กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนสิงหาคม ๒๕๖๑ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6287)

เถรี 16-08-2018 20:39

ถาม : ลาออกเจ้านายยังไม่ให้ออกเสียที ?
ตอบ : เป็นที่ต้องการของเจ้านาย ลาเท่าไรก็ไม่ให้ออก ลาแล้วไม่ให้ออกก็หนีไปเฉย ๆ สิวะ..! แบบเดียวกับอาตมา ลาแล้วไม่ให้ออก ไม่ทำงานปีครึ่งก็ยังคาชื่อไว้อีก พอปีที่ ๒ ก็ต้องเอาออกจนได้ ก็อาตมาไม่ไปทำงานเลย

บางทีเจ้านายเขาอาศัยความมีน้ำใจของเรา ไม่ให้ออก ให้อยู่ช่วยกันไปก่อน เราก็ช่วยไปเถอะ ช่วยไปจนตายกันไปข้างหนึ่ง..! ส่วนอาตมาค่อนข้างเด็ดขาด ถ้าออกมาแล้วเขาจะเจ๊งก็เป็นเรื่องของเขาเถอะ แล้วก็ไปเลย ไม่ใช่เรื่องของการไร้น้ำใจหรือว่าใจร้ายใจดำ แต่เป็นเรื่องของความเด็ดขาดบวกกับอุเบกขา ในเมื่อไม่มีเขา เราอยู่ได้ ไม่มีเรา เขาก็ต้องอยู่ได้เหมือนกัน

เถรี 16-08-2018 21:00

ถาม : ผู้ที่ได้พระโสดาบัน...(ไม่ชัด)...จะเหมือนกันไหมกับเสียงที่ได้ยิน ?
ตอบ : การเป็นพระอริยเจ้าไม่ได้ขึ้นอยู่กับเสียงที่ได้ยิน เสียงที่ได้ยินเป็นทุกระดับตั้งแต่ปุถุชนธรรมดาขึ้นไป สำคัญอยู่ที่ว่าท่านตั้งใจจะมาแกล้งหรือตั้งใจจะมาสงเคราะห์ ส่วนบรรดาท่านทั้งหลายที่ได้เป็นพระอริยเจ้าแล้ว ท่านมั่นคงในพระรัตนตรัย อะไรที่นอกลู่นอกทางท่านก็ไม่ไปใส่ใจ

เถรี 16-08-2018 21:19

พระอาจารย์เล่าว่า "อาตมานั่งรับสังฆทานมา ๒๕ ปี ประเภทลุกไปเข้าห้องน้ำกลางคันนี่แทบจะไม่เคยทำ สงสัยว่าอากาศเปลี่ยนแล้วมาลาเรียจะกำเริบ คราวนี้พอมาลาเรียลงกระเพาะก็พัง จำเป็นต้องไปห้องน้ำ ไม่อย่างนั้นแล้วท้องจะอาละวาด

ปกติถ้ามาลาเรียลงกระเพาะแล้วจะอาเจียน อาตมาเองเป็นมาลาเรียมาตั้งแต่หนุ่ม ๆ อายุเพิ่งจะ ๒๒ - ๒๓ ปี ตอนนั้นร่างกายแข็งแรงมาก กลั้นเอาไว้ไม่ให้อาเจียนได้ กลั้นไปกลั้นมา โรคหาทางออกไม่ได้เลยลงข้างล่างแทน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ถ้ามาลาเรียกำเริบก็ต้องวิ่งเข้าส้วม ซึ่งก็ดีกว่าอาเจียน

ส่วนหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเป็นมาลาเรียแล้วท่านไม่รู้ตัว พอ ๔ โมงเย็นก็เริ่มอาเจียนทุกวัน จนกระทั่งก่อนมรณภาพไม่นาน พระท่านเห็นว่าพ้นวาระกรรมตรงนี้แล้ว ถึงได้บอกให้ทราบว่าเป็นมาลาเรีย พอได้ยามาฉีดลงไป หายจากมาลาเรียก็เป็นโรคอื่นแทน ฉะนั้น...ยอมเป็นของเก่าต่อไปดีกว่า หลังจากนั้นไม่นาน ท่านก็มรณภาพไป แปลว่าตายเพราะหมดกรรม

