กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๐ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5682)

เถรี 25-07-2017 09:26

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีเด็กอยู่ ๒ คนมาหาอาตมา (เจแปนกับเจด้า) เพื่อจะเอาหนอนรถด่วน ก็เลยต้องเตรียมเอามาไว้ให้ อย่างอื่นเขาไม่ยอมกิน จะกินแต่อย่างนี้"

ถาม : เด็กเขารู้ไหม ?
ตอบ : ไม่รู้ ตอนที่ยังไม่รู้ภาษาเขาก็ใส่ปากกินไปเรื่อย ตอนนี้พอรู้เรื่องขึ้นมาก็ไม่อยากกินอย่างอื่น จะกินแต่อย่างนี้ แต่พิสูจน์ได้เลยว่าเด็กคนนี้เป็นโรคภูมิแพ้หรือไม่ เพราะพวกนี้มีสาร Histamine เยอะมาก คนโต ๆ กินไปยังแพ้เลย ต้องอาจจะประเภทค่อย ๆ หยอดให้ตั้งแต่เด็กแบบนี้ รู้สึกว่าสองคนนี้จะไม่แพ้อะไรกับใครเลย

เถรี 25-07-2017 09:34

ถาม : (ไปอินเดีย)
ตอบ : การจราจรของเขาก็ยังคงน่าอนาถอยู่ดี อาตมาศึกษาเรื่องการจราจรอินเดียแล้วหมดอารมณ์ บอกว่าอย่าไปอินเดียหน้าร้อนเป็นอันขาด ขืนไปอาจจะได้ร้อนตายบนรถกันบ้าง พอกลับมาเมืองไทยโคตรสบายเลย ไม่ร้อนแบบนั้น

ตอนผมกลับมาจากทิเบต ร้อนอยู่เป็นอาทิตย์ เปิดเครื่องปรับอากาศอย่างนี้แหละ ทำไมไม่เย็นสักทีวะ ? ก็จะไปเย็นได้อย่างไร เปิดไว้ต่ำสุดก็ได้ไม่เกิน ๑๘ องศาเซลเซียส ส่วนใหญ่ก็ไม่เกิน ๒๑ องศาเซลเซียส เพราะว่ากลัวเปลืองไฟ เพราะว่าไปอยู่ในที่อุณหภูมิต่ำ ๆ มาเป็นอาทิตย์ กลับมาเมืองไทยแทบร้อนตาย ตรงทะเลสาบยัมดร็อกโซพื้นที่สูงมาก เดินเร็ว ๆ ๓-๔ ก้าวก็เหนื่อยหอบแล้ว ต้องค่อย ๆ เดินช้า ๆ

ถาม : เกี่ยวกับแข็งแรงหรือไม่แข็งแรง ออกกำลังกายประจำหรือเปล่า ?
ตอบ : ไม่เกี่ยว...ขึ้นอยู่กับสภาพของปอดว่าสามารถฟอกอากาศได้ดีแค่ไหน ถ้าพวกประเภทฟอกอากาศได้ดีก็ไม่มีปัญหา ถ้าพวกฝึกกรรมฐานก็จะได้เปรียบ เพราะว่าลมหายใจยาว แลกเปลี่ยนอากาศได้เยอะ

ถาม : ออกกำลังกายเต็มที่ ปรากฏว่าไปแล้วไม่ไหว ?
ตอบ :
ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ต่อให้ฟิตขนาดไหนก็ตาม ถ้าการฟอกอากาศของปอดไม่ดีก็ร่วงเหมือนกัน

เถรี 25-07-2017 09:38

ผมไปพักอยู่ที่โรงแรมซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านทิเบต สวยมากเลย เป็นอะไรที่น่าทึ่งมาก คนสร้างเป็นคนจีนแท้ ๆ แต่เป็นพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านของทิเบต ทุกซอกทุกมุมการตกแต่งของเขาเป็นศิลปะเก่า ๆ ของทิเบตทั้งหมด ชั้น ๒ ของพิพิธภัณฑ์มีพวกวัตถุเก่า ๆ ทางพระพุทธศาสนาเยอะมาก

ไปที่วัดโจคังเจอ Turquoise ลูกหนึ่ง ทำเป็นลูกกลม ๆ เออ...ขนาดเข้าท่า ก็ถามราคาคนขาย เขาบอก ๒๐,๐๐๐ หยวน ถามเขาว่า ๑๘,๐๐๐ หยวนได้ไหม ? เขาก็เลยวิ่งไปถามพระ พระบอกว่า “ไม่ได้...ลูกนี้ราคา ๒๐๐,๐๐๐ หยวน” ๒๐๐,๐๐๐ หยวน เอา ๕ คูณเข้าไปดูสิ แหม...รู้อย่างนี้ตอน ๒๐,๐๐๐ หยวน ให้เขาไปก็จบแล้ว ดันไปต่อราคาจนซื้อไม่ได้

เถรี 25-07-2017 10:04

ถาม : ร้านขายของที่ไปนี่คนละที่กับพิพิธภัณฑ์หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : คนละที่กัน ที่ร้านขายของอย่างไรเขาก็ต้องเอาเราไป ผมไปซื้อของที่นั่น ใคร ๆ ก็บอกว่าต่อไม่ได้ ผมต่อมาเรียบร้อยแล้ว ซื้อได้ด้วย ถึงเวลากลับมาขึ้นรถ เขายังถือประคำ Turquoise เดินตามมาอีก ถามว่าเส้นนี้จะเอาด้วยไหม ? เพราะว่าเคยต่อแล้วแต่ไม่ได้ซื้อ

พอไปดูเข้าจริง ๆ ปรากฏว่าหัวประคำไม่ใช่งาช้างแต่เป็นเรซิ่น ก็เลยบอกว่าถ้าอย่างนี้ไม่เอา เพราะว่าไม่ใช่งาช้าง เขาบอกเป็นกระดูก ผมบอกว่าไม่ใช่ อาตมาดูออก ถ้าเป็นกระดูกต้องมีลายกระดูก อันนี้ไม่มีเลย คนขายเขาก็บอกว่า Sorry เพราะว่าเขาก็ไม่ใช่คนทำ เขาบอกอะไรมาก็เชื่อตามนั้น ขำตรงที่เขาเดินตามมาถึงรถเลย เพราะเห็นว่าซื้อจริง ๆ แต่พวกโยมส่วนใหญ่ที่ไปจะซื้อหินทิเบตกัน

ถาม : หินทิเบตของจริงเขาบอกว่าต้องเก็บมาจากวัด ?
ตอบ : ใช่ แต่ขอโทษเถอะ เงินที่เราซื้อก็ต้องตั้งใจว่าชำระหนี้สงฆ์ เพราะว่าเขาเอาหินมาจากวัด

เถรี 25-07-2017 21:23

ไปปากีสถานผมก็ชี้ให้โยมดู Turquoise บอกว่าอันนี้ของจริง อันนี้ของปลอม โยมเขาดูแล้วจำไว้ จากนั้นเขาก็ไปต่อราคาของจริง ต่อแล้วก็หันมาถามราคาของปลอม ตอนต่อของจริงนั้นซื้อไว้แล้วชุดหนึ่ง พอหันไปชี้ใส่ของปลอม เขาบอก “No...No...Man-made.” บอกเลยว่าอันนี้คนทำไว้ คราวนี้เชื่อหรือยังว่าไอ้นี่ของปลอม ? ถ้าเราดูออกนี่เขาก็หลอกเราไม่ได้ แต่ถ้าดูไม่ออกนี่โดนหมด

ถาม : ส่วนใหญ่ไปเจอก็ของปลอม หินเอย อะไรเอย ?
ตอบ : เราชอบก็ซื้อไปสิ ที่ไม่ปลอมแน่ ๆ ก็คือรุทธระ ประคำเม็ดพุทธรักษา ไม่ปลอมหรอก แต่แหม...เขาแหกตาเรา ต้องกี่ตา ๆ ถึงจะขลัง ยิ่งมากก็ยิ่งดีอะไรแบบนี้ ไล่นับตาให้เราดูเลย แต่ขายให้เราก่อน พอขายให้เราก่อนแล้วค่อยบอกว่ามีที่ดีกว่านั้น น่าถีบจริง ๆ...!

เถรี 25-07-2017 21:26

ถาม : (หมาบางแก้ว)
ตอบ : หมาบางแก้วอุปนิสัยหวงถิ่น ถ้าคนแปลกหน้าไม่ใช่เจ้านายโดนกัดทุกคนแหละ ท่านอาจารย์เอกลักษณ์ วัดปากน้ำโจ้โล้ เลี้ยงไว้ตัวหนึ่ง ผมเข้าไปนี่เขาวิ่งใส่เลยนะ เพียงแต่ผมไม่ได้สนใจ บอกว่ามาพักเฉย ๆ เขาก็มาดมฮื่อ ๆ ๆ ขู่ใส่ไม่ยอมเลิก นี่ขนาดผมไม่กลัวหมานะ ถ้าคนกลัวขยับหรือวิ่งหนีโดนกัดแน่เลย

บางแก้วเป็นหมาหวงถิ่นมาก เพราะว่าพื้นถิ่นอาศัยอยู่ในแพมาก่อน ก็คือเป็นพวกหมู่เรือนแพในแม่น้ำยมอะไรพวกนั้น คราวนี้ไปผสมกับหมาจิ้งจอกก็เลยออกมาเป็นพันธุ์บางแก้ว ด้วยความที่อยู่แพใครแพมัน ทำให้หวงที่มาก จริตนิสัยก็เลยฝังใน DNA หวงที่มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว อย่าไปเลี้ยงพวกโกลเด้นฯ ก็แล้วกัน พวกนั้นเป็นหมารับแขก ช่วยพาโจรเข้าบ้าน..!

เถรี 25-07-2017 21:30

ถ้าจะเอาพันธุ์หมาวัด ที่ท่าขนุนมีเยอะแยะไป ตัวเล็ก ๆ หอบไปเลี้ยงได้เลย หมูหยองเพิ่งจะคลอดลูกมา ๙ ตัว อายุเพิ่งจะอาทิตย์กว่า ๆ แม่หมาวัยรุ่นคลอดลูก ๙ ตัว ตอนท้องก็ดูท้องไม่ใหญ่ คลอดออกมาตัวใหญ่กว่าลูกแมวหน่อยเดียว เลยบอกแม่ชีเอหาอะไรให้กินเยอะ ๆ หน่อย จะได้ตัวโต พวกลูกสัตว์ถ้ากินถึงตั้งแต่เด็ก ๆ จะโตมาก

สมัยก่อนอาตมาเลี้ยงอีเห็น อัดนมวัวเข้าไปเต็ม ๆ อยากกินเท่าไรก็กินได้เท่านั้น โตอย่างกับหมาเลย แต่เลี้ยงอีเห็นเราจะลายไปทั้งตัว เพราะว่าเล็บเขาเหมือนเล็บแมว ถึงเวลาก็ไต่ขึ้นตัวเรา เห็นเราเป็นต้นไม้ ไต่ขึ้นไต่ลง ไต่ขึ้นไต่ลง จนลายไปทั้งตัว

มีโยมประเภทผู้ดีกรุงเทพฯ ไปถาม “เป็นอะไรเจ้าคะ ลายไปทั้งตัว ยุงมากหรือคะ ?” บอกว่า ไม่ใช่...รอยเท้าอีเห็น คนนั้นก็ไม่รู้จักอีเห็น “โอ้โฮ...เป็นสัตว์ที่ดุร้ายมากเลยนะคะ ” ไม่ได้ดุหรอก แต่เห็นเราเป็นต้นไม้ ปีนไปเรื่อย ขึ้นบนลงล่าง อยู่นิ่งไม่เป็น

พอถึงเวลาจะตกก็เอาหางรัดคอเราไว้ เกือบจะหายใจไม่ออก ถึงได้รู้ว่าพวกลิง พวกค่าง พวกอีเห็น พวกเสือ พวกแมว ฯลฯ ใช้หางในการทรงตัวได้ สามารถใช้ยึดจับได้ พอจะหล่นเอาหางรัดคอ อ๋อ...ที่แท้ช่วยอย่างนี้ก็ได้

เถรี 25-07-2017 22:08

มีลูกศิษย์ย้ายไปทำงานที่พัทลุง "อยู่พัทลุงก็ไปกราบเจ้าพ่อขุนคางเหล็กนะ ตอนช่วงแวะไปวัดเขาอ้อบ่อย ๆ เจ้าพ่อขุนคางเหล็กท่านมาบอกว่าท่านเป็นเจ้าของพื้นที่ เคยเป็นเจ้าเมืองพัทลุงมาก่อน"

ถาม : การแบ่งเขตดูแลของเทวดา ท่านแบ่งตามหลักอะไรคะ ?
ตอบ : ตามคำสั่งเจ้านาย ...(หัวเราะ)... บางทีเขตที่แบ่งเป็นเมืองโบราณที่ปัจจุบันเขาหาซากไม่เจอแล้ว แต่เขาก็แบ่งตามเขตนั้นแหละ

เถรี 25-07-2017 22:17

ถาม : พระเครื่องแตก ขอถวายหลวงพ่อให้นำไปเป็นชนวนสร้างพระ ?
ตอบ : ไม่ควร...เอาบรรจุองค์ใหญ่ไว้บูชาต่อ ไม่อย่างนั้นจะมีโทษเท่ากับทำลายองค์พระ ของสายอื่นพระแตกอาจจะหมดสภาพ แต่ของสายวัดท่าซุงพระแตกอานุภาพจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากว่าวัตถุมงคล ๑ ชิ้น เทวดาต้องรักษา ๑ องค์ ตามที่ได้ตกลงกันไว้ระหว่างท่านปู่พระอินทร์กับที่พระพุทธเจ้าเมตตาตรัสไว้ ฉะนั้น...อยู่ ๆ วัตถุมงคลกลายเป็น ๒ ชิ้นก็ต้องเพิ่มเทวดามารักษาอีก ๑ องค์

วัตถุมงคลสายวัดท่าซุงแตกหักนี่ได้เปรียบ...อย่าทิ้งนะ เพราะว่าขลังกว่าเดิม หาทางติดกาวกลับไปแล้วเอาไปใช้ต่อได้เลย จากเทวดาองค์หนึ่งก็กลายเป็น ๒ องค์ หรือถ้าหากใครมีความสามารถพิเศษ จะแตก ๗-๘ ชิ้นก็เอาเถอะ ก็ได้ไป ๗-๘ องค์..!

เถรี 25-07-2017 22:39

ถาม : มีวัตถุมงคลเยอะแยะมากมาย แต่มีญาติผู้ใหญ่มาบอกว่า วัตถุมงคลนี้มีของ พอจับแล้วสั่น ขนลุก ให้เอาไปทิ้ง ?
ตอบ : บอกเขาว่าเอามาทิ้งแถวนี้แหละ เดี๋ยวจะมีคนช่วยเก็บ...!

ถาม : เจ้าตัวเขาอยากเก็บไว้ แต่ไม่รู้ว่าจะบอกผู้ใหญ่อย่างไร เพราะบ้านอยู่กันหลายคน เขาบอกว่าพระเครื่องมีแต่ผี หนูก็สงสัยว่าเขาแยกผีและเทวดาอย่างไรคะ ?
ตอบ : ก็ต้องถามเขาแหละ อย่ามาถามอาตมา พวกประเภทมั่วไปเรื่อยมีเยอะ มีพระบางรูปก็อวดรู้แบบนี้แหละ พอหยิบวัตถุมงคลขึ้นมาก็บอกว่าเป็นของที่ไหน มีพลังมากแค่ไหน ท้ายสุดหยิบวัตถุขึ้นมาชิ้นหนึ่ง เขาก็บอกว่าชิ้นนี้แหละมีพลังมากที่สุด อาตมาเลยให้เปิดดู ปรากฏว่าเป็นตลับยาหม่อง ปล่อยเขาไปเถอะ เอาที่เขาสบายใจ

เถรี 25-07-2017 22:48

คุณชะพิต ชอบเสร็จ นำพระขรรค์โสฬส ๘๔ พรรษาธรรมิกราชมาถวายร่วมบุญกฐินปลดหนี้ "สรุปว่ากฐินปลดหนี้มีเจ้าภาพไป ๓๐๐,๐๐๐ บาทแล้ว เพราะว่ามีผู้บูชาพระขรรค์ไปแล้ว พระขรรค์เล่มนี้หมายเลข ๘๐ ขนาดและลวดลายทุกมิติเท่ากับพระแสงขรรค์ไชยศรีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ถามว่ารู้ได้อย่างไร ? ก็ให้เจ้าหน้าที่ซึ่งมีหน้าที่อัญเชิญและรักษาพระแสงขรรค์ไชยศรีวัดขนาดมาให้ ใช้เวลาในการทำเกือบ ๒ ปีเต็ม ทั้ง ๆ ที่ทำแค่ ๘๔ เล่ม เพราะว่าการสร้างอะไรก็ตามที่มีลักษณะเป็นเทพอาวุธ เป็นอาวุธประจำพระองค์ของเจ้าพระยามหากษัตริย์หรือพระเจ้าจักรพรรดิ ถ้าหากว่าบุญเก่าไม่พอนี่ทำไม่สำเร็จ บุญเก่าพอก็ยังยากเย็นแสนเข็ญ

พระขรรค์เป็นตัวแทนแห่งมหาอำนาจ ใช้ในการปกครองคน ถ้าใครเป็นเจ้าของบริษัทใหญ่ ๆ มีลูกน้องมาก ๆ หาพระขรรค์ใหญ่หรือเล็กพกติดตัวเอาไว้บ้าง

ต้นตำรับพระขรรค์รายแรก ๆ เลยก็คือหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ที่เห็นสร้างพระขรรค์ในเมืองไทยมีแค่ไม่กี่ราย ที่ทำแล้วประสบความสำเร็จมาก ๆ ก็คือพระขรรค์โสฬสของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า พระขรรค์ปราบไตรภพของหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว พระขรรค์มหาปราบของหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว พระขรรค์บรมครูมหาปราบของหลวงปู่ทองเฒ่า วัดเขาอ้อ แล้วที่ชัด ๆ เลยก็คือ พระขรรค์สะกดวิญญาณของหลวงพ่อแจ่ม วัดวังแดงเหนือ ซึ่งเอาไว้สำหรับปราบผีโดยเฉพาะ"

เถรี 25-07-2017 22:52

พระอาจารย์กล่าวว่า “พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในมงคล ๓๘ ว่า สะมะณานัญจะ ทัสสะนัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง การได้เห็นสมณะคือพระภิกษุสงฆ์ จัดว่าเป็นอุดมมงคล

ถามว่าเป็นมงคลตรงไหน ? ได้เห็นพระสงฆ์เป็นสังฆานุสติ โดยเฉพาะถ้าท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเราจะรู้สึกว่าอยากอยู่ใกล้ เพราะว่ากระแสความดี กระแสเย็นของท่านมีอยู่ อยู่ใกล้ท่านเราจะรู้สึกว่าสงบ รู้สึกว่ามีความสุข

แต่บางทีไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เวลาอยู่ใกล้ท่าน กำลังใจของเราก็จะคิดแต่ในด้านดี ๆ มากกว่า ไม่ฟุ้งซ่านไปกับ รัก โลภ โกรธ หลง เหมือนกับอยู่คนเดียวที่บ้าน ฉะนั้น...ในเมื่อเราสามารถรักษากำลังใจไว้ในด้านดีมากกว่าด้านที่ไม่ดี จึงนับว่าเป็นมงคลใหญ่

พูดง่าย ๆ ว่าได้เห็นพระสงฆ์เท่ากับบังคับให้เราฝึกกรรมฐานกองสำคัญ ก็คือสังฆานุสติโดยอัตโนมัติ บางทีเด็ก ๆ ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อแม่มาทุกวัน ? แต่ขณะเดียวกันเด็กบางคนก็อยากมาเอง บอกให้พ่อแม่พามา แสดงว่ามีพื้นฐานเก่าดีมาก”

เถรี 27-07-2017 09:26

พระอาจารย์กล่าวว่า "เดือนก่อนพระที่วัดไปฝึกนักเทศน์ ๒ รูป แล้วก็ไปเรียนวิชาเทศน์ในระดับประกาศนียบัตรอีก ๑ รูป

พระที่เรียนจะมีระดับประกาศนียบัตรอยู่ ๓ สาขา สาขาแรกสำหรับบรรดาพระสังฆาธิการ คือ ตั้งแต่ผู้ช่วยเจ้าอาวาสขึ้นไป เรียกว่า ประกาศนียบัตรการบริหารกิจการคณะสงฆ์ (ป.บส.) เรียนจบมาได้วุฒิเท่ากับ ม.๖ แต่ว่าเป็นของสำหรับพระที่เป็นฝ่ายบริหารโดยเฉพาะ

อีกประเภทหนึ่งสำหรับครูพระที่เข้าไปสอนเด็กนักเรียน เรียกว่า ประกาศนียบัตรครูพระสอนศีลธรรม (ป.สศ.) ส่วนประกาศนียบัตรพระธรรมเทศนา (ป.ทศ.) มีเรียนที่วัดประยุรวงศาวาส

คราวนี้พระท่านขอไปเรียน อาตมาถามว่าเจตนาอยู่ตรงไหน ? ถ้าต้องการเทศน์เป็น ไม่ต้องเรียนถึง ๑ ปี แต่ถ้าต้องการวุฒิ ม.๖ แล้วเทศน์เป็นด้วยก็ไปเรียน ก็ปรากฏว่าท่านเก่งกับหลวงตาต๋อยเอาแค่เทศน์เป็น ถ้าแค่เทศน์เป็นคุณไปติดต่อที่วัดราชโอรส เขามีสอนเทศน์เป็นรุ่น ๆ รุ่นหนึ่งประมาณ ๑๕ วัน ฝึกกัน
หูดับตับไหม้ทั้ง ๑๕ วันนั้นแหละ ส่วนอีกรูปหนึ่งก็ไปเรียนเพื่อเอาวุฒิ ม.๖ ด้วย ก็ต้องไปเรียนที่วัดประยุรวงศาวาส"

เถรี 27-07-2017 09:31

"อาตมาเองก็จบนักเทศน์วัดราชโอรสมาเหมือนกัน รุ่นถัด ๆ มาก็มี พระครูน้อยพระครูหน่อย พระครูบ่าว จบมาแล้วนาน ๆ ไม่ได้เทศน์ก็สนิมกินหมด

ที่อาตมาอยากให้มีก็คือเทศน์ ๒ หรือ ๓ ธรรมาสน์ แต่ว่าพระอื่นท่านไม่กล้าเทศน์ด้วย เจ้าอาวาสก็เลยได้แต่นั่งเฉา ตอนนี้ท่านเก่ง เลขานุการเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ท่านบอกว่าเดี๋ยวจะช่วยกันสานฝันให้หลวงพ่อ ก็เลยชวนพวกไปเรียน เขาจะเทศน์กันเองก่อน ถ้าเห็นว่าเข้าท่าเข้าทางพอจะยืนระยะได้ ค่อยไปดวลกับหลวงพ่อกันทีหลัง"

เถรี 27-07-2017 09:36

"เรื่องของการเทศน์ ๒ ธรรมาสน์หรือ ๓ ธรรมาสน์นั้นสำคัญตรงคนถาม ขณะเดียวกันคนตอบก็ต้องฉลาดในการตอบด้วย ถ้าหากว่าคนตอบนั้นตอบผิด คนถามจะบอกว่าผิดไม่ได้ จะเสียท่าชาวบ้าน เดี๋ยวเขารู้ว่าพระไม่เก่ง ต้องหาทางหลอกให้ตอบวนไปวนมาให้เข้าที่จนได้ ส่วนคนตอบ ถ้าตอบไม่เป็นไปปิดทาง คนถามถามต่อไม่ได้ก็ซวยอีก

ส่วนใหญ่ถ้าเป็นนักเทศน์ระดับอาจารย์จริง ๆ คำถามเดียว
หมดไปเป็นชั่วโมงเลย ท่านจะสนุกสนานเฮฮาไปเรื่อย คนฟังข้างล่างก็หัวเราะเป็นธรรมบันเทิงไป"

เถรี 27-07-2017 09:39

"สมัยก่อนมีนักเทศน์มาก เฉพาะศิษย์ของหลวงพ่อพระครูโวทานธรรมาจารย์ วัดดาวดึงสาวาส มีเกิน ๒๐๐ รูป ท่านเป็นสุดยอดปรมาจารย์นักเทศน์ ปฏิภาณถึงขนาดไม่มีใครต้อนจน ท่านบอกว่าปรารถนาจะเกิดเป็นพระพุทธเจ้าอีก นั่นบอกชัดเลย

หลวงพ่อพระครูโวฯ จัดงานศพตัวเอง มีเทศน์แจง ๕๐๐ ธรรมาสน์ มีคนถามว่าหลวงพ่อจัดทำไม ? ท่านบอกว่า “เวลาข้าตายแล้วไม่ได้เห็น อยากเห็นตอนเป็น ๆ ว่าพวกเอ็งทำอะไรให้ข้าบ้าง”

ปรากฏว่าจัดทีหนึ่งรวยไปเลย เพราะลูกศิษย์นักเทศน์แห่กันมาหมด เทศน์ ๕๐๐ ธรรมาสน์ ก็ต้องมา ๕๐๐ รูป มาถึงก็ถวายผ้าไตร ๑ ไตร เงิน ๑๐๐ บาท สมัยนั้นก๋วยเตี๋ยว ๒ ชาม ๕ สตางค์ ๑๐๐ บาท นี่ประมาณแสนบาทสมัยนี้น่าจะได้ ค่าของเงินใหญ่กว่ากันมาก

หลวงพ่อท่านจัด ลูกศิษย์เอาเงินมาให้ห้าหมื่น เพราะว่าคนละร้อยใช่ไหม ? โวทานธรรมาจารย์ แปลว่าอาจารย์
ผู้ให้ทานทางธรรม คือให้ธรรมเป็นทาน"

เถรี 27-07-2017 09:55

ถาม : หนูเคยฝึกมโนมยิทธิตอนสมัยเรียนอยู่ ตอนนี้กลับมาทำใหม่ เหมือนเราปฏิบัติได้ไม่นาน มีอาการตกใจเวลาทำสมาธิ ?
ตอบ : ไม่ใช่ตกใจ นั่นคืออาการที่สมาธิเริ่มทรงตัวแต่สติตามไม่ทัน จะรู้สึกเหมือนวูบตกจากที่สูง (ใช่ค่ะ) ให้เอาความรู้สึกทั้งหมดของเรา จดจ่ออยู่ที่ลมหายใจเข้าออก ถ้าเผลอเมื่อไรก็หล่นอีก แต่ถ้าก้าวข้ามไปได้ก็จะไม่เป็นอีก เกาะลมให้ติด ๆ เอาไว้ อย่าเผลอห่าง ห่างเมื่อไรก็วูบเมื่อนั้น

ถาม : จะเป็นทุกครั้ง ?
ถาม : ถ้าหากว่าก้าวข้ามไปได้เมื่อไรก็จะไม่เป็นอีก ทิ้งไปนานก็ลำบากอย่างนี้แหละ แต่ไม่เป็นไร...มีพื้นฐานเก่าอยู่แล้วกลับมาก็ยังง่ายกว่าคนอื่น

เถรี 27-07-2017 18:18

ถาม : สัญญากับปัญญา เป็นอย่างไรครับ ?
ตอบ : สัญญาคือจำได้ ปัญญาคือทำได้

ถาม : ญาณละครับ ?
ตอบ : ญาณ เป็นเครื่องรู้พิเศษที่เกิดขึ้น มีผลมาจากฌาน เรียกว่าเป็นส่วนประกอบที่ทำให้เกิดปัญญาก็ได้

เถรี 27-07-2017 20:43

ถาม : เวลาที่เรากำลังจะตาย ถ้าภาวนาพระคาถาสั้น ๆ จะมีโอกาสขึ้นที่สูงหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : สำคัญที่สุดคือทำให้คล่องตัวก่อนตาย ถ้าจะตายแล้วคิดไปทำตอนนั้นไม่รอดสักราย

ถาม : คล่องตัวขนาดไหนครับ ?
ตอบ : ขนาดทรงอารมณ์ได้ทุกเวลาที่ต้องการ

เถรี 27-07-2017 21:42

ถาม : การแบ่งคำภาวนาสั้นยาว แบ่งแบบไหนครับ ?
ตอบ : อย่างไรก็ได้ ให้ไปตามลมหายใจโดยไม่สะดุดก็ใช้ได้ แต่ละคนไม่จำเป็นต้องทำเหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องไปวรรคในที่เดียวกัน ไม่จำเป็นต้องไปหยุดแบบเดียวกัน

ถาม : ถ้าเราสร้างคำภาวนาให้ลมหายใจสัมผัสได้ไหมครับ ?
ตอบ : ทำ...ทำแล้วจะรู้ว่าได้หรือไม่ได้


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 18:48


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว