![]() |
ถาม : อาการเย็นวาบ ๆ นี่ ไม่ใช่เพราะเขาดึงเอาธาตุรอบ ๆ ไปเพื่อทำให้เรามองเห็นเขา กระทั่งเสียสมดุลหรือ ?
ตอบ : ไม่ค่อยใส่ใจเรื่องนั้นหรอก คิดไว้ก่อนว่าเรากลัว ปลอดภัยดี ความกลัวไม่ใช่สิ่งที่น่าอาย ความกลัวทำให้เรารู้จักระมัดระวังและไม่ประมาท ถ้าเกิดมาแล้วไม่กลัวก็คนบ้าเท่านั้น คนบ้าไม่กลัวอะไรเลยเพราะไม่มีสติ มีอยู่ปีหนึ่งมีโยมถามว่า พระอาจารย์ครับ พระอรหันต์กับคนบ้าปล่อยวางได้เหมือน ๆ กันใช่ไหมครับ ?เข้าใจถามนะ ตอบว่า ไม่เหมือนกันหรอก พระอรหันต์ท่านปล่อยวางแบบมีสติ แต่คนบ้าปล่อยวางเพราะไม่มีสติ ต่างกันลิบโลกเลย ในเมื่อมีสติมา ปัญญาเกิด เห็นว่าสิ่งทั้งหลายทั้งปวงล้วนแล้วแต่เป็นทุกข์เป็นโทษ ท่านก็ไม่ไปแตะต้อง ท่านปล่อยวางอย่างมีสติ ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งปล่อยวางเพราะไม่รู้ว่าจะทำอะไร สติไม่มี ทำไปโดยสัญชาตญาณเท่านั้น วัน ๆ ก็เอาแต่นั่งยิ้ม |
พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาแกะลูกประคำส่วนตัวออกมาร้อยใหม่ เอาของเสริมเข้าไป มีทั้งที่ท่านพระครูปลัดสุวัฒนสิทธิคุณหามาให้ ก็คือประคำเขาจามรี มีทั้งกะลาตาเดียวที่เป็นกะลาเผือก มีทั้งไม้พญางิ้วดำ ใส่เสริม ๆ ไป ของเก่าที่ใช้มานานก็เลยเหลือ เมื่อคืนจึงร้อยเป็นประคำสองพวง บอกให้เอามาเข้าตู้จำหน่าย ไม่เห็นเลย ไม่รู้อยู่ไหน ใครเอาไปก็ไม่รู้ ? ...(หมดแล้ว)... คำว่าหมดแล้วไม่รู้ว่าหมดตั้งแต่ยังไม่ลงตู้หรือเปล่า ?
อาตมาทำตัวเป็นภิกขุ คือผู้ขออย่างชัดเจน คนอื่นเขาหาลูกประคำดี ๆ มาใช้ ส่วนอาตมาใช้ประคำกะลา ออกแนวถือกะลาขอทาน..!" |
พระอาจารย์กล่าวว่า "เลี้ยงลูกอย่ารักลูกจนเกินไป รักลูกจนเกินไป เด็กจะไม่คิดพึ่งพาตัวเอง ในเมื่อไม่คิดพึ่งพาตัวเอง ถ้าเกิดไม่มีเราเดี๋ยวเขาจะเอาตัวไม่รอด ต้องให้เขาทำอะไร ๆ ได้ด้วยตัวเองตั้งแต่แรก เลี้ยงลูกแบบลำบากหน่อย อย่าตามบริการมากนัก บางคนลูกไม่กินข้าวแม่นั่งร้องไห้เลย มาถามว่าทำอย่างไรดี ปล่อยให้อดไปสิ ไม่เกิน ๒ วัน รับรองว่าตะกายมาหากินเองแหละ
ที่วัดอาตมาเลี้ยงหมาไว้ตัวหนึ่ง ตอนแรกก็เรียก "คุณนายแสบ" ความแสบซ่ามีตั้งแต่เล็ก ๆ เดินกร่างไปทั่ววัด ท้ายสุดเป็นขี้เรื้อนจนขนแทบจะไม่เหลือสักเส้น จึงหายาไปทาให้ พอหายขึ้นมาก็พอดีเกาะพระฤๅษีไม่มีหมา เลยเอาไปทิ้งไว้ที่นั่น ปรากฏว่าอยู่ไปอยู่มาแม่ชีปุ๊กเขาเอาหมามาเลี้ยงเพิ่ม ตัวมาใหม่เก่งกว่า ไล่กัด ก็เลยอยู่ในเกาะไม่ได้ ต้องหนีมาอยู่ข้างนอก อาตมาไปเจอเข้า จึงอุ้มกลับมาวัดท่าขนุน คราวนี้เขามาอีกทีโตแล้ว เลยเข้ากับใครไม่ได้ ต้องอยู่หน้ากุฏิเจ้าอาวาสนั่นแหละ แล้วยายนี่กินอะไรก็กินช้ามาก ๆ คาบไปแล้วก็นั่งหมอบค่อย ๆ แทะ มารยาทดีเหลือเกิน ตัวอื่นกินหมดเป็นกาละมังแล้วแม่เจ้าประคุณเพิ่งจะกินไปได้ชิ้นหนึ่ง ก็เลยเรียกว่าคุณนาย พอตอนหลังคงรู้ว่าตัวเองเป็นหมาเจ้าอาวาส ตอนนี้ชักจะยืด ได้อะไรมา ประเภทต้องนั่งคุม ไม่ค่อยยอมกิน อวดตัวอื่นว่ามีของดี ก็เลยเปลี่ยนชื่อเป็น "คุณนายลีลาจัง" ลีลาเยอะจัด ในเมื่อคุณนายแกลีลาจัง จึงต้องดัดสันดาน โดยการทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้สัก ๒ วัน เดี๋ยวหิวไส้ขาดก็วิ่งมาหาเอง ก็ลักษณะเดียวกับการเลี้ยงลูก ถ้ามัวแต่ไปง้อลูกตอนอิ่มเขาไม่กินหรอก ปล่อยหิวซะให้เข็ด ถึงเวลาก็วิ่งตามมาหากินเอง" |
:4672615:เก็บตกเดือนตุลาคมปี ๕๘ หมดแล้วค่ะ:4672615: ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทาริกา คะน้า เถรี รัตนาวุธ |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 20:14 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.