กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนสิงหาคม ๒๕๖๒ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6705)

เถรี 28-08-2019 23:09

พระอาจารย์กล่าวกับพระว่า “มหาเถรสมาคมท่านทำงานแต่ละอย่างนี่เคยถามพวกเราไหม ? ตั้งกองผ้าป่าทุนเล่าเรียนหลวง ทุนเล่าเรียนหลวงก็หลวงจ่ายสิวะ..! กลายเป็นหลงประเด็น ก้าวล่วงพระราชอำนาจหรือเปล่าก็ไม่รู้ ?

ของเดิมในหลวงรัชกาลที่ ๙ ถวาย คราวนี้จะจัดสรรจากส่วนไหนก็ต้องดูว่าเป็นสำนักพระราชวังหรือว่าอะไร จะเป็นมูลนิธิราชประชาสมาสัย มูลนิธิราชประชานุเคราะห์อะไรก็ว่าไป คราวนี้อยู่ ๆ มามีมติให้พระเราตั้งผ้าป่าทุนเล่าเรียนหลวง แล้วจะเป็นทุนเล่าเรียนหลวงได้อย่างไร ? ต้องเป็นผ้าป่าจากคณะสงฆ์สิครับ”


เถรี 28-08-2019 23:10

พระอาจารย์กล่าวว่า “พระปิดตาหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ ปกติองค์เดี่ยว ๆ ราคาก็เลข ๘ หลัก คือสิบล้านขึ้น ส่วนองค์นี้เป็นองค์สามเกลอหันหลังชนกัน หลวงพ่อแก้วท่านทำเอาไว้ประดับยอดบายศรี ถือเคล็ดว่าเป็นยอดเหนือคนอื่น ล้มไม่เป็นเพราะว่าค้ำทุกด้าน อาตมาออกไป ๕ แสนบาท ไม่นึกว่าจะมีคนกล้าบูชา แถมแย่งกันอีกต่างหาก..!

แต่พระปิดตาหลวงพ่อแก้วอันตรายนะ สมัยก่อนแค่ตำผงแล้วปลิวไปโดนสาวนี่ เขาตามยันบ้านเลย ยังไม่ทันจะเป็นองค์พระเลยนะ อาตมาสงสัยว่าทำไมราคาเป็นสิบล้านแล้วคนกล้าสู้ ก็เพราะว่าของท่านดีจริง สมัยก่อนท่านทำเอาไว้แลกไม้ซุงสำหรับสร้างศาลา เขาเรียกว่า “พระปิดตาแลกซุง” ใครต้องการก็ไปตัดไม้มา ๑ ต้น แลกพระ ๑ องค์ ไม้ท่านกำหนดไว้ด้วยนะว่าต้อง ๑๐ กำ ขนาด ๓ - ๔ โอบได้ ...(หัวเราะ)...”

เถรี 28-08-2019 23:11

พระอาจารย์กล่าวว่า “ตอนนี้งานใหญ่ ๒ งานมาติดกันก็คือ สร้างวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี อาคารหลังแรก ๕๐ ล้านบาท กับสร้างพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุน ประมาณการแรกเริ่มอยู่ที่ ๕๐ ล้านบาท วันศุกร์ที่ผ่านมาเซ็นสัญญาออกแบบไป ๒.๔ ล้านบาท เจอ VAT ร้อยละ ๗ เข้าไปอีกเกือบ ๒ แสนบาท ก็คือบริษัทของเขาพอถึงเวลาต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มก็กลายเป็นภาระเป็นของลูกค้า ก็คืออาตมาเองนั่นแหละ

ออกแบบ ๒.๔ ล้านบาท ก่อสร้างประมาณการขั้นต้น ๕๐ ล้านบาท แต่อาตมาว่าเกินแน่นอน เพราะว่าคราวที่แล้วที่สร้างศาลาร้อยปีหลวงปู่สาย ประมาณการขั้นต้น ๔๐ ล้านบาท ทำเสร็จหมดไป ๘๓ ล้านกว่า..! ถามเขาว่า “ทำไมประมาณการได้ห่วยแตกขนาดนี้ เกินไปเป็นเท่าตัว ?” เขาบอกว่า “ถ้าบอกทีเดียว เดี๋ยวหลวงพ่อไม่ทำครับ” เข้าท่านะ..สารภาพตรง ๆ ดีเหมือนกัน..!”

เถรี 01-09-2019 08:57

ถาม : หนูไปส่งพระที่ชะอำ รถหนูถูกชน ตัวหนูไม่ได้เป็นอะไรเลย แต่หนูจำทางไม่ได้ ส่วนพี่อีกคนที่นั่งมากับหนูก็มีอาการช้ำใน ต้องพาไปโรงพยาบาล รถกระบะวิ่งมาชนที่ประตูอย่างแรงฝั่งคนขับ ซึ่งหนูเป็นคนขับ แต่ไม่เป็นอะไรเลย เลยไม่รู้ว่าเป็นเพราะอานุภาพยันต์เกราะเพชรด้วยไหม ? ที่แปลกคือหนูจำความไม่ได้เลย หนูก็เลยถามพี่อีกคนว่าหนูสลบไปหรือเปล่า เขาก็บอกว่าหนูไม่ได้สลบ ยังออกมายกแขนยกขาเหมือนไม่ได้เป็นอะไร เขาก็เลยไม่ได้พาหนูไปโรงพยาบาล หนูเป็นอะไรคะ ?
ตอบ : ระบบร่างกายเราตัด แบบที่คนไข้บางคนช็อค เพราะว่าระบบร่างกายจะตัดเอง บางทีสมาธิทรงตัว ตัดแค่ตรงจุดนั้นเอง เพราะว่าเข้าถึงตรงจุดหยาบ ในเมื่อสติตามไม่ทันเลยจำอะไรไม่ได้

ถาม : คนในเหตุการณ์เขาตกใจกันมาก ถามว่าหนูห้อยพระอะไร แต่หนูไม่ตกใจ เพราะว่าจำเหตุการณ์อะไรไม่ได้เลย ร่างกายก็ไม่เจ็บ ไม่มีแผลเลย ขณะที่รถที่มาชนหม้อน้ำแตก คิดว่าเป็นเพราะอานุภาพยันต์เกราะเพชรค่ะ ?
ตอบ : เป็นอันว่าครูบาอาจารย์ท่านสงเคราะห์ พระท่านสงเคราะห์ก็ดีแล้ว คราวหน้าชวนกันไปอีก จะได้ช้ำในหน่อย ถ้าไม่ได้พกพระอะไรเลย ค่อยถือว่าเป็นอานุภาพของยันต์เกราะเพชร

เถรี 01-09-2019 08:58

พระอาจารย์กล่าวกับญาติโยมบางคนว่า “ทำตัวทำใจให้เหมือนกับลม ลมพัดไปทุกที่ในโลกโดยไม่ติดอยู่ในที่ใด ๆ มีใครเห็นลมติดอยู่ตรงไหนบ้าง ? ถึงเวลาแล้วแรงกระทบจะเกิดขึ้นกับเรา แค่ตัวกูของกูก็แย่แล้ว ไปเอาของข้างนอกมาเป็นของกูอีก ท้ายสุดก็มีกระทั่งที่นั่งกู...ทุเรศนะ”

เถรี 01-09-2019 08:59

พระอาจารย์กล่าวกับโยมคนหนึ่งว่า “อยู่มานาน ต้องยิ่งอยู่ยิ่งก้าวหน้า ไม่ใช่อยู่มานานแล้วก็ให้คนอื่นเขาแซงไปเรื่อย วิธีก้าวหน้าก็คือต้อง อัตตนา โจทยัตตานัง กล่าวโทษโจทย์ตัวเองไว้เสมอ อย่าเข้าข้างตัวเอง ให้คิดอยู่เสมอว่า กาย วาจา ใจ ที่ดีกว่านี้ยังดีมีอยู่ เราต้องทำ กาย วาจา ใจ เหล่านั้นให้ได้”

เถรี 01-09-2019 09:00

พระอาจารย์กล่าวว่า “ลูกศิษย์สายหลวงพ่อวัดท่าซุง ไปไหนก็คล้าย ๆ กัน เพราะฉะนั้น..ถึงจะมาครั้งแรก เดี๋ยวก็ชินไปเอง แต่ที่ไม่ชินจะมีอยู่อย่างหนึ่งก็คือโดนด่า ถ้าโดนด่า อย่างไรก็ไม่ชิน..!”

เถรี 01-09-2019 18:45

พระอาจารย์กล่าวว่า “เลี้ยงลูกอย่าทะนุถนอมมากเกินไป ลงมือลงเท้าบ้าง ปล่อยเขาไปคลุกดินคลุกทรายบ้าง เลี้ยงดีเกินไปเดี๋ยวลูกจะเอาตัวไม่รอด ให้เขารู้แต่เนิ่น ๆ ว่าโลกนี้โหดร้ายกว่าที่คิด ต้องบอกว่าเป็นโลกของคนกินคน แม้กระทั่งเด็กเพิ่งเข้าเรียนอนุบาลก็รังแกกันจะเป็นจะตายแล้ว ถ้าไม่ใช่รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี ก็ต้องแข็งแกร่งกว่าเขา ถามว่าอย่างนี้คือนิสัยของสัตว์เดรัจฉานใช่ไหม ? ก็คนเราก็ใกล้เข้าไปทุกวันแล้ว ไม่กลัวความดี..แต่กลัวคนที่ชั่วกว่า..!

เพิ่งจะกึ่งพุทธกาลมานิดหน่อย อะไรที่เป็นอรรถเป็นธรรมก็ไม่ค่อยจะเอากันแล้ว ทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์ของพวกพ้องและตัวกูเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นหลักการ ศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรม ก็ไม่เอาแล้ว พวกเราที่ยังอยู่ในศีลกินในธรรมกลายเป็นพวกแปลกแยกจากสังคม เข้ากับเขาได้ยาก..อนาถมาก..!

ถ้าใครดูเรื่องเพชรพระอุมา แงซายที่เป็นตัวเอกหนึ่งในสอง เขาบอกกับรพินทร์ว่า หลวงปู่พระธุดงค์ท่านสอนว่า ‘เจ้าจงตื่นในขณะที่โลกหลับ’ แต่คราวนี้เราตื่นอยู่ ในขณะที่เขาหลับกันทั้งโลกนี่..อนาถมาก คือไม่รู้ว่าจะปลุกอย่างไรให้เขาตื่น ก็ต้องดูเขาเดินละเมอลงเหวไปเรื่อย ๆ ตะโกนกันเสียงแหบเสียงแห้งก็ไม่ฟัง”

เถรี 01-09-2019 19:49

พระอาจารย์กล่าวว่า “ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่สร้างขยะต่อคนต่อหัวมากที่สุดในโลก เพราะว่าเขาเน้นการบรรจุให้สวยงามน่าซื้อ ทั้งที่ของบางอย่างก็ไม่ได้ดีมากอะไร เพราะว่า P ก็คือ product สินค้าน่าสนใจ price ราคาเป็นที่น่าสนใจ package การบรรจุหีบห่อน่าสนใจ promotion การโฆษณา หรือว่าเพิ่มเติมเงื่อนไขให้น่าสนใจในสินค้าของเขา ถ้ามี P สี่ตัวนี้ครบ นักการตลาดเขาบอกว่าขายได้ทุกอย่าง ญี่ปุ่นเขาเลยเน้นการบรรจุหีบห่อเป็นพิเศษ กลายเป็นประเทศที่สร้างขยะต่อคนมากที่สุดในโลก”

ถาม : ค่าเงินบาท ...(ไม่ชัด)... ?
ตอบ : แพงหูดับครับ ผมเจอกาแฟแก้วละ ๕๐๐ เยนมาแล้ว เกือบ ๆ ๑๘๐ บาท กาแฟธรรมดาบ้านเรานี่แหละ รู้สึกว่าบ้านเขา ของทุกอย่างจะเริ่มต้นที่ ๓๐๐ เยน ยกเว้นพวกเครื่องดื่มที่หยอดจากตู้ แบบนั้นค่อยมี ๑๒๐–๑๓๐ เยน กินอาหารบ้านเขามื้อหนึ่งก็ต้องคิดแล้วคิดอีก ไกด์เคยเตือนว่า “หลวงพ่อ..อย่าไปคิดเป็นตัวเลข คิดเป็นเงินไทยแล้วไม่มีความสุขหรอก”

ตอนนั้นไปยุโรป น้ำขวดหนึ่ง ๒ ยูโร ๘๐ บาท บ้านเรา ๑๐ บาทก็บ่นแล้วใช่ไหม ? เขาบอกว่า “หลวงพ่อ..อย่าไปคิดอย่างนั้น เราต้องคิดว่า ๒ บาท” กูพยายามแล้วแต่กูคิดไม่ได้..! ไปเจอน้ำแร่ขวดหนึ่ง ๖ ยูโร ๒๔๐ บาท โอ้โฮ..สะดุ้งสุดตัว บ้านเรา ๒๕ บาทนี่บ่นกันเสียไม่มี แล้วไปซื้อน้ำบ้านเขา เขาไม่ขายง่าย ๆ นะ พอบอกไปซื้อน้ำเปล่า pure aqua เขาไม่ขาย เขาไล่ไปกินในห้องน้ำเลย เขาว่าเราบ้าหรือเปล่าไปซื้อน้ำ ? ที่ไหนก็มีกิน

เถรี 01-09-2019 19:50

ถาม : พระพุทธศาสนาในญี่ปุ่น ?
ตอบ : พระพุทธศาสนาในญี่ปุ่นนั้นสับสน เพราะว่าคนญี่ปุ่นไม่ยึดติด คนญี่ปุ่นนั้น เด็กเกิดอาจจะทำพิธีแบบชินโต แต่แต่งงานแบบคริสต์ ถึงเวลาตายแล้วฝังแบบพุทธ ยุ่งจะตายชัก คล้าย ๆ กับเนปาล เนปาลก็ไม่ยึดติด ศาสนาอะไรดีกูเอาหมด

ถาม : เป็นคล้าย ๆ ศาลเจ้า ?
ตอบ : อย่าลืมว่าศาลเจ้าก็คือเทวาลัย เทวาลัยก็จัดเป็นพุทธานุสติ แต่ถ้าประมาณศาลเจ้าจิ้งจอกนั่นก็เกินไปเหมือนกัน โอ้โฮ..ขลังอย่าบอกใครเลย ใครบนแล้วสำเร็จ ก็ไปสร้างซุ้มประตูให้เขาอันหนึ่ง เจ้าประคุณเอ๋ย..ซุ้มประตูเขายาวเป็นกิโลฯ เดินนับกันไม่หวาดไม่ไหว ไปถามว่า “เอ็งเป็นอะไรวะ..ถึงได้ขลังขนาดนี้ ?” เขาเป็นอชคราทิเปรต เป็นเปรตที่มีอิทธิฤทธิ์มาก ถ้าหากว่าเป็นเทวดาชั้นต่ำ ๆ ยังต้องหลีกให้เขาเลย

เถรี 01-09-2019 20:23

ถาม : ยกกำลังใจไปสวดคาถาเงินล้านที่พระนิพพาน ถ้าสวดไปแล้วสวดไม่จบ ไม่อยากสวดต่อ ต้องพยายามสวดให้จบไหมครับ ?
ตอบ : ถ้ากำลังไม่ไหวจริง ๆ ได้แค่ไหนก็ต้องพอใจแค่นั้น ถ้าไม่จบแล้วเขาไม่เอาด้วย แสดงว่าบารมีไม่ถึง สัจจบารมีพร่องเยอะมาก

ถาม : เหมือนกับว่าเราอยากอยู่กับพระแล้ว ไม่อยากท่องแล้ว ?
ตอบ : ประมาณว่าเข้าสมาธิเป็น แต่ออกไม่เป็น ถ้าหากว่าเราหยุดไว้ในระดับที่พอดีก็จะทำงานได้ ของเราเข้าลึกไปก็จะนิ่งอย่างเดียว

เถรี 01-09-2019 20:27

ถาม : บทที่ว่า ธรรมใดเกิดแต่เหตุ พระพุทธเจ้าทรงแสดงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น ทำไมท่านถึงพูดแต่เหตุ ไม่ต้องมีผลหรือครับ ?
ตอบ : ท่านพูดถึงเกิดกับดับ เหตุคือการเกิด การดับก็คือดับ เพราะฉะนั้น..อะไรเกิด สิ่งนั้นต้องดับ อะไรมี ก็ต้องพัง

ถาม : บทนี้ไม่ใช่เหตุกับผลหรือครับ ?
ตอบ : คุณจะใช้คำไหนก็ตาม ก็สรุปรวมตรงนี้ เพราะฉะนั้น..เราแค่เปลี่ยนคำพูดเท่านั้นเอง ต้องเข้าใจคำว่า ไวพจน์ คือคำที่ใช้แทนกันได้

เถรี 01-09-2019 20:39

ถาม : วันศุกร์ส่งใจมาที่นี่แล้วมีคนเห็นเราด้วยตาเนื้อ กำลังใจของเขาตอนนั้นเป็นอย่างไรถึงได้เห็นคะ ?
ตอบ : ลงร่องพอดี เป็นกำลังใจมากกว่าตอนนี้นิดเดียว แทบจะทำอะไรตามปกติทุกอย่างด้วยซ้ำไป เพียงแต่ว่าใส่ความอยากรู้ หรือไม่ก็บางทีเผลอ ๆ ลงร่องเองก็ได้แล้ว

ถาม : แปลว่าเขาภาวนาอยู่ตลอด ?
ตอบ : ไม่จำเป็น แค่ตั้งใจมากกว่าปกตินิดเดียวก็พอแล้ว ส่วนใหญ่ที่ไม่รู้เห็นกันเพราะว่าเราตั้งใจมากเกินไป

เถรี 01-09-2019 21:00

พระอาจารย์กล่าวว่า การสร้างวัตถุมงคล ต้องคำนึงอันดับแรกก็คือ ความเคารพในพระรัตนตรัย อย่าเผลออย่าพลาด ถ้าพลาดเมื่อไรกลายเป็นเราปรามาสโดยไม่รู้ตัว อย่างที่สองก็คือ สร้างให้สวยที่สุดเท่าที่จะสวยได้ คนเห็นของสวยแล้วจะชอบใจ อย่างที่สาม อย่างสุดท้าย..อย่าสร้างให้ออกนอกพระพุทธศาสนามากนัก บางวัดทั้งปลัดทั้งอะไรต่อมิอะไร มาเยอะแยะไปหมด

อะไรที่ออกนอกทุ่งนอกท่า นอกพระพุทธศาสนา อย่างบางสายเขาตำหนิเรื่องพรหม เรื่องเทวดา เราจะเห็นว่าหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสร้างเหรียญ ท่านก็เอาท้าวเวสสุวรรณไว้หลังรูปท่าน คนจะว่าตรง ๆ ก็ว่าไม่ได้ เพราะว่าอย่างไรก็เป็นรูปพระสงฆ์

ดังนั้น..ไม่ใช่ว่าทำไปเรื่อยเปื่อย จะทำก็ต้องมีหลักยึดว่า ทำเพื่อค้ำจุนพระศาสนา ไม่ใช่ว่าทำแล้วกลายเป็นตัวทำลายพระศาสนา

ระยะหลังพวกที่รู้มากเขาโจมตีพวกเครื่องรางของขลังมากขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนใหญ่จะเอาธรรมะบริสุทธิ์ อยากจะถามว่าในชีวิตประจำวัน คนเข้าร้านขายข้าวแกงกับคนเข้าร้านเพชรมีต่างกันเท่าไร ? ในเมื่อคนเข้าร้านข้าวแกงมากกว่า จะให้คนไปเข้าร้านเพชรก็เป็นไปไม่ได้ มีทางเดียวคือ ทำอย่างไรให้คนกินข้าวแกงรู้ว่าเพชรมีคุณค่า สักวันหนึ่งเขาจะได้แวะไปซื้อหาของเขาเอง”


เถรี 01-09-2019 21:10

ถาม : ภาวนาแล้วหัวใจเต้นเร็ว เหนื่อย ?
ตอบ : ลักษณะนั้นจะเป็นการออกไปแบบเต็มกำลังของมโนมยิทธิ คือสภาพจิตรวมตัว ต้องเร่งพลังงานเพื่อที่จะเหวี่ยงเราออกไป บางทีก็เลยเหมือนกับหัวใจเต้นเร็วขึ้น อันนี้เป็นอาการปกติ คนไม่เข้าใจบางทีไปกลัว ต้องนึกถึงคำที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า “ตายลงไปเราก็ยอม” ถ้าหากว่าเราทำใจได้ถูกก็หลุดไปแบบเต็มกำลังเลย นั่นเป็นอาการเบื้องต้น ปล่อยอีกหน่อยเดียวก็ไปแล้ว

ถาม : ขาดความมั่นใจ ?
ตอบ : ไม่ใช่ไม่มั่นใจ แต่ยังไม่มอบกายถวายชีวิตจริง ๆ ถ้ามอบกายถวายชีวิตจริง ๆ ก็ไปนานแล้ว

เถรี 01-09-2019 21:11

วันที่ ๒๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๒๘ หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านฝึกทบทวนมโนมยิทธิเต็มกำลัง พระก็ไปนั่งรอ ตั้งเครื่องบูชาไหว้ครูแล้วก็นั่งภาวนารอท่าน อาตมาก็ภาวนาใช้มโนมยิทธิครึ่งกำลังของตัวเองไปเรื่อยเปื่อยตามแบบ ได้ยินเสียงหลวงพ่อท่านมาถึง ท่านถามว่า “เอ้า..พร้อมกันหรือยัง ?” เสียงโยมส่วนใหญ่บอกว่าพร้อมแล้ว “พร้อมแล้วก็ไปเลยสิ จะรออะไรกัน ?” พอได้ยินนี่เหมือนสัญญาณให้ออกจากเส้นสตาร์ท อาตมาก็ไปเลย ประเภทลงไปนอนเป็นท่อนไม้ ไม่รับรู้อะไรแล้ว นั่นคืออาการที่เชื่อแบบหมดใจ ในเมื่อท่านบอกว่าไปก็ไป ก็เท่านั้นเอง

เหมือนกับที่เด็กสองพี่น้องมาหาอาตมา อาตมาก็สอนมโนมยิทธิให้ไป สอนแทบตาย น้องกลับไปก็ไปนั่งภาวนา พี่ก็สงสัยว่าทำไมนั่งเงียบ ๆ เลยถามน้องว่าทำอะไร ? น้องบอกว่าไปดูนรก ดูสวรรค์ เด็ก ๕-๖ ขวบเองนะ พี่ถามว่าทำอย่างไร น้องก็บอกว่าให้หลับตาแล้วไปด้วยกัน แค่นั้นแหละ พี่เขาไปได้แล้ว อาตมาเองสอนแทบตาย..! ก็เพราะเขาเชื่อว่าถ้าหลับตาแล้วไปได้ เชื่อแบบหมดใจจริง ๆ เชื่อแบบเด็ก เชื่อแบบไม่ลังเลสงสัย

เถรี 01-09-2019 21:12

เรื่องพวกนี้ต้องมีประสบการณ์บ่อย ๆ ก็จะคลำทางได้ถูก ถ้าไม่มีประสบการณ์ก็หกล้มหกลุกเสียหน่อยจะได้ดีขึ้น ถ้าไม่มีก็ไปไม่รอดหรอก

ขอให้มั่นใจว่ามโนมยิทธิของหลวงพ่อวัดท่าซุงเป็นของจริง เป็นของแท้ แต่ทำอย่างไรที่เราจะซักซ้อมให้ใช้งานได้ทุกเวลา และตัวที่ลืมไม่ได้โดยเด็ดขาดเลยก็คือ
ไม่ใช่ความสามารถของเรา เป็นเรื่องของพระ เรื่องของพรหมเทวดา เรื่องของครูบาอาจารย์ท่านสงเคราะห์ เราเป็นผู้รับกระแสที่ผ่านลงมาเท่านั้น ท่านเมตตาสงเคราะห์ให้รู้เรื่องไหน ให้เห็นอะไร เราก็รับไว้ด้วยความเคารพ อย่าเอาใจไปปรุงไปแต่ง อย่าไปยินดียินร้ายด้วย ถ้าไปยินดียินร้ายด้วยเดี๋ยวก็เฝือ

เถรี 01-09-2019 21:15

ถาม : สติคืออะไรครับ ?
ตอบ : รู้ตัว รู้ว่าตอนนี้เราคิดอะไร รู้ว่าตอนนี้เราทำอะไร รู้ว่าตอนนี้เราพูดอะไร โดยเฉพาะถ้าเป็นสติที่เป็นมหาสติก็จะรู้ทั่วพร้อมหมด

ถาม : ต้องมีสมาธิก่อนหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : สติจะช่วยประคับประคองให้เกิดสมาธิ สมาธิจะหนุนเสริมให้สติแหลมคมว่องไวยิ่งขึ้น

เถรี 01-09-2019 21:18

ถาม : คำว่าสัมปชัญญะละครับ ?
ตอบ : เป็นอาการระลึกรู้ได้ อย่างเช่นว่า ตอนนี้เราหิว ตอนนี้เรากระหาย ตอนนี้เราร้อน ตอนนี้เราหนาว อดีตเราเป็นอย่างไร ปัจจุบันเป็นอย่างไร ถ้าหากว่าคนรู้ลึกซึ้งไป อนาคตเป็นอย่างไรก็รู้ สัมปชัญญะเป็นของคู่กับสติ สติคิดขึ้นมาได้ สัมปชัญญะรู้ว่าต้องทำอย่างไร

ถาม : ถ้าหากว่าเรามีสติสัมปชัญญะ เราก็จะคิดถูก พูดถูก ทำถูกใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่แน่...พวกที่คิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว ก็มีสติสัมปชัญญะ เพียงแต่ว่าเป็นในลักษณะของมิจฉาสมาธิ รู้ว่าจะต้องหนีตำรวจอย่างไร รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรถึงจะซิกแซกไปได้โดยที่ไม่โดนจับ ดังนั้น..ขึ้นอยู่กับการใช้งาน ก็เหมือนกับมีด ถ้าใช้หั่นผัก ใช้ผ่าฟืนก็แล้วไป แต่ถ้าเอาไปฟันชาวบ้านเขาก็เดือดร้อน

เถรี 01-09-2019 21:20

ถาม : พวกที่ปรารถนาพุทธภูมิ จำเป็นไหมครับว่าต้องสร้างบารมีในโลกมนุษย์ สร้างบารมีอยู่ข้างบนได้ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าไปรอสร้างข้างบนนั่นเป็นการประมาทเกินไป โอกาสทำความดีข้างบนมีน้อยมาก เพราะว่ามักจะเผลออยู่กับความเป็นทิพย์ที่สุขสบายกว่ามนุษย์หลายเท่า มีอย่างเดียวก็คือตอนยากลำบากในโลกมนุษย์นี่แหละ ต้องตะเกียกตะกายทำให้มากที่สุด

ถาม : ถ้าเรามีอารมณ์เคารพกฎแห่งกรรมมาก ๆ ...(ไม่ชัด)... ?
ตอบ : ถ้าหากว่ามียถากัมมุตาญาณอย่างหนึ่ง หรือว่าเข้าถึงธรรมสักระดับหนึ่งจะเคารพกฎของกรรมโดยอัตโนมัติ แต่ถ้าหากว่าไม่มีก็ยากที่จะยอมรับกฎของกรรม


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 23:30


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว