาน บางส่วนเป็นรูปพรหม บางส่วนเป็นเทวดานางฟ้าเหมือนเดิม อีกส่วนหนึ่งตกสู่ภพภูมิที่ต่ำกว่า ไม่ว่าจะเป็นสัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน หรือว่ามนุษย์ ตามแต่บุญกรรมที่ได้กระทำไว้ ๗. รูปพรหม จุติแล้วไปเช่นเดียวกับเทวดาหรือนางฟ้า คือตั้งแต่พระนิพพานยันอเวจีมหานรก ยกเว้นสุทธาวาสพรหมทั้ง ๕ ชั้น ที่จุติแล้วหลุดพ้นเข้าพระนิพพาน ๘. อรูปพรหม จุติแล้วส่วนใหญ่ลงสู่ทุคติ คือ อบายภูมิทั้ง ๔ อย่างดีก็แค่ค้างอยู่ที่มนุษย์ ๙. พระบนพระนิพพาน ไม่เกิดไม่ตายแล้ว เข้าถึงความบริสุทธิ์อย่างสิ้นเชิง ไม่มีที่ให้ไปอีกแล้ว |
ถาม : ตั้งสัจจะต่อพระรัตนตรัยว่าจะไม่เพ่งโทษผู้อื่น แต่แล้วก็เผลอสติจนได้ ต้องแก้ไขอย่างไรคะ ?
ตอบ : เมื่อได้สติก็ให้กราบขอขมาพระรัตนตรัย แล้วตั้งใจระมัดระวังใหม่ ต้องหกล้มหกลุกเช่นนี้ไประยะหนึ่ง สติถึงจะมั่นคง แล้วทำได้ตามที่ตั้งสัจจะเอาไว้ |
ถาม : ปฏิบัติธรรมตามคำสอนของหลวงพ่อฤๅษีฯ ต้องการจะเป็นพระอรหันต์ แต่ยังไม่ตายเสียที แสดงว่าผมยังไม่ได้เป็นพระอรหันต์ ผมต้องการไปพระนิพพานทันที ไม่รอให้แก่ตาย ต้องทำอย่างไรถึงจะไปได้ครับ ?
ตอบ : ละทิ้งความอยากทั้งหมดได้เมื่อไรก็ไปได้เมื่อนั้น โดยเฉพาะความอยากเกิด ความอยากมีในร่างกายนี้ |
ถาม : เวลาสวดมนต์ไหว้พระ ครูบาอาจารย์ท่านสอนให้ระลึกถึงพระพุทธเจ้าไปด้วย ต้องทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : นั่งมองพระพุทธรูปขณะที่สวดมนต์ หรือหลับตานึกถึงภาพพระพุทธรูปที่เราชอบในขณะที่สวดมนต์ แล้วพยายามรักษาภาพพระนั้นเอาไว้จนกว่าเราจะสวดมนต์เสร็จ |
ถาม : จะบวชพระที่วัดท่าขนุนต้องเตรียมตัวอย่างไรครับ ?
ตอบ : ไปวัดท่าขนุน แจ้งให้พระเจ้าหน้าที่ท่านทราบว่ามาขอบวช ท่านจะบอกให้เองว่าต้องทำอย่างไรบ้าง ถ้าจะให้ดีควรท่องคำขานนาคให้ได้เสียก่อน ทางวัดท่าขนุนบวชโดยใช้คำขานนาคแบบอุกาสะฯ |
ถาม : ถ้าทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับคุณพ่อซึ่งได้เสียชีวิตก่อนหมดอายุขัย ท่านจะสามารถรับบุญกุศลนั้นหรือไม่ ?
ตอบ : ถ้ามั่นใจว่าคุณพ่อตายก่อนหมดอายุขัย ท่านก็ได้รับผลบุญนั้นอย่างแน่นอน ควรประกันความเสี่ยงด้วยการถวายสังฆทานไปให้ เพื่อที่ท่านจะได้รับผลบุญอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ |
ถาม : เซ็นชื่อรับเงินเดือนโดยหยิบปากกาของใครก็ไม่รู้มาเซ็น เข้าใจว่าผิดศีลข้อที่ ๒ เรื่องปากกา ถ้าผมเอาเงินเดือนไปทำบุญจะถือเป็นวัตถุทานบริสุทธิ์ไหมครับ ?
ตอบ : ฟุ้งซ่านหานรกได้ดีมาก...! ขนาดพระยังมีการถือวิสาสะ ในเมื่อแค่หยิบปากกามาเซ็นชื่อ ไม่มีอะไรเสียหายมาก คิดว่าทุกคนที่รับเงินเดือนก็คงทำแบบนั้นเช่นกัน จึงยังถือได้ว่าเงินเดือนนั้นเป็นวัตถุทานที่บริสุทธิ์ |
ถาม : ดิฉันโดนคุณไสยเขมรมา ๖ ปีแล้ว เหมือนมีอะไรตามทิ่มแทงร่างกายให้เกิดความเจ็บปวดตลอดเวลา ขนาดรับยันต์เกราะเพชรผ่านการถ่ายทอดสดมาแล้ว ก็ยังมีอาการอยู่ คุณพ่อส่งไปต่างประเทศหวังให้พ้นจากไสยศาสตร์ ก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม ทำอย่างไรถึงจะหายเป็นปกติได้คะ ?
ตอบ : เรื่องของไสยศาสตร์นั้น ไม่จำกัดด้วยสถานที่ ย้ายไปประเทศไหนเขาก็ทำได้ ส่วนที่รับยันต์เกราะเพชรแล้วยังมีอาการอยู่ ให้พิจารณาแยกเป็น ๒ สาเหตุด้วยกัน ๑. เป็นอาการที่เกิดจากความแปรปรวนของธาตุในร่างกาย ซึ่งภาษาหมอสมัยใหม่เรียกว่า ฮอร์โมนพร่อง ถ้าอายุเกิน ๓๕ ปีขึ้นไป ให้ไปหาหมอแผนปัจจุบัน ขอให้ช่วยสั่งฮอร์โมนให้ รับประทานลงไปแล้วถึงไม่รับยันต์เกราะเพชรก็จะหายดีไปเอง ๒. รักษายันต์เกราะเพชรเอาไว้ไม่ได้ หรือว่าถึงรักษาได้ ยันต์เกราะเพชรก็ช่วยให้ไม่ตายด้วยอำนาจไสยศาสตร์ ไม่ใช่ช่วยให้ไม่เจ็บ หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงท่านบอกไว้ชัดว่า ยันต์เกราะเพชรเหมือนกับกำแพงกั้น ไสยศาสตร์เหมือนกับกองไฟ ถ้าไฟกองใหญ่มาก ความร้อนก็ยังแผ่มาถึงได้ วิธีที่ดีที่สุดก็คือ ภาวนาจับภาพพระครอบตัวเราไว้เป็นปกติ ถ้าอารมณ์ใจทรงตัว ไสยศาสตร์อะไรก็ทำอันตรายไม่ได้ ถึงไม่รับยันต์เกราะเพชรก็สามารถป้องกันได้เหมือนกับรับยันต์เกราะเพชรนั่นเอง |
ถาม : ฝันว่าฟันกรามล่างด้านซ้ายหลุด ๑ ซี่ แล้วฟันกรามขวาด้านบนก็หลุดอีก ๑ ซี่ กลัวว่าพ่อหรือแม่จะเสียชีวิต ควรจะทำอย่างไรดีคะ ?
ตอบ : ให้บอกพ่อกับแม่ไปปล่อยชีวิตสัตว์ที่เขาจะฆ่า อย่างเช่นว่าปลาหรือไก่ในตลาด หรือวัวควายในโรงฆ่าสัตว์ เมื่อปล่อยแล้วให้ตั้งใจอุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้ากรรมนายเวรของทั้ง ๒ ท่าน ก็จะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ |
ถาม : ไปสักยันต์ ๕ แถวมาครับ ตั้งแต่สักมาชีวิตไม่มีความสุขเลยครับ อยากจะถอนยันต์ออก ขอคำแนะนำด้วยครับ ?
ตอบ : ถ้าวัดท่าขนุนมีการเป่ายันต์เกราะเพชร ให้ไปเข้าพิธีแล้วอธิษฐานขอบารมีพระ ช่วยทำลายอำนาจยันต์ ๕ แถวไปจากเรา แค่นี้ก็จบแล้ว แต่ถ้าต้องการเอาลายยันต์ออก ต้องไปหาหมอสมัยใหม่ให้ยิงลบด้วยแสงเลเซอร์ |
ถาม : อยากทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างแล้วบวชชีพราหมณ์ปฏิบัติธรรมไปเรื่อย ๆ ควรจะไปบวชที่วัดไหนดีคะ ?
ตอบ : หาวัดป่าธรรมยุตสายหลวงปู่มั่น แล้วไปขอบวชกับท่านได้เลย |
ถาม : เปิดเสียงสวดพระคาถาเงินล้านแล้วน้อมจิตตามโดยไม่ได้สวดออกเสียงเอง จะมีผลเหมือนกับสวดออกเสียงเองไหมครับ ?
ตอบ : ถ้ามีจิตใจแน่วแน่ส่งจิตตามไปได้ตั้งแต่ต้นจนจบ ผลน่าจะดีกว่าสวดออกเสียงเอง แต่ถ้าสนใจบ้างไม่สนใจบ้าง การสวดออกเสียงเองจะได้ผลมากกว่า |
ถาม : อยากทราบวิธีเจริญอิทธิบาท ๔ โปรดเมตตาช่วยบอกด้วยครับ ?
ตอบ : ยึดศีล สมาธิ ปัญญา เป็นหลักในการปฏิบัติ แล้ว..ทำ..ทำ..ทำ..และ..ทำ แบบหัวไม่วางหางไม่เว้น ถึงตายก็ขอมอบกายถวายชีวิตต่อ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ |
ถาม : โรคซึมเศร้าต่างกับนิพพิทาญาณอย่างไรคะ ?
ตอบ : โรคซึมเศร้าเป็นการจมอยู่กับความสงสารตนเอง ตำหนิตนเอง ดูถูกตนเอง จนหาทางออกในชีวิตไม่เจอ ส่วนนิพพิทาญาณนั้น เป็นปัญญาที่มองเห็นความเป็นจริงในร่างกายนี้ ในโลกนี้ แล้วเกิดความเบื่อหน่าย อยากจะไปเสียให้พ้น |
ถาม : คาถาอภิญญาสามารถขึ้นเป็นอรูปฌานได้ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่มีพื้นฐานกสิณมาก่อน ไม่สามารถที่จะขึ้นเป็นอรูปฌานได้ |
ถาม : ดิฉันได้บวชชีที่วัดหนึ่งเพื่อแก้กรรม เนื่องจากไปเล่นผีถ้วยแก้ว แล้ววิญญาณซึ่งเป็นเจ้ากรรมนายเวรติดตามมา ที่วัดนั้นบอกให้ทำวัตรเช้าเย็นและนั่งสมาธิ พร้อมกับใส่บาตรทุกวันจันทร์อุทิศให้เขา ดิฉันได้รับคำสอนให้เชื่อพระพุทธเจ้า ดิฉันรู้สึกว่าเหมือนกับถูกหลอกให้ปฏิบัติผิดทาง จึงรบกวนขอให้ท่านชี้ทางปฏิบัติที่ถูกต้องด้วยค่ะ ?
ตอบ : ถ้าเชื่อพระพุทธเจ้าแล้วยังคิดว่าปฏิบัติผิดทาง ก็สมควรตายเป็นอย่างยิ่ง..! พระพุทธเจ้าสอนในไตรสิกขา คือศีล สมาธิ และปัญญา ให้ปฏิบัติในสมาธิเป็นหลักโดยอยู่กับลมหายใจเข้าออก เมื่อสมาธิทรงตัวเราจะระมัดระวังศีลสิกขาบทได้สมบูรณ์บริบูรณ์ และมีปัญญาเห็นช่องทางว่าทำอย่างไรจึงจะรักษาสมาธิให้ยาวนาน ถ้ามีปัญญามากกว่านั้นก็จะมองเห็นสามัญลักษณะ คือทุกอย่างไม่เที่ยง ทุกอย่างเป็นทุกข์ ทุกอย่างไม่มีอะไรเป็นเราเป็นของเรา ยิ่งผีถ้วยแก้วยิ่งไม่ใช่เป็นของเรา ถ้าเห็นชัดเจนแบบนี้ผีก็อยู่ไม่ได้เดี๋ยวก็ไปเอง |
ถาม : พี่ผมเจองูเขียวตัวใหญ่อยู่บนชั้นสอง กำลังเลื้อยลงมาข้างล่าง แล้วอยู่ ๆ ก็หายไปเลย หาอย่างไรก็ไม่เจอ ใช่พญานาคไหมครับ ?
ตอบ : บอกเองว่างูเขียว แต่ดันถามว่าใช่พญานาคไหมครับ !? เหตุที่หาไม่เจอมีอยู่ ๒ อย่างด้วยกัน คือ งูซ่อนตัวได้เก่งกว่า กับไม่ใช่งูที่แท้จริง |
ถาม : ท่านปู่พระอินทร์ที่หลวงพ่อฤๅษีฯ พูดถึง คือพระอินทร์หรือท้าวสักกะเทวราช และพระศิวะคือท่านปู่พระอินทร์ ดังนั้นพระศิวะคือท้าวสักกะเทวราช ?
ตอบ : ขอบคุณมากที่ช่วยบอกให้ทราบ..! |
ถาม : ผมตั้งใจทำบุญกับหลวงพ่อทุกเดือน แต่ไม่สะดวกที่จะเดินทางไปบ้านเติมบุญ จึงใช้วิธีโอนเงินเข้าบัญชีวัดท่าขนุน อยากทราบว่าบัญชีนั้นหลวงพ่อเอาไปทำบุญอะไรบ้างครับ ?
ตอบ : ทำทุกอย่างที่ขวางหน้า..! ถาม : ผมได้ร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐมทองคำกับหลวงพ่อ ซึ่งหลวงพ่อวัดท่าซุงเคยบอกว่า ใครสร้างสมเด็จองค์ปฐมกับท่าน จะได้ลงบัญชีสีทองทั้งหมด การร่วมบุญสร้างพระองค์ปฐมทองคำครั้งนี้ ได้ลงบัญชีสีทองเหมือนกันหรือเปล่าครับ ? ตอบ : อาตมาลงบัญชีด้วย Word Microsoft ๒๐๑๓ เป็นหน้า Word สีขาวตัวอักษรสีดำ ไม่ได้แทรกสีใด ๆ ลงไปเลย..! |
ถาม : ปลวกขึ้นบ้านสร้างความเสียหายให้เยอะมาก จะแก้ไขอย่างไรโดยไม่บาปครับ ?
ตอบ : ถ้าจะแก้ไขด้วยวิธีที่ไม่บาปเลย ก็นั่งแผ่เมตตาให้ปลวกทุกวัน ถ้ากำลังความเมตตาสูงพอ ปลวกก็จะยอมย้ายไปอยู่ที่อื่นเอง |
ถาม : การสวดมนต์หรือภาวนาคาถาต่าง ๆ ในใจ ในทุกขณะที่ทำได้ เป็นการปรามาสพระรัตนตรัยและครูบาอาจารย์ไหมครับ ?
ตอบ : เป็นการปรามาสหนักมาก ถ้าหากว่าปรามาสแบบนี้ได้หนักจริง ๆ แล้ว จะส่งผลให้เข้าถึงพระนิพพานได้เลย..! |
ถาม : บทสวดมนต์ที่เราพิมพ์ลงแผ่นกระดาษเพื่อเอาไว้ใช้งาน เมื่อเก่าแล้วสามารถเผาทิ้งได้ไหมครับ ?
ตอบ : ได้..กราบขอขมาพระรัตนตรัยแล้วก็เผาไปเลย |
ถาม : ทำธุรกิจขายเครื่องดนตรีครับ เป็นบาปไหมครับ ? เพราะรู้สึกว่าเครื่องดนตรีทำให้คนลุ่มหลงครับ
ตอบ : นี่ก็เป็นคนที่ชอบคิดให้ตัวเองลงนรก..! มิจฉาวณิชชา คือ อาชีพที่พุทธมามกะไม่ควรทำ ได้แก่ การขายสุรา ขายยาพิษ ขายมนุษย์ ขายอาวุธ และขายสัตว์ที่ยังมีชีวิต ไม่ได้บอกว่าขายเครื่องดนตรีไม่ได้ |
ถาม : ได้ดูหนังเรื่องพันท้ายนรสิงห์ แล้วซาบซึ้งกับความซื่อสัตย์จงรักภักดีของท่านมาก ถ้าประเทศไทยมีคนแบบท่านเยอะ ๆ ต้องเจริญกว่านี้แน่ จึงอยากทราบว่าปัจจุบันนี้ท่านอยู่ภพไหนภูมิไหนครับ ?
ตอบ : ท่านจะอยู่ภพไหนภูมิไหนไม่สำคัญ สำคัญที่ตัวคุณเอง..ถ้าพลาดก็อบายภูมิ..! |
ถาม : เคยบวชแล้วต้องอาบัติสังฆาทิเสส สึกออกมาจะห้ามมรรคผลนิพพานหรือเปล่าครับ ? ควรจะแก้ไขอย่างไรดีครับ ?
ตอบ : บุคคลที่บกพร่องในศีล จะเอามรรคผลนิพพานนั้นเป็นไปไม่ได้ วิธีแก้ไขคือบวชเข้าไปใหม่ แล้วไปอยู่กรรมตามระยะเวลาที่เราปกปิดไว้ บวกอีก ๖ วัน ๖ คืน แล้วให้พระสงฆ์ ๒๐ รูปสวดคืนความเป็นสงฆ์อีกครั้ง |
ถาม : ปฏิบัติธรรมในแนวเจริญสติ เมื่อทำมาก ๆ เข้าก็เห็นว่า กุศล อกุศล และการเข้าถึงความสงบระงับของการเจริญสมถะ ทั้ง ๓ ประการนี้ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของเรา เมื่อเห็นอย่างนี้แล้วก็พยายามไม่เผลอเข้าไปยึด เริ่มเข้าใจคำว่า "สัพเพ ธัมมา อนัตตา" แต่ยังทำความดีอยู่ รักษาศีลห้าโดยอัตโนมัติ เจริญสมาธิและพรหมวิหาร ๔ อยู่เนือง ๆ ทำแบบนี้สามารถเป็นพระอรหันต์ได้ไหมครับ ?
ตอบ : มีสิทธิ์เป็นได้แต่ช้าไปหน่อย ถ้าต้องการเร็วกว่านั้นให้พิจารณาวิปัสสนาญาณไปด้วย จะพิจารณาในอริยสัจ ๔ ก็ได้ สามัญลักษณะก็ได้ หรือวิปัสสนาญาณทั้ง ๙ อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ |
ถาม : การบรรลุแบบสุกขวิปัสสโก ไม่จำเป็นต้องมีนิมิตใด ๆ เลยใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่จำเป็นต้องมี ถ้าถึงเวลาบรรลุจริง พระนิพพานจะเต็มอยู่ในใจของเราเอง |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 03:07 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.