กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนธันวาคม ๒๕๖๑ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6411)

เถรี 25-12-2018 08:53

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีใครรู้บ้างว่าสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ฮิตเลอร์บันทึกชื่อชาวยิวอยู่เกือบ ๓๐๐ ชื่อ กะว่าถ้ายึดโลกได้ ๓๐๐ คนนี้ตายหมด..!

มายุคอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ก็มีการทำบัญชีรายชื่อบรรดาผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น อยู่ในลักษณะของการป้องปรามว่าให้อยู่ในกรอบ อยู่ในลู่ อยู่ในทาง ไม่อย่างนั้นจะโดน เล่นเอาท่านนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลท่าขนุนคนปัจจุบัน ก็คือท่านนายกจิระชัย ถนอมวงศ์ เครียดเสียจนผอม ปกติท่านเป็นคนอ้วน ถามว่า "นายกฯ เป็นอะไรวะ ?" ท่านบอกว่า "เครียดครับ อยู่ ๆ มาขึ้นบัญชีผมเป็นผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น" ช่วงนี้ท่านเริ่มอยู่ดีกินดี อ้วนขึ้นมาอีกหน่อย

ที่พูดถึงเรื่องนี้เพราะว่าปัจจุบันนี้ มีบางหน่วยงานขึ้นรายชื่อบุคคลที่คิดว่ามาถ่วงความเจริญของประเทศชาติไว้ ถ้าหากว่ามีอำนาจเต็มในมือ หรือว่าได้รับคำสั่งเมื่อไร จะมีการกวาดล้างใหญ่ อันนี้เป็นการบอกเหตุล่วงหน้า เผื่อว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเราจะได้ไม่ตกใจกันมาก"


เถรี 25-12-2018 08:55

"เราจะเห็นว่ายังไม่ทันที่จะมีการเลือกตั้งเลย ก็มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายอย่างชัดเจนแล้ว ก็แสดงว่าสิ่งที่ คสช. พยายามจะสร้างความปรองดองและสมานฉันท์นั้นเป็นไปไม่ได้ แล้วสิ่งที่ คสช. กระทำมาโดยตลอดในสายตาชาวบ้านทั่วไป ก็อยู่ในลักษณะ ๒ มาตรฐาน นี่ว่ากันตรง ๆ อย่างชนิดไม่เข้าข้างใครเลย

ในเมื่อเป็นในลักษณะนี้บ้านเราจะไปไม่ได้ ในเมื่อบ้านเราจะไปไม่ได้ ก็จะต้องมีผู้เสียสละ แต่ว่าผู้เสียสละนี่ อย่างเช่นจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ก็แบกชื่อของความโหดเหี้ยมติดตัวไปจนตาย สมัยนี้ถ้าใครทำตัวเป็นผู้เสียสละ “ข้าพเจ้ารับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว” ก็คงจะอยู่ในลักษณะเดียวกัน"

เถรี 25-12-2018 08:58

"ต้องบอกว่า คสช. ทำผิดตั้งแต่แรก ที่ให้ร่างรัฐธรรมนูญในลักษณะทำลายพรรคใหญ่ให้เป็นพรรคเล็ก ไม่ว่าประเทศใดในโลก ที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย ต่างพยายามให้พรรคการเมืองในประเทศเหลือแค่ ๒ พรรค แล้วก็ยอมรับว่า ถ้าชาวบ้านเลือกใครมากกว่า คนนั้นต้องมีอำนาจตามระยะเวลาที่ชาวบ้านเขาให้ ถ้าพ้นจากระยะนั้นไป ก็ให้ชาวบ้านเขาตัดสินกันใหม่

เราจะเห็นว่า
แม้ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในสายตาชาวโลก เขาเหมือนกับตัวตลกบ้า ๆ บอ ๆ แต่คนอเมริกันก็ต้องยอมรับ เพราะว่าเลือกเขาเข้ามา ในเมื่อเลือกเขาเข้ามาก็คือ คุณก็ทำงานไปตามระยะเวลา แต่หลังจากพ้น ๔ ปีไปแล้ว เราจะเลือกคุณหรือไม่ นั่นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเรา นี่คือประชาธิปไตยที่แท้จริง คือเสียงส่วนใหญ่อยู่ในมือของประชาชน"

เถรี 25-12-2018 09:06

"แต่ในปัจจุบันของบ้านเรา แทนที่จะให้เหลือพรรคใหญ่แค่ ๒ พรรค ซึ่งในสมัยท่านนายกฯ ทักษิณเกือบจะทำสำเร็จแล้ว แต่เขาไปเห็นว่าเป็นลักษณะของการผูกขาดแบบเผด็จการสภา แล้วลักษณะการผูกขาดก็คือ อีกฝ่ายหนึ่งอิ่มหมีพีมัน แต่ฝ่ายของตัวเองอดอยากปากแห้ง ก็เลยต้องเรียกร้องให้ทหารออกมาปฏิวัติ แล้วเขาก็ก่อกวนทำจนสำเร็จ นี่คือสิ่งที่จะต้องบันทึกเป็นประวัติศาสตร์การเมืองไทยไปชั่วฟ้าดินสลายเลย ไม่สามารถที่จะแก้ไขได้

ผิดก็คือผิด ในเมื่อร่างกฎหมายร่างรัฐธรรมนูญออกมา ก็กลายเป็นทำลายพรรคใหญ่ให้เหลือพรรคเล็ก เพื่อที่จะจัดการกับอีกฝ่ายหนึ่ง แม้กระทั่งการแบ่งเขตเลือกตั้งปัจจุบัน ก็มีการโวยวายกันว่าเอื้อบางพรรค ขณะเดียวกันก็ทำลายบางพรรค เป็นต้น"

เถรี 25-12-2018 09:08

"ในเมื่อลักษณะอย่างนี้ ประชาธิปไตยบ้านเราจะอ่อนแอไปอีกหลายปี ๘๐ กว่าปีที่ประชาธิปไตยบ้านเราล้มลุกคลุกคลานมา ตั้งแต่ปี ๒๔๗๕ มาจนถึงบัดนี้ กำลังจะเข้าสู่ภาวะของประชาธิปไตยที่ชาวโลกทั่วไปยอมรับ ก็มาโดนการปฏิวัติรัฐประหาร ยึดอำนาจแล้วก็ทำลาย จนกระทั่งพรรคการเมืองต้องแตกสลายออก ไม่เคยมียุคไหนสมัยไหนที่พรรคการเมืองจะจดทะเบียนได้มากเท่ากับยุคนี้ แล้วชาวบ้านจะเลือกกันอย่างไร ? ในเมื่อมาพรรคโน้นคนหนึ่ง พรรคนี้คนหนึ่ง ก็เป็นเบี้ยหัวแตก ไม่สามารถที่จะเป็นสิทธิ์เป็นเสียงให้กับชาวบ้านได้ และนักการเมืองก็กลายเป็นเหยื่อให้ถูกชักจูง ให้ถูกดึงไปเป็นพวกได้ง่าย

เพราะฉะนั้น..บ้านเราถ้าอยู่ลักษณะนี้จะพิกลพิการไปอีกนาน โดยเฉพาะ คสช. วางแผนสืบทอดอำนาจผ่านรัฐธรรมนูญถึง ๒๐ ปี เป็นเรื่องที่น่าสงสารบ้านเราเมืองเรา บรรดาท่านที่มองเห็นความผิดพลาดใหญ่ตรงจุดนี้ ก็น่าจะอยู่ในลักษณะของการที่เรียกว่าล้างบาป ก็คือทำอย่างไรที่จะจัดการแก้ไขความผิดพลาดตรงนี้ให้ได้ ก็จะต้องมีอะไรที่ใช้กำลังหรือความรุนแรงขึ้นมา ถึงจะสามารถจัดการตรงนี้ลงไปได้ เมื่อถึงเวลาพวกเราก็อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน นึกถึงพระเอาไว้ อะไรจะเกิดขึ้นช่างมัน อาตมาบอกได้แค่นี้ ถ้าหากไม่เกิด...ถือเป็นกรรมของประเทศชาติ ถ้าเกิด...ก็ถือเป็นบุญของประเทศชาติ"

เถรี 26-12-2018 08:26

ถาม : จะมีฮีโร่ไหมคะในยุคนี้ ?
ตอบ : สมัยนี้ไม่มีฮีโร่ เพราะว่าทุกคนล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยกิเลส ถึงเวลาก็แค่กบเลือกนาย หรือไม่ก็เปลี่ยนเหลือบฝูงใหม่เท่านั้น

ข้าราชการไทยที่จะสำนึกตัวว่าเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีน้อย ส่วนใหญ่ทำเพื่อตัวเอง ทำเพื่อพวกพ้อง อะไรที่สามารถกอบโกยเป็นผลประโยชน์เข้ามาได้ก็จัดการทันที น่าเสียดายข้าราชการดี ๆ ที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงบ่มเพาะเอาไว้ ไม่มีโอกาสที่จะขึ้นมามีอำนาจอย่างแท้จริง ขณะเดียวกันก็เกษียณอายุบ้าง พ้นตำแหน่งไปบ้าง ต้องบอกว่าโอกาสที่ประเทศเราจะดีขึ้นมีน้อยมาก

ปีหน้าเริ่มหล่อพระทองคำแล้ว คาดว่าอะไรอะไรจะค่อย ๆ ดีขึ้น แต่แหม...นี่ตกต่ำอยู่ใต้สะดือทะเลเลย กว่าจะขึ้นมาถึงพื้นทะเลก็ยาก อย่าว่าแต่โผล่พ้นทะเลมาบนบก แล้วยังจะต้องขึ้นเขาอีก อาตมาเองไม่รู้จะได้อยู่ดูตอนสำเร็จจริง ๆ หรือเปล่า ได้ยินก็แค่ทำใจ

อย่าไปตื่นเต้นมาก หัดปล่อยวางให้ได้ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวเครียดตาย ทำมาหากินไปตามปกติ ปฏิบัติไปตามกฎหมายบ้านเมืองและศีลธรรมตามปกติ อะไรจะเกิดก็ย่อมเกิด Whatever will be, will be. ต้องยอมกันบ้าง

เถรี 26-12-2018 08:38

จริง ๆ แล้วสำนวนฝรั่งบางสำนวนก็สุดยอดจริง ๆ ต้องบอกว่าทุกชาติเขามีคำคมของตัวเอง แบบเดียวกับกะเหรี่ยง กะเหรี่ยงตัวเล็ก แต่คำคมกะเหรี่ยงนี่แสบมาก บอกว่า “ตัวใหญ่ย่อมไร้ปัญญา” เราถ้าไปยืนเทียบกัน เขาสูงไม่ถึงไหล่ พวกเราเลยกลายเป็นคนไร้ปัญญาไป

แต่ว่าไปเจอกะเหรี่ยงจริง ๆ ในเขตพะอาง หรือว่าในเขตลอยกอ คือพะอางเป็นเมืองหลวงของรัฐกะเหรี่ยง ลอยกอนี่เป็นเมืองหลวงของรัฐกะเหรี่ยงแดง ก็คือรัฐกะยา กะหยิ่นกับกะยา ก็คือกะเหรี่ยงขาวกะเหรี่ยงแดง ปรากฏว่ากะเหรี่ยงทางนั้นสูงใหญ่เป็นฝรั่งเลย ถ้าหากว่าไม่เคยเห็นว่ากะเหรี่ยงสูงใหญ่เป็นอย่างไร ก็ให้ดูตัวอย่างท่านโมเช่ ท่านมาจากที่นั่น สูงกว่าอาตมาอีก

ตอนนี้พม่าว่าน่าสงสารแล้ว ประเทศเรายิ่งน่าสงสารเข้าไปใหญ่ สองประเทศที่เป็นอันดับต้น ๆ เลยของมหาอำนาจในเอเชียตะวันออกยุคนั้น ปัจจุบันนี้แข่งกันตกต่ำ ขณะเดียวกันประเทศอื่น ๆ กลายเป็นว่าแซงหน้าไป ๆ ของพม่าต้องบอกว่าอองซานซูจีต่อให้เก่งขนาดไหน
ถ้าทหารไม่เอาด้วยก็ไปไม่รอด อำนาจที่แท้จริงอยู่ในมือทหาร เราจะเห็นว่าซูจีโดนยึดรางวัลสันติภาพโลก โดนยึดรางวัลนั่นรางวัลนี่ จริง ๆ แล้วชาวโลกเขาก็ต้องเห็นว่าซูจีไม่มีอำนาจ เพราะว่าอำนาจอยู่กับปากกระบอกปืน ถ้าทหารไม่เอาด้วยก็ทำอะไรไม่ได้ แต่เขาใช้วิธียึดรางวัลเพื่อกดดัน ซึ่งกดดันไปก็ไม่มีประโยชน์ ตัวซูจีเองสมัยก่อนก็โดนกักอยู่ในบ้าน ๒๐-๓๐ ปี

อาตมาไปพม่าใหม่ ๆ เพื่อนพระพม่าท่านเตือนเลย ห้ามพูดถึงเด็ดขาด ๒ คำ “อองซานซูจี กับ Democracy” พูดถึงเมื่อไรเตรียมติดคุกได้เลย แต่เขาไม่เรียกคุกนะ เขาเรียกว่าสวรรค์ บอกว่าจะส่งไปขึ้นสวรรค์ที่อินเส่ง ก็คือคุกที่ขังนักการเมือง

เถรี 26-12-2018 08:42

อริสโตเติ้ลบอกมาตั้งแต่สมัยกรีกโบราณว่า “ความดีของคนหมดไปทันทีที่เข้าไปเล่นการเมือง” เป็นอมตะวาจามาได้จนถึงทุกวันนี้

ที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่าไม่มีหลักธรรมในการยึดโยง อย่างข้าราชการสมัยโบราณมีอะไรเป็นเครื่องยึดโยง ? มีสัจจะ สัจจะตรงไหน ? ถวายสัจจะปฏิญาณด้วยการดื่มน้ำพิพัฒน์สัตยา ว่าจะซื่อสัตย์ต่อราชบัลลังก์ ว่าจะทุ่มเทให้กับการถวายการรับใช้ใต้เบื้องยุคลบาท พูดง่าย ๆ คือทำงานราชการยอมสละแม้แต่ชีวิต นั่นคือหลักธรรมที่คนโบราณเขามี ปัจจุบันนี้หลักธรรมหายหมดแล้ว

เถรี 26-12-2018 08:58

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อเช้าที่กล่าวถึงท่านอาจารย์ธรรมจักร นิลรักษา ที่เป็นผู้ประสานงานในการสอบธรรมศึกษาโรงเรียนทองผาภูมิวิทยา บอกว่าไปนั่งสมาธิที่พระเจดีย์วัดท่าขนุนแล้วเห็นพระฤๅษีมา ถามว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป ? อาตมาก็บอกว่า อันดับแรกอาจารย์ต้องนึกก่อนว่าตัวเรามานั่งสมาธิเพื่ออะไร ?

ส่วนใหญ่การเจริญสมาธิของเราก็หวังอยู่ ๒ อย่าง คือความสุขในปัจจุบัน กับการพ้นจากกองทุกข์ เพราะฉะนั้น..ในเรื่องของการนั่งสมาธิ สิ่งที่มารบกวนอย่างหนึ่งคือนิมิตต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ถ้าเป็นสายวัดป่านี่ท่านให้ทิ้งหมดเลย สายพองยุบก็ให้ทิ้งหมดเลยเช่นกัน "เห็นหนอ..เห็นหนอ" อย่างเดียวแต่ไม่สนใจเลย ก็เลยบอกว่าอาจารย์ต้องดูว่าเราตั้งใจนั่งสมาธิเพื่ออะไร ?

เรานั่งสมาธิเพื่อความสงบก็ตัดทิ้งไปเสีย อาจารย์ธรรมจักรถามว่าแล้วในเรื่องของมโนมยิทธิละครับ ? ก็บอกว่ามโนมยิทธินั่งเพื่อการรู้เห็น รู้เห็นเพื่อให้ละวาง ก็คือเราจะรู้ว่าภพไหนภูมิไหนก็ตาม เมื่อถึงเวลายังไม่หมดกิเลสก็ยังเวียนว่ายตายเกิด ต้องทุกข์ยากอีก เมื่อเรารู้ว่าภพภูมิที่หมดกิเลสอย่างแท้จริงคือพระนิพพาน ก็ต้องตั้งเป้าหมายว่าเราต้องไปที่พระนิพพาน แต่ส่วนใหญ่พอเราไปรู้แล้วก็มักจะหลงทาง

อาตมาเคยเตือนหลายคนแล้วเขาไม่ฟัง ที่ไม่ฟังเพราะว่าการรู้เห็นเหมือนกับว่าดึงดูดพาเราให้ถลำลึกเข้าไปในเรื่องต่าง ๆ ที่ไม่สามารถรู้เห็นได้ในสมัยก่อน ทำให้เกิดความรู้สึกปลื้มใจ ภูมิใจ ว่าเราทำได้ เรารู้ได้ โดยที่ลืมสังเกตไปว่าการรู้เห็นนั้น ๆ ไม่ได้ช่วยในการละกิเลสเลย"


เถรี 26-12-2018 09:01

"ดังนั้นถ้าจะปฏิบัติให้ถูกต้องมีวิธีเดียวก็คือ ไม่ต้องใส่ใจ เราภาวนาอย่างไรก็ภาวนาต่อไป ถ้าหากว่าท่านใดเมตตามาสงเคราะห์ มีอะไรว่ามาตรง ๆ อย่ามาให้เห็นเฉย ๆ ถ้าให้เห็นเฉย ๆ ก็แค่รับรู้ไว้ด้วยความเคารพ ก็นิมนต์ท่านอยู่ตรงนั้นแหละ เราก็ปฏิบัติของเราต่อไป

เพราะว่าการรู้เห็นนั้นมีโทษมากกว่าประโยชน์ ที่ว่ามีโทษก็คือ หลายเรื่องเป็นเรื่องเกินกฎของกรรม ถ้าเรารู้แล้วไม่รู้ว่าตัวเองควรพูดเท่าไรนี่ เดือดร้อนมาเยอะแล้ว คนที่รู้แล้วจะรู้ว่าพูดได้เท่าไรก็มีน้อยเสียด้วย เพราะว่าส่วนใหญ่รู้เห็นแล้วก็ว่าไปเรื่อย บางอย่างรู้ ๑๐๐ ท่านให้พูดได้แค่ ๑ แค่ ๒ อกจะแตกตาย...!

อาตมาสมัยฝึกใหม่ ๆ เจอมาแล้ว บอกใครไม่ได้แล้วมาให้รู้ทำไม ? เสร็จแล้วก็พากันหลงเตลิดเปิดเปิงไปก็เยอะ พอคนเขาชม แหม...รู้เห็นได้แม่นจริง ๆ เลย อะไรจะชัดเจนแจ่มใสขนาดนี้ พูดทุกอย่างเหมือนกับตาเห็นเลย เราก็หลงเตลิดเปิดเปิงไป เป้าหมายที่แท้จริงในการที่จะละกิเลส ก็เลยกลายเป็นเพิ่มกิเลสขึ้นมา"

เถรี 27-12-2018 19:31

ถาม : เราทำยังไม่ถึงที่สุด แล้วมีท่านมาสงเคราะห์เราในนิมิต แนะนำเราอยู่ในขอบเขตทาน ศีล ภาวนา เราควรจะเอาไปปรับใช้ หรือควรจะวางไว้ก่อน หรือเราอาจจะคิดไปเอง ?
ตอบ : ระมัดระวังทุกลมหายใจว่าอาจจะพลาด อาตมาเสียพระอภิญญาไป ๑ รูปเพราะอย่างนี้ เพราะสิ่งที่เขาบอกคือความจริง ๘๐-๙๐% แล้วเขาแทรกตรงที่ไม่ใช่ไว้แค่นิดเดียว แต่ท้ายสุดเราลองคิดดูว่า ถ้าเราเริ่มต้นเบี่ยงออกจากเป้าหมาย ๑ องศา อีก ๑๐๐ กิโลเมตรข้างหน้าเราจะห่างเป้าหมายไปเท่าไร ? เขาหลอกได้ขนาดนั้น เสียไปแล้วก็เสียดาย

ทุกวันนี้ที่เสียดายก็คือท่านเป็นฆราวาสแล้วท่านยังคงปฏิบัติเป็นปกติ แต่คนอื่นเห็นว่าท่านผิดปกติ เพราะว่าไปไหนก็นั่งเงียบ ไม่อย่างนั้นเราจะมีพระอภิญญาอีกหนึ่งองค์เอาไว้สำหรับเป็นเนื้อนาบุญของเราได้ ดังนั้น..การรู้เห็นจึงมีโทษมากกว่าประโยชน์ เพราะว่าทุกคนจะมีความเชื่อมั่น จะเรียกว่าดื้อก็ได้ ตรงที่ว่าเราเห็นเราจึงเชื่อ พอเราเชื่อ คนอื่นเตือนก็ไม่ฟังแล้ว ก็ในเมื่อเห็นชัด ๆ ได้ยินชัด ๆ แล้วเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ก็เป็นไปตามนั้น ๘๐-๙๐% แล้วก็เชื่อว่าที่เหลือ ๑๐ หรือ ๒๐% นั่นต้องใช่ด้วย...ก็เตลิดเลย

เถรี 27-12-2018 19:32

สมัยที่อาตมาปฏิบัติอยู่นี่ เหมือนอย่างกับเดินอยู่บนผิวน้ำแข็งบาง ๆ ระวังตัวอยู่ทุกฝีก้าวยังเกือบตาย เพราะว่าบางทีสภาพจิตก็สุดยอด ปีหนึ่งก็แล้ว ๒ ปีก็แล้ว ๓ ปีก็แล้ว กิเลสไม่เกิดเลย นี่เราท่าจะบรรลุแล้วกระมัง ? กว่าจะรู้ตัวอีกทีเหมือนกับแผ่นดินค่อย ๆ ลดลงทีละมิลลิเมตรโดยที่เราไม่รู้ตัว เดินไป ๆ หันมามองอีกที...ตายห่า..! ลงไปอยู่ก้นเหวตอนไหนไม่รู้ ?!?

ต้องระมัดระวังสุดชีวิต ตราบใดที่เป็นนักปฏิบัติ ไอ้ที่จะไม่หกล้มหกลุก ไม่ผิดไม่พลาดนั้นไม่มีหรอก แต่พลาดแล้วให้รีบแก้ไข ถ้าไม่แก้ไขเดี๋ยวก็ไปไกลอีก

เถรี 27-12-2018 19:39

ถาม : แล้วถ้าเราสนนิด ๆ พอให้กระชุ่มกระชวยได้ไหมคะ ?
ตอบ : ก็บอกแล้วว่าระวังเอาไว้ทุกลมหายใจ พลาดเมื่อไรก็เดี้ยงเมื่อนั้น เราจะเห็นว่าทำไมสายหลวงปู่มั่นพระท่านได้มรรคได้ผลกันมาก ? เพราะว่าท่านทิ้งเรื่องพวกนี้เลย ท่านไม่เอาเลย แต่พอถึงเวลาแล้วถ้าหากว่าวิสัยเดิมของท่านมี ถึงเวลาเรื่องฤทธิ์เรื่องอภิญญาก็จะเกิดขึ้นเอง

ถาม : อย่างฤทธิ์ทางกายอย่างนี้ ?
ตอบ : ก็ติดอยู่ตรงนั้นเยอะแล้ว เพราะว่าพวกนี้เป็นส่วนหนึ่งของอภิญญา พอเราทำได้แล้วสายตาคนทั่วไปจะเห็นเป็นผู้วิเศษ พอถึงเวลาชื่อเสียงลาภยศไหลมาเทมา เราก็เสียหมาเองโดยไม่รู้ตัว ไปหลงยึดติดอยู่ตรงนั้น มีหลายคนที่เตือนแล้วไม่ฟังเพราะว่า "ชอบที่มีคนมาห้อมล้อม" บางคนก็ว่าอาตมาไร้น้ำใจ ใครมาผิดท่าไล่กระเจิงหมด..!

เถรี 27-12-2018 19:51

พระอาจารย์กล่าวว่า "ถามท่านอาจารย์บ๊ะว่าท้าวแสนโกฏิดีตรงไหน ? ท่านบอกว่าเน้น ๆ เลยนะครับ ใครพกเอาไว้ก็เป็นโรคน้อยหน่อย สรุปแล้วท่านคงเบื่อที่จะรักษาพวกเราแล้ว เอาท้าวแสนโกฏิไปก็แล้วกัน

เกิดเป็นคนจะไม่มีโรคเป็นไปไม่ได้ บาลีพระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดเลย สังขารัง โรคะนิทธัง ปะภังคุณัง สังขารทั้งหลายเป็นรังของโรค มีการเน่าเปื่อยเป็นธรรมดา สัพเพ สังขารา อะนิจจา สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง สัพเพ สังขารา ทุกขา สังขารทั้งหลายเป็นทุกข์ สัพเพ ธัมมา อะนัตตา ทุกอย่างไม่สามารถยึดมั่นเป็นตัวเป็นตนได้ ถึงเวลาก็พังราบ อาตมาแปลตามใจตัวเอง...ฟังง่ายหน่อย"


เถรี 27-12-2018 20:19

ถาม : (พิจารณาร่างกายแบบใช้ปัญญา)
ตอบ : ก็คือดูร่างกายของเรา ทั่ว ๆ ไปก็สายตาเริ่มยาว ฟันคลอน...หลุด ผิวหนังเหี่ยว ร่างกายเคลื่อนไหวยาก จากที่เคยกระฉับกระเฉง ก็เริ่มปวดนั่นเจ็บนี่ จากที่เคยเดินได้คล่อง ก็ชักจะกระย่องกระแย่ง จริง ๆ แล้วร่างกายแสดงให้เห็นชัด ๆ เลย ว่าก้าวไปหาความเสื่อมอยู่ตลอดเวลา แต่ด้วยความที่มีสิ่งที่ปิดบังเอาไว้มาก อย่างเช่น ความสืบเนื่อง ที่บาลีเรียกว่า สันตติ ปิดบังความอนิจจัง คือความไม่เที่ยง เกิดดับ ๆ ๆ ๆ อยู่ตลอดเวลา เซลล์ร่างกายของเราวันหนึ่ง ๆ ดับเป็นแสนเป็นล้าน แต่ร่างกายก็สร้างขึ้นมาใหม่ ในเมื่อเป็นสันตติ ก็คือสร้างใหม่ต่อเนื่อง ๆ ๆ ๆ ก็เลยปิดบังความเสื่อมของร่างกาย จนบางทีเราก็นึกไม่ถึง

แล้วก็อิริยาบถ ก็คือการเคลื่อนไหว ปิดบังความทุกข์ เพราะว่าถึงเวลาเราเมื่อยเราก็ขยับ ไปยืน ไปเดิน ไปทำอย่างอื่น ก็เลยไม่เห็นว่าจริง ๆ แล้วร่างกายมีทุกข์เกิดขึ้นตลอดเวลา แล้วท้ายที่สุด ฆนะ คือความควบแน่น ความจับเป็นก้อน ความเป็นตัวตน ปิดบังอนัตตาไว้


เถรี 27-12-2018 20:41

อย่างตึกทั้งหลังนี้เราก็เห็นว่าแข็งแรงดี แต่ลองจับแยกออกดูสิ นี่คือทรายเป็นเม็ด ๆ นี่คือปูน นี่คือเหล็ก ร่างกายของเราก็เหมือนกัน นี่คือดิน นี่คือน้ำ นี่คือลม นี่คือไฟ แต่พอรวมกันเป็นตัวเป็นตน เป็นก้อนขึ้นมา เป็นแท่งขึ้นมา เราก็มองไม่เห็นแล้ว เพราะว่าปัญญาไม่ถึง

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ปิดบังความจริง ทำให้เราเข้าไม่ถึงอริยสัจ ลองนึกถึงตึกหลังนี้แล้วเราก็รื้อสิ เอาอิฐออก เอาปูนออก เอาทรายออก เอาเหล็กเส้นออก ก็ไม่เหลืออะไร ท้ายสุดก็กลายเป็นส่วน ๆ ไป แล้วในแต่ละส่วนมาจากไหน ? ก็มาจากดิน มาจากน้ำ มาจากลม มาจากไฟ

สมัยก่อนที่อาตมาฝึกใหม่ ๆ แยกจนไม่มีอะไรเหลือแม้แต่นิดเดียว กว่าจะรู้ตัว อ้าว...เป็นอรูปฌานไปตอนไหนวะ ? รู้แต่ว่าตัวเองชอบแยกก็แยกไปเรื่อย ด้วยความที่เคยทำทางด้านนี้มาในอดีต ถึงเวลากลายเป็นอรูปฌานไปตอนไหนก็ไม่รู้ ? ไม่เหลืออะไรเลยแม้แต่นิดเดียว พอไม่เหลืออะไรก็เหลือแต่ความว่าง อารมณ์นี้เป็นอารมณ์ของอรูป ก็คือไร้รูป

บางทีเวลานำญาติโยมเจริญกรรมฐาน โยมไม่รู้ว่าโดนลากไปอรูปฌานแล้ว เพราะว่าท้ายสุดอาตมาก็ปิดด้วยพุทธานุสติ อุปสมานุสติ นึกถึงพระ นึกถึงพระนิพพาน เลยรอดตายไป แต่ถ้าหากว่าให้ไปทำเอง ดีไม่ดีก็หลงเตลิดเปิดเปิง เพราะว่าอรูปฌานนิ่งและสงบมาก ๆ ถ้านิ่งอยู่ตรงนั้นอย่างเดียวก็เจ๊ง

หลวงพ่อพรหมโมลี (วิลาศ ญาณวโร ป.ธ.๙) วัดดอน ยานนาวา ท่านบอก “ข้าวบูดของดาบส” อะไรล่ะ? “ดาบสคือนักปฏิบัติ ส่วนข้าวบูดกินได้ไหมเล่า ?” อรูปฌานเป็นข้าวบูด ถึงเวลาต้องรีบใช้ในการตัดกิเลส ถ้าไม่ได้ใช้อรูปฌานก็เป็นข้าวบูดของดาบส คือนักบวชถึงมีก็กินไม่ได้ กินเมื่อไรก็ติดอยู่แค่นั้น

เถรี 27-12-2018 20:47

พอใช้อรูปฌานในการตัดกิเลสทำให้มีกำลังสูงมาก เพราะว่ามีการพิจารณาเหมือนวิปัสสนาญาณ เพียงแต่ว่าตอนท้ายไม่มีตัวสรุปจบเท่านั้น หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า ถ้าอ่านตามวิสุทธิมรรคท่านว่าแค่ชั่วเคี้ยวหมากแหลกก็สามารถสำเร็จอรหันต์ได้ แต่ท่านบอกว่าพิจารณาให้ดีนะ หมากแข็งหรือหมากอ่อน คนเคี้ยวมีฟันหรือมีแต่เหงือก..!

สมัยก่อนเวลาหลวงพ่อวัดท่าซุงคุยเรื่องพวกนี้ พวกเราก็นั่งน้ำลายหยดติ๋ง เมื่อไรจะทำได้บ้างวะ ? กลายเป็นเอากิเลสนำหน้า แต่ว่าเป็นกิเลสในด้านดี เพราะอยากดีถึงได้ทำ ถึงเวลาท้าย ๆ ท่านก็จับเราหันตรงทาง แล้วปล่อยเราเดินเอง ตอนหลงทาง บางทีท่านก็ปล่อยหลงเตลิดเปิดเปิงไป จะได้บทเรียนเสียบ้าง ไม่อย่างนั้นดื้อนัก

อาตมาถึงได้บอกว่า บางอย่างหลงอยู่ ๓ ปี พอเข้าทางได้วิ่งไปหาหลวงพ่อ “เออ...ให้รู้จักฉลาดเสียบ้าง จะดูว่าเอ็งโง่ได้นานเท่าไร” ไม่มีเลยที่จะบอกดี ๆ ปล่อยให้หลงเตลิดเปิดเปิงอยู่เรื่อย อาตมาก็เลยติดนิสัย ถ้าเห็นลูกศิษย์หลงทางจะมีความสุขมาก แหม...ช่างเหมือนกันดีจริง

เถรี 27-12-2018 20:50

ถาม : ที่ไปล้มตอนไปกฐินปลดหนี้ เอ็นช่วงแขนซ้ายขึ้นมาถึงคอพลิก ต้องไปให้เขาแคะออก เจ็บมากขนาดดิ้นเลย ก็เลยลองพิจารณาดูว่ามีร่างกายแล้วต้องเจ็บแบบนี้ ให้จิตมันปล่อยร่างกาย โดยไม่ใช้วิธีหลบให้หายเจ็บเฉย ๆ ...รู้ทั้งรู้ว่าปล่อยไปจะหายเจ็บ แต่ก็ยังไม่ปล่อย ยึดไว้อยู่อย่างนั้น ?
ตอบ : เขาเรียกว่ายึดมาไม่รู้กี่แสนกี่ล้านชาติแล้ว ในเมื่อยึดเสียขนาดนั้นกลายเป็นวสีคือความชำนาญ แปลว่าเกิดความชำนาญในการยึด ที่จะไปทิ้งมันยาก ทิ้งไม่ได้เพราะหวง รักมาก

เถรี 27-12-2018 21:53

ถาม : ผมรู้สึกว่าหลายปีที่ผ่านมากรรมฐานไม่ก้าวหน้าครับ กราบขอคำแนะนำครับ ?
ตอบ : ไม่มีอะไร ที่ไม่ก้าวหน้าส่วนใหญ่ยังทำขาด อาตมาว่าคนที่ไม่ก้าวหน้า ถ้าไม่ทำเกินก็ทำขาด ของเราที่ในปัจจุบันนี้ทำขาดทั้งนั้น เพราะว่าเราไม่ได้สังเกตดูว่า สิ่งที่เราทำผ่านมานั้นเราทำอะไรบ้าง บางอย่างอยู่ในระยะที่ว่าต้องสะสมกำลังให้เพียงพอที่จะก้าวหน้า หรือว่าก้าวผ่านจากจุดปัจจุบันนี้ไป ซึ่งต้องใช้ความเพียรพยายามมากและสม่ำเสมอ คราวนี้ของเราถ้าตัวความเพียรก็คือขยันให้มากขึ้น และทำให้สม่ำเสมอ ถ้าขาดตัวใดตัวหนึ่งก็เจ๊งเลย

เพราะฉะนั้น...เหลือแค่นี้เท่านั้นแหละ ว่าต้องขยันและสม่ำเสมอ ทำย้ำแล้วย้ำอีก ซ้ำแล้วซ้ำอีกอยู่ตรงจุดเดิม เบื่อไม่ได้ หน่ายไม่ได้ ถ้ากำลังพอจะก้าวผ่านไปได้เอง นี่เป็นปัญหาที่เจอกันเยอะมาก


เถรี 27-12-2018 21:56

ถาม : รู้สึกว่าตัวเองในชีวิตมีหน้าที่จะต้องทำ ตราบใดที่หน้าที่ของเรายังไม่บรรลุ ก็จะทำให้ไม่ก้าวหน้าหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ไม่ใช่ เราต้องสละความสุขส่วนตัวเพื่อการปฏิบัติ แบบเดียวกับอาตมาเป็นฆราวาสตื่นตั้งแต่ตี ๓ เพื่อที่จะเอาเวลาตี ๓ ถึง ๖ โมงเช้ามาปฏิบัติ ขนาดเป็นทหารอยู่นอนตี ๒ พอตี ๓ ยังต้องตื่น เพราะว่าถ้าเราขาดความสม่ำเสมอเมื่อไรจะเหมือนกับถอยหลัง เราจึงต้องสละความสุขส่วนตัวเพื่อการปฏิบัติ ไม่อย่างนั้นแล้วจะก้าวหน้ายาก

ถาม : ผมควรจะไปเข้าป่าสักพักหนึ่งไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่มีภาระอะไรที่ต้องรับผิดชอบ หรือสามารถทิ้งได้โดยมีคนจัดการแทน ไปเสียหน่อยก็ดี ไปแล้วจะรู้ว่าเรามาทำไม อยู่บ้านก็ทำได้เหมือนกัน...!

เถรี 27-12-2018 22:00

ถาม : ขอเทคนิคให้นอนหลับน้อยลงค่ะ ?
ตอบ : กินให้น้อยลง

ถาม : ก็น้อยแล้วนะคะ ?
ตอบ : ยังไม่น้อยพอ ถ้ากินน้อยเมื่อไรจะหลับน้อยลง เพราะว่าร่างกายไม่โดนสารอาหารถ่วงอยู่

ถาม : ขับรถจากวัดท่าขนุนทีก็ลงเขื่อนลงคลองไปเลย ?
ตอบ : อาตมาพาโยมไปเชียงราย นั่งรถตะลอน ๆ อยู่ ๕-๖ วัน กลับมาถึงวัดประมาณเกือบเที่ยงคืน ตี ๒ ต้องไปส่งเขาขึ้นรถทัวร์ ก็ยังตื่นได้ ไม่ต้องใช้นาฬิกาปลุกด้วย เพราะฉะนั้น..ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติของเรา ถ้าสั่งร่างกายว่าไหวก็ต้องไหว เพราะว่าร่างกายไม่ใช่ของเรา ในเมื่อไม่ใช่ของเราต้องสั่งได้

ถาม : สมมติเราเคยสั่งได้อาทิตย์หนึ่ง พอวันต่อมาก็ร่วงไปเลย ต้องพักชดเชยเอาคืน ?
ตอบ : ดูความพอเหมาะพอดีของแต่ละคน ความพอเหมาะพอดีของแต่ละคนไม่เท่ากัน มัชฌิมาปฏิปทานี่ไม่มีมาตรฐาน ๕๐%


เถรี 27-12-2018 22:30

ถาม : ตอนนี้จับภาพพระ ตัวก็หายไปหมดเลย รู้สึกเบื่อที่เป็นแบบนี้ เราน่าจะเห็นกายไม่ใช่หรือคะ เราจึงจะพิจารณาได้ ?
ตอบ : เขาเรียกว่าอยากจนทุกข์ เราไม่รู้สึกเลยหรือว่าจริง ๆ แล้วร่างกายนี้ไม่มีอยู่แล้ว ต้องไปทะลึ่งเห็นแล้วค่อยพิจารณาทำไม นั่นเลยการพิจารณาไปแล้ว เหลือแค่สรุปรวบยอดว่าร่างกายนี้ไม่มีอะไรเป็นเราเป็นของเราจริง ๆ

ต่อไปฉลาดให้มากกว่านี้หน่อย คนอื่นเขาตะกายแทบตายกว่าจะทำถึง เราทำถึงแล้วดันไปไม่เป็น


เถรี 27-12-2018 22:35

ถาม : เราเสพอารมณ์อยู่ตลอดเวลา ?
ตอบ : เขาเรียกเสวยอารมณ์ กิเลสก็จะพยายามลากเราไปด้วย เพราะว่าเขาขาดอาหารไม่ได้ พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่าเรามีกวฬิงการาหาร ก็คืออาหารที่กินทั่ว ๆ ไป มีผัสสาหาร อาหารคือลมหายใจเข้าออก มีวิญญาณาหาร ก็คืออาหารที่เป็น รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ธรรมารมณ์

วิญญาณาหารทำให้เราสูญเสียพลังงาน เราปฏิบัติมาแล้วแทนที่จะสั่งสมกำลังให้เพียงพอในการตัดกิเลส เราไปให้ไหลออกทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ รั่วหมดทุกทางเลย แล้วกำลังเราก็ไม่พอตัดกิเลส ทำอย่างไรที่เราจะปิดไป ๖ ประตูนี้เสีย เพื่อให้กำลังเราเพียงพอในการตัดกิเลส ไม่รั่วไหลไปไหน นี่คือปัญหาที่ต้องไปหาทางทำ สะสมพอเมื่อไรแล้วเราจะได้ก้าวข้ามไปได้เลย เขาเรียกว่ามาถูกทางแล้วแต่ไปต่อไม่เป็น

ส่วนใหญ่แล้วพวกเราไม่รู้ตัวกัน นั่งภาวนา ๓๐ นาที หูย...อารมณ์ใจดีมาก จะเหาะจะบิน แล้วก็ไปเขี่ยไลน์อยู่ ๓ ชั่วโมง...ตาย...! หามาได้ ๓๐ ใช้ไป ๓๐๐ แล้วจะไปเหลืออะไร ? ขาดทุนอีกต่างหาก

เถรี 29-12-2018 09:42

ถาม : เหล็กขนันผี ?
ตอบ : เหล็กที่เขาตอกอัดเลย..พูดง่าย ๆ ว่าตรึงเอาไว้ คือผีบางตัวแรงมาก ก็เลยต้องใช้ตะปูตอก โดยเฉพาะตอกหน้าผาก ตรึงไว้ด้วยคาถา เหล็กที่ตอกเขาเรียกว่า “เหล็กขนัน” สมัยนี้เห็นฝรั่งใช้ตอกแดร็กคูลา ..(หัวเราะ).. นั่นแหละ..เหล็กขนัน

ตำราบอกว่า “เหล็กขนันผีพรายตายทั้งกลม เหล็กตรึงโลงตรึงปั้นลมสลักเพชร หอกสัมฤทธิ์กริชทองแดงพระแสงหัก เหล็กปฏักสลักประตูตะปูเห็ด อีกทั้งเหล็กเบญจพรรณกัลเม็ด เหล็กบ้านพร้อมเสร็จทุกสิ่งแท้” เหล็กบ้านคือของใช้โลหะภายในบ้าน โดยเฉพาะผานไถ


ถาม : ที่ไถนาหรือครับ ?
ตอบ : ใช่ ผานไถสำคัญมาก เพราะว่าสามารถพลิกธรณีได้ เขาว่าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในสามโลกก็คือแม่ธรณี ผานไถยังพลิกแม่ธรณีได้ อาถรรพ์ขนาดไหน ? อยู่ในลักษณะว่ากลับร้ายกลายดีได้เลย

เถรี 29-12-2018 09:44

ถาม : เวลาเอามาตีเป็นมีด จุดหลอมละลาย ?
ตอบ : เขามาหลอมเป็นเนื้อเดียว

“เอาเหล็กไหลเหล็กหลอมบ่อพระแสง เหล็กกำแพงน้ำพี้ทั้งเหล็กแร่” สมัยก่อนแสดงว่ากำแพงเพชรต้องมีบ่อเหล็ก “อีกทองคำสัมฤทธิ์นากอแจ เงินที่แท้ชาติเหล็กทองแดงดง” รู้จักนากอแจไหม ? ทองแดงชวา สมัยก่อนมาจากชวา เขาออกเสียงไม่ถูก เลยอ่านว่า ‘อแจ’ เด็กรุ่นหลังไม่รู้ศัพท์ หาไม่เจอสักที สมัยก่อนสีนั้นเขาเรียกนากหมด ส่วนของบ้านเราก็คือทองแดงเถื่อน ทองแดงดง

เถรี 29-12-2018 09:47

ถาม : เหล็กหล่อคืออะไรครับ ?
ตอบ : เหล็กหล่อก็พวกโลหะที่ทุบแตกได้ คือเนื้อเหล็กหล่อจะพรุน ๆ เหล็กหล่อส่วนใหญ่เขาทำแม่พิมพ์ แต่ว่าเนื้อค่อนข้างกรอบ ถ้าหากว่าไปปั๊มกระแทกนี่แตกเลย ได้แต่เป็นพิมพ์ขึ้นรูปอย่างอื่น แต่ว่าเหล็กไหลนี่ต้องดูว่าเขาเอาระดับไหน ถ้าเอาโคตรเหล็กไหลโกฏิปีชนิดหนีได้มาได้ไปได้ กว่าจะได้นี่ก็ตายกันไปข้างหนึ่ง ..(หัวเราะ)..

สมัยที่หลวงปู่มั่นไปปราบเหล็กไหลภูเขาควาย นั่นขนาดเขาดึงมันยืดเท่าเส้นด้ายแล้วยังไม่ขาด ถึงเวลารัดกลับ ทั้งพระทั้งเณรโดนตัดตัวขาดเลย


ถาม : พวกนี้เป็นอสุรกายหรือครับ ?
ตอบ : ต้องบอกว่าเป็นโลหะธาตุที่มีประสาทคือวิญญาณ ยังไม่มีจิตคือตัวรู้ ของพวกนี้บางคนเขาบอกว่าเป็นที่อาศัยของบรรดาผู้ทรงฌาน ทรงสมาบัติ เอาไว้สำหรับบ่มเพาะบำเพ็ญตบะของตน อยู่ ๆ เราก็ไปเอาของเขามา เขาก็คงจะไม่ยอม


เถรี 29-12-2018 09:50

ถาม : แล้วพวกนักสิทธิ์วิทยาธรอยู่ชั้นไหนครับ ?
ตอบ : พวกนี้ส่วนใหญ่อยู่ในระดับเทวดาชั้นต่ำ มักจะอาศัยอยู่ตีนเขาพระสุเมรุกับป่าหิมพานต์

นักสิทธิ์ก็คือฤๅษีหรือว่านักบวชประเภทหนึ่ง แต่ว่าเป็นโลกียอภิญญา ไม่ค่อยเคร่งครัดในเรื่องศีล ส่วนพวกวิชาธรนี่พวกเทวดาที่เจ้าชู้ ..(หัวเราะ).. วิทยาธรหรือวิชาธรตัวเดียวกัน คือผู้ทรงความรู้ เป็นความรู้ที่เกินคนทั่วไป อย่างเช่นว่าเหาะได้ หายตัวได้ เป็นต้น


ถาม : เวลาไปขุดว่าน หลวงปู่ให้ใช้ตัวนี้กำกับ ?
ตอบ : ป้องกัน ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวเข้ามาขโมยลูกสาว พวกนี้บ้าผู้หญิง เจอลูกสาวบ้านไหนสวย บุกเข้าบ้านนั้น คนโบราณเขาเลยมียันต์ มีคาถา ลงรอด ลงขื่อ ลงเสากันพวกนี้ไว้

เถรี 29-12-2018 09:52

ถาม : ทั้ง ๆ ที่เป็นเทวดาก็ยังทำ ?
ตอบ : เขาอยู่ในภูมิกึ่งทิพย์ ต้องเรียกว่าวิบากทำให้ไปเกิดที่นั่น แต่ว่าสันดานแก้ไม่ได้ ก็ต้องอยู่ไปจนกว่าจะหมดอายุขัยของตรงนั้น เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าละเมิดศีลละเมิดธรรมแล้ววิชาจะเสื่อม เพราะว่าไม่ใช่วิชา แต่เป็นฤทธิ์โดยกรรมวิบากติดตัวมา เหมือนอย่างกับเสือต้องฆ่าสัตว์ ใครจะทำให้เสือเสื่อมได้ จนกว่าจะตายไปเอง

ถาม : แต่
ว่าในภูมินั้น เขาก็สร้างวิบากกรรมที่เป็นอกุศลกรรมเพิ่ม ?
ตอบ : ส่วนใหญ่ก็ ๕๐๐ ชาติ..! ..(หัวเราะ).. กรรมที่ทำแล้วทำอีก

ป่าหิมพานต์ถ้าตบะไม่ดีจริงอย่าไปเลย นอกจากพวกนักสิทธิ์วิทยาธรอะไรแล้ว แม้กระทั่งมักกะลีผล เจอแม่เจ้าประคุณเข้าจะเอาตัวไม่รอดเอา แต่ละคนมานี่สวยถูกกิเลสล้วน ๆ ..(หัวเราะ)..

เถรี 29-12-2018 09:53

ถาม : แต่มักกะลีผลไม่ใช่ผลไม้ ?
ตอบ : เป็นผลไม้ อายุของเขาคืออายุผลไม้ พอถึงเวลา ๗ วันก็หลุดจากขั้วไป

ถาม : อันนี้ก็เป็นกัมมวิปากชาฤทธิ์เหมือนกัน ?
ตอบ : ต้องเรียกว่าวิบากเขาสร้างมาเพื่อคนอื่น แต่คราวนี้ถ้าเราหลงไป ถ้ารัก โลภ โกรธ หลง เรายังไม่หมด เราก็เสร็จไปด้วย

ถาม : แสดงว่ามีวิญญาณ แต่ไม่มีจิต ?
ตอบ : ก็ลักษณะแบบต้นไม้กินคน เคลื่อนไหวได้ ร้องเพลงได้

เถรี 29-12-2018 09:58

ถาม : เคยเจอปลัดขิกเป็นหิน ว่ายน้ำได้ ผู้ชายไปจะไม่เข้าหา แต่ถ้าผู้หญิงไป จะว่ายเข้ามาหา ?
ตอบ : ก็ไม่ต้องใครหรอก ตาแดง (มงคล จอมผา) เห็นว่ายน้ำอย่างกับปลา จะไปจับ เขาบอกว่าพอก้มลงจะจับ เหมือนอย่างกับมีใครเป่าลมใส่หน้า แต่ลมมาแรงเต็มถ้ำเลย โอ้โฮ..ขนาดนี้แล้วตัวใหญ่แค่ไหน ? ท้ายสุดต้องตัดใจเดินหนี

ถาม : ในถ้ำหรือครับ ?
ตอบ : ใช่ เล่นน้ำอยู่ในถ้ำ เป็นถ้ำที่มีน้ำไหล อยู่ ๆ ไปเห็นปลัดหินว่ายน้ำ บางที่เขาเรียกแท่งยาพระฤๅษี

หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ เอาผ้าอาบไปช้อนอยู่เป็นวัน ช้อนไม่ติด จนกระทั่งชาวบ้านเขาบอกว่าให้ผู้หญิงมาช้อน เลยช้อนได้มาตัวหนึ่ง พวกนี้เจ้าชู้โดยสันดานจริง ๆ ผู้ชายช้อนเท่าไร เหมือนอย่างกับเป็นน้ำ ลอดผ้าไปได้ แต่พอผู้หญิงช้อน กลับยอมอยู่ ได้มาต้องดีดหูให้เข็ด..! ..(หัวเราะ).. ของพวกนี้เป็นโลกจินไตย ความเป็นไปของโลก

ของบางอย่างพอพลังงานลงไปจับ ก็เคลื่อนไหวได้ มีความรู้สึก กินได้ อะไรได้ แต่ว่าไม่มีจิต คือตัวรู้เท่านั้น


ถาม : แต่ว่าเขาก็มีอายุของเขา ?
ตอบ : ก็อยู่จนกว่าพลังงานจะย้ายที่หรือว่าเสื่อมไป เพราะฉะนั้น..ถ้าหากว่าลองจับวัตถุบางอย่าง ก็แปรสภาพจากที่ของเสื่อมได้ เสียได้ กลายเป็นหิน กลายเป็นแก้ว อย่างที่เขาเรียกว่า “คด” ไม่ว่าจะสัตว์หรือว่าพืช

เถรี 29-12-2018 10:02

เอาไว้ว่าง ๆ จะเอาไข่งูเป็นแก้วมาลงให้ดู ที่เขาไปขายเจ็ดล้านบาท แต่ซื้อมาสามร้อยเอง น่าฆ่าให้ตาย..! คือเขาเป็นเถ้าแก่รับซื้อของเก่าแถวแก่งกระจาน คราวนี้คนที่ไปหาของเก่ามาขาย ถึงเวลาวางของลง ไข่งูเป็นหินอยู่ในกระเป๋าร่วงลงมา ถามว่าอะไร ? เขาบอกว่าได้มาจากปากงู เจองูจงอางตัวใหญ่ตาย เขาสงสัยเข้าไปดูใกล้ ๆ เห็นในปากอมไข่นี้ไว้ ก็เลยเอาใส่กระเป๋าออกมา

รายนี้ส่องดูบอกว่า เห็นแม้กระทั่งลูกงูตัวเล็ก ๆ อยู่ข้างใน ก็เลยถามว่าขายไหม ? เขาบอกว่า “ถ้าเถ้าแก่จะเอา ผมคิดห้าร้อย” ไอ้นี่ก็ไปต่อเขาสามร้อย เอาไปขายต่อเจ็ดล้าน น่าตายมากเลย..! สันดานพ่อค้าจริง ๆ จะให้เขาสักหมื่นสองหมื่นก็ยังได้ คนเขาหาของป่าเหนื่อยแทบตาย ได้มาแทนที่จะประเภทแบ่งเขาบ้าง กินคนเดียวเลย เขาขอห้าร้อย ให้เขาสามร้อย

ของพวกนี้วันดีคืนดีจะเปล่งแสงได้ ที่ทางภาคเหนือเขาเรียกแสงโน่น แสงนี่ อย่างแสงนกคุ้ม แสงกล้วย เป็นต้น แสงกล้วยก็คือ “แก้วกัทลี” แก้วที่เกิดขึ้นในต้นกล้วย ในปลีกล้วย แสงนกคุ้มก็คือไข่นกคุ้มเป็นหิน ไข่ไก่ป่าเป็นหิน บางทีไข่ไก่ป่าแท้ ๆ ก็เรียกแสงนกคุ้มเพราะว่าเขาไม่รู้จัก เห็นว่าอยู่กับรังที่พื้น ไม่ได้สังเกตว่าใหญ่กว่านกคุ้มตั้งเยอะ..!”


เถรี 29-12-2018 10:05

ไม่ได้แวะไปดูที่ศาลาจำหน่ายวัตถุมงคลวัดหลวงป๋าเลย ไม่รู้ว่าคดขนุนยังอยู่หรือเปล่า ? เม็ดหนึ่งเป็นแสน คือท่านจะเอาไปสร้างเจดีย์ ท่านก็เลยต้องการคนมีกำลัง จึงตั้งราคาไว้สูง

ถาม : มีเปลือกอยู่ ?
ตอบ : คุณจะเอาเปลือกออกก็ได้ แต่คนเขาจะไม่เชื่อ ก็เลยต้องเก็บเปลือกไว้ด้วย เขาเรียกว่าเยื่อหุ้มเม็ด

ถาม : น่าจะเป็นของคู่บุญของท่าน ?
ตอบ : ท่านบอกว่าขนุนต้นนั้นเป็นเกือบทั้งต้น คือท่านภาวนาไปภาวนามา ท่านบอกว่าเขาลงมาเอง ในเมื่อลงมาเองท่านก็เลย เอ้า..ในเมื่อจะมาช่วยก็ขายเลย ..(หัวเราะ).. พี่อรรณพซื้อไปเม็ดหนึ่ง ถามว่าเท่าไรพี่ ? “สองแสน ผมตั้งใจสร้างพระเจดีย์”

ถาม : มีตั้งแต่ทอง นาก ?
ตอบ : มีชมพูนุทกับสีทองแดง

เถรี 29-12-2018 10:07

ถาม : กราบขอขมาหลวงพ่อครับ ?
ตอบ : อย่าบ่อย ไปขอขมาพระหน้าหิ้งพระโน่น

คนเราตราบใดที่ยังไม่ถึงพระนิพพาน โอกาสคิดผิด พูดผิด ทำผิดมีอยู่แล้ว จริง ๆ แล้วพระท่านไม่ได้ถือสาหาความอะไรหรอก แต่โทษที่ตัวเองทำผิดนั่นแหละที่ลงโทษเอง เหมือนกับเราขว้างลูกเทนนิสใส่ฝาผนัง ก็เด้งกลับไปเอง คนอื่นเขาขว้างเสียเมื่อไรเล่า ? เด้งกลับเอง เราก็เดือดร้อนเอง

เถรี 29-12-2018 10:10

พระอาจารย์กล่าวว่า “ไปอ่านประวัติหลวงปู่ละมัย หลวงปู่ละมัยทำปรอทเสร็จ วิทยาธรมาขโมยอยู่เรื่อย เขาว่าถ้าทำก็เสียเวลาเขา คนอื่นทำกูเอาด้วย ..(หัวเราะ).. แล้วก็มีมารยาทนะ ไม่ได้ขโมยตรง ๆ ก็ไปใส่มือให้เขาเอง ท่านก็ไม่รู้ นึกว่าชาวบ้านธรรมดา ๆ มาขอ เห็นกระมอมกระแมมมา หย่อนแตะมือปั๊บ เขาหัวเราะก๊าก เปลี่ยนรูปต่อหน้าต่อตาให้เห็นเลยว่าเสร็จเขาแล้ว สมควรตายจริง ๆ..!

แต่ของพวกนี้บางทีก็ต้องบอกว่าอยู่ที่คน ถ้าอย่างสายหลวงพ่อวัดท่าซุง ถึงเวลาเราอาราธนาบารมีพระ บารมีพรหมเทวดาอยู่ พวกที่ศักดานุภาพน้อยกว่าก็เข้าเขตนั้นไม่ได้ อย่างของหลวงปู่ท่านเล่นอภิญญาแท้ กูมาคนเดียว เผลอเมื่อไรก็โดนเขาสอยเมื่อนั้น


ถาม : แสดงว่าพุทธานุภาพก็กันเทวดาที่มีศักดานุภาพได้ ?
ตอบ : ไม่ต้องถึงพุทธานุภาพหรอก อ้างแค่หัวหน้าเทวดาอย่างท้าวเวสสุวรรณก็เผ่นกันหมดแล้ว

เถรี 29-12-2018 10:13

ถาม : เหมือนอย่างที่หลวงปู่สังข์ วัดป่าอาจารย์ตื้อ ท่านบอกว่านี่หัวหน้านักเลง แล้วชี้แผ่นเหรียญท้าวเวสสุวรรณ แต่ไม่ใช่เหรียญนะครับ เป็นแผ่นที่เข้าพิธีท้าวเวสสุวรรณเฉย ๆ ?
ตอบ : ถึงเวลาท่านสงเคราะห์ คนเห็นก็จะเห็นเป็นรูปท่าน

ถาม : ท่านบอกว่ามากับหัวหน้านักเลงนะ แล้วก็ชี้แผ่นให้ดู แน่นอนจริง ๆ ?
ตอบ : ต้องบอกว่าเป็นความเมตตาของท่านที่สงเคราะห์พวกเรา เดี๋ยวจะหาว่าอาตมาทำแล้วไม่ใช้ ตัวอาตมาเองก็พกเหรียญท้าวเวสสุวรรณเหมือนกัน ..(หัวเราะ).. ท่านตั้งใจสงเคราะห์ก็เอาสักหน่อย

เถรี 29-12-2018 10:15

ถาม : อย่างที่หลวงปู่ละมัยโดน อย่างนั้นไม่ได้ถือว่าเขาขโมย ?
ตอบ : ไม่ใช่ เขาก็มีมารยาท ส่งถึงมือเขานี่ ส่งถึงมือเขาก็ถือว่าให้ “ขอดูหน่อยสิทำไปถึงไหนแล้ว” พวกก็นึกว่ามาลองวิชา มาท้าทายใช่ไหม ? เอาไปดูเลยว่าข้าทำได้สุดยอดแค่ไหน พอหย่อนใส่มือ เขากำได้ก็ไปเลย ถือว่าให้แล้ว

แบบเดียวกับโทณพราหมณ์ โทณพราหมณ์เอาพระเขี้ยวแก้วพระพุทธเจ้าซ่อนไว้ในมวยผม ท่านปู่พระอินทร์ถือพานแก้วรอเลย ถึงเวลาไม่ได้ซุกใส่หัวตามที่ตัวเองคิดนะ ไปวางใส่พาน ท่านก็เอาไปเลย ถือว่าเขาให้แล้ว


เถรี 29-12-2018 10:16

เรื่องของเทวดานี่ถ้าจะเล่นเรานี่รอดยาก อาตมาโดนจนนับครั้งไม่ถ้วน โดนจนเข็ด โดนจนต้องรอบคอบเองโดยอัตโนมัติ มีอยู่เที่ยวหนึ่ง เป็นงานวัด อาตมาขอให้อากาศไม่ร้อน ก่อนงานวันหนึ่งให้ฝนตก วันงานให้มีเมฆมาก แดดไม่ร้อนจะได้สงเคราะห์ญาติโยม

โอ้โฮ..วันงานวัดท่าขนุนร้อนแทบตาย พอกลับเข้าเกาะพระฤๅษีไป คนงานบอกว่า “ฝนตกตั้งแต่เมื่อวานครับ มาวันนี้เมฆทั้งวัน อากาศเย็นสบายดีมาก” ทะลึ่งขอที่เกาะแล้วก็ไม่ได้บอกว่าที่ไหน ท่านก็ให้เต็มที่เลย..!

จำไว้ว่าคราวหน้าบอกให้ชัด ถึงเวลาท่านสอนให้เรารอบคอบขึ้นเรื่อย ๆ ขออะไรไม่รอบคอบท่านก็เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาไปเรื่อย สั่งสอนให้รู้ สอนแบบนี้จำจนวันตาย ..(หัวเราะ)..

เถรี 29-12-2018 10:17

ช่วงนั้นอยู่ในฐานะรองเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน แต่ตัวอยู่ที่เกาะพระฤๅษี พอถึงเวลามีงานบวงสรวงไหว้ครูประจำปีก็ไปขอใช้สถานที่ที่โน่น เพราะว่าตามที่สัญญาไว้กับหลวงพ่อท่าน มีกติกาอยู่ข้อหนึ่ง คืออยู่วัดไหนให้ทำที่วัดนั้น ทีนี้ในเมื่อเป็นรองเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนก็ต้องทำที่วัดท่าขนุน ขออย่างดีตั้งแต่เช้าวันก่อนออกไป ท่านก็ให้ซะเต็มที่เลย แต่ให้ตรงนั้น ตรงที่ขอนั่นแหละ ไม่ได้บอกว่าจะเอาที่ไหน

เถรี 30-12-2018 08:42

ถาม : ปรอทก็เป็นพวกมีวิญญาณ ไม่มีจิตเหมือนกัน ?
ตอบ : เหมือนกัน ถือว่าเป็นวัตถุที่มีพลังศักดิ์สิทธิ์บางอย่างลงจับ ลงอาศัย ถ้าถามว่าทำไมไม่ลงอาศัยทั่ว ๆ ไป ? ไม่ได้ เพราะว่าวัสดุที่รองรับ ถ้าไม่เหมาะกับกำลังก็จะทนไม่ได้ ลงไปเดี๋ยวก็แตกกระจาย ตัวเองก็อยู่ไม่ได้ ข้าวของอื่นก็พังไปด้วย

ถาม : อย่างปรอท หลวงพ่ออุตตมะที่ท่านบอกว่าเห็น แต่พอไปจับ จับไม่ได้ ?
ตอบ : หลวงพ่ออุตตมะท่านมาสายประคำ ท่านไม่ได้มาสายปรอท ทางด้านโน้นเขาสำเร็จยา สำเร็จปรอท สำเร็จประคำ สำเร็จยันต์ เลือกเอาว่าจะเรียนอย่างไหน เห็นปรอทนิยมกันมาก ที่นิยมกันมากเพราะว่าสุดท้ายเหาะได้ อยากมีฤทธิ์กัน ขั้นสุดท้ายทำเป็นแก้วแล้วจะเหาะได้

ถาม : เรียนแล้วอย่างไรครับ รักษาโรค ?
ตอบ : มหาเสน่ห์ ป้องกันภัย รักษาโรค เป็นทอง เป็นแก้ว

เถรี 30-12-2018 08:45

เดี๋ยวไว้จะเอาปรอททองของหลวงปู่ศรีอ่อง หรือของหลวงพ่อวัดเขาตามะยะมาลงให้ รอตาสุธรรมถ่ายรูปเสร็จก่อน ถ้าขืนลงทีแบบเดือนนี้นี่ปางตาย หาไม่เจอ ขนาดเทเรียงไว้เต็มห้อง ยังหาไม่ค่อยจะเจอ หยิบให้เขาผิดอีกต่างหาก ดูในบัญชีเขียนเอาไว้ ไม่ได้เปิดดูในเว็บ กลายเป็นคนละรุ่นกัน แต่ว่าลูกสะกด ลพ.เดิมเหมือนกัน กว่าจะรู้อาตมาก็หยิบให้เขาไปแล้ว

ถาม : ปรอทที่หลวงพ่อทำ ทำที่เกาะหรือทำที่พม่าครับ ?
ตอบ : ตอนนั้นทำที่ฝั่งพม่าด้วย ที่เกาะด้วย แล้วก็ที่ตะเพินคี่ด้วย ตอนที่ตะเพินคี่มีพื้นที่จับปรอทได้เยอะ เป็นแหล่งของเขา ตรงแถว ๆ ริมลำธารลำห้วยที่มีความชื้นสูง ๆ ให้สังเกตดูถ้าหากว่าต้นไม้ใบหญ้าแถวนั้นมีใบแห้งเยอะผิดปกติก็ใช่เลย เพราะว่าปรอทกินพลังไปหมด


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 11:10


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว