กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6903)

เถรี 17-02-2020 19:15

พระอาจารย์กล่าวว่า “สมัยก่อนพระไตรปิฎกต้องเสียเวลาหาตู้ใส่ สมัยนี้พระไตรปิฎกมาแผ่นเล็ก ๆ แผ่นเดียว ...(หัวเราะ)... ยุคสมัยเปลี่ยนไป แล้วมีท่านผู้มีจิตศรัทธาช่วยสงเคราะห์บรรดาผู้พิการทางสายตา หรือท่านที่ไม่มีเวลาจะอ่าน อ่านแล้วบันทึกเสียงให้ฟัง ต้องบอกว่าเป็นความเพียรที่ควรแก่การโมทนาเป็นอย่างยิ่ง”

เถรี 17-02-2020 19:16

โยมนำน้ำมันมะกอกมาถวาย “ไม่ใช่หาง่าย ๆ นะ แถวบ้านเรา สมัยก่อนประเทศไหนปลูกมะกอกเยอะ ๆ นี่เป็นมหาอำนาจ ส่งน้ำมันมะกอกออกไปขาย สมัยยุคอาณาจักรโรมันโน่น น้ำมันมะกอกกับเหล้าองุ่น ถ้าประเทศไหนทำได้ดี ดีไม่ดีก็จะพาศึกเสือเหนือใต้เข้ามาอีก เขาจะยึดประเทศเอาด้วย

ส่วนสมัยนี้เขาถือเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ ใช้น้ำมันมะกอกทำกับข้าว อาตมาตอนเด็ก ๆ ใช้น้ำมันหมู ตอนหลังทางด้านอเมริกาอยากจะขายถั่วเหลือง ก็ไปให้นักวิชาการไร้จรรยาบรรณช่วยกันเขียนผลงานวิจัย ว่าน้ำมันหมูมีโทษอย่างโน้นอย่างนี้ แล้วก็ให้กินน้ำมันถั่วเหลืองแทน มีการสกัดถั่วเหลืองเป็นน้ำมัน ยุคแรก ๆ เขาเรียกว่าน้ำมันบัว อาตมาเองฟังแล้วก็งง ๆ ว่าบัวมีน้ำมันด้วยหรือ ?”

เถรี 17-02-2020 19:18

“สมัยโน้นเขาใส่ปีบมา ถึงเวลาก็ตักชั่งกิโลขายกัน ต้องการกี่ขีด ต้องการกี่กิโลก็แบ่งใส่ถุงไป บางคนก็เอาหม้อเขียวมาจากบ้าน ตักใส่หม้อเอาไว้ใช้งาน อาตมากินแล้วไม่ประทับใจ เพราะว่ารสชาติไม่อร่อยเหมือนน้ำมันหมูแต่เดิม น้ำมันหมูถึงเวลายังมีกากหมูให้ด้วย ...(หัวเราะ)...

ต่อมาก็มีการแข่งขันกัน มีน้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันเมล็ดทานตะวัน น้ำมันรำข้าว สารพัดเลย ตอนนี้งานวิจัยรุ่นใหม่ นักวิชาการไม่ตกเป็นทาสของผู้อยู่ในอำนาจ ไม่ตกเป็นทาสของเงิน ผลการวิจัยระบุออกมาว่า บรรดาน้ำมันพืชต่าง ๆ ถึงเวลาโดนความร้อนแล้วส่วนใหญ่กลายเป็นไขมันทรานส์ มีโทษมากกว่าประโยชน์ ยิ่งตอนหลังมาสนับสนุนให้มีน้ำมันปาล์มขึ้นมา ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ เขาบอกว่าอัตราป่วยเป็นโรคหัวใจหรือเส้นเลือดอุดตันเพิ่มขึ้นเป็น ๓๐๐-๔๐๐ เท่า

เราจะเห็นว่า ถึงเวลาแล้วบรรดาบริษัทห้างร้านต่าง ๆ ก็มีอิทธิพลต่อผู้ครองอำนาจ ให้รัฐบาลใช้อำนาจบีบให้ผลงานวิจัยออกไปตามที่ตัวเองต้องการ”

เถรี 17-02-2020 19:19

พระอาจารย์กล่าวว่า “เด็ก ๆ เรียนหนังสือใช้สมองมาก ตอนที่เริ่มขึ้น ม.๑ ก็คือมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ของสมัยก่อน เขาเรียกว่า ม.ศ. ปรากฏว่าเพื่อน ๆ ออกจากโรงเรียนตั้งแต่ ป.๔ อาตมาไปเรียน ป.๕ ป.๖ ป.๗ สามปี แล้วก็เริ่มขึ้น ม.๑ เป็นปีที่สี่ เพื่อนที่ออกตั้งแต่ ป.๔ แต่งงานกันเกือบหมดแล้ว พวกเขาที่ไม่ได้เรียนต่อ ตัวใหญ่กว่าสองเท่าได้ มาเข้าใจทีหลังว่า การใช้สมองในการศึกษาและจดจำมาก ทำให้ร่างกายเจริญเติบโตช้า พวกที่เขาไม่ได้เรียน ประมาณอายุ ๑๔-๑๕ ปีก็โตเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว อาตมาเองยังผอมกะหร่องตัวแค่เดิม

แล้วที่รู้ว่าต้องใช้พลังงานสมองมาก เพราะว่ากลับจากโรงเรียนมาบ้านนี่หิวไส้ขาดเลย คว้าอะไรได้ก็ใส่ปากไว้ก่อน แม่ก็จะเอากล้วยแขวนไว้เป็นเครือ เข้าบ้านก็ลูกหนึ่ง ออกบ้านก็ลูกหนึ่ง กล้วยเครือหนึ่งไม่กี่วันก็เกลี้ยงไม่มีเหลือ”

เถรี 17-02-2020 19:20

พระอาจารย์กล่าวว่า “ระยะนี้นอกจากหมอมีคนไข้มากขึ้น ร้านขายยาก็มีลูกค้ามากขึ้น จากที่ไม่ค่อยสนใจสุขภาพตัวเอง ด้วยความกลัวจะเป็นไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ถึงเวลาไอนิดไอหน่อยก็วิ่งหายากินเองแล้ว แล้วที่แน่ ๆ บริษัทผลิตหน้ากากน่าจะรวย..!

ที่บ้านเราเป็นกันน้อย ทั้ง ๆ ที่น่าจะระบาดเยอะกว่านี้ เพราะว่าของเราป้องกันไว้ก่อนแล้ว เนื่องจากฝุ่นบ่ายสองครึ่ง (PM 2.5) นั่นแหละ พอเราใส่หน้ากากอยู่แล้ว ก็เลยไม่ค่อยจะติดเชื้อกัน”

เถรี 18-02-2020 08:57

ถาม : ท้าวเวสสุวรรณท่านขอเรื่องลาภผลได้หรือไม่คะ ?
ตอบ : ได้..ทำไมจะไม่ได้ ชื่อหนึ่งของท่านคือธนบดี เจ้าแห่งทรัพย์ เพราะว่าท่านดูแลขุมทรัพย์ทั้งโลก

เถรี 18-02-2020 08:59

ถาม : มีดนี้ใช่ของหลวงพ่อกวยไหมครับ แน่นมาก ?
ตอบ : อย่าไปดึงบ่อย..เดี๋ยวหลุด ส่วนใหญ่มีดรุ่นนี้เป็นรุ่นที่คนไปบนกับหลวงพ่อท่าน พอสำเร็จแล้วแทนที่จะไปแก้บนกับหลวงพ่อ ก็แก้บนด้วยการมาทำสวยให้กับวัตถุมงคลแทน ...(หัวเราะ)... ช่างของวัดก็ต้องลำบากไปทำให้เขา

เถรี 18-02-2020 09:14

ถาม : หนูสงสัยว่าเรื่องของความกตัญญูนั้น เกิดขึ้นด้วยการสั่งสอนหรือด้วยจิตเดิมที่เขามีมาคะ ?
ตอบ : สองอย่างรวมกัน อย่างแรกก็คือว่า จิตสำนึกของตนเองใฝ่ดีเป็นปกติอยู่แล้ว อย่างที่สองคือ ได้รับการอบรมสั่งสอนมา ถ้าสองอย่างรวมกันก็จะยิ่งง่ายขึ้น

ถาม : ถ้าของเดิมไม่มีแล้วสามารถสั่งสอนให้มีได้ไหมคะ ?
ตอบ : ได้

ถาม : ถ้าจิตเดิมเขามีอยู่แล้ว แต่ไม่ได้ถูกสั่งสอน จะมีวันหมดไปไหมคะ ?
ตอบ : ก็คงไม่หมดไปไหนหรอก ยกเว้นบางวาระที่อกุศลกรรมมาแทรกก็อาจจะห่างไป พอถึงเวลากุศลกรรมกลับคืนมาก็กลับเข้ามาใหม่

ถาม : ถ้าอย่างบางคนที่เราเห็นทั่ว ๆ ไป ว่าเขามีความกตัญญูกับพ่อแม่ แต่เขาเบียดเบียนคนที่มีพระคุณกับเขาเพื่อพ่อแม่ ถือว่าเขายังมีความกตัญญูไหมคะ ?
ตอบ : ก็ยังมีอยู่ แต่ว่าส่วนอื่นบกพร่องไป

หลักธรรมนั้นมีหลายอย่าง ในเมื่อเบียดเบียนผู้อื่นแต่ยังกตัญญูต่อพ่อแม่ ตัวกตัญญูกตเวทิตาธรรมก็ยังคงมีเป็นปกติ แต่ว่าในเรื่องของเมตตาธรรมย่อมบกพร่อง เพราะว่าไปเบียดเบียนผู้อื่นเขา

เถรี 18-02-2020 09:18

ถาม : ลูกสาวของผมมีปัญหาหนี้สิน เกิดจากกรรมหรือเปล่า ? ทางออกต้องรักษาศีลหรือทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : หนี้สินเกิดจากการใช้เงินอย่างไม่มีวินัย ต้องแก้ไขไปตามสภาพ ถ้าอยากมีความคล่องตัวต้องภาวนาคาถาเงินล้านให้เป็นปกติ

ถาม : แล้วเรื่องหนี้สินเกี่ยวกับกรรมหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : จะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวก็เป็นเรื่องของอดีต ปัจจุบันเราแก้ไขให้ดีก็จบแล้ว

เถรี 18-02-2020 09:21

ถาม : ป่วยเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดี แต่ไม่อยากไปหาหมอค่ะ ?
ตอบ : ลองไปกินสับปะรดดู จะเป็นสับปะรดสด ๆ ก็ได้ น้ำก็ได้ กินสักอาทิตย์หนึ่ง ๒-๓ ครั้ง จะช่วยละลายพวกก้อนนิ่วได้

ถาม : ไม่ต้องกินตลอดไปใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าหายแล้วจะกินอีกทำไม ?

ถาม : จะหายใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ใครเขารับรองได้เล่า ให้ไปลองทำดู

สมัยนี้เรื่องของนิ่วแทบจะไม่ต้องผ่ากันแล้ว เขาใช้ระบบอัลตร้าซาวด์เข้าไปสั่นสะเทือนให้นิ่วละลายได้


เถรี 18-02-2020 09:22

พระอาจารย์มอบวัตถุมงคลหลวงปู่บุดดาไปลงกระทู้สร้างโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ “ต้องบอกว่าเป็นของดีราคาถูก คนส่วนใหญ่แล้วไม่ได้สัมผัสใกล้ชิด ไม่รู้ว่าหลวงปู่บุดดาท่านสุดยอดขนาดไหน อาตมามีโอกาสอยู่ใกล้ชิดหลายปี แค่คิดอะไรท่านพูดออกมาหมดเลย แต่นั่นหมายถึงว่าในเรื่องของเราที่ตั้งใจปฏิบัติความดีเพื่อความหลุดพ้นด้วย ไม่ใช่ว่าเรื่องนอกทุ่งนอกท่าแล้วท่านจะไปสนใจ”

เถรี 18-02-2020 09:23

พระอาจารย์กล่าวว่า “สมัยที่ยังอยู่วัดท่าซุง หลวงน้ามีชัย สุนฺทโร ขยันสวดมนต์ไหว้พระมาก นอกจากทำวัตรเช้าเย็นตามปกติแล้ว พอกลับถึงกุฏิท่านยังสวดมนต์ต่อเป็นชั่วโมง ๆ ส่วนอาตมาไม่ค่อยได้สวดมนต์ เพราะเอาแต่ภาวนา หลวงน้าท่านหวังดีท่านก็มาเตือน บอกว่าให้สวดมนต์มาก ๆ สิ่งที่เราทำไว้ ถึงเวลาญาติโยมเขาเห็นเราเป็นเนื้อนาบุญ เท่ากับว่าเขามากอบโกยเอาความดีที่เราทำไป ถ้าเราทำเอาไว้น้อย เจอโยมเขาโกยแค่ไม่กี่ทีก็หมดแล้ว ถ้าอย่างนั้นแล้วเราจะขาดทุน

จะว่าไปแล้วหลักการของท่านก็ดี ก็คือสำนึกในความเป็นพระภิกษุสามเณรของตนว่าเป็นเนื้อนาบุญ แต่อาตมาถือหลักที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกไว้ ก็คือสวดมนต์เป็นยาทา ภาวนาเป็นยากิน ท่านบอกว่ายาทานั้นหายจากโรคช้า ต้องยากินถึงจะหายเร็ว โดยเฉพาะเรื่องของการภาวนานั้น ท้ายสุดต้องพิจารณาด้วย ไม่อย่างนั้นแล้วกำลังในการภาวนาของเราไม่มีที่ไป ก็จะเอาไปฟุ้งซ่านแทน

แต่แม้ว่าท่านจะดูเคร่งครัด ท้ายสุดก็อยู่ไม่ได้ ต้องสึกหาลาเพศไป ส่วนคนที่ไม่เคร่งครัดอย่างอาตมา เพราะว่าเอาแต่ภาวนาไม่ค่อยจะสวดมนต์ ก็ยังอยู่มาจนวันนี้ ความจริงยังคิดถึงท่านอยู่ เพราะว่าตอนที่ท่านสึก ท่านอายุ ๗๒ ปีแล้ว ถ้าหากว่าถึงวันนี้ก็อายุ ๑๐๐ ปีพอดี ท่านเป็นคนแข็งแรง ร่างกายสูงใหญ่ สง่า ถึงอายุ ๗๒ ปีก็ยังดูเหมือนกับหนุ่ม ๆ เลย”

เถรี 18-02-2020 09:24

ถาม : ถ้าเราภาวนาแล้วรู้สึกหายใจไม่ออก เหมือนว่ายน้ำมานาน ๆ เราควรหยุดภาวนาหรือสามารถภาวนาต่อไปได้ครับ ?
ตอบ : ภาวนาไปเลย ไม่ต้องสนใจลมหายใจเข้าออก ลมละเอียดขึ้น เบาลง เราดันไปตั้งหน้าตั้งตาที่จะจับให้แรงเท่าเดิม เราก็เหนื่อยเท่านั้นเอง

เถรี 18-02-2020 09:24

ถาม : หนูจะทำโลโก้ชมรมใหม่ แล้วหนูวาดรูปเป็นพระพุทธเจ้า อยากจะปรึกษาว่าควรปรับแก้หรือไม่คะ ?
ตอบ : ตัดสินใจแล้วก็ทำเลย อย่าถามคนอื่น

เถรี 18-02-2020 09:25

ถาม : ถ้าเราขับรถอยู่ แล้วภาวนาจนรู้สึกว่าไม่มีลมหายใจ เราไม่รู้ว่าเรางงไปเองว่าเราไม่ได้หายใจ หรือว่าจะต้องกลับมาโฟกัสกับลมหายใจเข้าออก ?
ตอบ : มี ๒ อย่างด้วยกัน อย่างแรกก็คือเลิกภาวนาให้มาตั้งหน้าตั้งตาขับรถอย่างเดียว อีกอย่างก็คือซ้อมการเข้าออกสมาธิขึ้นลงให้ได้ตามที่ต้องการ ถ้าอย่างนั้นเราจะบังคับได้ว่าจะให้อยู่ในระดับไหน

ถาม : เบญจเพสคือ ๒๔ เต็มย่าง ๒๕ หรือ ๒๕ เต็มย่าง ๒๖ ครับ ?
ตอบ : ๒๔ เต็มขึ้น ๒๕

ถาม : แล้วมีความอันตรายมากขึ้นจริงไหมครับ ?
ตอบ : ก็ไม่ได้มากมายไปกว่าปกติหรอก

เถรี 18-02-2020 09:27

ถาม : เวลาที่เราภาวนาจับลมหายใจแล้วรู้สึกว่าเฝือ ควรทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : คลายสมาธิออกมาแล้วพิจารณาวิปัสสนาญาณแทน

ถาม : ถ้าเราไม่อยากวิปัสสนา เราสามารถที่จะเปลี่ยนอะไรบางอย่าง เช่น เปลี่ยนรูปร่าง เปลี่ยนกอง ได้ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าใจไม่รับแล้วก็ไม่รับทุกกองนั่นแหละ ต้องเปลี่ยนไปพิจารณาแทนเลย

ถาม : รู้สึกว่าฝืนได้ แต่แปลก ๆ ?
ตอบ : ฝืนได้ก็ไม่ได้อะไร เพราะว่าสมาธิไม่เกินนั้นแล้ว มีทางเดียวคือมาพิจารณาวิปัสสนาญาณ พอถึงเวลากำลังในการที่เราทำได้ใช้ไปกับการวิปัสสนาจนหมด ก็สามารถที่จะภาวนาใหม่ได้

ถาม : ถ้าเรายังฝืนภาวนาต่อไปแล้วเราจะได้บุญเพิ่มไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าไม่หงุดหงิดก็ได้ แต่ถ้าหงุดหงิดแล้วเครียดหรือโกรธขึ้นมาก็ไม่ได้อะไร

เถรี 18-02-2020 22:35

ถาม : เมื่อเช้าสวดคาถาเงินล้านได้นาทีละ ๗ จบ สวดเร็วกว่านี้ได้ไหมครับ เร็วสุดเป็น ๑๐๐ จบได้ไหมครับ ?
ตอบ : ได้...แต่จะไปเร่งทำไม ?

ถาม : ผมแค่รู้สึกว่าทำไมยิ่งสวดยิ่งเร็ว ผมจำที่หลวงพ่อสอนได้ว่า สองจบสองชั่วโมง ผมก็พยายามสองจบสองชั่วโมง ?
ตอบ : อันนั้นเป็นสมาธิลึก ถ้าสมาธิตื้นเขาต้องการที่จะเร่งเพื่อที่จะใช้กำลังสมาธิ อย่างโบราณท่านสอนไว้ หนึ่งชั่วลมหายใจให้ภาวนา ๑๐๘ คาบ

ถาม : อย่างไหนดีกว่ากันครับ ?
ตอบ : ก็อยู่ที่การใช้งาน อยากได้ผลระยะสั้นก็เอาเร็ว อยากได้ผลระยะยาวก็เอาช้า ๆ

เถรี 18-02-2020 22:41

พระอาจารย์เล่าว่า "สมัยก่อนเวลาไปกราบหลวงพ่อพุธ วัดป่าสาลวัน คุยไปเรื่อย คราวนี้พระปฏิบัติเวลาคุยท่านก็จะภาวนาไปด้วย สำหรับท่านยิ่งดึกสมาธิยิ่งดี ส่วนพวกเรายิ่งดึกก็ยิ่งแย่ จะหัวทิ่มพื้นอยู่แล้ว หลวงพ่อท่านก็ยังคุยไม่เลิก จนต้องกราบเรียนว่า “หลวงพ่อครับ...พวกผมยังต้องเดินทางอีกไกล ขออนุญาตกราบลาก่อนครับ” ท่านรู้สึกว่าคุยหน่อยเดียว ที่ไหนได้..ตั้งหลายชั่วโมง

โดยปกติแล้วถ้าเป็นคำถามเรื่องเกี่ยวกับการปฏิบัติ ท่านคุยได้เป็นวันเป็นคืน แต่ถ้าถามเรื่องทำมาหากิน เรื่องลูก เรื่องผัว เรื่องเมีย ฯลฯ บางทีท่านไม่คุยด้วยเลย ต้องไปให้ถูกท่าถูกจังหวะ กราบเรียนถามว่า “หลวงพ่อครับ หลวงพ่อธุดงค์มามาก เคยโดนผีหลอกไหมครับ ?” ท่านก็ชะงักนิดหนึ่ง “เดี๋ยว...ขอผมคิดก่อน มันเป็นอุตริมนุสธรรม” “หลวงพ่อครับ อันนั้นเขาอวดชาวบ้านครับ ไม่ใช่พระด้วยกัน” “อ๋อ...ถ้าอย่างนั้นได้”

ท่านก็เลยเล่า ท่านบอกว่าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าที่เจอนั่นใช่ผีหรือเปล่า นั่งเล่าไปเถอะ..เป็นสิบ ๆ เรื่อง...ผีทั้งนั้น แต่ท่านก็ออกตัวก่อน..ไม่รู้ว่าผีหรือเปล่า”

เถรี 18-02-2020 22:52

"รายแรกที่ท่านเจอ เป็นโยมทายกที่รู้จักกัน เขาตายตอนเย็น เวลา ๔ ทุ่มกว่า ๕ ทุ่มท่านเดินจงกรมอยู่ในป่า ท่านบอกว่าเขาเดินมาหา "ครั้งแรกผมก็คิดว่าคนดี ๆ รูปร่างหน้าตาก็ยังเหมือนเดิมก่อนตาย แต่พอมองไปข้างหลังแล้ว หลอดไฟที่ติดอยู่ที่ศาลาไกล ๆ ส่องมองทะลุตัวไปเห็นได้ อ๋อ...ไอ้นี่ผีแน่ ๆ"

ท่านธุดงค์ไปในป่า ท่านบอกว่าตอนเย็นสรงน้ำเสร็จ แต่งองค์ทรงเครื่องใหม่ ไหว้พระสวดมนต์แล้วก็นั่งภาวนา มีเสียงวี้ดมาแต่ไกล แล้วก็มาเกาะต้นยางใหญ่ที่อยู่ใกล้ ๆ ที่ปักกลด ท่านก็ไม่สนใจ ภาวนาไปเรื่อย เจ้านั่นก็พุ่งจากยอดยางลงมาในลำธารตรงข้างหน้า เสียงดังโครม...! ท่านก็ไม่สนใจ..ภาวนาไปเรื่อย เจ้านั่นก็ตะกายปีนต้นยาง
กลับขึ้นไปข้างบน แล้วก็พุ่งลงมาอีก เหมือนเด็กโดดน้ำเล่น กระโดดอยู่ครึ่งค่อนคืน

ไปนึกถึงที่ตัวเองเจอมาก็คล้าย ๆ กัน เวลาเขาลองก็ลองเป็นครึ่งค่อนคืน อาตมาไปปักกลดที่ด่านช้าง เป็นกระต๊อบเล็ก ๆ สำหรับคนงาน เวลาตัดอ้อยจะได้เอาไว้นอน สักประมาณ ๒ ทุ่มกว่า ๓ ทุ่ม มีเสียงเหมือนหนูตัวเล็ก ๆ วิ่งเข้ามา ตึก ๆ ๆ ๆ แล้วก็เงียบไปเฉย ๆ อีกสักพักวิ่งใหม่ ตึก ๆ ๆ ๆ อ้าว...แล้วทำไมมาทิศนี้วะ ? เหมือนวิ่งเป็นกากบาท แต่ตอนที่อ้อมไปทำไมเราไม่ได้ยิน ? ก็ไม่ได้ใส่ใจ...ภาวนาไปเรื่อย

สักพักหนึ่งเสียงก็ดังขึ้นอีก ไม่ใช่หนูแล้ว น่าจะใหญ่ประมาณแมว วิ่งตึง ๆ ๆ ๆ อาตมาไม่สนใจ..ภาวนาไปเรื่อย เจ้านั่นก็ตึง ๆ ๆ ๆ พอภาวนาไป ๆ เห็นว่าอาตมาไม่สนใจแน่ ๆ คราวนี้อย่างกับหมาทั้งฝูงไปกัดกันอยู่บนหลังคา ตึงตังโครมคราม อาตมาก็...เรื่องของมึง ภาวนาจนครบสบายใจตามที่ต้องการก็ชักจีวรคลุมหัว กูนอนแล้ว ตื่นขึ้นมาอีกทีตี ๒ กว่า เงียบไปตอนไหนไม่รู้ เออ...ไม่เก่งจริงนี่หว่า ถ้าเก่งจริงต้องหลอกได้ยันสว่าง...!"

เถรี 18-02-2020 22:59

"อีกที่หนึ่งเป็นพื้นที่ด่านช้างต่อกับศรีสวัสดิ์ของกาญจนบุรี ตื่นขึ้นมาภาวนาตอนตี ๒ กว่า เสียงเจ้าที่ตะโกนว่า “ระวังผี...!” ไม่ทันแล้ว...มือผีมาถึงคอแล้ว รู้สึกว่าผียืนอยู่ข้างหลังเอามือรวบคอ มือเย็นเจี๊ยบเลย อาตมาก็พุทโธ ๆ ไป ‘ตายตอนนี้ก็ไปพระนิพพานละวะ’ พอพุทโธ ผีก็คลายมือออกหน่อยหนึ่ง พอหยุดภาวนาจะหันไปสนใจ มือก็รวบบีบเข้ามาอีก ลักษณะแบบนั้นแหละ..เท่ากับบังคับให้ภาวนา เพราะว่าจะหยุดหันไปคุยด้วย หยุดทีไรโดนบีบคอทุกที ท้ายสุดตอนตี ๕ ครึ่งจะ ๖ โมงก็เลยบอกว่า “พอ ๆ ๆ ต่างคนต่างไป เดี๋ยวจะไปสรงน้ำเตรียมบิณฑบาตแล้ว” ผีก็ไป ว่าง่ายดีเหมือนกัน

เรื่องพวกนี้เวลาเล่าให้คนอื่นฟังก็สนุก แต่ถ้าเจอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากำลังใจคนอื่นจะเป็นอย่างไร อาตมาเองเลิกกลัวของพวกนี้ไปนานแล้ว แต่เวลาเจอรู้สึกสันหลังเย็นวาบ ๆ พยายามดูใจตัวเอง อ๋อ...ที่แท้ก็ยังกลัวอยู่ แต่กลัวแล้วไม่หนีเท่านั้นเอง"


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 00:56


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว