กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=47)
-   -   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=3612)

เถรี 02-01-2013 10:02

ถาม : ตอนนั้นอายุเท่าไร ?
ตอบ : ตอนนั้นเพิ่งจะเรียนมัธยม

ถาม : แล้วท่านรู้วิธีการได้อย่างไรครับ ?
ตอบ : อ่านตำราของหลวงพ่อวัดท่าซุงจนปรุแล้ว อุปกรณ์ที่หาง่ายที่สุดก็คือกสิณไฟนั่นแหละ เริ่มจากนั่นแล้วก็ไปกสิณน้ำ ตักน้ำได้ขันหนึ่งก็เผ่นพรวด หายเข้าไปในไร่ แอบอยู่หลังต้นมะม่วง ต้นโตขนาด ๓ - ๔ คนโอบ นั่งอยู่ข้างหลังไม่มีใครเห็นหรอก เข้าไปฝึกกสิณน้ำ

แต่ก็กลัว ๆ อยู่เหมือนกันแหละ เพราะว่าสมัยเด็ก ๆ บรรดาหลวงปู่หลวงพ่อท่านฝึกให้ลูกศิษย์ท่าน แล้วลูกศิษย์คุมนิมิตไม่เป็น เมื่อปฏิภาคนิมิตเกิดเต็มที่ น้ำท่วมมาทุกทิศทุกทางก็ตะกายบกกัน ว่ายน้ำหนี ตัวเองทำเองแท้ ๆ สั่งให้น้ำหายไปก็จบแล้ว คราวนี้พอตัวเองตะกายหนีก็กลายเป็นตะกายบก หน้าอกถลอกหมด


ถาม : แสดงว่าของเก่าท่านมีมากเลยสิครับ ?
ตอบ : เชื้อชั่วไม่ยอมตายตามมาเยอะ ตั้งแต่อายุ ๔ - ๕ ขวบตอนตกน้ำแล้ว ตอนนั้นไม่รู้ว่าทรงฌาน พอร่วงตูมลงน้ำไป น้ำปิดหูก็เงียบไป ความเย็นของน้ำกับความเงียบ ทำให้รู้สึกทันทีเลยว่า อารมณ์อย่างนี้เราเคยทำได้ จึงนั่งเงียบอยู่ใต้น้ำนั้นแหละ ดูไปก็เห็นว่าความสงบ สุข เยือกเย็นบอกไม่ถูกอย่างนี้ เราเคยทำได้มานานแสนนานแล้ว

นั่งพิจารณาเพลินอยู่ใต้น้ำตั้งสิบกว่านาที ไม่รู้ว่าหายใจได้อย่างไร หรือว่าสมาธิลึกจนไม่หายใจก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนที่พี่มุกดาควานเจอนี่เขาจะช็อกตายอยู่แล้ว เพราะลงไปนานขนาดนั้นน่าจะตายไปแล้ว..!

เถรี 02-01-2013 10:06

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : ต้องขนาดนั้นนะ ใจนิ่งเปรี๊ยะเลย ไม่ได้คิดถึงความตาย ไม่ได้คิดถึงความกลัว ในเมื่อไม่ได้คิดอะไรกำลังใจต้องทำได้ขนาดทรงฌาน ฉะนั้นสมัยก่อนที่เขาจะออกรบได้ กำลังใจเขาต้องได้ กำลังใจไม่ได้ไปรบก็ตายเปล่า

ถาม : แล้วคนที่กำลังใจไม่ได้ แต่ไปออกรบมีเยอะไหมคะ ?
ตอบ : เยอะ...ก็ไม่มีอะไร ถึงเวลาตายเขาก็ลากมาสุม ๆ กันแล้วก็เผา

ถาม : แล้วอย่างนั้นเขาจะเกาะพระก่อนตายได้ไหมคะ ?
ตอบ : ก่อนที่จะไปเขาปลุกพระไม่รู้กี่รอบแล้ว กำลังใจเกาะอยู่แล้วละ

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : ต้องมีทุกคน แต่ถ้าเป็นแม่ทัพที่มีความสามารถจริง ๆ ในตำราพิชัยสงครามมีวิชาหนึ่งที่เรียกว่าแต่งคน ก็คือสามารถเสกว่านยาหรือน้ำมันให้ลูกน้องกินหรือทาแล้วเหนียวด้วย ถ้าได้แม่ทัพแบบนั้นก็รอด ถ้าไม่ได้แม่ทัพแบบนั้นก็เอาศพลูกน้องถมเข้าไป

ถาม : แล้วสมัยนั้นเขามีพระเครื่องติดตัวกันไม่ใช่หรือครับ ?
ตอบ : สมัยก่อนไม่นิยมพระเครื่อง เพราะถือว่าเป็นของสูง เขาจะใช้พวกตะกรุด พิสมร พวกเชือกถัก

เถรี 02-01-2013 20:14

ถาม : แล้วพิสมรคืออะไรคะ ?
ตอบ : เครื่องรางชนิดหนึ่ง ลักษณะเหมือนกับตะกรุดนี่แหละ แต่เขาพับเป็นเหลี่ยม เขาจะพับเป็นสามเหลี่ยมหรือสี่เหลี่ยมเพื่อเอาผ้าผูกมัดกับแขนหรือกับหัวได้ ถ้าเป็นตะกรุดเขาก็จะม้วนกลม ๆ แล้วร้อยเชือก

เอาอย่างผู้การประจักษ์ก็หมดเรื่อง ผู้การเอาเหรียญเอกราชของหลวงปู่ปานเย็บรอบเสื้อกั๊กเลย ไม่รู้ว่ากี่ร้อยเหรียญ ถ้าไม่แม่นจริงยิงไม่รอดเหรียญหรอก ติดเหรียญหมด

ผู้การประจักษ์ สว่างจิต นิมนต์หลวงพ่อวัดท่าซุงไปเจิมรถถังของ ม.พล.๒ กองพลทหารม้าที่ ๒ ที่ปราจีนบุรี รถถังของ ม.พล.๒ ติดธงมหาพิชัยสงครามทุกคัน

เถรี 02-01-2013 21:44

ถาม : ท่านอินทกะมีหน้าที่อะไร ?
ตอบ : หน้าที่ดูแลรักษาโลกเป็นส่วนใหญ่ ถ้ามีสถานที่ที่สำคัญมาก ๆ ท่านก็ไปดูแลตรงนั้น ถึงเวลาที่เหมาะสมขึ้นมา เมื่อท่านท้าวมหาราชท่านจุติ ก็คัดเลือกจากอินทกะขึ้นมาเป็นท้าวมหาราชแทน

ถ้าอยากจะเป็น อันดับแรกทรงสมาธิให้ได้ก่อน อย่างน้อย ๆ เอาสักปฐมฌาน แล้วก็ตั้งความหวังไว้ว่าเราจะไปเกิดที่นั่น ตั้งใจปักมั่น อธิษฐานเลยว่าจะไปเกิดตรงนั้น ถ้าทรงฌานไม่ได้ ชั้นจาตุมหาราชเขาไม่รับ ชั้นจาตุมหาราชเขารับพวกที่ทรงฌานได้ แล้วก็ลืมเข้าฌาน แต่เราทรงฌานแล้วอธิษฐานบารมีช่วย ขอไปเกิดตรงนั้น แม้เป็นกำลังของพรหม แต่เราตั้งใจจะไปเกิดตรงนั้นก็จะได้ไปเกิดตรงนั้น


ถาม : ถ้าตั้งใจเกิดเป็นยักษ์ ?
ตอบ : ตั้งใจไปเลยว่าจะเอาอะไร หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านไปเจอภุมมเทวดาเป็นพระอนาคามี ถามท่านว่าทำไมไม่ไปอยู่สุทธาวาสพรหม ท่านมีสิทธิ์อยู่สูงขนาดนั้น ทำไมอยู่แค่ภุมมเทวดา ท่านบอกว่าเพื่อนของท่านอยู่ที่นี่ ก่อนตายคิดอยู่อย่างเดียวว่าจะไปหาเพื่อน ภุมมเทวดาท่านนี้ใครเล่นด้วยไม่ได้เลยเพราะว่าศักดานุภาพขนาดพระอนาคามี เชื่อว่าไม่มีใครหน้าไหนต้านติด

ท่านระดับนั้นแล้วลงมาเป็นพระภูมิรักษาพื้นที่ แต่ว่าเทวดาผู้ใหญ่ระดับท้าวมหาราชท่านไม่เรียกใช้งานหรอก เก็บไว้เป็นปูชนียบุคคล

เถรี 03-01-2013 20:52

ถาม : สัตว์เข้าสมาธิได้ไหมครับ ?
ตอบ : ได้...เท่าที่เจอมาก็มีหมา แต่สัตว์อื่นก็น่าจะทำได้ เพราะสภาพของเขาก็คือสัตว์เดรัจฉานเหมือนกัน แต่ที่เจอง่ายที่สุดคือหมา หมาที่อาตมาเจอนั้นสุดยอดขนาดทรงฌานตั้งเวลาได้ นึกจะเข้าสมาธิเมื่อไร จะออกสมาธิเมื่อไร เขาตั้งเวลาได้เลย ฉะนั้น..โปรดทราบ ถ้าเรายังทำไม่ได้นี่อายหมาเลย..!

เถรี 03-01-2013 20:55

ถาม : สัตว์เข้าถึงมรรคผลได้ไหมคะ ?
ตอบ : ไม่ได้..ไม่ใช่วิสัยของเขา เราลองนึกถึงเด็ก ๆ สิ ขนาดเด็กรู้ภาษาแล้วเรายังสอนยากสอนเย็น ถ้าสัตว์ที่ไม่ใช่พวกที่สร้างบารมีมาโดยตรง จะให้เขามาทำความดี ย่อมไม่ใช่วิสัยของเขา เรื่องของสัตว์เดรัจฉาน เก่งขนาดไหนก็เข้าไม่ถึงมรรคผล จะมีพวกเก่งเกินมนุษย์อยู่ไม่กี่ตัวหรอก

เถรี 03-01-2013 21:13

ถาม : บางท่านเขาบอกว่าฌานลึกเป็นสมาธิแบบโง่ ๆ แต่ในขณะนั้นทำไมรู้ทุกอย่าง ?
ตอบ : ก็คนพูดเป็นคนประเภทโง่ ๆ..! ฌานมี ๒ อย่าง คือ ฌานที่เกิดจากการพิจารณาไปเรื่อย ๆ และฌานที่เกิดจากกำลังในการฝึกอย่างเดียว พอเข้าถึงสมาธิ ยิ่งเป็นฌาน ๔ ด้วยแล้ว ความละเอียดจะเกินการปรุงแต่ง ในเมื่อเกินการปรุงแต่ง จะนึกคิดอะไรไม่ได้ ต้องถอยออกมาก่อน แต่ถ้าสามารถทำในลักษณะฌานใช้งานได้ ก็สามารถที่จะคิดและรับรู้ได้ทุกอย่าง

ฉะนั้น..คนพูดยังทำไม่ถึงตรงจุดนี้ เลยเหมาเอาว่าคิดอะไรไม่ได้ โง่ไปเฉย ๆ แต่ความจริงไม่ใช่โง่..ฉลาดสุดยอดเลย เพราะเกินรัก โลภ โกรธ หลงไปแล้ว ไม่สามารถจะปรุงแต่งรัก โลภ โกรธ หลงได้ เพียงแต่มีอันตรายตรงที่ว่า ถ้าเราถอยออกมา รัก โลภ โกรธ หลงก็เกิดใหม่อีก ถ้าไม่ระวังจะโดนงัดหงายท้อง..!

มีทางเดียวคือพยายามรักษาประคับประคองอารมณ์สมาธิให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ พอความเคยชินที่กดกิเลสไปนาน ๆ กิเลสเกิดไม่ได้ ถ้าระยะเวลานานพอ กิเลสจะหมดไปเอง โบราณเขาว่าเหมือนเอาหินทับหญ้า ถ้าทับไปนานพอ หญ้าก็ตายเอง

เถรี 03-01-2013 21:18

ถาม : การที่เราจับภาพพระ ก็ทรงฌานได้ ?
ตอบ :ได้...แต่พวกเกาะตำราเขาไม่เชื่อ พวกเกาะตำราบอกว่าอนุสติทรงฌานไม่ได้ เพราะเขาทำไม่เป็น คิดว่าคาดว่าอย่างเดียว

ถาม : จับภาพพระเป็นพุทธานุสติและเป็นกสิณด้วย ?
ตอบ : เป็น....คนอื่นคิดว่าเป็นพุทธานุสติอย่างเดียว เพราะเขาทำไม่เป็น

ถาม : ธัมมานุสตินึกอย่างไร ?
ตอบ : ให้นึกถึงว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมมีลักษณะเหมือนดอกมะลิแก้วหรือดอกมะลิทองคำลอยอยู่ตรงหน้า แล้วเราจับภาพนั้น นึกถึงภาพพระพุทธรูปแล้วมีดอกมะลิลอยจากพระโอษฐ์มาทีละดอก ๆ อย่าเผลอนะ ไม่อย่างนั้นเวลาเพลิน ๆ จะหลับไปเลย

เถรี 03-01-2013 21:20

ถาม : สีลานุสติทำอย่างไร ?
ตอบ : เมื่อพิจารณาศีลจนอารมณ์ใจทรงตัวแล้วให้ภาวนาต่อ เมื่อภาวนาต่ออารมณ์จะเข้าเป็นฌานได้ ถ้าจะปรับสีลานุสติเป็นกสิณอีกที เราต้องนึกถึงภาพขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าพระองค์ท่านเป็นผู้บัญญัติศีลขึ้นมา เสร็จแล้วเราก็จับภาพของพระองค์ท่านภาวนาต่อไปเลย

เถรี 03-01-2013 21:28

ถาม : ฤๅษีอูคันตี ?
ตอบ : ความจริงฤๅษีอูคันตีท่านเป็นพระมาก่อน แต่พระวินัยบังคับ จะทำอะไรก็ไม่ถนัด ท่านจึงสึกจากความเป็นพระ แล้วบวชเป็นฤๅษีแทน คราวนี้จะทำอะไรที่พระวินัยห้ามก็ทำไป

เถรี 04-01-2013 08:30

ถาม : สติปัฏฐาน ๔ ต้องเป็นอานาปานสติหรือไม่ ?
ตอบ : ต้องเป็นอยู่แล้ว อย่าลืมว่ามหาสติปัฏฐานสูตร เริ่มด้วยอานาปานสติ ถ้าไม่เริ่มด้วยอานาปานสติ อารมณ์ใจจะไม่ทรงตัว กรรมฐานที่ทำก็ไม่มีผล ฯลฯ..ทีฆัง วา อัสสะสันโต ทีฆัง ฯลฯ...รัสสัง วา อัสสะสันโต รัสสัง ฯลฯ หายใจเข้ายาวก็รู้ว่าหายใจเข้ายาว หายใจเข้าสั้นก็รู้ว่าหายใจเข้าสั้น ฯลฯ

มหาสติปัฏฐานสูตรเริ่มด้วยอานาปานสติ แต่ปัจจุบันนักปฏิบัติกรรมฐานสายพองยุบของเราแกล้งลืมตรงจุดนี้ ไปจับอาการพองยุบแทน สำหรับนักปฏิบัติแรกเริ่มที่ไม่มีพื้นฐานเลยจะดี แต่ดีได้แค่พักเดียว เพราะถึงเวลาสมาธิไม่มีกำลัง กิเลสตีกลับ ก็พังเหมือนเดิม ฉะนั้น..ถ้าปฏิบัติสายพองหนอยุบหนอ ต้องทำต่อเนื่องห้ามหยุดเด็ดขาด หยุดเมื่อไรกิเลสตีตายเมื่อนั้น ต้องบอกว่าของดีมีอยู่แต่ไม่ยอมใช้

เหมือนกับว่าไปสู้กับไมค์ ไทสัน มีปืนอยู่ก็ซัดเข้าไปสิ ดันทิ้งอาวุธไปต่อยมวยก็ตายคาเวที..!

เถรี 04-01-2013 08:37

พระอาจารย์เล่าว่า "มีโยมโทรมาถามว่า สวดชัยมงคลคาถากับธรรมจักรทุกวัน แล้วเปลี่ยนมาสวดคาถาเงินล้านแทน ผลจะต่างกันหรือไม่? อาตมาก็บอกว่าต่างกัน เพราะชัยมงคลคาถากับธรรมจักร เราได้พุทธานุสติ ธัมมานุสติ ผลของการปฏิบัติก็ดีขึ้นเพราะว่าเราซักซ้อมอนุสติอยู่ทุกวัน

ส่วนคาถาเงินล้านสวดแล้วมีความคล่องตัวในความเป็นอยู่ ต่างกันอยู่เห็น ๆ แต่ถ้าเราสวดแล้วเรานึกถึงพระด้วยก็ได้พุทธานุสติด้วย แต่ก็บอกให้เขาทำทั้งสองอย่าง แบ่งเวลาเอา"

เถรี 04-01-2013 08:51

พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องตะกรุดกำลังแม่ธรณี ต้องนึกถึงยายผีป่า ยายผีป่าเอาตะกรุดกำลังแม่ธรณีไปโฆษณาว่า ตราบใดที่ตีนยังแตะพื้นอยู่ ตราบนั้นจะไม่เป็นอันตราย อาตมาเลยบอกเขาว่า เวลาคุณขับรถก็ต้องเปิดประตูเอาตีนแหย่พื้นไว้ข้างหนึ่ง..(หัวเราะ)..ดันไปสรุปอย่างนั้น สรุปแล้วมีช่องโหว่ให้เถียงได้ เขาเรียกว่าเอามะพร้าวห้าวไปขายเกาะสมุย

สมัยก่อนพื้นที่เกาะสมุยเขาปลูกมะพร้าวเป็นปกติ เวลาพ่อแม่แบ่งสมบัติให้ลูก แบ่งที่ดินให้ลูก ลูกคนไหนที่รักมากก็แบ่งที่ด้านใน ๆ ให้ ลูกคนไหนขี้เกียจก็แบ่งที่ติดทะเลไป เพราะว่าที่ติดทะเลมะพร้าวไม่ค่อยจะได้ผล เจอลมแรง เจอคลื่นบ่อย ปรากฏว่ามาระยะหลังกิจการท่องเที่ยวดีขึ้น ที่ดินติดทะเลราคาแพงหูดับเลย ที่อยู่กลาง ๆ ไม่ค่อยมีราคา ตกลงพวกขี้เกียจได้ดี ขายที่ทำรีสอร์ท ส่วนลูกคนขยันก็ทำสวนมะพร้าวต่อไป"

เถรี 04-01-2013 09:02

ถาม : สมัยก่อนที่ไปออกรบกัน จะมีบางคนพกชายผ้าถุงแม่ไปด้วย จะมีผลหรือไม่ ?
ตอบ : มี...มีมากด้วย เสียดายปู่จอมตายไปแล้ว เพิ่งตายเมื่อ ๓ - ๔ ปีนี้เอง ปู่จอมไปรบที่เชียงตุง สมัยนั้นนอกจากหนทางทุรกันดารแล้ว โรคมาลาเรียยังมหาศาลเลย ปรากฏว่าสมเด็จพระสังฆราช (แพ) ติสสเทวมหาเถระ วัดสุทัศน์เทพวราราม ทำพระกริ่งรุ่นหนึ่ง ให้กับทหารที่ไปรบเชียงตุงโดยเฉพาะ เรียกว่าพระกริ่งเชียงตุง ให้ติดตัวไปรักษาโรค

ปู่จอมรบท่าไหนไม่รู้ ทำพระกริ่งหาย แต่มีชายผ้าถุงแม่ติดไปด้วย แกควั่นเป็นเกลียวแล้วคล้องคอไป ปรากฏว่าเพื่อน ๆ ที่ทำพระกริ่งหายเป็นมาลาเรียตั้งหลายคน แกเลยเอาชายผ้าถุงแม่มาทำน้ำมนต์กิน โรคมาลาเรียหาย ชายผ้าถุงแม่ใช้ได้ดีพอ ๆ กับพระกริ่งเลย

ความเชื่อมั่นว่าพระคุณของพ่อแม่ สามารถปกป้องคุ้มครองเราได้ โดยเฉพาะคุณของแม่ที่สละเลือดเนื้อและชีวิตให้ลูกเกิดมา ฉะนั้น..ถ้ากำลังใจเรามั่นคงจริง ๆ อย่างที่สมัยก่อนเขาออกรบ มีแค่ชายผ้าถุงแม่ก็ปลอดภัยแล้ว

เถรี 04-01-2013 09:12

ปู่จอมไปรบเชียงตุง ขาไปนั่งรถไฟ ขากลับทางรถไฟโดนทำลาย ต้องเดินกลับ สมัยก่อนใช้คำว่าเดินนับไม้หมอนกลับมา เดินก้าวไปตามทางรถไฟ น่าเบื่อไม่มีอะไรทำ ก็เดินนับหมอนรองรางรถไฟกลับมา

บ้านปู่จอมอยู่ที่พุน้ำร้อนหินดาด หลัง ๆ แกไปเที่ยวบอกญาติโยมให้มาทำบุญกับอาตมาอยู่เรื่อย ระยะหลัง ๆ ปู่จอมเขาถือศีลกินเจ ปฏิบัติภาวนา ถึงเวลาก็ไปทำบุญที่วัดใกล้ ๆ ไป ๆ มา ๆ บอกญาติโยมว่าให้ไปทำบุญกับพระอาจารย์เล็กแทน ตกลงพระแถว ๆ ใกล้บ้านไม่ได้รับการทำบุญจากปู่จอม แกชวนลูกชวนหลานมาทำบุญที่วัดท่าขนุนหมด ต้องบอกว่า พอเริ่มรู้ก็ชักจะเลือก

ถ้าเราตั้งใจถวายเป็นสังฆทาน ก็ได้อานิสงส์เท่ากัน เพราะว่าผู้รับสังฆทานเป็นแค่ตัวแทนเท่านั้น ผู้รับจะเป็นอย่างไรก็ช่าง อานิสงส์เราก็ได้เต็ม แต่ส่วนใหญ่พอรู้แล้วมักจะเลือก

เถรี 04-01-2013 09:29

ถาม: ของที่เราแพ้แน่ ๆ เกิดจากกรรมใช่หรือเปล่าคะ ?
ตอบ: เกิดจากกรรม..เมื่อหลายปีก่อน มีหนุ่มอยู่คนหนึ่งแพ้ผู้หญิง เข้าใกล้ผู้หญิงแล้วจะอ้วก เป็นการแพ้ที่อเนจอนาถมาก

แต่แม่อยากให้เขาเรียนจบปริญญาตรีก่อน อาการหนักขึ้นทุกวัน ท้ายสุดก็ตัดสินใจเอาปัจจัยไปถวายหลวงพ่อวัดท่าซุงเป็นมัดจำไว้ ว่าจะบวชหลังจากเรียนจบแล้ว อาการถึงดีขึ้น นั่นแสดงว่าโดนบังคับ ใกล้ผู้หญิงแล้วอ้วก เกิดมาเพิ่งเคยเจออยู่รายเดียว ถ้าเป็นยุคนี้ก็ต้องใกล้ทั้งผู้หญิงผู้ชายแล้วอ้วก ไม่อย่างนั้นอาจจะเบี่ยงเบนได้..!

เถรี 04-01-2013 09:32

พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อสองวันก่อนตอนพาพระไปบิณฑบาต เดิน ๆ ไปก็บ่นว่า "กูจะไปทางไหนวะ..?" พระข้างหลังก็งง ๆ ว่าพระอาจารย์บ่นอะไร

ความจริงรถชนกันเอาตอนไหนก็ไม่รู้ แล้วเศษกระจกแตกเต็มทางเดินเลย พระมัวแต่ก้มหน้าก้มตาเดินตาม ท่านไม่เห็นหรอก ดังนั้นถ้าต้องการจะเห็นก่อน
ต้องมีสติอยู่ทุกฝีก้าวเลย"

เถรี 04-01-2013 09:44

ถาม : เวลาที่เราไม่พอใจกิเลส ไม่พอใจตนเอง ควรจะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างไรดีคะ ?
ตอบ : ถ้าแก้เฉพาะหน้านี่แก้ไม่ทันหรอก เพราะกำลังเราต่ำกว่า เราต้องรักษาสภาพจิตให้ผ่องใสเหนือกว่ากิเลสให้ได้ แปลว่าหลังจากนั้นต้องมาสั่งสมศีล สมาธิ ปัญญาให้มากกว่าไว้ ตอนนั้นไม่ทันกินหรอก ตอนนั้นแพ้แล้วแพ้เลย

เถรี 04-01-2013 09:59

ถาม : พระไตรปิฎกบอกว่าร่างกายไม่ใช่เป็นแท่งทึบ แล้วเราเห็นร่างกายเป็นเล็ก ๆ กระจายลอย ๆ ไป ที่เราเห็นอยู่อย่างนี้ แรงยึดนี้เป็นแค่ความยึดของเราจริง ๆ ใช่ไหมคะ ?
ตอบ :จริง ๆ แล้วสภาพร่างกายที่เกาะตัวอยู่ มีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลเป็นปกติ แรงยึดของเราก็คือไปยึดว่าเป็นของเราเท่านั้น

สำหรับสภาพจิตแล้ว ร่องรอยระหว่างโมเลกุลกว้างกว่าประตูอีก จิตถึงออกมาได้ทุกทิศทาง อย่างเช่นกำแพงที่เห็นว่าหนาทึบ ความจริงช่องว่างระหว่างโมเลกุลกว้างมาก แต่เนื่องจากในสภาพของความหยาบของร่างกายเรามีมากกว่า ก็เลยไม่สามารถจะเดินผ่านไปได้


ถาม : ถ้าเราคิดอย่างนั้น ?
ตอบ : ถ้าเห็นอย่างนั้นจริงเราก็สามารถเดินผ่านไปได้เลย คนอื่นก็คิดว่าเราเดินทะลุกำแพงไปได้ แค่หลักการง่าย ๆ แค่นี้เอง คือ ในสภาพของจิตที่ละเอียดกว่า ก็แค่ผ่านไปเฉย ๆ เหมือนเดินออกประตู แต่คนอื่นก็ปากอ้าตาค้างว่าทำได้อย่างไร

เถรี 05-01-2013 09:22

พระอาจารย์กล่าวกับโยมว่า "ตกลงวันนี้ฟ้ามืดเร็วใช่ไหม ? เห็นกลัววันสิ้นโลก ๒๑:๑๒:๑๒ กัน ที่เขาบอกว่าฟ้าจะมืดสามวันสามคืน วันนี้ถือเป็นวันที่ ๑ ก็แล้วกัน

ตถาคตาโพธิสัทธา คือ ความเชื่อในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า พระองค์ท่านกล่าวเอาไว้ว่าอายุพระศาสนาจะอยู่ถึง ๕,๐๐๐ ปี อย่างไรก็ต้องอยู่ถึง จะสิ้นโลกอย่างไรก็ปล่อยให้สิ้นไปเถอะ ขอให้พระพุทธศาสนาอยู่ได้ก็แล้วกัน แต่คราวนี้คนต่างชาติไม่ได้นับถือศาสนาพุทธ หรือที่นับถือศาสนาพุทธก็ไม่ได้ยึดมั่นอย่างแท้จริง จึงไม่เชื่อตรงจุดนี้ แต่ที่แย่กว่านั้นคือ คนไทยที่ได้ชื่อว่านับถือพระพุทธศาสนา กลับไปตื่นข่าว พอตื่นข่าวก็ลืมไปว่าพระพุทธเจ้าท่านทรงตรัสถึงหลักการกาลามสูตรเอาไว้ว่า อย่าเชื่อโดยเขาลือสืบ ๆ กันมา อย่าเชื่อเพราะมีปรากฏอยู่ในตำรา เป็นต้น

เหตุการณ์ร้ายแรงต่าง ๆ สามารถเกิดขึ้นได้ แต่ไม่ถึงขนาดสิ้นโลกหรอก โลกนี้ยังไม่เคยสิ้นมาสักครั้งหนึ่ง โดนไฟบรรลัยกัลป์ล้างโลก อย่างเก่งก็เป็นขี้เถ้าหายไปสัก ๑๐ - ๒๐ กว่ากิโลเมตร พอมีต้นไม้ขึ้นมาก็ทับถมกันใหม่แล้วก็หนาขึ้นมาเท่าเดิม เกิดมีมนุษย์และสัตว์แล้วก็อยู่อาศัยกันต่อไป"

เถรี 05-01-2013 09:33

พระอาจารย์กล่าวถึงหนังสือกายคตานุสติกรรมฐานของหลวงตามหาบัวว่า "พอเปิดเจอภาพศพทำเป็นสยดสยอง ขอบอกว่านี่เป็นแค่รูปเฉย ๆ ถ้าเป็นของจริงมีกลิ่นมาด้วยประทับใจกว่านี้เยอะ

ช่วงที่อาตมาฝึกอสุภกรรมฐานก็แทบจะไม่มีศพให้ดูแล้ว แต่ยังดีว่าแถววัดท่าซุงยังมีการเผาศพแบบเมรุกลางแจ้งอยู่ ก็ยังพอพิจารณาได้บ้าง ตอนหลังพี่สุรินทร์เป็นร้อยตำรวจเอก เจ้าหน้าที่ห้องชันสูตรของสถาบันนิติเวช เห็นพระอยากฝึกกันจึงชวนไปดูที่สถาบันนิติเวช พอไปถึงก็อ้วกแตกเลย..เพราะไม่ใช่ศพเฉย ๆ แต่มีกลิ่นมาด้วยสารพัดเลย ตอนหลังจะลาไปบ่อย ๆ ก็ไม่ได้ การฝึกจึงไม่ต่อเนื่อง พอดีเจอบรรดาเพื่อนเก่าเขาช่วยสงเคราะห์ ถึงเวลาก็หามมาผ่าให้ดูทีละศพ ๆ แต่ก็ไม่ไหว...

อาตมาว่าเป็นคนใจแข็งแล้วยังทนดูไม่ค่อยได้ ที่แสบที่สุดก็คือ อาตมาชอบแบบไหนเขาก็เอามาแบบนั้นเลย ตรงใจหมด อกแบบไหน เอวแบบไหน รูปร่างแบบไหน หามมาสวยเช้งวับทั้งนั้นเลย อาตมาเห็นตรงไหนสวยเขาก็ผ่าตรงนั้นแหละ ผ่าจนเลือดนองพื้น กลิ่นตลบไปทั้งห้อง จะอ้วกแตก พอบอกว่าไม่ไหวแล้ว..เขาก็เอากลับไป ก็ได้ท่านศัลยแพทย์มือหนึ่งเหล่านี้แหละ ช่วยให้ฝึกอสุภกรรมฐานได้มากหน่อย ไม่รู้ว่าเขาไปช่วยใครบ้าง แต่อาตมาโดนเป็นปีเลย เพราะใจค่อนข้างดื้อด้าน ถึงเวลาก็เลือกดูแต่ที่สวย ๆ "

เถรี 05-01-2013 10:08

ถาม : มีคนรู้จักเขาปุบปับตายไป ก่อนตายเขาวิจารณ์ท่านท้าวมหาพรหมที่พระสร้างว่าไม่มีพลังพระเลย มีคนดูให้เขาบอกว่าคนนี้ตายแล้วไปไม่ค่อยดี อยากทราบว่าจะช่วยเขาได้หรือไม่ ?
ตอบ : ไม่ต้องไปกังวลแทนคนตาย ตอนตายนี่ช่วยยากแล้ว เรื่องของพระรัตนตรัยมีคุณอนันต์และมีโทษมหันต์ คุณอนันต์สำหรับคนที่เคารพ เชื่อฟัง ปฏิบัติตาม โทษมหันต์สำหรับคนที่ปรามาส

เถรี 05-01-2013 10:14

ถาม: มีคนพูดว่าพระบรมธาตุเมืองนคร จะอยู่ถึงห้าพันปี จริงหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ไม่เคยได้ยินจ้ะ พระบรมธาตุเมืองนครนี่ไม่รู้นะ แต่ถ้าเป็นที่ตั้งศพของพระมหากัสสปะ จนป่านนี้เทียนก็ยังไม่ดับเลย ตอนแรกก็คิดว่าเป็นไปได้หรือ แต่ปรากฏว่าในเรื่องของการใช้กำลังอภิญญาอธิษฐานไว้ อย่างไรก็เป็นไปได้

มีอยู่ช่วงหนึ่งอาตมาออกธุดงค์ แล้วไปเป็นระยะเวลานาน เทียนที่พกไปจะหมด เหลือเทียนเกลียวยาวประมาณคืบกว่า ๆ น่าจะโตสักประมาณเหรียญ ๕ บาท เหลือต้นสุดท้ายแล้ว คิดว่าถ้าต้นนี้หมดก็คงไม่มีจุดถวายเป็นพุทธบูชาแล้ว วันนี้เราคงจะได้จุดเป็นวันสุดท้าย แล้วก็นั่งกรรมฐานภาวนา ๕ ชั่วโมงผ่านไป ลืมตาขึ้นมาหมดไปนิดเดียว ประมาณ ๑ นิ้วฟุตเท่านั้น ไม่รู้ว่าท่านไหนช่วย คงกลัวว่าอาตมาไม่มีจะใช้ เวลา ๕ ชั่วโมงเทียนต้นเท่านั้นอย่างไรก็ไม่เหลือหรอก กลายเป็นว่าหมดไปนิดเดียว

หลวงพ่อวัดท่าซุงเคยเล่าให้ฟังว่า นายแจ่ม เปาเล้ง ภาวนาคาถาพระปัจเจกพระพุทธเจ้า ประเภทภาวนาเป็นล่ำเป็นสัน บอกลูกบอกเมียว่า หลวงพ่อปานบอกว่าคาถาบทนี้ภาวนาแล้วรวย เพราะฉะนั้น..ข้าจะภาวนา พวกแกมีหน้าที่ส่งข้าวส่งน้ำเท่านั้น อย่างอื่นห้ามยุ่ง แกก็ภาวนาของแกไปเรื่อย ปรากฏว่าวันนั้นไม่รู้ว่าสมาธิทรงตัวหรือเปล่า เทียนแตกเหมือนไฟพะเนียงเลย แตกเปรี๊ยะ ๆ แต่ก็อยู่อย่างนั้นเป็นชั่วโมง ๆ ไม่หมด ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา บ้านของนายแจ่มก็เงินทองไหลมาเทมา ไม่ว่าจะปลูกผักปลูกหญ้าอะไรก็กลายเป็นของดีราคาแพงไปหมด

เถรี 05-01-2013 10:17

วันก่อนมีโยมอยู่ท่านหนึ่ง บอกว่าตอนนี้เศรษฐกิจส่วนตัวกำลังแย่ถึงขนาดต้องอาศัยคนอื่น พยายามปฏิบัติอย่างที่ท่านว่ามาแล้วแต่ไม่เกิดผล ควรจะทำอย่างไรต่อไป อาตมาก็เลยบอกไปว่า ที่ทำแล้วไม่เกิดผลแสดงว่าทำไม่จริง ถ้าทำจริงต้องเห็นผล อย่างเรื่องของคาถาเงินล้าน ถ้าตั้งใจภาวนาจริง ๆ ภาวนาทำต่อเนื่องกันได้สัก ๒ เดือนผลจะเกิดทันที เพราะว่าทำมาด้วยตัวเองแล้ว มารู้ทีหลังว่าที่เขาทำแล้วเห็นผลช้า เพราะไปภาวนาแล้วอยากรวย กว่าสมาธิจะทรงตัว ลืมเรื่องอยากไปได้นาน

หากทุกคนสามารถวางกำลังใจไว้ได้ว่า คาถาเงินล้านเป็นของดีที่สุด เหมือนกับสมบัติวิเศษที่พ่อให้มา หน้าที่ของเราก็คือรักษาไว้ด้วยการภาวนา แล้วก็ทำของเราไปเรื่อย จะรวยไม่รวยก็ช่าง..เราจะทำ ถ้าวางกำลังใจแบบนี้ได้ผลจะเกิดเร็ว เขาถามว่าต้องทำมากเท่าไร อาตมาบอกว่าถ้าอยากให้สมาธิทรงตัวจริง ๆ ก็เอาวันละ ๑๐๘ จบไปเลย แล้วให้ทำแบบมีคุณภาพไม่ใช่ตั้งใจจ้ำ ๆ ให้จบ ๆ ไป ใช้เป็นคำภาวนา จับลมหายใจเข้าออกพร้อมกับภาวนาคาถาไปเลย

เถรี 05-01-2013 10:20

ก่อนที่หลวงพ่อวัดท่าซุงจะได้คาถามาจนครบบท ท่านรับสังฆทานที่บ้านสายลม กรุงเทพฯ ท่านบอกว่าเดือนไหนได้ถึงสามหมื่นดีใจจนนอนไม่หลับ มีเงินไปให้เจ้าหนี้แล้ว พอได้คาถาเงินแสนมา ปรากฏว่ากฐินปีนั้นได้ยอดแสนขึ้น พอได้คาถาเงินล้านมาปีนั้นก็ขึ้นล้าน อาตมาจำได้ว่าปีสุดท้ายก่อนหลวงพ่อมรณภาพ นับเงินเฉพาะจำหน่ายวัตถุมงคลวันกฐินก็มือหงิกแล้ว

โยมหลายคนพอเอาวัตถุมงคลวัดท่าซุงมาให้ มาถามว่าทันรุ่นหลวงพ่อไหม ที่อาตมาสามารถบอกได้ทันที เพราะว่าจำหน่ายมากับมือทุกรุ่น ตอนนี้รุ่นเก่าที่สุดที่มีอยู่ก็คือพระนางพญาเนื้อชินตะกั่ว รุ่นที่ท่านทำแล้วโดนไฟลวกมือ เหลืออยู่ ๒ องค์ รุ่นห้าเหลี่ยมกับรุ่นทุ่งเศรษฐีโดนพี่ชายปล้นไปแล้ว แต่ว่ารุ่นนี้เท่าที่มีประสบการณ์ คือถ้าแขวนติดตัวเมื่อไรอยากชกหน้าชาวบ้าน..! ไม่รู้ว่าเป็นอะไร จะบู๊อย่างเดียว..ไม่กลัวใครเลย หลวงพ่อท่านบอกว่าทำไว้ตั้งใจไว้แจกงานศพตัวเอง เสกสามเดือนท่านบอกว่าหมาหอนทุกคืน แสดงว่าเทวดาท่านมาสงเคราะห์ตลอด

องค์อื่นอาตมาพกได้ไม่เป็นไร แต่ถ้าพกองค์นี้เมื่อไรอยากชกหน้าคน พูดง่าย ๆ คือ ถ้าเขาไม่มาหาเรื่องเราก็จะไปหาเขา คนอื่นจะเป็นหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่อาตมาเป็น..!

เถรี 05-01-2013 10:23

วัตถุมงคลรุ่นเก่า ๆ หมดไปกับพวกทิดตู่เยอะ เขากับพรรคพวกเป็นประเภทรุ่นนั้นก็อยากได้ รุ่นนี้ก็อยากได้ ไปปล้นกันที่พม่าอาตมาก็กังวลว่าเงินจะไม่พอจ่ายทั้งคณะ เพราะว่าค่าใช้จ่ายเกินกว่าที่คาดไว้ อย่างเช่นตั้งเป้าไว้ว่าค่าอาหารมื้อหนึ่งไม่เกิน ๑,๐๐๐ จั๊ต แต่เกินเป็นประจำ บางทีไปเจอประเภทภัตตาคารอาหารจีน คิดแพงเป็นพิเศษ ทั้ง ๆ ที่ดูแล้วไม่น่าจะแพง โดยเฉพาะอาหารของเขา สั่งไป ๔ อย่าง ทำออกมาหน้าตาเหมือนกันหมด

เถรี 05-01-2013 10:25

:4672615: เก็บตกเดือนธันวาคม ปี ๕๕ จบแล้วค่ะ :4672615:
ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทาริกา คะน้า เถรี รัตนาวุธ และคะน้าอ่อน


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 09:06


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว