พระที่วัดท่านหนึ่ง ก็คือ ท่านคอม ป่วยเป็นโรคพุ่มพวง ทอดอาลัยในชีวิต ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติเพื่อพระนิพพานอย่างเดียว แล้วก็ปฏิบัติได้ดีมาก อยู่ ๆ เหมือนอย่างกับมีการทดสอบกำลังใจ มีหมอจากอเมริกามาเจอเข้า ก็เลยขอท่านเป็นตัวอย่างในการรักษา โดยใช้ยาตามแบบของเขา และขอบันทึกผลการรักษาเป็นระยะ ท้ายสุดถ้าตายขอให้บริจาคศพไว้ให้ศึกษาด้วย ท่านคอมก็ตกลงเซ็นสัญญากับเขาไป
จากที่ผอมมีแต่หนังหุ้มกระดูก ตอนนี้ท่านคอมอ้วนขึ้นมาเยอะเลย โรคคงจะตรงกับยา ท่านคอมบอกว่า หลวงพ่อครับ...ตอนนี้ฉันอะไรก็อร่อยไปหมด อาตมาบอกไปว่า ตรงนั้นผมไม่ว่าหรอก เพราะร่างกายขาดอาหารมานาน คุณจะฉันอะไรก็ฉันไปเถอะ แต่ระวังใจตัวเองไว้ด้วยว่า พอมีทีท่าว่ารักษาได้เราก็จะไม่อยากตาย ตอนแรกพร้อมที่จะตายอยู่เสมอ เพราะรู้ว่าไม่รอดแน่ แต่พอมีทีท่าว่าจะรักษาได้ใจก็จะเริ่มกลับกลอก ถาม : แต่ก็ตายเหมือนกันนี่คะ ? ตอบ : ตาย...แต่ว่าตายช้าหน่อย ใจเลยไม่อยากตายตอนนี้แล้ว ถึงได้เตือนท่านว่าต้องระวังไว้ ต้องให้ใจพร้อมตายเอาไว้เสมอเหมือนเดิม ไม่ใช่ว่าตอนนี้อาการดีขึ้นเลยไม่อยากจะตายแล้ว เรื่องพวกนี้ถ้าหากว่าไม่ผ่านประสบการณ์มาด้วยตัวเองก็จะไม่รู้หรอก ว่าใจเรากลับกลอกขนาดไหน ถึงเวลาเจ็บไข้ได้ป่วยสาหัสขึ้นมาก็โอดโอย ไม่อยากจะอยู่แล้ว ตายตอนนี้ได้ก็ดี จะได้พ้นทรมาน พอถึงเวลาร่างกายทุเลาลงมาหน่อยก็ไม่อยากที่จะตายแล้ว |
ถาม : บางจังหวะเรามีสมาธิ พิจารณาข้อธรรมได้ชัดเจน แต่เห็นอยู่ไม่นาน ก็เผลอไปคิดนั่นคิดนี่ต่อไปเรื่อย ?
ตอบ : พอคิดจนกระทั่งอารมณ์ใจทรงตัวแล้วให้ภาวนาต่อ ก็คือเอากำลังของฌานมาช่วยจะทำให้มั่นคงขึ้น ถ้าหากว่าคิดพิจารณาอย่างเดียว อารมณ์เต็มที่ก็ไม่เกินปฐมฌานและเคลื่อนตัวได้ง่าย เดี๋ยวก็หลุดแล้ว เพราะฉะนั้น..ให้ภาวนาต่อจากที่เราพิจารณา พออารมณ์ใจทรงตัวคราวนี้จะอยู่ได้นานขึ้น แล้วเราก็ทบทวนไว้บ่อย ๆ |
:4672615:เก็บตกเดือนพฤษภาคม หมดแล้วค่ะ:4672615: |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:04 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.