![]() |
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อครู่นี้กล่าวถึงศาสนาพุทธกับลัทธิบอนในทิเบต บางคนสงสัยว่าศาสนากับลัทธิต่างกันตรงไหน ? ศาสนาต้องประกอบไปด้วย ๑) ศาสดา คือผู้ก่อตั้งศาสนานั้น ๒) ศาสนธรรม คือคำสอนแนวทางการปฏิบัติของศาสนานั้น ๓) ศาสนบุคคล ไม่ว่าจะเป็นตัวของนักบวชก็ดี หรือสาวกผู้ปฏิบัติตาม ๔) ศาสนพิธี พิธีกรรมต่าง ๆ ในศาสนานั้น
คราวนี้เรามาดูว่าบางอย่างที่เรียกว่าลัทธิ เช่น ลัทธิคอมมิวนิสต์ มีศาสดาไหม ? มี...คาร์ล มาร์กซ์ แล้วมีคำสอนไหม ? มี...ก็ลัทธิมาร์กซิสต์ แล้วมีผู้ปฏิบัติตามไหม ? มี...ปัจจุบันนี้มีเยอะเลย แต่ไม่มีศาสนพิธี จึงเป็นได้แค่ลัทธิ ในเมื่อมีไม่ครบก็เป็นศาสนาไม่ได้ เป็นได้แค่ลัทธิเท่านั้น อย่างเช่น ลัทธิฝ่าหลุนกง ลัทธิโอมชินริเกียว ลัทธิคอมมิวนิสต์ เวลาเขาถามจะได้ตอบเขาถูกว่าต่างกันตรงไหน ก็ต่างกันอย่างนี้แหละ มีครบก็เป็นศาสนา มีไม่ครบก็เป็นได้แค่ลัทธิ" |
"พุทธศาสนาในทิเบตที่เข้าไป ไปจากสองฝั่ง คือจากจีนและเนปาล สมัยก่อนพระเจ้าซองซานกัมโป ต้องนับว่าเป็นมหาราชของทิเบต รบเก่งมาก แผ่ขยายพื้นที่ได้กว้างใหญ่ไพศาลมาก ก็เลยทำให้พวกที่เกรงอำนาจ ต้องใช้วิธีแต่งงานเชื่อมสัมพันธไมตรี อย่าลืมว่าตรงกับสมัยพระเจ้าถังไท่จงฮ่องเต้นะ นั่นก็สุดยอดนักรบเหมือนกัน ยังต้องเชื่อมสัมพันธ์ด้วยการแต่งงาน เพราะว่าประเภทช้างสารชนกันก็เยินด้วยกันทั้งคู่
ทางด้านเนปาลก็ต้องส่งเจ้าหญิงไปให้เหมือนกัน แต่เจ้าหญิงทั้งสองปรากฏว่าถือพุทธทั้งคู่ เลยเกลี้ยกล่อมพระสวามีให้ทิ้งลัทธิถือผีมาถือพุทธ เขาบอกว่าสินสอดทองหมั้นที่ขนไป แค่พระพุทธรูปโจโวที่เจ้าหญิงเหวินเฉิงเอาไปจากประเทศจีน ก็หล่อด้วยทองคำทั้งองค์ เอาไปเพื่อให้รู้ว่าเป็นผู้หญิงที่มีคุณค่า มีราคา เป็นที่เคารพนับถือและรักใคร่ของทั้งพระบิดาและไพร่ฟ้าประชากร คุณจะรังแกลูกสะใภ้ ก็คิดให้ดี ๆ ก่อน แต่ว่าสมบัติที่ท่านเอาไปก็เอาไปสร้างวัดเสียเยอะแยะ" |
"ทริปนี้นั่งรถไฟ ๑ วันกับอีกคืนกว่า ๆ ตั้งใจว่าจะพกบะหมี่สำเร็จรูปไปด้วย ๒๕ ชั่วโมงบนรถไฟ ต้มบะหมี่กินดีกว่า ไปนึกถึงตอนที่นั่งรถไฟความเร็วสูงจากเซี่ยงไฮ้ไปปักกิ่ง ๑,๕๐๐ กว่ากิโลเมตร ใช้เวลา ๔ ชั่วโมง ๑๐ นาที แต่ปรากฏว่างวดนี้ ๒๕ ชั่วโมง โอ้โห...ประเทศอะไรจะใหญ่ปานนั้น ซินเจียงมณฑลเดียวใหญ่เท่าประเทศไทย ๘ ประเทศ นั่นแค่มณฑลเดียว ลองคิดดูว่าทั้งประเทศจะใหญ่แค่ไหน
สถานที่ที่อยากไปของประเทศจีน ก็คือ ทิเบตกับเฮยหลงเจียง แต่เฮยหลงเจียงต้องรอสุขภาพดีกว่านี้หน่อย เพราะว่าติดลบ ๔๐ องศาเซลเซียส ที่ไหนที่ชาวบ้านเขาไม่ไปเราจะไป ไม่รู้ว่างวดหน้าจะซิกแซ็กอีท่าไหนเขาถึงจะให้เข้า เพราะว่าเป็นคำสั่งของรัฐบาลจีนเลย ห้ามพระไทยเข้าประเทศ เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้ ท่านไปกันทีหนึ่ง มีกระเป๋าใบเท่าโต๊ะ คนละ ๗ ใบ ๘ ใบ ขนวัตถุมงคลสายเสน่ห์ล้วน ๆ ปลัดขิกบ้าง อีเป๋อบ้าง พรึ่บเดียวคนจีนบูชากันเกลี้ยง รัฐบาลจีนเขาเห็นว่าไปมอมเมาคนของเขา เลยสั่งห้ามพระไทยเข้า ทัวร์จีนที่มาประเทศไทยมีอยู่แทบจะเกินครึ่ง ที่มาเพื่อเสริมดวง สร้างเสน่ห์ เพื่อการค้าขาย อะไรทำนองนี้" |
ถาม : หิ้งพระจำเป็นต้องหันหน้าไปทางทิศตะวันออกไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าทำได้ก็ทำ จะได้สบายใจ ถ้าไม่มีที่จริง ๆ ค่อยว่ากันใหม่ |
พระอาจารย์กล่าวว่า "พระราหูในความคิดของคนจีนก็คือ ไปค้าขายมีแต่รับไม่ต้องจ่าย เพราะว่าพระราหูกินอย่างเดียว แต่พระราหูในความรู้สึกของเราก็คือ กลับร้ายกลายเป็นดี เหมือนอย่างกับรู้จักเจ้าพ่อมาเฟีย พวกนักเลงเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ไม่กล้ายุ่งกับเรา...ใช่ไหม ?"
|
"ถ้าพูดถึงกะลาตาเดียวแกะเป็นรูปราหู ที่มีชื่อเสียงจริง ๆ คือหลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง ถัดมาจากหลวงพ่อน้อยมาก็คือหลวงพ่อปิ่น ที่เป็นลูกศิษย์ก้นกุฏิ ช่วยหลวงพ่อน้อยทำพระราหูมาตั้งแต่แรก
พระราหูกะลาตาเดียวของหลวงพ่อน้อยกับหลวงพ่อปิ่น บางทีลายมือก็มั่วกัน หลวงพ่อน้อยทำ หลวงพ่อปิ่นช่วยจารอะไรอย่างนี้ ของหลวงพ่อปิ่นเลยพยายามแกะให้มีศิลปะแตกต่างกันออกไปหน่อยหนึ่ง ถ้าแน่ ๆ ต้องจำลายมือได้ด้วย แต่ของหลวงพ่อน้อยจะใช้วิธีจำลายมืออย่างเดียวไม่ได้ เพราะว่าบางทีลูกศิษย์ก็ช่วยกันจาร เนื่องจากเวลาตามฤกษ์มีพักเดียว ต้องเตรียมแกะกะลาล่วงหน้าเอาไว้ แล้วช่วยกันจารตอนพระราหูเริ่มคายพระอาทิตย์ พอพระราหูเริ่มคายพระอาทิตย์ก็เริ่มจารกัน พอพระราหูคายเสร็จก็เลิก คือจากไม่ดีมากลับเป็นดี พอกลับคืนดีเป็นปกติก็เลิกจาร มีฤกษ์อยู่แค่พักเดียวเท่านั้น ส่วนอีกสำนักหนึ่งทางเหนือคือครูบานันตา วัดทุ่งม่านใต้ ท่านดังสารพัดเหมือนกัน แบบเดียวกับหลวงพ่อน้อย หลวงพ่อน้อยทำพระราหูกะลาตาเดียวก็ดัง ทำวัวธนูก็ดัง ครูบานันตาเหมือนกับหลวงพ่อน้อย เพราะว่าท่านก็ทำพระราหูกะลาตาเดียว ทำวัวธนู แต่ของครูบานันตาแยกได้ ท่านเล่นครั่งจีนสีแดงโร่เลย ไม่ใช่ครั่งดำ ๆ แบบของหลวงพ่อน้อย ทางด้านครูบาอาจารย์ของท่านคือครูบาเจ้าอโนชัย วัดปงสนุก ก็ทำพระราหูกะลาตาเดียวเหมือนกัน แต่ว่าลูกศิษย์ดังกว่าพระอาจารย์" |
ถาม : กะลามหาอุตม์ ?
ตอบ : เขาบอกว่าประมาณ ๑,๐๐๐ ลูกมีลูกหนึ่ง เป็นกะลาที่ไม่มีตาเลย ถาม : เพื่อนเขาเอาไปกะเทาะ ? ตอบ : จะกะเทาะอย่างไรก็ใช้ได้เหมือนกัน กะลามหาอุตม์จะไม่มีตา กะลาปกติ ๒ ตาไม่ถือว่าดี ถ้า ๓ ตาจึงจะดี ตาเดียวดี ไม่มีตาเลยยิ่งดี อะไรที่ผิดปกติธรรมชาติ ถ้าหากว่าทางวิทยาศาสตร์เขาถือว่าชำรุด พันธุกรรมชำรุด แต่คนโบราณถือว่าขลัง เพราะแตกต่างไม่เหมือนใครเขา |
ครูบาอโนชัยเป็นอาจารย์ แต่ครูบานันตาซึ่งเป็นลูกศิษย์ดังกว่า แบบเดียวกับหลวงปู่ปาน วัดตุ๊กตาที่เป็นพระอาจารย์ แต่หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้วดังกว่า เหตุที่หลวงปู่บุญดังกว่าเพราะว่าหลวงปู่ปาน วัดตุ๊กตา ท่านอยู่สมัยรัชกาลที่ ๓ ตอนนั้นข่าวสารบ้านเมืองไม่ใช่ไปได้ง่ายเหมือนกับสมัยนี้ ท่านก็เลยดังเฉพาะในพื้นที่
หลวงปู่ปาน วัดตุ๊กตา ท่านสำเร็จมนต์มหาจินดามณี เวลามีงานกฐิน ท่านจะเรียกปลาขึ้นมาเต็มคลองหน้าวัดให้ทุกคนดู คนแห่กันมาดูปลาก็มาทำบุญกฐินด้วย พอเหยี่ยวมากินปลา ท่านก็เรียกเหยี่ยวลงมาให้ชาวบ้านดูอีก แสดงว่าต้องพูดภาษากันรู้เรื่อง รุ่นของเรา ๆ ส่วนใหญ่มักกลัวลำบาก ในเมื่อกลัวลำบากก็เลยสำเร็จวิชาการต่าง ๆ ยาก สมัยหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค บางท่านใช้เวลา ๓๐–๔๐ ปี กว่าจะสำเร็จสักวิชาหนึ่ง |
ถาม : ประเทศจีนเขาก็มีศาสนาพุทธเหมือนเรา แต่ทำไมเขาถึงมาเมืองไทยกันเยอะคะ ?
ตอบ : ตั้งแต่คอมมิวนิสต์เขาทำลายศาสนาไปแล้ว พอมีนโยบาย ๔ ทันสมัย ทำให้เขาฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ แต่ไม่ได้ฟื้นฟูศาสนาขึ้นมาเพื่อให้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยว แต่ฟื้นฟูขึ้นมาเป็นแหล่งเที่ยว เพื่อหาเงินเข้าประเทศ ของที่ระลึกที่เขาทำส่วนใหญ่ก็เป็นลูกประคำ เป็นแผ่นหยก แต่วัตถุมงคลสารพัดประโยชน์แบบบ้านเราไม่ค่อยจะมี ต้องบอกว่าบ้านเราสั่งสมภูมิปัญญามา ทั้งไสยศาสตร์ทั้งพุทธศาสตร์ผสมปนเปกันมาเป็นร้อย ๆ ปี ไสยศาสตร์ส่วนใหญ่ได้ผลในปัจจุบัน ซึ่งจะมีผลเสียตามมาในภายหลัง แต่เขาไม่สนใจ สนใจอย่างเดียวว่าช่วยให้ร่ำรวยเฉพาะหน้าก็เอาแล้ว ประเทศจีนกว้างใหญ่ไพศาล ประชากรพันกว่าล้าน แย่งกันทำมาหากิน ทำอย่างไรถึงจะกอบโกยให้ได้มากที่สุด ถึงได้ปลอมสารพัด ปลอมกระทั่งนม ปลอมกระทั่งข้าวสาร ขนาดข้าวสารยังปลอมได้ |
พูดถึงไปทิเบต "คนจะไปกันเยอะ แต่อาตมาเองต้องประกันความปลอดภัยซึ่งเป็นภาระใหญ่ แต่ละคนสร้างเวรสร้างกรรมมาไม่เท่ากัน ต้องไปประกันความปลอดภัยของคนประเภทสูงต่ำไม่เท่ากัน ไปทำให้เท่ากันก็ลำบาก บางคนโจทก์เขาไม่ยอม จะเอาให้ได้"
ถาม : โจทก์เยอะไหมคะ ? ตอบ : อาตมาเองมีแต่รังแกเขา คนเกิดบ่อย สถานที่แปลกไม่ค่อยมี ไม่ชาติใดก็ชาติหนึ่งก็ต้องโตอยู่แถวนั้น ยังขำ ๆ เลยว่า มีอยู่บางชาติเคยเป็นอิสลาม คงอยากจะรู้กระมังว่าเขาเป็นอย่างไร ตอนไปฝรั่งเศส ยังคุยกับคนอิสลามรู้เรื่องเลย |
พระอาจารย์กล่าวว่า "สงกรานต์ปีนี้แม้ว่ารัฐบาลจะยกเลิกคำสั่งห้ามนั่งท้ายรถกระบะชั่วคราว แต่มีหลายเขตเทศบาลประกาศห้ามไม่ให้ใครนั่งกระบะท้ายไปสาดน้ำในเขตนั้น ๆ เพราะฉะนั้น...โปรดตรวจสอบให้ดี ไม่ใช่ไปโวยวายว่ารัฐบาลไม่ห้าม แล้วทำไมถึงมาจับและปรับอีกต่างหาก เทศบาลมีอำนาจในเขตของเขา ถ้าหากว่าออกเทศบัญญัติมา นั่นก็คือกฎหมาย
คนไทยเราบางทีไม่เข้าใจว่าบ้านเราจริง ๆ แล้วมีกฎหมายเยอะมาก กฎหมายแม่บทเลยคือรัฐธรรมนูญ รองลงไปเป็นพระราชบัญญัติ ถัดไปเป็นพระราชกำหนด ถัดไปเป็นพระราชกฤษฎีกา ถัดไปเป็นกฎกระทรวง หลังจากนั้นเป็นระเบียบการปกครองท้องถิ่น เป็นต้น ถ้านายกเทศมนตรีมีคำสั่งห้าม แต่เราดันนั่งกระบะท้ายไปสาดน้ำด้วยความรื่นเริงบันเทิงใจ บอกว่ารัฐบาลไม่ห้ามก็โดนปรับแน่ ๆ ถ้าไม่อยากโดนสาดน้ำก็ทำอย่างอาตมา ให้เขาขับรถพรวดทิ่มหัวเข้าไปตรงที่ตั้งท่าสาดน้ำ เขาหยุดกันหมดเลย ลดกระจกลงไปบอก "ช่วยสาดหน่อย อยากเปียก" เขาก็ไม่สาด แต่ทีคนเขาขับรถหนีดันไล่สาดกันจัง ช่วงสงกรานต์นี่ถ้าอาตมาออกไปข้างนอกจะได้หลายบาท เพราะว่าส่วนใหญ่มีการตั้งด่านเรี่ยไรโดยบอกว่าเอาไปทำบุญ แต่เชื่อเถอะ...เอาไปกินเหล้าเกินครึ่ง พอขับรถไปถึงเขาก็จะปิดถนนไม่ให้ไป อาตมาก็ลดกระจกกวักมือเรียกคนที่ถือบาตรเรี่ยไร พวกนั้นคิดว่าจะทำบุญก็รีบวิ่งมาหาเลย อาตมาถามว่าจะให้เท่าไร ? เขาก็ยืนงง ๆ อาตมาก็ควานในบาตรมาขยุ้มหนึ่ง บอกว่า "เอาแค่นี้แหละ" แล้วก็เอาไปทำบุญแทนเขา" |
โยมช่วยแบกหนังสือ "เขาเรียกว่า เวยยาวัจจมัย เป็นบุญที่ได้จากการขวนขวายช่วยเหลืองานบุญคนอื่นให้สำเร็จ อรรถกถาท่านเปรียบไว้ว่า ถ้าบุคคลบวชเณรตลอด ๑๐๐ ปี รักษาศีลได้บริสุทธิ์ ไปเกิดเป็นเทวดาจะได้นางฟ้า ๑๐,๐๐๐ เป็นบริวาร แต่บุคคลที่ช่วยงานในลักษณะเวยยาวัจจมัย ถ้าเกิดเป็นเทวดา จะมีนางฟ้า ๘,๐๐๐ เป็นบริวาร สรุปว่าแบกหนังสือเหนื่อยน้อยกว่าบวชเณรมากนะ"
|
ถาม : พอภาวนาแล้วลมหายใจหายไป พอจับเยอะ ๆ คำภาวนาก็หาย ?
ตอบ : ถ้าเหลือคำภาวนาก็เกาะคำภาวนา เหลืออะไรจับอย่างนั้น ถ้าไม่เหลืออะไรเลยสักอย่างหนึ่งก็เกาะความรู้สึกนั้นเฉย ๆ ถาม : (ไม่ชัด) ตอบ : ตอนนั้นใจของเราเกาะเองอยู่แล้ว เราแค่เอาสติคอยประคองเอาไว้เท่านั้น |
ถาม : ต้องทำอย่างไรสมาธิจึงจะต่อเนื่อง ?
ตอบ : สติ...อย่างอื่นไม่ต้องอะไรเลย แต่สมาธิก็สำคัญ เพราะหากไม่มีสมาธิ สติก็ไม่ทรงตัว หากไม่มีสติ สมาธิก็ขาดช่วง สองอย่างนี้เกื้อกูลกัน ต้องบอกว่ารู้ตัว จะทำอะไรก็รู้ตัว ในเมื่อรู้ตัวก็ไม่เผลอไป รัก โลภ โกรธ หลง เมื่อไม่เผลอไป รัก โลภ โกรธ หลง ก็รักษาความผ่องใสของใจเอาไว้ได้ รักษาความผ่องใสของใจเอาไว้ได้ปัญญาก็เกิด จะเห็นช่องทาง รักจะเข้ามา โลภจะเข้ามา โกรธจะเข้ามา หลงจะเข้ามา ก็กันไว้ไม่ให้เข้ามา ที่มีอยู่ก็กำจัดออกไป |
ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : เรื่องปกติ ในเมื่อคนเราสร้างเหตุ ผลก็เกิด ชาตินี้ไม่เคยทำไม่ได้แปลว่าชาติก่อนไม่เคยทำ สภาพจิตของเราเหมือนกับคลื่นโทรศัพท์ ในเมื่อเปิดอยู่เขาก็ติดต่อเข้ามาได้ คนอื่นก็ต้องไปหาวิธีว่าจะเปิดอย่างไร |
พระอาจารย์กล่าวว่า "เคยเห็นคลิปเด็กปีนเสาเหลี่ยม ๆ ไหม ? พ่อเขาฝึกได้สุดยอดเลย เด็กเพิ่งจะเดินได้นะ ประมาณขวบกว่า ๆ เอง พ่อเขาเอาของไปเสียบไว้ข้างบนแล้วบอกให้ปีนขึ้นไปเด็กปีนขึ้นไปเลย ความรู้สึกของเด็กคือถ้าพ่อสั่งแปลว่าทำได้ เขาก็ไปเลย"
ถาม : ครูบาอาจารย์สั่งเราก็ทำได้ ? ตอบ : ประมาณนั้นแหละ ต้องใช้กำลังใจเดียวกัน ปกติเด็ก ๆ กล้ามเนื้อไม่น่าจะรับน้ำหนักตัวได้ แต่ด้วยความที่ใจคิดว่าพ่อสั่งต้องทำ ก็ไปเลย พูดง่ายๆ ว่าถ้าใจคิดว่าไปได้ตัวก็ไปได้ จัดเป็นมโนมยา การสำเร็จด้วยใจอย่างหนึ่ง |
ถาม : เป็นโรคกลัวผี ?
ตอบ : ฝึกกรรมฐาน ถ้าสมาธิทรงตัวเมื่อไรจะเลิกกลัวไปเอง ตอนอาตมาเด็ก ๆ กลัวผีชนิดที่ไม่กล้าออกไปฉี่นอกบ้าน เพราะว่าสมัยก่อนส้วมอยู่นอกบ้าน พอฝึกไปฝึกมาสมาธิทรงตัว เลิกกลัวไปตอนไหนก็ยังไม่รู้เลย ตอนนี้ถ้าเจอผีหลอกนะหรือ ? ก็ยืนยิ้มอยู่ตรงนั้นแหละ...สนุกดี |
พระอาจารย์กล่าวว่า “ ญาติโยมท่านใดมีลูกหลาน มีพวกพ้องไปอเมริกาก็บอกให้หาวัตถุมงคลที่มั่นใจติดตัวไปด้วย สหรัฐชอบไปแหย่เสือ โบราณท่านว่า “ไม่รู้จักเสือเอาเรือมาจอด”
ถ้าทุกท่านจำได้ วันเป่ายันต์เกราะเพชร อาตมาบอกกับพวกเราว่า พระท่านบอกว่าสงครามจะลามไปทั่วโลก โดยเฉพาะสงครามก่อการร้าย อเมริกาก็เป็นประเทศหนึ่งที่อยู่ในข่ายที่จะต้องโดนหนัก วัตถุมงคลที่พกไปอเมริกา ให้เอาประเภทกันปืนกันระเบิดได้ เพราะว่าอย่างไรต้องโดนแน่ ๆ อาตมามีลูกที่จะไปอเมริกา ๒ คน คนหนึ่งจะไปตั้ง ๕ เดือน วัตถุมงคลประเภทที่เชื่อได้เลยว่ากันปืนกันระเบิด ต้องของสายใต้ (วัดเขาอ้อ) ตั้งแต่ช่วงปี ๒๕๔๗ ที่มีเหตุการณ์ไม่สงบขึ้นมา วัตถุมงคลสายเขาอ้อโดนทหารตำรวจกวาดเรียบ ราคาขึ้นไปหูดับตับไหม้ ไม่ต้องไปถึงระดับหลวงปู่ทองเฒ่าหรอก แค่สมัยของหลวงพ่อปาล หลวงพ่อเอียดลงมาก็พอ ไม่ว่าจะเป็นเขาอ้อหรือดอนศาลาก็สายเดียวกัน ฉะนั้น...วัตถุมงคลสายใต้รับประกันเรื่องความเหนียว ถ้าไม่ใช่วัดเขาอ้อ วัดดอนศาลา ก็มาวัดหรงบนเลย ถ้ามีก็หาลูกให้หลานติดตัวไปหน่อยจะได้ปลอดภัย อาตมาเองไม่ได้รับอนุญาตให้ทำวัตถุมงคลประเภทเหนียว แต่แอบทำไปหน่อยหนึ่งตอนลงปักษ์ใต้ แต่ไม่พอแบ่งกัน" |
"ช่วงนี้ปักษ์ใต้ของเราการก่อการร้ายก็ปะทุขึ้นอีกรอบหนึ่ง เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการในพื้นที่ก็คงพกคนหนึ่งเป็น ๑๐ องค์เลย
สมัยอาตมาเด็ก ๆ หลวงปู่หลวงพ่อแต่ละรูปส่วนใหญ่จะเก่งทางด้านอยู่ยงคงกระพัน ถ้าถึงระดับชาตรีได้ยิ่งดี เพราะว่าคงกระพันนี่ยิงฟันไม่เข้าแต่อาจจะเจ็บ แต่ถ้าชาตรีนี่เขาเรียกว่าลูกเบา โดนแล้วไม่รู้สึก เพราะว่าสมัยนั้นบรรดาศึกสงครามหรือว่าโจรผู้ร้ายก็ดี มีเยอะมาก ถึงเวลาข้าวยากหมากแพงโจรผู้ร้ายก็ชุกชุม แล้วก็เพิ่งจะหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ ไม่นาน บรรดาอาวุธที่หลงเหลือจากสงครามมีมาก หลุดไปอยู่ในมือของบรรดาโจรผู้ร้าย ก็เลยทำให้หลวงปู่หลวงพ่อแต่ละท่านที่โด่งดังขึ้นมา ส่วนใหญ่แล้วต้องมาสายเหนียวโดยตรง สมัยนั้นที่เขาแสวงหากัน ก็มักจะเป็นวัตถุมงคลจากหลวงพ่อต่าง ๆ ที่ทำแล้วมีผลทางอยู่ยงคงกระพันมากกว่า สมัยปัจจุบันนี้แย่งกันทำมาหากินก็มาหาสายลาภผล สายเมตตามหานิยม ทำมาหากินคล่องตัว มีความร่ำรวย ต้องบอกว่าแต่ละยุคสมัยความนิยมก็ต่าง ๆ กันไป ถ้าถามพวกเหนียวมีไหม ? มี...แต่ว่าน้อย เพราะว่าไม่ค่อยได้รับความนิยมกัน สมัยนี้อะไรก็ตามที่ช่วยในทางทำมาหากินโยมก็วิ่งใส่ไว้ก่อน สมัยอาตมาเด็ก ๆ นี่อย่างตะกรุดต้องการของหลวงพ่อเตียง วัดเขารูปช้าง หลวงพ่อทบ วัดชนแดน เหนียวแน่นอน บ้านของอาตมาเองไม่ว่าจะเป็นหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม หลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม ยุคนั้นท่านยังอยู่กันทั้ง ๓ รูป ถึงแม้ว่าจะโด่งดังทางด้านเมตตามหานิยมขนาดไหนก็ต้องมีเหนียวแทรกอยู่ดี เหรียญหลวงพ่อเงินที่เรียกว่า เหรียญจิ๊กโก๋ นี่ดังที่สุด ไปโดนเขารุมแทงรุมฟันด้วยมีดปาดตาลไม่มีระคายผิว ขนาดเสื้อผ้าขาดกะรุ่งกะริ่งไปทั้งตัว" |
"ถ้าถามว่าปัจจุบันนี้วัตถุมงคลเข้มขลังเหมือนสมัยก่อนหรือเปล่า ? ก็ต้องว่าลดน้อยถอยลงไปด้วยเหตุหลายประการด้วยกัน ประการแรกก็คือ วิชาการที่สืบสายได้มาไม่ครบถ้วน ประการที่ ๒ การทำวัตถุมงคลพึ่งพาอาศัยโรงงานส่วนมาก ไม่ได้ทำทีละชิ้นตามฤกษ์ตามยาม ตามกรรมวิธีโบราณซึ่งยากกว่า
ประการสุดท้าย ศรัทธาคนมีน้อย ในเมื่อศรัทธาเลื่อมใสน้อย ความสงสัยมีมาก โอกาสที่จะเกิดผลเต็มที่ก็ยาก เพราะว่าวัตถุมงคลเหมือนกับเครื่องส่ง เครื่องส่งได้ส่งเต็มที่แล้ว แต่ถ้าเครื่องรับเปิดรับได้น้อย หรือว่าไม่เปิดรับเลยก็เกิดผลน้อย หรือไม่เกิดผลกับคนผู้นั้น หลายคนอาจจะสงสัยว่า บางคนทำไมใช้วัตถุมงคลแล้วดีเหลือเกิน ขณะที่บางคนใช้แล้วได้ไม่เหมือนเขา พวกเราส่วนใหญ่สมัยนี้ก็จะมีสมาธิที่อยู่กับจอตรงหน้า...! ก็เป็นเรื่องที่ดี เพียงแต่ว่าใช้สมาธิไปในทางที่ผิด" |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 09:17 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.