กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกบ้านเติมบุญ ต้นเดือนเมษายน ๒๕๖๓ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6940)

เถรี 29-03-2020 07:49

"ป้าติ๋วเป็นบุคคลที่ถูกอาตมาทิ้งบ่อยที่สุด เพราะความใจเย็น ทำอะไรช้า จนถูกเพื่อน ๆ เรียกว่า "ป้า" ตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็ก ส่วนอาตมาเองนั้นมีคติว่า "ใครช้าข้าทิ้ง หาทางกลับบ้านเอาเอง" ตามประสาคนที่ไม่มีเวลา เพราะว่าตั้งใจจะไปพระนิพพาน มัวแต่โอ้เอ้อยู่อาจจะไม่ทันรถเที่ยวสุดท้าย

ป้าติ๋วโดนทิ้งที่เชียงใหม่ กลับมาถึงกรุงเทพฯ อีกไม่กี่วันเจอกันก็ยิ้มหน้าแป้นเหมือนเดิม ถูกทิ้งที่ลำพูน กลับมาก็ยังหัวเราะให้กันได้ คราวหน้าก็ยังขอไปด้วยกันอีก มีใครคิดว่าตัวเองโดนทิ้งแบบนี้แล้วทำใจได้บ้าง ?"

เถรี 29-03-2020 07:50

"ป้าติ๋วเป็นคนที่ไว้วางใจในเพื่อนมนุษย์จนเกินไป แต่อาจจะเป็นเพราะบุญรักษา พระหรือว่าเทวดาคุ้มครอง ทำให้แคล้วคลาดปลอดภัยมาได้ทุกครั้ง ถึงจะตักเตือนให้ระมัดระวังตัวอย่างไร คุณเธอก็ทำหูทวนลม ทำแบบที่คนอื่นรู้แล้วจะเป็นลมอยู่เสมอ..!

สมัยก่อนการไปวัดท่าซุงไม่ได้ง่ายเหมือนสมัยนี้ รถเมล์จะต้องวิ่งไปลงแพขนานยนต์ที่มโนรมย์ แล้วค่อยข้ามแม่น้ำไป วิ่งผ่านหน้าวัดท่าซุง จากนั้นถึงจะเข้าไปที่ท่ารถ บขส.อุทัยธานี จนมีการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาแล้ว รถเมล์ถึงได้เปลี่ยนเส้นทางไปวิ่งเข้าทางด้านอุทัยธานีแทน

ป้าติ๋วออกเวรตอนเย็น นั่งรถเมล์ไปมโนรมย์ ไปถึงก็สี่ทุ่มแล้ว คนลงหมด รถเมล์ก็เลยจอดพักที่มโนรมย์ ไม่วิ่งเข้าอุทัยธานีให้เสียเวลา ป้าติ๋วเรียกเรือเล็กข้ามฝั่ง ไปเจอมอเตอร์ไซค์มีผู้ชายนั่งกันมา ๒ คน ก็ขอให้เขาช่วยไปส่งที่วัดท่าซุง..!"

เถรี 29-03-2020 07:52

"พยาบาลสาวสวยนั่งมอเตอร์ไซค์ มีหนุ่มประกบหน้าหลัง วิ่งผ่านทุ่งนาเป็นระยะทาง ๔ กิโลเมตร ไปถึงวัดท่าซุงตอนเกือบห้าทุ่มโดยปลอดภัยได้อย่างไรก็ไม่รู้ ? ปกติหกโมงเย็นวัดท่าซุงก็ปิดแล้ว ป้าติ๋วไปตะโกนเรียกแถวห้องยาม พอดีลุงสมนึกเข้าเวรอยู่ จึงเปิดประตูเล็กให้เข้าไปพักในวัดได้

วีรกรรมของป้าติ๋วเล่าได้ไม่รู้จักหมด ขนาดตอนที่พระองค์ที่ ๑๐ มาวัดท่าซุง ป้าติ๋วก็ไปนั่งคุยกับเทวดาที่มารักษาท่านหน้าตาเฉย ซ้ำยังบอกกับคนอื่นว่า "เทวดานะหรือ ? ฉันนั่งคุยด้วยเป็นวัน ๆ มาแล้ว..!""

เถรี 29-03-2020 07:53

"ที่นำมาเล่าตรงนี้เพื่อที่จะให้ทุกคนได้เห็นว่า ป้าติ๋วนั้นสามารถที่จะนำมาเอาหลักธรรมคือพรหมวิหาร ๔ มาใช้ได้ทุกที่ทุกเวลา แต่ลืมหลักอปมาทธรรม จึงตั้งอยู่ในความประมาทเป็นปกติ มองโลกในแง่ดี เห็นคนทุกคนเป็นคนดีหมด อยู่รอดมาจนถึงอายุ ๖๑ ปีได้อย่างไรก็ไม่รู้ ?

ทุกวันนี้ป้าติ๋วก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองใกล้ชิดกับอาตมา มาทำบุญตามปกติ เคยบอกบุญเพื่อนฝูงอย่างไรก็ทำอย่างนั้น โดนดุก็ยิ้ม ได้รับคำชมก็ยิ้ม ใครชวนคุยพร้อมที่จะคุยด้วยเสมอ เพียงแต่เปลี่ยนจากสาวน้อยแสนสวย มาเป็นคุณป้าร่างยักษ์แทน ก็ไม่เห็นว่าคุณเธอจะเดือดร้อนอะไร ไปเร็วเหมือนก่อนนี้ไม่ได้ก็ยอมรับสภาพ ค่อย ๆ เดินเอา ใครช่วยประคับประคองก็ยิ้มรับ ใครปล่อยทิ้งป้าก็ไปเอง มีใครทำได้แบบนี้บ้าง ?"

เถรี 29-03-2020 15:29

พระอาจารย์กล่าวว่า "วัดท่าขนุนแบ่งการบิณฑบาตออกเป็น ๔ สาย
๑. สายบ้านวังท่าขนุน
๒. สายบ้านวังใหญ่
๓. สายบ้านปอมเป
๔. สายตลาดเทศบาล

ถ้าหากว่าอยู่วัด อาตมาจะเดินนำบิณฑบาตสายตลาดเทศบาล ซึ่งมีระยะทางประมาณ ๒.๕ กิโลเมตร รวมระยะทางไปกลับ ประมาณ ๕ กิโลเมตร สายบิณฑบาตนี้เมื่อเดินสุดทาง บริเวณหน้ากองร้อย ตชด.ที่ ๑๓๕ แล้ว ก็จะเลี้ยวซ้ายเข้าบ้านวังรังกา ซึ่งปัจจุบันเขียนเป็น วังลังกา กันหมดแล้ว

วังคือที่อยู่อาศัย พระราชวัง คือที่อยู่อาศัยของพระราชา วังจระเข้ คือที่อยู่อาศัยของจระเข้ เวิน (วัง) ปลาบึก คือที่อยู่อาศัยของปลาบึก วังรังกานั้นมีต้นไม้สูงใหญ่เยอะมาก สมัยก่อนฝูงกาไปอาศัยทำรัง จึงเรียกกันว่าวังรังกา แล้วเพี้ยนเป็นวังลังกาในปัจจุบัน"

เถรี 29-03-2020 15:33

"ช่วงท้ายเส้นทางบ้านวังรังกา จะผ่านที่ดินของครูมณฑา พัฒนมาศ คนเก่าคนแก่ของอำเภอทองผาภูมิ ซึ่งใส่บาตรทุกวัน ความภูมิใจของคุณครูมณฑาก็คือ เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน นอกจากหลวงปู่สายแล้ว ไม่ว่าจะเป็นท่านอาจารย์สมเด็จ หรือท่านอาจารย์สมพงษ์ โดนคุณครูบิดพุงมาแล้วเท่านั้น..! ปัจจุบันนี้คุณครูเสียชีวิตไปแล้ว

พื้นที่ของคุณครูมณฑานั้น ประกอบด้วยต้นไม้ใหญ่สารพัดชนิด ประมาณสวนสมรมแบบทางใต้ แต่หนักไปทางมะพร้าว เมื่อเห็นความสูงของต้นมะพร้าวแล้ว อาตมาประมาณว่าอายุแต่ละต้นน่าจะถึง ๘๐ ปี

นอกนั้นยังมีขนุนและมะม่วงพื้นเมือง ซึ่งแต่ละต้นใหญ่หลายโอบ ไม่ทราบว่าช่วงนี้ลูกหลานจะพัฒนาที่ดินไปทำอะไร จึงจ้างคนมาโค่นต้นไม้ลงทั้งแถบ ต้นมะพร้าวก็ไม่ว่าอะไรหรอก แต่ต้นมะม่วงและต้นขนุนนั้น เมื่อโค่นลงมาแล้ว บรรดารุกขเทวดาน้อยใหญ่ยืนกระจองอแง ร้องห่มร้องไห้เพราะว่าบ้านพัง..!"

เถรี 29-03-2020 15:36

"รุกขเทวดานั้นเป็นเทวดาชั้นต่ำ ต้องอาศัยเอาวิมานไปแปะกับต้นไม้มีแก่น ที่สูงอย่างน้อย ๑ คืบขึ้นไป จึงจะมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้ เมื่อต้นไม้โดนโค่น ก็เท่ากับว่าวิมานพังไปด้วย

ถ้าถามว่าทำไมไม่ไปอาศัยแปะวิมานกับต้นไม้ต้นอื่น ? ก็เพราะว่าต้นไม้ต้นอื่นนั้นล้วนแต่มีเจ้าของแล้ว อาตมาจึงชวนให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้นตามไปวัดท่าขนุน อนุญาตให้ท่านทั้งหลายอาศัยต้นเสาของอาคารต่าง ๆ ในวัดท่าขนุน เป็นที่แปะวิมานเพื่อที่จะได้พ้นความเดือดร้อนในเรื่องของที่อยู่อาศัย

บรรดาเสาอาคารในที่ต่าง ๆ นั้น เท่ากับว่าเจ้าของบ้านหรือเจ้าอาวาสวัดนั้น ๆ เป็นเจ้าของ ถ้าไม่อนุญาตท่านก็ไปอาศัยแปะวิมานไม่ได้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องออกปากอนุญาตกันอย่างเป็นทางการ"

เถรี 29-03-2020 15:46

"อาตมาชวนรุกขเทวดาทั้งหญิงชายและเด็กหลายพันตน ไปอาศัยเสาอาคารต่าง ๆ ในวัดท่าขนุนเป็นที่อยู่ เนื่องจากว่ามีการขยายเส้นทางสาย ๓๒๓ จากกาญจนบุรี ไปไทรโยค ทองผาภูมิ จนกระทั่งถึงสังขละบุรี ซึ่งจนป่านนี้ก็ยังสร้างไม่แล้วเสร็จ

การสร้างทางแต่ละครั้งมีการโค่นต้นไม้สองข้างทางจำนวนมาก เมื่อเห็นว่าท่านทั้งหลายเหล่านั้นปราศจากที่อยู่ อาตมาก็อดที่จะสงสารไม่ได้ จึงชวนไปเป็น "เด็กวัด" แทน ซึ่งทุกตนก็ล้วนแล้วแต่ยินดีมาก แม้ว่าจะอาศัยกันอย่างแออัดยัดเยียดสักหน่อย แต่ก็มีโอกาสได้โมทนาบุญกุศลอย่างน้อยวันละ ๒ รอบ เรียกง่าย ๆ ว่าบ้านไม่ต้องเช่าข้าวไม่ต้องซื้อ แค่นอนเบียดกันหน่อยทำไมจะทนไม่ได้"

เถรี 29-03-2020 15:48

"เมื่อกลุ่มรุกขเทวดาบ้านวังรังกามาถึงวัดท่าขนุน อาตมาก็อนุญาตให้เลือกที่อยู่ได้ตามสบาย ปรากฏว่าทั้งหมดกรูกันไปยังหน้าวัด "เฮ้ย..จะไปไหนกันวะนั่น ?"

เห็นทั้งหมดพุ่งเข้าหาป้ายโฆษณาแบบถาวรขนาดใหญ่ ๓ X ๘ เมตร อาตมาจึงถึงบางอ้อ ป้ายนี้อาตมาสั่งให้เถ้าแก่ยุง (นายพยุง เพ็งเลา) สร้าง เพื่อใช้ติดตั้งป้ายโฆษณากึ่งถาวรของทางวัดท่าขนุน ตัวโครงสร้างเพิ่งจะเสร็จได้ไม่กี่วัน ยังไม่ทันจะติดป้ายเสียด้วยซ้ำไป

กลายเป็นว่ารุกขเทวดากลุ่มวังรังกาโชคดีมาก มาถึงก็มี "บ้านว่าง" อยู่พอดี ได้อยู่รวมกันอย่างเป็นสัดเป็นส่วน ไม่ต้องไปเบียดเสียดเยียดยัดกับใคร เรียกว่าถึงจะโดนกรรมบัง แต่ว่าบุญก็ยังพอมี ช่วยให้พ้นจากความลำบากไปได้"

เถรี 29-03-2020 15:51

"ญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย ถึงแม้ว่าการเกิดเป็นรุกขเทวดา บางอย่างจะมีความสุขกว่ามนุษย์ แต่ก็ยังโดนเบียดเบียนด้วยกฎของกรรม ถ้าหมดบุญก็อาจจะลงสู่ทุคติอีกด้วย ดังนั้น..ท่านทั้งหลายจึงพึงสังวรว่า ถ้าไม่อยากเกิดมาลำบากแบบนี้อีก ก็ขอให้เร่งปฏิบัติใน ศีล สมาธิ ปัญญา เพื่อที่จะได้หลุดพ้นจากกองทุกข์ไปสู่พระนิพพาน พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดไปตลอดกาลนาน"

เถรี 29-03-2020 21:01

พระอาจารย์กล่าวว่า "ไทยเรามีสำนวนคำพังเพยว่า "จับปูใส่กระด้ง" ซึ่งการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส covid-๑๙ ครั้งนี้ ทำให้เห็นภาพอย่างชัดเจน ตั้งแต่มีข่าวว่าจะปิดกรุงเทพฯ ผู้คนก็แห่กันออกต่างจังหวัดเป็นหมื่นเป็นแสนคน กลายเป็นเอาเชื้อโรคออกไปแพร่กระจายโดยไม่ตั้งใจ..!

บรรดาท่านที่อยู่ในประเภท "ลูกอีช่างติ" ก็พากันออกมาด่ารัฐบาลเป็นการใหญ่ ว่าไม่มีมาตรการอะไรรองรับ ในเมื่อปิดกรุงเทพฯ ไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้ มีแต่รายจ่าย คนก็เลยหนีกลับบ้านต่างจังหวัดกัน

พอรัฐบาลทำโครงการรองรับ ประกาศว่าไม่ทิ้งกัน มีการแจกเงินเยียวยาผู้ตกงานรายละ ๕,๐๐๐ บาท ผู้คนก็แห่กันไปลงทะเบียนที่ธนาคารออมสิน เบียดเสียดยัดเยียดกันอย่างชนิดที่ไม่กลัวไวรัส covid-๑๙ แล้ว แต่กลัวว่าจะไม่ได้เงินแทน...!"

เถรี 29-03-2020 21:02

"ภาพที่ปรากฏออกมา บรรดาแพทย์พยาบาลที่ต่อสู้อยู่กับไวรัส ก็ออกอาการ "น้ำตาจิไหล" ผลงานที่ทุ่มเทไปทั้งหมด มลายกลายเป็นอากาศธาตุ ต้องมาเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ยังไม่พอ ยังต้องนับแบบติดลบเป็นหมื่นเป็นแสนอีกด้วย..!

นึกว่าจะมีแต่ประเทศไทยอย่างเดียว ปรากฏว่าต่างประเทศก็แย่พอกัน ที่สหรัฐอเมริกา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่าอย่างไรก็ไม่ปิดเมือง ลักษณะแบบนี้เข้าข่ายคําพังเพยว่า "เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย" เพราะว่าถ้าเอาไม่อยู่เมื่อไร เศรษฐกิจจะพังบรรลัยมากกว่าปิดเมืองหลายเท่า"

เถรี 29-03-2020 21:04

"ประเทศอินเดียพอประกาศปิดเมือง ก็ออกในลักษณะแนวเดียวกับประเทศไทย ขนาดไม่ยอมให้รถโดยสารวิ่ง บรรดาอาบัง อีแมะ ก็พากันเดินเท้าไปต่างจังหวัดกันเป็นแสนเป็นล้านคน เอาไวรัสไปแจกจ่ายให้ประชาชนตลอดเส้นทางผ่าน ชนิดที่ทางราชการทำอะไรกับมวลมหาประชาชนไม่ได้..!

ประเทศอิตาลีที่ตายซับซ้อนจากไวรัส covid-๑๙ จนมียอดติดเชื้อมากที่สุดในโลก มีคนป่วยตายสูงที่สุดในโลก ก็ยังมีพวกที่ยังไม่ติดเชื้อ ออกไปยังที่สาธารณะแบบ "ไม่สนโลก" ทำอะไรตามความเคยชินเดิม ๆ เข้าทำนองภาษิตจีนที่ว่า "ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา"

น่าเห็นใจรัฐบาลทุกประเทศ ที่ทำอะไรก็ไม่ถูกใจประชาชน แต่ต้องยึดหลักที่ว่า เราไม่สามารถทําให้ทุกคนพอใจได้ แต่ต้องทำให้คนส่วนใหญ่พอใจได้ อะไรที่ดีต่อส่วนรวม ต้องลงมือทำอย่างเต็มที่ แล้วให้สังคมตัดสินเอาเองว่า สิ่งที่ทำไปนั้นดีจริงหรือไม่ ?"

เถรี 29-03-2020 21:05

"วัดท่าขนุนขอเป็นกำลังใจให้กับคุณหมอ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ทุกท่าน ที่ต้องเหน็ดเหนื่อยกับหน้าที่การงานยังไม่พอ ยังต้องมาเจอกับเหตุการณ์บั่นทอนกำลังใจในรูปแบบต่าง ๆ ซ้ำเข้าไปอีก

ขอให้ทุกท่านระลึกถึงพระบรมราโชวาทของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่ว่า "จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา" สิ่งที่ท่านทั้งหลายทำในครั้งนี้ ต่อให้ไม่มีใครรู้เห็น ผีหรือเทวดาก็รู้เห็น ขอให้ทุกท่านทำหน้าที่อย่างเต็มที่ เต็มสติกำลัง เต็มความสามารถ ขออำนวยอวยพรให้ท่านทั้งหลาย สามารถเอาชนะ "สงครามโรค" ในครั้งนี้ ได้ในเร็ววันด้วยเถิด"

เถรี 30-03-2020 07:29

พระอาจารย์กล่าวว่า "เคยมีผู้กล่าวถึงอุปนิสัยของคนไทยว่า "เรื่องกินเรื่องใหญ่ เรื่องตายเรื่องกลาง ติดตารางเรื่องเล็ก" ดังนั้น..พอต้องเก็บตัวอยู่ในบ้านอย่างน้อย ๑๔ วัน ปัญหาเรื่องกินจึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปจริง ๆ

อาหารหลักที่ทุกคนต้องมองไว้ก่อน คือบรรดาบะหมี่สำเร็จรูป ซึ่งจะว่าไปแล้วก็เพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน เพราะว่าช่วงที่อาตมาเริ่มเรียนทหารนั้น ประเทศไทยเพิ่งจะเริ่มหัดผลิตบะหมี่สำเร็จรูป

เมื่อผลิตขึ้นมาแล้วก็ต้องมีผู้ทดสอบว่าใช้งานได้ดีหรือไม่ ? มีอะไรที่ต้องแก้ไขเปลี่ยนแปลง วิธีที่ดีที่สุดก็คือส่งไปให้ทหารลองกินดู บางท่านอาจจะคิดว่าโหดร้าย แต่ถ้าใครเคยชินกับอาหารของบรรดาหน่วยทหารแล้ว จะเห็นว่าบะหมี่สำเร็จรูปนั้นเป็นอาหารชั้นเยี่ยม..!"


เถรี 30-03-2020 07:30

"ใครที่เรียนจบโรงเรียนนายร้อย จปร.มา ถ้าเพื่อนเลี้ยงผัดกระเพราเนื้อจะโกรธมาก เพราะว่ากินอยู่ทุกวัน แทบจะทุกมื้อ ส่วนโรงเรียนนายสิบทหารบกนั้น เรียนจบมาแล้วถ้าเพื่อนเลี้ยงเกาเหลาเนื้อ ก็จะโกรธหูดับเช่นกัน เพราะว่าเจอเกาเหลาเนื้อหม้อยักษ์บ่อย ๆ ซึ่งส่วนมากจะมีแต่ถั่วงอกที่ใบเขียวแล้วกับไขมันวัว ซึ่งถ้าเป็นหน้าหนาวไขมันก็จะจับขอบหม้อหนาเป็นคืบ..!

เวลาฝึกทหารเขาจะมีเพลงให้ร้องแก้เหนื่อย อย่างเช่น

"ทหารไทยมีใจแข็งแกร่ง กินข้าวแดงทั้งกาก กินผักบุ้งทั้งราก สาว ๆ ไม่อยากแลมอง

ฟักทองเป็นอาหารหลัก ฟักเขียวเป็นอาหารรอง อย่างดีก็หน่อไม้ดอง รอง ๆ ก็มะเขือยาว"


ทหาร ๑ กองร้อย แต่ละมื้อมีไก่ ๖ ตัว แต่ว่ามาไม่ค่อยจะถึง นายทหารสูทกรรม (พ่อครัว) จะเอาไปทำอาหารพิเศษ ให้แก่ผู้บังคับกองร้อย รองผู้บังคับกองร้อย ตลอดจนกระทั่งตนเองและพรรคพวก จึงมักจะเหลือแต่วิญญาณไก่เอาไว้เลี้ยงทหารเกือบทุกมื้อ"

เถรี 30-03-2020 07:31

"เมื่อได้บะหมี่สำเร็จรูปมา พวกเราก็หาทางพลิกแพลงทำเป็นอาหาร เพื่อที่จะได้ไม่เบื่อง่าย ๆ เมนูบะหมี่ผัดขี้เมา บะหมี่ต้มปลากระป๋อง ก็เกิดมาจากค่ายทหารนี่เอง

พวกเราเก็บตัวกันแค่ ๑๔ วัน ไม่ใช่ทหารที่โดนกันทั้งปี เมื่อได้ยินเรื่องนี้แล้ว ต่อให้ต้องกินบะหมี่สำเร็จรูปตลอด ๑๔ วัน คิดว่าท่านทั้งหลายก็คงจะไม่ลำบากไปกว่าชีวิตทหารที่อาตมาเคยผ่านมาแล้ว"

เถรี 30-03-2020 07:33

"องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงสอนหลักโภชเนมัตตัญญุตา ให้รู้จักประมาณในการกิน เมื่อรู้สึกอิ่มก็ให้หยุด จะได้ไม่กินล้นกินเกิน จนกลายเป็นปัญหาเจ็บไข้ได้ป่วยอย่างทุกวันนี้

ดังนั้น..ในช่วงนี้หลายท่านอาจจะฉวยโอกาสลดน้ำหนักไปในตัว อย่างเช่นว่ากินอาหารแค่ ๒ มื้อ นอกจากจะไม่สิ้นเปลืองแล้ว สภาพร่างกายยังได้พักฟื้น น้ำหนักลดลง เป็นผลดีแก่ตัวเองเป็นอย่างยิ่ง

ในเรื่องของการปฏิบัติธรรมนั้น เมื่อร่างกายไม่หนักไปด้วยสารอาหาร เลือดลมปลอดโปร่ง การภาวนาจับลมหายใจเข้าออกก็สะดวก สมาธิทรงตัวได้ง่าย สติก็มั่นคง ปัญญาก็แหลมคม จะพิจารณาข้อธรรมอะไรก็เห็นแจ้งแทงตลอด

ในทุกวิกฤตย่อมมีโอกาส หากเรารู้จักใช้โอกาสในการเก็บตัวอยู่กับบ้านครั้งนี้ ทำสิ่งที่ดี ๆ ให้เกิดกับตัวเอง อย่างเช่นการควบคุมอาหารเพื่อลดน้ำหนัก การตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติธรรมอย่างเต็มที่เพราะว่ามีเวลามาก ก็ย่อมยังประโยชน์ให้เกิดขึ้นแก่ตนเองทั้งในโลกนี้และโลกหน้า สมกับที่ได้ชื่อว่าเป็นนักปฏิบัติธรรมด้วยประการฉะนี้"

เถรี 30-03-2020 12:05

พระอาจารย์กล่าวว่า "องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงกล่าวถึงบุคคล ๔ ประเภท ได้แก่
๑. อุคฆฏิตัญญูบุคคล มีความฉลาดมาก ฟังแค่หัวข้อธรรมก็เข้าใจ สามารถบรรลุธรรมได้ทันที
๒. วิปจิตัญญูบุคคล ต้องอธิบายขยายความก่อน ถึงจะสามารถเข้าใจได้
๓. เนยยบุคคล ต้องปากเปียกปากแฉะ จ้ำจี้จ้ำไชอยู่ทุกวัน จึงพอที่จะเข้าใจอะไรได้บ้าง
๔. ปทปรมบุคคล เป็นประเภทน้ำล้นแก้ว เติมอะไรลงไปไม่ได้ เพราะคิดว่าตัวเองฉลาดมาก ไม่ยอมรับความคิดของผู้อื่น

ในส่วนของอรรถกถาจารย์นั้น อธิบายเพิ่มเติมเอาไว้อีกมาก ว่าคนเราแบ่งออกเป็น
๑. มนุสสเนรยิโก เป็นมนุษย์แต่นิสัยเหมือนสัตว์นรก ภาษาวัยรุ่นเขาว่า ชั่วยันเงา
๒. มนุสสเปโต เป็นมนุษย์แต่สภาพความเป็นอยู่เหมือนเปรต อดอยากยากแค้น
๓. มนุสสติรัจฉาโน เป็นมนุษย์แต่นิสัยสันดานเหมือนสัตว์เดรัจฉาน จ้องแต่จะแย่งชิง เข่นฆ่า ทำลายผู้อื่น
๔. มนุสสภูโต เป็นมนุษย์ทั่ว ๆ ไป รัก โลภ โกรธ หลง อยู่ในกรอบพอที่จะรับกันได้
๕. มนุสสเทโว เป็นมนุษย์แต่ความประพฤติดี อยู่ในศีลกินในธรรม สมควรที่จะเป็นเทวดา"

เถรี 30-03-2020 12:09

"ในสภาวะที่ทั้งประเทศต้องเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-๑๙ รัฐบาลขอความร่วมมือให้ทุกคนเก็บตัวอยู่กับบ้าน แต่ก็ยังมีบุคคลบางประเภท ที่พยายามแหกคอก ออกนอกกรอบ ไม่ยอมทำตามกฎระเบียบใด ๆ ทั้งสิ้น

อีกประเภทหนึ่งก็ฉวยโอกาสหากินบนความเดือดร้อนของผู้อื่น กักตุนสินค้าจำเป็น เช่น หน้ากากอนามัย บุคลากรทางการแพทย์ไม่มีใช้ แต่ตนเองเอาไปขายทำกำไรเป็นล้าน ๆ ชิ้น โดยไม่ละอายใจหรือมีความเห็นใจต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

เมื่อต่างประเทศอย่างเช่น คุณแจ็ค หม่า ส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นมาให้ ก็เอาไปกักเก็บเอาไว้ อ้างว่าต้องตรวจผ่านเพื่อให้แน่ใจว่าปลอดเชื้อก่อน แต่ความจริงก็คือรอให้พรรคพวกตัวเองขายของที่ตุนไว้ให้หมดก่อน ค่อยเอาส่วนนี้ออกมา โดยที่ไม่คิดว่าทุกวินาทีที่ผ่านไป หมอและพยาบาลต้องเสี่ยงชีวิตกันขนาดไหน"


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 09:48


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว