![]() |
ถาม : การที่คนเรามีบุคลิกคล้ายกันบอกอะไรได้บ้าง ?
ตอบ : บุญกรรมที่สร้างมาใกล้เคียงกัน |
พระอาจารย์กล่าวว่า "พระมหาจุมพลท่านจบเปรียญธรรม ๙ ประโยค แล้วไปเรียนต่อ ท่านบอกว่า “เพิ่งจะรู้ว่าตัวเป็นกบในกะลา” ปกติทางพระเราจบประโยค ๙ ถือว่าสูงสุดแล้ว แต่ปรากฏว่ารู้เรื่องทางโลกนิดเดียว ไปเรียนกับเขาไม่รู้เรื่องเลย
ส่วนใหญ่แล้วพระเราที่เรียนบาลีต้องการจะเพิ่มวุฒิ จากเดิมที่เขาให้เทียบปริญญาตรี ก็จะปรับเป็นปริญญาโทหรือปริญญาเอก แล้วทางสกอ. และกระทรวงศึกษาธิการ ก็กำหนดว่าจะต้องเรียนอะไรเพิ่มบ้าง ซึ่งวิชาทั้งหลายเหล่านั้น ส่วนใหญ่แล้วพระเณรไม่เคยเจอมาเลย โดยเฉพาะท่านที่จบเปรียญธรรม ๙ ประโยค ก็มักจะเรียนตั้งแต่ตอนเป็นสามเณร ทำให้รู้วิชาสามัญน้อยมาก ไปเจอระบบการเรียน การคิด การเก็บคะแนนแบบใหม่ ๆ ก็มักจะไปกันไม่ค่อยเป็น อาตมาเองมีเพื่อนร่วมรุ่นที่เป็นเปรียญธรรม ๙ ประโยค มาเรียนปริญญาโทปริญญาเอกด้วย ก็ต้องช่วยอนุเคราะห์สงเคราะห์กันไปตามกำลัง แต่เพื่อนบางท่านก็ต้องบอกว่าหัวดีมาก อย่างพระมหากังวาล ธีรธฺมโม เปรียญธรรม ๙ ประโยค วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม ตอนท่านเรียนโทเรียนเอก มีแนวคิดที่ชัดเจนมาก ทำวิทยานิพนธ์ออกมาชนิดเป็นหลักเป็นฐาน อวดคนอื่นได้ไม่อายใคร แต่ว่าบางท่านกรอบแนวคิดไปโดนจำกัดอยู่ตั้งแต่สมัยท่องบาลี ก็เลยทำให้แนวคิดไม่ชัดเจน เพื่อนฝูงก็ต้องช่วยกัน มาติวเพิ่มเติมให้ ต้องใช้ความพยายาม ใช้เวลาในการเรียน มากกว่าคนอื่นเขา" |
ถาม : มีคนจะขายที่ดินให้กับเจ้าของยาสีฟันดอกบัวคู่ ร้อยกว่าไร่ค่ะ อีก ๑ อาทิตย์ ดิฉันจะได้ค่านายหน้าไหมคะ ?
ตอบ : ไปนั่งภาวนาคาถาเงินล้าน มีเวลาตั้งอาทิตย์หนึ่ง ถาม : อาทิตย์หน้าจะได้ไหมคะ ? ตอบ : ทำ...ถ้าไม่ทำ มาถามอยู่ก็ไม่มีโอกาสที่จะได้ ถ้าทำโอกาสก็ยังมี |
ถาม : ท่านที่เป็นเทวดาท่านไม่มีลมหายใจ เวลาท่านจะปฏิบัติภาวนา ท่านจะทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : เทวดาไม่จำเป็นต้องภาวนา เพราะอารมณ์ใจแต่ละชั้นท่านทรงตัวอยู่แล้ว เพียงแต่พยายามหากุศลมาเสริมหรือว่าใช้ปัญญาเพิ่มขึ้นเพื่อจะก้าวไปสู่ภพภูมิที่ดีกว่า ถาม : กุศลที่จะหามาเสริมได้ เช่นอะไรบ้างครับ ? ตอบ : มีโอกาสก็สวดมนต์ มีโอกาสก็ไหว้พระ มีโอกาสก็ทำบุญ มีโอกาสก็ฟังเทศน์ เป็นต้น |
ถาม : ถ้าดวงจิตดวงเดียวกัน มีความตั้งใจเท่ากัน สร้างกุศลในฐานะที่เป็นเทวดา สร้างกุศลในฐานะที่เป็นมนุษย์ ที่เหนือจากการภาวนา อย่างนี้มนุษย์จะได้บุญบารมีหรือเปล่า ?
ตอบ : ไม่แน่...สำคัญแต่ว่าถูกกาละถูกเทศะหรือไม่ ถ้าสมมติว่ามนุษย์สร้างกุศลอยู่ในช่วงที่โลกว่างจากพระพุทธศาสนา ทำให้ตายก็ไม่ได้อะไรเท่าไรหรอก |
ถาม : ท่านที่เป็นเทวดา ท่านจะปฏิบัติกรรมฐานในกองอานาปานสติ สามารถเจริญได้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ท่านสามารถยึดในอนุสติ ๑๐ ได้ ยกเว้นอานาปานสติ ส่วนกรรมฐานกองอื่น ๆ ส่วนใหญ่แล้วถ้าไม่มีอานาปานสติประกอบ แม้แต่คนเราก็ทรงฌานไม่ได้ |
ถาม : เคยได้ยินมาเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า ไม่สนับสนุนให้ใฝ่ในการทำอุปจารสมาธิเกี่ยวกับเรื่องคิด ถ้าเราตั้งใจในการทำจิตให้ผ่องใสได้มากที่สุด แต่เราก็ไม่รู้ว่าเป็นสมาธิขั้นไหน เราต้องคิดอย่างไรครับ ?
ตอบ : แล้วทำไมต้องคิด ? ทำได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น |
ถาม : เวลาที่เราอุทิศบุญกุศลแบบที่เราเจาะจง ๑ ท่าน เจาะจง ๒ ท่าน ถ้าหากว่าเจาะจง ๒ ท่าน ๒ ท่านนั้นจะได้น้อยกว่าที่เราเจาะจง ๑ ท่านหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ได้เท่ากัน |
ถาม : ถ้าหากพูดถึงพม่า ผมจะมีความรู้สึกลึก ๆ ไม่ได้ถึงกับเกลียดชัง แต่มีอะไรคาใจ เราควรจะคิดถึงประเทศพม่าในแง่ไหนดี ?
ตอบ : คิดว่าน่าไปเที่ยวมาก..! |
ถาม : การที่จะได้ใจสะอาดมากน้อย มีส่วนช่วยในการได้อภิญญามากขึ้นไหมครับ ?
ตอบ : สำคัญตรงสมาธิ ใจสะอาดแต่ขาดสมาธิ โอกาสได้อภิญญาก็ไม่มี |
ถาม : การที่เรายอมรับความจริงต่าง ๆ ถือว่าเป็นปัญญาไหมครับ ?
ตอบ : ถามว่ายอมรับแค่ไหน ? ยอมรับแบบหาทางออกไม่ได้ก็ไร้ปัญญาโดยสิ้นเชิง..! ถาม : ถ้าเรายอมรับว่าเป็นตามกฎแห่งกรรม เราก็ไม่ไปทุกข์กับสิ่งนั้น เป็นปัญญาไหมครับ ? ตอบ : เป็น ถาม : ปัญญานี่มี ๓ อย่าง หรือแค่ไหนครับ ? ตอบ : ไปดูในวิสุทธิมรรค อธิบายเฉพาะเรื่องปัญญาไว้เป็นร้อย ๆ แบบ |
ถาม : การที่เราพูดในมุมมองต่าง ๆ บางทีเราเลือกที่จะพูดมุมมองหนึ่ง ไม่ได้พูดโดยรวม ไม่ได้ตั้งใจจะโกหกเขา เราตั้งใจทำแบบนี้ เราผิดศีลไหมครับ ?
ตอบ : ดูที่เจตนา ถ้ามีเจตนาหลอกลวงเขาก็ผิดศีล |
ถาม : ผมเคยได้ยินเขาพูดว่า แค่ไม่ทุกข์ก็สุขแล้ว จริงหรือไหมครับ ?
ตอบ : แล้วสุขคืออะไร ? สุขคือความทุกข์ลดน้อยลงชั่วขณะเท่านั้น เพราะฉะนั้นความสุขจริง ๆ นั้นไม่มีในโลกนี้หรอก |
ถาม : ผมตกนรกมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่ต้องสงสัย เดี๋ยวก็กำลังจะไปอีก...! |
ถาม : การที่เราเกิดมาชาตินี้ เราทำมาหากินลำบาก บุพกรรมที่เราเคยทำเป็นแบบไหนครับ ?
ตอบ : ขาดความอนุเคราะห์สงเคราะห์ต่อคนอื่น ถาม : แค่ไม่ได้อนุเคราะห์สงเคราะห์คนอื่นนี่เป็นบาปกรรมหรือครับ ? ตอบ : คนอื่นเขาจะไป เราก็ขวางทางเขา ถึงเวลาสมควรช่วยก็ไม่ช่วย แล้วเราจะเอาความสะดวกสบายมาจากไหน ? ถาม : แต่ถ้าเราช่วยหรือไม่ช่วยก็เป็นสิทธิ์ของเรา ทำไมเราต้องได้รับความลำบากด้วย ? ตอบ : ถ้าคุณไม่เห็นก็แล้วไป ถ้าคุณเห็นแล้วไม่ช่วย ต่อไปคนเขาเห็นคุณก็ไม่ช่วยเหมือนกัน ก็จงทนลำบากต่อไป |
ถาม : ถ้าเราสวดมนต์หรือคาถา จริง ๆ แล้วเราควรจะต้องรู้ความหมาย หรือเราควรจะแค่ศรัทธาอย่างเดียว ไม่ต้องรู้อะไรมาก ?
ตอบ : เริ่มต้นก็ต้องการแค่ศรัทธา ถ้ารู้มากก็เข้าไม่ถึง รังแต่จะสงสัยมากขึ้น ทำให้ผลลดน้อยลง |
ถาม : วิธีการเทคนิค คิดว่าเขาเป็นญาติเรา เราจะได้ไม่คิดในทางชู้สาว หรือคิดว่าเขาเป็นเด็ก ?
ตอบ : ไม่ใช่เทคนิค ต้องเกิดจากน้ำใสใจจริง ถาม : น้ำใสใจจริงเป็นอย่างไรครับ ? ตอบ : ต้องเห็นอย่างนั้นจริง ๆ ถาม : ถ้าเห็นอย่างนั้นจริง ๆ เกิดจากอะไร ? ตอบ : เกิดจากกำลังใจของเราที่ความดีมีมากกว่าชั่ว สรุปว่าชั่ว ๆ อย่างคุณทำไม่ได้หรอก...! |
พระอาจารย์กล่าวว่า "สมัยนี้รองเท้าส่วนใหญ่ใช้การหล่อขึ้นรูป โดยเฉพาะบรรดารองเท้าแตะ สมัยที่อาตมาธุดงค์อยู่ รองเท้าที่ค่อนข้างจะกระชับ มีที่ล็อกนิ้วเท้า มีที่ล็อกส้นเท้า ส่วนใหญ่พื้นรองเท้าจะเป็นคนละชิ้นกับตัวรองเท้า พอเจองานหนัก ๆ เจอเดินป่าเข้าไปก็หลุดไปคนละส่วน
ฉะนั้น...สมัยก่อนการธุดงค์ สิ่งที่พระแนะนำต่อกันมา ก็คือ ถ้าใส่รองเท้าเข้าป่าให้ใช้รองเท้าแตะ ถ้าไม่ใช่ตราช้างดาวก็ให้เป็นตราดาวเทียม เพราะว่าค่อนข้างจะทนกว่ายี่ห้ออื่น ขณะเดียวกันถ้าหากว่าฝนตก ฟืนเปียก ก่อติดยาก ก็ปาดเอาพื้นรองเท้าออกมาชิ้นเล็ก ๆ เป็นเชื้อไฟที่ดีที่สุด เพราะว่าติดแล้วดับยาก ช่วยให้สามารถก่อไฟได้ง่าย ถ้ามีรองเท้าที่หล่อขึ้นรูปทั้งชิ้นแบบปัจจุบันนี้ น่าจะทำให้การเดินธุดงค์สะดวกสบายกว่านี้มาก เสียดายว่ายุคสมัยไม่ทันกัน เทคโนโลยีไม่ทันกัน เพราะฉะนั้น...รองเท้าที่เขาทำไว้ใส่ในเมือง พอไปเดินในป่าก็หมดสภาพเลย ยิ่งรองเท้าประเภทรองเท้าหนัง ไม่ว่าจะเป็นหนังแท้หรือหนังเทียมก็ตาม พอโดนน้ำแล้วหลุดเป็นชิ้น ๆ หมด ถ้าแบบไหนทนได้ เมื่อตากแห้งก็เกิดอาการกัดแหลกขึ้นมาอีก เพราะว่าเวลาหนังโดนน้ำแล้วจะยืดขยาย พอตากแห้งก็หดตัวใหม่ กัดเท้าเป็นแผลหมด" |
พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงนี้เป็นเดือนมีนาคม เพิ่งจะอยู่ข้างแรมเดือนสี่ ก็แปลว่าเพิ่งเข้าฤดูร้อน ถ้าเป็นสมัยก่อนฝนฟ้าที่ตก ก็จะประมาณฝนชะลาน ฝนชะช่อมะม่วง สมัยนี้บทฝนจะมาก็มาจริง ๆ จัง ๆ เลย ไม่ใช่ชะลานแล้ว แต่กวาดลานไปเลย แล้วก็ไม่ได้ชะช่อมะม่วงด้วย แต่โค่นต้นมะม่วงกันเลย อากาศเปลี่ยนไปได้จนขนาดนี้
ท่านกอล์ฟไปถามทางบ้านสิว่า พวกทุเรียน ลองกองออกหรือยัง ?เพราะว่าอากาศแบบนี้ผลไม้จะแก่เร็วมาก สุกเร็ว แล้วจะสุกจากใต้ขึ้นเหนือ แต่ถ้าข้าวนี่จะสุกจากเหนือลงใต้ เพราะว่าข้าวจะสุกตอนลมหนาวมา ข้าวจะสุกจากเหนือลงใต้ แต่ผลไม้จะสุกจากใต้ขึ้นเหนือ แสดงว่าไม่เคยสังเกตเลยใช่ไหม ? โบราณเขารู้มาก่อน เขาสามารถบอกลูกบอกหลานให้สังเกตเอาได้" |
ถาม : โยมเคยไปภาวนาอยู่ที่หนึ่ง เมื่อเกือบสิบปีที่แล้วค่ะ มีพระรูปหนึ่ง เขาก็จะมากวนเมื่อมีโอกาส และเข้าแทรกแซงบุคคลที่เกี่ยวข้อง ล่าสุดก็คือ อาเจียนเกือบทั้งวันและเริ่มจะไม่มีแรงขึ้นเรื่อย ๆ ไม่มีวันหมด เพราะเขาก็จะส่งเข้ามา โดยที่เราทำอะไรไม่ได้ ?
ตอบ : ไปหาหมอสมัยใหม่บ้างหรือยัง ? ถาม : ยังค่ะ ? ตอบ : ลองไปหาดูนะ ถาม : เกี่ยวกับอะไรคะ ? ตอบ : ฮอร์โมนพร่อง บอกหมอว่าแก่แล้ว ช่วยจัดฮอร์โมนเพิ่มให้หน่อย ถาม : ควรไปเข้าพิธีเป่ายันต์เกราะเพชรไหมคะ ? ตอบ : ถึงเวลามีพิธีก็ไป ถาม : ส่วนที่มีเข้ามารบกวน ไม่ต้องแก้ไขอะไรหรือคะ ? ตอบ : เมื่อเราภาวนาอารมณ์ใจทรงตัวได้ อย่างอื่นก็กวนไม่ได้ ให้สังเกตว่าถ้าเราอยู่กับลมหายใจเข้าออกแล้วจะไม่เป็น ถ้าหลุดจากลมหายใจเมื่อไรถึงจะเป็น ถาม : ใช่ค่ะ จะกระตุก ? ตอบ : ถ้าอยู่กับลมหายใจของเราก็หมดเรื่อง |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 23:24 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.