กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกบ้านเติมบุญ ต้นเดือนเมษายน ๒๕๖๓ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6940)

เถรี 31-03-2020 12:47

"ในสถานการณ์ฉุกเฉินที่การแพร่กระจายของไวรัสเป็นไปอย่างรุนแรง ถ้าไม่มีความเด็ดขาดก็จะเกิดอาการที่เรียกว่า "เอาไม่อยู่" เจ้าคณะตำบลท่าวาสุกรี เขต ๒ จึงกลายเป็นลิงที่ถูกเชือดให้ไก่ดู กลายเป็นตัวอย่างให้พระสังฆาธิการทั้งประเทศได้รู้เห็น

ถ้าเป็นอาตมาโดนลงโทษในลักษณะนี้ ก็จะกราบขอขมาท่ามกลางคณะสงฆ์ แล้วยอมรับการลงโทษโดยดุษณียภาพ ถ้ามีผู้สื่อข่าวมาสัมภาษณ์ ก็จะยอมรับว่าเป็นความผิดพลาดของตนเอง ผู้บังคับบัญชากระทำได้ถูกต้องแล้ว ถ้าเป็นอย่างนี้ภาพพจน์ที่ออกมาก็จะงดงามทั้งสองฝ่าย

แต่ถ้ามีการถือทิฐิ ออกมาในแนวว่า "ผมไม่ผิด ผู้บังคับบัญชาลงโทษเกินกว่าเหตุ" ถ้าอย่างนั้นท่านก็หมดอนาคตอย่างแน่นอน จึงขึ้นอยู่กับว่าท่านจะเลือกเดินไปทางไหน ส่วนคณะญาติโยมก็อย่าได้โกรธเคืองทางด้านเจ้าคณะอำเภอ เพราะว่าท่านกระทำตามหน้าที่ การพักงานยังไม่ใช่ปลดออก สามารถพิจารณาสั่งให้ทำหน้าที่ต่อไปได้ในอนาคต"

เถรี 31-03-2020 12:49

"อีกส่วนหนึ่งก็คือการที่รัฐมนตรีออกคำสั่ง ให้คณะสงฆ์ทางภาคอีสานงดการรับบาตรจากญาติโยมที่จกข้าวเหนียวใส่บาตร ซึ่งเป็นประเพณีที่ยึดถือกันมานานหลายร้อยปีแล้ว

คำสั่งเช่นนั้นแม้ว่าจะเป็นไปเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส แต่ถ้ามาคิดดูว่า การที่ญาติโยมภาคอื่นใส่บาตร ก็ใช้มือหยิบข้าวของอย่างเช่น ข้าวถุง แกงถุง ใส่ลงในบาตรเช่นกัน จะไม่เป็นการแพร่เชื้อไวรัสเหมือนกันหรือ ?

จะเป็นไปได้ไหมว่าให้ยกเลิกคำสั่งนี้เสีย แล้วให้ปฏิบัติในแนวทางอื่น อย่างเช่นว่าให้ญาติโยมผู้ใส่บาตร ล้างมือด้วยสบู่ให้สะอาดเสียก่อน ซึ่งเชื่อว่าทุกคนยินดีทำตาม เพราะว่าไม่มีใครอยากเอาไวรัสไปถวายพระเณรอย่างแน่นอน..!"

เถรี 31-03-2020 12:50

"การครองตัวอยู่ในโลกนั้น ถ้าเป็นพระภิกษุสามเณร ก็จะมีพระธรรมวินัย กฎหมายบ้านเมือง และจารีตประเพณี เป็นเครื่องในการดำเนินชีวิต ของญาติโยมทุกท่านก็ไม่แตกต่างกัน โดยเฉพาะประเพณีความเชื่อที่ปฏิบัติต่อเนื่องกันมานับร้อยปี จนกลายเป็นความเคยชินที่แก้ไขได้ยาก

อะไรที่ท่านผู้เป็นใหญ่ทั้งหลายเห็นว่าไม่ถูกต้อง แล้วไม่ถือทิฐิมานะ ยอมเปลี่ยนแปลงแก้ไขโดยไม่กลัวเสียหน้า ถ้าอย่างนั้นท่านจะ "ได้ใจ" ประชาชนอย่างยิ่ง เพราะว่าท่าน "เข้าใจ เข้าถึง" จึงจะสามารถ "พัฒนา" ประเทศชาติให้เจริญรุ่งเรืองได้ สมกับพระบรมราโชวาทของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ซึ่งได้ตรัสให้แนวทางในการปฏิบัติไว้นานแล้ว"

เถรี 31-03-2020 19:37

พระอาจารย์กล่าวว่า "วันนี้ (๓๑ มีนาคม ๒๕๖๓) อาตมาเดินทางไปถวายสักการะพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชรัตนวิมล ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี อดีตเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ณ วัดกาญจนบุรีเก่า (ท่าเสา) หมู่ที่ ๒ ตำบลลาดหญ้า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี

หลวงพ่อที่ปรึกษาฯ ท่านสุขภาพไม่ค่อยจะดีนัก อาตมาพยายามแวะมากราบท่านอยู่เสมอ ก็ด้วยสาเหตุหลายประการ

ประการแรกก็คือท่านเคยเป็นผู้บังคับบัญชา ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีมาก่อน ประการที่สองก็คือท่านเป็นคนแก่ ซึ่งเมื่อเกษียณอายุราชการแล้ว มีผู้คนไปมาหาสู่น้อยลง จึงควรที่จะมาให้ท่านเห็นหน้าบ้าง

ประการสุดท้าย ในฐานะคนแก่และมีปัญหาสุขภาพ ไปไหนมาไหนลำบาก ถ้ามีพระลูกพระหลานมาเยี่ยมเยียน ท่านก็จะดีใจ มีกำลังใจ ว่าถึงจะเกษียณอายุแล้วก็ยังมีคนระลึกถึงท่านอยู่"

เถรี 31-03-2020 19:38

"อาตมาเคยคิดจะทำโครงการนำพระเถระที่เกษียณอายุจากตำแหน่งการปกครองแล้ว มาพบปะกันประมาณ ๓ เดือน/ครั้ง ประมาณว่าให้คนแก่ว่างงานได้มาคุยกันบ้าง โดยที่อาตมาขอเป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหารและค่าเดินทาง

แต่ว่าโดนหลวงปู่ชุ้น (พระธรรมเสนานี, ชุณห์ กิตฺติวณฺโณ) อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม ล้มโครงการไปด้วยเหตุผลว่า "ให้ข้าไปนั่งกินอย่างเดียวไม่เอาโว้ย อย่างน้อยไปแล้วก็ต้องมีให้สวดมนต์บ้าง" อาตมาที่ทำใจใช้คนแก่ไม่ลง จึงต้องเลิกล้มโครงการไปโดยปริยาย"

เถรี 31-03-2020 19:39

"เรื่องของคนแก่นั้น ถ้ามีลูกหลานคอยให้ความสนใจดูแล ก็จะมีสุขภาพจิตสุขภาพกายดี อายุยืน อยู่เป็นมิ่งขวัญแก่ลูกหลานไปได้อีกนาน โดยเฉพาะถ้าเป็นคนจีนจะถือว่า "การมีคนแก่ไว้ในบ้าน คือการมีทรัพย์สินที่สูงค่าที่สุด"

เนื่องจากว่าคนแก่นั้น สั่งสมวัยวุฒิและคุณวุฒิมานาน เป็นรัตตัญญูบุคคล มีประสบการณ์ชีวิตมาก หากลูกหลานมีปัญหาอะไร ก็สามารถที่จะชี้ทางออกให้ได้ โดยที่ไม่ต้องไปไขว่คว้าหาทางเองให้ลำบาก

ส่วนลูกหลานนั้นก็เป็นโอกาสอันดี ที่ได้แสดงออกซึ่งความกตัญญูกตเวทีต่อบุคคลที่เคยเลี้ยงดูอุ้มชู หรือว่าให้ความรู้ให้ความเมตตา สงเคราะห์มาตั้งแต่สมัยที่ท่านยังเป็นผู้มีอำนาจในการปกครองอยู่"

เถรี 31-03-2020 19:40

"อาตมาเองนั้นนับว่าโชคดีมาก มีโอกาสดูแลพ่อของตนเอง ทั้งกลางวันและกลางคืนถึง ๖ ปีเต็ม ดูแลแม่อีก ๓ ปี ถวายการดูแลรับใช้หลวงปู่มหาอำพัน (พระภาวนาปัญญาวิสุทธิ์, อำพัน อาภรโณ, บุญ - หลง วัดเทพศิรินทราวาส) อีก ๔ ปี เรียกว่าแทบจะใช้ชีวิตอยู่ในโรงพยาบาล ถ้าเป็นนักเรียนพยาบาลก็เรียนหลักสูตรที่ยาวนานมาก ดูแลคนไข้และใช้เครื่องมือเครื่องไม้เป็นทุกอย่าง แม้กระทั่งการฉีดยาก็ยังพอเป็นอยู่บ้าง

ช่วงที่โยมแม่ไปอยู่ที่วัดท่าขนุน เวลาบ่ายอาตมาก็จะไปชวนโยมแม่คุย ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องเก่า ๆ สมัยที่ตนเองยังเด็ก คนแก่ถ้าได้คุยความหลังแล้วจะมีความสุข ซ้ำยังช่วยให้สมองดีไม่หลงลืมอีกด้วย

แต่ว่าโยมแม่นั้นไม่ยอมอยู่กับลูกคนไหนนาน ๆ จะตระเวนไปอยู่กับลูกคนนั้นเดือนหนึ่ง ลูกคนนี้ครึ่งเดือน โดยให้เหตุผลว่า ลูกคนอื่นจะได้ไม่น้อยใจ แต่เมื่อไปอยู่วัดท่าขนุน บางทีแม่ก็ลืมวันลืมคืน มีครั้งหนึ่งถามว่า "แม่มาอยู่วัดได้สักเดือนหรือยัง ?" อาตมาตอบไปว่า "๘ เดือนแล้ว ถ้าไม่เห็นว่าเป็นพระ พี่น้องคนอื่นก็คงจะด่าพระเข้าให้แล้ว"

เถรี 31-03-2020 19:41

"ต้องถือว่าโยมแม่ของอาตมานั้นสร้างบุญไว้ดี และอบรมลูกทั้ง ๑๓ คนไว้ดี ทุกคนจึงอยากให้แม่ไปอยู่ด้วย แต่โยมแม่ก็มักจะอยู่กับพี่วิเชียร (พี่ชายคนโต ลูกแม่คนนี้) มากที่สุด เพราะว่าพี่วิเชียรอยู่บ้านไร่ที่อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ซึ่งโยมแม่ชอบบรรยากาศมากกว่าการไปอยู่กับลูกคนอื่น ๆ ในกรุงเทพฯ

ดังนั้น...เมื่อโยมแม่ปรารภจะแบ่งที่ดินให้กับลูกทุกคน อาตมาจึงเป็นคนแรกที่ปฏิเสธไม่รับ โดยบอกว่าให้แบ่งส่วนของอาตมาให้กับพี่วิเชียรและพี่หงส์ (พี่สะใภ้) เพราะว่าทั้งสองคนดูแลแม่มามากที่สุด พี่น้องคนอื่นต่างก็มีบ้านมีที่ดินของตนเองแล้ว ทุกคนต่างก็มีความเห็นเหมือนกันว่า พี่วิเชียรทำไร่อ้อย ซึ่งถ้ามีที่ดินน้อยก็จะได้ผลผลิตไม่เพียงพอที่จะเลี้ยงครอบครัวของตนเองและดูแลแม่"

เถรี 31-03-2020 19:43

"ปกติโยมแม่ของอาตมาเป็นคนใจแข็งมาก ขนาดโยมพ่อตาย พวกเรายังไม่ได้เห็นน้ำตาของแม่สักหยด แต่วันนั้นโยมแม่น้ำตาคลอ บอกว่า "แม่ดีใจที่ลูกของแม่ไม่แย่งสมบัติกันเหมือนกับบ้านอื่น" จะคิดว่าเป็นจิตสำนึกที่ดีของพวกเรา หรือว่าเป็นเพราะการอบรมมาของพ่อแม่ก็ไม่ทราบเหมือนกัน

พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า บิดามารดาเป็นพรหมของบุตร เพราะว่าเมตตาสงเคราะห์ต่อลูกโดยไม่มีข้อแม้ และตรัสถึงวิธีการที่ลูกทั้งหลายจะได้ตอบแทนต่อพ่อแม่ที่เลี้ยงดูตนมา ดังนี้

๑. ท่านเลี้ยงเรามา ถึงเวลาเราเลี้ยงท่านเป็นการตอบแทน
๒. ช่วยแบ่งเบาภาระหน้าที่ของท่าน
๓. ช่วยรักษาชื่อเสียงวงศ์ตระกูล
๔. ทำตนให้สมควรที่จะได้รับมรดก
๕. เมื่อท่านตายช่วยทำบุญอุทิศไปให้"

เถรี 31-03-2020 19:43

"อาตมภาพเองนอกจากได้ตอบแทนพระคุณพ่อแม่ครูบาอาจารย์แล้ว ยังเหลือเผื่อแผ่ไปถึงผู้ชราอื่น ๆ ด้วยตำแหน่งหน้าที่ช่วยให้สามารถทำสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ได้ ส่วนท่านทั้งหลายล่ะ..ได้ทำหน้าที่ของตนโดยเต็มความสามารถแล้วหรือยัง ?"

เถรี 01-04-2020 06:46

พระอาจารย์กล่าวว่า "รัฐบาลกำหนดคุณสมบัติของบุคคลที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส covid-๑๙ ซึ่งจะได้รับเงินช่วยเหลือ ๕,๐๐๐ บาท หลายคนที่ลงทะเบียนไป แล้วมาวิตกจริตว่าคุณสมบัติไม่เข้าข่าย อาจจะโดนลงโทษแทนที่จะได้รับการช่วยเหลือ

แต่บุคคลที่คุณสมบัติเข้าข่ายทุกข้ออย่างพระภิกษุ กลับไม่ได้รับการช่วยเหลือ ไม่เชื่อท่านลองเปรียบเทียบคุณสมบัติดูทีละข้อก็ได้

๑. เป็นผู้ใช้แรงงาน ข้อนี้พระวัดท่าขนุนทุกรูปยืนยันได้ ขนาดบิ๊กตู่ (นายพรศักดิ์ สมศักดิ์) กรรมการสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ ออกปากว่าจะไม่บวชที่วัดท่าขนุนอย่างเด็ดขาด..! เพราะว่าทำงานหนักอย่างที่เห็นไม่ไหว

๒. เป็นลูกจ้างชั่วคราว พระภิกษุทุกรูปเป็นลูกจ้างชั่วคราวแบบอนาถมาก คือไม่ใช่ลูกจ้างชั่วคราวแบบรายวัน หากแต่เป็นรายชั่วโมง เจริญพระพุทธมนต์เสร็จก็จบงาน ซ้ำยังไม่รู้ว่างานหน้าจะมาถึงเมื่อไร..!?"

เถรี 01-04-2020 06:48

"๓. เป็นผู้ทำอาชีพอิสระ แน่นอนว่าอาชีพพระภิกษุจัดอยู่ในประเภทอิสระ รับนิมนต์ได้ทั่วประเทศและต่างประเทศ ไม่มีเจ้านายโดยตรงคอยกำกับให้รับกิจนิมนต์ ทุกอย่างเป็นไปตามศรัทธาของญาติโยม

๔. เป็นผู้ที่ไม่อยู่ในระบบประกันสังคมตามมาตรา ๓๓ ไม่ว่ามาตราไหนก็ไม่รับพระภิกษุเข้าระบบประกันสังคมทั้งนั้น ต่อให้มีหลักฐานครบ ไปยื่นใบสมัครเขาก็ไม่รับ

๕. เป็นผู้ได้รับผลกระทบจากไวรัส covid-๑๙ แน่นอนว่าพระภิกษุสามเณรทุกรูปได้รับผลกระทบอย่างร้ายแรง โดนยกเลิกกิจนิมนต์ทั้งเดือนยังไม่พอ งานวัดอะไรที่มีคนมาก ๆ ก็โดนคำสั่งทางราชการและคณะสงฆ์ให้ยกเลิกทั้งหมด เรียกง่าย ๆ ว่าเจ็บนี้อีกนาน..!

๖. เป็นผู้มีอายุ ๑๘ ปีขึ้นไป เรื่องนี้ทุกคนทราบดีว่า กว่าจะบวชพระได้ก็ต้องมีอายุ ๒๐ ปีขึ้นไป ซ้ำยังกำหนดคุณสมบัติอื่น ๆ เพื่อคัดกรองไว้อีกนับไม่ถ้วน"

เถรี 01-04-2020 06:49

"แต่ว่าผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง และมีคุณสมบัติเข้าเกณฑ์ทุกข้ออย่างพระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนา กลับไม่ได้รับการเหลียวแลจากทางราชการ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเป็นไปตามคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ อตฺตาหิ อตฺตโน นาโถ ต้องดิ้นรนพึ่งตนเองกันต่อไป

ในฐานะรองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิรูปที่ ๒ อาตมาเล็งเห็นผลกระทบตรงนี้ และมีกำลังพอที่จะช่วยเหลือเพื่อนพระสังฆาธิการในเขตปกครองคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิได้

จึงได้กราบเรียนปรึกษากับหลวงพ่อพระครูวรกาญจนโชติ เจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ หลวงพ่อพระครูกาญจนปัญญาวุฒิ รองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิรูปที่ ๑ ทำโครงการบรรเทาทุกข์พระสังฆาธิการในเขตปกครองคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิขึ้นมา และได้รับการเห็นชอบจากหลวงพ่อทั้งสองรูปด้วยดี"

เถรี 01-04-2020 06:50

"โดยกราบขออนุญาตให้หลวงพ่อทั้ง ๒ รูป นัดหมายให้บรรดาเจ้าอาวาส เจ้าสำนักสงฆ์ ประธานที่พักสงฆ์ ในเขตอำเภอทองผาภูมิทั้ง ๗๑ รูป ใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ และนั่งห่างกัน ๒ เมตร ตามเกณฑ์ความปลอดภัยในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-๑๙

ไปรับเงินบรรเทาทุกข์ได้ที่ศาลาร้อยปีหลวงปู่สาย วัดท่าขนุน หมู่ที่ ๑ ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ในวันที่ ๓ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๓ เวลา ๐๙.๐๐ น.

งานนี้ไม่ได้ทำเอาดัง ไม่ได้ตั้งใจดิสเครดิตรัฐบาล ไม่ได้คิดทำลายชื่อเสียงองค์กรปกครองคณะสงฆ์ระดับสูงอย่างมหาเถรสมาคม หากแต่ตั้งใจบรรเทาทุกข์ให้กับพระสังฆาธิการในเขตปกครองคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิจริง ๆ"

เถรี 01-04-2020 06:51

"และอยากเจริญพรถึงหน่วยราชการที่รับผิดชอบ อย่างสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และกราบเรียนถวายพระมหาเถระทุกรูป ที่เป็นคณะกรรมการกองทุนวัดช่วยวัด ที่เก็บเงินนิตยภัตจากพวกเราไปปีละ ๑ เดือนเป็นประจำตลอดมา ว่าเก็บไปเพื่อทำอะไรกันแน่ ?

เหตุการณ์ร้ายแรงขนาดนี้เกิดขึ้น แต่ไม่มีการคิดนำเอาเงินกองทุนออกมาบรรเทาทุกข์ให้กับพระสังฆาธิการทั่วประเทศ หรือจะรอให้ทุกรูปมรณภาพแล้วค่อยทำบุญส่งไปให้ ถ้าเป็นเช่นนั้นเกล้าฯ ก็ไม่ขออนุโมทนา ขอทำบุญเองตั้งแต่บัดนี้ไปจนกว่าจะมรณภาพจะดีกว่า

ถ้าหากว่าคำพูดนี้แรงไป ก็กราบเท้าขออภัยพระมหาเถระทุกรูป และเจริญพรขออภัยเจ้าหน้าที่สำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติทุกคนมา ณ ที่นี้"

เถรี 01-04-2020 14:50

พระอาจารย์กล่าวว่า "วันพุธที่ ๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๓ อาตมาทำพิธีบวงสรวงบูชาพระรัตนตรัย ขออนุญาตใช้วิชามหาระงับโรคาพินาศ ถ้าถามว่าวิชานี้มาจากไหน ? ก็มาจากวิชามหาระงับตามสายหลวงพ่อคง วัดบางกระพ้อม

สายวิชาแม่กลองนี้ มีการศึกษานำวิชากลับไปกลับมา และพัฒนาขึ้นมาเรื่อย ตั้งแต่หลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว ไปศึกษาจากหลวงปู่พ่วง วัดลิงโจน (วัดปากสมุทรสุดคงคา) หลวงปู่ทิม วัดบางลี่น้อย (วัดบางนางลี่กุฎีทอง)

แล้วหลวงปู่คง วัดบางกะพ้อม หลวงปู่ใจ วัดเสด็จ มาศึกษานำวิชากลับไปปลายน้ำแม่กลอง จากนั้นหลวงปู่สาย วัดท่าขนุน ก็ไปศึกษาวิชานี้จากหลวงปู่เนื่อง วัดจุฬามณี นำเอาวิชากลับคืนมาต้นแม่น้ำแม่กลองอีกครั้ง"

เถรี 01-04-2020 14:52

"เมื่อทำบวงสรวงบูชาพระรัตนตรัยแล้ว เข้าที่ภาวนาก็หลับฝันเห็น แนวธงของบรรดา "เจ้าหน้าที่โรคระบาด" ปักแนวไว้รอบโลก..!

ท่านลองนำแผนที่โลกมาวาง แล้วขีดเส้นหนาระหว่างเส้นรุ้งที่ ๔๐ และเส้นรุ้งที่ ๔๒ จากนั้นลองไล่ดูว่า มีประเทศอะไรอยู่ในแนวนั้นบ้าง ?

ในฝันได้ถาม "เจ้าหน้าที่โรคระบาด" ว่า พื้นที่กว้างขนาดนี้เชียวหรือ ? แล้วหลายประเทศนอกเขตทำไมถึงติดเชื้อด้วย ? ท่านบอกว่าในแนวธงนั้น คือประเทศหลักที่สร้างกรรมไว้ในอดีต จะต้องมีคนตายกันมาก พวกนอกเขตที่ติดเชื้อ เป็นฝ่ายสนับสนุน จึงโดนลูกหลงไปด้วย..!"

เถรี 01-04-2020 14:53

"ขออนุญาตท่านว่า จะไม่ล่วงหน้าที่ของท่านทั้งหลาย แต่ช่วยถอนธงแนวประเทศไทยสักครู่หนึ่งได้หรือไม่ ? ท่านถามว่าถอนไปเพื่ออะไร ?

บอกกับท่านทั้งหลายเหล่านั้นว่า ประเทศไทยของเรา ซึ่งอยู่ใต้บารมีองค์สมเด็จพระธรรมิกราช แม้ว่าพสกนิกรจะค่อนข้างไม่เอาไหน แต่ถ้าเปิดเทอมแล้วเด็ก ๆ ไปเรียนไม่ได้ การศึกษาที่รั้งท้ายอาเซียนอยู่ ก็จะยิ่งโดนทิ้งห่างไกลไปอีก อาตมาเห็นแล้วทำใจไม่ได้

ประการที่สอง ประชากรส่วนใหญ่ ซึ่งองค์สมเด็จพระธรรมิกราช พยายามช่วยเหลือเพื่อให้พออยู่พอกิน เมื่อส่วนมากตกงาน ถ้าเงินเก็บหมดเสียก่อนโรคระบาดจะหาย สิ่งที่องค์สมเด็จพระธรรมิกราชได้กระทำไว้ ก็จะสูญเปล่าโดยสิ้นเชิง"

เถรี 01-04-2020 14:54

"เจ้าหน้าที่โรคระบาด" บอกว่า "ถ้ายังไม่หมดวาระ ก็ยังถอนธงไม่ได้ แต่ท่านประกอบพิธีได้ถูกต้อง อ้างบารมีคุณพระศรีรัตนตรัย พวกเราจะยอมถอนให้ชั่วคราว เพื่อให้ท่านทั้งหลายมีเวลาจัดการภายในเดือนนี้ แต่ถ้าหลังจากนี้แล้ว ต้องปักธงกลับลงไปอีก ถึงเวลานั้นพวกท่านจัดการไปได้เท่าไร กลับมากำเริบอีกเท่าไร ต้องปล่อยไปตามกรรม ห้ามมาขอร้องกันอีก"

ยังไม่ทันจะคุยอะไรต่อ อาตมาก็สะดุ้งตื่นเสียก่อน จึงมาทำน้ำมนต์ พรมวัตถุมงคลในพิธี และโปรยดอกไม้เป็นพุทธบูชา ช่วงที่ทำน้ำมนต์นั้น ก็มีปรากฏการณ์คล้ายกับพิธีพลิกชีวิต แต่ไม่ดุเดือดรุนแรงเท่า"

เถรี 01-04-2020 14:58

"ส่วนที่ขำก็คือ พระลูกศิษย์จำนวนหนึ่ง พยายามลองทำน้ำมนต์ตามแบบที่เห็น โดยเอียงเทียนน้ำมนต์ให้ได้องศาเดียวกัน เพื่อที่จะลองดูว่ามีเปลวไฟไหลลงไปแล้วระเบิดกลับขึ้นมาหรือไม่ ? ปรากฏว่าดับเงียบเรียบร้อยทุกราย..!

มีเพียงบางท่านซึ่งมีความฉลาด นำเอาสมเด็จองค์ปฐมพลิกชีวิตใส่ไว้ในน้ำมนต์ อาราธนาแล้วแต่พระท่านจะสงเคราะห์ ก็มีปรากฏการณ์ขึ้นให้เห็นได้เช่นกัน

สรุปว่าพิธีการตามวิชามหาระงับ ซึ่งพระท่านอนุญาตให้ต่อด้วยคำว่า โรคาพินาศ ถ้าเป็นไปตามความฝัน ภายในสิ้นเดือนนี้การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-๑๙ ในประเทศไทยเราก็คงจะเบาบางลง ส่วนจะกลับแพร่ระบาดใหม่เมื่อไรไม่สามารถที่จะบอกได้ ด้วยความต่างกันของระยะเวลาก็คือ ๑ วันของเขาเท่ากับ ๕๐ ปีของเรา ได้แต่หวังว่าท่านจะไม่ปักธงเอาไว้นานนัก"

เถรี 01-04-2020 15:00

"ในฐานะพระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นหนี้บุญคุณที่ญาติโยมทั้งหลายได้ให้การอุปถัมภ์ค้ำชูมา อาตมาได้พยายามทำเต็มความสามารถแล้ว ผลที่เกิดขึ้นจะได้มากน้อยเท่าไร ก็ขึ้นกับผลกรรมที่ท่านทั้งหลายได้กระทำเอาไว้ สมกับพระบาลีที่ว่า กมฺมํ สตฺเต วิภชฺชติ กรรมย่อมเป็นเครื่องจำแนกสัตว์ ด้วยประการฉะนี้"

เถรี 02-04-2020 06:40

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตั้งแต่อายุ ๑๖ ปี ที่ทุ่มเทให้กับการปฏิบัติด้วยชีวิต จนมาถึงอายุ ๖๑ ปี ในวันนี้ ตัวเลขพอดีพ้องกันในด้านกลับ ตลอดระยะเวลาอันยาวนาน สิ่งหนึ่งที่อาตมาเห็นว่าน่ากลัวที่สุด คือ จิตสังขาร การปรุงแต่งของใจ ที่เป็นต้นเหตุก่อให้เกิด รัก โลภ โกรธ หลง พาให้ต้องทุกข์อยู่ไม่รู้จักจบจักสิ้น

สิ่งหนึ่งที่นักปฏิบัติธรรมมักจะต้องพบเจอ ก็คือการที่ จิตตก สมาธิตก กรรมฐานแตก ตามแต่จะเรียกกันไป สิ่งนี้เกิดขึ้นได้เพราะว่าสภาพจิตของเราไปปรุงแต่ง แล้วหลุดจากอารมณ์ปัจจุบัน ไปเสวย รัก โลภ โกรธ หลง เท่ากับยื่นหัวไปให้กิเลสฟันเอง แล้วก็มาโอดครวญว่า ทุกข์อย่างนั้น ลำบากอย่างนี้

แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่เข็ด เพราะว่ากิเลสชักนำไป ให้รู้สึกว่าถ้าทำแบบนั้นแล้วจะดี ทำแบบนี้แล้วจะเด่น แทนที่จะปฏิบัติธรรมเพื่อละกิเลส ก็กลายเป็นปฏิบัติธรรมเพื่อสั่งสมกิเลส กอบโกยหาทุกข์ใส่ตัวอยู่ทุกวัน แต่ก็โง่เขลาเบาปัญญาพอ คิดว่ากำลังโกยเอาของดีใส่ตัว ซึ่งความจริงแล้วมีแต่ขี้ทั้งนั้น..!"

เถรี 02-04-2020 06:41

"อาตมาขอยืนยันว่า เท่าที่มีประสบการณ์มา สิ่งที่ครูบาอาจารย์พูดมานั้น พอดี พอเหมาะ พอควรกับสถานการณ์นั้น ๆ แล้ว แต่ว่าพวกเรามักจะไปปรุงแต่งเพิ่มเติม อวดความโง่โดยที่คิดว่าตัวเองฉลาดอย่างยิ่ง พยายามไปตีความ ขยายความ ทำให้สิ่งที่พอเหมาะ พอดี พอควร กลายเป็นเละเทะไม่เป็นท่า..!

อย่างเช่นพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่าเรื่องราวในอดีตต่าง ๆ เอาไว้พอดีพอควรแล้ว แต่ก็มีคนไปขยายความต่อ ว่าท่านเคยเกิดเป็นพระราชาพระองค์นั้น เคยเกิดเป็นกษัตริย์พระองค์นี้ ก่อให้เกิดโทษหลายประการ อันดับแรก บุคคลที่ไม่เชื่อย่อมปรามาสในพระสุปฏิปันโน กลายเป็นสร้างทุกข์โทษเวรภัยอย่างใหญ่หลวงให้กับผู้อื่น

อันดับที่ ๒ เป็นการล่วงเกินสถาบันเบื้องสูง อย่างที่ภาษาทหารเรียกว่า "ดึงฟ้าต่ำ" ซึ่งอาจจะทำให้โดนลงโทษด้วยกฎหมายมาตรา ๑๑๒ เมื่อไรก็ได้ แต่ผู้พูดก็ไม่ได้สนใจ คิดอยู่อย่างเดียวว่าเมื่อพูดไปแล้ว จะทำให้คนอื่นมองว่าตนเองนั้นเก่ง เท่ เก๋ ฉลาด ทั้งที่กำลังขยายความโง่..!"

เถรี 02-04-2020 06:43

"แม้แต่เรื่องที่อาตมานำมาบอกกล่าว โดยหลักใหญ่แล้วคือ ปรารถนาให้ทุกคนมีความเชื่อมั่นในคุณพระรัตนตรัย ซึ่งเป็นกติกาเบื้องต้นของการเข้าถึงความเป็นพระโสดาบัน บอกกล่าวเพื่อให้ทุกคนมั่นใจว่า สิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนมานั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของผี เทวดา พรหม หรือพระนิพพาน เป็นของจริง ของแท้ สามารถเข้าถึงได้ด้วยการตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง

แต่แทนที่ท่านทั้งหลายจะมองเห็นวัตถุประสงค์ตรงนี้ กลับโดนกิเลสบังหน้า ตัณหานำทาง เอาเรื่องพวกนี้ไปใส่สีตีไข่ ฟุ้งซ่านกันอย่างสนุกสนาน โดยที่ลืมไปว่ากำลังกอบโกยหาความทุกข์ใส่ตัวแท้ ๆ ทั้งที่ตั้งใจปฏิบัติธรรมเพื่อความหลุดพ้นจากกองทุกข์ กลับกลายเป็นว่าเดินสวนทางกับสิ่งที่ตนเองตั้งใจ แล้วเมื่อไรจะไปถึงเป้าหมายที่ต้องการเสียที ?"

เถรี 02-04-2020 06:46

"ตื่นเถิดท่านทั้งหลาย...ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ประเสริฐ รักษาผู้ปฏิบัติตนให้พ้นจากที่ชั่ว นำพาเราทั้งหลายให้หลุดพ้นจากกองทุกข์ที่แผดเผาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ไปสู่สถานที่อันสงบสงัด ดับทุกข์ได้อย่างสิ้นเชิงคือพระนิพพาน

ชีวิตนี้เป็นของน้อยยิ่งนัก ไม่มีเวลามากพอให้เราหยุดแวะชมดอกไม้ริมทาง ต้องเร่งรัดเดินไปด้านหน้า เพื่อตัดชาติตัดภพของเราให้เหลือน้อยที่สุด หลีกหนีจากความทุกข์ให้เหลือระยะทางน้อยที่สุด ถ้าสามารถหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานในชาตินี้ได้ ก็เป็นเป้าหมายสูงสุดที่พึงหวัง
"

เถรี 02-04-2020 06:48

หนทางแม้สุดไกล.......ขอมุ่งไปกว่าจะถึง
ยากเข็ญมิคำนึง.............ถึงทุกข์ทนสักเพียงใด
เดินตามรอยเท้าพ่อ.......มั่นคงต่อธรรมวินัย
พ่อชี้หนทางไป............จักมุ่งไปไม่ลังเล
จิตมั่นด้วยศรัทธา........ทุกเวลามิหันเห
ผู้ใดจะซวนเซ............มิรวนเรตามเขาไป
พ่อนำทางให้ลูก............มีแต่ถูกลูกมั่นใจ
ขอให้เดินตามพ่อไป.......ตราบจนถึงซึ่งนิพพาน.

เถรี 02-04-2020 18:27

พระอาจารย์กล่าวว่า "วันนี้ (๒ เมษายน ๒๕๖๓) ได้เดินทางไปร่วมงานปล่อยคาราวานขนถุงยังชีพ เพื่อนำไปมอบให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส covid-๑๙ บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอทองผาภูมิ ได้รับฟังปัญหาต่าง ๆ จากบรรดานายกเทศมนตรี นายกองค์การบริหารส่วนตําบล กำนัน และผู้ใหญ่บ้าน แล้วปวดหัวกับกิเลสมนุษย์

ถุงยังชีพที่ส่งมาแม้ว่าจะมีจำนวนมาก แต่ดูอย่างไรก็ไม่พอเพียง เนื่องจากความไม่ชัดเจนที่ว่า ให้แจกจ่ายแก่บุคคลที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส covid-๑๙ ซึ่งทางผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี หมายถึง ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสอย่างหนึ่ง ผู้ที่ตกงานอย่างหนึ่ง และผู้ที่ต้องกักกันตนเองเพื่อเฝ้าระวังอีกอย่างหนึ่ง

ในอำเภอทองผาภูมิยังโชคดีที่ไม่มีผู้ติดเชื้อไวรัส covid-๑๙ โดยตรง มีแต่ผู้ที่โดนกักกันตัวเพื่อเฝ้าระวังประมาณ ๗๐๐ ราย ซึ่งรวมทั้งพระภิกษุและแม่ชีของวัดท่าขนุน ๗ รูปด้วย"

เถรี 02-04-2020 18:28

"ในเมื่อเป็นเช่นนั้น บุคคลที่จิตใจประกอบด้วยความโลภ จึงสรุปเอาง่าย ๆ ว่าตนเองก็ได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัสด้วย เพราะว่าทางราชการขอร้องให้เก็บตัวอยู่กับบ้าน จึงพากันเดินทางมายังจุดที่ทางกำนันผู้ใหญ่บ้านนัดเพื่อแจกจ่ายถุงยังชีพ

ต่อให้ขนถุงยังชีพมาเท่าไรก็ไม่พอ อย่างเช่นบริเวณท่าแพ มีผู้ที่ตกงานต้องเดินทางกลับภูมิลำเนา และโดนกักกันตัวเพื่อเฝ้าระวัง จำนวน ๑๐ ราย แต่ชาวบ้านที่เดินทางมารอรับถุงยังชีพมีเกือบร้อยคน..!"

เถรี 02-04-2020 18:37

"นายจิรชัย ถนอมวงษ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลท่าขนุน มากราบเรียนว่า "คงต้องพึ่งบารมีหลวงพ่ออีกแล้วครับ" สรุปว่าทางราชการจะทำโครงการที่ดีเพียงใดก็ตาม เมื่อเจอบุคคลที่เต็มไปด้วยกิเลส รัก โลภ โกรธ หลง โครงการเหล่านั้นก็มีโอกาสพังไม่เป็นท่า อาจจะสร้างปัญหาใหญ่ให้เกิดขึ้นกับรัฐบาลได้อย่างง่าย ๆ

และท้ายที่สุดวัดก็เป็นที่พึ่งสุดท้ายของทุกคน โดยเฉพาะวัดท่าขนุน ส่วนที่เหลือไม่ค่อยจะมีมาให้ แต่ถ้าขาดเมื่อไรต่างก็มาเอาจากที่นี่..! อาตมาไม่ได้รังเกียจ เต็มใจที่จะช่วยเหลือทุกฝ่ายอยู่เสมอ จึงสั่งให้ทางแม่ชีเตรียมข้าวสารอาหารแห้งรอไว้ โดยให้นโยบายว่า มอบให้เขามากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ ถ้าหมดเมื่อไรก็แล้วกันไป"

เถรี 02-04-2020 18:42

"สมัยที่เรียนวิชาเศรษฐศาสตร์ ในบทนำได้กล่าวเอาไว้ว่า ทรัพยากรของโลกนี้มีจำกัด แต่ความต้องการของมนุษย์นั้นไม่มีที่สิ้นสุด เราจึงจำเป็นต้องศึกษาวิชาเศรษฐศาสตร์ เพื่อจะได้ช่วยแบ่งปันให้ทุกคนมีส่วนในทรัพยากรเหล่านั้น นับว่าผู้เขียนตำรามีความรู้แจ้งถึงกิเลสในใจมนุษย์เป็นอย่างดียิ่ง จึงเขียนตำราออกมาได้ชัดเจนขนาดนั้น

อีกท่านหนึ่งก็เขียนเอาไว้ว่า ทรัพยากรในโลกนี้มีเพียงพอสำหรับทุกคน แต่มีไม่เพียงพอสำหรับคนโลภเพียงคนเดียว ซึ่งก็ออกอาการหนักไม่แพ้กัน ว่าความโลภในใจของมนุษย์นั้น ทำให้โลกเรามีปัญหามาจนทุกวันนี้"

เถรี 02-04-2020 18:44

"องค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงสอนให้พวกเราละความโลภในจิตในใจด้วยการให้ทาน และการให้ทานเหล่านี้ ลูกศิษย์สายหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงได้กระทำจนเป็นปกติ สามารถให้ได้ทุกรูปแบบ ทุกที่ ทุกเวลา

เป็นที่น่าชื่นชมอย่างยิ่งว่าท่านทั้งหลายมีความโลภในใจน้อย สามารถละมัจฉริยะ ความตระหนี่ในใจของตนเองออกได้ ไม่ถูกถ่วงหนักด้วยความโลภ มีโอกาสที่จะหลุดพ้นจากกองทุกข์ไปสู่พระนิพพานได้ง่ายกว่าผู้อื่น จึงขอแสดงความยินดีและขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านมา ณ ที่นี้"

เถรี 03-04-2020 06:43

พระอาจารย์กล่าวว่า "พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงนามใน พรก.ฉุกเฉินฉบับที่ ๒ ห้ามออกจากเคหสถานในยามค่ำคืนทั่วประเทศ ตั้งแต่สี่ทุ่มถึงตีสี่ มีผลบังคับใช้วันที่ ๓ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๓ เพื่อระงับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-๑๙

บุคคลในยุคปัจจุบันนี้ ไม่เคยชินกับสถานการณ์ห้ามออกจากบ้านยามค่ำคืน หรือที่เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า เคอร์ฟิวส์ แต่รุ่นของอาตมาที่ผ่านทั้งเหตุการณ์ยุค ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ และ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ ตลอดจนพฤษภาคม ๒๕๓๕ เคยชินกับเรื่องเหล่านี้ดี

การห้ามบุคคลออกจากเคหสถานยามค่ำคืนในยุคนั้น เพื่อป้องกันการชุมนุมทางการเมือง แต่การห้ามในยุคนี้ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส covid-๑๙ ซึ่งบรรดา "ลูกอีช่างติ" ก็ยังค่อนแคะกระแนะกระแหนรัฐบาลว่า ประกาศช้าจนเกินไป"

เถรี 03-04-2020 06:45

"โบราณกล่าวไว้ว่า "ช่างกลึงพึ่งช่างชัก ช่างสลักพึ่งช่างเขียน ช่างรู้พึ่งช่างเรียน ช่างติเตียนไม่ต้องพึ่งใครเลย" การตำหนิติเตียนนั้นจัดอยู่ในคำพูดประเภทนินทาว่าร้าย เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า การตำหนิติเตียนนั้นมักจะไม่ได้อยู่ในลักษณะสร้างสรรค์

การตำหนิติเตียนแบบสร้างสรรค์นั้น ต้องบอกวิธีแก้ไขเอาไว้ด้วย ไม่ใช่ติแบบ "ตีหัวเข้าบ้าน" คือสักแต่ว่าคนอื่น บุคคลที่ทำงานอยู่ย่อมมีโอกาสผิดพลาด ไม่รอบคอบ ถ้าเราเห็นว่าตรงไหนไม่ดี ก็ช่วยชี้ทางออก บอกทางถูก เพื่อที่ผู้อื่นจะได้รับไปแก้ไข

ดังนั้น..ผู้ที่ติเตือนผู้อื่น จึงต้องมีจิตใจที่ประกอบไปด้วยเมตตากรุณา ที่สำคัญคือต้องมีอุเบกขาพรหมวิหาร มองเหตุการณ์แบบคนอยู่วงนอก ไม่ได้กระโดดขึ้นไปเล่นบนเวที บอกกล่าวด้วยความหวังดีปรารถนาดีจริง ๆ หวังให้สิ่งต่าง ๆ ดีขึ้น เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นมากกว่านี้"

เถรี 03-04-2020 06:46

"โบราณยังกล่าวไว้อีกว่า "คนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ" ผืนหนังใหญ่เท่าไรก็แค่หุ้มรอบตัวเรา ส่วนผืนเสื่อนั้นสามารถหุ้มเราทั้งตัวอีกชั้นหนึ่ง แปลว่าใหญ่กว่ากันมาก ดังนั้นบุคคลที่หวังดีปรารถนาดีต่อเราด้วยใจจริง จึงมีน้อยกว่าเสมอ จัดว่าเป็นเรื่องของธรรมชาติ

สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (อมฺพรมหาเถร) ทรงให้วรธรรมคติไว้ว่า "ถ้าช่วยใครไม่ได้ก็ให้นิ่งไว้" ไม่ใช่ไปติเตียนจนกลายเป็นการบั่นทอนกำลังใจของผู้ทำงาน จนกลายเป็น "มือไม่พายเอาตีนราน้ำ" ดังที่สุภาษิตคําพังเพยของเรากล่าวไว้"

เถรี 03-04-2020 07:00

"สถานการณ์ฉุกเฉินแบบนี้ สามัคคีธรรมเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ไม่ว่าจะเป็นแนวคิด กำลังใจ กำลังกาย กำลังทรัพย์ ถ้าเป็นแบบนี้เราก็จะนำพาประเทศชาติรอดพ้นจากสถานการณ์วิกฤตไปได้

หลวงปู่บุดดา ถาวโร ครูบาอาจารย์สำคัญรูปหนึ่งของอาตมา กล่าวเอาไว้ว่า "อย่ายุ่งเรื่องของคนอื่น ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด" ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า การไปยุ่งเรื่องของคนอื่นนั้น ถ้าเราไม่มีความรู้ความชำนาญ ก็กลายเป็นการยุ่งแล้วทำให้เขาทำงานยากขึ้น"

เถรี 03-04-2020 07:02

"ในสถานการณ์แบบนี้ถ้าท่านใช้ปัญญาพิจารณา แล้วเห็นว่าตนเองควรที่จะทำอะไร เพื่อเป็นการช่วยเพื่อนมนุษย์ ช่วยประเทศชาติในสภาวะที่ยากลำบากตามกำลังของเรา ถ้าทำแล้วช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น ต่อให้เล็กน้อยเพียงใดก็ตาม ขอให้ทุกคนตั้งใจทำให้เต็มที่ "เราจะผ่านความยากลำบากเหล่านี้ไปด้วยกัน"

"ความอดทนเป็นคุณสมบัติของนักปราชญ์" องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสโอวาทปาฏิโมกข์ ทรงขึ้นต้นด้วยคำว่า "ขันติ" คือ "ความอดทน" เราแค่ทนกับการสูญเสียความเคยชิน ทนอยู่กับบ้านเพื่อให้สถานการณ์ทุกอย่างดีขึ้น "ทนเสียสละประโยชน์ส่วนน้อยของตนเพื่อประโยชน์สุขส่วนใหญ่ของบ้านเมือง" ดังพระบรมราโชวาทของในหลวงรัชกาลที่ ๙"

เถรี 03-04-2020 07:03

"เราต้องอดทนแค่ไหน ก็ไม่ได้ยากลำบากไปกว่าความอดทนของบรรดาบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งต้องเหนื่อยยาก และเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสอยู่ทุกเวลา จนกระทั่งมีผู้กล่าวว่า ท่านจะทนอยู่บ้าน หรือว่าท่านจะอยู่โรงพยาบาล หรือว่าท่านจะไปอยู่เชิงตะกอน ก็ให้เลือกเอาตามอัธยาศัย

หลวงปู่ทอง (พระพรหมมังคลาจารย์ วิ.) วัดพระธาตุศรีจอมทอง มีคำสอนติดปากว่า "อดได้ ทนได้ ช้าได้ รอได้ ดีได้" ดังนั้น..แค่ระยะเวลาประมาณเดือนเดียว ถ้าท่านอดได้ ทนได้ รอได้ สถานการณ์ทุกอย่างก็ย่อมดีได้ไปเอง"

เถรี 03-04-2020 19:59

พระอาจารย์กล่าวว่า "วันศุกร์ที่ ๓ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๓ ออกบิณฑบาตตามปกติ อากาศเช้านี้อยู่ที่ ๒๒.๓ องศาเซลเซียส เมื่อฉันเช้าแล้วต้องรีบมาดูแลสถานที่ เตรียมต้อนรับบรรดาเจ้าอาวาส เจ้าสำนักสงฆ์ ประธานที่พักสงฆ์ ซึ่งจะเดินทางมารับการช่วยเหลือตามโครงการบรรเทาความเดือดร้อนของพระสังฆาธิการในเขตปกครองคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-๑๙

แพทย์หญิงนวลจันทร์ เวชสุวรรณมณี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทองผาภูมิ แม้ว่าจะได้รับโทรศัพท์ด่วนจากอาตมาตอน ๐๘.๑๐ น. ก็ยังส่งเจ้าหน้าที่ ๓ คน มาทำการคัดกรองผู้เข้าร่วมโครงการ ด้วยการแจกแอลกอฮอล์ล้างมือ วัดอุณหภูมิ และติดสติ๊กเกอร์รับรองว่าผ่านการคัดกรองแล้ว ให้กับบรรดา "หัววัด" ทั้งหลายได้ทันเวลาพอดี"

เถรี 03-04-2020 20:02

"พระครูวรกาญจนโชติ เจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ พระครูกาญจนปัญญาวุฒิ รองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ (๑) ในฐานะประธานและรองประธานโครงการ มาถึงก่อนที่บรรดาเจ้าอาวาสจำนวนมากจะมาถึง

อาตมาขอโอกาสจาก "เจ้านาย" กล่าวถึงความเป็นมาของโครงการนี้ ที่ตั้งใจทำขึ้นมาแม้ว่าจะมีบางเสียงไม่เห็นด้วย เนื่องจากคิดไปในลักษณะที่ว่าอาตมาอวดร่ำอวดรวย แต่การทำงานใหญ่เพื่อส่วนรวมนั้น ถ้ามัวแต่ฟังเสียงนกเสียงกาก็ไม่ต้องทำกันพอดี ดังนั้น..สิ่งที่อาตมายึดเป็นหลักของการทำงานอยู่เสมอก็คือว่า ถ้าพิจารณาแล้วว่าสิ่งนั้นมีประโยชน์มากกว่าโทษ ก็จะทำทันทีโดยไม่ใส่ใจต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์ใด ๆ ถือคติว่า ถ้าเหนื่อยเดี๋ยวเขาก็หยุดไปเอง

จากนั้นท่านเจ้าคณะอำเภอและรองเจ้าคณะอำเภอรูปที่ ๑ ได้เกริ่นถึงความเดือดร้อนของทางคณะสงฆ์ ว่าบางแห่งเหลือชาวบ้านยอมใส่บาตรแค่ ๒ บ้าน เพราะว่ากลัวติดเชื้อถ้าเข้าใกล้พระ จนกลายเป็นเรื่องที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกว่า พระก็กลัวโยม ส่วนโยมก็กลัวพระ..!"

เถรี 03-04-2020 20:04

"จากนั้นท่านเจ้าคณะอำเภอ รองเจ้าคณะอำเภอรูปที่ ๑ และอาตมา ก็ถวายปัจจัยให้วัดละ ๕,๐๐๐ บาท พร้อมแอลกอฮอล์ล้างมือแบบสเปรย์ ที่ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานคุณธรรมบริษัทมุลเลอร์กรุ๊ป เว็บไซต์คุณธรรมออนไลน์ palungjit.org และคณะกรรมการบ้านเติมบุญ รูปละ ๖ ขวด หน้ากากอนามัยแบบผ้าที่ได้รับการสนับสนุนจากชุมชนคุณธรรมวังท่าขนุน ชุมชนคุณธรรมริมฝั่งแควน้อย และชุมชนคุณธรรมพัฒนาทองผาภูมิ ท่านละ ๑๐ ชิ้น

ท่านเจ้าคณะอำเภอนำคณะสงฆ์ให้พรเป็นภาษาบาลี จากนั้นอาตมานำไหว้พระ แล้วให้แยกย้ายกันกลับวัดได้ ก่อนที่จะกลับก็ต้องแบกแตงกวาไปวัดละถุงใหญ่ ถุงละประมาณ ๕ กิโลกรัม ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากชุมชนคุณธรรมวัดธุดงค์สมเด็จ (บ้านทุ่งนางครวญ)

ส่วนท่านพระครูอโณทัย (พระครูสถิตกาญจนวงศ์) เจ้าคณะตำบลชะแล เขต ๒ นำเอาอะโวคาโดถุงใหญ่มาถวายอาตมาเป็นการส่วนตัว บอกว่า "ถ้าไม่พอ ต้องการเพิ่มเท่าไรให้บอกมา เพราะว่าไม่มีนักท่องเที่ยวเข้าไปด้านในเลย ผลไม้เมืองหนาวที่กำลังออกผลอยู่ ไม่ว่าจะเป็นอะโวคาโด สตรอเบอรี่ หรือพืชผักจำพวกแครอต ขายให้ใครไม่ได้ ชาวบ้านจึงตั้งใจเอามาถวายพระแทน"


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:33


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว