กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๐ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5682)

เถรี 18-07-2017 08:05

ผมคิดอยู่แต่แรกว่าถ้าเราไม่ฝึกมโนมยิทธิก็ดีนะ งานไม่เยอะ หูหนวกตาบอด ไม่รู้อะไร...ใช่ไหม ? หมดเรื่องไปเลย

แหม...แต่ตอนนั้นคัน อยากจะฝึก ซ้อมแล้วซ้อมอีก หามรุ่งหามค่ำ ปีหนึ่งก็แล้ว สองปีก็แล้ว สามปีก็แล้ว เล่นไม่ยอมเลิก ใครจะไปรู้ว่าพอซ้อมคล่อง กลายเป็นโดนด่าง่ายแบบนี้..!

เถรี 18-07-2017 08:07

ผมเป็นคนที่บังเอิญฝึกตามวิธีที่หลวงพ่อท่านบอก ที่ท่านบอกว่า "ข้าสั่งให้ทำอะไร ก็ทำแค่นั้น ให้ทำแบบคนโง่ ๆ" ผมก็ทำไปเรื่อย ทำแบบโง่จริง ๆ ทำจนโดนครูฝึกไล่ เพราะว่าไปทำให้การฝึกของเขาเสียหมด

พอครูฝึกเอ่ยประโยคแรกผมก็รู้แล้วว่าคำถามคืออะไร จึงชิงตอบก่อน คนอื่นเจ๊งหมดเลย เพราะว่าคนอื่นเขายังไม่ได้ยินเลยว่าคำถามคืออะไร

ผมโดนไล่ออกจากห้อง มานั่งหน้าเหี่ยวอยู่ หลวงพ่อท่านบอกว่า "คล่องตัวขนาดนั้นก็ไปเป็นครูสอนเขาได้แล้ว" จึงเริ่มไปสอน พอไปสอนเข้าก็มีปัญหาอีก ก็คือว่า ครูฝึกส่วนใหญ่เขายึดตายอยู่กับรูปแบบ เนื่องจากว่าไม่มีความคล่องตัว ไม่รู้อารมณ์ลูกศิษย์จริง ก็ต้องไป ๑-๒-๓-๔-๕ ทั้ง ๆ ที่ลูกศิษย์ไปตั้ง ๒๐-๓๐ แล้ว

พอถึงเวลาก็มาบอกว่าผมสอนผิดอีก อย่างเช่นบอกว่าผมสอนไม่ได้ตัดขันธ์ ๕ ไม่ถูกต้อง ผมบอก "ป้า...ฟังดี ๆ นะ ผมบอกกับลูกศิษย์ว่า ถึงตอนนี้เราตายลงไปก็ยอม เราขอไปพระนิพพานแห่งเดียว ถ้าป้าคิดว่าอย่างนี้ไม่ได้ตัดขันธ์ ๕ ผมก็ไม่รู้ว่าจะไปตัดอะไรแล้ว" ต้องบอกว่ารวบรัดมากเกินไป จนคนแก่ตามไม่ทัน

ผมเป็นคนถนัดในการทำของยากให้ง่าย บรรดาครูอื่น ๆ ชอบทำของง่ายให้ยาก ก็เลยประเภทไม่ค่อยจะลงรอยกัน เถียงกันอยู่ประจำ

เถรี 18-07-2017 08:12

ถาม : (การใช้ลูกแก้ว)
ตอบ : ถ้าเสกมาแล้วก็มีอานุภาพในเรื่องลาภผล ให้ใช้คู่กับพระคาถาเงินล้าน

เถรี 18-07-2017 08:28

ถาม : เอารูปปั้นศาลตายายที่บ้านมาล้างทำความสะอาด ปรากฏว่าฐานร้าวแตก เพราะเป็นปูนพลาสเตอร์ เปลี่ยนได้ใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ซื้อมาเปลี่ยนใหม่ จุดธูปบอกกล่าวท่านก่อน บอกท่านว่าขอเปลี่ยนชุดใหม่ที่ดูดีกว่านี้ ส่วนของเก่าก็ลอยน้ำไปหรือไม่ก็เอาไปไว้โคนไม้ใหญ่ ส่วนใหญ่แล้วเขาจะทำด้วยปูนปลาสเตอร์ พวกนี้โดนน้ำไม่ได้ ท่านทำให้รู้ว่าถ้าโดนน้ำก็เจ๊งแบบนี้แหละ

ถาม : ควรทำวันไหนคะ ?
ตอบ : วันพฤหัสบดี

เถรี 18-07-2017 09:21

ถาม : ทำไมคนเราต้องภาวนาคะ ?
ตอบ : อันดับแรกคือต้องการให้ใจสงบ ในเหตุการณ์ทางโลกถ้าใจเราสงบลง ประสิทธิภาพการทำงานทุกอย่างจะดีขึ้น อันดับที่สองก็คือ จิตใจที่สงบจากกิเลสชั่วคราว เป็นความสุขที่หาได้ยากในชีวิตปัจจุบัน หลังจากนั้นก็คือต้องการให้เกิดปัญญา เพื่อหาทางหลุดพ้นจากกองทุกข์ ซึ่งเป็นขั้นท้าย ๆ ของการภาวนาเลย

ถ้าคนสมาธิดี ๆ โรคสารพัดโรคจะหายไปเองโดยอัตโนมัติ อย่างเช่นโรคเครียด นอนไม่หลับอะไรประมาณนั้น เพราะฉะนั้น...ลองไปทำดู เป็นยานอนหลับชั้นดีเลย พุทไม่ทันจะโธก็หลับแล้ว


ถาม : ถ้าสติตามไม่ทันละคะ ?
ตอบ : ถ้าสติตามไม่ทันจะมี ๒ อย่าง อย่างหนึ่งคือหายไปเฉย ๆ เหมือนกับเราเผลอหลับ อีกอย่างหนึ่งก็คือไปฟุ้งซ่าน รัก โลภ โกรธ หลง เสียเยอะแยะ พอรู้ตัวให้รีบดึงกลับมาอยู่กับลมหายใจใหม่ เริ่มต้นนับ ๑ กันใหม่

ถาม : ถ้าวูบหายไปเลย ?
ตอบ : รอให้ได้สติแล้วก็เริ่มต้นใหม่ พยายามตั้งสติจดจ่ออยู่กับลมหายใจเอาไว้ อย่าเผลอให้หลุดไปอีก แต่ก็จะหลุดอยู่เรื่อย ๆ จนกว่าเราจะชำนาญ ถึงจะดีขึ้นไปเรื่อย ๆ แรก ๆ ก็จะรำคาญ ไม่ทันไรหลับอีกแล้ว ความจริงไม่ได้หลับหรอก สติขาด จึงไม่รับรู้อะไร

เถรี 18-07-2017 09:24

ถาม : ผมไม่ใช่คนโทสะจริต ถ้าจะเลือกฝึกกสิณสีสามารถทำได้ไหมครับ ?
ตอบ : ทำได้ทุกคน แต่เพียงแต่ว่าถ้าเป็นคนโทสะจริต การฝึกกสิณสีจะมีส่วนช่วยในการระงับโทสะได้

เถรี 18-07-2017 09:38

ถาม : การตั้งศาลสี่เสา ?
ตอบ : ถ้าไม่จำเป็นและไม่รู้จริงอย่าไปตั้ง

ถาม : ถ้าทำไปแล้ว ?
ตอบ : ถ้าไม่จำเป็นอย่าไปทำ ถ้าทำไปแล้วอย่าถอน เพราะเราไม่สามารถที่จะไปใช้ผู้ใหญ่ระดับนั้นได้หรอก ส่วนใหญ่เขาไปตั้งอากาศเทวดาให้ท่านเป็นเจ้าที่ บ้าชัด ๆ..!

ถาม : ถ้าต้องการเปลี่ยนแก้ไข ?
ตอบ : ต้องดูด้วยว่าคนอื่นเขาจะว่าเอาหรือเปล่า ? ถ้าเป็นส่วนรวมคนเขาเคยไหว้ เดี๋ยวจะโดนเอาง่าย ๆ

ถาม : ของโรงงาน ?
ตอบ : ถ้าสามารถสั่งการได้ก็เอา ถ้าไม่สามารถสั่งการได้ก็อย่าไปยุ่งดีกว่า

เถรี 18-07-2017 14:40

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : ถ้าเป็นงบที่เบิกออกมาแล้วก็ไม่เป็นไร เพราะอย่างไรก็เอาไปคืนไม่ได้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าต้องใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนกลางเท่านั้น ถ้าเอาเข้ากระเป๋าเองก็ผิด จำไว้ว่าพวกเราอยู่ลำบาก เพราะว่าติดเรื่องศีลเรื่องธรรม พวกที่ไม่คิดเรื่องนี้ก็อยู่กันสบาย

เถรี 18-07-2017 15:33

พระอาจารย์เล่าว่า "อาทิตย์ก่อนไปสอนหนังสือที่วัดไร่ขิง ตอนนั่งรถแท็กซี่กลับมามีแต่ธนบัตรใบใหญ่ จะจ่ายค่าแท็กซี่อย่างไร ? เพราะแท็กซี่ยืนยันว่าไม่มีทอน ก็เลยเข้าสถานีบริการน้ำมัน แวะเข้าไปในร้านสะดวก จะซื้อของใช้สักหน่อย

ปรากฏว่าร้านในสถานีตราหอยไม่มีใบมีดโกนแม้แต่อันเดียว ไม่รู้ว่าจะซื้ออะไร แต่อยากได้ใบย่อยมาจ่ายค่าแท็กซี่ ก็เลยหยิบถั่วมา ๑ กระป๋อง พอเดินไปที่จ่ายเงิน มีโยมพรวดพราดเข้ามา ยื่นใบละพันให้พนักงาน "ผมช่วยจ่ายครับ" แล้วอาตมาจะทำอย่างไร ? หยิบใบละพันคืนไป บอกว่า "ไม่ต้อง" แล้วก็ส่งใบละ ๕๐๐ ของตัวเองไปให้พนักงาน

เขายืนงงอยู่พักหนึ่ง ท้ายสุดวิ่งไปเปิดตู้ หยิบน้ำเย็นมา ๑ ขวด "ถ้าอย่างนั้นผมขอถวายน้ำแล้วกันครับ" จะบอกเขาอย่างไรว่าอาตมาไม่ฉันน้ำเย็น ? บอก
ก็ไม่ได้ รับก็รับวะ..! ที่ดีใจคือยังมีคนอยากทำบุญอยู่มาก แต่ไม่ดูตาม้าตาเรือเลย เกือบ ๕ โมงเย็น ไปซื้อถั่วกระป๋อง ยังจะแย่งจ่ายอีก มึงจะสนับสนุนให้ฉันตอนเย็นใช่ไหม ?

เมื่อกลางเดือนที่แล้ว ขึ้นไปงานสืบชะตาของหลวงปู่ครูบาบุญยัง วัดห้วยน้ำอุ่น ถึงยอมรับว่าตัวเองดังแล้ว เพราะว่าแวะที่ไหนก็มีแต่คนรู้จัก ท้ายสุดแวะเข้าไปกราบหลวงพ่อพระพุทธชินราชก็ยังอุตส่าห์มีคนวิ่งมาทำบุญ เขาถามก่อนว่าใช่ไหม ? ใช่ก็ใช่วะ เขาบอกว่าไม่เคยไปวัด แต่จำหน้าได้ เห็นในเฟซบุ๊กบ่อย"

เถรี 18-07-2017 15:37

"สมัยหลวงพ่อวัดท่าซุงยังอยู่ จัดงานแต่ละทีคนจะมาประมาณแสนกว่าถึงสองแสนคน กราบเรียนถามหลวงพ่อว่า "ถ้านับหลวงพ่อกับหลวงปู่ปานแล้วใครดังกว่ากัน ?" ท่านบอกว่าหลวงปู่ปานดังกว่าเยอะ ถามว่าทำไมครับ ? ท่านบอกว่ารุ่นข้ามีทั้งโทรทัศน์ มีทั้งวิทยุ มีทั้งหนังสือพิมพ์ช่วยโฆษณา คนมาแค่แสนสองแสน สมัยหลวงปู่ปานไม่มีโฆษณา มีแต่บอกกันปากต่อปาก จัดงานวัดแต่ละที เรือแพจอดแน่นขนัดจนคนเดินข้ามฝั่งได้เลย ท่านบอกว่าหุงข้าวทีละ ๘ กระทะ ยังไม่ทันคนกิน

มาถึงรุ่นอาตมาที่เขาบอกว่าดัง ก็ ดังเพราะสื่อโซเชียลไปไว ลำพังประเภทจัดงานวัดคนมาทีสองพันสามพัน ไม่ได้เสี้ยวหนึ่งของหลวงพ่อท่านสมัยโน้น แต่จะว่าไปแล้ววัดเรา
ถ้าไปเยอะกว่านั้นก็ไม่ไหว ญาติโยมส่วนหนึ่งก็อยู่บ้านดีกว่า เพราะว่าพุทธาภิเษกหรือเป่ายันต์เกราะเพชร อยู่บ้านตั้งใจรับได้เหมือนกัน แถมยังมีถ่ายทอดสดด้วย...ใช่ไหม ? ยิ่งสบายใหญ่เลย"

เถรี 19-07-2017 18:46

พระอาจารย์กล่าวว่า "โยมผู้หญิงบางคน พอเห็นพระเดินมาก็ขยับปุ๊บ อาตมาต้องบอกว่าให้ยืนเฉย ๆ เพราะขยับแล้วจะชน ยืนเฉย ๆ พระท่านเดินหลบได้เอง เขามักจะหลบไปขวางทางพระพอดี"

เถรี 19-07-2017 18:57

ถาม : ทำไมคนที่เกิดมาเป็นผู้ชายแล้ว กรรมที่เกิดจากการล่วงละเมิดผู้หญิง ยังสามารถส่งผลได้อีก ?
ตอบ : มีอะไรที่กรรมส่งผลไม่ได้บ้าง ?

ถาม : บางคนก็เคยล่วงเกินผู้หญิงเหมือนกัน แต่ทำไมเรา...?
ตอบ : เพราะว่าเราทำได้ชั่วกว่าเขา นี่เป็นความสามารถพิเศษที่น่าชื่นชม...! เราก็เลยได้มากกว่าคนอื่น เพราะฉะนั้น...พยายามชั่วให้มากกว่านี้ จะได้เยอะกว่านี้อีก...!

เถรี 19-07-2017 18:59

ถาม : ที่หลวงพ่อให้ผมทำตามท่านขันติวาทีดาบส จะเป็นขนาดนั้นได้ต้องสั่งสมบารมีไว้ดีแล้ว ต้องสั่งสมกำลังฌานเยอะด้วยหรือเปล่า ?
ตอบ : เปล่า...ของท่านเป็นแค่ระดับต้น ๆ เท่านั้นเอง ลองนึกถึงวัวถึงควายดูสิ ว่าสั่งสมกำลังฌานเท่าไร ? ขนาดไม่ได้อะไรเลย ทำไมถึงทนได้ ?

เถรี 19-07-2017 19:05

ถาม : ตะกรุดหนังเสือที่รับไป ถ้าเอาไปใช้ทางค้าขายได้หรือเปล่าคะ ?
ตอบ : เอาไว้ค้าขายก็ได้ แต่แม่ค้าคงจะดุน่าดู เหมือนกับเสือ ถามว่าเสือเป็นมหาเสน่ห์ไหม ? เป็น...เสือดุใคร ๆ ก็อยากเห็น ถือเป็นเมตตามหานิยมอย่างหนึ่ง แต่คงจะงับลูกค้าเป็นว่าเล่น

เถรี 19-07-2017 19:10

ถาม : เวลาคิดไปแล้ว เหมือนลงแค่ทุกขัง ความทุกข์ไม่เที่ยง มีอยู่แค่นี้หรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ก็แค่นี้ ถ้าเราไม่แบกก็จบแล้ว ถ้าเที่ยงก็ต้องอยู่กับเราตลอดไป ทำไมบางทีเราดีใจ ทำไมบางทีเราเสียใจ ตอนดีใจเราลืมทุกข์ ทุกข์หายไปชั่วคราว ถ้าเที่ยงก็ต้องอยู่ตลอดไป พยายามมองให้เห็นว่าธรรมดาของทุกอย่างเป็นอย่างนั้น ในเมื่อปกติธรรมดาเป็นอย่างนั้น เราไม่ไปยุ่งด้วยก็หมดเรื่อง

ถาม : ก็ต้องมีคิดบ้างใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ใช่...เพียงแต่ว่าคิดแล้วต้องจบให้เร็วที่สุด ถ้าเผลอจะฟุ้ง

เถรี 19-07-2017 19:13

ถาม : ความกลัวเหมือนขึ้นมาแล้ว เราไม่จำเป็นต้องกลัว ถ้าเราขจัดความกลัวออกไปได้ก็จบ ไม่มีอะไรต้องกลัวบนโลกใบนี้ ?
ตอบ : ถ้าเราเห็นความตายเป็นของธรรมดา เราจะไม่กลัวอะไรเลย เพราะทุกอย่างที่เรากลัวคือกลัวตาย ผู้หญิงกลัวจิ้งจก กลัวตายไหม ? จิ้งจกโดดเกาะ ยี้...ขยะแขยง..เดี๋ยวขาดใจตาย ท้ายสุดก็ลงตรงตาย

อาตมาตามดูอยู่ ๒ ปีกว่าเกือบ ๓ ปี ดูความกลัวอยู่อย่างเดียว ว่ากลัวเพราะอะไร ท้ายสุดสรุปได้ว่า ความกลัวทุกประเภทเกิดจากกลัวตายทั้งนั้น ถ้าเลิกกลัวตาย ก็เลิกกลัวทุกอย่าง

เถรี 19-07-2017 22:31

ถาม : เรื่องสมาธิค่ะ พอเข้าไปแล้ว เหมือนเข้าไปนิ่งอยู่ในนั้น ดิ่งลงไปจนหนูรู้สึกว่าจะดิ่งลงไปถึงไหนวะ บางทีก็นิ่งค่ะ ?
ตอบ : บางเวลาอยากนิ่งก็ให้นิ่ง บางเวลาอยากจะดิ่งก็ให้ดิ่ง แต่ว่ากำหนดเวลาไว้ว่าต้องการนานเท่าไร แล้วคลายออกมาพิจารณาด้วย ไม่อย่างนั้นจะได้แต่กำลังอย่างเดียว ปัญญาจะไม่มี

ตอนที่สั่นนั้นอยู่ลักษณะว่ากำลังเพียงพอ อยากจะหลุดออกไปแบบมโนมยิทธิเต็มกำลัง เราก็แค่ตั้งใจว่า ออกไปเมื่อไร เราก็จะไปกราบพระที่พระนิพพาน


ถาม : ไปแล้วไม่กลับมาได้ไหมคะ ?
ตอบ : ถามท่านเองแล้วกัน ส่วนใหญ่ที่เห็นโดนถีบกลับมาทุกราย

เถรี 19-07-2017 22:35

ถาม : ตอนที่เริ่มสามารถคิดได้ จะมีช่วงหนึ่งที่คิดไม่ได้ก่อน เหมือนกับต้องถอยลงมา แล้วก็เริ่มคิดได้ ?
ตอบ : ถ้าสมาธิสูงเกินไปจะคิดไม่ได้ เพราะว่าจะไปอยู่กับตัวนิ่งแทน ต้องคลายออกมาให้ได้ระดับหนึ่งถึงจะคิดได้ แต่ถ้าหากว่าเข้าออกได้คล่องตัวจริง ๆ สมาธิสูงแค่ไหนก็คิดได้ ฉะนั้น...ซ้อมอยู่ ๒ อย่าง อย่างแรกคือซ้อมออก จะได้คิดได้ง่ายขึ้น อีกอย่างคือซ้อมเข้าให้สูงกว่านั้น ถ้าเข้าออกได้คล่องตัว สูงแค่ไหนก็คิดได้

ถาม : ตอนที่คิดได้จะพุ่งมาที่กายก่อนค่ะ เราตั้งไว้ก่อนเข้าสมาธิค่ะ ว่าเราต้องกลับมาดูกายมาพิจารณา พอเข้ามาแล้วก็วูบไปเป็นโครงกระดูก แบบนั้นเอาได้หรือเปล่าคะ ?
ตอบ : อย่างไรก็ได้ ให้เราเห็นว่าสภาพร่างกายของเรานี้หาความดีไม่ได้ แบบไหนก็เอา ให้คิดได้ก็แล้วกัน

เถรี 19-07-2017 22:39

ถาม : คนที่อยู่อย่างโลกไม่ช้ำ ธรรมไม่เสีย ทำไปก็จะรู้เองหรือครับ ?
ตอบ : เอาศีลเป็นกรอบ ติดกรอบศีลเมื่อไรก็ถอยหลัง อย่าไปต่อ

ถาม : บางทีเหมือนคนไม่สนโลกครับ ?
ตอบ : ไอ้นั่นอยู่ที่สันดานของเรา การที่เราไม่สนใจในโลก แปลว่าแบกสักกายทิฏฐิและมานะไว้เต็ม ๆ แต่แบกแบบที่ไม่รู้ตัว เพราะมึงมีความคิดอยู่ในใจว่า "กูดีกว่าเขา กูเลยไม่ยุ่งกับเขา" แบกกิเลสไว้เต็มหัว แต่ไม่รู้ตัว ดันคิดว่าดี

คนเข้าถึงธรรมจริง ๆ ยังคงเคารพสมมติทางโลกอยู่ เพราะว่าสมมติก็เป็นความจริง แต่เป็นความจริงแบบโลก เรียกว่า สมมติสัจจะ ในเมื่อความจริงเป็นอย่างนั้น ขนบธรรมเนียมประเพณีเป็นอย่างนั้น ระเบียบปฏิบัติเป็นอย่างนั้น เราก็ต้องทำตามนั้น ไม่อย่างนั้นก็ขวางโลก พยายามทำตัวให้เป็นน้ำกลิ้งบนใบบอน ไม่ได้ติดอยู่บนใบบอนหรอก

เถรี 19-07-2017 22:45

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : จะไปยากอะไร แค่เห็นว่าธรรมดา กูทำมากูก็ต้องโดนอย่างนี้ เรียกว่ายอมรับกฎของกรรม ในเมื่อเรายอมรับ เราไม่ไปดิ้นรนต่อต้าน เหมือนกับสัตว์ที่ติดอยู่ในกับดัก ถ้าไม่ดิ้นก็ไม่เจ็บ คุณทะลึ่งไปดิ้นเอง

ทำไม่รู้ไม่ชี้ อยากด่าก็ด่า อยากว่าก็ว่า พอเหนื่อยเขาก็เลิกเอง ดูว่าใครจะหน้าด้านกว่ากัน มึงมีปัญญาด่า กูก็มีปัญญาฟัง ถ้าเป็นอย่างอาตมาก็สนุกไปด้วย มีคนด่า "ไอ้เหี้ย" "อืม...มึงรู้จริง กูเคยเกิดเป็นเหี้ยด้วย" "ไอ้ชาติหมา" " กูก็เคยเกิดเป็นหมาเยอะเลย มึงรู้ได้อย่างไรวะ ?" โดนมาเยอะแล้ว บางทีก็ช่วยเขาด่าด้วย

ทำตัวเหมือนอย่างกับยืนอยู่กลางที่โล่ง ๆ ใครขว้างอะไรมา ไม่กระทบสักอย่าง จะไปเดือดร้อนอะไร เราดันไปตั้งกำแพง ตั้งข้างฝา ตั้งหลังคาไว้เสียเยอะแยะ ถึงเวลาปึงปังมาด้านไหนก็โดนหมด คราวนี้พอโดนเข้าดันจัดการไม่เป็นอีก โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่คนเดียว เดี๋ยวก็หัวหงอกหน้าเหี่ยว คนแกล้งยังไม่ทันเป็นอะไรเลย
อย่าเอาคำพูดของคนอื่นเป็นประมาณ ดีชั่วเรารู้ที่ตัวเราเอง อยากจะพูดก็ให้เขาพูดไป

อย่างหลวงปู่เจ้าคุณนรฯ ท่านบอกว่า จะเอาอะไรกับคำของมนุษย์ ดีแสนดี ถ้าเขาจะติ เขาก็หามาติ ชั่วแสนชั่ว ถ้าเขาจะชม เขาก็หามาชม ฉะนั้น...
คำพูดของคนประมาณไม่ได้ แบกไว้เมื่อไรก็หนักอยู่คนเดียว เขาไม่ได้เดือดร้อนอะไรกับเราด้วย เขาด่าเราก็ยิ้ม เขาว่าไอ้บ้าเราก็ยิ้ม


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 09:09


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว