กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๒ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6823)

เถรี 08-12-2019 22:02

"พอกินข้าวปลาอาหารเสร็จ มัคคุเทศก์มาถึงก็ขนข้าวของขึ้นรถ เขาบอกเลยว่าของใช้ส่วนตัวให้เอาติดตัวไว้นะ เราจะไม่ได้เจอรถคันนี้อีก ๒ วัน ให้รีบจัดกระเป๋าเอาไว้แต่เนิ่น ๆ แล้วก็วิ่งฝ่าอากาศหนาวไป

ความจริงรถที่มีฮีตเตอร์ไม่ค่อยดีตรงที่ว่า พออยู่ในรถแล้วอุ่นมาก แต่พอลงจากรถมาหนาวแทบตาย มือไม้ชาหมด พอลงมาก็เจอคนขายของ แหม...อากาศยังมืด ๆ อยู่ ยังไม่ทันจะมองหน้าเห็นกันชัดเลย มายืนขายของแล้ว

ดูสินค้าหลักเขาว่ามีอะไรบ้าง ออกซิเจนกระป๋อง มาทีเป็นถาดเลย ไม้เทร็กกิ้ง (ไม้เท้าเดินป่า) เสื้อกันลม ดูท่าว่าศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก ถ้าตั้งรับมิดีเห็นทีจะเสียกรุงเป็นมั่นคง..!

ข้าวของที่เขาขายบอกให้รู้เลยว่าเราต้องใช้อะไรบ้าง พวกเราหอบหิ้วกระเป๋าตรงเข้าไปอาคารข้างหน้า ทันทีที่มองเห็น ทุกคนร้องเป็นเสียงเดียวกัน “เบอร์เกอร์คิง” แต่ขอโทษ ๐๗.๓๐ น. เขายังไม่เปิด..จงอดต่อไป

ใครพกเสบียงอะไรมาก็กินอย่างนั่นแหละ อาตมาพกกระบอกน้ำร้อนไป ๒ กระบอก ใส่น้ำร้อนเต็ม ข้าวกล่องอีก ๒ กล่อง แต่ข้าวกล่องเมืองจีนหนักมาก กล่องละครึ่งกิโลกรัม พวกเราประมาณ ๔ คนถึงจะกินหมด แล้วยังมีผู้หวังดียัดแอปเปิ้ลมาให้อีก ๓ ลูก ส้มอีก ๔ ลูก อื้อหือ...ไม่คิดเลยว่ากูจะแบกไหวไหม..! เอ้า...แบกก็แบกวะ"

เถรี 08-12-2019 22:21

"ปรากฏว่าต้องไปขึ้นลิฟต์ ด้วยความเคยชินขึ้นลิฟต์ของเราก็ต้องกดขึ้นข้างบนใช่ไหม ? แต่นี่ของเราจากชั้น ๒ กดขึ้นไปชั้น ๕ แต่ลิฟต์วิ่งลง บ้านเอ็งบ้าดีว่ะ..! มีลิฟต์วิ่งลงด้วย แล้ววิ่งลงไปชั้น ๓-๔-๕

เช้าขนาดนั้น หนาวขนาดนั้น แต่มีนักท่องเที่ยว ๓๐๐-๔๐๐ คนแล้ว แย่งกันเข้าคิวไปเถอะ ใครจะได้เข้าลิฟต์ก่อน มุดเข้าไปแล้วน้ำหนักเกินก็ไม่ค่อยจะมีใครอยากจะเสียสละออกให้หรอก จนกระทั่งพวกเราที่จับกันเป็นกลุ่ม มัคคุเทศก์บอกว่าให้แยก ๆ กันไป แล้วไปเจอกันข้างนอก พอออกจากลิฟต์แล้วให้รอกันด้วย

พอออกจากลิฟต์แล้วกรูกันไปนอกอาคาร รู้สึกว่าโชคดีมากเลยที่วันนี้เรามีทั้งถุงมือ มีทั้งถุงเท้า มีทั้งหมวก ไม่อย่างนั้นได้หนาวตายเป็นแน่ เพราะว่าอากาศเย็นได้ใจขนาดนั้น

มัคคุเทศก์อีริคของเราหุ่นก็เหมือนหมีแพนด้าอยู่แล้ว เพราะน้ำหนักได้ ๑๐๐ กิโลกรัมพอดี ไม้ที่เขาถือเป็นธงให้ลูกคณะเดินตามก็ดันห้อยรูปหมีแพนด้าไว้อีก เอาที่พี่สบายใจเลย...!"

เถรี 08-12-2019 23:01

"ให้ Eric กับคุณตั้วซึ่งเป็นหัวหน้าคณะทัวร์ไปติดต่อเรื่องตั๋วซึ่งที่จองมาแล้ว ไปประเทศจีนจำไว้เลยว่า ให้โหลดแอพฯ ของวีแชทไปด้วย ทุกอย่างใช้วีแชทได้หมด แม้กระทั่งจองตั๋ว จ่ายเงิน อะไรสารพัด อย่าไปหวังว่าจะใช้ไลน์ แล้วก็อย่าไปหวังว่าจะใช้กูเกิ้ล ประเทศจีนไม่มีให้ใช้ มีแต่วีแชท ยกเว้นว่าคุณจะซื้อซิมนานาชาติซึ่งก็เปลืองเงินอีกนั่นแหละ

แต่จะว่าไปแล้วบริเวณนั้นเขาจัดสถานที่ได้น่ารักมาก มีรูปชนเผ่าต่าง ๆ มีหมีแพนด้า มีจามรี ทำเป็นตัวการ์ตูนเรียงไว้ให้ถ่ายรูป ระหว่างที่ต้องรอตั๋วเพราะว่าคนเยอะมาก พอได้ตั๋วมาแล้วก็เดินเข้าซอง ถือตั๋วไปคนละใบ เก็บเอาไว้ให้ดีนะ สองวันนี้ใช้ตั๋วใบนั้นแหละ

อุตส่าห์เดินตามซองเข้าไปไกล ไปติดแหง็กอยู่ที่หนึ่ง ที่ตรงนี้ต้องขึ้นบันไดเลื่อน นึกไปนึกมา อ๋อ...เราอยู่ชั้น ๒ แล้วเมื่อครู่ลิฟต์ดำดินมาชั้น ๕ ปรากฏว่าชั้น ๕ คือพื้น แล้วนี่เรากำลังขึ้น ตกลงว่าบริเวณที่เราอยู่น่าจะเป็นหุบเขา จากพื้นปกติจึงต้องลงลิฟต์ไป พอโผล่ออกมาก็เหมือนกับพื้นทั่วไป ไม่ทันได้สังเกตเพราะกว้างมาก ตอนที่ขึ้นบันไดเลื่อนไป ๒ ชุดถึงได้รู้ว่าขึ้นไปสูง จากบันไดเลื่อนก็ไปเข้าซองต่อ แล้วก็ไปผ่านด่านตรวจ ก็คือเครื่องนับจำนวนคนนั่นแหละ แต่ต้องเอาบัตรของเราไปแปะให้ดังปื๊ด แล้วเครื่องก็หมุนให้เดินผ่านไปได้

พอเดินผ่านไป Eric ก็บอกว่าให้รวมพลกันตรงนี้ก่อน พวกเราควรจะไปรถคันเดียวกัน รอจนกระทั่งมากันครบก็เดินตามซองเข้าไปจนกระทั่งถึงที่ขึ้นรถ ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่จัดคนขึ้นรถ จะกวาดพวกเราบางส่วนให้ไปก่อน Eric ก็รีบเข้าไปล้งเล้งกันประสาคนจีนคุยกันนั่นแหละ พูดอย่างกับบ้านเราทะเลาะกัน เสียงดังฉิบหา.! ท้ายสุดก็ต้อนเราออกไปข้าง ๆ แถวที่เขายืนรอ ให้คนอื่นเขาขึ้นไปเต็มรถคันนั้นก่อน"

เถรี 12-12-2019 19:13

"พอรถคันถัดไปวิ่งมา คณะเราถึงได้ขึ้น รถก็วิ่งคดเคี้ยวไปตามป่าตามเขา เลาะหุบเหวไปเรื่อย อย่าคิดว่าใกล้ ๆ นะ ๓๕ กิโลเมตร..! เขารักษาธรรมชาติดีมาก ไม่ให้มีรถอื่นเข้าไปเลย ใช้แต่รถของอุทยานวิ่งไป แล้วใช่ว่าจะถึงอุทยานเลยนะ ลงรถเข้าโรงแรมก่อน ตรงจุดนั้นเรียกว่า ย่าติงชวน (หมู่บ้านย่าติง) โรงแรมเขาชื่อ โม่ฝาน ชอบโรงแรมนี้มาก ของเก่าเขาเยอะ แค่เดินเข้าไป ฉากตรงด้านหน้าเป็นฉากสีแบบศิลปะทิเบต..เก่ามาก แผ่นนั้นถ้ามาถึงเมืองไทยคงราคาหลายแสน

พวกเราไปรับกุญแจ ฝากกระเป๋ากันเรียบร้อย เวลาเดินต้องค่อย ๆ ย่อง เดินแรงไม่ได้ อาตมาก็โชคดีเหลือเกิน..ได้อยู่ชั้นบน ต้องลากกระเป๋าขึ้นบันไดไป เสร็จสรรพเรียบร้อยลงมาก็เหลือแต่เป้ติดตัว แปลว่า ๒ วันจากนี้ เป้นี้ห่างตัวไม่ได้ พอเหวี่ยงเป้ขึ้นหลังก็หลุดพรืด...! หันไปดูปรากฏว่า..หูเป้ที่เป็นพลาสติกขาด หนาวจนพลาสติกกรอบหมด เวรแล้ว...จะทำอย่างไรดี ? ก็เลยเอาส่วนที่เป็นไนล่อนยาว ๆ จับมาลอดห่วงแล้วก็มัดเอาไว้ ไม่นึกว่าอากาศจะหนาวขนาดพลาสติกบ้านเรากรอบหมด

ไปรอรถ จะมีรถวิ่งผ่านรับนักท่องเที่ยวเป็นระยะ ๆ คันไหนมาก็ขึ้นได้ แต่ด้วยความที่พวกเราคิดว่าอย่างไรก็ต้องไปด้วยกัน จึงต้องรอคันที่ว่างพอให้ ๑๕ คนขึ้นได้ ขึ้นรถได้ก็วิ่งกันต่อไป ไปอีก ๑๕ กิโลเมตร สรุปแล้วจากตีนเขาตรงที่เราซื้อตั๋ว จนกระทั่งเข้าไปถึงหน้าสถานที่ ห่างกันถึง ๕๐ กิโลเมตร ระหว่างที่วิ่งพอพ้นเหลี่ยมเขาทีก็เห็นยอดเขาหิมะ เขาหิมะลูกนั้นเขาชื่อ หยางเหมยหย่ง คำว่า หยาง ไม่รู้เหมือนกันว่าหมายถึงแพะภูเขาหรือเปล่า ? เพราะว่าตอนที่เข้าไปเห็นว่าแพะภูเขาเยอะมาก ถ้าเป็นบ้านเราก็ประมาณพวกกวางผา

Eric บอกว่านั่นคือเป้าหมายของเรา เป็น Mountain of Wisdom ขุนเขาแห่งปัญญา อาตมาเองก็มองตั้งแต่ต้นยันปลายว่าลักษณะคล้าย ๆ ปิรามิด ปิรามิดนี่แทนปัญญาหรือเปล่า ? ยอดแหลม ๆ ตีความไปสารพัด ตีความก็ไม่สำเร็จ จนกระทั่งเดินไปถึงแล้วเพิ่งจะรู้ว่า ถ้ามึงมีปัญญาก็ไม่ควรที่จะเข้าไป ถ้าเข้าไปก็โง่ฉิบหา..เลย...! เดินเข้าไปเกือบตาย อย่าตีความแบบอาตมานะ เสียของเขาหมด"

เถรี 12-12-2019 19:20

"รถจากหมู่บ้านย่าติงพาไปลงหน้าอุทยาน แล้วพวกเราก็เดินต่อ ปรากฏว่าก้าวแรกเท่านั้นแหละ ได้ยินเสียงเปิดกระป๋องออกซิเจนสูดกันฟืดแล้ว ชีวิตคุณจะรอดไหมนี่...! บรรดาอาเฮีย อาเจ้ อาอึ้มก็ไม่สนใจใครเลยละ เดินเต็มถนนไปหมด ถ้ายังไม่ไปคนอื่นก็ไม่ต้องไป อาตมาก็คิดว่าดีเหมือนกัน ค่อย ๆ เดินตามเขาไป ไม่เหนื่อยมาก แต่รู้สึกเหมือนกันว่าอากาศไม่พอหายใจ ก็ใช้วิธีของเรา "อานาปานสติ" หายใจยาว ๆ นึกถึงองครักษ์ประจำตัวไว้..เจ้าที่ช่วยหน่อยครับ

เดินเลาะลำธารไป ซึ่งบริเวณนั้นจริง ๆ สวยมาก แต่ Eric เร่งให้เราเดินเร็วหน่อย บอกว่าเราต้องไปขึ้นรถข้างในอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งจะเป็นรถไฟฟ้า เพื่อป้องกันในส่วนของมลพิษที่จะเกิดขึ้นในอุทยาน เราก็ค่อย ๆ เดินรวมตัวกันไป บางคนก็เริ่มดมอออกซิเจนเพราะว่าไปไม่ไหวเหมือนกัน เลียนแบบคนจีนบ้างแล้ว ส่วนอาตมาเองออกซิเจนอยู่ในกระเป๋า ไกด์เขาแจกมาคนละกระป๋อง เขาไม่ได้คิดเลยว่าถ้าใช้เกินกระป๋องแล้วจะรอดไหม ?

เดินเข้าไปถึงสถานีด้านใน เป็นรถไฟฟ้าสีเขียวเหมือนกับมินิบัสบ้านเราเลย นั่งคันละ ๒๐ คน อาตมาเองก็เล็งว่าเบาะไหนที่มีผู้ชายนั่ง ปรากฏว่าเจ้าที่เมตตาเกินกว่าที่เราคิด เจ้าหน้าที่ของเขามาลากแขนอาตมาไปนั่งคู่กับคนขับ วิ่งเข้าไปจนกระทั่งเห็นยอดเจดีย์แบบทิเบตลิบ ๆ อาตมาก็นึกว่าเจดีย์ตั้งอยู่บนพื้น พอเข้าไปใกล้เพิ่งจะเห็นว่าเจดีย์สร้างอยู่บนหลังคาสำนักงาน..! บริเวณนั้นเขาเรียกว่า ทุ่งหญ้ารั่วหลง เป็นแหล่งชุ่มน้ำ ต้องบอกว่าเป็นภูมิประเทศที่เอื้อต่อการเติบโตของพืชและสัตว์เป็นอย่างยิ่ง

คราวนี้พอลงรถแล้วทุกคนก็รู้ว่าต้อง อัตตา หิ อัตตโน นาโถ พึ่งตัวเอง คุณตั้วบอกว่า “ไปตามกำลังนะครับ คนช้าให้ไปช้า คนเร็วก็ไปเร็ว ไม่ไหวหยุดก่อน อย่าไปเร่งตามคนที่เขาแข็งแรงกว่า ไม่อย่างนั้นเราจะน็อก”

เถรี 12-12-2019 19:27

"เขาก็มีพวกต้นไม้ใบหญ้า พืชพันธุ์ต่าง ๆ ให้ศึกษา แล้วก็มีสระน้ำ เราก็จะเห็นคนจีนเขาไปโพสต์ท่า เซลฟี่เองบ้าง ให้คนอื่นถ่ายรูปให้บ้าง อาตมาเดินตามเขาได้หน่อยหนึ่งได้ยินเสียง Eric ตะโกน บอกว่าให้มาทางด้านนี้ ด้านโน้นเดินไกล ถามว่าหมายความว่าอย่างไร เขาบอกว่าเดี๋ยวทางก็วกไปที่เดียวกัน ทางโน้นเดินอ้อมทุ่งหญ้าไปแล้วค่อยวกกลับมา ส่วนด้านนี้เดินมาหน่อยแล้วเดินไปตรง ๆ เลย ใกล้กว่าเยอะ ก็ต้องเชื่อมัคคุเทศก์ เพราะว่าเขาเคยไปมาหลายครั้งแล้ว

ปรากฏว่าพอเดินจนถึงที่จุดนัดพบ มีม้าให้เช่าราคา ๓๐๐ หยวน ก็ประมาณ ๑,๕๐๐ บาท มีคนช่วยกันเกลี้ยกล่อม “หลวงพ่อ...นั่งม้าเถอะ” เขาเดินไม่ไหว ไม่ใช่หลวงพ่อเดินไม่ไหวนะ เขาเองเดินไม่ไหว เดี๋ยวเขาจ่ายค่าม้าให้ รีบควักกัน คนแรกก็ควัก ๓๐๐ คนที่สองก็ ๓๐๐ คนที่สามก็ ๓๐๐ เลยชักจะเป็นพันขึ้นมา มัคคุเทศก์ก็ไปเจรจาขอเช่าม้า เจ้าหน้าที่เขาบอกว่า “Wait for horse feeding two hours” ต้องรอม้ากินอาหาร ๒ ชั่วโมง กูเดินเองดีกว่า...! ท้ายสุดก็ต้องเดินกันเอง

ปรากฏว่าทางเดินเขาทำได้อุบาทว์มาก คำว่าอุบาทว์ ของอาตมาก็คือเป็นทางตรง ๆ แล้วอยู่ ๆ ก็เป็นบันได ๒-๓ ขั้น ตรง ๆ แล้วก็เป็นบันได ๒-๓ ขั้น ถ้าเราเผลอมีร่วงแน่นอน เพราะจะไปคิดว่าเป็นทางราบ ๆ แล้วยังไม่ทันจะขาดคำ คนในคณะของเราก็ล้มจุ้มปุ๊ก
ลงไปเสียแล้ว เพราะว่าขั้นบันไดเขาทำเป็นสีเดียวกับพื้น เขาน่าจะมีสลับสีให้เห็นสักหน่อย อย่างเช่นว่ามีขอบดำ ๆ ก็ได้ นี่เป็นไม้สนเหมือนกันหมด อาตมาเองก็คนแก่ หลายคนเดินแซงไปก็ค่อย ๆ เดินตาม ยกหนอ ย่างหนอ เหยียบหนอ อาศัยการเดินลักษณะเดินจงกรม หายใจยาว ๆ"

เถรี 12-12-2019 19:34

"ปรากฏว่ายกหนอ ย่างหนอ เหยียบหนอ ไปพักหนึ่ง อ้าว...คนอื่นทำไมห้อยท้ายไปเรื่อย ห้อยไปห้อยมาปรากฏว่าไม่มีใครตามมาเลย ช่วงแรกยังมีทิดดอย ทิดเฟิร์ส แล้วก็น้องโบว์ตามอยู่ ไป ๆ มา ๆ น้องโบว์กับทิดดอยก็ไม่รู้ไปแอบทำอะไรกันที่ไหน หายไปหมด ไปกันแค่นี้ก็ได้วะ..!

เดินไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็มีความรู้สึกว่าเหมือนเทวดามาโปรด มีป้ายเล็ก ๆ “Toilet 500 meters” (ห้องน้ำอีก ๕๐๐ เมตร) รีบย่ำไปด้วยความดีใจ ไปถึงเปิดเข้าไปหงายท้องตึง ใครจะไปเมืองจีนพยายามฝึกอสุภกรรมฐานให้เยอะ ๆ จะได้เข้าห้องน้ำเขาได้ จะเห็นความเป็นจริงของร่างกายขึ้นอีกเยอะเลย

ปรากฏว่าทั้งคนจีน คนไทย ต่างด้าว แห่ลงไปพร้อม ๆ กัน ห้องน้ำมีอยู่แค่ ๕ ห้อง กับคน ๓๐๐ กว่าคน นี่เฉพาะช่วงเช้ามืดที่พวกเราไปกันนะ แล้วลองคิดดูว่าช่วงสาย ๆ คนจะขนาดไหน ไม่ต้องหวังถึงสภาพเลยว่าจะเจอห้องน้ำจะสะอาด ท้ายสุดก็ตัดใจ เราเป็นผู้ชาย เดี๋ยวแอบย่อง
ไปเข้าตามภูมิประเทศก็ได้ ไปกันต่อดีกว่า

แล้วไปเจอทีเด็ดกว่านั้นอีก คือห้องน้ำนั้นกลิ่นโชยไปสัก ๕๐๐ เมตรได้ แต่ตรงข้าง ๆ มีร้านขายอาหาร มีบาร์บีคิว มีหมูปิ้ง มีจามรีปิ้ง ถ้ากินตรงนี้รสชาติจะเป็นอย่างไรหนอ ? หรือว่าหิวขนาดไหนก็ไม่กินแล้ว ลองไปดูก็แล้วกัน ถ้าใครทำใจกินได้นี่สุดยอดมาก คือของที่เข้าไปกับของที่ออกมาคนละกลิ่นกันนะ"

เถรี 12-12-2019 19:41

"บรรดาอาหมวยอาตี๋ก็เปิดกระป๋องออกซิเจนดมแข่งกัน ตายห่...เขาบอกว่าระยะทาง ๖ กิโลเมตร นี่ตูเดินมาน่าจะถึง ๓ กิโลเมตรแล้ว ทำไมภูเขายังไกลเท่าเดิมอยู่ ? ขอให้ทุกคนโปรดทราบว่า ระยะนั้นเขาวัดจากดาวเทียมโดยการขีดเส้นตรง ๆ ส่วนที่เราเดินไปนั้นขึ้นสูงลงต่ำ วนซ้ายวนขวาไปตามภูมิประเทศ โยมที่เขามีเครื่องวัดระยะทางไปด้วย เขาบอกว่าเกือบ ๑๒ กิโลเมตร..!

ทีเด็ดกว่านั้นคือ มีอาเจ๊คนหนึ่งแกเอารถเข็นใส่ลูกไปด้วย ตกลงว่าแกอยากมีลูกหรือเปล่า ? ก็คือผู้ใหญ่เวลาหายใจไม่ได้ก็ยังบอกกล่าวกันได้ แล้วเด็กเล็กขวบกว่าสองขวบจะบอกอย่างไร ? ทุกคนพอเห็นนี่ตกใจกันทั้งนั้นเลย ช่างกล้า..หรือว่าเขาอยากได้ลูกคนใหม่ ?

ส่วนอาหมวยอีกคนก็แต่งตัวไม่ได้เข้ากับกาลเทศะเลย หนาวแทบตายชัก ใส่กระโปรง ใส่ถุงน่อง อย่างกับเดินออกมาจากแคตตาล็อกแฟชั่น หนูไม่หนาวก็แล้วไป หลวงตาหนาว..หลวงตาไปก่อนละ.. กระโปรงสั้นใส่ถุงน่องไปเดินบรรยากาศอย่างนั้นจะรอดไหม ? คาดว่าเดินไปอีกสักหน่อยก็คงกลายเป็นไอศกรีมแท่งไปเอง"

เถรี 12-12-2019 20:05

"ไปถึงจุดนั้น ทั้งคณะ ๑๕ คน เหลืออาตมากับทิดเฟิร์ส ๒ คนอาตมาก็ยกหนอ..ย่างหนอ...เหยียบหนอต่อไป ข้างทางก็มีสารพัดสัตว์ บรรดานก กระรอก แม้กระทั่งแพะภูเขาออกมาอวดโฉมแบบไม่กลัวคนเลย พวกนกถ้าเราถืออาหารไว้ในมือ เขาจะบินมาโฉบจากมือเลย แสดงว่าเขาคุ้นเคยกับนักท่องเที่ยวมาก

บรรดาแพะภูเขาไม่สนใจคนหรอก หากินของเขาไปเรื่อย อาเจ๊บางคนก็ใจถึงเหลือเกิน เดินเข้าไปอยู่ใกล้ ๆ แล้วก็เซลฟี่กับมัน อาตมายังนึก ๆ อยู่ว่า ถ้าเกิดดวงซวยแพะหันมาขวิดสักทีก็ได้ตกเขาตายกันบ้าง

เดินไป ๆ จนกระทั่งถึงสระน้ำใหญ่ เป็นปลายพื้นที่ชุ่มน้ำของทุ่งหญ้ารั่วหลง ดูนาฬิกา ๑๑.๑๐ น. นั่งกินตรงนี้ละวะ จะกินข้าวกล่องดูแล้วก็นั่งปลงอนิจจัง ๔ คนช่วยกันจะกินหมดหรือเปล่าหนอ ? แล้วเราก็เหลือกันแค่ ๒ คน ท้ายสุดกินแซนด์วิชก็แล้วกัน เอาจีวรพับ ๔ ปูลงไปแล้วก็นั่ง ฉันแซนด์วิชไปได้ยังไม่ถึงครึ่ง ทำไมก้นเย็น ๆ วะ ? ลุกขึ้นมาดูปรากฏว่าจีวรเปียกเป็นรูปก้นของเราเลย สมกับเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำจริง ๆ ทั้งที่เรานั่งลงไปบนพื้นแห้ง ๆ พักเดียวก็เปียกแล้ว ก็เลยต้องเปลี่ยนท่า เอาจีวรมาคลุมตัวแล้วนั่งยอง ๆ ฉัน

บรรดานักท่องเที่ยวก็ไม่ได้เกรงใจอาตมาเลย ผ่านมาเจอพระก็ถ่ายไว้ก่อน ทั้งวีดิโอ ทั้งภาพนิ่ง ทั้งมือถือ ทั้งกล้องจริง อาตมาก็นั่งเซ็งว่า งานนี้กูได้ออกเฟซบุ๊กท่ากำลังนั่งขี้แน่ ๆ เลย นั่งยอง ๆ กินอยู่ก็ดันถ่ายไปได้...!"

เถรี 12-12-2019 20:10

"สรุปว่ากลางวันได้แซนด์วิชไป ๑ คู่กับส้ม ๒ ลูก ลดน้ำหนักไปได้หน่อยหนึ่ง เสร็จแล้วก็เดินต่อ ระหว่างทางนอกจากสิงห์สาราสัตว์แล้วก็จะมีน้ำตกเล็ก ๆ ด้วย ส่วนใหญ่แล้วใบไม้กำลังเปลี่ยนสี สวยมาก ๆ ต้นสนเป็นสีทองทั้งต้นเลย ใครพกกล้องถ่ายรูปไป โดยเฉพาะกล้องดิจิตอล แนะนำเมมโมรี่การ์ดอย่างน้อย ๓๒ กิ๊ก น้อยกว่านั้นอย่าไป ไม่พอให้ถ่ายหรอก

รวมเวลาพักและเวลานั่งกินเกือบ ๓๐ นาที ยังไม่มีใครตามมาสักคน ท้ายสุดก็บอกว่าไปกันเถอะ ชวนทิดเฟิร์สได้ก็ไปต่อ พื้นที่สูงขึ้นไปเรื่อย ๆ จากที่เดินสะดวก ๆ ก็เริ่มไม่สะดวกแล้ว กลายเป็นโขดหิน เป็นตะพัก เป็นหน้าผา ยิ่งเดินก็ยิ่งเหนื่อยเพราะสูงไปเรื่อย จากที่ประเภทเดินต่อเนื่องกันได้ ๓๐๐ เมตร ๕๐๐ เมตร ตอนนี้ไม่ได้แล้ว ๕ ก้าว ๑๐ ก้าวก็หยุดหอบแฮ่ก ๆ แล้ว เพราะยิ่งสูงอากาศให้หายใจก็ยิ่งน้อย

ส่วนภูเขาหิมะ “หยางเหม่ยหยงเซวี่ยซาน” ไม่ต้องพูดถึงเลย เดินเท่าไรก็อยู่ไกลเท่าเดิม ไปไม่ถึงสักที สรุปที่อาตมาว่าภูเขาแห่งปัญญาก็คือเดินแล้วฉลาดขึ้น รู้ว่าต่อไปอย่าโง่ได้มาอีก..!"

เถรี 12-12-2019 20:19

"แรก ๆ ก็มีบันได แต่ว่าบันไดก็อันตรายมาก เพราะว่ามีน้ำไหลมาด้วย มักจะลื่น ต้องระมัดระวังค่อย ๆ ไป อาตมา ๒ คนกลายเป็นที่อิจฉาของชาวบ้าน คนอื่นเดิน ๕ ก้าว ๑๐ ก้าวต้องหยุด เราโน่น ๒๐ - ๓๐ ก้าวแล้วค่อยหยุด แต่พอหลุดขึ้นไปถึงด้านบน โอ้โห...ทำไมลมแรงได้ใจขนาดนั้น พอพ้นซอกเขาออกไปลมพัดมานี่เซเลย แล้วลองคิดดูว่าอากาศ -๔ องศาเซลเซียส ลมพัดซ้ำเข้าไปอีกจะหนาวขนาดไหน ?

แล้วอัศจรรย์ตรงที่ว่าตรงนั้นเป็นทางแยก ซ้ายมือเป็นทางราบกว่า เดินง่ายกว่าไปทะเลสาบน้ำนม ด้านขวามือต้องตะกายฟ้าขึ้นไปทะเลสาบ ๕ สี เชื่อไหมว่าอาตมา ๒ คนไม่เห็นทางที่เดินง่าย ไม่รู้ว่าอะไรบังตาไว้

จากที่เดิน ๒๐ - ๓๐ ก้าวแล้วหยุดที ตรงนี้ไม่ไหวแล้ว เหลือ ๕ ก้าว ๑๐ ก้าว ก็หอบแฮ่ก ๆ ในเมื่อลมแรงขนาดนั้น อาตมาก็เลยอาศัยภูมิประเทศเข้าช่วย ซึ่งก็คือถังขยะ เขาจะมีถังขยะฝังอยู่เป็นระยะ ๆ พอเดินไม่ไหวก็ไปหลบลมอยู่หลังถังขยะ หายใจสักพักพอมีอากาศก็ไปต่อ ๓ ก้าว ๕ ก้าวก็ต้องหยุดอีก

เจ้าประคุณเถอะ...ทางขึ้นวัดใจกันมาก เหมือนกับสุดแล้ว มองขึ้นไปเห็นสูงแค่หัวเรานี่แหละ แต่พอโผล่
พ้นขึ้นมาก็มีสูงต่อไปแค่นี้อีก แล้วก็มีแค่นี้อีกไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งท้ายสุดตะกายขึ้นไปถึงข้างบน เขียนว่าอีก ๔๕๐ เมตรเป็นทะเลสาบ ๕ สี เอาละวะ...ไม่เสียทีที่มาถึง แต่ปรากฏว่าแค่ ๔๕๐ เมตรนั่นแหละ หอบแฮ่ก ๆ อีกหลายยกเลย อย่างที่บอกว่าเดินที ๓ ก้าว ๕ ก้าวก็ต้องนั่งหอบแล้ว"

เถรี 12-12-2019 20:25

"เดินไปจนถึงทะเลสาบแรก นึกว่าเป็นทะเลสาบน้ำนม เขาบอกว่าไม่ใช่ ทะเลสาบนี้เกือบจะแห้งแล้ว ถ่ายรูปไว้เสร็จสรรพแล้วขยับต่อไป ถึงไปเจอทะเลสาบ ๕ สี ที่มั่นใจว่าเป็นทะเลสาบ ๕ สี เพราะว่ามีหลายสีจริง ๆ สารพัดสีรวมอยู่ในทะเลสาบเดียว อยู่แถวนั้นถ่ายรูปนานไม่ได้ เพราะว่าลมแรงมาก หนาวจัด มือไม้แข็งหมด แล้วอาศัยใครก็ไม่ได้ เพราะว่าไปกันแค่ ๒ คน ผลัดกันถ่ายรูปคนละทีก็แล้วกัน

ปรากฏว่ามีสถานที่เหมือนกับที่พักหลบลม หรือว่าห้องน้ำก็ไม่ทราบ อาศัยขึ้นไปหลบลมอยู่พักหนึ่ง พอที่จะเดินกันได้ก็ไปต่อ มาถึงตรงนี้ก็เลยความลับแตก คือเห็นคนเดินอยู่ตีนเขาข้างล่าง ช่วยกันสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นทางเดินออก ไม่รู้หรอกว่าเป็นทางเดินเข้าทะเลสาบน้ำนม เพราะว่าตรงทางแยกเราไม่เห็นทางราบ เห็นแต่ทางขึ้นฟ้า ช่างวัดบารมีกันจริง ๆ ทางง่ายไม่ยอมให้เดิน แต่ว่าอย่าไปคิดว่าง่ายนะ เพราะว่าถ้าเราไปทะเลสาบน้ำนมก่อน แล้วต้องตะกายฟ้ากลับมาทะเลสาบ ๕ สีก็สาหัสพอกันนั่นแหละ"

เถรี 12-12-2019 20:33

"สองคนถ่ายภาพทะเลสาบน้ำนมเสร็จสรรพเรียบร้อย ทนหนาวไม่ไหว..กลับกันเถอะ พยายามมองหาพวกเราก็ไม่เจอ จนเดินเลยทะเลสาบ ๕ สีมาหน่อยก็เจอทิดดอยกับสาวโบว์ ประคับประคองกันมา ไม่รู้ว่าใครจะขาดใจตายก่อน เพราะว่าเปิดออกซิเจนดมกันมาตลอดทาง

ตอนแรกอาตมาก็คิดว่า ทิดดอยของเราเป็นสุภาพบุรุษ ไม่อยากทิ้งผู้หญิง ก็เลยประคองให้สาวโบว์เดินมาด้วย แต่ความจริงก็คือทิดดอยเป็นลม..! ต้องเปิดออกซิเจนช่วย จนกระทั่งเดินไหว เดินไปเดินมาสาวโบว์ก็เป็นลมไปด้วย อาตมาก็ยังคิดว่าแล้วออกซิเจนจะพอไหมนั่น ? แต่ก็ปล่อยเขาไปผจญภัยกันเอง บอกแค่ว่า "กลับแล้วนะ"

แต่ปรากฏว่าเดินผ่านที่พักหลบลม ได้ยินเสียงตะโกน “ซือฝู่...ซือฝู่” หันไปดู อ้าว...ไอ้หมีแพนด้ามาได้ด้วยเว้ย..! Eric มัคคุเทศก์ของเราน้ำหนักตัว ๑๐๐ กิโลกรัม กลมบ๋องเลย ตอนแรกเขาบอกว่าเขาสะสมไมล์ในการขี่จักรยานเส้นทางเฉิงตู-ลาซาได้เป็นแสนกิโลเมตรแล้ว อาตมายังไม่เชื่อ ตอนนี้ต้องยอมเชื่อแล้ว อ้วนขนาดนั้นเขายังมาได้

อาตมาบอกเขาว่าจะขอลงไปก่อน ไปดูว่าพวกเรามากันถึงไหน ก็ลงไปจนกระทั่งเกือบจะถึงทางแยก ก็เจอน้องเล็กเดินตุปัดตุเป๋มา พอบอกหนทางให้แล้ว เดินต่อไปไม่นานก็เจอพวกคุณตั้วหัวหน้าคณะทัวร์กับพวกเรา ทยอยกันมาทีละกลุ่ม ๓ คน ๕ คน ยุ่งไปหมด ปรากฏว่าเขาวัดออกซิเจนกันมาตลอดทาง ถ้าใครออกซิเจนต่ำกว่า ๘๐ คุณตั้วจะไม่ให้เดิน เพราะว่าทริปที่มาก่อนเราไม่ถึงอาทิตย์ สมองบวมเรียบร้อย
ไป ๑ คน เสียค่าส่งกลับไปเจ็ดพันหยวน..!"

เถรี 12-12-2019 21:22

"อาตมาบอกพวกเขาว่า เราจะออกไปเลยนะ..ไม่รอ จะไปที่โรงแรมกันก่อน เสร็จแล้วก็เดินจนกระทั่งทะลุออกมา ปรากฏว่าด้วยความที่ไม่มีคนนำ พอเห็นคนจีนเดินไปทางไหน อาตมาก็เดินไปทางนั้น ผลก็คือไปเจอทางตัน เขาปิดไม่ให้ไป

แล้วคนจีนเขาก็ทำให้รู้ว่า หนทางอยู่ที่ความพยายาม ไม่มีทางกูก็ปีน...! อาตมาก็เลยต้องปีนด้วย ด้วยความที่อาตมาเป็นพระและมีกล้องอยู่รอบตัว ก็ต้องดูจังหวะ ไม่อย่างนั้นได้เห็นภาพพระออกสื่อทั่วโลกแน่นอน อาตมาก็รอดูจังหวะจนกระทั่งมั่นใจว่า ปีนตรงนี้ไม่เกินสองวินาทีอย่างแน่นอน ก็เลยก้าวปั๊บ ๆ ข้ามไปอยู่ฝั่งโน้นเรียบร้อย ไม่ได้ยงโย่ยงหยกกันนานเป็นนาทีแบบเขา

พอข้ามไปก็ไปเจอรถเขียว ไปเข้าซองแล้วให้เขาฉีกตั๋ว เพิ่งจะรู้ว่าตั๋วที่เขาให้เราเก็บให้ดี ๆ มันเป็นท่อน ๆ ขึ้นรถเขาก็ฉีกไปท่อนหนึ่ง ก็นั่งรถจนกระทั่งออกมาสุดทางของรถไฟฟ้า เดินต่อไปหน่อยหนึ่ง ผ่านวัดชงกู่ ลงมาถึงที่จอดรถเมล์



ดูเวลาแล้วพวกเราเดินขึ้นสองชั่วโมง เดินลงชั่วโมงครึ่ง มาถึงเร็วเกิน รถเมล์ที่ไปย่าติงยังไม่เปิด เปิดรถเมล์อยู่สายเดียว พวกเราเห็นก็ตัดสินใจไปคันนี้แหละ พอขึ้นไปต่างคนต่างหลับตา รีบควานหาลมหายใจ เพราะว่าหายใจไม่ทัน

รู้สึกตัวไม่ถึงนาที ทิดเฟิร์สสะกิด “หลวงพ่อ...เลยโรงแรมแล้ว” ฉิบหา..แล้ว ตอนขึ้นรถก็ไม่ได้บอกคนขับไว้ เพราะว่าเขาไล่ไปนั่งหลังสุดเลย ทำไมระยะทางไกลขนาดนั้น รถวิ่งแค่ไม่กี่นาทีเอง ใครแกล้งกูวะ..!? แล้วจะทำอย่างไร ? เพราะว่ารถเขาไม่จอดกลางทาง ท้ายสุดก็เลยได้กำไร นั่งรถออกไปห้าสิบกิโลเมตร ไปถึงตีนเขาโน่น ลงรถก็ไปถามคนขับรถ ว่าจะซื้อตั๋วกลับไปได้ที่ไหน ? เขาก็ชี้ไปที่อาคารใหญ่"

เถรี 12-12-2019 21:29

"พอวิ่งไปถึงอาคารใหญ่ บอกเขาว่าจะซื้อตั๋วรถไปย่าติง เขาก็ชี้มาทางด้านที่ตอนเช้าพวกเราเข้าแถวขึ้นบันไดเลื่อนกัน ก็คิดว่าเป็นทางด้านนี้ พอไปถึงเจออาหมวยเฝ้าอยู่ตรงเครื่องนับคน แล้วเวรกรรมก็มาเยือน...

อาหมวยมาทำงานแหล่งท่องเที่ยวได้อย่างไรก็ไม่รู้ พูดภาษาอังกฤษก็ไม่เป็น พยายามพูดจีนตะกุกตะกัก แกก็ฟังไม่รู้เรื่อง พูดภาษาอังกฤษคล่องหน่อย แกก็ฟังไม่รู้เรื่อง ท้ายสุดอาหมวยก็หยิบโทรศัพท์ของแกขึ้นมา กดแอพฯ แปลภาษา อาตมาเองก็หยิบมาพูดด้วยความมั่นใจ “I want to buy new ticket for two persons to go to
Yading village.” อาหมวยแกดูเสร็จ..ไม่รู้เรื่อง พูดช้า ๆ ใหม่ก็ไม่รู้เรื่อง พูดอีกก็ไม่รู้เรื่อง ตกลงว่าเครื่องแปลภาษาของเขาใช้ได้หรือเปล่าวะ ?

ทิดเฟิร์สบอก “หลวงพ่อ...ขอผมหน่อย” ก็ส่งเครื่องไปให้ ทิดเฟิร์สพูดว่า “I want to by new ticket.” อาหมวยเห็นคำแปลแล้วร้องอ๋อ ทิดเฟิร์สหันมาบอกว่า “หลวงพ่อพูดสำเนียงอังกฤษ เครื่องฟังไม่ออก ฟังออกแต่สำเนียงอเมริกัน” เวรกรรม..สรุปว่าถ้าอาตมาไปเมืองจีนคนเดียวนี่อดตายแน่ ๆ..!"

เถรี 12-12-2019 21:36

"คราวนี้มีปัญหา เพราะว่าอาหมวยชี้มือไปว่า ต้องกลับไปซื้อตรงนั้น ตายล่ะ...ก็พนักงานทางนั้นบอกให้มาทางนี้ พอดีมีหนุ่มสาวคู่หนึ่งวิ่งมา เขาก็กำลังจะขึ้นไปอุทยานย่าติงเหมือนกัน เขาพูดภาษาอังกฤษได้ เขาถามว่ามีปัญหาอะไร ก็บอกเขาว่าตั้งใจจะซื้อตั๋วใหม่ แต่มีปัญหา..เพราะว่าอาหมวยเขาฟังไม่รู้เรื่อง

ท้ายสุดเขาแนะนำว่า ให้ซื้อด้วยแอพฯ ของวีแชท คุณจะได้ตั๋วเดี๋ยวนี้เลยและผ่านไปได้ เวรกรรมละ...ไม่มีวีแชททั้งคู่ ก็เลยบอกเขาว่า "คุณช่วยใช้วีแชทของคุณซื้อ แล้วเราจะจ่ายเงินสดให้ตรงนี้เลยได้ไหม ?" เขาบอกว่าไม่ได้ เขากลัวจะโดนข้อหาคอร์รัปชั่น

เขาถามว่ามาจากไหน ก็บอกเขาว่ามาจากไทย ปรากฏว่าอาหมวยที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้พูดว่า “สวัสดีค่ะ” กูจะบ้า...! ท้ายสุดอาหมวยแกโบกมือผ่านเลย ๆ สรุปก็คือพยายามซื้อตั๋วแทบตาย แต่ซื้อไม่ได้ ไม่รู้ว่าโดนใครแกล้ง แต่เขาให้ผ่านฟรี ๆ เพราะว่าเป็นคนไทย..?!?"

เถรี 12-12-2019 22:31

"ขึ้นรถเที่ยวสี่โมงครึ่งจากข้างล่างขึ้นไป ๓๕ กิโลเมตรถึงโรงแรม ด้วยความที่รีบออกมาเพื่อไปนอนพักก่อน มาถึงตอนนี้ปรากฏว่าพวกข้างในออกมากันแล้ว เจอกันตรงหน้าโรงแรมพอดี เจริญกับชีวิตเถอะ..!


พวกที่ออกมายังไม่ครบ ที่ออกมามีน้องโบว์ ทิดดอย คุณเต้อ ลูกเหมียว ก็บอกว่าพวกคุณรอไปก่อนแล้วกัน อาตมาไปสรงน้ำก่อน เบื่อตัวเองเต็มทีแล้ว อุตส่าห์รีบออกมา หวังจะได้นอนพัก ที่ไหนได้..พาตูลงไปเดินเล่นยันข้างล่างโน่น..!

อาตมาไปขอกุญแจขึ้นห้องพัก อาบน้ำเปลี่ยนผ้าเสร็จสรรพแล้วค่อยลงมาใหม่ เจอพวกเราทั้งกลุ่มกำลังเบิกกุญแจกันอยู่ เป็นอันว่ากลับมากันครบ ที่เหลือใครจะกินอาหารเย็นก็นัดกันเองว่าจะเจอตรงไหน ไม่ใช่เรื่องของอาตมาแล้ว กลับห้องนอนไปพักดีกว่า

ปรากฏว่าทั้งคณะ ๑๕ คน มีอาตมากับทิดเฟิร์ส ๒ คนที่วันนี้ได้กำไรมากกว่าเพื่อน
นั่งรถเที่ยวได้กำไรมา ๘๕ กิโลเมตร..! เขาคงจะเห็นว่าขาไปพวกเราจะถ่ายรูปไม่ทัน ก็เลยให้นั่งรถย้อนมา ถ่ายซ่อมมาได้อีกเยอะเลย

อาตมาตอนแรกก็สงสัยตัวเอง เด็ก ๆ รุ่นหลังบอกว่าอาตมาพูดภาษาอังกฤษสำเนียงแปลก ๆ บางคนบอกว่าหลวงพ่อพูดภาษาอังกฤษสำเนียงโบราณ แต่ทีนี้อาตมาไปยุโรปมา เขาก็ฟังออกกันทุกคน ลืมไปว่าสำเนียงออกฟอร์ดเขาใช้ทางด้านยุโรป พอมาเอเชียนี่ตายสนิท ฉะนั้น..พวกเราเป็นรุ่นหลัง ๆ ที่ใช้สำเนียงอเมริกัน ไปได้..เอาตัวรอดได้แน่ แต่อาตมาอาจจะอดตาย..!"

เถรี 12-12-2019 22:42

"ประเทศจีนก้าวหน้ามาก โดยเฉพาะแอพฯ แปลภาษา ต่อไปเวลาเราไปไหนน่าจะพูดไทยแล้วแอพฯ เขาก็แปลได้นะ ตอนที่อาตมาเข้าไปที่กู้กง พระราชวังที่ปักกิ่ง ภาษาไทยเป็นภาษาหลักหนึ่งใน ๑๑ ของโลก ที่เขาแปลให้ ถึงเวลารับเครื่องเขามา เสียบหูตัวเอง เปิดเครื่อง กดคำว่าภาษาไทย เขาจะแปลในสิ่งที่มัคคุเทศก์บรรยายเป็นภาษาไทยให้เราฟัง คิดว่าต่อไปคงไม่นาน จากที่แปลได้ระหว่างภาษาอังกฤษและจีน น่าจะแปลได้ทุกภาษาในโลก

แต่อย่าไปเอากูเกิ้ลทรานสเลตนะ ร้านอาหารไทยในจีนมีชื่อพิลึกพิลั่นมาเยอะแล้ว จากฝีมือกูเกิ้ลทรานสเลตนั่นแหละ พวกเราก็เอามาถ่ายลงโซเชี่ยลหัวเราะกัน จะว่าเขาก็ไม่ได้ เพราะว่าเขาไม่รู้ภาษาของเรา

ประมาณว่า งามวงศ์วาน เขาแปลเป็น Beautiful family. ความจริงเขาก็แปลถูกนะ เพียงแต่ว่าไม่ได้ความเท่านั้น"

เถรี 12-12-2019 22:43

ถาม : ต้นเดือนจะไปพม่าค่ะ ถวายสังฆทานให้เจ้าที่ที่นั่น เจาะจงองค์ไหนดีคะ ?
ตอบ : มหาอิสิบูบูจี เรียกท่านว่าพ่อปู่ฤๅษีก็แล้วกัน เจ้าพวกนี้ทำให้อาตมาไปเปิดเผยความลับของเทวดาฟ้าดินเสียเยอะ ถึงเวลาไปก็ติดสินบนท่านกันใหญ่

เถรี 12-12-2019 22:48

พระอาจารย์กล่าวว่า "สมัยนี้ผ่าสมอง ผ่าหัวใจ ไม่มีอะไรน่ากลัว บาลีเขาเรียกว่า วิชชามัยฤทธิ์ เป็นฤทธิ์ ๑ ใน ๑๐ อย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสถึง เป็นฤทธิ์ที่เกิดจากวิชาการ แบบเดียวกับเครื่องแปลภาษา ไม่เห็นจะต้องใช้ความสามารถของนิรุตติปฏิสัมภิทาเลย เครื่องก็แปลได้ แต่ต้องพูดให้ถูกหน่อย"

เถรี 12-12-2019 22:49

ทิดเฟิร์สเขาบอกว่า เคล็ดลับในการใช้เครื่องแปลภาษา คือ พูดให้สั้น ๆ อย่าพูดยาว ๆ แบบอาตมา ให้พูดเหมือนคนพูดไม่เป็น ก็มีปัญหาเหมือนกันนะ คนพูดเป็นแล้วให้พูดไม่เป็น ไม่รู้จะทำอย่างไร

อาตมาตรองดูแล้วน่าจะใช่ เพราะว่าเขาต้องการช่วยคนที่พูดไม่เป็น ส่วนคนพูดเป็นเขาก็ไม่คิดจะทำแอพฯ มาช่วย พอไปพูดประโยคยาว ๆ เครื่องเลยไม่แปลหรอก พอพูดขาด ๆ สั้น ๆ เขากลับแปลให้ได้

เถรี 12-12-2019 22:57

สรุปว่า อาตมาไม่ได้ใช้ออกซิเจน สละให้คนที่เขาใกล้ตายไป แล้วก็มีสองคนที่ไปไม่ถึง คือ เต้อกับเหมียวสองตายาย ต้องบอกว่าสำนึกในสุขภาพของตัวเองเป็นอย่างดี ก็เลยห้อยท้ายที่กิโลเมตรที่ ๓ ไปไม่ถึงกิโลเมตรที่ ๑๒ กับเขาหรอก

แต่แถวนั้นก็คุ้มค่า เพราะว่าพวกสัตว์เยอะมาก โดยเฉพาะขาออกเจอแพะภูเขาเป็นร้อย ๆ ตัวเลย อาตมาเหลือบเห็นแค่ครึ่งตัว อุตส่าห์ย่องออกนอกทาง กะว่าจะไปถ่ายรูปใกล้ ๆ หน่อยโดยไม่บอกให้ใครรู้ ไม่อย่างนั้นบรรดาอาเฮียอาเจ๊ก็จะเอะอะเอ็ดตะโร ปรากฏว่าพอเดินลับมุมก็หงายหลังผลึ่ง โอ้โห..มาเป็นร้อยเลย แต่อาตมาเห็นแค่ขาหลังตัวเดียว อุตส่าห์ย่องเงียบเข้าไป หวังว่าจะถ่ายรูปใกล้ ๆ ที่ไหนได้..มาเป็นร้อยเลย ไม่แยแสพวกเราด้วย จะทำอะไรก็ทำไป กูกินอย่างเดียว

แถวนั้นไม่ว่าจะนก หนู กระรอก กระแต อะไรก็ตาม ไม่กลัวคนเลย เพราะอยู่ในอุทยานแห่งชาติ และคาดว่ากฎหมายของเขาแรงมาก อย่างเก่งก็ไปเซลฟี่กับสัตว์ใกล้ ๆ เท่านั้นแหละ ไม่มีเรื่องอื่น

อุทยานแห่งชาติย่าติง ภาษาอังกฤษ เขียนว่า Yading เราต้องพยายามอ่านให้ถูกด้วย

เถรี 12-12-2019 23:04

บรรดาสถานที่ที่เราไป อย่างทะเลสาบ ภูเขา ส่วนใหญ่มีความสำคัญกับพระพุทธศาสนาวัชรยานของทิเบต เป็นสถานที่บำเพ็ญเพียรของพระโพธิสัตว์บ้าง ของคุรุต่าง ๆ บ้าง ต้องบอกว่าเขาไปรับพลังกัน ส่วนพวกเรานี่แทบจะไปไม่ถึง ไม่ต้องหวังไปรับพลังอะไรหรอก

แต่ส่วนหนึ่งที่ไปแล้วรู้สึกดีก็คือ แก่จนป่านนี้ยังสามารถเดินตั้งแต่ต้นยันปลายได้โดยที่ไม่ต้องใช้ออกซิเจน แม้จะขี้โกงหน่อย ๆ ด้วยการมีองครักษ์ไปด้วยก็เถอะ

ถ้าใครไปแถวซื่อกูเหนียง ย่าติง รื่อหวา หลี่ถัง เรียกท่านสุ่ยหลงให้ช่วยได้ ท่านเป็นใหญ่อยู่แถวนั้น
เป็นอินทกะของท้าววิรูปักษ์ เรียกว่าคุมพื้นที่กว้างใหญ่มหึมาเลย

อาตมาไปแล้วเพิ่งจะรู้ว่าที่นั่นคือเสฉวนตะวันตก มิน่าถึงเป็นอินทกะของท่านท้าววิรูปักษ์ เพราะว่าท่านท้าววิรูปักษ์ดูแลทิศตะวันตกของโลกมนุษย์อยู่

เถรี 12-12-2019 23:13

คณะของเราที่ไปจริง ๆ มีแค่ ๑๓ คน แต่ทีนี้หัวหน้าทัวร์กับช่างภาพไปด้วยก็เลยเป็น ๑๕ คน คณะที่ไปก็มีคุณชวง ซึ่งส่วนใหญ่ทั้งคณะเรียก "หม่าม้า" เป็นคุณแม่ประจำคณะ ต้องการอะไรให้บอก คุณแม่บริการได้ทุกอย่าง

มีน้องเล็ก มีน้องตุ๊กตา ต้องบอกว่าตุ๊กตายอดเยี่ยมมาก ถึงเวลาก็ทิ้ง "ป๊า" ไปเที่ยวคนเดียว บอกว่า
"ป๊า" มีหน้าที่จ่ายเงิน มีลูกปุ๊กหรือที่เขาเรียกว่าเจ๊นี้ มีป้ามอยที่ดูแลบ้านเติมบุญอีกคนหนึ่ง มีเหมียวกับเต้อสองตายาย มีแจ๊กกับโอสองตายาย มีทิดดอย ทิดเฟิร์ส มีน้องโบว์ มีอาตมา

มีคุณตั้ว เขาเป็นเจ้าของบริษัททัวร์ ซึ่งทั้ง ๆ ที่ออกสองทริปติด ๆ กัน แต่เขาเลือกมากับคณะของเรา เขาคิดว่าไปกับเราแล้วจะปลอดภัยกว่ากระมัง ? สรุปว่าคณะของเราไม่มีใครสมองบวมให้ส่งกลับ ส่วนคุณบีเป็นตากล้อง ไปช่วยถ่ายรูป

แต่พวกเราสละการถ่ายรูปดาวตอนกลางคืนกับถ่ายรูปแสงตอนเช้า ไม่มีใครไปหรอก หิมะลงหนาวจะตายชัก คุณมีอารมณ์ คุณไปถ่ายเองเถอะ อากาศลบห้าองศาหิมะตกให้ไปนอนถ่ายดาว เช้า ๆ ขึ้นมาลบสี่องศา ลบห้าองศา จะให้ไปถ่ายพระอาทิตย์ขึ้น นอนดีกว่าว่ะ..!

เถรี 13-12-2019 08:34

ถาม : (ไม่ชัด) ?
ตอบ : มีอยู่ ๒ อย่างด้วยกัน อย่างที่หนึ่งคือพอเราตั้งใจแล้ว อายตนะก็คือตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจของเราโดนควบคุมด้วยอำนาจของฌาน ไม่รับรู้อาการอื่นภายนอก ก็มองไม่เห็นไปชั่วคราว ส่วนอีกอย่างหนึ่งก็คงจะอยู่ในจังหวะที่ใครสักคนอยากจะแกล้งเรา ก็เอามือปิดไว้เท่านั้นก็หมดเรื่องแล้ว ...(หัวเราะ)... แต่ว่าน่าจะเป็นอย่างแรกมากกว่า ก็คือพอสมาธิเราทรงตัว เราสนใจข้างใน ไม่ได้สนใจข้างนอก ข้างนอกเลยหายไป

เถรี 13-12-2019 08:36

พระอาจารย์เปิดภาพหลวงพ่อวัดท่าซุงให้ดู “ภาพนี้ถ่ายวันที่ ๖ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๒๗ ที่วัดเทพธิดาราม หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านไปรับพัดพระสุธรรมยานเถรวันที่ ๕ พอวันที่ ๖ หลวงปู่สมเด็จฯ วัดสามพระยาท่านเป็นเจ้าภาพจัดฉลองให้ที่วัดเทพธิดาราม จะเห็นว่าหลวงพ่อท่านห่มสีกรัก เข้าวังต้องเป็นสีนี้เท่านั้น

ส่วนใหญ่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกับพระสายปกครอง แต่เจ้านายก็เมตตาตลอด เพราะเห็นว่าบริวารเยอะ มีกำลังใหญ่ ถ้าทำงานอะไรนี่ เฮกันตูมเดียวก็จบแล้ว ท่านก็พยายามที่จะต่อสายเชื่อมความสัมพันธ์เอาไว้ หลวงพ่อท่านก็อนุโลมตามที่ว่าง ถ้าไม่ว่างก็ไม่ไป"

เถรี 13-12-2019 08:37

"พอมาถึงรุ่นลูก บรรดาลูก ๆ ที่ออกไปอยู่ที่อื่น บรรดาเจ้าคณะปกครองท่านเห็นความสามารถก็มักจะเรียกใช้ หลวงตาวัชรชัยเป็นเจ้าคณะอำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี จนกระทั่งต้องลาออก สู้งานไม่ไหวเพราะว่าแก่แล้ว อาตมาเองตอนนี้เป็นรองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ มีที่น่าอิจฉาอีก ๒ ท่านก็คือ หลวงตาชลอ วัดศาลพันท้ายนรสิงห์ กับหลวงพ่อวิรัช วัดธรรมยาน

หลวงตาชลอเนื่องจากว่าอยู่สมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาครทั้งจังหวัดมีแค่ ๓ อำเภอ เล็กนิดเดียว บุคลากรเพียบเลย ก็เลยไม่ถึงคิวที่ท่านจะเหนื่อย คุณเป็นเจ้าอาวาสทำงานของคุณไป ส่วนหลวงพ่อวิรัช เจ้าคณะจังหวัดบอกให้ไปเรียน ป.บส. จะได้ให้ตำแหน่งโน้นตำแหน่งนี้ หลวงพ่อวิรัชบอกว่า “ผมแก่แล้ว หัวไม่ไป ไม่เรียนหรอก” จะปฏิเสธว่าไม่เอาตำแหน่งก็กลัวเจ้านายจะน้อยใจ

เอาเถอะพี่..พี่รอดตัวไปได้ แต่ไม่รู้จะอีกนานเท่าไร ขนาดหลวงตาวัชรชัยนี่เจ้าคณะจังหวัดสระบุรีเจอหน้าอาตมายังบ่นเลย ท่านบอก “พี่คุณไม่ค่อยมีจริตนิสัยมาทางด้านการปกครอง” ก็คือพวกเราส่วนใหญ่มาสายปฏิบัติ แล้วมักจะอยากอยู่กับความสงบมากกว่า เพราะฉะนั้น..ท่านเป็นท่านก็ลาออก อาตมาเป็นก็ลาออก ลาออกเพราะรู้ว่ามีคนอื่นเขาอยากจะเป็น"

เถรี 13-12-2019 08:38

"ตอนนั้นอาตมาลาออกจากเจ้าคณะตำบลชะแล เขต ๒ พอถึงเวลาก็ไม่เป็น หาข้ออ้างไปเรียนหนังสือ ตำแหน่งรออยู่ก็แกล้งเรียนถ่วงไปเรื่อยจนจบปริญญาเอก เลยซวยหนักเข้าไปอีก พอจบปุ๊บตำแหน่งว่าง ๓ ตำแหน่งพอดี..! ถ้าว่างตำแหน่งเดียวยังโบ้ยไปให้คนอื่นได้ ดันว่างทีเดียว ๓ ตำแหน่ง ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธอย่างไร ก็ต้องรับตำแหน่งใหม่ พอรับใหม่เป็นเจ้าคณะตำบลท่าขนุน เขต ๒ ได้ไม่นาน ก็เป็นรองเจ้าคณะอำเภอ ยังไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าหากว่ามีอะไรฉุกเฉินขึ้นมาจะต้องเป็นมากกว่านี้หรือเปล่า ?”

เถรี 13-12-2019 08:40

เล่าเรื่องไปเมืองจีนต่อ "วันอังคารที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๒ อากาศเหมือนเดิมคือติดลบ ๔ องศาเซลเซียส ปรากฏว่าโรงแรมโม่ฝานเป็นโรงแรมเดียวที่อาหารเช้าเป็นข้าวต้มกับหมั่นโถว และไม่ได้มีแต่ผัดผัก มีไส้กรอกสไลด์ให้ได้ด้วย พวกเราเจอแต่ข้าวต้มกับผัดผักมาหลายวัน ก็เลยคีบไส้กรอกกันกระจาย..!

กินเสร็จก็ไปสำรวจวัตถุโบราณของเขา มีของเก่า ๆ โชว์แขกไว้เยอะ มีของอย่างหนึ่งที่อาตมาดูไม่ออก ลักษณะเหมือนหัวไม้หรือรากไม้ ไม่รู้ว่าเป็นสมุนไพรสำคัญอะไรหรือเปล่า ? เพราะว่าเห็นมีโชว์อยู่หลายที่ ลองเอาให้น้องกิฟท์อ่านแล้ว น้องกิฟท์บอกว่าความรู้ภาษาจีนน้อยไปหน่อย อ่านไม่ออกว่าเขียนว่าอะไร น่าจะเป็นชื่อเฉพาะภาษาทิเบตแล้วเขียนเป็นภาษาจีน ก็เลยอ่านไม่ออก

ที่แน่ ๆ ก็คือระเบียงของโรงแรมโผล่ไปด้านหลัง จะเห็นยอดพีระมิดของภูเขาหยางเหม่ยหยง พวกที่ไปก่อนเรา ๕ วันไม่ได้เห็นอะไรเลย เพราะว่าเมฆหมอกปิดหมด แถมโดนหิมะถล่ม พวกเรามีอะไรเขาก็เปิดให้ดูหมด ข้าวของบางชิ้นของทางโรงแรมเห็นแล้วอยากซื้อ แต่เอ่ยปากไม่ออก เพราะรู้ว่าเป็นของสะสมของเขา กินข้าวเช้าเสร็จไปเข้าห้องน้ำก่อน เพราะว่าห้องน้ำรวมของประเทศจีนน่าเกลียดน่ากลัวไปหน่อย..!"


เถรี 13-12-2019 08:41

"เข้าห้องน้ำเสร็จลงมาคืนกุญแจ แต่ฝากกระเป๋าไว้ก่อน เพราะว่าวันนี้ยังต้องเดินอีกวันหนึ่ง ออกไปถ่ายรูปหมู่หน้าโรงแรม แล้วก็เดินไปรอขึ้นรถ กลับเข้าไปที่อุทยานย่าติง ทุกคนมีประสบการณ์จากเมื่อวานแล้วว่า ของที่แบกไปอะไรมีประโยชน์อะไรไม่มีประโยชน์ วันนี้ทุกคนก็เลยลงความเห็นว่าแซนด์วิชดีที่สุด เพราะว่าเบา กินง่าย เดินไปกินไปก็ยังได้ ...(หัวเราะ)...

ข้าวกล่องจีนมีที่อุ่นอยู่ด้านล่าง ด้วยความที่อากาศหนาวจัด เวลาอุ่นจนกระทั่งเชื้อเพลิงหมดแล้ว ข้าวยังร้อนแค่ครึ่งกล่อง สรุปก็คือมีคนกินข้าวแช่แข็งด้วย ทุกคนก็เลยเปลี่ยนใจว่าแซนด์วิชดีกว่า แล้วก็มีเสียงว่า “หม่าม้า...ช่วยทำแซนด์วิชให้ด้วยครับ” ลำบากคุณแม่ประจำคณะอีก ตอนแรกแนะนำแซนด์วิชไม่มีใครอยากได้ อยากได้ข้าวกล่องกัน เจอข้าวกล่องเข้าไป แบกก็ไม่ไหว อุ่นก็ไม่ร้อน สรุปว่าแซนด์วิชดีที่สุด..!

ความจริงโปรแกรมของวันที่ ๒๒ แต่เดิมคือโปรแกรมของวันที่ ๒๑ เขาจะให้เราเดินระยะใกล้ ๆ เป็นการวอร์มร่างกายก่อน พอรุ่งขึ้นถึงไปเดินไกล แต่ปรากฏว่าหัวหน้าทัวร์คิดถูก คุณตั้วบอกว่าให้เดินไกลไปเลย ร่างกายยังสดอยู่ ไปทีเดียวให้จบ หลังจากนั้นถ้าหากว่าไม่ไหว ก็เหลือแค่ระยะทางใกล้ ๆ แล้ว จะได้ไม่ท้อกัน"

เถรี 14-12-2019 09:42

"คราวนี้พวกเรามีเวลาก็เดินเลาะทางด้านในซึ่งเป็นเส้นทางที่เลียบไปกับลำห้วย ถึงได้เห็นว่าตามก้อนหินริมห้วยมีการแกะภาพพระโพธิสัตว์บ้าง เทพพิทักษ์ในพระพุทธศาสนาบ้าง พระคาถา โอม มณีปัทเมหุม บ้าง เยอะแยะไปหมด พวกเราเดินเลาะไปจนถึงหน้าวัดชงกู่

อาตมามีเวรมีกรรมอยู่คนเดียว ก็คือนักท่องเที่ยวไล่ตามถ่ายรูป บางคนก็ตะโกนเรียกแบบไม่ต้องเกรงใจกันเลย ประมาณว่ากรุณาหยุดให้ถ่ายเสียดี ๆ..! ด้วยความที่ว่ามีเครื่องกันหนาวน้อยที่สุด ก็คือนอกจากถุงเท้าแล้ว หมวกก็ไม่ใส่ ถุงมือก็ไม่ใส่ ก็เลยทำให้เขาคิดว่า เหล่าซือฝู่น่าจะพลังวัตรสูงส่งมาก หารู้ไม่ว่ามีเจ้าที่ท่านช่วย ...(หัวเราะ)...

คนโน้นเดินไปถ่ายรูปทางโน้น คนนี้เดินมาถ่ายรูปทางนี้ กว่าจะไปรวมตัวกันที่หน้าวัดชงกู่ พี่แพนด้า Eric ก็รอแล้วรออีก รอจนกระทั่งแกรำคาญ คือถ้าวันไหนแกหงุดหงิดขึ้นมา แกก็จะแกว่งธงของแก ซึ่งแกไม่ได้ติดธง แต่ติดรูปหมีแพนด้าแทน..!

พอมากันครบก็พาเดินขึ้นไปในวัดชงกู่ ปรากฏว่าไปเจอของดี ตู้จำหน่ายวัตถุมงคลวัดนี้เป็นของแท้หมดเลย เทอร์คอยส์ก็แท้ อำพันก็แท้ เขาจามรีก็แท้ คิดว่าเอาละวะ..ในที่สุดเราก็เจอของที่ต้องการแล้ว กำลังจะหาว่ามีพระเจ้าหน้าที่ขายของอยู่ที่ไหน ปรากฏว่าเสียงกลองลั่นตึง ตามด้วยเสียงพระสวดมนต์ เวรแล้วละครับ...พระท่านกำลังทำวัตรเช้ากันอยู่ แล้วพระจีนสวดมนต์ทีเป็นชั่วโมง ๆ จึงได้แต่ยืนน้ำลายหก ในที่สุดทุกคนก็ตัดใจว่า "ไม่ซื้อก็ได้วะ"...

เถรี 14-12-2019 09:44

"เดินออกทางหน้าวัดไปถ่ายรูปหมู่กัน นักท่องเที่ยวผู้หญิงจีนก็อยากจะถ่ายรูปกับพระ พออนุญาตให้ก็วิ่งใส่เลย โยมต้องตะโกนห้ามกันอุตลุด ไม่อย่างนั้นก็จะมีรูปอาหมวยโอบเอวพระถ่ายรูปอย่างแน่นอน..! พอเดินออกไปด้านหลัง Eric เจอของอย่างหนึ่ง เขาชี้แล้วถาม “รู้ไหมว่านี่คืออะไร ?” เป็นเสาท่อนหนึ่งแล้วมีรอยบาก ๆ อาตมาตอบไปว่า “Stair” เขาบอกว่าใช่ เป็นบันไดจริง ๆ แสดงว่าเป็นบันไดของจอมยุทธ์ คนทั่ว ๆ ไปขึ้นไม่ได้หรอก เป็นเสากลม ๆ แล้วก็มีแค่รอยบาก ลองคิดดูว่าถ้าตั้งขึ้นไปแล้วเราจะขึ้นได้ไหม ?

เดินต่อไปตามป้ายที่เขาชี้บอก ว่าอีก ๘๕๐ เมตรจะถึงทะเลสาบไข่มุก ถ้าโยมเจอป้ายตามแหล่งท่องเที่ยวประเทศจีน เอา ๓ คูณเข้าไปเลย เพราะว่าเส้นทางที่เขาบอกนั่นขีดจากดาวเทียมเป็นเส้นตรง ๆ แต่เวลาเราเดินคดซ้ายคดขวาขึ้นบนลงล่าง ได้ระยะทางเพิ่มมาเป็นเท่า ๆ ตัว

อาตมาก็เดินไป ตอนแรกน้องเล็กตามทัน หลังจากนั้นทุกคนก็หายลับไปกับตา ไม่มีใครห่วงใยกังวลกับหลวงพ่อเลย หลวงพ่อจะไปไหนก็ไปเถอะ เขาเดินไม่ทัน หายใจไม่ทัน ...(หัวเราะ)..."

เถรี 14-12-2019 09:45

"อาตมาเดินไป เห็นมีจุดพักกลางทางก็ไปนั่งพัก พวกนกพวกกระรอกก็มาตอมกันใหญ่ เขาจะหาของกิน อาตมาก็มีแต่น้ำชากระบอกเดียวกับแซนด์วิช ก็เลยต้องดึงเอาขนมปังแซนด์วิชออกมา ฉีกเป็นชิ้นเล็ก ๆ ให้นกกิน นกแถวนั้นต้องบอกว่าใจกล้ามาก ไม่หนีคน แถมบินมาเกาะมือเลย

จนกระทั่งทิดเฟิร์สเดินมาทัน มองไปก็ไม่เห็นใคร จึงเดินกันต่อขึ้นไป ตลอดทางมีแต่นก น่าจะเป็นช่วงเช้าที่ออกหากิน และนักท่องเที่ยวก็เริ่มเที่ยวกันพอดี ในป่ามีแต่ต้นสน โตขนาดคนโอบ คราวนี้เป็นหน้าหนาว ใบสนกำลังเปลี่ยนสี เขียวบ้างเหลืองบ้าง สวยอย่าบอกใครเลย โดยเฉพาะตอนที่แดดออก แล้วทางการจีนเขามีกล้องวงจรปิดติดอยู่เป็นระยะ ๆ ตามรายทาง เพื่อป้องกันอันตรายให้กับนักท่องเที่ยว"

เถรี 14-12-2019 09:51

"เดินไปจนกระทั่งถึงทะเลสาบ ทำไมถึงแห้งขนาดนี้วะ ? ภูเขาหยางเหม่ยหยงก็ยังอยู่ตรงหน้านั่นแหละ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นมุมเดียวกับที่เราขึ้นไปที่ทะเลสาบน้ำนมหรือเปล่า แต่ที่เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งก็คือ ลมที่พัดมาจากภูเขาแรงและหนาวมาก บรรดานักท่องเที่ยวก็ไปอัดกันอยู่ตามสถานที่ชมวิวซึ่งเขาจัดให้ถ่ายรูป อาตมาเองเห็นน้ำแห้งจึงเดินลุยลงไปในทะเลสาบเลย ไปดูว่ามีอะไรดีเขาถึงมากัน ลงไปเห็นน้ำไหลอยู่กว้างประมาณ ๑ ศอก ก็เลยลงไปล้างหน้าล้างตาแล้วก็วักดื่มด้วย..หมดเรื่องไป

เมื่อถ่ายรูปมุมต่าง ๆ จนหมดแล้ว เห็นว่าไม่มีอะไร อาตมาก็เดินกลับ กำลังจะพ้นเขตทะเลสาบแห้งก็สวนกับคุณตั้วที่เป็นหัวหน้าคณะ คุณตั้วบอกว่า “พระอาจารย์ครับ ตรงนี้ไม่ใช่ครับ ต้องเดินลึกเข้าไปอีก” อาตมาเห็นว่ามีคนเดินไปอีกทางหนึ่ง อ้อมกระโจมธงมนต์ที่เขาทำเป็นรูปเจดีย์เข้าไป พอเริ่มเดินตามไป พวกเราส่วนใหญ่ก็ตามมาใกล้ ๆ ไล่ ๆ กันแล้ว ปรากฏว่าพอเดินสุดทาง แม่เจ้าโว้ย...คนจีนล้านแปด..! ...(หัวเราะ)..."

เถรี 14-12-2019 10:26

"ถึงว่า..คนที่ไปเที่ยวเมืองจีนตรงกับช่วงวันหยุดวันชาติของจีนนี่ ทุกคนบ่นกันหมด แหล่งเที่ยวนี่ไม่เห็นอะไรเลย นอกจากหัวคนจีน ขนาดไม่ใช่วันหยุดคนยังเยอะขนาดนั้น แต่ละคนก็ถ่ายรูปไปเถอะ กูไม่เกรงใจใครหรอก ถ้ากูจะถ่ายละก็...คนอื่นจะถ่ายหรือไม่ถ่ายกูก็เดินลุยเข้าไปเลย ซึ่งอาตมาก็มีวิธีเหมือนกัน ถ้าจะถ่ายรูปก็ไปยืนจองที่ไว้ แล้วก็หันมาสู้กล้องประมาณร้อยแปดอัน พวกเขาพอเห็นอาตมายืนอยู่ก็จะรีบวิ่งมาถ่ายรูปพระกัน คราวนี้ก็มีที่ว่างให้พวกเราไปตั้งขบวนถ่ายรูปกันได้

อย่างที่บอกว่าแหล่งน้ำ ภูเขา ลำธารอะไรของเขา ส่วนใหญ่แล้วมีความเนื่องกับทางด้านพระพุทธศาสนาวัชรยาน เป็นแหล่งบำเพ็ญเพียรของบรรดาพระโพธิสัตว์ บรรดาคุรุของพวกเขา ก็เลยกลายเป็นที่ศักดิ์สิทธิ์ เพราะว่าพลังงานที่ท่านทั้งหลายเหล่านี้บำเพ็ญเพียรยังอยู่แถวนั้น

คราวนี้ได้เวลาเพลแล้ว พวกเราก็ไปจองที่ เขามีที่ให้นั่ง มีห้องน้ำอยู่ แต่ขอโทษ...ไม่มีใครแลเลย เพราะรู้ว่าห้องน้ำตามแหล่งเที่ยวจีนนี่น่ากลัวมาก..! ต่างคนต่างก็งัดแซนด์วิชออกมากินกันตามปกติ พวกนกก็พยายามจะมาขอ อาตมาลุกไปให้อาหารนก หันกลับมาอีกทีที่นั่งหายหมดแล้ว บรรดาอาม่าอาอึ้มยึดเกลี้ยง ดังนั้น..ไปประเทศจีนนี่นั่งได้แต่อย่าขยับ ลุกเมื่อไรเสียม้าทันที..!"

เถรี 14-12-2019 10:28

"เสร็จแล้วก็มีอยู่คนหนึ่งวิ่งมาติดต่อกับ Eric ที่เป็นมัคคุเทศก์ ได้ยินพูดว่า “ซือฝู่..ซือฝู่” อาตมา ก็ “บรรลัยละ กูอีกแล้ว..!” อาตมาก็เหวี่ยงเป้ขึ้นบ่า..บ๊ายบาย..ไปก่อนละ ปล่อยคนอื่นนั่งอยู่นั่นแหละ เดินอ้อมทะเลสาบไป ไปหาทางว่าทำอย่างไรที่จะลงไปในทะเลสาบได้ เพราะว่าเขาทำเป็นทางเดินมีระเบียงกั้นอยู่ เนื่องจากทิดเฟิร์สเขาอยากได้น้ำในทะเลสาบมาทำน้ำมนต์

อาตมาถามดูแล้วเจ้าที่เขาไม่หวง แต่ให้หาทางลงเอาเอง เพราะว่าเขาอนุญาตให้ไม่ได้ เดินอ้อมไปครึ่งทะเลสาบ ในที่สุดก็เจอทางลง คือเป็นทางที่มีต้นไม้ขึ้นอยู่ต้นหนึ่ง เบียดแทรกกลางต้นไม้ลงไป
แล้วมีก้อนหินที่โผล่ ๆ อยู่ตามผิวน้ำอยู่หน่อยหนึ่ง ก็เอาปลายเท้าสะกิดก้อนหิน เดินลงไปจนถึงที่ลึกพอก็ตักน้ำ

พอได้น้ำก็เลี้ยวกลับโดยใช้วิธีเดิมก็คือ มีหินโผล่พ้นน้ำขึ้นมานิดหนึ่ง ก็เดินแตะก้อนหินกลับขึ้นมา ปรากฏว่ามีอาอึ้ม ๒ คนเห็นเข้า อาอึ้มคนหนึ่งจัดการมุดต้นไม้ตามมาทันที ตะโกนบอกพรรคพวกช่วยถ่ายรูปให้ด้วย อาตมาก็ขึ้นฝั่ง หยิบเป้ขึ้นมาได้ปรากฏว่าหูเป้ที่เหลือข้างเดียวกรอบจนหลุด อากาศหนาวจัดจนพลาสติกตัวล็อกกรอบขาดหมด มัวแต่นั่งผูกหูเป้อยู่ ได้ยินเสียงอาอึ้มแกส่งเสียงให้เพื่อนช่วยถ่ายรูป รออั๊วเดินออกไปอีกหน่อยหนึ่งก่อน ปรากฏว่าเสียงดังตู้ม..! สงสารแกจริง ๆ เลย อากาศติดลบ ๔ องศาเซลเซียสแล้วตกลงไปในน้ำ ...(หัวเราะ)... สั่นแหง็ก ๆ รอเพื่อนไปช่วยฉุดขึ้นมา

จำไว้ว่าเห็นพระเดินได้อย่าคิดว่าตัวเองเดินได้..! คือการเดินลักษณะอย่างนั้นวิชาตัวเบาต้องดีพอ วิชาตัวเบาไม่ดีพอก็จะเกิดอาการอย่างที่เห็นนั่นแหละ"

เถรี 14-12-2019 10:29

"พอดีทิดเฟิร์สกับทิดดอยเดินตามมาทัน พอส่งกล่องใส่น้ำให้ก็ดีอกดีใจ อาตมาถามอยู่คำเดียว “เอ็งจะเอาไปได้อย่างไร ในเมื่อเขาไม่ให้เอาขึ้นเครื่อง ?” คือ ถ้าน้ำเยอะเกินไป ปกติเขาไม่ให้เอาขึ้นเครื่อง คราวนี้อาตมาตักใส่กล่องพลาสติกไว้ เขาบอกว่า “เอาไปได้ครับ เดี๋ยวไปถ่ายใส่ขวดเล็ก หมดท่าจริง ๆ ก็กินไปเลย” เอาก็เอาวะ..!

คราวนี้เห็นคนกลุ่มใหญ่กรูกันมาช่วยอาอึ้ม ๒ คนที่ตกน้ำ อาตมาขืนอยู่ต่อเขาอาจจะชี้บอกว่า อีตานี่เป็นคนลงไปก่อนมีหวังซวยแน่ ก็เลยรีบเผ่น ...(หัวเราะ)... เดินมาถึงตรงทางแยกก็เจอนายหมีแพนด้ายืนรออยู่ แกบอกว่า “Go to right” อาตมาก็..เออ..ไปก็ไปวะ"

เถรี 14-12-2019 10:30

"พอลงมาทางด้านนี้ปรากฏว่าบรรดาอาซิ้มอาอึ้มเขาไล่ตามถ่ายรูปพระไทยกัน จึงมีการประลองวิชาตัวเบากันว่าใครจะเร็วกว่า ระยะทาง ๖ กิโลเมตร รู้สึกว่าอาตมาเดินแค่พักเดียวเอง ...(หัวเราะ)...

พวกเราเดินออกมาปรากฏว่าเป็นตอนปลายของทุ่งหญ้ารั่วหลง มองไปก็เห็นรถเมล์ ต้องเรียกว่ารถแบตเตอรี่ รถไฟฟ้า จึงไปนั่งรอเวลาเดินทาง แล้วคิดขึ้นมาได้ว่ารถเขียวต้องฉีกตั๋ว แล้วตั๋วของเราเขาก็ฉีกไปแล้ว แสดงว่าเราต้องไปรถขาวที่ส่งเราจากโรงแรมเข้ามา จึงต้องกัดฟันเดินกลับ

เดินมาจนถึงหน้าวัดชงกู่ อาตมาเห็นว่าเป็นศูนย์กลาง ก็คือใครไปใครมาต้องผ่านตรงนี้ จึงยืนรอ เหตุที่ต้องยืนรอก็เพราะว่า ถ้าพระยืนอยู่ทุกคนจะเห็น แต่ถ้าคนอื่นยืนอยู่บางทีก็มองกันไม่เห็น เพราะว่าใส่เสื้อผ้าคล้าย ๆ กัน เสื้อกันหนาวก็ใส่กันจนอ้วนเป็นหมีเลย..!

จนกระทั่งมากันครบ ก็เดินออกไปข้างนอกจนถึงท่ารถที่จะไปย่าติง ปรากฏว่าหม่าม้าหาย ...(หัวเราะ)... คุณแม่ประจำคณะไปไหนก็ไม่รู้ โทรถามกันอุตลุด สรุปแล้วมัคคุเทศก์บอกว่าเห็นเดินลึกเข้าไปทางด้านใน เดี๋ยวเขาไปตามให้ อาตมาก็รอ รอไปก็ดูพวกกระรอก นก พวกอะไรไล่แย่งอาหารจากคน นักท่องเที่ยวตั้งใจให้บ้าง ไม่ตั้งใจให้บ้าง ถ่ายรูปบ้าง ยุ่งไปหมด"

เถรี 14-12-2019 10:31

"อาตมาก็กลัวว่า ถ้าโยมเขาเดินออกมาคนเดียวแล้วจะไม่เห็นคณะของเรา เพราะว่าส่วนใหญ่นั่งพักกัน จึงต้องไปยืนโชว์ตัวตรงสี่แยกให้เป็นเป้าของกล้องต่อไป..! จนกระทั่งโยมมาพร้อมกันแล้วก็ไปขึ้นรถ ตอนนี้ฉลาดขึ้นมาแล้ว รู้ว่าถ้าช่องเดินรถยังไม่เปิดก็รอให้เปิดเสียก่อน ไม่ใช่ว่าเห็นช่องอื่นเปิดแล้วก็ไปขึ้น เดี๋ยวจะโดนพาเตลิดไปอีก จนกลายเป็น ๑ ใน ๒ คนของคณะที่มีประสบการณ์ขึ้นรถมากที่สุด เพราะว่าหลงมาแล้ว

ขึ้นรถย้อนกลับมาที่โรงแรมโม่ฝาน หมู่บ้านย่าติง ขนข้าวขนของไปยืนดักรถเมล์อีกรอบหนึ่ง คือดีอยู่อย่างหนึ่งว่า ตั๋วที่เข้าอุทยานนั้นรวมค่ารถเมล์ ค่ารถแบตเตอรี่อะไรไว้หมดเลย รถทุกคันที่ผ่านมาถ้ามีที่ว่างเรามีสิทธิ์ขึ้นได้ทั้งหมด รู้สึกว่าเขาจัดการเป็นระบบดี ก็คือถ้าเห็นยืนโบกมืออยู่ข้างทางก็แปลว่าจะไปด้วย ถ้ามีที่ว่างโชเฟอร์เขาก็จะจอดให้เอง
คราวนี้พวกเราต้องวิ่งลงยาวเลย ขนข้าวขนของขึ้นรถแล้วก็นั่งรถกลับลงมาที่ตีนเขา"

เถรี 14-12-2019 10:32

"จนถึงจุดจอดรถที่วันก่อนพาอาตมาเตลิดลงไป ๕๐ กิโลเมตรทางด้านล่างนั่นแหละ จึงกลายเป็นคนชำนาญทางแล้วก็นำคณะไป เป้าหมายของตอนนี้ทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเบอร์เกอร์คิง..! ที่วันแรกไม่ได้ไปนั่นแหละ รี่เข้าไปถึงก็สั่งกันกระจาย ตรงนั้นก็เอื้อเฟื้อมาก มี wifi มีห้องน้ำ มีน้ำอัดลม มีเบอร์เกอร์คิง ด้วยความที่มีน้ำอัดลม ปกติคนจีนเขาไม่กินน้ำแข็งกัน ปรากฏว่าตรงนั้นมีน้ำแข็งขายด้วย พวกที่ลงมาตอนช่วงบ่ายแล้วยังกินข้าวเย็นได้อยู่ เขาก็มีเบอร์เกอร์คิง มีน้ำอัดลม นั่งกินกันอย่างรื่นเริงบันเทิงใจ

จนกระทั่งพอสมควรแก่เวลา มัคคุเทศก์ก็พาพวกเรามารอรถบัสที่เราเช่าไว้ ที่ว่าตลอด ๑๐ วันต้องอยู่ด้วยเกือบทุกวัน ไปรอตรงสถานที่จอดรถ ซึ่งมีร้านขายของที่ระลึกเป็นสิบ ๆ ร้านเลย ปรากฏว่าไปถึงนี่หมดเกลี้ยงทุกร้าน ทำไมวะ..?! ทุกคนให้ความเห็นว่า น่าจะขาย
ของได้เฉพาะช่วงเช้า พอรถมาส่งนักท่องเที่ยว ขายได้ขายไม่ได้ก็ตอนนั้น พอช่วงสายหรือช่วงบ่าย นักท่องเที่ยวจะเข้าไปเดินในอุทยานกันหมด กลับออกมาอีกทีก็จะค่ำแล้ว มีพวกบ้า ๆ ที่ออกมาเร็วอย่างพวกเรามีไม่กี่คนหรอก เขาก็เลยปิดร้านกันหมด"


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 01:16


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว