![]() |
พระอาจารย์กล่าวว่า "แม่น้ำยมแห้งสนิท แม่น้ำปิงสันดอนโผล่เกิน ๘๐ เปอร์เซ็นต์ แม่น้ำมูลสันทรายโผล่ สรุปก็คือจะไม่มีน้ำอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น..ตอนนี้พายุฤดูร้อนจะเข้ากี่ลูกก็เข้ามาเถอะ อาตมาก็เตือน ๆ แค่ที่พูดได้นะ โยมก็พยายามตีความเอาหน่อยก็แล้วกัน ที่บอกไว้ตั้งแต่ปีใหม่ที่ว่าให้ระวัง มีกระทั่งไฟใต้ดิน ตอนนี้มาเยอะเลย"
|
พระอาจารย์กล่าวว่า "พวกนามสกุล ณ เชียงใหม่ ณ ลำปาง ณ แพร่ ณ น่าน เป็นตระกูลเจ้าเจ็ดตนทั้งหมด"
|
พระอาจารย์กล่าวว่า "พรุ่งนี้ผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรมจะไปตรวจงานชุมชนคุณธรรมต้นแบบวัดท่าขนุน อาตมาก็เพิ่งรู้ว่าชุมชนคุณธรรมต้นแบบนี่ จังหวัดเขาต้องประเมินทุกปี เพราะว่าเพิ่งได้รับประกาศนียบัตรมาอีก แสดงว่าจะได้ปีละใบ
ของกาญจนบุรีนั้น อำเภอทองผาภูมิได้ต้นแบบอยู่ ๙ วัด ส่วนที่เหลือมีระดับส่งเสริมคุณธรรม ระดับคุณธรรม ระดับคุณธรรมส่วนใหญ่ก็จัดกิจกรรมตามปกติ ระดับส่งเสริมคุณธรรมนี่มีจัดโครงการต่าง ๆ ส่วนพวกต้นแบบอย่างของอาตมานี่ก็สารพัดงาน ทำอะไรก็ได้ที่ทำให้ชาวบ้านเขาอยู่ดีกินดี" |
พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อเช้าอ่านข่าวภาคภาษาอังกฤษ แต่มาจากประเทศจีน ตัวเอกชื่อซื่อหยุน ไปคุนหมิงแล้วก็ซื้อลูกหมามาหนึ่งตัว คนขายบอกว่าเป็นหมาทิเบต กินอาหารจุมาก แล้วก็ดุมาก ถ้าคุณคิดว่าคุมไม่ไหวก็อย่าซื้อไปเลย เขาก็ยังอุตส่าห์ซื้อมา ปรากฏว่ากินแหลกจริง ๆ เขาบอกว่ากินบะหมี่วันละ ๒ ถัง คราวนี้ก็โตเอา ๆ แกก็ว่า เออ...ตัวโตจริง ๆ ตั้งชื่อว่า little black คาดว่าภาษาจีนเรียก "เสี่ยวเฮย" คราวนี้เป็นภาษาอังกฤษก็เลยแปลมาอย่างนั้น
เขาบอกว่า วันนั้นพอเข้าไปในครัว เห็นเสี่ยวเฮยยืน ๒ ขา ก็เลยแปลกใจ บอกกับสามี สามีบอกว่าไม่เคยเห็นหรือ..? ไอ้พวกหมาตัวเล็ก ๆ ยืน ๒ ขาเยอะแยะไป ก็โอเค ปรากฎว่าเลี้ยงผ่านไปหนึ่งปี กรงไม่พอใส่ ตัวใหญ่จนต้องให้ไปอยู่ในสวนหลังบ้าน แล้วไอ้เจ้านี่ก็กินทั้งผัก กินทั้งเนื้อ กินทั้งผลไม้ เวลาผ่านไป ๑ ปี น้ำหนัก ๑๘๐ กิโลกรัม เขาก็บอก เอ..เสี่ยวเฮยหน้าตาดูแปลก ๆ นะ ท้ายสุดก็เลยเข้าไปหาข้อมูล จนมั่นใจแล้วว่าไม่ใช่หมาทิเบต เพราะว่าหมาทิเบตทุกตัว หน้าตาไม่ใช่อย่างนี้ ก็เลยโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาดู ตำรวจเห็นแล้วช็อก เขาบอกว่า ไอ้ตัวนี้เขาเรียกว่าหมีควาย ตอนแรกเขาก็โทรไปหาคนขาย บอกว่าเสี่ยวเฮยฟันใหญ่มาก คนขายบอกว่า "โอ๊ย...ธรรมดา หมาตัวใหญ่ ฟันก็ต้องใหญ่" คนเอามาขายก็คงเข้าใจว่าเป็นลูกหมาทิเบต หรือไม่ก็หมาทิเบตนั้นแพง จึงเอาลูกหมีควายมาขายแทน ซื้อลูกหมีควายราคาถูก ๆ มาขายเป็นหมาทิเบต" |
"อ่านไปก็หัวเราะไป เขาบอกว่าเห็นเสี่ยวเฮยยืน ๒ ขาอยู่ในครัว ค้นอาหารกิน ก็เลยโทรไปหาสามี สามีบอกว่าหมาเล็ก ๆ ยืน ๒ ขากันเยอะแยะไป ไอ้นี่ตัวใหญ่ก็เลยเกาะครัวถึง ขำก็ขำ ยังดีว่าถ้าโตกว่านั้น สงสัยว่าคงได้กินคนแน่ ๆ น้ำหนักตั้ง ๑๘๐ กิโลกรัม
สมัยอาตมายังอยู่ที่เกาะพระฤๅษี ชาวบ้านเขาเอาลูกหมีควายมาให้เลี้ยง เวลายืน ๔ ขาก็ประมาณหมาตัวใหญ่ ๆ แต่พอยืน ๒ ขานี่ สูงเกือบถึงไหล่ของอาตมา ตอนแรกก็เอากล้วยกับนมไปเลี้ยง ปรากฏว่าเดินเข้าไปใกล้ โดนตบขันใส่นมกระจายเลย ตอนแรกก็ เอ๊ะ..ตบตอนไหนวะ ? ทำไมดูไม่ทัน พอมาดูตัวเอง หนักเข้าไปอีก แขนตัวเองมีรอยเล็บ ๔ รอย อยู่ ๒ แถว คือ ๘ รอย แสดงว่าโดนตบ ๒ ที แต่ดูไม่ทันเลย ทำไมถึงได้เร็วขนาดนั้น โชคดีที่หนังเหนียว โดนตบแล้วไม่เข้า ไม่อย่างนั้นได้แหว่งเป็นแถบแน่ เป็นรอยขีดแดง ๆ อยู่ ๒ แถว ๆ ละ ๔ รอย ปรากฏว่าเลี้ยงเอาไว้ในหอฉัน ก็คือให้อยู่ที่กว้าง ๆ หน่อย ตื่นเช้าขึ้นมา..หาย แหกหน้าต่างออกไป มุ้งลวดพังบรรลัยหมดเลย อย่างว่าแหละ..เล็บหมีตะกายไม่กี่ที มุ้งลวดก็พังแล้ว" |
"สมัยที่ยังอยู่เกาะพระฤๅษี พวกสัตว์ป่าเยอะ เพราะว่าพื้นที่ก็คือ ป่าสงวนเขาพระฤาษี-เขาบ่อแร่ แปลง ๑ ต่อเนื่องกับอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ อยู่กลางป่าดี ๆ นี่เอง วันดีคืนดีนั่งรถป่าไม้ออกไป ปรากฏว่าผู้ใหญ่พงศ์ ตอนนั้นยังเป็นคนงานอยู่ ยังไม่ได้สมัครผู้ใหญ่บ้าน มองไปไกล ๆ "หมา" "หมาพ่อมึงสิ...! หางยาวเท่าตัว นั่นเขาเรียกเสือดาวโว้ย..!" เสือดาวออกมานอนกลิ้งเล่นฝุ่นอยู่บนถนน เขาคิดว่าเป็นหมาดัลเมเชี่ยน..! หัดดูหางไว้บ้าง หางยาวเท่าตัวมีหรือจะเป็นหมา ? พอมาตอนหลัง เวลาไปไหน ผู้ใหญ่พงศ์นั่งทับปืนไปด้วย ถามว่าจะเอาไปทำอะไรวะ ? "อุ่นใจหน่อยครับ เจอเสือเจออะไรจะได้ยิงไล่"
วันดีคืนดีหมาก็ไล่เก้งวิ่งเตลิดเข้ามาในเกาะ เณรก็ช่วยกันจับเก้งไว้ บอกให้เอาไปปล่อย ก็ต้องรอแล้วรออีก กว่าที่หมาจะยอมไป ไม่อย่างนั้นหมาก็ยืนรี ๆ รอ ๆ ไม่ไปไหน ที่เกาะพระฤๅษีมีลำห้วยล้อมรอบอยู่ พอเก้งหนีหมาก็กระโจนลงห้วย แล้วก็ว่ายน้ำขึ้นมาในเกาะ" |
"ที่เยอะที่สุดคืองูจงอาง เดี๋ยว ๆ ก็มาตัวหนึ่ง เดี๋ยว ๆ ก็มาตัวหนึ่ง แต่ว่าที่ไหนมีงูจงอางนั้นดีอยู่อย่างหนึ่ง คืองูอื่นไม่มี เพราะว่าโดนกินหมด งูจงอางมีหลายแบบ แบบตัวสีน้ำตาล เขาเรียกว่าจงอางลายลูกหวาย ถ้าใครเคยเห็นลูกหวาย จะเห็นว่าเป็นลักษณะเหมือนกับเกล็ดงู แล้วก็สีดำที่เป็นจงอางดำ ยังมีแบบสีดำหลังลายเป็นบั้ง ๆ ที่อาตมาเจอตัวใหญ่ที่สุดก็สีดำหลังบั้งนี่แหละ ตัวเกือบเท่าบาตรพระ..!
ต้องบอกว่าปู่งูตัวนี้คงจะอยู่มานานแล้ว แต่ถึงที่ตาย ก็คือไฟเพิ่งจะไหม้ป่าไปไม่นานแล้วฝนตก เจ้านั่นก็เลื้อยออกมาหากิน คุณมานิตย์ วรรณโพธิ์ หัวหน้าคนงาน อยู่บนรถหกล้อ มองเห็นเลื้อยเข้าไปในโพรงไม้ใหญ่ ก็บอกลูกน้อง "เฮ้ย..งูเหลือมเลื้อยไปตรงนั้น ไปยิงเอามาแบ่งกันกิน" เจ้าลูกน้องก็อัดปืนแก๊ปอย่างดีแล้วเดินเข้าไป" |
"คราวนี้งูใหญ่โดยเฉพาะงูดุแบบจงอางมักจะไม่กลัวใคร พอได้ยินเสียงคนเดิน ก็ยื่นหน้าออกมาคารู มาดูว่าเป็นใคร เจ้านี่พอเห็นก็เอาปืนทิ่มเข้าจมูกแล้วยิงเลย โห..พอดิ้นป่าแตกออกมา คนยิงก็เข่าอ่อนกองอยู่ตรงนั้น ไปไหนไม่เป็นเลย เพราะเพิ่งเห็นว่าเป็นงูจงอาง ด้วยความที่หลังงูลายเป็นบั้ง ๆ แล้วยังติดขี้เถ้าที่เปียกฝนมา คุณมานิตย์เห็นตัวใหญ่ขนาดนั้นเลยนึกว่างูเหลือม ถ้ารู้ว่าเป็นจงอางใหญ่ขนาดนั้น ไอ้นั่น..จ้างเป็นล้านก็ไม่ไปหรอก ลากออกมา ยาว ๔ เมตรกว่า วัดตรงกลางตัวใหญ่เกือบ ๘ นิ้ว
คราวนี้ไอ้แจ๊คคนงานไปเอาปลายหางมา เอามาขึงตากแดดไว้ อาตมาเห็นก็ตกใจ "มึงเอามาทำอะไรวะ ?" "ผมจะเอามาทำเข็มขัดครับ" "มึงรีบเอาไปทิ้งไกล ๆ เลย งูใหญ่ส่วนมากจะมีคู่ ทะลึ่งไปเอาหนังคู่ของมันมาไว้ที่นี่ เดี๋ยวคู่ของมันตามมา ก็ได้ตายกันยกสำนักงาน...!" ปรากฏว่าคู่เจ้าตัวนี้มาช้าไป ๒ ปี อีก ๒ ปีให้หลัง ตอนที่ยิงได้ น่าจะประมาณปี ๒๕๓๗ คู่คงมาราว ๆ ปี ๒๕๓๙ กัดวัวตายไปตัวหนึ่ง ควายตายไปตัวหนึ่ง รอยเขี้ยวห่างขนาดนี้ (ทำมือให้ดูประมาณสี่นิ้วฟุต) ลองนึกถึงถ้าฟันขนาดนี้ แล้วหัวงูจะใหญ่แค่ไหน ?" |
พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงนี้ที่วัดมีตำรวจประจำการอยู่ประมาณ ๓๐๐ นาย ไม่ได้ไปเฝ้าวัดหรอก แต่ไปอารักขาสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา กับสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ คราวนี้ไม่มีที่พัก ตำรวจก็มาขออาศัยที่วัด ดีมากเลย..มาเยอะกว่านี้ก็ได้ ดูสิว่าใครจะกล้าอุ้มหลวงพ่อทองคำบ้าง เจอตำรวจ ๓๐๐ นาย ไม่รู้ว่าจะเดินหลบไปทางไหน
ระยะหลังพอมีงาน ทางด้านผู้กำกับก็ "หลวงพ่อครับ...ขอที่พักให้กำลังพลหน่อยครับ" แล้วเขาผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมา มีอยู่ชุดหนึ่งอยู่ถึงประจวบคีรีขันธ์โน่นยังมาเลย "แล้วคุณมาได้อย่างไร ? "พอดีถึงคิวพวกผมครับ" อาตมาก็นึกว่าเอาเฉพาะในพื้นที่หรือในเขตจังหวัดกาญจนบุรี ความจริงแล้วเขาผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมา แล้วจะรู้ว่าทองผาภูมินั้นไกลแค่ไหน ถ้าบอกว่ากาญจนบุรี ส่วนใหญ่คนเขาคิดว่าใกล้ ลองนึกดูว่าจากกรุงเทพฯ ผ่านนครปฐม ราชบุรีในส่วนของบ้านโป่ง แล้วถึงจะเป็นกาญจนบุรี ๔ จังหวัด ๑๒๖ กิโลเมตร แต่จากกาญจนบุรีไปทองผาภูมิ อำเภอเดียว ๑๔๐ กิโลเมตร..! ไกลกว่า ๔ จังหวัดอีก" |
"สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา จำพระนามของพระองค์ท่านกันได้หรือยัง ?
กรมหมื่นสุทธนารีนาถ เพิ่งจะออกจากโรงพยาบาลใช่ไหม ? ออกมาแล้วเข้าไปใหม่ นึกว่าพระองค์ท่านหายเป็นปกติแล้ว ส่วนกรมพระศรีสวางควัฒน ต้องบอกว่าร่างกายของพระองค์ท่านไม่แข็งแรงมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว พอพระชนมายุมากก็เลยหมดเรี่ยวหมดแรงหนักเข้าไปใหญ่ ทางด้านคณะสงฆ์กาญจนบุรี พระครูกาญจนสุตาคม เจ้าคณะอำเภอท่าม่วง พระครูวุฒิกาญจนวัตร รองเจ้าคณะอำเภอศรีสวัสดิ์ เส้นเลือดในสมองแตกทั้งคู่ ตอนนี้ก็กึ่ง ๆ อัมพาต กำลังกายภาพบำบัดกันอยู่ ยังดีว่าเป็นเส้นเลือดเส้นเล็ก ถ้าเป็นเส้นใหญ่นี่คงแย่เลย" |
พูดถึงเหรียญสมเด็จองค์ปฐมมหาสะท้อนเนื้อทองคำ หลังจากที่จาร "ตอนที่ให้พรโยม ต้องรีบคืนพลังให้พระท่าน อยู่นานไปร่างกายจะรับไม่ไหว อาตมาแก่แล้ว เวลาโดนกดลงมา รู้สึกตึงไปหมด บางทีก็เกิดอาการปวดหัวเหมือนกัน
หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านถึงได้แนะนำว่า "วัตถุมงคลของข้า ให้หารุ่นสุดท้ายเอาไว้ ใครอยากได้รุ่นแรกให้เขาไป เพราะเวลาที่พระท่านสงเคราะห์ ถึงเวลาท่านให้อะไรเพิ่ม ต่อไปพระองค์ท่านก็จะเพิ่มไปเรื่อย ฉะนั้น..พระองค์ท่านเคยให้เท่าไรก็ให้แค่นั้น ถ้ามากขึ้่นก็จะบอก ก็เลยหารุ่นสุดท้ายไว้จะดีกว่า" พกวัตถุมงคลภาวนาทุกวันนะ ตอนนี้เรือดำน้ำรัสเซียกำลังซ้อมทะลวงน้ำแข็งอยู่ เอาไปซ่อนไว้ใต้ผิวน้ำแข็ง ฝ่ายตรงข้ามจะได้ตรวจการณ์ไม่เจอ ตอนนี้ถ้าหากว่ามีการปะทะกัน เทคโนโลยีของอเมริกาสู้จีนไม่ได้ อเมริกาก็เลยต้องหาตัวแทน ไม่ว่าจะเป็นไต้หวัน ญี่ปุ่น หรือเกาหลี พูดง่าย ๆ ก็คือให้พวกนี้ออกหน้าแทน ถึงเวลาจะได้โดนแทน ต้องบอกว่าชั่วร้ายมาก..!" |
ถาม : เวลาเราถือศีล ๕ หรือศีล ๘ บางครั้งจิตเราชอบคิดว่าเราดีกว่าคนไม่มีศีล อย่างนี้ต้องแก้ไขอย่างไรให้ถูกต้องคะ ?
ตอบ : อันนี้เป็นกิเลสละเอียด เขาเรียกว่ามานะ มีอยู่อย่างเดียวก็คือ เห็นทุกคนเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิดแก่เจ็บตายเหมือนกันหมด ต่างคนต่างก็ดิ้นรนอยู่ในกองทุกข์ ตราบใดที่ยังพ้นไปไม่ได้ ไม่มีใครดีกว่ากันหรอก ท้ายสุดก็ตายเหมือนกัน |
ถาม : เวลามีข้อสงสัย หนูชอบไปนั่งสมาธิหน้าพระประธานที่วัดพระแก้วหรือที่ศาลหลักเมืองกรุงเทพฯ ตั้งใจว่า หนูถามพระพุทธองค์ คราวนี้ก็จะมีเสียงแว่วมา ตอนแรกก็จะเป็นคำพูดสั้น ๆ หลัง ๆ ก็จะเริ่มยาวขึ้น ทำให้หนูไม่แน่ใจว่าคิดไปเองหรือเปล่า ?
ตอบ : ไม่แน่ใจก็อย่าเพิ่งเอาเป็นสาระ เอาไว้ให้แน่ใจก่อน ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะโดนหลอกเตลิดเปิดเปิงได้ง่าย ๆ |
ถาม : ในฝัน ถ้าเราด่าใครได้ก็ด่าเลย ถ้าใครทำร้ายเรา เราทำกลับได้เลย อยากรู้ว่า...?
ตอบ : ให้รู้ว่าในฝัน ส่วนใหญ่แล้วเป็นน้ำใสใจจริงของเรา ในฝันเราห่วยแค่ไหน แปลว่ากำลังของใจเราห่วยแค่นั้น เพราะฉะนั้น..มีอย่างเดียวก็คือเร่งการปฏิบัติของเราให้มากขึ้น เพื่อที่จะได้ระงับยับยั้งให้ได้ ไม่ว่าในฝันหรือนอกฝันเราไม่ทำก็จบแล้ว ส่วนใหญ่ในฝันเราจะบังคับไม่ได้ เพราะว่ากำลังใจที่แท้จริงของเราเป็นอย่างนั้น |
ถาม : ถ้าเราจะแบ่งกำลังใจส่วนหนึ่งไว้เกาะพระนิพพาน ทำอย่างไรถึงจะได้ผลดีที่สุดครับ ?
ตอบ : ถ้าจะเอาแบบนั้นก็แบ่งไปเยอะ ๆ เหลือไว้ข้างล่างสัก ๑๐ เปอร์เซ็นต์ก็พอ เดินตกหลุมตกร่องก็เป็นเรื่องของร่างกาย |
พระอาจารย์เล่าว่า "ช่วงเดือนที่ผ่านมา พระเถระสมณศักดิ์สูง ๆ มรณภาพหลายรูป ไม่ว่าจะเป็นหลวงพ่อวัดโพธิ์ หลวงพ่อวัดระฆัง หลวงพ่อวัดมหาธาตุ จังหวัดเพชรบุรี แล้วก็มาล่าสุด หลวงพ่อวัดปรมัยยิกาวาส ล่าสุดต้องบอกว่าน่าใจหาย เพราะว่าไปพุทธาภิเษกมาด้วยกัน นั่งอยู่ใกล้ ๆ กัน ผ่านไป ๓ วันมรณภาพ ไปพุทธาภิเษกวัตถุมงคลที่วัดสะพานสูง จังหวัดนนทบุรี คือวัดหลวงปู่เอี่ยม เสกเสร็จไม่นานท่านก็มรณภาพ ยังดีที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนกันโควิดเสียก่อน ไม่อย่างนั้นเขาจะโทษว่ามรณภาพเพราะวัคซีนอีก..!
วัดสะพานสูงโด่งดังตั้งแต่สมัยหลวงปู่เอี่ยม เพราะว่าท่านทำตะกรุดมหาโสฬสกับพระปิดตามหาโสฬส จากหลวงปู่เอี่ยมก็มาถึงยุคหลวงปู่กลิ่น ท่านอาจารย์แปลก ร้อยบาง แล้วก็มาหลวงพ่อทองสุข หลวงปู่วาส สามารถสืบสายลงมาได้ ๔ ชั่วคน ก็ถือว่ารักษาชื่อเสียงเกียรติคุณของครูบาอาจารย์ได้ดีมาก" |
"ตอนที่ไป เจ้าอาวาสท่านพาไปกราบอัฐิหลวงปู่เอี่ยมและหลวงปู่กลิ่น ปรากฏว่าของหลวงปู่ทองสุขแยกไปอยู่ต่างหาก ก็สงสัยว่าเพราะเหตุใด ? ได้รับคำอธิบายว่าหลวงปู่ทองสุขไม่ใช่คนสะพานสูง อ้าว..มีอย่างนี้ด้วย..!? ถ้าเป็นวัดท่าขนุนนี่ตายเลย เพราะว่าวัดท่าขนุน เจ้าอาวาสรูปแรกที่ปรากฎนามก็คือหลวงปู่พุก ท่านเป็นมอญโพธาราม ไม่ใช่คนท่าขนุน
เจ้าอาวาสรูปที่ ๒ คือหลวงปู่เต๊อะเน็ง เป็นกะเหรี่ยงนอกจากประเทศพม่า เจ้าอาวาสรูปที่ ๓ หลวงปู่สาย มาจากวัดหนองโพธิ์ จังหวัดนครสวรรค์ แล้วจะเอาคนท่าขนุนที่ไหนมา ? ก็มีท่านอาจารย์สมเด็จ ท่านอาจารย์สมพงษ์ สองรูปต่อมาที่เป็นคนท่าขนุน ก็สึกไปแล้วทั้งคู่ ปัจจุบันนี้พระอาจารย์เล็กยิ่งไกลใหญ่เลย มาจากนครปฐม ก็เลยคิดว่าเป็นเรื่องแปลก ๆ ถ้าท่านทำไม่ดีไม่งามอะไรก็ว่าไปอย่าง ปรากฏว่าในหอเก็บอัฐิไม่มีอัฐิหลวงปู่ทองสุข เพราะว่าหลวงปู่ทองสุขไม่ใช่คนสะพานสูง อาตมาฟังแล้วตลก" |
"วัดสะพานสูงสร้างวัตถุมงคล ๑๒๕ ปีมรณภาพหลวงปู่เอี่ยม สรุปว่าหลวงปู่เอี่ยมมีหลายองค์ และดังมากทุกองค์ หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง หลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง วัดหนังนั่นระดับเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินเสด็จเป็นปกติ โดยเฉพาะในหลวงรัชกาลที่ ๕
หลวงปู่ทองสุขท่านดังตะกรุดมหาโสฬส เพราะว่าเสกด้วยโองการมหาทมื่น วันละ ๙ จบ ต้องเสกให้จบ ๑๐,๐๐๐ จบ ก็ใช้เวลาประมาณ ๓ ปี ตะกรุดแต่ละดอกกว่าจะออกมาได้นี่ต้องเสกอย่างน้อย ๓ ปี เพราะฉะนั้น...ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมถึงดัง เสกวันละ ๙ จบอย่างน้อย ๓ ปี ถ้าหากว่าใครมีโอกาส ก็ศึกษาพวกของยากอย่างโองการมหาทมื่นดูบ้าง แต่ว่าสมัยนี้คนเขาไม่ชอบของยากกัน รุ่นอาตมาว่าขี้เกียจแล้วก็ยังศึกษาเรื่องพวกนี้อยู่" |
พระอาจารย์เล่าว่า "วันก่อนมีโยมถวายสร้อยคอทองคำ น่าจะหนัก ๑ บาท แต่คงใช้จนเก่าคร่ำเลย เพราะว่าเหลือแค่ ๑๒ กรัมกว่า ๆ น่าจะใส่อยู่เป็น ๑๐ ปี ไม่น่าเชื่อว่าเนื้อคนจะกินทองไปได้ขนาดนั้น แต่ก็ลงบัญชีให้โยมไปว่าหนักหนึ่งบาท จะขาดนิดขาดหน่อย อย่างไรอาตมาก็ต้องเติมจนเต็มอยู่แล้ว
พระอาจารย์มหาเอเพิ่งจะให้ช่างหลอมหุ่นขี้ผึ้งเพื่อตรวจสอบดู ปรากฏว่าหลวงพ่อปางห้ามสมุทรเนื้อเงินใช้เม็ดเงินในการหล่อ ๑๔๐ กิโลกรัม เนื้อทองคำใช้ทองคำในการหล่อ ๓๕ กิโลกรัม ตอนนี้อาตมาขาดทองคำอยู่แค่ ๔ กิโลกรัม อีกไม่กี่เดือนต้องได้แน่นอน ถ้าไม่ได้ก็ซื้อเพิ่ม เดือนก่อนมีโยมถวายไปคนเดียว ๑ กิโลกรัมกับ ๒๐ บาท ถวายในนามบริษัทสุวรรณวิศว์ แต่คราวนี้ถ้าโยมทำลักษณะนี้ คนที่มีโอกาสได้ทำก็จะมีน้อย แต่ว่าก็เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย คนมีมากก็ทำมาก คนมีน้อยก็ทำน้อย คนไม่มีก็โมทนาเอา สมัยที่อาตมาไปสร้างกุฏิแม่ชีในแดนสงบใหม่ ๆ ก็มีแม่ชีอยู่ท่านหนึ่ง ฟังหลวงพ่อฤๅษีฯ คุยถึงเมณฑกเศรษฐีว่าทำบุญปิดทองส้วมด้วยแผ่นทองเท่าปีกริ้น น่าจะเป็นทองคำเปลว แล้วรวยจนนับเงินไม่ได้ พออาตมาสร้างห้องน้ำ ก็คอยวิ่งไปปิดทองก้นหลุมส้วม จนต้องด่าให้ได้สติว่า เมณฑกเศรษฐีสองคนผัวเมีย ทำบุญด้วยศรัทธาสูงสุดในคุณพระศรีรัตนตรัย แม้ไม่มีที่เหลือให้ทำบุญแล้ว เอาทองไปปิดก้นหลุมส้วมก็ยังยินดีที่ได้ทำบุญตรงจุดนั้น ไม่ใช่ทำเพราะโลภมากอยากรวย..!" |
ถาม : จะถวายพระไตรปิฎก ไปที่ไหนดีคะ ?
ตอบ : ถามวัดอื่นก็แล้วกัน วัดท่าขนุนมีตั้ง ๗ - ๘ ชุดแล้ว ที่วัดท่าขนุนยังดีว่าพระเราเรียน มจร. ต้องใช้พระไตรปิฎกเป็นประจำ ขนาดนั้นยังรู้สึกว่ามีมากแล้ว แล้ววัดที่ท่านไม่เคยสนใจที่จะเปิดเลย ตู้โดนฝุ่นจับเขรอะอยู่น่าจะมีเยอะมาก ถาม : แล้วที่วิทยาลัยสงฆ์ ? ตอบ : ของเขาก็มีประจำห้องสมุดอยู่แล้วตั้ง ๑๐ กว่าชุด ทำอย่างอื่นไปเถอะ พระไตรปิฎกราคาแพงด้วย หรือไม่ก็โน่น..ถวายเงินร่วมสร้างวิทยาลัยสงฆ์ ตั้งใจว่าสร้างในส่วนของห้องสมุด แต่จริง ๆ แล้ววิทยาลัยสงฆ์เป็นที่เรียนของพระ ถือว่าเป็นวิหารทานด้วย เป็นธรรมทานด้วย ไม่จำเป็นต้องไปเน้นแค่ห้องสมุดก็ได้ |
ตอนนี้การยกห้องเรียนวัดไชยชุมพลชนะสงครามเป็นวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีก็ต้องบอกว่าผ่านแล้ว เหลือแค่ขั้นตอนสุดท้ายคือรอประกาศในราชกิจจานุเบกษาเท่านั้น ถ้าหากว่าทัน ปีนี้ก็จะเปิดปริญญาโทไปด้วยเลย ถ้าหากว่าไม่ทัน เราก็จะเอานักเรียนที่จบปริญญาตรีมาเรียนพื้นฐานรอปีต่อไป เพราะว่าปริญญาโทนั้น พื้นฐานภาษาอังกฤษกับงานวิจัยเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
เรื่องนี้ต้องถามพระครูกาญจนปริยัติคุณ (พระครูบ่าว) เรียนปริญญาโทบอกว่าสบายมาก ขณะที่คนอื่นน้ำตาจะเล็ด ไอ้ที่สบายมากเพราะว่าตอนเรียนอยู่ห้องเรียนวัดใต้ ท่านอาจารย์ด็อกเตอร์อัมพร บังคับเขียนงานวิจัยตั้งแต่ชั้นปริญญาตรี คราวนี้พอทำไป ๒ รอบ ๓ รอบ เคยชินกับรูปแบบงานวิจัย พอไปเรียนปริญญาโทก็ง่ายเลย ก็เหมือนอย่างกับทำรายงานเล่มหนึ่งเท่านั้นเอง |
ส่วนที่ยากของงานวิจัย ไม่ใช่การเขียนงานวิจัย แต่เป็นการเขียนบทความประกอบงานวิจัย ใครฟังไม่รู้เรื่องก็ไม่ต้องฟังนะจ๊ะ การเขียนบทความทางวิชาการ อาตมาว่าเป็นคนเขียนหนังสือเก่งมากนะ...ต้องชมตัวเอง ปรากฏว่าเขียนไปแล้วไม่ผ่าน เพราะไปแทรกความคิดส่วนตัวเข้าไป เขาไม่เอาเลย พอถึงเวลาก็มีวงแดง ๆ จากผู้ทรงคุณวุฒิที่ตรวจบทความมาเลย แถมเขียนกำกับมาด้วยว่า "ความคิดส่วนตัว โปรดเปลี่ยนเสียใหม่"
เขาจะเอาตามหลักทฤษฎีหรือหลักวิชาการเท่านั้น ก็เลยกลายเป็นของยากไปได้ ไม่อย่างนั้นบทความวิชาการงานไม่กี่หน้า อาตมาควาน ๆ หาครึ่งวันก็ได้เหลือเฟือแล้ว ปรากฏว่าส่งไป แก้แล้วแก้อีกกว่าจะผ่าน ตอนเรียนปริญญาโท ถ้าจำไม่ผิดต้องแก้อยู่ ๓ ครั้ง ตอนเรียนปริญญาเอกนี่รู้แล้ว ไม่ต้องแก้เลย ส่งต้นฉบับ pdf.file เข้าไปในไลน์กลุ่มของมหาวิทยาลัย ท่านอาจารย์ผู้ดูแลบทความตรวจเสร็จเรียบร้อยแล้วแจ้งว่า "ส่งตัวจริงมาได้เลยครับ...ผ่านแล้ว" |
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้อาตมาเพิ่มบัญชีกฐินปลดหนี้มาอีกหนึ่งบัญชี ยังไม่รู้ว่าจะหาให้ท่านอาจารย์หนึ่งได้สักเท่าไร
ปีที่แล้วมีแต่เพื่อนพระสังฆาธิการบ่นว่า เจ้าภาพรับปากไว้ว่าจะทอดกฐินแล้วก็มาบอกคืนหมด คำว่า "มาบอกคืน" ก็คือขอยกเลิกการเป็นเจ้าภาพ ก็ต้องเห็นใจญาติโยมว่าเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ อาละวาดหนักจริง ๆ พอเศรษฐกิจไม่ดีอย่างอื่นก็ไม่ดีไปหมด" |
พระอาจารย์กล่าวกับโยมที่พาลูกมาทำบุญว่า "ลูก ๆ อายุเท่านี้แม่ต้องวิ่งไล่ทั้งวัน ความจริงมีเคล็ดลับอยู่นิดเดียวว่าอย่าไปไล่ นั่งอยู่เฉย ๆ ลูกไปไม่ไหนไกลพ่อแม่หรอก เดี๋ยวเขาก็วิ่งกลับมา เพียงแต่ว่าพวกเราส่วนใหญ่ไปห่วงมาก ถึงเวลาก็ต้องวิ่งไล่จับกัน"
|
พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงนี้ถ้าหากว่าเป็นโบราณ จะเป็นช่วงของฝนชะลาน หรือฝนชะช่อมะม่วง แต่คราวนี้เลยมาจนจะเข้าสงกรานต์แล้ว โบราณเขาจะบอกกันเลยว่า สงกรานต์ฝนฟ้าแรงให้ระมัดระวัง
คำว่า ฝนฟ้าแรง หมายถึงจะเกิดพายุฤดูร้อน เนื่องจากว่าสภาพอากาศร้อน พอฝนตกอากาศเย็นไหลเข้ามาแทนที่อย่างรวดเร็ว ก็เลยทำให้เกิดลมแรง คราวนี้โลกเราเสียสมดุลมาก ก็เลยทำให้ลมแรงมากกว่าปกติ เรือนชานบ้านช่องเสียหายกันเป็นจำนวนมาก ถ้าหากว่าเป็นของพวกเราเองก็หาผ้ายันต์ของครูบาอาจารย์ติดบ้านไว้ ว่าอิติปิ โสฯ สักวันละ ๓ จบ ขอบารมีพระ พรหม หรือเทวดา ท่านช่วยสงเคราะห์ให้ปลอดภัย ที่อาตมาทำไปช่วงเจริญกรรมฐานสามวัน แล้วพระพุทธเจ้า ๒๘ พระองค์ท่านสงเคราะห์ สามารถใช้งานได้ทั้งหมด แม้ว่าจะเน้นในเรื่องของลาภผล แต่ว่าการป้องกันนี่ท่านให้ทุกด้าน เพราะว่าสภาวะสงครามก็จะเกิด ดินฟ้าอากาศก็วิปริต ดังนั้น..ถ้าหากว่ามีติดบ้านติดตัวเอาไว้ อธิษฐานขอบารมีพระท่านสงเคราะห์ ให้เรือนชานบ้านช่อง ตลอดจนกระทั่งตัวบุคคลหรือทรัพย์สินของเราปลอดภัย เพียงแต่ว่าให้ภาวนาอิติปิ โสฯ เอาไว้ทุกวัน เพราะว่าอิติปิ โสฯ เป็นบทสรรเสริญพระพุทธคุณ สวากขาโตฯ เป็นบทสรรเสริญพระธรรมคุณ สุปฏิปันโนฯ เป็นบทสรรเสริญพระสังฆคุณ" |
"ส่วนใหญ่แล้วพวกเราจะขาดความเชื่อมั่น เพราะว่าไม่ได้เห็นมาด้วยตนเอง อาตมาเองตั้งแต่เล็ก ๆ ก็เห็นมาด้วยตนเองหลายครั้ง บางทีพายุมา หลวงปู่หลวงพ่อเจ้าอาวาสยืนอยู่กลางลานวัด เอาผ้าอาบโบกซ้ายขวาทีสองที พายุออกข้างไปหมดเลย เมื่อเห็นดังนั้น..เวลาท่านถ่ายทอดวิชาอะไรมาก็มีความศรัทธาเชื่อมั่นมาก เพราะว่าเห็นผลมาเองแล้ว ตัวศรัทธาเชื่อมั่นก็ทำให้กำลังใจมั่นคง พอกำลังใจมั่นคงก็จะเกิดพลังอำนาจขึ้นมา
เรื่องพวกนี้จะว่าไปแล้วเป็นเหตุเป็นผลกันหมด เพียงแต่ว่าบางทีเราก็ศึกษากันไปไม่ถึง บางคนก็นั่งหัวเราะ ท่านพระครูปฐมสาธุวัฒน์ หรือพระอาจารย์เทพ วัดสี่แยกเจริญพร เห็นอาตมาติดผ้ายันต์พญาเต่ามังกรเงินล้านในกุฏิ ถามว่า "พระอาจารย์ใช้เองด้วยหรือครับ ?" บอกว่า "เอ้า..รู้ว่าดีก็ต้องใช้สิวะ" แล้วถามว่า "แล้วพระอาจารย์ซื้อหรือเปล่า ?" ก็บอกไปว่า "ซื้อ..จ่ายเงินเท่ากับโยมนั่นแหละ" โดยเฉพาะถ้าหากว่ามีลายเซ็นก็จ่ายพิเศษตามราคา ลายเซ็นตัวเองแท้ ๆ อาตมายังต้องซื้อเลย..! อาตมาอยากจะบอกว่า ในทัศนคติเฉพาะของตัวเอง เสกของมาแล้วถ้าไม่ดีพอที่จะใช้งานเอง ก็อย่าไปให้คนอื่นเขาใช้เลย เพราะว่าตัวเองยังไม่มั่นใจแล้วจะไปคุ้มครองคนอื่นได้อย่างไร ? แต่ว่าทัศนคติแบบนี้ สมัยนี้เขาไม่ค่อยเอากัน อาตมาทำตามแบบโบราณ ลองแล้วลองอีก ลองจนกว่าจะมั่นใจ หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านถ่ายทอดอะไรให้ก็ทำแล้วทำอีก ซักซ้อมจนมั่นใจก็ไปรายงาน ถามว่าทำไมต้องซักซ้อมจนมั่นใจ ? เพราะว่าเดี๋ยวท่านบอกให้ทำให้ดู ถ้าไม่มั่นใจแล้วอยู่ต่อหน้าครูบาอาจารย์ เกิดตื่นเต้นประหม่าขึ้นมาทำไม่ได้ มีหวังโดนไม้เท้าแน่ ๆ..!" |
พระอาจารย์กล่าวว่า "ครอบครัวของคุณนพดลถวายข้าวของ โดยเฉพาะของในโรงครัวเป็นจำนวนมาก ๆ ทุกเดือน ทางวัดถ้าเหลือใช้ระยะนี้ ฝ่ายที่รับช่วงต่อส่วนใหญ่จะเป็นโรงเรียนหมู่บ้านเด็ก (วังด้ง)
โรงเรียนหมู่บ้านเด็กอยู่ตรงวังด้ง จะรับเด็กที่ครอบครัวล่มสลาย หรือว่าเด็กพิเศษไปดูแลเป็นร้อย ๆ คน ปีนี้อาตมาเพิ่งจะไปทอดผ้าป่าสร้างอาคารที่พักเด็ก และอาคารเรียนสำหรับเด็กพิเศษ แล้วก็ซื้อเครื่องมือประกอบการศึกษาให้เขา ทำไปหลายครั้งหมดไปประมาณล้านกว่าบาทแล้ว ส่วนเรื่องข้าวปลาอาหารนั้น ประมาณ ๒ เดือนเขาจะเอารถหกล้อไปขนที่วัดท่าขนุนทีหนึ่ง พอถึงเวลาก็โทรไป บรรดาแม่ครูจะพาเด็ก ๆ มาประมาณช่วงเที่ยง พอมาถึงวัดจะได้กินข้าววัดก่อน ...(หัวเราะ)... คุณครูดูแลเด็กดีมาก อะไรที่เป็นโทษไม่ค่อยยอมให้เด็กกินกัน ดังนั้น..ส่วนใหญ่ก็ให้กินพวกผัก ผลไม้ ปลา แล้วก็สอนให้เด็กปลูกผัก เลี้ยงปลา ปรากฏว่าเลี้ยงหมูไปตัวหนึ่งน้ำหนักจะ ๒๐๐ กิโลกรัมอยู่แล้ว ก็ยังเลี้ยงอยู่นั่นแหละ ถามว่าทำไม ? ไม่มีใครกล้าทำอะไรเพราะว่าเลี้ยงตั้งแต่เล็ก ๆ เจ้าหมูตัวนั้นก็เลยกลายเป็นพระราชา มีเด็ก ๆ เป็นร้อยช่วยกันเลี้ยง ...(หัวเราะ)... วัตถุประสงค์ตอนแรกคือเลี้ยงไว้ทำอาหาร แต่พอเลี้ยงแล้วไม่มีใครกล้าทำอะไร เจ้าหมูก็เลยโตขึ้นทุกวัน ๆ ความจริงเขามีเจ้าภาพทอดผ้าป่าของปีนี้อยู่แล้ว แต่ที่กลายเป็นวัดท่าขนุนก็เพราะในเรื่องของเชื้อไวรัสโควิดระบาดนี่แหละ เขาบอกว่า "เจ้าภาพถอนตัวกันหมด ไม่มีใครมาทอดผ้าป่า ก็เลยต้องรบกวนหลวงพ่อหน่อย" อาตมาก็บอกว่ารบกวนก็รบกวน รบกวนหลวงพ่อ หลวงพ่อก็รบกวนโยมต่อ..! เลยบอกให้ไอ้ตัวเล็กไปเปิดกระทู้ให้โยมได้ทำบุญกัน ...(หัวเราะ)..." |
พระอาจารย์กล่าวว่า "ในชีวิตของอาตมาเห็นอยู่รายสองรายเท่านั้นที่อายุ ๘๐-๙๐ ปีแล้วหลังยังตรงเป๊ะเลย หมอบอกว่าเป็นกระดูกสันหลังเสื่อม แต่ว่าเสื่อมด้านหลัง ก็เลยเอนไปแล้วตัวตรงเป๊ะพอดีเลย
แต่ว่าสำหรับพระนักปฏิบัติ ถ้าเป็นรุ่นเก่า ๆ ครูบาอาจารย์สอนตามหลักวิสุทธิมรรค อายุมากแค่ไหนก็ต้องนั่งตัวตรง พวกเราจะสังเกตรูปถ่ายอย่างหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า กระทั่งรุ่นหลัง ๆ อย่างหลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม อายุ ๙๐ กว่าแล้วยังนั่งตัวตรงเป๊ะเลย บาลีเขาบอกไว้ว่า อุชุง กายัง ก็คือตั้งกายให้ตรง ปะริมุขัง สะติง ดำรงสติไว้ข้างหน้า กำหนดความรู้สึกไว้ที่ลมหายใจเข้า กำหนดความรู้สึกไว้ที่ลมหายใจออก ทีฆัง วา อัสสะสันโต ทีฆัง อัสสะสามีติ ปะชานาติ พึงสำเหนียกว่าขณะนี้เราหายใจเข้ายาว ก็รู้ว่าหายใจเข้ายาว รัสสัง วา อัสสะสันโต รัสสัง อัสสะสามีติ ปะชานาติ หายใจเข้าสั้นก็รู้อยู่ว่าหายใจเข้าสั้น ทีฆัง วา ปัสสะสันโต ทีฆัง ปัสสะสามีติ ปะชานาติ พึงสำเนียกว่าตอนนี้เราหายใจออกยาว ก็รู้ว่าหายใจออกยาว รัสสัง วา ปัสสะสันโต รัสสัง ปัสสะสามีติ ปะชานาติ หายใจออกสั้นก็พึงกำหนดรู้ว่าหายใจออกสั้น" |
พระอาจารย์กล่าวว่า "ติดวัตถุมงคลไว้อย่าลืมอธิษฐานให้รักษาบ้านรักษาทรัพย์สมบัติเราด้วยนะ พยายามทำไว้บ่อย ๆ ตื่นนอนขึ้นมาให้ภาวนานึกถึงพระจนกำลังใจมั่นคง แล้วอาราธนาวัตถุมงคลรักษาตัวเรา รักษาคนที่เรารัก รักษาทรัพย์สินของเรา ก่อนนอนภาวนานึกถึงพระ อาราธนาวัตถุมงคลรักษาตัวเรา รักษาคนที่เรารัก รักษาทรัพย์สินของเรา ทำบ่อย ๆ ให้ใจเกาะความดีไว้ตลอดเวลา
ถึงจะห่วงทรัพย์ห่วงสมบัติอย่างไร อย่าลืมว่าวัตถุมงคลก็คือรูปพระพุทธเจ้า รูปของพระสงฆ์ผู้เป็นครูบาอาจารย์ อย่างน้อยระลึกถึงพุทธานุสติ สังฆานุสติ ตั้งใจว่าเรานอนลงก็เหมือนกับคนตาย ก็คือเหยียดยาวลงไปแล้ว จะได้ตื่นขึ้นมาเห็นตะวันขึ้นหรือไม่ก็ช่าง ถ้าตายลงไปคืนนี้เราก็ขอไปพระนิพพาน ไปอยู่กับพระพุทธเจ้า ทำกำลังใจแบบนี้ให้ได้ทุกวัน ไม่อย่างนั้นแล้วก็ยังใช้วัตถุมงคลกันไม่ค่อยจะเป็น" |
พระอาจารย์กล่าวว่า "ญาติโยมท่านใดถ้ามีรถเก่าอยู่ให้ทนใช้ไปก่อน อีกสัก ๓ ปี รถไฟฟ้าบ้านเราจะได้รับความนิยมมากขึ้นแล้วเราค่อยเปลี่ยนรถใหม่ ไม่อย่างนั้นตอนนี้ถ้าไปซื้อรถน้ำมันจะใช้ได้แค่ไม่นาน แล้วรถไฟฟ้าเข้ามาก็นั่งร้องไห้กัน อาตมาเองก็รอ รอจนกว่ารถไฟฟ้าจะมา
ความจริงถ้าใจร้อนจะสั่งนอกเลยก็ได้นะ แบบเดียวกับประเทศเขมร รถไฟฟ้าวิ่งกันเกลื่อนเลย สั่งกันเข้ามาเอง ขายกันเองสนุกสนาน ดีลเลอร์ไม่ต้องยุ่งเลย ...(หัวเราะ)... ประเทศเขมรจะว่าไปแล้วก็ก้าวหน้ามาก ช่วงที่อาตมาไป บนถนนรถวิ่งมา ๑๐ คัน เป็นเลกซัส ไป ๔-๕ คัน เขาเรียกว่ารถจ่ายตลาด ...(หัวเราะ)... คำว่า รถจ่ายตลาด คือทุกคนมีใช้ แล้วราคาถูกมาก รุ่นล่าสุดอย่างแพงที่สุดก็แค่ ๙๐,๐๐๐ ดอลลาร์ เป็นเงินไม่เท่าไรเอง บ้านเราเลกซัส ๓.๕ ล้านบาทขึ้นไป ทางด้านโน้นของเขารถราคาถูก แต่ว่าน้ำมันแพง ขนาดตอนที่อาตมาไป น้ำมันเขาลิตรละ ๕๗ บาทกว่า แล้วลองคิดดูว่าเลกซัสใหม่เอี่ยมรุ่นล่าสุดของเขาแค่ ๙๐,๐๐๐ ดอลลาร์ คิดเป็นเงินบ้านเราไม่ถึง ๓ ล้านบาท" |
"เพราะฉะนั้น..สมัยก่อนบ้านเรากลัวเขมรขโมยรถ ก็คือเขาจะขโมยรถยนต์ไปขายฝั่งเขมร พอตอนนี้เขมรกลัวไทยขโมยรถ เพราะว่ารถเขาดีกว่า ...(หัวเราะ)... อาตมาเข้าไปในคอนโด โยมเขาซื้อไว้ ให้ไปดูหน่อยว่าตรงกับภูมิสถาปัตย์ (ฮวงจุ้ย) ที่ดีหรือเปล่า ?
เดินเข้าไป โอ้โฮ...ที่จอดรถมีแต่เลกซัส เรียงเป็นตับเลย...! ต้องบอกว่าเขมรบ้ายี่ห้อเลกซัส เหมือนกับที่จีนบ้ายี่ห้อโฟล์ค แต่ตอนหลังรถจีนออกแบบรถสวย ๆ เยอะแยะไปหมด ถ้าอาตมาบอกว่า MG ที่กำลังฮิตในบ้านเราเป็นรถจีนนี่จะมีใครเชื่อไหม ? ...(หัวเราะ)... ปกติ MG เป็นรถอังกฤษ แต่ว่าโดนจีนเทคโอเวอร์ไปแล้ว จะว่าไปอาตมาก็ใช้เลกซัสนะ ก็คือฟอร์จูนเนอร์รุ่นนี้อยู่ที่ประเทศจีนเขาติดยี่ห้อเป็นเลกซัส เพราะว่าเป็นโตโยต้าเหมือนกัน แค่เอาบอดี้เมืองไทยไปใช้ที่โน่นแล้วเปลี่ยนเป็นเลกซัส ก็เท่ากับเป็นรถอีกยี่ห้อหนึ่งแล้ว เรื่องของรถเป็นพาหนะอำนวยความสะดวก สำหรับอาตมาแล้วไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ สมัยก่อนนั่งรถเมล์ นั่งสองแถวก็มีความสุขดี ยิ่งสมัยนี้ถ้าวันไหนได้นั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างจะมีความสุขมาก แต่ปรากฏว่าไม่ค่อยได้นั่งแล้ว ขยับเดินเข้าตลาดหน่อยเดี๋ยวก็มีรถจอดรับ เดี๋ยวก็มีรถจอดรับ ต้องบอกว่าไปเถอะ...จะเดิน เอะอะจะไม่ยอมให้อาจารย์เท้าติดดินเลย..! เดี๋ยวคันโน้นจอด เดี๋ยวคันนี้จอด...ผมจะไปส่ง" |
พระอาจารย์กล่าวว่า "มนุษย์เราสร้างความเจริญขึ้นมา แต่ก็มีผลกระทบต่อบรรดาสัตว์ต่าง ๆ ที่เป็นเพื่อนร่วมโลกอย่างมาก อย่างเช่นว่าการสร้างถนน บรรดาสัตว์ต่าง ๆ ที่ข้ามถนน ด้วยความไม่เคยชิน เพราะว่าเคยเดินแต่ด่านสัตว์ในป่า ก็มักจะโดนรถชนตายหรือบาดเจ็บ สร้างตึกสูง ๆ บรรดานกต่าง ๆ ก็บินชนตึกตายกันมาก
ตอนแรกอาตมาก็สงสัยว่าทำไมนกบินชนตึก พอดูที่วัดตอนนกบินชนกระจกแล้วตกลงมาตาย เพิ่งจะรู้ว่าในสายตาของนกก็คือเห็นเป็นป่าเขียว ๆ อยู่ในกระจกไกลมาก ก็บินไปเต็มที่ ปรากฏว่าไม่ใช่ป่า แต่เป็นกระจกที่สะท้อนป่าเข้าไป ส่วนตึกสูงก็สะท้อนเห็นเป็นท้องฟ้า นกคิดว่าท้องฟ้าไกล ๆ ก็บินเข้าไป เหมือนกับที่หลายท่านเวลาเดินเข้าร้านอาหารญี่ปุ่นแล้วจะชนกระจกเขาแตก เพราะว่าร้านอาหารญี่ปุ่นส่วนใหญ่เล็ก ๆ แคบ ๆ แต่ว่าตกแต่งร้านด้วยกระจกเพื่อให้ดูกว้างขวางขึ้น" |
"เราเป็นคนมีวิจารณญาณ มีสมองที่ใหญ่ที่สุดเมื่อเทียบกับน้ำหนักตัว ยังหลงจนเดินชนกระจกกันได้ พวกสัตว์ก็เหมือนกัน โดยเฉพาะบรรดาคลื่นความถี่วิทยุ โทรทัศน์ โทรศัพท์ ผลกระทบที่ชัดเจนที่สุดก็คือพวกปลาวาฬ ปลาโลมา เพราะว่าระบบนำร่องโดนคลื่นหลอก คิดว่าเป็นคลื่นของพวกเดียวกัน หรือคลื่นที่ตัวเองส่งสะท้อนกลับมาบอกว่ายังอีกไกล ก็ว่ายน้ำตรงเข้าไปแล้วก็ไปเกยตื้น แล้วคนก็มาสงสัยกันว่าเป็นเพราะอะไร อาตมามั่นใจว่าบรรดานักวิจัยรู้กันหมดแล้ว แต่พูดไม่ได้ว่าเป็นผลจากเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ เพราะว่าถ้าพูดไปโทรศัพท์มือถือขายไม่ได้ ตัวเองอาจจะโดนเหยียบจมธรณี..!
เพราะฉะนั้น..สิ่งที่เราทำกันอยู่นอกจากกระทบกับเพื่อนร่วมโลกอย่างสัตว์ต่าง ๆ แล้ว ยังมีผลกระทบต่อดินฟ้าอากาศต่าง ๆ ไปด้วย อย่างเช่นการเผาป่า เมื่ออากาศร้อนยกตัวสูงขึ้น อากาศเย็นจากที่อื่นก็จะไหลเข้ามาแทน ถ้าเผาป่าเป็นจำนวนมาก อากาศที่ไหลเข้ามามีมวลอากาศกว้างมากและแรงมาก ก็เกิดเป็นพายุฤดูร้อน เราจะเห็นว่าบรรดาพายุเฮอร์ริเคน ไซโคลน ไต้ฝุ่น ดีเปรสชัน โซนร้อนต่าง ๆ เกิดถี่ขึ้นมากขึ้นทุกที ต้องบอกว่าพวกเรากำลังทนรับในสิ่งที่พวกเราทำกันเอง" |
พระอาจารย์กล่าวว่า "เขาเล่าว่าท่านอาจารย์เซ็นคุยกับลูกศิษย์ที่ชายหาด ท่านอาจารย์เอาไม้เท้าขีดเส้น ๒ เส้นลงบนพื้นทราย ให้เส้นที่สองสั้นกว่าเส้นแรก แล้วบอกกับลูกศิษย์ว่า ทำอย่างไรจะให้เส้นที่สองยาวกว่าเส้นแรก ? ลูกศิษย์ก็เอาเท้าลบเส้นแรกออกไปเสียครึ่งหนึ่ง ท่านอาจารย์บอกว่าใช้ได้ แต่ในชีวิตนี้อย่าไปทำแบบนี้กับใครอย่างเด็ดขาด ถ้าอยากให้เส้นที่สองยาวกว่าเส้นแรก คุณก็ขีดเส้นที่สองต่อออกไปเท่านั้นเอง เหมือนกับการดำเนินชีวิตของเรา อย่าไปทำลายคนอื่นเพื่อให้ตัวเองก้าวหน้ากว่า แต่ให้เพิ่มความสามารถของตัวเองให้มากกว่าเพื่อที่จะแซงหน้าเขา
ฟังดูแล้วรู้สึกว่าท่านอาจารย์ก็ให้อะไรลูกศิษย์มหาศาลมาก โดยปกติของคนทั่ว ๆ ไปก็มักจะทำแบบนั้น ก็คือเหยียบหัวคนอื่นขึ้นไป แต่ว่าบุคคลที่มีใจคอที่กว้างขวาง ไม่สกัด ไม่ขัดขวาง ไม่เหยียบย่ำคนอื่น มีแต่จะเพิ่มขีดความสามารถของตัวเองเพื่อให้เหนือกว่าคนอื่นไปเอง" |
พระอาจารย์กล่าวว่ากับโยมคนหนึ่ง "บางทีอย่างท่านเจ้ากรมฯ อาจจะรู้สึกว่าตัวเองขึ้นสู่ตำแหน่งช้าไปนิดหนึ่ง ก็คือจะต้องมีเด็กเส้น จะต้องมีพวกประเภทโฉบมาตัดหน้าเราไปหลายยก เรื่องพวกนี้อาตมาเองไม่เห็นความสำคัญมาตั้งแต่ตอนเป็นทหารแล้ว เพราะว่าอะไรที่เป็นของเรา ถ้าถึงวาระก็ต้องมา ที่เมื่อครู่ได้กล่าวไปว่า อย่าไปเหยียบย่ำใคร อย่าไปสกัดใคร แต่ให้เพิ่มความสามารถของตัวเองให้เหนือกว่าคนอื่นเขา เดี๋ยวผู้บังคับบัญชาเขาก็จะเห็นเอง
ตั้งแต่เจ้าคณะอำเภอด่านมะขามเตี้ยว่างลง ทางหลวงพ่อวัดท่ามะขามที่เป็นเจ้าคณะจังหวัดจะให้อาตมาเป็นแทน อาตมาบอกว่ายังไม่เอา พอเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิว่างลงครั้งแรก ท่านจะให้อาตมารักษาการ ก็บอกว่าไม่เอา จนกระทั่งท่านอื่นเป็นเจ้าคณะอำเภอแซงหน้าไป ๒ ท่านแล้ว ตำแหน่งรองฯ อำเภอมาถึงก็ยังไม่เอาอีก มีคนถามว่า "ทำไมพระอาจารย์เล็กไม่เอา ?" ก็บอกไปว่า "รองฯ อำเภอท่านอายุตั้ง ๗๐ ปีแล้ว ท่านเป็นจนเกษียณคือ ๘๐ ปี ผมยังอายุไม่เท่าท่านตอนนี้เลย แล้วผมจะรีบไปแย่งท่านทำไม ? เพราะว่าตำแหน่งมาพร้อมกับหน้าที่ คือภาระงานที่เพิ่มขึ้น ผมไม่ได้อยากจะเหนื่อยเร็ว" แล้วอีกอย่างหนึ่งพอเราเปิดทางให้คนอื่นเขาเป็น ก็เกิดความรักใคร่สามัคคีกันขึ้น เพราะว่าไม่แย่งตำแหน่งกัน ทุกวันนี้เวลาคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิไปไหน อำเภออื่นเขาอิจฉาทั้งนั้น เพราะว่าอำเภอ รองฯ อำเภอ เจ้าคณะตำบล ไปกันชนิดที่เรียกว่าดาหน้ากันไปรักใคร่กลมเกลียว มีแต่คนถามว่าทำไมรักกันขนาดนี้วะ ? อ๋อ..อะไรถ้ารู้จักแบ่งกัน ไม่แย่งกันก็รักกันได้ แต่ว่าเรื่องแบบนี้สำหรับคนบางประเภทเขาเห็นว่าเราโง่ แต่อาตมาบอกว่าขอโง่แบบนี้แหละ จะได้เหนื่อยช้าหน่อย เพราะว่าถ้ารีบเป็นก็ต้องรีบไปรับภาระ รับภาระเร็วขึ้นกี่ปีก็เหนื่อยมากขึ้นเท่านั้นปี เพราะฉะนั้น..ถ้าเป็นไปได้ก็จะพยายามหนีให้ไกลที่สุด จนกว่าจะปฏิเสธไม่ได้นั่นแหละแล้วค่อยว่ากัน" |
พระอาจารย์กล่าวว่า "วันก่อนมีผู้แจ้งจับพระบิณฑบาต โดยบอกกับโยมว่ารับเป็นเงินอย่างเดียว ปรากฏว่าพอเจ้าหน้าที่ไปถึงก็แกล้งทำเป็นชักดิ้นชักงอ สลบไสล ไม่พูดไม่คุยด้วย แม้กระทั่งโดนจับสึกใส่ชุดขาวแล้วก็ยังแกล้งทำสลบให้เขาหามไป พิสูจน์ยืนยันแล้วปรากฏว่าเป็นพระสังกัดวัดหนองกุ่ม อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี ตอนนี้ในไลน์ของคณะสงฆ์เมืองกาญจน์เขาก็แจ้งกันทั่วแล้ว ว่ารายนี้ประมาณว่าดื้อด้าน ว่ายากสอนยาก ไม่เคยฟังพระอุปัชฌาย์อาจารย์ ไม่เคยฟังเจ้าอาวาส ดังนั้น..ถ้าหากว่าไปขอบวชใหม่ที่วัดไหน พระอุปัชฌาย์อาจารย์ในเขตจังหวัดกาญจนบุรีอย่าได้ทำการบวชให้อีก
เรื่องพวกนี้ต้องบอกว่ามีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้ว พระพุทธเจ้าถึงได้ตรัสว่า เรื่องของการบัญญัติศีลนั้นเพื่อกดข่มบุคคลผู้เก้อยาก ภาษาบาลีท่านว่า ทุมมังกูนัง ปุคคะลานัง นิคคะหายะ แล้วก็ต่อด้วยว่า เปสะลานัง ภิกขูนัง ผาสุวิหารายะ แปลว่า นอกจากกดข่มบุคคลผู้เก้อยากแล้ว เจตนาการบัญญัติพระวินัยก็เพื่อความอยู่เป็นสุขของพระสงฆ์ทั้งหลายผู้มีศีลอันเป็นที่รักด้วย คำว่า ผู้เก้อยาก เป็นการแปลไทยแบบบาลีเลยฟังยาก ถ้าแปลไทยเป็นไทยก็คือ ไอ้พวกหน้าด้าน..! ...(หัวเราะ)... ก็คือบุคคลประเภทนี้ไม่สามารถที่จะใช้คำพูดหรือการกระทำใด ๆ ทำให้เขาสะดุ้งสะเทือนได้ เขาก็ถือว่าเป็นความผิดเพียงเล็กน้อย ถ้าหน้าด้านทำไปก็คือได้เงินได้ทองมา โดนจับสึกโดนอะไรเดี๋ยวก็บวชใหม่ได้ เพราะว่าไม่ใช่อาบัติหนักถึงขนาดขาดความเป็นพระแล้วบวชใหม่ไม่ได้ บุคคลประเภทนี้อยู่ที่ไหนก็สร้างความเสียหายให้กับคณะสงฆ์ที่นั่น เหมือนกับสนิมเหล็กที่กินจากเนื้อใน ก็จะทำให้โครงสร้างหลักที่เป็นเหล็กโดนทำลายลงได้ในระยะเวลาอันไม่นาน" |
พระอาจารย์กล่าวว่า "ระยะนี้พี่น้องชาวจีนไปทำบุญให้บรรพบุรุษ ที่เรียกกันตามภาษาแต้จิ๋วว่า เช็งเม้ง หรือถ้าจีนกลางเรียกว่า ชิงหมิง
คราวนี้วันเช็งเม้งที่เป็นประวัติศาสตร์เลย ก็คือเช็งเม้งของปีพ.ศ. ๒๕๑๙ นายกรัฐมนตรีโจวเอินไหลของประเทศจีนถึงแก่อสัญกรรม ที่จำได้แม่นเพราะว่าหลังจากท่านถึงแก่อสัญกรรมประมาณเดือนเศษ ๆ อาตมาก็จบชั้นมัธยมศึกษา นักเรียนสมัยนั้นต้องเรียนภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ แล้วต้องโดนบังคับให้ท่องจำรายชื่อของบรรดาผู้นำประเทศต่าง ๆ ที่สำคัญ ๆ ในช่วงนั้น แม้กระทั่งเลขาธิการสหประชาชาติในยุคนั้นคือนายเคิร์ท วัลไฮม์ ก็ยังต้องท่องจำด้วย นายเคิร์ท วัลไฮม์ ประกาศให้สหประชาชาติลดธงครึ่งเสา เพื่อไว้อาลัยและแสดงความเคารพต่อนายกรัฐมนตรีโจวเอินไหลของประเทศจีน โดยให้เหตุผลว่าประเทศจีนมีประชากรเป็นพันล้าน ถ้าเป็นนายกรัฐมนตรีประเทศอื่นก็คงจะร่ำรวยกันจนกระทั่งนับเงินไม่ไหว แต่นายกรัฐมนตรีโจวเอินไหลถึงแก่อสัญกรรมโดยไม่มีเงินฝากแม้แต่หยวนเดียว และท่านนายกรัฐมนตรีไม่มีทายาทแม้แต่คนเดียว..! นายเคิร์ทบอกว่า ถ้าผู้นำประเทศไหนคิดว่าตนเองถึงเวลาเสียชีวิตแล้ว ต้องการให้สหประชาชาติลดธงครึ่งเสาให้ ก็ทำตามกติกาสองข้อนี้ ถ้าทำได้ยินดีลดธงครึ่งเสาให้ทันที ก็คือไม่มีเงินฝากแม้แต่บาทเดียว และไม่มีทายาทแม้แต่คนเดียว ทำงานเพื่อประเทศชาติจนไม่มีเวลาที่จะมีครอบครัว..!" |
"เพราะฉะนั้น..การที่คนจีนแสดงความไว้อาลัยต่อผู้นำในเทศกาลเช็งเม้งปี พ.ศ. ๒๕๑๙ จึงเป็นเช็งเม้งที่ยิ่งใหญ่มาก ส่วนบ้านเราเช็งเม้งคือเทศกาลรถติด โดยเฉพาะชลบุรีและสระบุรี เนื่องจากว่ามีสุสานที่คนจีนเชื่อว่าฮวงจุ้ยดี ฝังศพอยู่ที่นั่นแล้วลูกหลานจะเจริญรุ่งเรือง แล้วบรรดาลูกหลานก็น่าจะเจริญรุ่งเรืองจริง ๆ พอถึงเวลาต่างคนต่างก็ขับรถไปเซ่นไหว้บรรพบุรุษ รถติดกันยาวหลาย ๆ กิโลเมตร..!
ช่วงนั้นประเทศต่าง ๆ ในโลกยังมีไม่มากเท่าทุกวันนี้ แม้แต่รัสเซียก็ยังเป็นประเทศเดียวกัน ไม่ได้แบ่งออกเป็นรัสเซีย ยูเครน ลัตเวีย ลิทัวเนีย คีร์กีซสถาน ทาจิกิสถาน อุซเบกิสถาน อย่างทุกวันนี้ ซึ่งปัจจุบันนี้หลายประเทศชื่อเก่า ๆ ก็สาบสูญไปแล้ว อย่างโรดีเซีย คองโก เปลี่ยนชื่อประเทศกันไปเลย ซึ่งอาตมาเคยบอกเกี่ยวกับคนที่เปลี่ยนชื่อตัวเอง ว่าให้เปลี่ยนความประพฤติแล้วทุกอย่างจะดีขึ้น ไม่ใช่เปลี่ยนชื่อ บรรดาผู้นำประเทศที่เปลี่ยนชื่อประเทศโดยหวังว่าประเทศจะดีขึ้นก็เหมือนกัน ถ้าคนในประเทศสามารถเปลี่ยนแปลงความประพฤติได้ ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง ทุกวันนี้ถ้าบอกเด็กรุ่นใหม่ว่าประเทศโรดีเซีย เชื่อเถอะ..ไม่เคยได้ยินหรอก โรดีเซียตอนหลังเปลี่ยนชื่อประเทศเป็นซิมบับเว" |
ถาม : พี่สาวผมที่อยู่เมืองนอกได้ฉีดยาป้องกันโควิดแล้วนะครับ บ้านเรายังไม่ถึงไหนเลย ?
ตอบ : บ้านเรามัวแต่ต่อรองว่า "ถ้าซื้อของคุณแล้วผมจะได้เท่าไร ?" ถ้าหากว่าปล่อยให้เอกชนเขาซื้อ ป่านนี้ท่วมประเทศไปแล้ว..! |
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้บ้านใกล้เรือนเคียงของเราคือประเทศพม่า กำลังมีการปราบปรามชาวบ้านที่ออกมาประท้วงรัฐบาลเผด็จการที่มาจากการปฏิวัติของทหาร มีการเข่นฆ่ากันตายเป็นร้อย ๆ ศพ ต้องบอกว่าตายจนโลกตะลึง เพราะว่าพม่าไม่ได้สนใจโลก เนื่องจากว่าเคยปิดประเทศ ไม่คบค้าสมาคมกับใครอยู่หลายสิบปีก็ยังอยู่มาได้
คราวนี้ในการที่ไล่ฆ่าไล่ฟันกัน ก็จะมีประชากรจำนวนหนึ่งทะลักไปยังประเทศเพื่อนบ้านเพื่อหลบภัย เพื่อนบ้านที่เขาหนีมามากที่สุดก็ประเทศไทยของเรานี่เอง ซึ่งจะว่าไปแล้วก็เป็นความละเอียดอ่อนทางการเมือง ก็คือถ้าไม่รับไว้ก็ขาดมนุษยธรรม ถ้าหากว่ารับเอาไว้ก็ขัดใจกับเพื่อนบ้าน แต่ว่าโดยมนุษยธรรมแล้วก็ต้องรับไว้ อนุเคราะห์สงเคราะห์กันไปตามกฎบัตรสหประชาชาติและมนุษยธรรม ก็คือดูแลให้มีที่อยู่ที่กิน มีการรักษาพยาบาลในระดับหนึ่ง แต่คราวนี้เชื้อโควิดในประเทศพม่าระบาดรุนแรง เกรงอยู่อย่างเดียวว่า จะตามชาวบ้านมาด้วย..! ดังนั้น..ถ้าหากว่ามีค่ายกักกันผู้อพยพก็จำเป็นที่จะต้องตรวจคัดกรองกันอย่างเข้มงวด ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวก็จะเหมือนสถานที่กักตัวของบ้านเรา ที่ติดเชื้อกันเกือบหมด ...(หัวเราะ)... ต้องบอกว่าขายขี้หน้าจริง ๆ เอาเขามากักกันเพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาด ปรากฏว่าแพร่จนกระทั่งคนที่โดนกักกันติดเชื้อกันเกือบทั้งหมด" |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 09:09 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.