เขาบอกว่าคนเราจะตาย
๑) หมดอาหาร ๒) หมดอายุ ๓) หมดบุญ ๔) หมดกรรม ถ้าบุญรักษา กรรมรักษา อายุยังไม่หมด อาหารยังมีอยู่ อย่างไรก็ไม่ตาย ที่อาตมาถ่ายนี่สงสัยเกิดจากฉันยาคูณธาตุเข้าไป หรือไม่ก็มาลาเรียกำเริบ"

เถรี 16-08-2018 21:38

ถาม : มีจอมปลวกขึ้นที่บ้านครับ ?
ตอบ : ไม่มีอะไร ถ้าเบื่อก็เอาน้ำมันดีเซลราดลงไป พอปลวกได้กลิ่นก็หนีหมด

ถาม : ควรจะทำลายหรือครับ ?
ตอบ : ปล่อยเอาไว้ก็ได้ จะได้ล่อบ้านหมดทั้งหลัง..!

เถรี 17-08-2018 09:51

พระอาจารย์พูดถึงการเลี้ยงเด็ก "สอนให้เขารู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควรก็พอ ทำอะไรอย่าไปห้ามมาก ถ้าห้ามมากเดี๋ยวเด็กจะเก็บกด แล้วเขาไปแอบทำเองก็จะยุ่ง"

เถรี 17-08-2018 09:54

ถาม : ฌานที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ สามารถรู้คำภาวนาได้ไหมครับ ?
ตอบ : จะฌานไหน ถ้าเราคล่องตัวทำได้ทั้งนั้น เพียงแต่ว่าถ้าเราไม่คล่องตัวก็ทำไม่ได้สักอย่าง

เถรี 17-08-2018 19:57

พระอาจารย์กล่าวกับพระที่มาถวายสังฆทานว่า "เราเป็นพระ จะไปให้โยมช่วยระวังไม่ได้ เราต้องระวังตัวเองด้วย"

เถรี 17-08-2018 20:02

ถาม : สัตว์ที่จะโดนเอาไปฆ่ากิน เขาจะมีความรู้ตัวไหมคะ ?
ตอบ : ส่วนใหญ่เขารู้ เพียงแต่ไม่คิดว่าจะถึงตาย ไม่สังเกตหรือว่าพวกที่ไปโรงฆ่าสัตว์นี่ดิ้นรนถอยหลังเลย เห็นพวกมายืนรอรับอยู่เป็นร้อย..!

แม้กระทั่งเรื่องของการเลี้ยงวัวเอาไว้รีดนมขาย วัวต้องมีลูกถึงจะมีนม แต่ถ้าให้ลูกกินนมก็จะไม่มีนมไว้ขาย ถึงเวลาก็ต้องแยกลูกออกไป ถ้าลูกวัวดื้อก็จะโดนตี โดนทุบ

ฉะนั้น...ใครที่บอกว่ากินมังสวิรัติกินนมได้ กินไข่ไม่ได้ เถียงกันไปเถอะ เขาบอกว่านมเป็นของให้ ไข่เป็นของหวง...ไม่จริงหรอก แม่วัวก็ไม่ได้อยากจะให้นมเรากิน เพราะว่าจะเอาไว้เลี้ยงลูกของตัวเอง

เถรี 17-08-2018 20:22

ถาม : ที่วัดน้ำท่วมไหม ?
ตอบ : จนป่านนี้ก็ยังไม่มีวี่แวว ทางทองผาภูมิจะมีโอกาสน้ำท่วมอย่างเดียวก็คือต้องเขื่อนแตกเท่านั้น แต่ทางสังขละบุรีบางส่วน อย่างทางด้านไล่โว่ กองม่องทะ สะเหน่พ่อง ของเขาอยู่กับลำห้วย น้ำป่ามาตูมเดียวก็ท่วมทุกปี เพียงแต่จะท่วมแค่วันสองวัน แต่ปีนี้ที่ท่วมนานมาก เพราะว่าฝนไม่ยอมหยุด ตกต่อเนื่องกันมาเดือนครึ่ง ทั้งวันทั้งคืนไม่ยอมหยุด เช้ายันค่ำ ค่ำยันเช้า พวกไปปฏิบัติธรรมที่วัดท่าขนุนนี่ซาบซึ้งเลย ตกได้อย่างไรขนาดนี้

เถรี 17-08-2018 21:17

คนทองผาภูมิเขามีประสบการณ์ตั้งแต่ตอนแรกที่ปิดเขื่อน ทางการไฟฟ้าคำนวณว่า ประมาณปีครึ่งน้ำจะเต็มเขื่อน ปรากฏว่าแค่ ๘ เดือนก็เต็ม เพราะฉะนั้น..เขาทราบซึ้งเลยว่าฝนตกแบบไหน เขาจะต้องมีการคำนวณเลย ระยะเวลามีฝนกี่เดือน ถึงเวลาน้ำขนาดนี้ ถ้าปล่อยออกแค่นี้ ต้องเติมเข้ามาเท่าไร เขากะคำนวณไว้หมดแล้ว

ถาม : เขาบอกว่ามีรอยเลื่อนที่ใต้ดิน ?
ตอบ : อันนั้นเป็นเรื่องปกติ เขาเรียกรอยเลื่อนเหมืองสองท่อ

ถาม : รอยเลื่อนสองท่อ คือ ?
ตอบ : เป็นรอยเลื่อนใต้ดินที่มีอยู่เป็นปกติ เพียงแต่ว่าพาดผ่านแนวนั้น กลางเกาะพระฤๅษีเลย

ถาม : รอยเลื่อนที่ว่าที่อยู่กลางเกาะพระฤๅษี ?
ตอบ : เราต้องเข้าใจว่าโลกเราเป็นแผ่น ๆ ไม่ได้ยึดกันเหมือนเปลือกที่เห็น แต่ละแผ่นก็จะมีรอยต่ออยู่ ก็คือรอยเลื่อนที่เขาว่า คราวนี้รอยก็อยู่ลึกบ้าง ตื้นบ้าง แล้วแต่ความใหญ่เล็ก ฉะนั้น...รอยเลื่อนเหมืองสองท่อนี่ถือว่าเล็ก

ถาม :ไม่ได้เกี่ยวกับผิวหน้า ?
ตอบ : ไม่ได้เกี่ยวกับผิวหน้า ลึกลงไปหลายกิโลเมตร ก็แค่ประเภทที่ว่าหุ้มกันไว้หลวม ๆ แบบแจกันแตกแล้วเอากาวต่อไว้ ถึงเวลาถ้าลาวาดันออกมาด้านไหนก็ครืนขึ้นมาที แต่ส่วนใหญ่ก็ออกมาแถววงแหวนไฟแปซิฟิกมากกว่า วงแหวนไฟแปซิฟิกนี่น่าเป็นห่วงมาก ถ้าตูมขึ้นมาจริง ๆ ญี่ปุ่นจะหายไปทั้งประเทศเลย..!

เถรี 17-08-2018 21:21

ถาม : วงแหวนไฟแปซิฟิคเป็นอย่างไรครับ ?
ตอบ : เป็นแนวที่เป็นรอยแตกของโลก แล้วก็พาดผ่านมหาสมุทรแปซิฟิกของเราไป พวกนี้พอชนกัน เกยกัน ก็คือแผ่นดินไหว เกาะญี่ปุ่นทั้งเกาะเกิดขึ้นมาเพราะภูเขาไฟระเบิด ทีนี้ถ้าจะระเบิดแล้วหายไปก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ ระเบิดแล้วมีขึ้นได้ก็ระเบิดแล้วหายไปได้

พระท่านบอกว่า "พระอาจารย์ครับ...ญี่ปุ่นร้อนจัดมากเลย จนกระทั่งคนตาย เอาความร้อนจากไหนครับ ?" ส่วนหนึ่งมาจากใต้ดิน ช่วงที่ผ่านมาร้อนตายไป ๖๐ กว่าคน ตอนนี้ความร้อนเลื่อนไปที่เกาหลี เกาหลีกำลังแย่อยู่ ต่อจากเกาหลีก็จะเข้าจีน กว่าจะเข้าจีนก็คงสงบเพราะเข้าฤดูหนาวพอดี บ้านเราจะหนาวประมาณเดือนตุลาคม แต่ความหนาวจากจีนจะมาก่อน

ตอนนี้ที่น่าห่วงที่สุดก็คือสงครามการค้า ไปเจอประธานาธิบดีติงต๊องของสหรัฐเข้า ประสาทกันทั้งโลกเลย

เถรี 17-08-2018 21:55

พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของการสร้างหน่วยไตเทียม หรือเรียกภาษาง่าย ๆ ว่าห้องฟอกไต เกิดจากอาหารการกินในปัจจุบันที่ไปทำลายไตมาก โดยเฉพาะกินอาหารเนื้อมากกว่าผัก ร่างกายต้องการโปรตีน ถ้าคิดเป็นเนื้อก็ประมาณขีดครึ่งต่อวันเท่านั้น ทีนี้ถ้าเรากินเกิน ไตก็ต้องไปดึงออก ทำให้หน่วยไตทำงานหนัก แล้วก็ชำรุดพังกันหมด ถึงเวลาไม่มีไตไว้คอยฟอกเลือด ก็ต้องสร้างห้องฟอกไตขึ้นมาให้ทำหน้าที่แทน

คราวนี้ที่อาตมาทำ เกิดจาก ๒ สาเหตุด้วยกัน สาเหตุที่หนึ่งคืออาตมาเป็นประธานพัฒนาโรงพยาบาลทองผาภูมิอยู่ ตำแหน่งบ้านี่ตอนที่เขาประชุมกรรมการ ๓๐ - ๔๐ คน เหมือนกับล็อกตายอยู่ก็คือ ห้ามเป็นนักการเมืองท้องถิ่น ห้ามเป็นข้าราชการประจำ ห้ามไปห้ามมาเหลือพระอยู่รูปหนึ่งกับประธานชมรมผู้สูงอายุ แล้วประธานชมรมผู้สูงอายุแก่ขนาดไหนแล้ว ? ก็ต้องยกตำแหน่งถวายพระไปนั่นแหละ

ประการที่ ๒ คนทองผาภูมิถึงเวลาจะฟอกไต เดินทางใกล้ที่สุดคือโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนาในตัวจังหวัด ซึ่งห่างออกไป ๑๔๐ กิโลเมตร ไปแล้วไม่แน่ว่าจะได้ฟอกไต ถ้าคิวเต็มก็ต้องรอไปก่อน ในเมื่อชาวบ้านเขาลำบากขนาดนั้น แล้วอาตมาพอช่วยได้ก็ช่วยเขาหน่อย"

เถรี 17-08-2018 22:00

"ปี ๒๕๕๖ ทอดผ้าป่าซื้อเครื่องมือให้ทางโรงพยาบาล ตอนนี้เงินเป็นล้าน ๆ ก็ไม่พอ เนื่องจากว่าเครื่องฟอกไตเครื่องหนึ่งต่ำสุดก็ห้าแสนกว่าบาท แล้วปัจจุบันนี้เครื่องที่คุณภาพดีอยู่ที่เก้าแสนกว่าบาทถึงหนึ่งล้านบาท

ถามว่าต่างกันตรงไหน ? เครื่องห้าแสนกว่าบาทฟอกไตแล้วต้องนอนหมอบกระแตไปประมาณ ๒ วัน แต่เครื่องเก้าแสนกว่าหรือหนึ่งล้านฟอกไตแล้วไม่เพลียขนาดนั้น กะว่าจะให้เขาทั้งสองแบบ ใครมีเงินมากก็ฟอกแบบดีหน่อย ใครมีเงินน้อยก็นอนไปสัก ๒ วัน จะเอาประเภทเครื่องเป็นล้านอย่างเดียวอาตมาก็ไม่ไหว เพราะ ๑๒ เครื่อง บอกเขาว่าจะให้ปีละ ๒ เครื่องก็แล้วกัน กว่าจะครบนี่ไม่รู้กี่ปี ? แต่ว่าปีนี้ทำห้องฟอกไตให้ก่อน

หลวงพ่อมณฑลท่านช่วยมาห้าแสนบาท ทางด้านพวกชาวบ้านร่วมกันบริจาคมาก็น่าจะได้สัก ๒ เครื่อง แล้วเดี๋ยวปีหน้าอาตมาเพิ่มไปอีก ๒ เครื่อง ทุกอย่างก็จะดีขึ้น พอครบยูนิตเขา ๑๒ เครื่อง ก็คงไม่มีใครที่จะฟอกพร้อมกันทีหนึ่งเยอะขนาดนั้น"

เถรี 17-08-2018 22:03

"ตอนอาตมาไปปากีสถาน ไปช่วยที่มูลนิธิที่เขาทำเรื่องฟอกไต คนปากีสถานน่าสงสารมาก เพราะว่ากินอาหารเนื้อเป็นหลัก ขนาดหนุ่ม ๆ สาว ๆ ยังฟอกไตกันเป็นแถวเลย พวกเราเข้าไปเยี่ยมเขาก็ดีใจ ทั้ง ๆ ที่เป็นอิสลามก็ยังอุตส่าห์ทักทาย บังเอิญอาตมาพอจะทักทายตามวิธีการของอิสลามเขาได้ เขาก็ยิ่งดีใจกันใหญ่ ตอนนั้นพวกเราก็เรี่ยไรเงินดอลลาร์ช่วยเขาไป เขาก็ยังอุตส่าห์ให้อนุโมทนาบัตรมา

คราวนี้พอเป็นบ้านเราเองก็ต้องทำ ถ้าโยมไม่อยากฟอกไตก็เปลี่ยนนิสัยการกิน กินผักกินผลไม้ให้ได้สัก ๗๐ เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือ ๓๐ เปอร์เซ็นต์ไว้กินเนื้อ เน้นพวกปลาให้มากเข้าไว้

เพื่อนพระสังฆาธิการคนโน้นก็ฟอกไต คนนี้ก็ฟอกไต อาตมาคงไม่ถึงคิวหรอก เพราะไม่ค่อยกินเนื้อ แล้วอีกอย่างถึงคิวเขาก็ต้องรีบบริการ เพราะว่าอาตมาเป็นคนไข้สำคัญอยู่แล้ว อาจจะไปลัดคิวคนอื่นให้เขาเดือดร้อน เดี๋ยวนี้พอไปโรงพยาบาลแต่ละที ทั้งผู้อำนวยการ ทั้งหมอ ทั้งพยาบาล วิ่งมากันหมด ต้องบอกว่า โน่น...คุณไปดูแลคนไข้ อาตมาเดินเองได้ แต่
เขาไม่ค่อยฟังกันหรอก"

เถรี 19-08-2018 18:56

ถาม : คนเราเสื่อมไปตามสังขาร เมืองไทยไม่ได้มีเครื่องฟอกไตมากพอ รู้สึกสงสารคนต่างจังหวัด ?
ตอบ: คิดถึงสมัยปู่ย่าตาทวดเราสิ อาหารคืออะไร ? ผัก น้ำพริก แกงส้ม แล้วก็ปลา ถึงขนาดมีคำพูดว่าที่ว่า "กินข้าวกินปลากันมาหรือยัง ?" "ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว" พวกเราเพิ่งจะมาบ้ากินแบบฝรั่งกันไม่นานนี้เอง แล้วไตก็พังกันหมด

เถรี 19-08-2018 18:57

มีทิดเพิ่งสึกใส่หมวกมา "ไม่ต้องไปใส่หมวกหรอก จำไว้ว่าเรื่องการบวชคือเราทำความดี และเป็นการทำความดีสูงสุดในชีวิตลูกผู้ชายครั้งหนึ่งด้วย ต้องอวดเขา ไม่ใช่ประเภทไปใส่หมวกปิด ๆ บัง ๆ โกนหัวต่อไปอีก ๒ เดือนเลย ให้เขารู้เอาไว้ว่าเราไปบวชมา"

เถรี 19-08-2018 19:08

พูดถึงเทือกเขาหิมาลัย "นิ้วกลมบอกว่าหิมาลัยไม่มีจริง เพราะเขาไปแล้วเจอแบบนี้ เขาไม่เหมือนเรา แม่เจ้าประคุณจัดให้สะใจมาก ไม่ว่าจะไปมุมไหน คุณต้องการดูอะไร มีให้หมด ขนาดเขาถ่ายรูปเฮ ๆ อยู่ฝั่งซ้าย อาตมาอยู่ฝั่งขวา เอาเทือกเขามาให้ถ่ายได้อย่างไร ? ลองคิดดูว่าเครื่องบินเขาบินไปตรง ๆ แล้วหิมาลัยอยู่ฝั่งซ้าย โยมก็เฮไปถ่ายทางฝั่งซ้ายหมด อาตมามองออกหน้าต่าง อ้าว...แล้วฝั่งนี้คืออะไร ? ก็หิมาลัยทั้งเทือก ก็เลยถ่ายเพลินอยู่คนเดียว ไม่มีคนแย่ง ขอบคุณที่เมตตา

พอโยมเขาหายเห่อ มาชวนไปถ่ายรูปบ้าง อาตมาบอกว่าถ่ายได้แล้ว ไม่มีใครเชื่อ ต้องกดรูปให้เขาดู แล้วตอนที่บินจากอิสลามาบัดไปกิลกิต ข้ามหิมาลัยทั้งเทือกเลย วิสัยทัศน์สุดยอด มีกี่ร้อยยอดเห็นหมด ทั้ง ๆ ที่เขาบอกว่าเครื่องบินสายนี้บิน ๑๐ เที่ยว โอกาสที่จะข้ามได้สัก ๔ เที่ยวก็ยาก แล้วก็จริง ๆ พอเครื่องของเราเฉียดซอกเขาลงที่สนามบินกิลกิต อากาศก็ปิดเลย เที่ยวต่อไปมาไม่ได้แล้ว ต้องบอกว่าไปไหนนี่ถ้ารู้จักเจ้าที่ ท่านช่วยสงเคราะห์สุดชีวิตจริง ๆ"

เถรี 19-08-2018 19:12

"บางส่วนที่อาตมาไม่เข้าใจเพราะว่าไม่เคยเห็น แล้วไปจินตนาการเอาเองก็คือธารน้ำแข็ง ธารน้ำแข็งนี่อาตมาก็คิดว่าใสปิ๊งเลย หรือไม่ก็ต้องขาวมาเชียว ที่ไหนได้..ดำคลั่กเลย...! เหมือนกับน้ำโคลนกลายเป็นน้ำแข็ง เพราะว่าไหลลงมาจากเขา ก็เอากรวดหินดินทรายมาด้วย แต่อาตมาไม่เคยเห็น ก็คิดว่าจะต้องใส ๆ หรือไม่ก็ขาว ๆ ของจริงไม่ใช่ ลงมานี่ดำดูไม่ได้เลย ถ้าหากว่าไม่เย็นก็คือขี้ดินดี ๆ นี่เอง

ด้วยความที่ไม่เคยเจอ อุตส่าห์ตะเกียกตะกายลงไปเพื่อที่ไปถ่ายรูป ตอนขึ้นนี่สิ ทั้งแบกทั้งหามเลย จะมีพวกชาวบ้านและเด็ก ๆ ทำตัวเป็นพี่เลี้ยงพาพวกเราขึ้น พาพวกเราลง ช่วยกันหอบช่วยกันหิ้ว สำหรับอาตมาเองเขาไม่ได้ช่วยอะไรเลย แล้วจะมาแบมือขอรางวัล บอกว่าเดี๋ยวเขกกบาลเลย พูดง่าย ๆ ว่าเดินยังไม่ทันอาตมาเลย แล้วจะมาขอรางวัล ก็เลยเอาปากกาให้ไปด้ามหนึ่ง เพราะว่าใช้ปากกาเขียนบันทึกอยู่ บอกเขาว่าเอาไปแค่นี้แหละ"

เถรี 19-08-2018 19:16

ถาม : ที่ไหนครับ ?
ตอบ : ที่ปากีสถาน เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาเอเวอเรสต์ ทางด้านธารน้ำแข็งฮอปเปอร์ พวกเราก็ลุยตลอดแนวเขาคาราโครัมข้ามไปจีน ไปดูหิมะหน้าร้อนกัน หน้าร้อนเขาไม่มีหิมะ ไม่มีฝน พวกเราไปนี่กระหน่ำสะใจมาก อยากดูมากใช่ไหม ? โน่น...คนขออยู่โน่น (ยายจี๋) บ่นว่าอยากดูหิมะ อยากดูมากก็เอาไปเลย

ตอนแรกฝนตกแล้วไกด์ไม่ยอมให้ไปต่อ อาตมาบอกเขาว่า "ไป..ขึ้นหน้าอย่างเดียวไม่ต้องฟังอะไรเลย..เชื่อข้า" ปรากฏว่าอีกไม่กี่นาทีกลายเป็นหิมะ ไกด์ค่อยโล่งอกไปที เขาบอกว่า
Snow ok, rain not ok. ถามเขาว่าทำไม ? เขาบอกว่าฝนลงมา น้ำจะชะเอาหินลงมาด้วย แถวนี้ถล่มอยู่ตลอดเวลา แต่ถ้าหิมะลงมาจะคลุมอยู่ แล้วหินจะไม่ถล่ม พวกเราก็เลยไปเล่นกันเสียสะใจ

อะไรที่เขาห้าม พวกเราทำกันหมด ห้ามวิ่ง ห้ามตะโกน ห้ามหัวเราะ ทำกันทุกอย่าง เขากลัวจะเป็นโรคแพ้ที่สูง ปรากฏว่าไม่มีใครเป็น นอกจากไกด์จากเมืองไทย ดมออกซิเจนอยู่บนรถลงไม่ไหว บรรดานักท่องเที่ยวกลายเป็นเด็ก เล่นหิมะกันหมด

เถรี 19-08-2018 19:20

ไปที่สวิตเซอร์แลนด์ก็เหมือนกัน นั่นก็หิมะหน้าร้อน คราวนี้ทางด้านเจ้าของพื้นที่เขาบอกว่า ๓๐ กว่าปีแล้วเพิ่งจะมีอีกครั้งหนึ่ง เขาบอกว่าเคยเกิดครั้งหนึ่งเมื่อ ๓๐ กว่าปีก่อน อาตมาก็ระแวงว่า ๓๐ กว่าปีก่อน หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านไป มาปีนี้หลวงลูกตามไป เพราะว่าหลวงพ่อก็ไปเข้าถ้ำน้ำแข็งโบราณที่อาตมาไปนั่นแหละ นึกขำ ๆ ว่า ถึงเวลาไปเทวดาท่านก็เลยสงเคราะห์ ๓๐ กว่าปีที่แล้วมีครั้งหนึ่ง แล้วก็เพิ่งจะมามีก็คือตอนที่อาตมาไป ฤดูร้อนมีหิมะนิด ๆ หน่อย ๆ เหลืออยู่บนยอดเขา อยากเห็นกันดีนัก เอาไปเสียให้เข็ด...!

เรื่องแบบนี้จะเรียกว่าบังเอิญก็ใช่ แต่บังเอิญจนน่าเกลียด บังเอิญบ่อยไปหน่อย ไปไหนก็เหมือนกัน เช็คอุณหภูมิก่อนไป ทิเบตอยู่ที่ประมาณ ๕ - ๗ องศา แต่ช่วงที่เราอยู่ ๑๘ - ๑๙ องศาตลอด เป็นอุณหภูมิที่พวกเรารับได้ ไม่อย่างนั้นก็ป่วยตายกันหมด พอลงมาแค่นั่งรถไฟเลื่อนออกจากลาซา เช็คอุณหภูมิใหม่ ลดเหลือ ๑๑ องศาแล้ว ตอนที่ถึงซีหนิงนี่ไม่รู้ว่าเหลือเท่าไร ? ไม่ได้ดู


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 04:52


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว