![]() |
คำสอนสมเด็จองค์ปฐม
ทำอานาปานสติกองเดียว ก็ถึงพระอรหันต์ (๔) วกกลับมายืนยันอีกครั้ง การกำหนดรู้อานาปานสติเป็นกำลังให้จิตมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ การฝึกรู้ลมหายใจเข้าออกในขณะกล่าววาจา ก็จักเกิด "นิสสัมมะ กรณัง เสยโย"ในวาจาที่กล่าวนั้นได้ตามลำดับ จักทำให้เกิดมีแต่วาจาที่ชอบด้วยปัญญา มีเนื้อหาสาระอย่างแท้จริง ใหม่ ๆ อาจจักฝืน กำหนดรู้ไม่ใคร่ได้ทันในวาจาที่กล่าวนั้น ๆ ต่อเมื่อทำนาน ๆ ไป สติสัมปชัญญะก็จักเกิดขึ้นตามลำดับ การกลั่นกรองวาจาก็เกิด มีปัญญาตามรู้เท่าทันในคำพูดของตนนั้น ๆ จนในที่สุดเป็นอัตโนมัติ รู้ด้วยสติสัมปชัญญะที่สมบูรณ์ว่า วาจาที่กำลังกล่าวออกไปนั้น ๆ คือ ยังไม่ทันได้กล่าว เป็นเพียงมโนกรรมเกิด จิตก็จักกลั่นกรองได้ในทันทีทันใดว่า วาจาเยี่ยงนี้เมื่อกล่าวออกไป มีผลดี มีผลเสียกับผู้ฟังเพียงใด หรือละเอียดลงไปยิ่งกว่านั้น คือ มโนกรรมที่คิดนี้ดีหรือไม่ดีแก่ตนเองหรือผู้อื่นอย่างไร นี่การรู้ลมสำคัญเยี่ยงนี้นะ จึงไม่ผิดหรอกที่ท่านฤๅษีสอนว่า ทำอานาปานสติกองเดียวก็ถึงพระอรหันต์ |
คำสอนสมเด็จองค์ปฐม
ทำอานาปานสติกองเดียว ก็ถึงพระอรหันต์ (๕) และเป็นไปตามที่ท่านว่า ถ้าหากจิตเรามีหน้าที่ทำงาน คือ กำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกแล้ว เรื่องที่จักไปมีอารมณ์ว่างไปสนใจกับจริยาของคนอื่นนั้นก็ไม่มี หรือจักไปมีอารมณ์รัก โลภ โกรธ หลงก็ไม่มี จิตจักทรงฌานในอานาปานสติจนชิน แต่จักต้องไม่ลืมควบวิปัสสนาภาวนาในอริยสัจ ตามสังหารกิเลสให้เป็นสมุจเฉทปหานตามที่ท่านสอนไว้ด้วย จึงจักมีผล |
คำสอนสมเด็จองค์ปฐม
ทำอานาปานสติกองเดียว ก็ถึงพระอรหันต์ (๖) ท่านฤๅษีมาเตือนพวกเจ้าว่า พวกเจ้ามักลืมตัว เวลาไปคุยกับคนอื่น มักอ้างว่าหลวงพ่อสอนอย่างโน้น อย่างนี้ ให้บอกว่าหลวงพ่อท่านสอนตามพระพุทธเจ้าว่าอย่างนี้ เพราะขณะสอนท่านมีพระพุทธเจ้าคุมอยู่ การไปคุยกับบุคคลนอกกลุ่มศิษย์หลวงพ่อจะมีปัญหา เขาอาจอ้างว่าอาจารย์ของเขาสอนว่าอยางนี้ การขัดแย้งกันก็จะเกิดขึ้น แต่หากอ้างว่าเป็นคำสอน หรือสอนตามพระพุทธเจ้าแล้ว ปัญหาเหล่านี้ก็จักไม่เกิด การปรามาสพระรัตนตรัยก็ไม่มี จุดนี้ก็เกี่ยวกับการใช้ปัญญาในคำพูดเช่นกัน |
คำสอนสมเด็จองค์ปฐม
ร่างกายนี้ไม่ใช่พระพุทธเจ้า ขันธ์ ๕ ย่อมไม่มีในใครทั้งหมด ร่างกายไม่ใช่ตถาคต ร่างกายไม่ใช่ท่านสัมภเกสี ร่างกายนี้ไม่ใช่พระพุทธเจ้า ร่างกายนี้ไม่ใช่พระอรหันต์ ปกติของร่างกายเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไปตามสภาวะธรรมของโลกนั้น ๆ พระพุทธเจ้าเป็นได้เพราะพระธรรม ตถาคตคือพระธรรม ท่านสัมภเกสีเป็นพระอรหันต์ได้ก็เพราะพระธรรม พระธรรมนั้นไม่เกิด ไม่ตาย พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์จึงไม่เกิด ไม่ตายตามสภาวะของธรรมนั้น ๆ |
คำสอนสมเด็จองค์ปฐม
ร่างกายนี้ไม่ใช่พระพุทธเจ้า (๑) จำได้ไหมที่ตถาคตตรัส ผู้ใดเกาะชายสังฆาฏิของตถาคตอยู่ แต่ไม่ประพฤติในธรรมวินัย ก็เสมือนหนึ่งอยู่ไกลคนละฟากฟ้า ผู้ใดอยู่ไกลคนละฟากฟ้า แต่ประพฤติปฏิบัติอยู่ในพระธรรมวินัยนี้ ก็เสมือนหนึ่งอยู่ใกล้ เกาะชายสังฆาฏิของตถาคตอยู่ ประการแรก หมายถึงผู้อยู่ใกล้ร่างกายของตถาคต แต่ไม่สนใจศึกษาปฏิบัติในพระธรรม ก็เสมือนหนึ่งอยู่ไกล เพราะตถาคตคือจิตที่เข้าถึงพระธรรม บุคคลผู้ไม่สนใจพระธรรม จึงไม่สามารถเข้าถึงพระพุทธเจ้าได้ ประการหลัง บุคคลใดแม้อยู่ห่างไกลจากร่างกายของตถาคต แต่ยังเคารพนบนอบปฏิบัติในพระธรรมอยู่เสมอ จึงได้ชื่อว่ายังจิตให้เข้าถึงพระธรรม พระธรรมก็ย่อมโยงจิตให้สัมผัสกับจิตของตถาคตได้ จึงเสมือนอยู่ใกล้พระพุทธเจ้าตลอดไปฉันนั้น |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:30 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.