กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนมกราคม ๒๕๖๓ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6870)

เถรี 22-01-2020 09:13

พระอาจารย์กล่าวว่า “เมื่อคืนนักเลงดีโฉบเอาพระของขวัญวัดปากน้ำ รุ่น ๑ ไปแล้ว เลิกกรรมฐานก็ตามตื๊อเลย ...(หัวเราะ)... หลวงพ่อสดท่านเรียกว่าพระของขวัญ ก็คือเอาไว้ตอบแทนญาติโยมที่ทำบุญ ตอนหลังพวกเราไปเรียกสมเด็จวัดปากน้ำ เรียกไปเรียกมาปัจจุบันวัดปากน้ำก็เลยมีหลวงพ่อสมเด็จอยู่จริง ๆ ก็คือ หลวงพ่อสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) ปัจจุบันท่านเป็นที่ปรึกษากรรมการมหาเถรสมาคม”

เถรี 22-01-2020 09:15

พระอาจารย์กล่าวว่า “วิธีทำความสะอาดพระงาช้างอย่างหนึ่งที่เรานึกไม่ถึง ก็คือแปรงด้วยยาสีฟัน อย่าลืมว่างาก็คือฟันของช้าง ...(หัวเราะ)... บีบยาสีฟันลง แปรงให้ฟองฟอดไปเลย..!

ญาติโยมส่วนมากพอได้ไปก็ทิ้งไว้บนหิ้งก็ฝุ่นจับ ของอาตมาเองใส่ถุงใส่ย่าม ในย่ามจะมีถุงอยู่ใบหนึ่ง มีพระพุทธรูปองค์เล็กองค์ใหญ่ หินแกะบ้าง แก้วบ้าง งาบ้าง ยุ่งไปหมด ถึงได้ทำให้ย่ามหนักแท้”


เถรี 22-01-2020 09:16

“ของหลวงปู่มหาอำพันท่านเป็นพระแก้วมรกต ท่านจะรักพระแก้วเป็นพิเศษ เพราะว่าท่านเป็นนักเรียนทุนเล่าเรียนหลวงรุ่นแรก ทุน King’s Scholarship ของในหลวงรัชกาลที่ ๖ ไปเรียนต่างประเทศ ตอนสอบชิงทุนท่านไปกราบขอพรพระแก้วมรกต เสร็จแล้วได้ยินเสียงพระแก้วบอกชัด ๆ เข้าหูมาเลยว่า “Aviation” ก็คือเรื่องของการบิน

ท่านก็ไปศึกษาเนื้อหาเกี่ยวกับการบิน พยายามเขียนเป็นบทความภาษาอังกฤษ เอาไปให้ครูที่โรงเรียนดูแล้วช่วยกันแก้ไขขัดเกลา จนกระทั่งมั่นใจแล้วท่านก็ท่องจำไว้ ถึงเวลาเขาออกเป๊ะเลย น่าเสียดายที่หลวงปู่ท่านสอบได้ที่ ๑ แต่ว่าไปเรียนแล้วเรียนไม่จบ ป่วยกลับมา เพราะว่าสู้อากาศหนาวไม่ไหว กลายเป็นโรคปอด ป่วยกลับมา หามกลับมารักษาตัวที่เมืองไทย เพื่อนฝูงจบต่างประเทศกลับมา ได้เป็นคุณหลวงได้เป็นคุณพระ ท่านบอกว่าต้องมาเป็นหลวงตาต๊อกต๋อยอยู่คนเดียว”

เถรี 22-01-2020 09:17

“ถึงเวลาโยมแม่เห็นว่าไปแล้วป่วยก็ไม่อยากให้ไปอีก ท่านกตัญญูท่านก็ไม่ไป คือถ้าไปเรียนต่อก็จบเพราะว่าท่านเรียนเก่ง ท่านก็เลยบวชให้แม่แทน บวชแล้วก็อยู่ยาวมาเลย จนกระทั่งได้เป็นเจ้าคุณพระภาวนาปัญญาวิสุทธิ์ คราวนี้เจ้าคุณถ้าทางโลกก็คือพระยา ถ้าเจ้าพระยาเขาเรียกว่าเจ้าคุณใหญ่ ถึงเวลาเพื่อนเป็นคุณหลวงคุณพระท่านก็น้อยใจว่าท่านเป็นนักเรียนทุนเหมือนกัน ไม่ได้เป็นกับเขา พอมาบวชกลายเป็นเจ้าคุณ ใหญ่กว่าเพื่อนอีก ...(หัวเราะ)...

เพื่อนหลวงปู่ที่อาตมาเจอบ่อยที่สุดก็คือ พลตำรวจโทหลวงแผ้วพาลชน เกษียณอายุแล้วก็มาสนทนาธรรมกับเพื่อนพระอยู่ตลอด แสดงว่าหลวงแผ้วฯ ท่านก็เป็นคนธัมมะธัมโมอยู่เหมือนกัน”

เถรี 22-01-2020 09:19

พระอาจารย์กล่าวว่า “ตอนนี้ทะเบียนวัตถุมงคลประเภทเครื่องรางของขลัง ที่จะใช้เป็นฐานข้อมูลของพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุนจะเสร็จแล้ว แต่ว่ายังไม่สมบูรณ์เพราะว่าอาตมากำลังตรวจแก้ไขอยู่ ที่ไม่สมบูรณ์สาเหตุเกิดจากบางทีโยมที่ทำงานเขาไม่เข้าใจ อย่างตะกรุดหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน บรรจุอยู่ในหลอดเงินแกะลาย คราวนี้เพื่อไม่ให้ตะกรุดชำรุดก็ห่อผ้าไว้อีกชั้นหนึ่ง โยมก็ไม่เข้าใจว่าต้องถ่ายตัวตะกรุด โยมก็ถ่ายหลอดมาอย่างสวยทุกมุมเลย ...(หัวเราะ)... เขาถือว่าตะกรุดอยู่ในหลอด แบบนี้ก็ต้องไปถ่ายซ่อมแก้ไขกันไป

ตอนแรกว่าจะเอาตะกรุดขนาดยาว ๕ นิ้วให้ก็เกรงใจ เอาขนาด ๒ นิ้วให้เขาถ่ายรูป ปรากฏว่า ๒ นิ้วบรรจุอยู่ในหลอดเงินแกะลาย ก็เลยถ่ายหลอดมาทุกซอกทุกมุม เน้นลายอย่างชัดเจน ฝีมือดีมาก..!”


เถรี 23-01-2020 19:01

พระอาจารย์แจกขนมให้เด็ก ๆ “อยากจะกลับเป็นเด็กกันเลยใช่ไหม ? ...(หัวเราะ)... โน่น..ใช้อตีตังสญาณย้อนกลับไป ก่อนมาที่นี่ ลงจากรถ ขึ้นรถ ไปเรียกรถ ออกจากบ้าน ปิดบ้าน สำรวจความเรียบร้อยก่อนออกจากบ้าน แต่งตัว กินข้าว... ย้อนหลังไปเรื่อย เดี๋ยวก็ย้อนไปก่อนนอน ตอนเย็นเมื่อวาน ตอนบ่ายเมื่อวาน ย้อนไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็ได้เป็นวัน เป็นเดือน เป็นปี ถ้ามีความคล่องตัวมีมาก ๆ ก็จะระลึกชาติได้”

เถรี 23-01-2020 19:02

พระอาจารย์กล่าวว่า “บางคนเขาไม่นึกหรอกว่า คนเป็นร้อยเป็นพันอาตมาจะจำได้หมด ตอนที่อยู่วัดเวลาแจกวัตถุมงคล ต้องบอกว่าคนนี้รอบที่ ๓ คนนี้รอบที่ ๔ เขาไม่นึกว่าอาตมาจะจำได้

ถ้ากำลังใจมั่นคง ความจำจะเหมือนภาพถ่าย สามารถย้อนหลังกลับไปดูได้อีกด้วย คราวนี้ถ้าเป็นเรื่องของสมาธิจิต จะย้อนได้เร็วมาก สมมติว่าเราถ่ายวิดีโอเอาไว้ครึ่งวัน ต้องเสียเวลาย้อนไป ๖ ชั่วโมง แต่ถ้าเรื่องของสมาธิจิต จิตมีสภาพจำ ย้อนไปถึงตรงนั้นจะรู้ได้ทันทีเลย เพราะฉะนั้น..จะกี่ชาติก็ย้อนไปตามกำลังของตัว บำเพ็ญบารมีมาน้อยก็ระลึกได้น้อย บำเพ็ญบารมีมามากก็ระลึกได้มาก”


เถรี 23-01-2020 19:03

“มีพระพุทธเจ้าระลึกชาติได้ไม่จำกัด พระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร พระอนุรุทธ พระมหากัสสปะ นางภัททากัจจานาเถรีหรือพระนางพิมพา ท่านเหล่านี้ระลึกชาติได้ไม่จำกัด ท่านอื่น ๆ ก็ระลึกชาติได้จำกัด แต่ว่าเป็นเรื่องที่คนเขาทำกันได้มาก สมัยพุทธกาลบรรดาเจ้าลัทธิต่าง ๆ ระลึกชาติกันเป็นว่าเล่น เขาบอกว่าได้ร้อยชาติบ้าง พันชาติบ้าง ๑ กัป ๒ กัป ๓ กัป ๕ กัป ๑๐ กัป ๑๐๐ กัป ได้กันขนาดนั้นเลย”

เถรี 23-01-2020 19:04

พระอาจารย์กล่าวว่า “ใครเครียดเพราะเป็นฝ้า ไม่ต้องเสียเวลาไปซื้อครีมทาหน้า ไปฝึกหายใจยาว ๆ แบบโยคะ หายใจเป็นชุด ๆ ให้ได้ชุดละ ๓ นาที แล้วก็พัก ๓ นาทีแล้วก็พัก ไม่กี่วันก็หายแล้ว การเป็นฝ้าโบราณเขาว่าเลือดลมไม่ดี ในเมื่อเลือดลมไม่ดีเราก็ทำให้ดี ด้วยการหัดหายใจยาว ๆ เข้าไว้ จะช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้อีกด้วย”

เถรี 23-01-2020 19:04

พระอาจารย์กล่าวว่า “เดือนนี้ปล่อยควายไป ๑ ตัว วัว ๓ ตัว ใช้หนี้ไปเรื่อย ๆ สมัยก่อนกินควายไว้เยอะ..! จะเรียกว่ากินเยอะก็ไม่ใช่ เพราะว่าถึงเวลาไปรบทัพจับศึกก็ต้องต้อนสัตว์อาหารไปด้วย คือพวกวัวพวกควาย คราวนี้จะว่ากินเยอะก็ไม่ใช่ แต่ว่าบุคคลที่เป็นหัวหน้าต้องสั่งเขาทำ พูดง่าย ๆ ว่าฆ่าไปกี่ตัวก็รับผิดชอบด้วยทั้งหมด”

เถรี 23-01-2020 19:06

ถาม : ในความฝันได้ยินว่าแบบนี้ พอตื่นมาว่าจะจด แต่ก็ลืมไปหมด ?
ตอบ : เป็นกติกา กติกาว่าต้องรีบ รู้จักตะกร้าไหม ? ตะกร้าตักน้ำได้ไหมเล่า ? ความหยาบของโลกมนุษย์ก็เหมือนกับตะกร้า คือรองรับของละเอียดไม่ค่อยได้ พอถึงเวลาต้องรีบจดเอาไว้ ไม่อย่างนั้นก็รั่วหมด เพราะว่าเรารับมาจากส่วนที่ละเอียดกว่าเยอะ

อาตมาโดนมาด้วยตัวเองแล้ว หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านมาสั่งงาน ๓ ข้อ โอ๊ย...สามสิบข้อผมก็จำได้ ประมาทไปหน่อย รุ่งเช้าเหลืออยู่แค่ข้อเดียว อีกสองข้อไม่ต้องไปหา งมเท่าไรก็คิดไม่ออก แล้วอย่าไปถามใหม่นะ โดนไม้เท้าแน่นอน..!

เถรี 23-01-2020 19:06

พระอาจารย์กล่าวว่า “บ้านเราไม่ต้องไปพกร่มหรอก เดินตากแดดนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้น อย่ากลัวดำ ประเทศไทยแต่เดิมชื่อสยาม สยามแปลว่าดำ..! ...(หัวเราะ)... ขอบอกว่าคนดำ ฝรั่งเขาชอบสุด ๆ เพราะดำอย่างพวกเรานี่ไม่ใช่ black แต่เป็น brown skin ผิวสีน้ำตาลหรือสีแทน ถ้าดำเกินก็สีแทนทาลัม..! เขาถือว่าเป็นผู้มีอันจะกิน เพราะว่ามีโอกาสไปอาบแดด”

เถรี 23-01-2020 19:08

พระอาจารย์กล่าวว่า “โยมทำบุญบาทหนึ่งหรือว่าสตางค์หนึ่ง อาตมาก็ต้องลงบัญชีเหมือนกัน ปัจจุบันที่มีปัญหาที่สุดก็คือการโอนเงินออนไลน์ คือทางสรรพากรเขาจะต้องตรวจสอบ พระก็ต้องต้องลงทุกบาททุกสตางค์ โยมหลายคนมีความสุขเหลือเกินที่ได้ทำบุญวันละบาท แต่อาตมาลงบัญชีหน้ามืดเลย..!

เดือนธันวาคมที่ผ่านมา เฉพาะบัญชีเงินออนไลน์โอนมา ๕๗ หน้า..! แล้ว ๕๗ หน้านี่มีตัวเลขพิลึกพิลั่นอยู่ อย่างประเภท ๑๐.๙๙ บาท ๑๐๘ บาท ๑ บาท ๒ บาท ๖ บาทก็มี...ไม่ว่ากัน อาตมาก็แปลกใจว่า ๙๙ บาท อีกบาทเดียวก็ครบร้อยแล้ว ทำไมไม่โอนให้ครบไปเลย ?

เวลาตัวเลขไม่ลงตัวก็ลำบาก เพราะว่าต้องลงทุกบาททุกสตางค์ เนื่องจากว่าการโอนเงินออนไลน์นี่สรรพากรเขาตรวจสอบอยู่ตลอด แล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่าวันดีคืนดีจะเล่นงานพระเรื่องไม่จ่ายภาษีหรือเปล่า ? จึงต้องระวังตัวและจัดการให้เรียบร้อย โยมโอนเงินวันละบาท อาตมาก็ลงบัญชีมือหงิกเลย..! ถ้าเป็นไปได้ก็ลงไป ๕ บาท ๑๐ บาทไปเลย เอาเป็นตัวเลขเต็ม ๆ หน่อย”

เถรี 23-01-2020 19:09

พระอาจารย์กล่าวว่า “วันก่อนเอาถ้วยเบญจรงค์ลายน้ำทองออกมาใช้วันแรกก็ฝาแตกเลย แขนหนีบกระบอกน้ำ มือถือถ้วยน้ำ อีกมือหนึ่งก็ไขกุญแจ ทีนี้ถ้วยเอียง ฝาเบญจรงค์ก็ร่วง ส่วนกระบอกน้ำก็จะร่วง เลยไม่รู้ว่าจะหยิบอะไรก่อน เป็นอันว่าของใหม่เอี่ยมออกมาก็แตกเลย สัพเพ ธัมมา อนัตตา สิ่งทั้งหลายทั้งปวงไม่สามารถยึดมั่นเป็นตัวตนได้ แพงแค่ไหนก็แตก ...(หัวเราะ)...”

เถรี 23-01-2020 19:10

“นางมัลลิกาเทวีจัดเลี้ยงพระ คนใช้วิ่งมาส่งรายงาน นางมัลลิกาอ่านเสร็จก็พับเก็บใส่ชายพก...เลี้ยงพระต่อ ปรากฏว่าสาวใช้ทำจานแตก พระท่านก็เตือน “อุบาสิกา...สรรพสิ่งมีความเสื่อมสลายเป็นธรรมดา อย่าได้เสียดายกับของที่แตกไปเลย รักษาใจไว้ให้ดี เรากำลังทำบุญอยู่” นางมัลลิกาก็เลยหยิบจดหมายจากชายพกส่งให้พระเถระดู เขาเขียนมาบอกว่า สามีและบุตร ๓๓ คนไปออกศึกที่ชายแดนตายเรียบ ...(หัวเราะ)... อาตมาสงสัยอยู่อย่างเดียวว่า ลูก ๓๓ คนนี่คลอดมาอย่างไร ? น่าจะแฝดสี่แฝดห้าสัก ๒-๓ ชุดกระมัง..!

สรุปว่านางทำใจได้ตั้งแต่แรกแล้ว ขนาดผัวตายลูกตายเกลี้ยงก็ยังทำบุญหน้าตาเฉย กับแค่ถ้วยจานแตกไปใบเดียวจะไปเสียดายอะไร”

เถรี 23-01-2020 19:11

ถาม : ขอพรปีใหม่ค่ะ ?
ตอบ : ก็ที่ให้ไปเมื่อครู่นั่นแหละ แปลออกหรือเปล่า ?

สิทธิกิจจัง
งานการทุกอย่างจงสำเร็จ สิทธิกัมมัง ทำอะไรก็ให้สำเร็จ สิทธิลาโภ นิรันตะรัง ให้มีลาภไม่รู้จักหมดจักสิ้น สิทธิเตโช ชะโยนิจจัง ให้มีเดชมีอำนาจเสมอ ๆ สัพพะสิทธิ ภะวันตุ เต ขอสิ่งทั้งหลายเหล่านี้สำเร็จแก่เธอ ...(หัวเราะ)... แปลไม่ออกแล้วจะมาขอพรใหม่ เดี๋ยวตีเลย..!

เถรี 23-01-2020 19:12

พระอาจารย์กล่าวว่า “เรียนเราต้องเรียนให้รู้ รู้แล้วต้องรู้ให้จริง รู้จริงคือต้องบอกต่อได้ สอนต่อได้ อย่าไปเรียนเอาจบ การเรียนเพื่อให้จบเป็นอะไรที่น่าเกลียดมาก เขาเรียกว่าเรียนแบบขอไปที ในเมื่อเรียนแบบขอไปที ถึงเวลาทำอะไรก็ต้องทำแบบขอไปที..เอาดีไม่ได้ จะมีใครเขายอมเปิดทางให้เราไปบ่อย ๆ เล่า ก็ต้องอาศัยความสามารถที่แท้จริงเข้าว่า”

เถรี 23-01-2020 21:54

โยมทำพระพุทธรูปตก พระอาจารย์จึงกล่าวว่า “โยมจะเห็นว่าตัวเองตกใจ ทำไมพระไม่ตกใจเลย ? แสดงว่าใจพวกเราอยู่นอกตัว ถ้าใจอยู่กับตัว อะไรเกิดขึ้นจะไม่ตกใจ เพราะอาการตกใจก็คือ การที่จิตส่งออกนอกแล้ววิ่งกลับมาเร็วเกินไป กว่าอาตมาจะตายด้านขนาดนี้ได้ก็ฝึกอยู่หลายปีนะ

จะมีความก้าวหน้ามาเป็นลำดับ ๆ เพียงแต่ว่าเราต้องสังเกตให้เป็น อย่างเช่นว่า รถหมุนเป็นลูกข่างบนเขาค้อห่างจากเหวไม่ถึงศอก ปรากฏว่ามีแต่เสียงบอกว่า “เอาอีก ๆ” แล้วคนขับก็บอกว่า “ทำได้ครั้งเดียวโว้ย..!” จะให้หมุนอีก..สนุกดี..!”

เถรี 23-01-2020 21:55

“ก่อนหน้านั้นก็ยังมีสะดุ้งนิด ๆ มาตายด้านจริง ๆ ก็ตอนปีที่ไปธุดงค์ที่บึงลับแล มีพระร่วมคณะไปรวมแล้ว ๕ รูป ต่างคนก็ต่างหาที่ปักกลดกันเอง อาตมาเห็นว่าอยู่นานและพอจะมีฝีมืออยู่บ้างก็ทำแคร่นอน ซึ่งก็ไม่ยากหรอก ถึงเวลาก็ต่างคนต่างภาวนา เวลาผ่านไป ๆ น่าจะสักประมาณ ๕ ทุ่ม อะไรที่เกิดกับอาตมามักจะเกิดใกล้เคียงเวลานี้แหละ น่าจะเป็นเวลาทองของตัวเอง

กำลังภาวนาอารมณ์ใจทรงตัวดี แคร่ก็พัง ทางด้านหัวหักโครมลงไป แคร่ก็เอียงทิ่มพื้น อาตมาเองก็ค่อย ๆ ไหลหัวค้ำพื้น ช่างหัวมัน..กำลังภาวนาอารมณ์ใจทรงตัวดี ๆ ขี้เกียจขยับ ไม่อยากให้หลุด ก็ภาวนาไปเรื่อย คราวนี้น้ำหนักกดลงมาเรื่อยก็เริ่มเจ็บหัว เอาวะ..ลุกก็ได้”

เถรี 23-01-2020 21:56

“คราวนี้ตอนลุกขึ้นมีเหตุการณ์ ๒ อย่างเกิดขึ้นพร้อมกัน อย่างแรกคือ พระท่านเห็นว่าเสียงแคร่พังโครมลงมาตั้งนานแล้ว ทำไมพระอาจารย์ไม่กระดิกเลย แคร่ทับตายไปหรือยัง ? ท่านก็ส่องไฟมา

ตอนที่ท่านส่องไฟ อาตมาเห็นพระธุดงค์ห่มผ้าสีกรัก ไม่ทันได้สังเกตว่าในความมืดทำไมเห็นท่านชัดอย่างนั้น ? เห็นพระธุดงค์รูปหนึ่งยืนอยู่ตรงหัวนอน ก็สงสัยว่าพระท่านมาจากไหน ? คือเห็นชัด ๆ เลย เห็นหน้าตา กระทั่งสีจีวร เห็นเหมือนกลางวันสว่าง ๆ ท่านอาจจะมาตอนดึกก็เลยไม่อยากจะเรียกพวกเรา เดี๋ยวจะถามท่านหน่อยว่าเป็นใครมาจากไหน ?”

เถรี 23-01-2020 22:00

“ปรากฏว่าพระของเราเห็นพระอาจารย์เงียบไปนาน ท่านจึงส่องไฟฉายมา คราวนี้ท่านส่องแล้วเขย่า ๆ ไฟฉายเพื่อเป็นสัญญาณให้รู้ว่าเรียกหา อาตมาก็เห็นพระธุดงค์ท่านเต้นระบำได้ มองไปมองมา..นี่เงาเราเองนี่หว่า ? พอท่านเขย่าไฟฉาย เงาก็วูบไปวูบมา แล้วทำไมเมื่อครู่นี้ถึงเห็นได้ชัดขนาดนั้น ? ก็แปลว่าผีหลอก คราวนี้แคร่พัง สติอยู่กับตัวไม่ไปไหน นิ่งตลอด อยู่กับการนอนหัวทิ่มจนทนไม่ไหวค่อยขยับเปลี่ยนท่า เห็นผีต่อหน้าต่อตา รู้ว่าผีหลอกก็ยังเฉยด้วย เออ..ดีเหมือนกัน..!

ตั้งแต่นั้นมา ฟ้าถล่มดินทลายอย่างไรก็เฉย ๆ เพราะว่ารู้วิธีรักษาใจอยู่ภายในไม่ให้ส่งออกไปข้างนอก การที่เราตกใจเพราะว่าเราส่งใจออกนอกโดยไม่รู้ตัว พอถึงเวลาเกิดอะไรขึ้นก็ดึงเอาใจกลับมาเพื่อรับรู้ คราวนี้ดึงกลับมาเร็วเกินไป ร่างกายรับไม่ทันก็สะดุ้งตกใจ ดังนั้น..ถ้าเราภาวนาไป ฝึกซ้อมบ่อย ๆ เดี๋ยวก็ตายด้านไปหมดเองแหละ”

เถรี 23-01-2020 22:02

“ไม่ได้เจตนาทำให้โยมเห็นหรอก บังเอิญตายด้านก็เลยให้พรไปเรื่อย จบแล้วค่อยว่ากัน เพราะว่าไม่มีอันตรายอะไรนี่ แต่ถ้าอย่างรถชนอย่างอะไรที่มีอันตราย อาตมาจะลงไปดูก่อน อันดับแรกที่ไปก็คือ ถามคู่กรณีว่ามีใครเจ็บบ้างไหม ? มีอันตรายอะไรหรือเปล่า ? รถมีประกันอะไรไหม ? หลายครั้งแล้วที่เขาชนเราแล้วรถเขาพังยับเยิน ส่วนรถของเราไม่มีร่องรอยอะไรเลย สงสัยว่าเทวดาจะรักษาดีเกินไป..!

พอถามเขาเสร็จสรรพเรียบร้อย ไม่มีใครเจ็บ ถ้าอย่างนั้นอาตมาไปละนะ โยมโทรหาประกันเอาเองก็แล้วกัน ลาก่อน..! ก็เขาชนเรานี่ เราไม่เอาเรื่อง ...(หัวเราะ)... อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทุกครั้ง เกิดจากการที่คนอื่นขับรถแบบไม่สนใจโลก ครั้งนั้นสิบล้อเขาตีไฟขอทางเพราะว่าเขาจะเลี้ยวขวา เขาขอทางมาเป็นนาที แต่รถเก๋งไม่ยอมหลบ ขับคู่กันไปตลอด จะเร่งเร็วขึ้นหรือจะลดความเร็วลงก็ไม่ทำ จนกระทั่งสิบล้อเขาใกล้จะถึงที่เลี้ยวเขาก็หักขวับไปเลย รถเก๋งต้องเบรกกะทันหัน รถของเราก็ต้องเบรกตาม แล้วคันหลังเบรกตามไม่ทันก็ทิ่มรถของอาตมาเข้าเต็ม ๆ ซึ่งถ้าอาตมาเป็นสิบล้อคันนั้น ไอ้รถเก๋งไม่ได้เบรกหรอก เพราะว่าอาตมาก็คงตบตกถนนไปแล้ว..!”

เถรี 23-01-2020 22:02

“ส่วนอีกครั้งไม่ใช่สิบล้อแต่เป็นหกล้อ รถของเรามาด้วยความเร็วปกติประมาณ ๘๐-๙๐ กม./ชม. ของเขาเองอยู่อีกฝั่ง เขากลับรถพรวดเดียวออกมาเลยโดยไม่สนใจว่ารถเรามาหรือเปล่า ก็เบรกสิครับแบบนี้..!”

เถรี 23-01-2020 22:03

“ส่วนอุบัติเหตุครั้งที่หนักที่สุดคือหนักที่รถ รถพังหมดเลย เหตุเกิดที่แยกตึกชัย ช่วงไฟเขียว ต่างคนต่างก็เร่งเพื่อให้พ้นไฟเขียว รถคันหน้าของอาตมาวิ่งไปถึงกลางสี่แยก พอไฟเหลืองก็เบรกหยุดทันที คันของอาตมาก็เลยส่งเขาข้ามแยกไปเลย..! ตำรวจจราจรเดินมาดู ถามว่า “หลวงพ่อเป็นอะไรไหมครับ ?” หลวงพ่อไม่เป็นอะไรหรอก แต่รถพังแน่ ๆ เพราะว่าหลวงพ่อออกไม่ได้ โดนหนีบติดอยู่อย่างนี้ ตำรวจก็ต้องไปวิทยุเรียกกู้ภัยมาช่วยกันตัดช่วยกันถ่าง แคะเอาหลวงพ่อออกมา”

เถรี 23-01-2020 22:08

“ไปดูคันหน้าปรากฏว่าของเขาเป็นรถกระบะ ด้านท้ายไม่เหลือดีเลย ก็เลยถามเขาว่ามีประกันหรือเปล่า ? เขาตอบว่าไม่มี บรรลัยแล้วกู..! คุณไม่มีประกันแล้วจะทำอย่างไร ? ท้ายสุดก็เลยบอกเขาว่า “คุณไปโทรเรียกอู่มาแล้วกัน ถ้าเขาตีราคาเท่าไรเดี๋ยวอาตมาจ่ายให้ แล้วคราวหน้าอย่าขับรถแบบนี้อีก ขณะที่ต่างคนต่างเร่งความเร็ว ต่อให้ไฟแดงเขายังต้องไป แต่นี่พอเหลืองแล้วคุณเบรกทันทีเลย”

เขาบอกว่า “เมียบอกให้หยุดครับ” คุณสามีดีเด่นแห่งชาติเลยแบบนี้..! ก็เลยบอกว่า “คุณทำแบบนี้บ่อย ๆ คุณได้เปลี่ยนเมียใหม่แน่นอน..!” คือการชนลักษณะนี้ถ้าสะบัดผิดจังหวะจะคอหักเลย เพราะว่าชนจากข้างหลัง กฏจราจรนั้นใช่ ก็คือเขียวไปได้ เหลืองหยุด แดงห้ามขยับเด็ดขาด แต่สิ่งที่บ้านเราปฏิบัติก็คือ เขียวไปได้ เหลืองให้รีบไป แดงถ้ามีความสามารถยังไปได้อีก..! ฝรั่งเขามาตายเมืองไทยไป ๒-๓ ศพก็เพราะอย่างนี้แหละ คือพอเหลืองแล้วเขาเบรกหยุดเลย ส่วนของเราข้างหลังมาพอเห็นเหลืองก็เร่งเต็มที่เลย คันหน้าหยุดเราก็เบรกไม่ทันแล้ว”

เถรี 23-01-2020 22:10

“ทุกครั้งที่เกิดอุบัติเหตุอาตมาไม่เคยเป็นอะไรเลย บางทีกระจกถล่มลงมาทั้งบาน เต็มตัวไปหมด อาตมาก็เฉย ๆ พอถึงเวลาเปรี้ยง..ยกแขนจีวรบังหน้า กันเศษกระจกเข้าตา พอเหตุการณ์สงบเรียบร้อยลดมือลงมา อื้อหือ..พราวไปทั้งตัวอย่างกับลิเกติดเพชร มีแต่กระจกเป็นเม็ด ๆ เต็มไปหมด

ของบางอย่างวาระกรรมมาถึง แต่ว่ากุศลของทาน ศีล ภาวนา ช่วยได้ โดยเฉพาะวัตถุมงคล ถ้าผ่านพิธีพุทธาภิเษกที่ถูกต้อง จะมีเทวดารักษา ถึงเวลาไปไหนอย่าลืมอาราธนา จะได้ปลอดภัยตลอดทาง หลายครั้งก็ปลอดภัยแบบไม่น่าเป็นไปได้

มีอยู่ครั้งหนึ่งอาตมาลุ้นจนหมดแรงเลย ก็คือเจอสิบแปดล้อตัดหน้า ตอนนั้นคนขับยังหนุ่มอยู่ ห้าวมาก ขับ ๑๔๐ กม./ชม. เวลาตี ๔ กว่า ๆ รถพ่วงสิบแปดล้อพรวดจากข้างทางออกมาเต็มถนน อาตมาก็ต้องช่วยเบรกสุดตัวเลย คนขับรถนี่ถอดใจแล้วว่าชนแหลกแน่นอน ปรากฏว่าห่างสักไม่ถึงครึ่งคืบก็หยุดได้ ส่วนเจ้าสิบแปดล้อนั่นไม่แลเราหรอก ก็ไปของเขาต่อ คราวนี้การที่ใช้กำลังใจมากเกินไป ทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองหมดแรงไปเลย”

เถรี 23-01-2020 22:11

“คนบ้านเราส่วนใหญ่ที่เกิดอุบัติเหตุเพราะลักษณะอย่างนี้ เมื่อล่าสุดรถกระบะชนสามล้อพ่วงข้าง สามล้อพ่วงข้างวิ่งอยู่ข้างถนนด้านซ้าย ถึงเวลานึกจะเปลี่ยนเลนก็เปลี่ยนเลย หักขวาขวับมา แล้วรถเลนขวาก็รู้อยู่ว่าวิ่งเร็วทั้งนั้น ตูมเดียวบินว่อนทั้งรถทั้งคนเลย อาตมายังไม่ได้ตามข่าวว่าตายหรือเปล่า เพราะว่าชนกันเมื่อวานนี้เอง

ที่เล่ามาเพื่อให้รู้ว่า ชีวิตของเราอยู่ใกล้ความตายมาก อยู่ใกล้ชนิดที่ว่า ถึงเราจะไม่ประมาทอย่างไร คนอื่นเขาก็ช่วยประมาท ดังนั้น..สิ่งที่สมควรทำที่สุดก็คือ ใจเราต้องเกาะพระ เกาะเทวดา เกาะการภาวนา เกาะพระนิพพาน เกาะอะไรให้ได้สักอย่างหนึ่ง เกาะต่ำไปต่ำ เกาะสูงไปสูง ปล่อยวางหมดไม่เกาะอะไรเลยก็ไปพระนิพพาน”

เถรี 23-01-2020 22:12

“พวกเราบางทีภาวนาไป ทำวันละนิดวันละหน่อย ฟุ้งซ่านบ้าง ดีบ้าง ภาวนาบ้าง ด่าชาวบ้านบ้าง เห็นว่าตัวเองไม่มีอะไรดี แต่ว่าต้องลอง เพราะว่าถ้าหากว่าเกิดอุบัติเหตุฉุกเฉินอะไรขึ้นมา เราจะรู้ทันทีเลยว่าต้นทุนของเราพอไหม ? ถ้าอย่างเมื่อครู่นี้ต้นทุนไม่พอแน่ ประเภทตกใจแหกปากลั่นขนาดนั้น

เกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมาทุกอย่างจะรู้สึกเหมือนกับช้ามาก เพราะว่าสภาพจิตของเราเร็วกว่า เหตุที่สภาพจิตเร็วกว่าเพราะว่าการสั่งสมมา ความเร็วจะมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่อย่างนั้นแล้วความแหลมคมว่องไวไม่พอ ก็จะทำให้ตามกิเลสไม่ทัน ป้องกันกิเลสไม่ได้”

เถรี 23-01-2020 22:13

“ดังนั้น..ยิ่งทำต้องยิ่งเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ถึงจะใช่ บางสำนักบอกว่า การปฏิบัติต้องยิ่งช้ายิ่งดี อันนั้นไม่จริง ถ้ายิ่งช้ายิ่งดีนี่ผิดทางแน่นอน การปฏิบัติธรรมนั้น สภาพสติ สมาธิ ปัญญา จะแหลมคมว่องไวขึ้นไปเรื่อย ๆ การทำอะไรจะเร็วขึ้น แต่เป็นการเร็วโดยไม่ผิดพลาด คราวนี้พอเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมา อย่างเช่นว่าอุบัติเหตุกะทันหัน เราตกใจไหม ? ท่านที่ปฏิบัติมาส่วนใหญ่ไม่ตกใจหรอก มีสติอยู่พร้อม ตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหา ผ่อนหนักเป็นเบาให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

หรือไม่ก็อีกทีหนึ่งเจ็บไข้ได้ป่วยหนัก ๆ จะตาย หรือว่าหมอนัดผ่าตัด ใจสั่นริก ๆ เลย งานนี้จะรอดไหมหนอ ? คนปฏิบัติมาเขาไม่เสียเวลาคิด ส่งใจไปเกาะพระ เกาะพระนิพพานไปเลย ถ้าตายเมื่อไรขออยู่ตรงนี้แหละ จบกันแค่นี้ จะเห็นว่าสภาพร่างกายมีความเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นปกติ พยาธิธัมโมมหิ พยาธิง อะนะตีโต เรามีความเจ็บเป็นธรรมดา ไม่อาจล่วงพ้นความเจ็บไข้ไปได้ เห็นธรรมดา ปล่อยวาง พยายามรักษาทุกอย่างแล้วแก้ไม่หายต้องถึงมือหมอ ก็ต้องเป็นหน้าที่ของหมอ หมอก็ทำหน้าที่ของหมอไป เราก็ภาวนาของเราไป”

เถรี 23-01-2020 22:14

“แต่ได้โปรด..บางคนภาวนาดีเกินไป หมอแทง ๓-๔ เข็ม..ไม่เข้า ...(หัวเราะ)... ต้องขอร้องให้เลิกภาวนาหรือไม่ก็เอาวัตถุมงคลออกก่อน ไม่อย่างนั้นหมอฉีดยาไม่ได้ คือปกติก็ภาวนาไม่ดีขนาดนั้นนะ คราวนี้ไปคิดว่าหมอจะผ่าตัด เราอาจจะตาย กำลังใจเกาะภาวนาสุดชีวิต สมาธิดี เข็มก็เลยแทงไม่เข้า..!”

เถรี 24-01-2020 21:43

1 Attachment(s)
พระอาจารย์กำลังเช็ดปั้นเหน่งอยู่ "บอกให้รู้ไม่ได้ว่าอะไร เดี๋ยวจะกลัวกัน กะโหลกผีตายโหง ตายวันเสาร์เผาวันอังคาร แต่อันนี้ยังไม่ทันจะเผา พอวันอังคารจะเผาก็ไปเจาะเอามาเสียก่อน เขาเอามาทำปั้นเหน่ง เป็นวิชาของทางล้านนา

ความจริงไม่ต้องกลัว อาตมาอุทิศส่วนกุศลให้กลายเป็นเทวดาไปหมดแล้ว ชิ้นกะโหลกพอเก็บนาน ๆ ไปจะมีความชื้น จะขึ้นรา ก็ต้องเช็ดให้สะอาด

มีอยู่ไม่มาก มีอยู่สามชิ้น ขอยืนยันว่าอาตมาไม่ได้เลี้ยงผี มีแต่จะให้ผีเลี้ยง อุทิศส่วนกุศลให้ คุณไปสบายแล้วถึงเวลาก็ช่วยหาเงินให้ด้วย อาตมาเก็บไว้ในฐานะที่เป็นศิลปะของแผ่นดิน อย่างอันนี้เขาแกะเป็นรูปหน้ากาลหรือราหู"

เถรี 24-01-2020 21:58

พระอาจารย์กล่าวถึงโยมที่มาทำบุญว่า คุณธวัชชัยเป็นเพื่อนเก่า รับใช้หลวงพ่อวัดท่าซุงมาด้วยกัน แล้วไม่ต้องถามนะ อาตมาเป็นคนเดียวที่หน้าตาไม่เปลี่ยน ไม่ยอมแก่เลย เพื่อนฝูงเขาชิงแก่กันหมด

หลายท่านอาจจะเคยเห็นรูปอาตมา ที่เขาเรียกว่ามนุษย์ทองคำ ที่ถ่ายมาแล้วสีผิวเหมือนกับเคลือบทอง นี่แหละ..ฝีมือคุณธวัชชัยคนนี้ถ่าย เพราะว่าตอนนั้นกำลังภาวนานึกถึงหลวงพ่อวัดท่าซุงที่ท่านนั่งรับสังฆทานอยู่ ดูว่าพระพุทธเจ้าองค์ไหนมาคุม เห็นพระพุทธกัสสปท่านคุมอยู่ ปรากฏว่าพอนึกถึงท่าน รัศมีท่านคลุมลงมาด้วย คุณธวัชชัยถ่ายรูปพอดี ออกมาเป็นทองคำเลย เพราะว่าพระท่านสงเคราะห์”

เถรี 24-01-2020 22:19

สนทนากับคุณธวัชชัย "ถ้าสติอยู่กับตัวจะไม่เป็นไร แต่ที่ตื่นเต้นเพราะส่งใจออกนอก ถ้าส่งใจออกนอก โอกาสที่จะปรุงแต่งไปรักโลภโกรธหลงมีเยอะมาก

โยมบางคนเขาสงสัย พระไม่ตื่นเต้นเลยหรือ ? ถ้ารักษาใจเป็นก็ไม่ตื่นเต้นกับใครหรอก ค่อย ๆ สั่งสมไป พอถึงเวลาก็เหมือนกับน้ำเต็ม ก็จะพอเหมาะพอดีพอควร แต่คราวนี้วาระของแต่ละคนมากน้อยไม่เท่ากัน บางคนถ้าหากขยันมาก ทำถูกทางก็ไปเร็ว ถ้าขยันน้อย มีภาระมาก บางทีภาระครอบครัวแย่งเวลาปฏิบัติไปหมด เราจะทำบ้าง เมียกวนบ้าง ลูกกวนบ้าง ยุ่งไปหมด"

เถรี 24-01-2020 22:20

“ของบางอย่างพยายามปิดก็ปิดไม่อยู่ เพราะว่ากาย วาจา ใจ ที่แสดงออกนั้นแตกต่างแล้วเขาเห็นชัด เดี๋ยวนี้เพื่อนพระเขารู้กันหมดแล้ว ...(หัวเราะ)... ก่อนหน้านี้ยังพอปิดได้ ระยะหลังปิดไม่อยู่แล้ว กลายเป็นพระนี่แหละที่เลื่อมใสมากกว่าโยมอีก ถึงเวลาพระทั้งจังหวัดจะขอพึ่งแต่พระอาจารย์เล็ก คือพระอยู่ด้วยกันมากกว่า ถึงได้รู้มากกว่า พอรู้มากกว่าถึงเวลาก็บอกต่อ ๆ กัน โอ้โฮ..เหนื่อยอย่าบอกใครเลย งานโน้นก็จะนิมนต์ งานนี้ก็จะนิมนต์ เอาพระอาจารย์เล็กนี่แหละ ไม่เอาท่านอื่นหรอก..ตาย ...(หัวเราะ)...

ถึงเห็นชัดจริง ๆ ว่าสิ่งที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสอนเรา ถ้าตั้งใจเอานะ ต้องได้ดีแน่นอน นับเวลาที่พวกเรารับใช้หลวงพ่อมาก็เกือบ ๔๐ ปีแล้ว คือระยะเวลาอย่างนี้ถ้าคนที่มีเวลาแล้วตั้งใจทุ่มทำจริง ๆ เห็นหน้าเห็นหลังได้เลย แต่ว่าส่วนใหญ่ภาระงานพาไปเสียจนกระทั่งแทบจะไม่มีเวลา”

เถรี 24-01-2020 22:25

ถาม : ผมมีกรรม ไม่ได้บวช ?
ตอบ : ไม่เป็นไรหรอก ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเอง ถ้าวาระเหมาะสมเดี๋ยวก็มาได้เอง อีกอย่างหนึ่งคือฆราวาสไปง่ายกว่า เหตุเพราะว่ากติกาน้อยกว่า ถนนมีรูแค่ ๕ รู หลบซ้ายหลบขวาก็ไปได้แล้ว ของพระตั้ง ๒๒๗ รู จะตกหลุมตกร่องตรงไหนก็ไม่รู้

อีกอย่างหนึ่งก็คือ ฆราวาสเราคลุกอยู่กับทุกข์ตลอดเวลา ถ้ารู้จักพิจารณาจะเห็นทุกข์ง่ายกว่าพระเยอะเลย เพียงแต่ว่าเราฉวยโอกาสตรงนี้ขึ้นมาได้ไหม ? บางทีเราก็รู้สึกว่าเบื่อมากโดยที่ไม่รู้ว่าจริง ๆ เป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะถ้าเราไม่เบื่อ เราก็จะอยากเกิด อยากมี อยากได้อีก

เถรี 24-01-2020 22:27

คราวนี้เราไม่สามารถรักษาความเบื่อให้อยู่กับเราได้ เพราะว่าถ้าอยู่กับเราไประยะหนึ่ง ใช้ปัญญาพิจารณาก็จะเห็นว่า เกิดมากี่ชาติก็น่าเบื่อแบบนี้ แต่ถ้าเราสามารถตัดชาติตัดภพได้ลงในชาตินี้ ขึ้นชื่อว่าการเกิดมาพบความน่าเบื่อเช่นนี้จะไม่มีอีก เพราะฉะนั้น..การที่เบื่อแค่ชาติเดียวเปรียบกับการเวียนว่ายตายเกิดนับชาติไม่ถ้วน เหมือนหลับตาลงแล้วลืมตาขึ้นก็ผ่านไปแล้ว ทำไมเราจะอยู่ให้ดีไม่ได้ ? ใจเราจะยกระดับขึ้นมา จะกลายเป็นสังขารุเปกขาญาณ ไม่เป็นนิพพิทาญาณแล้ว

เพราะฉะนั้น..บางทีก็ต้องรอวาระเหมือนกัน เพราะว่าคนที่เล่นอยู่บนเวที บางทีก็มองไม่เห็นช่องทาง เหมือนกับนักมวยต่อยกัน คนข้างล่างก็ “เตะซ้ายสิ ต่อยขวาสิ” คนข้างบนไม่เห็นหรอก เพราะมั่วอยู่ เราเองชีวิตฆราวาสก็เหมือนกับนักมวยบนเวที ไม่ค่อยเห็นช่อง แต่คนข้างล่างเขาเห็น ดังนั้น..ถ้าหากว่าใครเห็นช่อง ชีวิตฆราวาสจะไปง่ายกว่า กติกาน้อยกว่า อยู่กับทุกข์มากกว่า เห็นชัดเจนกว่า ฟังแล้วมีกำลังใจอยากเป็นฆราวาสต่อนะ ...(หัวเราะ)...

เถรี 24-01-2020 22:28

อาตมาออกจากวัดมาก็ ๒๗ ปี ขึ้นปีที่ ๒๘ แล้ว ที่ออกก็ออกมาตามวาระ ออกมาก็ดีเพราะว่าพรรคพวกเพื่อนฝูงออกมากี่คนอาตมาช่วยท่านได้หมด ไม่อย่างนั้นแล้วท่านก็ไม่มีที่ไป ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะหลวงพี่วิรัชหรือว่าใครก็แวะมาที่นี่ทั้งนั้นแหละ ให้ช่วยหาที่หาทางให้ ชวนไปอยู่ด้วยกันทางด้านโน้น หลวงพี่วิรัชท่านบอกว่า “ผมไม่เอาหรอก ผมกลัวมาลาเรีย” ...(หัวเราะ)...

ส่วนหลวงพี่อาจินต์อาตมาหาวัดประจำอำเภอให้ พร้อมกับตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอ ท่านหนีเลย ท่านไม่เอา ท่านบอกว่าท่านไม่อยากรับภาระ

เถรี 24-01-2020 22:30

พอนาน ๆ ไปแล้วก็เหมือนกับการร่อนเพชรร่อนพลอย คัดเลือกว่า ใครเป็นกรวด ใครเป็นทราย ใครเป็นก้อนหิน ใครเป็นพลอย ใครเป็นเพชร ก็จะเด่นขึ้นมาเอง พอเด่นขึ้นมาก็หนีคนไม่พ้น หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเคยบอกว่า “ถ้าดอกไม้บานละก็ เอ็งไม่ต้องห่วงหรอก แมลงจะมาเอง” หลบอย่างไรแมลงก็หาเจอ

แมลงในที่นี้ก็คือคนที่เคยสร้างบุญสร้างกรรมร่วมกันมา คนที่เคยสร้างบุญสร้างกรรมร่วมกันมา เขาฟังคนอื่นก็ไม่อยากไป แต่ถ้าหากว่าฟังคนที่เขาเคยสร้างบุญสร้างกรรมร่วมกันมา เขารู้สึกว่าถูกใจ อยากจะไปด้วย ก็เลยจับกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนขึ้นมา

เถรี 24-01-2020 22:32

คราวนี้ก็มีปัญหาอยู่ตรงที่ว่า ทางคณะสงฆ์ของเราก็ดี ทางสายบุญของเราก็ตาม ใจยังไม่กว้างพอ คณะสงฆ์ของเรานี่ขนาดว่าผมเป็นที่ยอมรับของท่านแล้ว บางทีท่านก็ยังอิจฉา บอกว่าพระอาจารย์เล็กจัดงานวัดแต่ละทีคนล้นวัดเลย ของท่านเองมา ๓๐๐ คนก็ดีใจแย่แล้ว อิจฉาออกนอกหน้าเลย

แต่ก็อย่างว่า..คือทำอะไรไม่ได้ ส่วนทางสายบุญของเรานี่บางทีก็เหมือนกับเห็นว่าไปแข่งกับสำนักใหญ่ ก็เลยทำให้มีปัญหากระทบกระทั่งกับคนที่กำลังใจยังต่ำอยู่ ผมสรุปได้ตั้งแต่ ๒๐ กว่าปีที่แล้วว่า “ใครวางก่อน สบายก่อน”

เถรี 24-01-2020 22:33

คราวนี้พอท่านเห็นในลักษณะอย่างนี้ ท่านลืมดูพระพุทธเจ้า สมัยก่อนพอถึงเวลาพระอุรุเวลกัสสปะพาบริวารมา ๕๐๐ ท่านก็ชื่นชมว่าเป็นอาจารย์ใหญ่ มีคนเคารพนับถือมาก สามารถสั่งสอนลูกศิษย์ได้มาก มีผู้เลื่อมใสมาก พระมหากัจจายนะพาบริวารมา ๒๐๐ ท่านก็ชื่นชม นี่เป็นอดีตปุโรหิตของพระเจ้าจัณฑปัชโชต กรุงอุชเชนี สร้างความเลื่อมใสทางด้านโน้นได้มาก บุคคลตามบวชกันมาก พระองค์ท่านกล่าวยกย่องทุกเรื่อง ถ้าพระพุทธเจ้าขี้อิจฉานี่ ศาสนาพุทธอยู่ไม่ได้หรอก ...(หัวเราะ)...

คราวนี้ตัวอย่างพ่อใหญ่ก็ทำให้ดูแล้ว หรือแม้แต่หลวงพ่อวัดท่าซุง พอถึงเวลาสำนักโน้น สำนักนี้ สำนักนั้น ตรงไหนดีท่านให้ไป หลวงปู่มหาอำพันดี..ไปนะ หลวงปู่ธรรมชัยดี..ไปนะ หลวงพ่อดาบสดี..ไปหานะ ท่านไม่ได้หวงลูกศิษย์ ไม่ได้หวงสายบุญ แต่ท่านอยากให้รู้ว่าทุกท่านถ้าหากว่าปฏิบัติตามที่พระพุทธเจ้าสอนแล้ว ผลจะออกมาเหมือนกัน สามารถที่จะยืนยันได้ แต่ถ้าหากว่ากำลังใจไม่เปิดกว้างพอ แทนที่จะไปคิดลักษณะนี้ก็ไปคิดว่าไปแข่งกัน บางอย่างก็เลยต้องปล่อยท่านไป เพราะว่าท่านคิดได้แค่นั้น ...(หัวเราะ)...


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:45


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว