![]() |
พระอาจารย์กล่าวว่า "คำว่า ซากุไร มาจากภาษาอังกฤษว่า สกรูไดรเวอร์ คือ ผู้นำเกลียว คราวนี้คนไทยฟังไม่ชัด จึงเรียกเป็นซากุไร ยังดีไม่ฟังเป็นซามูไร คนทั่ว ๆ ไปเขาเรียกว่า ไขควง ซึ่งก็มาจากคำว่าสกรูไดรเวอร์นั่นแหละ ผู้นำเกลียว เกลียวก็ควง ๆ
ภาษาไทยก็อย่างที่ว่านั่นแหละ เรียกเอาตามสบายใจ สกรูไดรเวอร์ก็เลยกลายเป็นซากุไร ภาษาเก่า ๆ มาถามได้ อาตมาค้นยันรากศัพท์ทุกคำ อยู่ ป.๒ อ่านหนังสือหมดไปหนึ่งห้องสมุด อยู่ ป.๕ หมดไปอีกหนึ่งห้องสมุด อยู่ ม.ศ.๒ หมดไปอีกหนึ่งห้องสมุด เล่มไหนคนไม่อ่านก็จะยืมเล่มนั้น อ่านมาเยอะ ก็เลยพอที่จะเข้าใจคำเก่า ๆ อยู่บ้าง" |
ถาม : หลวงพ่อทำใจอย่างไรครับ ในเรื่องงานศาสนา คนอื่นไม่ทำแต่เราทำ ?
ตอบ : ของแบบนี้เราจะต้องมองภาพรวม คำว่า ภาพรวม ก็คือ สิ่งที่เราทำเป็นความเจริญของพระศาสนา ไม่ใช่ที่ใดที่หนึ่ง พระพุทธศาสนาไม่สามารถจะไปได้ ถ้าคุณเด่นอยู่คนเดียว ในเมื่อเราแข็งแรงพอ ต้องช่วยลากเพื่อนฝูงไปด้วย ถ้าหากว่าใครยังมองอยู่แค่วัดตัวเอง ยังมองแค่ตัวเอง ก็ไม่ใช่งานพระศาสนาครับ ยังทำเพื่อตัวเองอยู่ก็เจริญยาก |
พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมากำลังสะสมน้ำหนักได้เพิ่มมา ๒ กิโลกรัม ป่วยทีเดียวหายไป ๒ กิโลกรัมครึ่ง ขาดทุนอีกแล้ว ดวงเป็นอย่างนี้มาตลอด เดี๋ยวต้องตั้งใจใหม่ว่าจะไม่อ้วนแล้ว ทุกวันนี้ที่อยากอ้วน เพราะว่าเวลาไปนั่งกับเพื่อนฝูง รู้สึกจ๋องมากเลย ผอมกะหร่องอยู่คนเดียว
วงการสงฆ์ภาค ๑๔ ทั้งสี่จังหวัดเขาแซวกันทุกวัน "มึงอย่าไปอยู่ทองผาภูมินะ" เขาถามว่าทำไม ? "มึงดูรองอำเภอ ฯ ทั้ง ๒ รูปสิ..ผอมขนาดนั้น ไปก็ไม่มีอะไรจะกินหรอก..!" หลวงพ่อวัดเขื่อนฯ ท่านก็ผอม อาตมาก็ผอม มีแต่เจ้าคณะอำเภอ ที่พอจะมีเนื้อมีหนังไปอวดเขาได้ ถึงเวลาเจ้าคณะอำเภอท่านเดินหน้า พวกเรา ๒ คนเดินตาม ก็โดนบังมิดทั้งคู่ ฉะนั้น...ตั้งใจว่าจะไม่อ้วนแล้ว จะได้อ้วนสักที ตั้งใจว่าจะอ้วน ตะเกียกตะกายมาจะ ๔๐ ปียังไม่ได้สักที ๒๐ พรรษาแรกได้มาแค่ ๒ กิโลกรัม สรุปว่า ๑๐ ปีได้หนึ่งกิโลกรัม โยมเจอหน้าแล้วถาม ทำไมท่านรักษาหุ่นแท้ ? ไม่ได้รักษาหรอก ถ้าโยมเห็นอาตมาฉันแล้วจะตกใจ ที่คนรุ่นเก่า ๆ เขาบอกว่า "กินเหมือนยัดกระสอบ" แล้วทำไมถึงไม่อ้วน ? อ๋อ...ทำงานให้เยอะเข้าไว้ ทำให้มากกว่าที่กิน เดี๋ยวก็ผอมไปเอง" |
ถาม : เวลาเราทำความชั่ว เราให้อภัยตัวเองไม่ได้ รู้สึกซึมเศร้า เรามีวิธีไหนที่จะให้อภัยตัวเองได้คะ ?
ตอบ : ไม่ต้องให้อภัยตัวเอง ให้เราคิดว่า ถ้าสติสัมปชัญญะของเราสมบูรณ์ เราต้องไม่ทำเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว ธรรมดาของคนที่สติสัมปชัญญะยังไม่สมบูรณ์ก็ย่อมมีผิดพลาดได้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เราจะไม่ให้พลาดอย่างนั้นอีก |
ถาม : ตอนนี้ทุกอย่างดีขึ้นมาก เช่น เรื่องงาน กลายเป็นว่าเราทำกรรมฐาน แทนที่เราอยากไปพระนิพพาน เรารู้สึก.... หนูรู้สึกว่าไม่โอเคค่ะ ?
ตอบ : ไม่ต้องกลัว เพราะว่าท้ายสุดท่านก็จะนำเราไปนิพพานเอง ตอนนี้อาจจะเลี้ยวนั่นเลี้ยวนี่บ้าง ก็เลี้ยวไปก่อน เพราะว่าความมั่นคงในชีวิตของเราต้องมี เรื่องที่เราปฏิบัติธรรมถึงจะสะดวก |
ถาม : ช่วงนี้อาการของคุณแม่ทรุดลงไป พอจะช่วยอะไรได้บ้างครับ ?
ตอบ : เปิดเสียงสวดมนต์ให้ฟังไปเรื่อย ๆ พี่ชายของอาตมาก็รอดเพราะเสียงสวดมนต์นี่แหละ แล้วก็ไปดีด้วย เพราะว่าฟังจนเป็นสมาธิ ตอนแรกบรรดาพี่สะใภ้กับลูกของเขาบอกว่า "เตี่ยมองอะไรไม่เห็นแล้ว" ก็บอกว่ามองไม่เห็นไม่เป็นไร เพราะว่าหูยังได้ยิน ตอนแรกที่เขาเปิด ส่วนใหญ่เป็นวีดีโอของหลวงพ่อวัดท่าซุงเทศน์ให้ฟัง ก็เลยบอกว่าบางทีการที่ฟังเทศน์สำหรับคนบางคน กำลังใจยังไม่พอที่จะคิดตามได้ ฟังไปมาก ๆ อาจจะกลุ้ม เพราะฉะนั้น..ให้เปลี่ยนเป็นเสียงสวดมนต์แทน เขาก็เลยเปิดเสียงสวดมนต์ให้ คราวนี้หลาน ๆ เขาบอกว่า เขาลองดูว่าเตี่ยจะตั้งใจฟังไหม ? พอปิดปุ๊บ เขาจะขยับตัวเลย แสดงว่ายังได้ยินอยู่ ยังตั้งใจฟังอยู่ ก็เปิดต่อให้ฟัง สรุปว่าตายแล้วไปดี เพราะว่าใจเกาะเสียงสวดมนต์จนเกิดสมาธิขึ้นมาเอง แต่ว่าตอนที่เปิดเสียงเทศน์นี่คิดตามไม่ค่อยได้ เพราะว่าอาการเจ็บปวดมีเยอะ คนเป็นมะเร็งก็จะเจ็บมากอยู่แล้ว |
ของพวกนี้ต้องรู้จักสังเกต แล้วก็ต้องบอกว่าอาตมาก็โชคดี อย่างพี่ประสิทธิ์ก็เป็นมะเร็ง อยู่โรงพยาบาล ผอมดำดูไม่ได้ อาตมาไปเตือนให้เขานึกถึงของเก่า จำได้ไหม ? เมื่อ ๓๐ ปีก่อน พี่เคยไปปฏิบัติมาถึงตรงนี้ ๆ เขากำหนดใจตามไปพักหนึ่งก็จำได้ เออ..นั่นแหละ รักษากำลังใจตรงนั้นเอาไว้ ถ้าหากว่าปล่อยจากตรงนั้นก็ตั้งใจเลยนะว่าเราไม่เกิดแล้ว ขอไปพระนิพพานที่เดียว
ปรากฏว่าพอกำลังใจเกาะตรงจุดนั้นได้ เหมือนอย่างกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย หน้าตาดูผ่องใสมีสง่าราศีขึ้นมาทันที เพราะว่ากำลังใจเก่าฟื้นคืนมาได้ ก็กระซิบกับคนเฝ้าไข้ว่า อาการนี้โบราณเขาว่าใกล้จะตายแล้วนะ โบราณเขาบอกว่า ถ้าเห็นหน้า..หน้านวลก็จวนตาย พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า วันที่พระองค์ท่านงามที่สุดมี ๒ วาระ คือวันตรัสรู้กับวันปรินิพพาน แล้วก็จริง ๆ สักพักเดียวก็ไป แล้วก็มาพี่สาว พี่อรทัยนี่ไม่ต้องห่วงเลย เพราะว่าไปวัดปฏิบัติธรรมเป็นปกติ แล้วอยู่ ๆ ก็ล้มตึงไปเลย ก็คือกำลังจะเข้าปฏิบัติธรรมช่วงเช้า ลูกก็พาวิ่งไปหาหมอ แต่ไม่ทันแล้ว แล้วก็มาพี่วิเชียรคนนี้ อาตมาไปเยี่ยมเขาก่อน ถึงได้แนะนำให้เขาทำโน่นทำนี่ได้ สรุปแล้วพี่น้องอาตมา ๑๓ คน ตอนนี้เหลือแค่ ๘ คน ชิงไปกันก่อน ๕ คนแล้ว |
คราวนี้มีอยู่อย่างหนึ่งก็คือว่า พวกเราอธิษฐานปรารถนาพระนิพพานกันไว้ คนที่จะไปพระนิพพานต้องมีความเข้าใจในทุกข์อย่างแท้จริง จนกระทั่งหมดความอยากที่จะเกิด คราวนี้ถ้าเราตั้งใจไปพระนิพพาน แต่ไม่ยอมพิจารณาทุกข์ บางทีก็จะโดนบังคับให้ทุกข์ เพื่อที่จะได้ตัดร่างกาย วางร่างกายนี้ได้
สำหรับอาตมาเอง โยมไม่ต้องห่วงหรอก เวลาป่วย หัวถึงตีนมีตรงไหนที่ไม่เจ็บบ้าง ? นี่หาไม่ได้เลย เห็นชัด ๆ ว่าร่างกายนี้เป็นทุกข์ ถ้าญาติโยมไม่อยากโดนบังคับให้เป็น ต้องพิจารณาให้เห็นเป็นปกติว่า ร่างกายนี้มีแต่ความทุกข์ ขึ้นชื่อว่าเกิดมาทุกข์เช่นนี้เราไม่ต้องการอีกแล้ว เราต้องการพระนิพพานที่เดียว ซ้อมบ่อย ๆ ทำบ่อย ๆ จนเห็นเป็นปกติ เห็นอะไรก็ไม่มีอะไรเหลือดีให้เรายึด ทุกอย่างจะจืดหมด พอกันแค่นี้ ถ้าอารมณ์ใจแบบนี้เกิดขึ้น โอกาสที่เราจะพ้นทุกข์มีแล้ว แต่ถ้าหากว่าบอกว่าขอพระนิพพานชาตินี้ ขอพระนิพพานชาตินี้ แต่ไม่ยอมพิจารณาทุกข์แล้วละก็...โปรดระวังไว้ พี่ของอาตมาโดนมา ๒ คนแล้ว มะเร็งกินงอมพระรามเลย กว่าที่จะนึกถึงทุกข์ได้..! |
หมอเขาบอกว่าทุกคนมีเชื้อมะเร็งอยู่ในตัว เว้นแต่ว่าจะอาละวาดหรือเปล่า เพราะฉะนั้น..ก็อย่าให้อาละวาดได้ มะเร็งชอบเนื้อสัตว์กับของหวาน อะไรที่เป็นเนื้อก็อย่ากินมาก อะไรที่เป็นของหวานก็อย่ากินมาก
|
ถาม : สมัครงานใหม่ จะมาขอพรพระอาจารย์ค่ะ ?
ตอบ : สมัครงานช่วงนี้ อย่างไรก็ขอให้ผ่านนะ หางานใหม่ช่วงโควิดนี่สาหัสมาก มีงานเก่าก็ทน ๆ ทำไปก่อนเถอะ แล้วจะรู้ว่าโชคดีที่เรายังมีงานทำ |
พระอาจารย์กล่าวว่า "เฉพาะเงินชนวนที่สร้างสมเด็จองค์ปฐมมหาสะท้อน คิดออกมาเป็นเงิน ๒,๙๗๖,๑๒๐ บาท นี่ยังไม่ได้คิดค่าฝีมือเขานะ นี่คิดเฉพาะเนื้อเงินเท่านั้น"
|
พระอาจารย์กล่าวว่า "สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานแจกันดอกไม้เยี่ยมนายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นเรื่องที่ต้องบอกว่า คนที่ลงไปคลุกกับงาน จนกระทั่งเกือบจะตัวตาย ซึ่งที่เห็นว่าหายดีขึ้นมา สามารถรับรู้อะไรได้ ไม่ได้แปลว่าจะหายสนิท คนที่เจ็บไข้ได้ป่วยด้วยเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ ส่วนใหญ่ ปอดจะโดนทำลายมาก โอกาสที่จะฟื้นดีเหมือนเดิมนั้นยาก แต่ก็ยังดีใจว่าท่านฟื้นคืนมาได้ในระดับหนึ่ง คือคนที่ทุ่มเทให้กับงานแบบท่านผู้ว่าวีระศักดิ์ไม่ใช่หาได้ง่าย ๆ
บ้านเราผู้ว่าราชการจังหวัดที่มีชื่อติดทำเนียบชนิดที่ว่าชาวบ้านรู้จักในผลงานจริง ๆ มีใคร ? ท่านผู้ว่าฯ หมูป่า..ใช่ไหม ? ท่านผู้ว่าฯ หมูป่าคือ ท่านณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร มีชื่อเสียงจากการทุ่มเทช่วยเหลือทีมฟุตบอลหมูป่าเชียงราย ตอนหลังก็ย้ายไปอยู่จังหวัดพะเยา ปัจจุบันไปอยู่ลำปาง เป็นคนที่ทุ่มเทให้กับงานชนิดตัวตายก็ไม่ว่า มีภาวะผู้นำสูงมาก" |
"แล้วอย่างในปัจจุบันที่เพิ่งจะมีข่าว น่าจะเมื่อวานนี้ ที่ผู้ว่าฯ จังหวัดปทุมธานี ไปร่วมงานบวชของอดีตผู้ต้องขัง ก็คือคนที่ติดคุกมาก่อน ถ้าเป็นโบราณเขาเรียกว่า มาบวชล้างซวย ท่านผู้ว่าฯ ก็ไม่ได้รู้จักมักจี่อะไรด้วย แต่ท่านไปในฐานะที่ให้โอกาสให้กับผู้ที่เคยทำผิด ได้กลับคืนสู่สังคมอย่างสง่างาม ท่านผู้ว่าฯ ชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม จึงไปถือตาลปัตร สะพายบาตรให้ผู้ขอบวช
ต้องบอกว่าบุคคลที่ตั้งใจทำงานแบบนี้ เป็นเพชรในวงราชการของเรา เป็นเรื่องที่สมควรจะมี แต่ก็มีน้อย เรื่องแบบนี้ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับใคร เป็นเรื่องที่ให้กำลังใจในด้านดีเป็นอย่างมาก" |
"เราจะเห็นได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นท่านผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ ท่านผู้ว่าฯ วีระศักดิ์ หรือท่านผู้ว่าฯ ชัยวัฒน์ก็ตาม ท่านจะเป็นตัวอย่างการทำงานให้กับรุ่นหลัง ๆ หรือถ้าท่านมีชื่อเสียงขึ้นมาจากคุณความดีตรงนี้แล้วมีคนเลียนแบบตาม ก็จะเป็นประโยชน์กับสังคมของเราอย่างยิ่ง
อีกท่านหนึ่งก็คือคุณหมอปัญญา หาญพาณิชย์พันธุ์ ที่จังหวัดมหาสารคาม ซึ่งติดเชื้อจากผู้ป่วยไวรัสโควิด-๑๙ จนกระทั่งคุณหมอเสียชีวิตเอง ก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้เป็นกรณีพิเศษ เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นมหาวชิรมงกุฎ เป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ โดยตรง เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นมหาปรมาภรณ์ช้างเผือก ต้องบอกว่า ต่อให้ผู้เสียชีวิตไม่ได้รับรู้อะไร ก็เป็นเกียรติประวัติอย่างยิ่งของวงศ์ตระกูลของตน ถ้าหากว่ายังสามารถรับรู้ได้ ก็คงจะปีติยินดี เพราะว่าสิ่งที่ตนเองทำมา อย่างน้อยก็ได้ปรากฏชัดในสังคม" |
"การทำงานเพื่อสังคม ทำงานเพื่อส่วนรวม โดยมีจิตสำนึกของความเป็นข้าราชการเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วก็มักจะโดนผลประโยชน์ชักนำ จนกระทั่งไหลตามกระแสไป ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ตรัสเอาไว้ว่า ต้องเสียสละประโยชน์ส่วนน้อยของตน เพื่อประโยชน์ส่วนใหญ่ของบ้านเมือง จึงเป็นเรื่องที่ข้าราชการทุกคนพึงตระหนักเอาไว้อย่างยิ่ง"
|
พระอาจารย์กล่าวว่า "ญาติโยมวันนี้มาก็คงจะลำบาก เพราะว่าม็อบเยอะแยะไปหมด ซึ่งอาตมาเองก็ไม่เห็นประโยชน์ว่าจะไปเดินขบวนทำอะไร เพราะว่าบ้านเราเมืองเรา แผ่นดินทุกวันนี้ มีอยู่ได้ก็ด้วยสถาบันพระมหากษัตริย์ สละเลือดเนื้อชีวิตช่วงชิงมา จนกระทั่งพวกเรามีที่อยู่ที่อาศัย แม้แต่โฉนดที่ดินทุกใบก็ระบุเอาไว้ชัดว่า โดยได้รับพระบรมราชานุญาต เพราะฉะนั้น..ที่อยู่ ๆ จะให้มายกเลิกมาตรา ๑๑๒ แล้วจะให้พระมหากษัตริย์ ซึ่งทุกประเทศในโลกที่มีพระมหากษัตริย์ก็มีกฎหมายคุ้มครองทั้งนั้น จะให้บ้านเราอยู่ ๆ ไม่มีกฏหมายคุ้มครอง ให้ท่านลงมาเป็นเหมือนประชาชนธรรมดาทั่วไปนั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้
ถ้าคุณจะอ้างว่า ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ทรงงานไม่ได้เหมือนกับสมเด็จพระบรมชนกนาถ คือในหลวงรัชกาลที่ ๙ คนอ้างก็ปัญญาอ่อน เอาพระมหากษัตริย์ในอดีตจนถึงปัจจุบันของไทยทั้งหมดทุกพระองค์มาเปรียบเทียบกัน ก็ไม่มีใครทรงงานได้เท่าในหลวงรัชกาลที่ ๙ เพราะว่าพระองค์ท่านมีเวลาถึง ๗๐ ปี ไม่ใช่อายุ ๗๐ แต่ครองราชย์นานถึง ๗๐ ปี แล้วพระองค์ท่านทุ่มเทเพื่อประชาชนมาตั้งแต่แรก เราลองนึกดูง่าย ๆ ถ้าคนที่มีพ่อมีแม่เป็นหมอ แล้วทุกคนไปหวังว่าจะให้ลูกเป็นหมอด้วย ลูกจะโดนกดดันขนาดไหน ? แล้วโดยเฉพาะถ้าพ่อแม่เป็นหมอที่เก่งที่สุดในประเทศไทย จนถึงอาจจะเก่งที่สุดในโลก แล้วเราอยากให้ลูกเก่งแบบนั้น จะเป็นไปได้ไหม ?" |
"ส่วนที่อาตมาชื่นชมก็คือ ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ เอ่ยพระปฐมบรมราชโองการว่า "เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป" สิ่งที่ว่ามาก็คือสืบสานผลงานของในหลวงรัชกาลที่ ๙ จะไม่ทิ้งไปไหน ทำตามนั้น จะรักษาผลงานตามแบบในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทำเอาไว้ และถึงขนาดจะต่อยอดถ้าเป็นไปได้
เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ อาตมาเคยชี้ให้ดูตัวน้องชายของอาตมาเอง ก็คือพระครูแสง ตอนที่เรียนปริญญาตรี ด้วยความที่พระครูแสงอยู่กับอาตมา อย่างชนิดที่เรียกว่าพี่น้องคลานตามกันมา ถัดจากอาตมาก็เป็นพระครูแสง เรียนหนังสือก็เรียนด้วยกันมาตลอด แล้วก็โดนอาตมากดอยู่ตลอดมา เพราะอาตมาจะได้ที่ ๑ ประจำ เขาเองก็ต้องยอมเป็นที่ ๒ จนมาเป็นปริญญาตรี อาตมาก็ชวนให้มาเรียนด้วยกัน ท่านบอกว่า "แล้วหน้าอย่างผมจะสู้ใครได้ ?" อาตมาก็เลยบอกกับท่านว่า "มึงจำไว้เลยนะว่า ในโลกนี้มึงแพ้กูคนเดียว" แล้วก็จริง ๆ ด้วย จบปริญญาตรีได้เกียรตินิยมทั้งคู่ ปีนั้นอาตมาได้ที่ ๑ ของประเทศ ท่านได้ที่ ๒ ของประเทศ สรุปว่าทั้งประเทศ ท่านก็ยังแพ้พี่ชายอยู่คนเดียว..! แล้วถ้าใครจะเอาในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ไปเปรียบว่าทรงงานสู้ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ไม่ได้ โปรดคิดเสียใหม่ ถ้าพ่อใครเก่งขนาดในหลวงรัชกาลที่ ๙ แล้วคิดว่าลูกจะทำงานสู้ได้ ช่วยโผล่หน้ามาหน่อย อาตมาอยากจะเห็น...!" |
"โดยเฉพาะในวงการสงฆ์ ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ พยายามล้างความฟอนเฟะในวงการสงฆ์ โดยเฉพาะในเรื่องของสมณศักดิ์ที่มีการช่วงชิงกันมา มีการทุ่มเทกันมา จนมีการกินสินบาทคาดสินบน ปรากฏออกไปจนชาวบ้านส่วนหนึ่งรับกันไม่ได้
ตอนนี้เราจะเห็นชัดว่า พระองค์ท่านตั้งตามอัธยาศัย อาตมาสรุปสั้น ๆ ว่า ถ้าไม่ใช่ฝ่ายปฏิบัติ จนกระทั่งปรากฏความสามารถที่แท้จริง และไม่ใช่ฝ่ายปริยัติ สนับสนุนการศึกษาคณะสงฆ์จนปรากฏขึ้นอย่างแท้จริง มีผลงานเป็นที่ยืนยันได้ ก็อย่าหวังเลยว่าจะได้รับสมณศักดิ์จากพระองค์ท่านง่าย ๆ" |
"ตอนนี้พระองค์ท่านก็ทุ่มเทสนับสนุนด้านการศึกษาคณะสงฆ์อย่างมาก ท่านเจ้าคุณอาจารย์พระเทพวัชรบัณฑิต, ศ.ดร. อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ก็ได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็นเจ้าคุณชั้นเทพ ทั้ง ๆ ที่ติดอยู่ชั้นราชมานาน แล้วก็ปัจจุบันอย่างท่านเจ้าคุณพระธรรมราชานุวัตร หรือที่อาตมาเรียกจนติดปากว่าท่านเจ้าคุณอาจารย์สุทัศน์ ก็ได้รับเลื่อนจากเจ้าคุณชั้นเทพขึ้นเป็นเจ้าคุณชั้นธรรม เป็น ๑ ใน ๓ รูปที่ได้เลื่อนของปีนั้น ในฐานะที่เป็นสำนักเรียนบาลีที่มีผลงานสุดยอดมาก
เราจะเห็นได้ชัด อย่างหลวงปู่วิริยังค์ของพวกเรา หรือที่อาตมาเรียกว่าหลวงพ่อมาตั้งแต่เด็ก ก็เป็นพระฝ่ายปฏิบัติ โดยเฉพาะนำเอาความรู้ความสามารถทางสายหลวงปู่มั่นมาตั้งเป็นสถาบันจิตตานุภาพ เป็นพระมหาเถระที่อายุยืนเป็น ๑๐๐ ปี ก็ได้รับสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระญาณวชิโรดม เพราะฉะนั้น...เราจะเห็นอย่างชัดเจนว่าในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ท่านเน้นทั้งพระปริยัติและพระปฏิบัติ" |
"อย่างวันจันทร์นี้ก็เป็นปรากฏการณ์ใหม่ในวงการสงฆ์ไทย วงการศึกษาบาลีของคณะสงฆ์ ก็คือทรงพระราชทานเลี้ยงนักเรียนที่เข้าสอบบาลีทุกสนามสอบทั่วประเทศ แล้วก็ให้คัดนักเรียนที่เด่น ๆ สนามสอบละ ๒๕ รูป มารับพระราชทานรางวัลพิเศษของพระองค์ท่าน วัดท่าขนุนก็ได้ท่านอินทรปกรณ์ ฐิตสุโภ เป็น ๑ ใน ๒๕ รูปของจังหวัดกาญจนบุรี เข้าไปรับรางวัลด้วย
เรื่องพวกนี้ต้องรอไประยะหนึ่ง ผลงานของพระองค์ท่านถึงจะค่อย ๆ เด่นชัดขึ้น เพราะว่าระยะนี้ก็ยังอยู่ภายใต้เงาของในหลวงรัชกาลที่ ๙ แต่ถ้าก้าวพ้นออกมาเมื่อไร ความเด่นชัดของผลงานปรากฏขึ้นเมื่อไร เราก็จะเห็นเองว่าพระองค์ท่านทุ่มเทให้กับงานพระศาสนาขนาดไหน" |
โยมเอาของมาถวาย "เป็นอย่างไร ? พระอังคารเสวยอายุใช่ไหม ? มาแต่ของมีคม
ถ้าพระอังคารเสวยอายุ ให้ถวายของมีคมให้กับวัดวาอาราม ถ้าหากว่าเป็นพระธุดงค์ก็ถวายมีดโกนไปเลย เขาว่าจะช่วยให้พระอังคารพอใจ แล้วปีนั้นเราก็จะไม่เลือดตกยางออก อันนี้เป็นความเชื่อทางด้านโหราศาสตร์ปนกับทางฮินดู ทางฮินดูเขาก็มีเทพเจ้าต่าง ๆ ต้องบอกว่าฮินดูเก่งมาก สร้างเทวดาได้ กำหนดคุณสมบัติเทวดาขึ้นมา ก็เลยทำให้ไปตรงกับอนุสติที่พระพุทธเจ้าสอน เทวดาก็เลยต้องหาผู้ที่ไปประจำการให้ แต่คนฮินดูนับถือเทวดาประมาณว่าเอาไว้ขอ ขอโน่นขอนี่ พระพุทธเจ้าของเราสอนให้คนทำตัวให้เป็นเทวดาทุกระดับ จนกระทั่งถึงระดับพระวิสุทธิเทพ ก็คือพระอรหันต์" |
พระอาจารย์กล่าวว่า "ระยะนี้ทางด้านวัดวาอารามต่าง ๆ ที่กล้าออกวัตถุมงคลก็แทบจะไม่ค่อยมีเลย แม้กระทั่งกระแสแรง ๆ ระดับไอ้ไข่ก็ร่วงไม่เป็นท่า ติดหนี้ติดสินกันรุงรัง แม้แต่หลวงปู่พัฒน์ วัดห้วยด้วน ด้วยความที่คนไปขอท่านออกวัตถุมงคลมากไป ปีหนึ่ง ๒๐๐ - ๓๐๐ รุ่น ตอนนี้ก็อิ่มตัว ออกมาก็จำหน่ายไม่ได้ คนลงทุนก็หน้ามืดไปตามระเบียบ ส่วนของวัดท่าขนุนไม่ทำอะไร ถ้าพระไม่สั่งก็ไม่ขยับ ช่วยประกันความเสี่ยงได้"
|
พระอาจารย์กล่าวว่า "หาถังน้ำสำรองเก็บน้ำไว้ในบ้านบ้างนะ อย่างน้อย ๆ น้ำไม่ไหล ๒ วัน ๓ วัน เราจะได้มีน้ำใช้บ้าง ของวัดท่าขนุนก็จะทำแหล่งน้ำสำรอง จุดที่มองไว้ก็คือลานธรรม แต่ถ้าทำตรงจุดนั้น ต้นไม้จะเสียหายมาก ก็เลยเปลี่ยนใจใหม่ ไปทำในลำห้วย เพราะว่าลำห้วยลึกเป็นเหวอยู่แล้ว เราก็แค่ขุดให้ได้ขนาดที่ต้องการ แล้วก็หล่อคอนกรีต ถึงเวลาน้ำลงไปเต็ม ก็กลายเป็นแหล่งน้ำสำรองของวัด
ช่วงที่ผ่านมา ท่อหลักของการประปาแตก ทางเทศบาลทองผาภูมิใช้เวลาซ่อมอยู่ ๒ วัน ชาวบ้านเดือดร้อนกันหมด เพราะว่าไม่มีน้ำประปาใช้ ส่วนของวัดท่าขนุนเฉย ๆ เพราะว่ามีถังประปาใหญ่ ๑๒๐ คิวบิกเมตร ถ้าใช้ประหยัด ๆ หน่อยก็อยู่ได้ ๓ - ๔ วัน ระบบที่วัดตั้งเอาไว้ ประมาณช่วง ๕ ทุ่มถึงตี ๒ ไฟฟ้าจะเปิดระบบดูดน้ำขึ้นแทงค์ จะได้ไม่ไปแย่งน้ำชาวบ้านเขา เพราะว่าเวลานั้นก็น่าจะนอนกันหมดแล้ว พอถึงตี ๒ ระบบก็ตัด ถ้าเต็มถังก่อนหน้านั้น ก็จะตัดไปก่อน ช่วงนี้ก็เลยกลายเป็นว่า ถ้าในหมู่บ้านน้ำไม่พอใช้ ทางเทศบาลจะมาขอให้ทางวัดเปิดน้ำเข้าหมู่บ้านให้ด้วย เพราะว่าตอนที่ต่อท่อเชื่อม ทางเทศบาลขออนุญาตทำประตูน้ำทางด้านหมู่บ้านเอาไว้ แล้วก็ขออนุญาตติดตั้งหัวดับเพลิง ถึงเวลาถ้าหากว่าไฟไหม้ทางด้านฝั่งวังท่าขนุน จะได้ไม่ต้องไปวิ่งอ้อมทั้งตลาดเพื่อไปเอาน้ำ สามารถดึงจากทางวัดท่าขนุนโดยตรงได้เลย เพราะว่าถังของเราใหญ่พอ" |
ถาม : เริ่มรวมตัวกันทำธุรกิจเกี่ยวกับเรื่องเงินดิจิทัล ขอคำแนะนำในการเริ่มดำเนินธุรกิจครับ ?
ตอบ : ผันผวนน่ากลัวมาก ตูมเดียวหายเป็นหมื่นเป็นแสนเลย ถ้าไม่โลภมาก ถึงเวลารู้จักยับยั้ง เอาแค่พอสมควร...ก็ไปได้ ไปเก็บแช่ไว้นาน ๆ โปรดระวังไว้ด้วย |
พระอาจารย์กล่าวว่า "สำหรับบรรดาผู้ที่เดินขบวนในปัจจุบัน อาตมานอกจากจะไม่เห็นด้วยแล้ว ยังจะสมน้ำหน้าอีกด้วย เพราะว่าการเดินขบวนที่ถูกต้องก็คือต่อต้านเผด็จการ ถ้าอย่างนี้โลกประชาธิปไตยทั้งโลกจะสนับสนุนคุณ แต่คราวนี้พอเผด็จการเข้ามายึดอำนาจ คุณดันเฮไปต้อนรับเขา ตอนนี้พอเขาไม่ได้ดั่งใจ แล้วจะไปเดินขบวนขับไล่ ก็เหลวไหลเกินไป กลายเป็นกบเลือกนาย ระวังจะไปได้นกกระสามา..!"
|
"ในเรื่องของประเทศพม่า เผด็จการทหารพม่าไม่กลัวโลกคว่ำบาตร เพราะว่าเคยโดนคว่ำบาตรมาหลายสิบปีแล้ว ไม่มีปัญหา สามารถที่จะอยู่ได้ ต่อให้โดนคว่ำบาตรอีก ก็แค่กลับไปเหมือนเดิม ฉะนั้น...พม่าจึงไม่ฟังเสียง เวลามีคนเดินประท้วงก็จะปราบปรามอย่างรุนแรง และที่แน่ ๆ ก็คือ ถ้าหากว่าเป็นคนพุทธเดินขบวน พม่าจะเอาทหารกะเหรี่ยงคริสต์มาปราบ..!"
|
พระอาจารย์กล่าวว่า "ระมัดระวังดูแลตัวเองไปอีก ๒ ปีเป็นอย่างน้อย อย่าเพิ่งหวังว่าโควิด-๑๙ จะไปง่าย ๆ เวลาของเขากับเวลาของเราต่างกันมาก ปักธงลงไปพักเดียว ของเรานี่เจอไปหลายปีเลย..!"
|
พระอาจารย์ถามโยมที่เป็นห่วงว่าท่านไม่สบาย "อาตมาเหมือนคนไม่สบายไหม ? (ไม่เหมือนค่ะ) ไม่เหมือนก็อย่าเชื่อเขาสิ...เรามันบ้า..! ใครเขาจะมานั่งโอดโอยให้คนอื่นเห็น..!"
|
โยมเอาพระผงศีลขันธ์มาถวาย "ทางวัดศีลขันธารามสร้าง ท่านเจ้าคุณสนิทสร้าง แล้วก็ขอหลวงปู่เจ้าคุณนรฯ อธิษฐานจิตให้ ต้องบอกว่าได้ความเป็นธรรมยุตด้วยกัน ก็เลยเกิดวัตถุมงคลชุดนี้ขึ้นมา
ปัจจุบันนี้ราคาก็ไปไกลมากแล้ว ถ้าถามว่าทำไมอาตมารู้ประวัติ ? ก็เพราะว่าอยู่ดูแลหลวงปู่มหาอำพันที่วัดเทพศิรินทราวาสมา ๔ ปี เป็นพระมหานิกายที่ไปอยู่กับธรรมยุตจนเป็นปกติ" |
"ตอนที่หลวงปู่สมเด็จพระวันรัต วัดเทพศิรินทราวาส ยังเป็นเจ้าคุณพระสาสนโศภณ ต้องบอกว่าเป็นรองสมเด็จพระราชาคณะ มาภายหลังก็ขึ้นเป็นสมเด็จพระราชาคณะ เป็นพระที่มีวัตรปฏิบัติสุดยอดมาก บิณฑบาตทุกวัน ไปแค่ประตูวัดก็ยังเอา ท่านอายุมากแล้วเดินไกลไม่ได้ ก็เดินแค่ประตูวัด แล้วบาตรของท่านใหญ่มาก อาตมาใช้บาตรเบอร์ ๘ บ้าง เบอร์ ๘ ครึ่งบ้าง หลวงปู่นิรันดร์ใช้เบอร์ ๙ ญาติโยมนิยมใส่บาตรท่านมาก ถึงเวลาก็มารอกันอยู่หน้าประตูวัด ท่านก็เดินออกไปรับบาตร บอกว่าเดินไกลไม่ได้ ก็ขอเดินใกล้ ๆ
อาตมาไปอยู่ที่นั่น ก็เหมือนกับไปอยู่บ้านของตัวเอง เพราะว่าอยู่กุฏิหลวงปู่มหาอำพัน แล้วหลวงปู่นิรันดร์ท่านก็สั่งพระสั่งเณรในวัดไว้ ว่า ให้ดูแลอาตมาให้ดี ๆ เพราะว่าอาตมาไปโดนท่านเล่นงานหงายท้องมา..!" |
"สมัยก่อน วันอาทิตย์ช่วงเช้าอาตมาจะไปดูแลหลวงปู่มหาอำพัน ช่วงบ่ายไปดูแลแม่ พอถึงวันอาทิตย์หลวงปู่ท่านก็ไล่ให้ไปฟังเจ้าคุณสาเทศน์ "อย่างนี้เลย" ยกหัวแม่มือให้ ๒ ข้าง ท่านคือตำแหน่งพระสาสนโศภณ เรียกสั้น ๆ ว่า เจ้าคุณสาสน์ อาตมาก็ไปแบบเสียไม่ได้ คือถ้าใครเคยฟังหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงเทศน์มา จะรู้สึกว่าองค์อื่นท่านเทศน์แล้วจืดหมด
ปรากฏว่าไปนั่งฟังเทศน์ ท่านก็ว่ายาวไปครึ่งค่อนชั่วโมง เรื่องประตูแห่งความเจริญ ๖ ประการ อาตมาฟังนาน ๆ เบื่อ นึกในใจว่าเทศน์ไม่ถึงพระนิพพานสักที จะฟังให้เสียเวลาทำไมวะ ? ท่านหันขวับมาชี้หน้าอาตมาคนเดียวกลางโบสถ์เลย "ถ้าฟังแล้วคิดเป็น ทุกอย่างรู้จักใช้ปัญญา ก็ไปถึงพระนิพพานทั้งหมดแหละ" แล้วท่านก็พูดให้รู้ว่าตาเป็นอย่างไร หูเป็นอย่างไร จมูกเป็นอย่างไร ลิ้นเป็นอย่างไร กายเป็นอย่างไร ใจเป็นอย่างไร ถ้าสามารถดับรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ธรรมารมณ์ ลงได้ ก็อยู่สุขอยู่เย็น เขาเรียกว่าพระนิพพาน แล้วท่านก็ว่าเป็นกลอน สิ่งทุกสิ่งเที่ยงแท้แน่ในโลก............แต่เป็นโอฆขังรักกักสังขาร ใครไม่หลงปลงเห็นเป็นสำคัญ.........เปรียบยวดยานนาวาพาหนะ มีพาหนะแล้วจะไปพระนิพพานก็ไปของคุณสิ เอวัง...ก็มีด้วยประการละฉะนี้ อาตมากราบได้ก็เผ่นแน่บ คิดในใจ "โดนจั่วกลางโบสถ์ซะเต็ม ๆ เลย" ถึงได้ยอมรับว่าทำไมหลวงปู่มหาอำพันท่านยกให้ ๒ นิ้วเลย พอมาครั้งหลัง ๆ ไป ก็คลานเข้าไปกราบบนตัก ท่านบอกว่า "เบา ๆ เดี๋ยวคนอื่นรู้หมด" เป็นพระนักปฏิบัติที่เก็บเนื้อเก็บตัวดีมาก" |
พระอาจารย์เล่าว่า "ระยะนี้อาตมาเดินทางกลางคืนหลายวัน เพราะว่าไปงานศพพี่ชาย แล้วทางวัดเจริญราษฎร์บำรุง (หนองพงนก) เขาสวดพระอภิธรรมกันตอน ๒ ทุ่ม ไม่ได้นึกว่าอาตมาอยู่ถึงทองผาภูมิ ซึ่งความจริงในฐานะเจ้าภาพ ถ้าเราไปคนเดียว พร้อมเมื่อไร ขอให้พระเขาสวดได้เลย แต่คราวนี้ดันมีผู้มีจิตศรัทธามาเป็นเจ้าภาพต่ออีก ๒ ราย ๓ ราย ก็เลยต้องสวดตามเวลา ซึ่งเวลานี้เป็นเวลาที่ตั้งแต่อาตมารู้ความ เขาก็สวดกันเวลานี้ เพราะว่าวัดอยู่ข้างบ้านเกิดของอาตมาเอง
เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่า สมัยก่อนเขาทำไร่ทำนากัน กว่าจะเลิกงานก็โน่น...พระตีระฆังย่ำค่ำ ก็คือพระเตรียมทำวัตรค่ำแล้ว เมื่อกลับบ้านมาก็อาบน้ำอาบท่ากินข้าวกินปลา เสร็จสรรพเรียบร้อยแล้วถึงได้มีเวลาไปวัดกัน จึงต้องนัดเวลา ๒ ทุ่ม ปรากฏว่าทางวัดไม่เปลี่ยนเวลา ปัจจุบันนี้สภาพเศรษฐกิจและความเป็นอยู่เปลี่ยนไป แต่ทางวัดก็ยังคงสวดพระอภิธรรมกันตอนเวลา ๒ ทุ่ม คราวนี้มีปัญหาที่ว่า เวลาอาตมาเดินทาง มักจะมีนักเลงเจ้าถิ่นคอยที่จะกลั่นแกลัง ท้ายสุดก็อยากจะลองของบ้าง โชคดีที่พกมีดลูกพราหมณ์จันทร์เพ็ญไปด้วย ก็เลยขู่พวกนั้นว่า "ถ้ายุ่งมากจะชักมีด...!" เผ่นกันแน่บไปเลย..!" |
"ในเรื่องของมีดนั้น ตัวใบมีดถ้าเสกแล้วลงถูกกรรมวิธีจะเป็นธาตุไฟ แสลงพวกที่อยู่อีกมิติหนึ่ง ฉะนั้น...ฝักก็ต้องใช้ธาตุดิน หุ้มด้วยธาตุน้ำ แล้วก็เสริมด้วยธาตุลม เพื่อรักษาไฟไว้
คราวนี้ คำแนะนำของโบราณ ถ้าไปนอนค้างอ้างแรมที่ไหน ท่านบอกว่าให้ปักมีดฝากพระแม่ธรณีไว้ แต่อาตมาไม่กล้าทำ เพราะว่าบางทีเป็นการทำร้ายท่านที่อยู่แถวนั้นไปเลย อาตมาอย่างเก่งก็วางไว้ที่หัวนอน รับประกัน..หลับสบายแน่นอน เพียงแต่ให้ภาวนาพระขรรค์เพชรพุทธเจ้า คือ บทกรณียเมตตสูตร (เมตตัญจะ สัพพะโลกัสมิงฯ) เอาไว้ให้เคยชิน" |
"มีผู้รู้เขาบอกว่า มีดหมอหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ เวลาพกไปไหนก็เหมือนเจ้านายมา ก็คือเขาเกรงใจ ไม่กล้ารบกวน แต่ก็ยังมีที่ยื่นหน้ามาสำรวจ แต่มีดหมอสายหลวงพ่อวัดท่าซุง เวลาพกไปไหนเหมือนกับในหลวงเสด็จ..เงียบสนิท ไม่มีใครกล้าหือ อันนี้ประสบการณ์จริง อาตมาใช้มาเอง...ขอยืนยัน เพราะว่าอย่างต่ำ ๆ ของเรา ท้าวมหาราชท่านก็แบ่งกำลังอาวุธท่านมาให้ ในเมื่อเจ้านายใหญ่ร่วมงานด้วย พวกตัวเล็กตัวน้อยไม่มีใครกล้าหือหรอก คือโดนเราเล่นงานไปนี่ยังพอทน แต่ถ้าโดนเจ้านายกระทืบซ้ำนี่สาหัสแน่นอน..!
โดยเฉพาะมีดลูกพราหมณ์จันทร์เพ็ญ อาตมาทำมาเพื่อให้ใช้งานจริง ก็แปลว่าโยมจะเอาไปตัดไปฟันไปหั่นอะไรก็ได้ทั้งนั้น ก่อนจะใช้งานแค่ยกมือไหว้ขอขมาพระท่านก็ใช้ได้เลย เพราะว่าอาตมาเห็นมีดหมอรุ่นเก่าของหลวงพ่อเดิม โดยเฉพาะมีดควาญช้าง เจ้าของลับคมกริบทุกเล่มเลย แปลว่าเอาไว้ใช้งานกันจริง ๆ" |
"แต่คราวนี้พอมารุ่นหลัง ๆ เมื่อลงอักขระเลขยันต์ไปแล้ว ญาติโยมก็ไม่กล้าที่จะลับ กลัวอักขระเลขยันต์เลือนหายหมด แล้วก็มีดหมอบางรุ่น อย่างเช่นมีดหมอเพชราวุธ ท่านบอกไว้เลยว่าห้ามคิดร้ายคนอื่น ตัวอย่างชัด ๆ มีอยู่แล้ว ต้องบอกว่าคิดร้ายคนอื่นก็เหมือนกับวางระเบิดตัวเอง แล้วก็จริง ๆ ด้วย โดนเขารังแกจนกระทั่งทนไม่ไหว ก็เลยใช้มีดหมอเพชราวุธอธิษฐาน ปรากฏว่าพังไปทั้งคู่ ทั้งเขาและเราตายไปด้วยกัน..!
อาตมาก็เลยขอสร้างมีดลูกพราหมณ์จันทร์เพ็ญขึ้นมา ปรากฏว่าท่านให้ทำน้อย ตั้งใจให้ไว้ใช้งานจริง ๆ จะเอาไปลับอย่างไรก็ได้" |
พระอาจารย์แจ้งกับโยมของตุ๊พ่อสิงห์ว่า "๒๘ สิงหาคม ๒๕๖๔ นี้ อาตมาจะไปฉลองวันเกิดให้ท่าน ตุ๊พ่อท่านจะเกิดวันที่อาตมาว่าง แต่ละปีก็เลยเกิดไม่ค่อยจะตรงกัน"
|
โยมขออนุญาตถ่ายรูป "หลวงพ่อเหลือตัวกะเปี๊ยกเดียว ไม่เป็นไร...โยมถ่ายรูป โยมก็ต้องเป็นพระเอกนางเอก อาตมาก็เป็นได้แค่ตัวประกอบ เป็นได้แค่วอลล์เปเปอร์..!"
|
พระอาจารย์พูดกับแม่ของเด็ก "เด็กเกิดเดือนมีนาคม เขาว่าเอาตัวรอดได้ทุกสถานการณ์ มีนาคมเป็นเดือนปลาคู่ เขาว่าปลานั้นลื่น ถึงเวลาก็ลื่นไปได้หน้าตาเฉย
มีน แปลว่า ปลา มีน + อาคม = มีนาคม เดือนที่ ๓ ของไทย ถ้าใครชื่อน้องมีนา ให้รู้ว่าแปลเป็นไทยว่าปลา เป็นน้องปลา" |
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้กระบวนการจัดสร้างวัตถุมงคลพลิกชีวิตของวัดท่าขนุน ต้องบอกว่าโด่งดังไปทั่วประเทศ แม้กระทั่งหนังสือออกใหม่ก็ยังมีชื่อพลิกชีวิตไปด้วย ขอยืนยันว่าพวกบรรดาเหรียญเต่านี่อาตมาหวงนะ เหตุที่หวงเพราะว่าพระพุทธเจ้า ๒๘ พระองค์ท่านมาช่วยเสกให้ ไม่รู้ว่าอีกกี่ชาติถึงจะได้รับพระเมตตาแบบนี้อีก
โยมจะเห็นว่าออกเหรียญเต่ามาสารพัดเนื้อ แต่จนป่านนี้เพิ่งจะออกในเว็บมาให้แค่นิดเดียว ตั้งใจว่าถ้าท่านไม่ทำให้อีก จะได้หากินไปนาน ๆ จึงเอาออกให้บูชาแบบค่อยเป็นค่อยไป" |
พระอาจารย์เล่าว่า "อาตมาหมดไปกับวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีเป็น ๑๐ ล้านบาทไปแล้ว ช่างจะส่งงานวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๔ นี้ ขณะที่แห่งอื่น ขนาดเดียวกัน แบบเดียวกัน เขาสร้างก่อน ๓ ปี ก็ยังไม่เสร็จ เพราะว่าขาดความรอบคอบรัดกุมในสัญญา
ตอนแรกวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีก็สร้างแบบ "ถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง" เพราะว่าช่างเบิกเงินไปแล้ว ๔ งวด ๑๗ ล้านกว่าบาท แม้แต่ตอหม้อก็ยังทำไม่เสร็จ อาตมากราบเรียนถามหลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีในฐานะผู้อำนวยการ ท่านบอกว่าไม่ได้ทำสัญญาไว้ ก็เลยเรียกเขามาทำสัญญาใหม่ว่าเบิกเงินเท่าไร ต้องทำงานให้เราได้เท่าไร ถ้าไม่ยอมเซ็นสัญญาก็เลิกจ้างเลย ๑๗ ล้านบาทนี้ยกให้คุณไปเลย อาตมาไม่แล เขาอยากได้งาน ก็เลยต้องทำสัญญา ในเมื่อทำสัญญา มีระบุวันเวลาที่จะต้องสร้างเสร็จ มีระบุการปรับเงิน ถ้าส่งไม่ทัน ในแต่ละวันเท่าไรจะโดนปรับเท่าไร เขาก็เลยต้องเร่งงานให้ทัน" |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 09:14 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.