กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เรื่องธรรมะ และการปฏิบัติ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=20)
-   -   กาลเวลาย่อมกลืนกินสรรพสัตว์พร้อมทั้งตัวของมันเอง (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=1235)

เถรี 23-04-2010 18:37

ดีค่ะ เจอนักท่องเที่ยวแบบนี้ พี่รัตน์จะได้ผอม ๆ :55318906:

วาโยรัตนะ 23-04-2010 18:38

อ้างอิง:

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ เถรี (โพสต์ 42560)
ดีค่ะ เจอนักท่องเที่ยวแบบนี้ พี่ัรัตน์จะได้ผอม ๆ :55318906:

ทุกวันนี้ก็ผอมแล้ว:onion_no:

วาโยรัตนะ 24-04-2010 10:58

ดูนก ภาคสอง (บ่นไปตามเรื่อง)

คุณ ๆ รู้หรือเปล่าครับว่า กระผมแก้ปัญหาอย่างไร แขกได้ดูนกแต้วแล้วธรรมดาจริง ๆ คาตากันเลย แต่ผมก็ยังงงว่า สายตาฝรั่งไม่ดีเท่าสายตาคนไทยหรืออย่างไร นกยืดอกให้ถ่ายภาพ พี่แกยังมองไม่เห็น อธิบายตำแหน่งกันอยู่นานจน นกบินไปแล้ว......เวร! ผมเองไม่ใช่ผู้ที่ชำนาญการเป็นพิเศษอะไร อาศัย "ใจกล้า หน้าด้าน" เท่านั้นครับ แต่ที่สำคัญที่สุดคือ กระผมขอบารมีพระท่านช่วยตลอด ในแต่ละพื้นที่ที่ทำงานก็พยายามจับภาพพระให้พอเบา ๆ เอาสบาย ๆ ในจิต ถือเป็นการทำกรรมฐานแบบลืมตาครับ แล้วก็อุทิศบุญถวายเทวดา และขอบารมีเทวดาท่าน ให้ท่านช่วยให้ท่านสงเคราะห์ งานนี้ตื่นตั้งแต่ตีสี่แทบทุกวัน เพราะต้องออกดูนก กันตั้งแต่เช้าตรู่ ตั้งแต่หกโมงเช้า ไล่ไปจนสิบเอ็ดนาฬิกา จึงตั้งใจทำกรรมฐานก่อนออกไปทำงานทุกครั้งครับ ส่วนวัตถุมงคลนั้น พกไปเต็มอัตราศึก เพราะไปอยู่ในพื้นที่ต่างศาสนา งานนี้ไม่ประมาทเป็นดีที่สุด หลังกรรมฐานทุกครั้งก็ ตั้งใจอุทิศให้ก็เหล่าเทวดาและความเป็นทิพย์ในบริเวณนั้น ๆ แต่เท่าที่กระผมเดินป่าเข้าไปในพื้นที่ต่าง ๆ มานั้น ต้องขอบอกว่า "บึงลับแล" เป็นสถานที่ ที่สัมผัสถึงความเป็นทิพย์ของเทวดา รุกขเทวดา ได้มากที่สุดเท่าที่กระผมเคยสัมผัสได้มา (อันนี้เป็นความคิดเป็นส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณครับ อย่าใช้ "ยานโตงเตง" แบบกระผม.....:l43841274qn5:)

เจอฝรั่งด่าเป็นชุดเหมือนกันครับ เวลาเขาไม่เห็นนกที่เขาต้องการ แต่วันไหนที่เขาเจอนก ที่เขาประทับใจ เขาก็ชม...เวร! ผมเองก็แทบจะประทับทรงหลายต่อหลายครั้งเช่นกัน กะว่าจะทรง "นายขนมต้ม" ครับ นี้แหละครับ ด้วยความพยายามและด้วยการข่มจิตข่มใจด้วยธรรมะ ทุกสิ่งทุกอย่างก็ค่อย ๆ บรรเทาลงอย่างมีสติ

ผมพาลงเรือแคนนู ไปดูนกบริเวณ คลองสก ตั้งแต่เช้าตรู่ สองวัน ด้วยความสวยงามขอธรรมชาติยามเช้า สายน้ำไหลเอื่อย ๆ หมอกจาง ๆ และควัน ตัดกับทิวเขาหินปูนรูปทรงประหลาด เสียงนก เสียงชะนี ร้องกันระงม ธรรมชาติบ้านเราที่ยังดีก็มีอยู่ แต่น่าเสียดายที่เสียหายไปก็มาก............

"มีสติกับขาดสติ มันอยู่ห่างกันนิดเดียวเท่านั้นครับ" เท่าแต่ว่าเราจะเลือกอยู่ทางด้านไหนครับ:875328cc:

วาโยรัตนะ 27-04-2010 07:26

อย่างหนึ่งที่กระผมมีความรู้สึกโดยความคิดเห็นส่วนตัว ขอย้ำว่าโดยความคิดเห็นส่วนตัวครับ ว่าในป่าหรือในพื้นที่ใดก็ตาม ที่บุคคลในพื้นที่นั้น ขาดความเคารพในพระรัตนตรัยแล้ว พื้นที่นั้นหาความเจริญทางจิตใจของผู้คนได้ยากจริง ๆ

วันที่ห้าของการดูนก ได้ผ่านไปที่วัดถ้ำวราราม เห็นความเจริญคืบหน้าของการปรับปรุงศาลาการเปรียญให้เป็นพระอุโบสถแล้ว ก็สร้างความชื่นใจเป็นยิ่งนัก บุญที่ทุกท่านได้ร่วมสร้าง ก่อร่างสร้างผลให้เห็นเป็นรูปธรรมได้อย่างชัดเจน เสียที่ไม่ได้มีโอกาสเข้าไปดูภายใน ว่ามีการปรับปรุงไปถึงไหน......ฝรั่งเขารีบไปดูนก

งานนี้กระผมต้องยอมรับว่า กระผมขาดความชำนาญในเรื่องการหา "นกแต้วแล้วทุกชนิด" ขอย้ำว่า ฝรั่งท่านนี้เขาต้องการดู "นกแต้วแล้วทุกชนิด" ในโลกนี้มีนกแต้วแล้ว ๑๒ ชนิด ในประเทศไทยพบ ๖ ชนิด ในเขตพื้นที่ป่าใหญ่แห่ง เขาประ-บางคราม งานนี้เลยต้องขอคุยกับฝรั่งกันแบบเจอกันครึ่งทาง เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุด

กระผมเองยอมจ่ายค่าแรงของกระผมในส่วนที่เหลือนับเป็นวันกันไปเลย เพื่อจะไปจ้างนักวิจัยที่ทำงานอยู่ในพื้นที่ อุทยานแห่งชาติเขาประ-บางคราม อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ เพื่อให้ผู้ที่มีความชำนาญในพื้นที่และรู้ข้อมูลในเชิงลึก เป็นผู้พาแขกไปดูนกแทน ซึ่งนี่คือความรับผิดชอบของกระผม ที่ต้องสร้างความพึงพอใจให้กับแขกและด้วยความเข้าใจว่า เขาข้ามน้ำข้ามทะเลมา ก็เพื่อความประสงค์ในการถ่ายภาพนกชนิดนี้

งานนี้เงินค่าแรงส่วนของกระผมส่วนหนึ่ง ยังต้องจัดจ่ายเป็นสินน้ำใจในโครงการวิจัยนกแต้วแล้วท้องดำให้กับหัวหน้าอุทยานท่านด้วย ยังดีที่ยังมีการวิจัยนกประเภทนี้ เพื่อการอนุรักษ์และขยายพันธุ์

สุดท้ายทุกอย่างก็จบด้วยมิตรภาพที่ดีและตั้งอยู่บนความสุขของทุก ๆ คน นี้คือการแก้ปัญหาแบบมีสติและดีที่สุดแล้วที่กระผมทำได้ในงานนี้

เด็กเมื่อวานซืน 27-04-2010 09:08

อ้างอิง:

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ วาโยรัตนะ (โพสต์ 42558)
ฝรั่งคนนี้เขาเรียกว่าเป็น นักดูนก แต่ไม่ชอบเดินป่า ไม่ชอบอากาศร้อน ไม่ชอบสะพายกล้องหรือข้าวของอื่น ๆ ของตัวเอง แต่ก็ถูกของเขานะครับ เพราะเขาบอกว่า เขาคือนักดูนก คือดูอย่างเดียว อย่างอื่นไม่เอา ไม่เดิน ไม่แบก ไม่สะพาย ก็เลยกลายเป็นกรรมของผม

นึกถึงบทบาทของ "นายไข่" ในภาพยนตร์ "มหาลัยเหมืองแร่" ขึ้นมาเลยครับ

วาโยรัตนะ 27-04-2010 10:59

อ้างอิง:

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ เด็กเมื่อวานซืน (โพสต์ 42790)
นึกถึงบทบาทของ "นายไข่" ในภาพยนตร์ "มหาลัยเหมืองแร่" ขึ้นมาเลยครับ

มหาลัยเหมืองแร่ เป็นภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่ง ที่ถ่ายทอดให้เห็นความเป็น "ปักษ์ใต้" ในยุคการทำเหมืองแร่ดีบุกที่เฟื่องฟูที่สุด ภาพยนต์เรื่องนี้ทำให้เห็นความหมายของคำว่า "ฝนพังงา ฟ้าภูเก็ต" คือสิ่งที่ไว้ใจไม่ได้เลย ได้อย่างชัดเจน แต่ปัจจุบัน ภาพเหล่านี้กำลังจะหายไปครับ เพราะฝนก็มาไม่ถูกต้องตามฤดูกาลเหมือนแต่ก่อน ฟ้าใส ๆ ที่ภูเก็ตก็กำลังเปลี่ยนไป เพราะสภาพของสวนยางโดนแทนที่ด้วยหมู่บ้านและคฤหาสน์หลังโต ๆ ราคาแสนแพง ที่ผุดขึ้นราวดอกเห็ด เพื่อรอขายเอากำไรจากชาวต่างชาติ ได้มาแต่เม็ดเงินที่ตกอยู่เฉพาะในกลุ่มนายทุน แต่สูญเสียอะไรต่อมิอะไรไปอีกหลายอย่าง ที่ยากจะหวนคืนได้

วาโยรัตนะ 27-04-2010 15:50

อ้างอิง:

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ สุธรรม (โพสต์ 42840)
:onion_no: กลายเป็นหนัง "ดรามา" ไปแล้ว..!

:msn_smilies-15: ขออภัยขอรับ มันมีความรู้สึกร่วมไปกับบทภาพยนต์ "นายไข่" ในเรื่องมหาลัยเหมืองแร่ มากไปหน่อยขอรับว่าจะเขียนเรื่อง "ธรรมะของนกโพระดก" ก็กำลังเตรียมขอข้อมูลอยู่ขอรับ

เทวคันธี 27-04-2010 17:19

:onion_yom:เอามงคลสูตรให้จบก่อนดีไหมพี่ อิอิอิ...

วาโยรัตนะ 27-04-2010 22:26

อ้างอิง:

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ใจสบาย (โพสต์ 42887)
:onion_yom:เอามงคลสูตรให้จบก่อนดีไหมพี่ อิอิอิ...

ถ้าจะเรียน "สูตรน้ำอัดลมโบราณ" เอาดอกไม้ธูปเทียนมาด้วยนะครับ พร้อม "โคโยตี้" มาเต้นแก้บนหนึ่งชุดใหญ่ครับ

เทวคันธี 28-04-2010 09:09

เอาขุนแผนโคโยตี้ก็จะดีกว่านะครับท่านพี่...:onion_wink::70bff581:

วาโยรัตนะ 05-05-2010 20:33

แทบทุกวันตอนเช้าก่อนแปดโมง ผมจะนำปิ่นโตรุ่นเก่าแบบสังกะสี ขับ "รถเครื่อง" (ภาษาท้องถิ่นของภูเก็ต ที่ใช้เรียกรถจักรยานยนต์) ขับออกจากบ้านไปคนเดียวบ้าง ถ้าโอกาสดีก็ไปทั้งครอบครัว แวะซื้ออาหารแล้วนำไปตักบาตรถวายหลวงพี่

ทัดฤทธิ์: หลวงพี่ครับ วันพระนี้น้ำมันตามประทีปพอหรือไม่ขอรับ

หลวงพี่ : เอาตามมีตามเกิดนะโยม

ทัดฤทธิ์: กระผมนำรูป หลวงพ่อเงินไหลมาไปลงในกระทู้แล้วขอรับ ขอบารมีท่านช่วยขอรับ ต่อไปเรื่องน้ำมันตามประทีป หลวงพี่จะได้เบาใจได้ขอรับ

หลวงพี่: บารมีองค์สมเด็จท่านช่วยอยู่แล้วโยม นั้นสิ! เวลาอาตมาไปเช็ดทำความสะอาดหรือไปกราบใกล้ ๆ พระองค์ท่าน อาตมารู้สึกอยู่...........

ทัดฤทธิ์: หลวงพ่อเล็กสอนพวกกระผมเสมอว่า ให้ช่วยกันทะนุบำรุงพระพุทธศาสนา อย่ารอให้เป็นแต่หน้าที่ของพระของเณร เราเป็นฆราวาสก็ช่วยได้

หลวงพี่: สาธุ พุทโธ ๆ

วาโยรัตนะ 05-05-2010 20:34

มันน่าจะเปลี่ยนเป็นชื่อ "เทวขันที" นะครับท่าน:onion_wink:

เทวคันธี 06-05-2010 08:08

อ้างอิง:

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ วาโยรัตนะ (โพสต์ 43605)
มันน่าจะเปลี่ยนเป็นชื่อ "เทวขันที" นะครับท่าน :onion_wink:

.....ขอบคุณที่แนะนำนะพี่...:onion_no::215ad82f:

เทวคันธี 06-05-2010 08:16

อุตตรเถราปทานที่ ๖ (๕๕๖)

ว่าด้วยบุพจริยาของพระอุตตรเถระ

[๑๔๖] พระผู้มีพระภาคสัมพุทธเจ้า
พระนามว่า สุเมธะ ทรงประกอบด้วยพระวร-
ลักษณะ ๓๒ ประการ ทรงพอพระทัยในความ
วิเวกเสด็จเข้าไปยังหิมวันตประเทศ

พระมุนี ผู้เป็นบุรุษสูงสุด ทรงประกอบ
ด้วยพระกรุณา ผู้เลิศ ครั้นถึงหิมวันตประเทศ
แล้ว ประทับนั่งขัดสมาธิ.

ในกาลครั้งนั้น ข้าพเจ้า เกิดเป็นวิทยาธร
สามารถแม้เหาะไปในอากาศได้ ถืออาวุธวิเศษ

เทวคันธี 06-05-2010 08:19

คือตรีศูลอันคมฉกาจนัก ในเวลานั้น ข้าพเจ้า
กำลังเหาะท่องเที่ยวไปในอัมพร.

พระพุทธเจ้า ทรงยังป่าหิมวันต์ให้สว่าง
กระจ่างแจ้งอยู่ เสมือนกองไฟที่ลุกโพลงอยู่บน
ยอดภูเขา เสมือนแสงแห่งดวงจันทร์ที่กำลังเต็ม
ดวง หรือเสมือนต้นพญาสาละที่มีดอกกำลังบาน
เต็มต้นฉะนั้น.

จิตของข้าพเจ้าเลื่อมใส เพราะได้เห็น
พระพุทธเจ้า ผู้กำลังเสด็จออกมาจากป่า มีพระ-
พุทธรังสีกำลังซ่านออก ดุจดังแสงไฟที่กำลังเผา
ไหม้ป่าต้นอ้อฉะนั้น.

ข้าพเจ้าได้ถือเอาดอกไม้ ๓ ดอก คือ
ดอกทานตะวัน ดอกกรรณิการ์ และดอกเทว-
คันธีมาบูชาพระพุทธเจ้า
ผู้ประเสริฐ.


เพราะอานุภาพของพระพุทธเจ้า ในขณะ
นั้น ดอกไม้ทั้งสามดอกของข้าพเจ้า ได้ทำขั้ว
ขึ้นเบื้องบน เอาดอกลงเบื้องล่าง ทำเป็นดังร่ม
บังเงาให้พระศาสดา.

เพราะกรรมที่ข้าพเจ้า ได้กระทำมาดี
แล้วนั้น ประกอบกับที่ข้าพเจ้าตั้งเจตนาไว้ดี
ฯลฯ


ที่มา พระไตรปิฎก ใน http://www.palungjit.com/tripitaka/d...hp?cat=7200285 ...

วาโยรัตนะ 17-05-2010 06:25

วันเวลามันช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วเสียเหลือเกิน นี้ก็ใกล้วัน วิสาขบูชา เข้ามาแล้วทุกขณะ กระผมตั้งกระทู้เชิญชวนมหาชนถวายน้ำมันตามประทีป แต่ในอีกมุมหนึ่งของประเทศไทย ขวดแก้วใส่น้ำมันก๊าซแถมบรรจุเศษผ้าแล้วจุดไฟลอยว่อนไปกลางอากาศไปตามแต่วัตถุประสงค์ของผู้ขว้าง มันช่างเป็นมุมที่ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง........

ย้อนกลับมาดูผลกระทบแล้วมันจะมีงานมาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องหรือไม่......มันก็ต้องพยายามพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ดีจะได้มีเวลาภาวนาให้เยอะ ๆ ตั้งแต่วันที่ ๒๘ พฤษภาคมจนถึง ๕ มิถุนายน เป็นเวลาเก้าวัน ที่จะได้ตั้งจิตตั้งใจในการตามประทีปบูชาพระรัตนตรัยและพระบรมสารีริกธาตุ ตลอดจนการปฏิบัติภาวนา ซึ่งกระผมเอง ก็กำลังวางแผนเรื่องของการปฏิบัติในช่วงเก้าวันนั้นควบคู่ไปด้วย หากกำลังใจมันเต็ม ก็ว่าจะถือศีลแปดเก้าวัน

ก็คงจะได้นำเขียนบอกกล่าวเล่าให้ฟังตามเรื่องตามราวต่อไปครับ

วาโยรัตนะ 26-05-2010 22:08

สรุปยอดเงินทำบุญถวายน้ำมันตามประทีป ๒๘,๕๗๕.๔๔ บาทครับ

วันนี้กระผมได้สั่งซื้อ น้ำมันมะพร้าวตรากระต่ายขาวจำนวน ๔๗ ปี๊บ เรื่องที่น่าตกใจคือ ราคาปรับเป็น ๖๒๓ บาทต่อปี๊บ แต่พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสบุญ ก็คือกระผมจะได้ร่วมทำบุญเพิ่มเติมอีกครับ

พรุ่งนี้กระผมต้องขนน้ำมันทั้งหมดขึ้นท้ายรถกระบะ นำไปถวายท่านบนเขา การเตรียมงาน หรือหากจะพูดถึงการตามประทีปบูชาพระรัตนตรัยและพระบรมสารีริกธาตุนั้น โดยเฉพาะวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาแล้ว ต้องมีการเตรียมความพร้อมเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการจัดเตรียมทำความสะอาดสถานที่ การทำความสะอาดโคมแก้วประทีปแต่ละดวง หลวงพี่ท่านสอนเสมอว่า
"แก้วที่สะอาดโยมจะเห็นว่า เวลาตามประทีปนั้น แสงจะนวลสว่างใสสะอาดตา สะอาดใจ สำคัญนะโยม ได้อานิสงส์มากด้วย" กระผมเลยถือโอกาส ถวายโคมแก้วจำนวน ๑ โหล ก็ขอทุกท่านร่วมโมทนาครับ

งานทุกอย่างหลวงพี่ท่านจะลงมือทำเอง จะมีลูกมือช่วยบ้างก็ตามแต่ว่าใครจะว่างขึ้นมาช่วย งานนี้เก้าคืน ก็ถือเป็นโอกาสพิเศษที่จะเร่งปฏิบัติภาวนา ช่วงนี้กระผมตื่นขึ้นไปปฏิบัติบนเขาตั้งแต่ตีสี่ สังเกตอารมณ์ใจหลายต่อหลายครั้งแล้วว่า แต่ละวันที่ไปนั่งสมาธินั้น
วันไหนวันพระหลวงพี่ท่านตามประทีปครบทุกดวง อารมณ์ใจที่นั่งภาวนากลางศาลาที่ตามประทีปก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง วันไหนที่หลวงพี่ตามประทีปแค่รอบ ๆ พระประธานอารมณ์ในการภาวนาก็เป็นอีกแบบ

หลวงพี่ : "โยมนี่ถือว่ามายุคหลัง ๆ แล้ว เมื่อก่อนตอนทุ่มตรง หลวงพี่ต้องให้ญาติโยม ออกจากศาลาให้หมด ช่วงนั้นยุคบุกเบิก ความเป็นทิพย์ตรงนี้เขายังดุอยู่...แต่ถ้ากลางค่ำกลางคืนโยมจะขึ้นมาภาวนาก็มาได้ตามสะดวกเลยนะ มาเถอะถึงเวลาของโยมแล้ว ตั้งใจปฏิบัติได้แล้ว"

ทัดฤทธิ์: :d1eef220:

และแล้วคืนหนึ่ง ช่วงตีห้ากว่า ๆ ช่วงที่กำลังภาวนา "แบบเข้าด้ายเข้าเข็ม"
ซวบ! ซวบ! ซวบ! เสียงเหมือนฝีเท้าคนเดินแล้วก็หยุด ดังอยู่ในเขตแนวป่าทางด้านขวามือของผม ซึ่งปกติบางทีผมเกิดอารมณ์แบบอยากจะลองใจตัวเอง แทนที่จะนั่งหลับตา ผมก็ภาวนาแบบลืมตาแทน มองไปที่แนวต้นกล้วยป่า ซึ่งอยู่ข้าง ๆ แนวหน้าต่างบานใหญ่ ความมืดกับกอกล้วยกอใหญ่ แล้วอาบด้วยแสงจากดวงประทีปที่ส่องออกไป "โอ้...."มันพาจิตนาการกระเจิดกระเจิงไปต่อไหนถึงไหน "จิตที่ส่งออกแบบไร้สติ" อันนี้หลวงพ่อท่านเคยกล่าวเอาไว้ว่าไม่ดี

แถมในใจยังคิดแบบขาดสติอีก "ออกมาสิ พ่อจะเป็นลมให้ดู" แต่แล้วก็ไม่เจออะไรสักที แต่วันนี้เจอเสียงฝีเท้าเข้าไป อารมณ์มันกระเจิงเลย ต้องรีบดึงกลับมาให้อยู่กับคำภาวนา เอาความนิ่งกับคำภาวนาเข้าข่ม อยู่ ๆ มันก็มีเสียง แกรก ๆ ดังขึ้นอีก แล้วก็เงียบไป
ช่วงไม่กี่คำภาวนา ก็มีเสียงเหมือนคนเอาอะไรเคาะถังพลาสติก......แทนที่จิตมันจะกระเจิงคราวนี้มันกับดิ่ง "ในใจก็คิดไปว่า ตายก็ตายวะ หมามันยังไม่กลัวผีเลย แถมคาบเอากระดูกผีมาแทะกินอีก อายหมาบ้างสิ" อยู่ ๆ ในจิตมันก็มีตัวสติขึ้นมาแบบไม่คาดคิด มันลำดับเหตุการณ์ออกหมด จนรู้แน่ว่า เป็นเสียงของพม่าที่เดินกรีดยางและเก็บน้ำยาง อยู่บริเวณใกล้แนวเขตศาลานั้นเอง

เล่ามาเนิ่นนาน อยู่ ๆ ระบบความคิดมันตัดลงแบบดื้อ ๆ เข้าไปสู่ความนิ่ง แถมจิตมันรู้ขั้นตอนด้วยว่ามันตัด ตอนนี้เป็นแบบนี้บ่อยมากครับ

"นิ่งเป็นตัด ขยับเป็นพิจารณา"

วาโยรัตนะ 27-05-2010 20:06

วันกระผมได้นำน้ำมันจำนวน ๔๗ ปี๊บ ไปถวายหลวงพี่ท่านแล้ว ขนขึ้นท้ายรถกระบะ ๔ เที่ยว เล่นเอาเหนื่อย แต่อิ่มบุญครับ

พรุ่งนี้จะถ่ายภาพมาให้ทุกท่านร่วมโมทนาครับ

ทิดตู่ 27-05-2010 20:51

อ้างอิง:

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ วาโยรัตนะ (โพสต์ 45742)
วันกระผมได้นำน้ำมันจำนวน ๔๗ ปี๊บ ไปถวายหลวงพี่ท่านแล้ว ขนขึ้นท้ายรถกระบะ ๔ เที่ยว เล่นเอาเหนื่อย แต่อิ่มบุญครับ

พรุ่งนี้จะถ่ายภาพมาให้ทุกท่านร่วมโมทนาครับ

ผ่านช่วงนี้ไปได้ ขอให้พี่รัตน์มีชีวิต จิตใจ และสติปัญญา รุ่งโรจน์โชติช่วงชัชวาลแจ่มใส เงินทองไหลมาไม่ขาดสายจากการที่ได้อานิสงส์ไปเติมน้ำมันนะครับ :onion_wink::onion_love:

วาโยรัตนะ 28-05-2010 04:58

ขอบคุณมากครับ ทิดตู่ ช่วงนี้ต้องเร่งปฏิบัติขึ้นอีก งานทางโลกไม่ค่อยมี ก็ถือเอางานทางธรรมมาพิจารณาและภาวนาต่อไปครับ


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 16:03


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว