กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกบ้านเติมบุญ ต้นเดือนเมษายน ๒๕๖๓ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6940)

เถรี 29-03-2020 07:49

"ป้าติ๋วเป็นบุคคลที่ถูกอาตมาทิ้งบ่อยที่สุด เพราะความใจเย็น ทำอะไรช้า จนถูกเพื่อน ๆ เรียกว่า "ป้า" ตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็ก ส่วนอาตมาเองนั้นมีคติว่า "ใครช้าข้าทิ้ง หาทางกลับบ้านเอาเอง" ตามประสาคนที่ไม่มีเวลา เพราะว่าตั้งใจจะไปพระนิพพาน มัวแต่โอ้เอ้อยู่อาจจะไม่ทันรถเที่ยวสุดท้าย

ป้าติ๋วโดนทิ้งที่เชียงใหม่ กลับมาถึงกรุงเทพฯ อีกไม่กี่วันเจอกันก็ยิ้มหน้าแป้นเหมือนเดิม ถูกทิ้งที่ลำพูน กลับมาก็ยังหัวเราะให้กันได้ คราวหน้าก็ยังขอไปด้วยกันอีก มีใครคิดว่าตัวเองโดนทิ้งแบบนี้แล้วทำใจได้บ้าง ?"

เถรี 29-03-2020 07:50

"ป้าติ๋วเป็นคนที่ไว้วางใจในเพื่อนมนุษย์จนเกินไป แต่อาจจะเป็นเพราะบุญรักษา พระหรือว่าเทวดาคุ้มครอง ทำให้แคล้วคลาดปลอดภัยมาได้ทุกครั้ง ถึงจะตักเตือนให้ระมัดระวังตัวอย่างไร คุณเธอก็ทำหูทวนลม ทำแบบที่คนอื่นรู้แล้วจะเป็นลมอยู่เสมอ..!

สมัยก่อนการไปวัดท่าซุงไม่ได้ง่ายเหมือนสมัยนี้ รถเมล์จะต้องวิ่งไปลงแพขนานยนต์ที่มโนรมย์ แล้วค่อยข้ามแม่น้ำไป วิ่งผ่านหน้าวัดท่าซุง จากนั้นถึงจะเข้าไปที่ท่ารถ บขส.อุทัยธานี จนมีการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาแล้ว รถเมล์ถึงได้เปลี่ยนเส้นทางไปวิ่งเข้าทางด้านอุทัยธานีแทน

ป้าติ๋วออกเวรตอนเย็น นั่งรถเมล์ไปมโนรมย์ ไปถึงก็สี่ทุ่มแล้ว คนลงหมด รถเมล์ก็เลยจอดพักที่มโนรมย์ ไม่วิ่งเข้าอุทัยธานีให้เสียเวลา ป้าติ๋วเรียกเรือเล็กข้ามฝั่ง ไปเจอมอเตอร์ไซค์มีผู้ชายนั่งกันมา ๒ คน ก็ขอให้เขาช่วยไปส่งที่วัดท่าซุง..!"

เถรี 29-03-2020 07:52

"พยาบาลสาวสวยนั่งมอเตอร์ไซค์ มีหนุ่มประกบหน้าหลัง วิ่งผ่านทุ่งนาเป็นระยะทาง ๔ กิโลเมตร ไปถึงวัดท่าซุงตอนเกือบห้าทุ่มโดยปลอดภัยได้อย่างไรก็ไม่รู้ ? ปกติหกโมงเย็นวัดท่าซุงก็ปิดแล้ว ป้าติ๋วไปตะโกนเรียกแถวห้องยาม พอดีลุงสมนึกเข้าเวรอยู่ จึงเปิดประตูเล็กให้เข้าไปพักในวัดได้

วีรกรรมของป้าติ๋วเล่าได้ไม่รู้จักหมด ขนาดตอนที่พระองค์ที่ ๑๐ มาวัดท่าซุง ป้าติ๋วก็ไปนั่งคุยกับเทวดาที่มารักษาท่านหน้าตาเฉย ซ้ำยังบอกกับคนอื่นว่า "เทวดานะหรือ ? ฉันนั่งคุยด้วยเป็นวัน ๆ มาแล้ว..!""

เถรี 29-03-2020 07:53

"ที่นำมาเล่าตรงนี้เพื่อที่จะให้ทุกคนได้เห็นว่า ป้าติ๋วนั้นสามารถที่จะนำมาเอาหลักธรรมคือพรหมวิหาร ๔ มาใช้ได้ทุกที่ทุกเวลา แต่ลืมหลักอปมาทธรรม จึงตั้งอยู่ในความประมาทเป็นปกติ มองโลกในแง่ดี เห็นคนทุกคนเป็นคนดีหมด อยู่รอดมาจนถึงอายุ ๖๑ ปีได้อย่างไรก็ไม่รู้ ?

ทุกวันนี้ป้าติ๋วก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองใกล้ชิดกับอาตมา มาทำบุญตามปกติ เคยบอกบุญเพื่อนฝูงอย่างไรก็ทำอย่างนั้น โดนดุก็ยิ้ม ได้รับคำชมก็ยิ้ม ใครชวนคุยพร้อมที่จะคุยด้วยเสมอ เพียงแต่เปลี่ยนจากสาวน้อยแสนสวย มาเป็นคุณป้าร่างยักษ์แทน ก็ไม่เห็นว่าคุณเธอจะเดือดร้อนอะไร ไปเร็วเหมือนก่อนนี้ไม่ได้ก็ยอมรับสภาพ ค่อย ๆ เดินเอา ใครช่วยประคับประคองก็ยิ้มรับ ใครปล่อยทิ้งป้าก็ไปเอง มีใครทำได้แบบนี้บ้าง ?"

เถรี 29-03-2020 15:29

พระอาจารย์กล่าวว่า "วัดท่าขนุนแบ่งการบิณฑบาตออกเป็น ๔ สาย
๑. สายบ้านวังท่าขนุน
๒. สายบ้านวังใหญ่
๓. สายบ้านปอมเป
๔. สายตลาดเทศบาล

ถ้าหากว่าอยู่วัด อาตมาจะเดินนำบิณฑบาตสายตลาดเทศบาล ซึ่งมีระยะทางประมาณ ๒.๕ กิโลเมตร รวมระยะทางไปกลับ ประมาณ ๕ กิโลเมตร สายบิณฑบาตนี้เมื่อเดินสุดทาง บริเวณหน้ากองร้อย ตชด.ที่ ๑๓๕ แล้ว ก็จะเลี้ยวซ้ายเข้าบ้านวังรังกา ซึ่งปัจจุบันเขียนเป็น วังลังกา กันหมดแล้ว

วังคือที่อยู่อาศัย พระราชวัง คือที่อยู่อาศัยของพระราชา วังจระเข้ คือที่อยู่อาศัยของจระเข้ เวิน (วัง) ปลาบึก คือที่อยู่อาศัยของปลาบึก วังรังกานั้นมีต้นไม้สูงใหญ่เยอะมาก สมัยก่อนฝูงกาไปอาศัยทำรัง จึงเรียกกันว่าวังรังกา แล้วเพี้ยนเป็นวังลังกาในปัจจุบัน"

เถรี 29-03-2020 15:33

"ช่วงท้ายเส้นทางบ้านวังรังกา จะผ่านที่ดินของครูมณฑา พัฒนมาศ คนเก่าคนแก่ของอำเภอทองผาภูมิ ซึ่งใส่บาตรทุกวัน ความภูมิใจของคุณครูมณฑาก็คือ เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน นอกจากหลวงปู่สายแล้ว ไม่ว่าจะเป็นท่านอาจารย์สมเด็จ หรือท่านอาจารย์สมพงษ์ โดนคุณครูบิดพุงมาแล้วเท่านั้น..! ปัจจุบันนี้คุณครูเสียชีวิตไปแล้ว

พื้นที่ของคุณครูมณฑานั้น ประกอบด้วยต้นไม้ใหญ่สารพัดชนิด ประมาณสวนสมรมแบบทางใต้ แต่หนักไปทางมะพร้าว เมื่อเห็นความสูงของต้นมะพร้าวแล้ว อาตมาประมาณว่าอายุแต่ละต้นน่าจะถึง ๘๐ ปี

นอกนั้นยังมีขนุนและมะม่วงพื้นเมือง ซึ่งแต่ละต้นใหญ่หลายโอบ ไม่ทราบว่าช่วงนี้ลูกหลานจะพัฒนาที่ดินไปทำอะไร จึงจ้างคนมาโค่นต้นไม้ลงทั้งแถบ ต้นมะพร้าวก็ไม่ว่าอะไรหรอก แต่ต้นมะม่วงและต้นขนุนนั้น เมื่อโค่นลงมาแล้ว บรรดารุกขเทวดาน้อยใหญ่ยืนกระจองอแง ร้องห่มร้องไห้เพราะว่าบ้านพัง..!"

เถรี 29-03-2020 15:36

"รุกขเทวดานั้นเป็นเทวดาชั้นต่ำ ต้องอาศัยเอาวิมานไปแปะกับต้นไม้มีแก่น ที่สูงอย่างน้อย ๑ คืบขึ้นไป จึงจะมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้ เมื่อต้นไม้โดนโค่น ก็เท่ากับว่าวิมานพังไปด้วย

ถ้าถามว่าทำไมไม่ไปอาศัยแปะวิมานกับต้นไม้ต้นอื่น ? ก็เพราะว่าต้นไม้ต้นอื่นนั้นล้วนแต่มีเจ้าของแล้ว อาตมาจึงชวนให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้นตามไปวัดท่าขนุน อนุญาตให้ท่านทั้งหลายอาศัยต้นเสาของอาคารต่าง ๆ ในวัดท่าขนุน เป็นที่แปะวิมานเพื่อที่จะได้พ้นความเดือดร้อนในเรื่องของที่อยู่อาศัย

บรรดาเสาอาคารในที่ต่าง ๆ นั้น เท่ากับว่าเจ้าของบ้านหรือเจ้าอาวาสวัดนั้น ๆ เป็นเจ้าของ ถ้าไม่อนุญาตท่านก็ไปอาศัยแปะวิมานไม่ได้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องออกปากอนุญาตกันอย่างเป็นทางการ"

เถรี 29-03-2020 15:46

"อาตมาชวนรุกขเทวดาทั้งหญิงชายและเด็กหลายพันตน ไปอาศัยเสาอาคารต่าง ๆ ในวัดท่าขนุนเป็นที่อยู่ เนื่องจากว่ามีการขยายเส้นทางสาย ๓๒๓ จากกาญจนบุรี ไปไทรโยค ทองผาภูมิ จนกระทั่งถึงสังขละบุรี ซึ่งจนป่านนี้ก็ยังสร้างไม่แล้วเสร็จ

การสร้างทางแต่ละครั้งมีการโค่นต้นไม้สองข้างทางจำนวนมาก เมื่อเห็นว่าท่านทั้งหลายเหล่านั้นปราศจากที่อยู่ อาตมาก็อดที่จะสงสารไม่ได้ จึงชวนไปเป็น "เด็กวัด" แทน ซึ่งทุกตนก็ล้วนแล้วแต่ยินดีมาก แม้ว่าจะอาศัยกันอย่างแออัดยัดเยียดสักหน่อย แต่ก็มีโอกาสได้โมทนาบุญกุศลอย่างน้อยวันละ ๒ รอบ เรียกง่าย ๆ ว่าบ้านไม่ต้องเช่าข้าวไม่ต้องซื้อ แค่นอนเบียดกันหน่อยทำไมจะทนไม่ได้"

เถรี 29-03-2020 15:48

"เมื่อกลุ่มรุกขเทวดาบ้านวังรังกามาถึงวัดท่าขนุน อาตมาก็อนุญาตให้เลือกที่อยู่ได้ตามสบาย ปรากฏว่าทั้งหมดกรูกันไปยังหน้าวัด "เฮ้ย..จะไปไหนกันวะนั่น ?"

เห็นทั้งหมดพุ่งเข้าหาป้ายโฆษณาแบบถาวรขนาดใหญ่ ๓ X ๘ เมตร อาตมาจึงถึงบางอ้อ ป้ายนี้อาตมาสั่งให้เถ้าแก่ยุง (นายพยุง เพ็งเลา) สร้าง เพื่อใช้ติดตั้งป้ายโฆษณากึ่งถาวรของทางวัดท่าขนุน ตัวโครงสร้างเพิ่งจะเสร็จได้ไม่กี่วัน ยังไม่ทันจะติดป้ายเสียด้วยซ้ำไป

กลายเป็นว่ารุกขเทวดากลุ่มวังรังกาโชคดีมาก มาถึงก็มี "บ้านว่าง" อยู่พอดี ได้อยู่รวมกันอย่างเป็นสัดเป็นส่วน ไม่ต้องไปเบียดเสียดเยียดยัดกับใคร เรียกว่าถึงจะโดนกรรมบัง แต่ว่าบุญก็ยังพอมี ช่วยให้พ้นจากความลำบากไปได้"

เถรี 29-03-2020 15:51

"ญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย ถึงแม้ว่าการเกิดเป็นรุกขเทวดา บางอย่างจะมีความสุขกว่ามนุษย์ แต่ก็ยังโดนเบียดเบียนด้วยกฎของกรรม ถ้าหมดบุญก็อาจจะลงสู่ทุคติอีกด้วย ดังนั้น..ท่านทั้งหลายจึงพึงสังวรว่า ถ้าไม่อยากเกิดมาลำบากแบบนี้อีก ก็ขอให้เร่งปฏิบัติใน ศีล สมาธิ ปัญญา เพื่อที่จะได้หลุดพ้นจากกองทุกข์ไปสู่พระนิพพาน พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดไปตลอดกาลนาน"

เถรี 29-03-2020 21:01

พระอาจารย์กล่าวว่า "ไทยเรามีสำนวนคำพังเพยว่า "จับปูใส่กระด้ง" ซึ่งการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส covid-๑๙ ครั้งนี้ ทำให้เห็นภาพอย่างชัดเจน ตั้งแต่มีข่าวว่าจะปิดกรุงเทพฯ ผู้คนก็แห่กันออกต่างจังหวัดเป็นหมื่นเป็นแสนคน กลายเป็นเอาเชื้อโรคออกไปแพร่กระจายโดยไม่ตั้งใจ..!

บรรดาท่านที่อยู่ในประเภท "ลูกอีช่างติ" ก็พากันออกมาด่ารัฐบาลเป็นการใหญ่ ว่าไม่มีมาตรการอะไรรองรับ ในเมื่อปิดกรุงเทพฯ ไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้ มีแต่รายจ่าย คนก็เลยหนีกลับบ้านต่างจังหวัดกัน

พอรัฐบาลทำโครงการรองรับ ประกาศว่าไม่ทิ้งกัน มีการแจกเงินเยียวยาผู้ตกงานรายละ ๕,๐๐๐ บาท ผู้คนก็แห่กันไปลงทะเบียนที่ธนาคารออมสิน เบียดเสียดยัดเยียดกันอย่างชนิดที่ไม่กลัวไวรัส covid-๑๙ แล้ว แต่กลัวว่าจะไม่ได้เงินแทน...!"

เถรี 29-03-2020 21:02

"ภาพที่ปรากฏออกมา บรรดาแพทย์พยาบาลที่ต่อสู้อยู่กับไวรัส ก็ออกอาการ "น้ำตาจิไหล" ผลงานที่ทุ่มเทไปทั้งหมด มลายกลายเป็นอากาศธาตุ ต้องมาเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ยังไม่พอ ยังต้องนับแบบติดลบเป็นหมื่นเป็นแสนอีกด้วย..!

นึกว่าจะมีแต่ประเทศไทยอย่างเดียว ปรากฏว่าต่างประเทศก็แย่พอกัน ที่สหรัฐอเมริกา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่าอย่างไรก็ไม่ปิดเมือง ลักษณะแบบนี้เข้าข่ายคําพังเพยว่า "เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย" เพราะว่าถ้าเอาไม่อยู่เมื่อไร เศรษฐกิจจะพังบรรลัยมากกว่าปิดเมืองหลายเท่า"

เถรี 29-03-2020 21:04

"ประเทศอินเดียพอประกาศปิดเมือง ก็ออกในลักษณะแนวเดียวกับประเทศไทย ขนาดไม่ยอมให้รถโดยสารวิ่ง บรรดาอาบัง อีแมะ ก็พากันเดินเท้าไปต่างจังหวัดกันเป็นแสนเป็นล้านคน เอาไวรัสไปแจกจ่ายให้ประชาชนตลอดเส้นทางผ่าน ชนิดที่ทางราชการทำอะไรกับมวลมหาประชาชนไม่ได้..!

ประเทศอิตาลีที่ตายซับซ้อนจากไวรัส covid-๑๙ จนมียอดติดเชื้อมากที่สุดในโลก มีคนป่วยตายสูงที่สุดในโลก ก็ยังมีพวกที่ยังไม่ติดเชื้อ ออกไปยังที่สาธารณะแบบ "ไม่สนโลก" ทำอะไรตามความเคยชินเดิม ๆ เข้าทำนองภาษิตจีนที่ว่า "ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา"

น่าเห็นใจรัฐบาลทุกประเทศ ที่ทำอะไรก็ไม่ถูกใจประชาชน แต่ต้องยึดหลักที่ว่า เราไม่สามารถทําให้ทุกคนพอใจได้ แต่ต้องทำให้คนส่วนใหญ่พอใจได้ อะไรที่ดีต่อส่วนรวม ต้องลงมือทำอย่างเต็มที่ แล้วให้สังคมตัดสินเอาเองว่า สิ่งที่ทำไปนั้นดีจริงหรือไม่ ?"

เถรี 29-03-2020 21:05

"วัดท่าขนุนขอเป็นกำลังใจให้กับคุณหมอ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ทุกท่าน ที่ต้องเหน็ดเหนื่อยกับหน้าที่การงานยังไม่พอ ยังต้องมาเจอกับเหตุการณ์บั่นทอนกำลังใจในรูปแบบต่าง ๆ ซ้ำเข้าไปอีก

ขอให้ทุกท่านระลึกถึงพระบรมราโชวาทของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่ว่า "จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา" สิ่งที่ท่านทั้งหลายทำในครั้งนี้ ต่อให้ไม่มีใครรู้เห็น ผีหรือเทวดาก็รู้เห็น ขอให้ทุกท่านทำหน้าที่อย่างเต็มที่ เต็มสติกำลัง เต็มความสามารถ ขออำนวยอวยพรให้ท่านทั้งหลาย สามารถเอาชนะ "สงครามโรค" ในครั้งนี้ ได้ในเร็ววันด้วยเถิด"

เถรี 30-03-2020 07:29

พระอาจารย์กล่าวว่า "เคยมีผู้กล่าวถึงอุปนิสัยของคนไทยว่า "เรื่องกินเรื่องใหญ่ เรื่องตายเรื่องกลาง ติดตารางเรื่องเล็ก" ดังนั้น..พอต้องเก็บตัวอยู่ในบ้านอย่างน้อย ๑๔ วัน ปัญหาเรื่องกินจึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปจริง ๆ

อาหารหลักที่ทุกคนต้องมองไว้ก่อน คือบรรดาบะหมี่สำเร็จรูป ซึ่งจะว่าไปแล้วก็เพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน เพราะว่าช่วงที่อาตมาเริ่มเรียนทหารนั้น ประเทศไทยเพิ่งจะเริ่มหัดผลิตบะหมี่สำเร็จรูป

เมื่อผลิตขึ้นมาแล้วก็ต้องมีผู้ทดสอบว่าใช้งานได้ดีหรือไม่ ? มีอะไรที่ต้องแก้ไขเปลี่ยนแปลง วิธีที่ดีที่สุดก็คือส่งไปให้ทหารลองกินดู บางท่านอาจจะคิดว่าโหดร้าย แต่ถ้าใครเคยชินกับอาหารของบรรดาหน่วยทหารแล้ว จะเห็นว่าบะหมี่สำเร็จรูปนั้นเป็นอาหารชั้นเยี่ยม..!"


เถรี 30-03-2020 07:30

"ใครที่เรียนจบโรงเรียนนายร้อย จปร.มา ถ้าเพื่อนเลี้ยงผัดกระเพราเนื้อจะโกรธมาก เพราะว่ากินอยู่ทุกวัน แทบจะทุกมื้อ ส่วนโรงเรียนนายสิบทหารบกนั้น เรียนจบมาแล้วถ้าเพื่อนเลี้ยงเกาเหลาเนื้อ ก็จะโกรธหูดับเช่นกัน เพราะว่าเจอเกาเหลาเนื้อหม้อยักษ์บ่อย ๆ ซึ่งส่วนมากจะมีแต่ถั่วงอกที่ใบเขียวแล้วกับไขมันวัว ซึ่งถ้าเป็นหน้าหนาวไขมันก็จะจับขอบหม้อหนาเป็นคืบ..!

เวลาฝึกทหารเขาจะมีเพลงให้ร้องแก้เหนื่อย อย่างเช่น

"ทหารไทยมีใจแข็งแกร่ง กินข้าวแดงทั้งกาก กินผักบุ้งทั้งราก สาว ๆ ไม่อยากแลมอง

ฟักทองเป็นอาหารหลัก ฟักเขียวเป็นอาหารรอง อย่างดีก็หน่อไม้ดอง รอง ๆ ก็มะเขือยาว"


ทหาร ๑ กองร้อย แต่ละมื้อมีไก่ ๖ ตัว แต่ว่ามาไม่ค่อยจะถึง นายทหารสูทกรรม (พ่อครัว) จะเอาไปทำอาหารพิเศษ ให้แก่ผู้บังคับกองร้อย รองผู้บังคับกองร้อย ตลอดจนกระทั่งตนเองและพรรคพวก จึงมักจะเหลือแต่วิญญาณไก่เอาไว้เลี้ยงทหารเกือบทุกมื้อ"

เถรี 30-03-2020 07:31

"เมื่อได้บะหมี่สำเร็จรูปมา พวกเราก็หาทางพลิกแพลงทำเป็นอาหาร เพื่อที่จะได้ไม่เบื่อง่าย ๆ เมนูบะหมี่ผัดขี้เมา บะหมี่ต้มปลากระป๋อง ก็เกิดมาจากค่ายทหารนี่เอง

พวกเราเก็บตัวกันแค่ ๑๔ วัน ไม่ใช่ทหารที่โดนกันทั้งปี เมื่อได้ยินเรื่องนี้แล้ว ต่อให้ต้องกินบะหมี่สำเร็จรูปตลอด ๑๔ วัน คิดว่าท่านทั้งหลายก็คงจะไม่ลำบากไปกว่าชีวิตทหารที่อาตมาเคยผ่านมาแล้ว"

เถรี 30-03-2020 07:33

"องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงสอนหลักโภชเนมัตตัญญุตา ให้รู้จักประมาณในการกิน เมื่อรู้สึกอิ่มก็ให้หยุด จะได้ไม่กินล้นกินเกิน จนกลายเป็นปัญหาเจ็บไข้ได้ป่วยอย่างทุกวันนี้

ดังนั้น..ในช่วงนี้หลายท่านอาจจะฉวยโอกาสลดน้ำหนักไปในตัว อย่างเช่นว่ากินอาหารแค่ ๒ มื้อ นอกจากจะไม่สิ้นเปลืองแล้ว สภาพร่างกายยังได้พักฟื้น น้ำหนักลดลง เป็นผลดีแก่ตัวเองเป็นอย่างยิ่ง

ในเรื่องของการปฏิบัติธรรมนั้น เมื่อร่างกายไม่หนักไปด้วยสารอาหาร เลือดลมปลอดโปร่ง การภาวนาจับลมหายใจเข้าออกก็สะดวก สมาธิทรงตัวได้ง่าย สติก็มั่นคง ปัญญาก็แหลมคม จะพิจารณาข้อธรรมอะไรก็เห็นแจ้งแทงตลอด

ในทุกวิกฤตย่อมมีโอกาส หากเรารู้จักใช้โอกาสในการเก็บตัวอยู่กับบ้านครั้งนี้ ทำสิ่งที่ดี ๆ ให้เกิดกับตัวเอง อย่างเช่นการควบคุมอาหารเพื่อลดน้ำหนัก การตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติธรรมอย่างเต็มที่เพราะว่ามีเวลามาก ก็ย่อมยังประโยชน์ให้เกิดขึ้นแก่ตนเองทั้งในโลกนี้และโลกหน้า สมกับที่ได้ชื่อว่าเป็นนักปฏิบัติธรรมด้วยประการฉะนี้"

เถรี 30-03-2020 12:05

พระอาจารย์กล่าวว่า "องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงกล่าวถึงบุคคล ๔ ประเภท ได้แก่
๑. อุคฆฏิตัญญูบุคคล มีความฉลาดมาก ฟังแค่หัวข้อธรรมก็เข้าใจ สามารถบรรลุธรรมได้ทันที
๒. วิปจิตัญญูบุคคล ต้องอธิบายขยายความก่อน ถึงจะสามารถเข้าใจได้
๓. เนยยบุคคล ต้องปากเปียกปากแฉะ จ้ำจี้จ้ำไชอยู่ทุกวัน จึงพอที่จะเข้าใจอะไรได้บ้าง
๔. ปทปรมบุคคล เป็นประเภทน้ำล้นแก้ว เติมอะไรลงไปไม่ได้ เพราะคิดว่าตัวเองฉลาดมาก ไม่ยอมรับความคิดของผู้อื่น

ในส่วนของอรรถกถาจารย์นั้น อธิบายเพิ่มเติมเอาไว้อีกมาก ว่าคนเราแบ่งออกเป็น
๑. มนุสสเนรยิโก เป็นมนุษย์แต่นิสัยเหมือนสัตว์นรก ภาษาวัยรุ่นเขาว่า ชั่วยันเงา
๒. มนุสสเปโต เป็นมนุษย์แต่สภาพความเป็นอยู่เหมือนเปรต อดอยากยากแค้น
๓. มนุสสติรัจฉาโน เป็นมนุษย์แต่นิสัยสันดานเหมือนสัตว์เดรัจฉาน จ้องแต่จะแย่งชิง เข่นฆ่า ทำลายผู้อื่น
๔. มนุสสภูโต เป็นมนุษย์ทั่ว ๆ ไป รัก โลภ โกรธ หลง อยู่ในกรอบพอที่จะรับกันได้
๕. มนุสสเทโว เป็นมนุษย์แต่ความประพฤติดี อยู่ในศีลกินในธรรม สมควรที่จะเป็นเทวดา"

เถรี 30-03-2020 12:09

"ในสภาวะที่ทั้งประเทศต้องเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-๑๙ รัฐบาลขอความร่วมมือให้ทุกคนเก็บตัวอยู่กับบ้าน แต่ก็ยังมีบุคคลบางประเภท ที่พยายามแหกคอก ออกนอกกรอบ ไม่ยอมทำตามกฎระเบียบใด ๆ ทั้งสิ้น

อีกประเภทหนึ่งก็ฉวยโอกาสหากินบนความเดือดร้อนของผู้อื่น กักตุนสินค้าจำเป็น เช่น หน้ากากอนามัย บุคลากรทางการแพทย์ไม่มีใช้ แต่ตนเองเอาไปขายทำกำไรเป็นล้าน ๆ ชิ้น โดยไม่ละอายใจหรือมีความเห็นใจต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

เมื่อต่างประเทศอย่างเช่น คุณแจ็ค หม่า ส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นมาให้ ก็เอาไปกักเก็บเอาไว้ อ้างว่าต้องตรวจผ่านเพื่อให้แน่ใจว่าปลอดเชื้อก่อน แต่ความจริงก็คือรอให้พรรคพวกตัวเองขายของที่ตุนไว้ให้หมดก่อน ค่อยเอาส่วนนี้ออกมา โดยที่ไม่คิดว่าทุกวินาทีที่ผ่านไป หมอและพยาบาลต้องเสี่ยงชีวิตกันขนาดไหน"

เถรี 30-03-2020 12:13

"อีกประเภทหนึ่งก็ทำสินค้าปลอมออกขายบ้าง เก็บเอาหน้ากากอนามัยเก่ามาขายใหม่บ้าง แม้กระทั่งไข่ไก่ก็ให้ไม่เต็มแผง มีอยู่เฉพาะแถวรอบ ๆ ข้าง ด้านตรงกลางว่างโบ๋อยู่ แต่ขายเป็นไข่ไก่เต็มแผง

บุคคลประเภทนี้มีมาทุกยุคทุกสมัย ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ เขาเรียกกันว่า เศรษฐีสงคราม ปั่นราคาขายของที่จำเป็นทุกอย่าง สร้างความร่ำรวยใส่ตนบนความทุกข์ของผู้อื่น สมัยนั้นใช้คำว่า "เซ็งลี้" ซึ่งเป็นภาษาจีนที่แปลว่า "ธุรกิจ" คำว่า "เซ็งลี้ฮ้อ" แปลว่า "ธุรกิจดี"

มาถึงสมัย "สงครามโรค" ครั้งนี้ อาตมาไม่ขอเรียกว่าเป็นเศรษฐีสงคราม แต่อยากจะเรียกว่า อสูรสงคราม หากินบนน้ำตาและความเดือดร้อนของผู้อื่น ถ้าท่านตายลงไปเมื่อไร "ท่านลุง" มีสถานที่พิเศษรองรับเอาไว้แล้ว

ส่วนท่านทั้งหลายพิจารณาแล้ว จะเรียกบุคคลเหล่านี้ว่ามนุษย์ประเภทไหน ก็จงพิจารณาเอาจากข้อความข้างบนโน้นเถิด"

เถรี 30-03-2020 18:33

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อบวชเข้ามาแล้วได้ศึกษานักธรรมชั้นตรี อ่านพุทธประวัติ พบว่าเมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ทรงเกิดความขวนขวายน้อย ไม่ปรารถนาที่จะแสดงธรรมโปรดสัตว์โลก จนท้าวสหัมบดีพรหมต้องลงมากราบทูลอาราธนา จึงทรงรับที่จะแสดงธรรม"

เถรี 30-03-2020 18:34

1 Attachment(s)
มาประกอบกับภาพที่ ๑ ตำรวจปราบจลาจล ต้องใช้ทั้งกระบอง กระสุนยาง และแก๊สน้ำตา ในการสลายฝูงชนอเมริกัน ที่ไปเที่ยวชายหาดไมอามี่กันแบบไม่สนใจว่าไวรัส covid-๑๙ จะระบาดอย่างไร

ภาพที่ ๒ นายกรัฐมนตรีอิตาลี ยืนน้ำตาอาบแก้มแถลงข่าว ว่าไม่สามารถที่จะหยุดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-๑๙ ขอฝากชีวิตของชาวอิตาเลียนไว้กับพระเจ้าเบื้องบนเท่านั้น

ภาพที่ ๓ มะม่วงสุกกล่องที่ ๒ ส่งถึงเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนทางไปรษณีย์

เถรี 30-03-2020 18:36

"ทั้ง ๓ ภาพเมื่อประกอบกันเข้ามาแล้ว ทำให้เห็นชัดว่าเหตุใดองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงทรงเกิดความขวนขวายน้อย ไม่คิดที่จะแสดงธรรมโปรดสัตว์โลก

ก็ขนาดพูดภาษาเดียวกัน ยังฟังกันไม่รู้เรื่องขนาดนี้ แล้วภาษาคนกับภาษาธรรมจะต่างกันขนาดไหน ?

ในบาลีกล่าวว่า อตฺตาหิ กิร ทุทฺทโม ได้ยินว่าการฝึกตนช่างยากจริงหนอ เมื่อมาประกอบกับทั้ง ๓ ภาพที่เห็น ก็ทำให้ชัดเจนในใจความทุกประการ"

เถรี 30-03-2020 18:37

"บารมีนั้นคือกำลังใจ ประกอบด้วย ๓ ระดับ ๙ ขั้นดังนี้

๑. สามัญบารมี หยาบ กลาง ละเอียด
๒. อุปบารมี หยาบ กลาง ละเอียด
๓. ปรมัตถบารมี หยาบ กลาง ละเอียด

บุคคลที่สามารถเข้าถึงธรรมได้อย่างแท้จริงนั้น ต้องเป็นระดับปรมัตถบารมีขั้นกลางขึ้นไป นอกนั้นอย่างเก่งก็อยู่ในระดับของการให้ทาน รักษาศีล และภาวนาเบื้องต้นเท่านั้น"

เถรี 30-03-2020 18:38

"อาตมภาพได้แต่หวังว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ดี หลวงปู่หลวงพ่อพระเถระตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็ดี ยังไม่ได้สั่งสอนเหล่าท่านที่เป็นปรมัตถบารมีขั้นกลางขึ้นไปจนหมด ยังพอมีเหลือเอาไว้ให้ได้ชื่นใจบ้าง

ไม่อย่างนั้นอาตมภาพก็คงต้องฉันน้ำมะม่วงสุกไปบ่อย ๆ จนกว่าจะติดเชื้อไวรัส covid-๑๙ จนถึงแก่ชีวิต หรือว่าชิงกลั้นใจตายไปเสียก่อน..!"

เถรี 31-03-2020 02:31

พระอาจารย์กล่าวว่า "โบราณของเราว่า "สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล" แสดงให้เห็นชัดว่าคำพูดและการกระทำของเรา เมื่ออยู่ในสายตาของคนอื่นแล้ว เป็นที่ชื่นชมหรือตำหนิอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับการอบรมมา

อาตมามีลูกสาวลูกชายอยู่คู่หนึ่ง คือ ลูกพลอย (Amandine) และ ลูกแม็ก (Maxime) ซึ่งเป็นลูกครึ่งไทยฝรั่งเศส เมื่อไปเยี่ยมปู่ย่าลุงป้าที่ฝรั่งเศส ได้รับการชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง ในกิริยามารยาทแบบไทย ๆ จนญาติผู้ใหญ่ทางด้านโน้นออกปากว่า จะส่งลูกพี่ลูกน้องของทั้งสองคน มาฝึกกิริยามารยาทที่เมืองไทยบ้าง"

เถรี 31-03-2020 02:33

"ในระยะเวลาที่เชื้อไวรัส covid-๑๙ ระบาดอยู่นี้ เห็นชัดว่ากิริยามารยาทแบบไทยนั้น ได้รับการชื่นชมและนำไปถือปฏิบัติในโลกตะวันตก ไม่ว่าจะเป็นยุโรปหรือว่าอเมริกาก็ตาม

เราจะเห็นการไหว้แบบไทยได้มาแทนที่การจับมือ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส เห็นการสวดมนต์ไหว้พระตามแบบในพระพุทธศาสนาเพื่อหาที่พึ่งทางใจ

จนกระทั่งเมื่อวานนี้เอง (๓๐ มีนาคม ๒๕๖๓) เจ้าหน้าที่จีนซึ่งไปช่วยระงับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-๑๙ ในประเทศอิตาลี ออกมาแจ้งสาเหตุหนึ่งของการแพร่ระบาดหนักของเชื้อไวรัสว่า เกิดจากพวกฝรั่งมีความเคยชินในการใส่รองเท้าเข้าบ้าน และจำนวนมากด้วยกันที่ถึงขนาดใส่เข้าไปยันที่นอนเลย..!"

เถรี 31-03-2020 02:34

"เมื่อออกนอกบ้านไปเหยียบย่ำเชื้อไวรัสมา แทนที่จะถอดรองเท้าไว้หน้าบ้านแบบคนไทยเรา กลับใส่รองเท้านำเชื้อโรคเข้าบ้าน โดยที่ไม่รู้ว่าเป็นสาเหตุของการแพร่ระบาดอย่างหนักของเชื้อไวรัสในช่วงนี้

สมัยที่อาตมายังเด็ก ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่แถวบ้านก็ไม่ค่อยจะใส่รองเท้ากัน พวกเราเดินเท้าเปล่าจนเคยชิน บางคนเท้าด้านขนาดสามารถเดินลุยดงหนามโคกกระสุนได้หน้าตาเฉย โดยเฉพาะ "ตาดา" ภารโรงที่โรงเรียน ช่วงโรงเรียนเปิดเทอมใหม่ ๆ แกเดินลุยเข้าไปถอนต้นโคกกระสุนออกจากสนามฟุตบอล จนพวกเราเรียกกันว่า "ต้นพรมตาดา"

เถรี 31-03-2020 02:35

"เด็กบ้านนอกรุ่นของอาตมานั้น เมื่อไปโรงเรียนครั้งแรกก็ต้องใส่รองเท้าตามข้อบังคับของทางโรงเรียน แล้วมีปัญหากับรองเท้าเป็นอย่างมาก ทุกคนต้องเคยโดนรองเท้า "กัด" จนผู้ใหญ่หลายคนแนะนำว่า ให้เรากัดรองเท้าเสียก่อน..! บางคนก็ดีเหลือเกิน สอนวิธีให้เอาเทียนมาถูรอบรองเท้า เพื่อที่จะได้ไม่โดนรองเท้า "กัด"

เมื่อถึงเวลาเข้าห้องเรียน ก็ต้องถอดรองเท้าวางเรียงไว้หน้าห้องเรียนให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ครั้นกลับไปบ้านก็ต้องถอดรองเท้าวางเรียงไว้ข้างประตูให้เรียบร้อย ใครเผลอใส่เข้าบ้าน ถ้าไม่โดนเคาะตาตุ่ม ก็จะมีเสียงเขียวปรี๊ดตวาดว่า "เดี๋ยวแม่ตีขาหักเลย..!"

เถรี 31-03-2020 02:38

"ไม่นึกว่ากฎเกณฑ์กติกามารยาทแบบไทย ๆ สามารถป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสวายร้ายได้ขนาดนี้ ฝรั่งจำนวนมากด้วยกันเมื่อมาเมืองไทย จะเห็นป้าย Take your shoes off. ตามแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ จนเคยชิน โดยเฉพาะตามศาสนสถานต่าง ๆ

ยังดีที่ว่าบรรดาฝรั่งนั้น ได้รับการอบรมมาให้ยอมรับกฎเกณฑ์กติกาของสังคม โดยเฉพาะสังคมของประเทศอื่น จึงยอมถอดรองเท้าแต่โดยดี เพื่อให้ได้เข้าถึงสถานที่ต่าง ๆ อย่างแท้จริง

คาดว่าการค้นพบสาเหตุการแพร่ระบาดของไวรัส covid-๑๙ ในประเทศอิตาลีครั้งนี้ อาจจะเปลี่ยนแปลงนิสัยการใส่รองเท้าเข้าบ้านของบรรดาชาวยุโรปและอเมริกัน ให้หันมาใช้กิริยามารยาทแบบไทย ๆ คือการถอดรองเท้าก่อนเข้าบ้านกันมากขึ้น

ภาพของฝรั่งหญิงชาย ที่ยกมือไหว้กล่าวคำว่า "สวัสดีครับ, สวัสดีค่ะ" ทำให้เรารู้สึกว่าน่ารักน่าเอ็นดูขนาดไหน หลังจากการระบาดของไวรัสครั้งนี้ไป อาจจะกลายเป็นธรรมดา เพราะว่าทุกคนหันมาไหว้แบบไทยกันหมดแล้วนั่นเอง"

เถรี 31-03-2020 06:24

พระอาจารย์กล่าวว่า "ที่วัดท่าขนุนเมื่อทำวัตรเช้าหรือทำวัตรเย็นเสร็จแล้ว เป็นธรรมเนียมว่า พระภิกษุ สามเณร แม่ชีและฆราวาส จะเข้าแถวกันเพื่อ "ใส่ย่ามหลวงพ่อ"

การ "ใส่ย่ามหลวงพ่อ" นั้น ก็คือการทำบุญหลังจากการทำวัตรแล้ว ซึ่งเชื่อกันว่า "หลวงพ่อ" ท่านเข้าสมาธิสูงมากในช่วงนั้น จึงเป็นการฉวยโอกาสทำบุญกับพระที่ออกจากสมาบัติ จนกลายเป็นธรรมเนียมสืบต่อกันมา"

เถรี 31-03-2020 06:26

"ย่ามหลวงพ่อ" ก็ไม่ได้วิริศมาหราสวยงามสมกับเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังเลย ท่านไปเก็บเอาย่ามเก่า ๆ ที่พระใหม่ใช้งานแล้วทิ้งเอาไว้ นำมาซักแล้วก็ใช้งานต่อ โดยไม่ได้รังเกียจว่าใช้ของเหลือจากคนอื่น

จากประสบการณ์ในวงการผ้าเหลืองที่ผ่านมา มักจะเห็นพระท่านใช้ย่ามอยู่ ๒ ลักษณะ อย่างแรกก็คือสั่งตัดย่ามเป็นพิเศษ อย่างที่สองคืออวดกันว่า ย่ามใครจะ "ใหญ่" กว่ากัน

คำว่า ใหญ่ ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงขนาดของย่าม หากแต่เป็นตราซึ่งติดมากับย่าม ว่าเป็นของพระเถระรูปใด ซึ่งมีตั้งแต่ย่ามสมเด็จพระสังฆราช ย่ามสมเด็จพระราชาคณะ ย่ามรองสมเด็จพระราชาคณะ เป็นต้น เหมือนกับจะอวดกันไปในตัวว่าใคร "เส้น" ใหญ่กว่ากัน"

เถรี 31-03-2020 06:26

"ปรากฏว่า "หลวงพ่อ" ท่าน เอาบรรดาย่าม "เส้น" ใหญ่ที่รับมาจากงานต่าง ๆ ถวายให้พระลูกวัดไปใช้งานจนหมด ส่วนตัวท่านเองก็ไปเก็บย่ามเก่า ๆ ประเภทไม่มีใครเอาแล้วมาใช้แทน

มาลองดูว่าภายใน "ย่ามหลวงพ่อ" มีอะไรบ้าง ? ท่านมีย่ามอยู่ ๒ ใบ คือใบที่ใช้ออกงานเป็นประจำ กับใบที่ใช้เวลาอยู่วัด ที่กล่าวถึงตรงนี้คือใบที่ใช้อยู่กับวัด"

เถรี 31-03-2020 06:28

๑. ปากกา ๒ ด้าม มี ๒ สี คือ ปากกาหมึกแดง และ ปากกาหมึกน้ำเงิน เอาไว้เซ็นชื่อหรือเขียนหนังสือสั่งงาน เนื่องจากว่าทุกเย็น พระในวัดจะนำหนังสือต่าง ๆ มาให้ท่านตรวจ และลงลายมือชื่อรับทราบ จะให้จัดการอย่างไรก็เขียนกำกับเอาไว้

๒. ผ้าขนหนูเล็กเก่า ๆ ๑ ผืน สำหรับเช็ดโน่นเช็ดนี่ ที่เห็นเช็ดมากที่สุดก็คือมีดหมอ หรือวัตถุมงคลต่าง ๆ ที่ต้องใช้ความขยันขัดถูเป็นประจำ

๓. ไฟฉาย ๑ ด้าม ท่านได้มาจากหลวงพ่อนิล สมัยที่ยังอยู่สำนักสงฆ์ศรีชัยผาผึ้ง เวลาเดินตรวจวัดกลางคืน ก็ใช้ไฟฉายด้ามนี้เป็นประจำ นานเกิน ๑๐ ปีแล้ว

เถรี 31-03-2020 06:29

๔. พระขรรค์ไม้ดำดง หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ มีลายมือหลวงปู่ทิมจารเต็มทั้งเล่ม ท่านบอกว่าหลวงปู่ทิมสร้างขึ้นตั้งแต่ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๐๐ โดยขึ้นเกวียนไปขนไม้ดำดงตายพรายจากป่าประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี มาสร้างเป็นพระขรรค์ กริช และไม้เท้า อย่างละไม่กี่ด้าม

๕. มีดพับบ้านจ่าตุ่ม เอาไว้ใช้งานทั่วไป ต้องการตัด งัด คุ้ยแคะ จิ้มพุงใคร ก็อยู่ใกล้มือสามารถล้วงหยิบได้ง่าย ๆ

๖. แมลงภู่คำ แกะจากไม้ประดู่ดุมล้อเกวียน บรรจุเข็มทอง ๑ ตัว

๗. หุ่นพยนต์ ท่านอาจารย์ลอย โพธิ์เงิน ท่านบอกว่าปลุกด้วยคาถา โอม..ปลุก..ปลุก กูจะปลุกพ่อหุ่นพยนต์ ด้วยอะหังทุกัง นะมะพะทะ

เถรี 31-03-2020 06:30

๘. เหรียญรอยพระพุทธบาทหลังท้าวเวสสุวรรณเนื้อเงิน

๙. เหรียญสมเด็จองค์ปฐมเนื้อเขียวเหล็กไหล

๑๐. น้ำมันชาตรี หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ที่ท่านเอามาเติมลงในน้ำมันทานาคา เอาไว้สำหรับเจิมรถให้กับญาติโยม ที่นำรถใหม่มาให้ท่านเจิม

ย่ามใบนี้ต้องบอกว่ามีของน้อย แต่ช่วงเช้าและเย็นจะมีเงินอยู่ในย่ามมากเป็นพิเศษ ซึ่งก็คือเงินที่พระภิกษุ สามเณร แม่ชี และฆราวาส ช่วยกันใส่ย่ามนั่นเอง ซึ่งท่านถือว่าเป็นเงินสังฆทาน สั่งให้นำลงในบัญชีสังฆทานทุกครั้ง

เถรี 31-03-2020 12:34

พระอาจารย์กล่าวว่า "การแพร่กระจายของไวรัส covid-๑๙ ส่งผลกระทบต่อคณะสงฆ์เป็นอย่างมาก กิจกรรมทางพระพุทธศาสนาทุกอย่างต้องระงับลงหมด งานประเพณีทุกอย่างที่มีคนมาก ๆ ก็ต้องระงับลงทั้งหมด กิจนิมนต์ต่าง ๆ ถูกยกเลิกทั้งหมด

เพื่อนนักเทศน์ของอาตมา โดนยกเลิกกิจนิมนต์การเทศน์ตลอดไปจนถึงสิ้นเดือนเมษายน บ่นโอดครวญมาว่า "ไม่มีรายได้ มีแต่รายจ่าย ขืนเป็นอย่างนี้ต่อไป จะไปให้วัดท่าขนุนช่วยเลี้ยงแล้ว" แสดงว่าไม่รู้จักวัดท่าขนุนอย่างแท้จริง เพราะถ้ามาให้ช่วยเลี้ยงก็คือต้องบิณฑบาตเอง เนื่องจากว่าระเบียบของวัดท่าขนุนนั้น ถ้าเจ็บไข้ได้ป่วยต้องไปนอนโรงพยาบาล ถ้ายังอยู่วัดได้ต้องบิณฑบาตได้

อาตมาเองก็โดนญาติโยมหลายท่านถามว่า "เป็นใหญ่เป็นโตจนขนาดนี้แล้วทำไมยังต้องบิณฑบาตเอง ? ที่อื่นแค่เป็นเจ้าอาวาสก็ให้เณรบิณฑบาตเลี้ยงแล้ว" อาตมาตอบไปว่า "ครูบาอาจารย์ไม่เคยสอนให้ทำแบบนั้น แม้แต่พระพุทธเจ้าก็ยังทรงบิณฑบาตจนวาระสุดท้ายของพระชนมชีพ"

เถรี 31-03-2020 12:41

"ในช่วงไวรัสระบาดหนัก มีบางวัดประกาศงดเผาศพผู้ที่ตายด้วยไวรัส covid-๑๙ กลายเป็น "ดราม่า" เพราะว่ามี "เกรียนคีย์บอร์ด" เข้าไปด่าว่า เป็นพระแล้วทำไมถึงขาดเมตตา ? แต่เมื่อพระท่านถามคืนว่า ถ้ามีพระในวัดติดเชื้อแล้วใครจะรับผิดชอบ ? แม้แต่ "เกรียนคีย์บอร์ด" ก็ตอบไม่ได้"

เถรี 31-03-2020 12:43

"ที่มีผลกระทบหนักก็คือ การที่เจ้าคณะอำเภอพระนครศรีอยุธยา สั่งพักงานเจ้าคณะตำบลท่าวาสุกรี เขต ๒ เนื่องจากไปจัดงานบวช แล้วมีประชาชนมารวมกันเป็นจำนวนมาก ถือว่าฝ่าฝืนคำสั่งของทางคณะสงฆ์และทางราชการ ผิดจริยาพระสังฆาธิการอย่างร้ายแรง

เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่า เจ้าคณะตำบลท่าวาสุกรี เขต ๒ ท่านลำดับความสำคัญของเรื่องราวผิด ก็คือเอาความต้องการของญาติโยมเป็นใหญ่ โดยที่ลืมนึกถึงผลร้ายที่จะเกิดขึ้นต่อส่วนรวม ก็คือให้ความสำคัญต่อญาติโยมที่อุปถัมภ์วัด โดยลืมความสำคัญของคำสั่งคณะสงฆ์และทางราชการ

ซึ่งความจริงแล้วการลงโทษพระสังฆาธิการที่ละเมิดจริยานั้น มีทั้งการตำหนิโทษ ภาคทัณฑ์ พักหน้าที่ ให้ออก ปลดออก ขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาว่าจะดำเนินการในระดับใด"


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:33


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว