![]() |
พระอาจารย์เล่าว่า "ตอนที่ไปรับสังฆทานที่หาดใหญ่ นั่งได้อยู่ประมาณหนึ่งชั่วโมง ก็เจ็บหลังจนทนไม่ไหว ต้องขึ้นไปพัก ไปนอนเอนหลังจนหายเจ็บแล้วค่อยลงมาใหม่ บางทีโยมนั่งรอเป็นชั่วโมงกว่าที่จะลงมา สาเหตุก็ไม่ได้มีอะไรหรอก กำลังสรงน้ำอยู่ ก้มลงไปถูสบู่ที่ขา หลังลั่นกึ๊ก..! แล้วก็อยู่อย่างนั้นตั้งนานกว่าที่จะขยับได้ เจ็บแทบตาย แล้วก็ยืดตัวไม่ขึ้น เดินหลังโก่ง งานก็ยังไม่เสร็จ ทนเจ็บไปอีก ๒ วันกว่างานจะหมด ถึงไปหาหมอได้
ก็ต้องบอกว่าสร้างกรรมไว้เยอะ ไปเห็นกรรมเก่าตอนอาการคลายแล้ว กำลังรบกันอยู่สมัยสามก๊กโน่น พอปะทะกันเพลงแรก ม้าวิ่งสวนกัน ทางด้านเรากระทุ้งด้ามทวนตามหลัง เข้าสันหลังเขาพอดีเลย ตัวเองก็เลยโดนบ้าง กระทุ้งเขาตกหลังม้าเลย ก็เป็นพันปีมาแล้วยังอุตส่าห์ตามมาอีก บางอย่างกรรมอื่นหนักกว่าก็เอาไปก่อน พวกประเภทเจ้าหนี้รายเล็ก ๆ ค่อยมาตามทวงตอนมีจังหวะแทรกได้" |
พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงนี้เขาหนีเที่ยวกันเยอะ ป้ามอยเพิ่งจะไปเกาหลีกลับมา ทิดเฟิร์สก็ไปพม่า ไอ้หญิงเมื่อกี้บอกว่าจะไปพรีเซนต์งานที่พม่า มีโอกาสก็ไป ได้เห็นอะไรแล้วจะซาบซึ้งว่าที่เราภูมิใจในความเป็นประเทศไทยของเรานั้น จะต้องใช้ความพยายามมากกว่านี้ ชาวโลกเขาแซงไปหมดแล้ว จากเสือตัวที่ ๕ ของเอเชีย กลายเป็นเต่าตัวสุดท้ายของอาเซียน..!
ต้องบอกว่าผู้นำนั่นแหละที่ทำให้เป็นอย่างนี้ ขนาดข้าวของยังยืมเขาใช้ไม่รู้จักหาเอง นาฬิกาก็ยืมเพื่อน แหวนก็ยืมแม่ แล้วจะบริหารประเทศให้ดีได้อย่างไร ?" ถาม : รายงานก็ส่งไม่ถึงเสียที ไม่รู้ระบบสื่อสารเป็นอย่างไร ? ตอบ : เขาเลือกเฉพาะสิ่งที่อยากฟัง พวกสิ่งที่ไม่อยากฟังก็ไปไม่ถึง อย่างที่เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังเขาบอกว่า ไม่เคยได้ข้อมูลส่วนนี้มาก่อนเลย ก็คนไม่กล้าพูด ส่วนใหญ่เห็นเขาเป็นใหญ่เป็นโตแล้วก็เกรงใจ |
เมื่อวานซืนประชุมร่วมกับทางด้านคณะกรรมการตรวจติดตามการสร้างวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี คนโน้นก็ชม คนนี้ก็ชม พระอาจารย์เล็กก็นั่งอมยิ้ม พอไมโครโฟนมาถึง ท่านอาจารย์มีอะไรจะคุยไหม ? บอกว่าเรื่องที่จะคุยนี่จะว่าเกี่ยวกับวิทยาลัยสงฆ์ก็เกี่ยว จะว่าไม่เกี่ยวก็ไม่เกี่ยว ก็คือค่าเทอมของ มจร. แพงเกินไปแล้ว..! รุ่นของอาตมาเรียน ต่อให้ลงไป ๒๐ กว่าหน่วยกิต เทอมหนึ่งก็ประมาณแค่ ๑,๘๐๐ บาท เดี๋ยวนี้ขนาดเรียนเทอมหนึ่งไม่เกิน ๘ หน่วยกิต ล่อไป ๕,๐๐๐-๖,๐๐๐ บาท ทำให้นิสิตส่วนหนึ่งหายไป แล้วอาตมาสร้างวิทยาลัยสงฆ์ คิดว่าจะหาคนมาเรียนได้ไหม ?
บางอย่างก็ต้องใส่แรง ๆ ไม่ใส่แรง ๆ เขาก็ไม่รู้ ก็เลยฝากงานเขาไปด้วย บอกว่าโปรดพิจารณาด้วยว่า วัตถุประสงค์การสร้างวิทยาลัยสงฆ์ โดยเฉพาะมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยของในหลวงรัชกาลที่ ๕ ก็คือให้พระได้มีโอกาสศึกษาพระไตรปิฎกและวิชาการชั้นสูง เท่ากับอนุเคราะห์สงเคราะห์ต่อพระภิกษุสามเณรที่มีโอกาสน้อยให้เขาได้เรียนเพิ่ม เพราะฉะนั้น..ถ้าเป็นไปได้ก็ควรที่จะลดค่าหน่วยกิตให้ต่ำที่สุด |
คุณพยายามที่จะดึงตัวเองขึ้นไปให้ได้มาตรฐานของมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ เป็นการกระทำที่ถูก แต่กลายเป็นเตะสกัดไม่ให้พระเณรเรามีโอกาสเรียน เดี๋ยวนี้มีโดยกฎเกณฑ์กติกาบ้า ๆ ออกมา จะเรียนปริญญาโทต้องมีพื้นฐานการใช้คอมพิวเตอร์ ๑๗๐ คะแนน จะต้องสอบโทเฟลได้ ๓๐๐ คะแนน จะเรียนปริญญาเอกต้องมีพื้นฐานการใช้คอมพิวเตอร์ ๒๒๐ คะแนน ต้องสอบโทเฟลได้ ๕๐๐ คะแนน มึงบ้าหรือเปล่า ?
พระบ้านนอกของเราอย่างเก่งก็จบ ป. ๖ แล้วก็มาบวชเณร แล้วคุณจะเอาพื้นฐานภาษาอังกฤษที่ไหนมามากมายขนาดนั้น ? ไม่ใช่โคตรอัจฉริยะ ถึงเวลาจะได้เรียนเองได้ เจออาตมาใส่ยับใส่เยินหมด ท้ายสุดคณะกรรมการก็ได้แต่ตีหน้าจ๋อย ๆ “เดี๋ยวผมจะเอาเข้าที่ประชุมครั้งต่อไปให้ครับ” อาจารย์ท่านอื่นท่านไม่กล้าพูด ส่วนอาตมาหรือ ? ถ้ากูโดนไล่ออกก็สบาย กูจะได้ไม่ต้องสอนให้เหนื่อย..! คุณมัวไปกลัวเจ้านายอยู่เพราะว่าหวังประโยชน์ กลัวอนาคตตัวเองเปลี่ยนแปลง อาตมาหักอนาคตตัวเองเล่นมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ถ้าเราไม่กลัวการเปลี่ยนแปลง ก็ทำได้ทุกเรื่อง และถ้าเราไม่หวังผลประโยชน์ ก็ทำได้ทุกเรื่อง กล้าพูดทุกเรื่อง |
ถาม : ไปสอบตำรวจสายอำนวยการ ภาวนาคาถาท่านปู่พระอินทร์ คนสอบเกือบแสน แต่ผมสอบติดได้ ทั้งที่ไม่ได้อ่านหนังสือ ?
ตอบ : ขอยืนยันว่าถ้าคุณเชื่อก็สอบได้แน่นอน ดี..จะได้เป็นตัวอย่าง โยมเขาไปสอบตำรวจ คนสอบเป็นแสน ตัวเองไม่ได้อ่านหนังสือ แค่ภาวนาคาถาท่านปู่พระอินทร์แล้วสอบได้ อย่าไปบอกเจ้านายเขาแบบนี้เชียวนะ...โดนแน่..! |
แม่พาเด็ก ๆ สองคนมาถวายสังฆทาน "เขาบอกว่าลูกรักเอาไว้หลัง ลูกชังเอาไว้หน้า เวลาลิงโดยเฉพาะตอนหนีภัย ต้องห้อยโหนโจนทะยาน ตัวที่อยู่ข้างหน้าจะปะทะพวกกิ่งไม้มากกว่า คนโบราณก็เลยบอกว่าลูกรักเอาไว้ข้างหลัง ลูกชังเอาไว้ข้างหน้า
อาตมายอมเป็นลูกชังเกาะอยู่ข้างหน้า เพราะว่าอย่างไรก็ได้กินตลอด แบบนี้คิดคนละอย่างกัน ปกติลิงจะมีลูกตัวเดียว แต่ถ้าไม่ปกติก็คือลูกแฝด คราวนี้พอลูกแฝดก็ลำบาก ตัวหนึ่งไว้ข้างหลังตัวหนึ่งไว้ข้างหน้า เคยดูคลิปที่แม่นกป้อนอาหารลูก คาบหนอนมาทีหนึ่ง ๗-๘ ตัว ลูก ๔-๕ ตัวยื่นหน้ามา ตัวแรกคว้าหมับไปเกือบหมดแล้ว ที่เหลือก็เอาไปคนละตัวสองตัว บางตัวก็อด นั่งเหี่ยวไป..ต้องรอรอบใหม่" |
สนทนากับพระ "ผมห่วงบ้านเราว่าจะไม่มีกิน เพราะว่าถ้าแล้งขึ้นมาจะปลูกผักปลูกหญ้าอะไรก็ลำบาก วันลอยกระทงสิ่งที่ผมชื่นชมที่สุดก็คือเขื่อนวชิราลงกรณเปิดน้ำนิดเดียว ปกติเขื่อนเขาเปิดน้ำมาก็จะเลยต้นเสาสะพานแขวนของเราขึ้นมาถึงริมฝั่ง แต่งานนี้พวกเราเดินลงไปลอยข้างล่างเลย นั่นคือเขื่อนเขาประสบการณ์มาก ปีนี้เขาประหยัดสุดขีด ลอยกระทงนี่ปกติเปิดให้เราเต็มที่เลย งานนี้เปิดนิดเดียว น่าจะเป็นน้ำปั่นไฟปกติของเขา คือไม่ได้เปิดประตูน้ำเพิ่ม"
|
ถาม : (กิจกรรมการสวดพระคาถาเงินล้านที่บ้านสุมโน)
ตอบ : ถ้ามีคนร่วมกิจกรรมก็ทำไปเถอะ ต่อให้น้อยแค่ไหนก็ตาม ผลได้คือตัวเราก่อน ถัดจากนั้นถ้าใครทำด้วยความเลื่อมใสศรัทธาจริง ๆ ผลก็จะเกิดกับตัวเขาเอง |
พระอาจารย์เล่าว่า "วันก่อนหลวงพ่อเจ้าคุณโสภณกาญจนาภรณ์ เจ้าคณะอำเภอเมืองกาญจนบุรีโทรมา “อาจารย์เล็ก..ผมนิมนต์ช่วงวันที่ ๗-๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๓ ไปบรรยายในงานปฏิบัติธรรมวัดไทยนครเมลเบิร์น พวกผมจะจ่ายค่าเครื่องบินให้เอง” กราบเรียนว่า “หลวงพ่อครับ เป็นไปไม่ได้เลยครับ งานคร่อมหัว คร่อมกลาง คร่อมท้ายอยู่พอดี ไม่มีช่วงว่างเกิน ๒ วันเลย” เป็นช่วงงานสัปดาห์วิสาขบูชา ท่านหายไป ๒ วันก็โทรมาใหม่ “อาจารย์เล็ก..ช่วงปลายเดือนว่างไหมครับ ?” “หลวงพ่อครับ..ของผมนี่จองข้ามปียังได้ตัวยากเลยครับ” ให้ไปบรรยายธรรมให้คนไทยที่ออสเตรเลียฟัง อุตส่าห์ลงทุนค่าเครื่องบินค่าอะไรให้หมด แต่พระอาจารย์เล็กไม่ว่าง"
|
พระอาจารย์เล่าว่า "วันก่อนหลวงพ่อวัดเขื่อนท่าทุ่งนามรณภาพ หลวงพ่อเจ้าคณะอำเภอเมืองกาญจนบุรีก็ถามว่า ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนตอนนี้อยู่ที่ไหน ? กราบเรียนว่า "อยู่วัดท่ามะขามนั่นแหละครับ หลวงพ่อไม่ต้องคิดถึงทางด้านผมนะครับ ให้ท่านมหาพรพลไปเถอะ ท่านเป็นด็อกเตอร์ เป็นประโยค ๙ ด้วย ถ้าไม่ได้เป็นเจ้าอาวาสนี่อนาถมากเลย"
ส่วนใหญ่ท่านจะถามก่อน ก็แบบเดียวกับที่จะเลื่อนขึ้นเป็นรองอำเภอ พอรู้ว่าจะรับตราตั้งแน่ ๆ วันที่ ๓๐ วันที่ ๒๘ ท่านเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีก็ถาม “อาจารย์เล็ก..ตำบลจะให้ใครหรือเปล่า ?” กราบเรียนว่า “ไม่หรอกครับ ยกให้เป็นหน้าที่ของหลวงพ่ออำเภอท่านสรรหา ผมไม่ยุ่งด้วย” “อย่างนั้นก็แล้วไป ถ้าหากว่าจะเอาก็ให้บอกนะ จะได้ให้อาจารย์เล็กก่อน” ท่านคิดว่าอาตมาจะเอาคนของวัดท่าขนุนเป็น เรื่องการปกครองอาตมาไม่ล้วงลูกอยู่แล้ว เจ้านายส่งใครมาหรือให้ใครเป็นก็เอาเถอะ ให้ลูกน้องผมเป็นก็เท่ากับให้ผมแบกภาระด้วย แล้วใครจะอยากได้ ส่วนใหญ่คนอื่นเขาอยากได้ตำแหน่ง แต่พวกเรานี่รู้เลยว่าตำแหน่งมาพร้อมกับหน้าที่ เขาไม่ได้ให้เรามาเสวยสุขนี่หว่า..!" |
พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของการเล่นวัตถุมงคลต้องเอาอย่างท่านอาจารย์วิสุทธิ์ ท่านจะไม่เล่นของแพงเด็ดขาด สวยแค่ไหนก็ไม่เอา ท่านจะรอปีแล้วปีเล่า ท้ายสุดก็จะได้ของราคาที่ใจตัวเองต้องการ ถ้าลักษณะอย่างนั้นถึงใช่ แต่ว่าถ้าเราไปเล่นของแพงโดยที่คิดว่าจะเอาไปทำกำไรต่อ แรกเริ่มก็คิดผิดแล้ว ถึงได้เตือนโยมว่าอย่าไปยุ่งเลย...แพง แต่โยมก็จะเอา"
ถาม : เก็บของไปเดี๋ยวก็แพงเอง ๑๐ ปีก็แพงแล้ว ? ตอบ : ใช่อย่างนั้นจริง ๆ นะ มีโยมอยู่คนหนึ่งที่รู้จัก เป็นข้าราชการในสุพรรณบุรี ก็ใช้วิธีนี้แหละ ไปวัดไหนก็ไปซื้อเอาไว้ ๓๐๐ เหรียญ ๕๐๐ เหรียญ ถามว่าซื้อไปทำอะไรเยอะแยะ ? ท่านบอกว่าเผื่อเอาไว้แจกงานศพตัวเองตอนตาย ปรากฏว่าไม่ทันจะตายหรอก ลูกชายเอาไปขายหมด เพราะที่ซื้อไว้คือเหรียญ ๘ รอบหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ในตลาดจะเป็นแสนอยู่แล้ว แล้วท่านมีตั้ง ๓ กล่อง ลูกชายบอกพ่อว่าไม่ต้องห่วง เดี๋ยวงานศพผมหาของชำร่วยให้ อันนี้ขอไปขายก่อน ก็คิดดูว่าซื้อตอนที่ไม่แพง ของหลวงปู่ทิมตอนนั้นก็แค่ ๓๐ บาท ๕๐ บาท เหรียญลงยา ๕๐ บาท เหรียญทั่วไป ๓๐ บาท ลูกชายออกรถใหม่สบายใจเฉิบไปเลย |
คิดดูว่าพระสมเด็จคำข้าวจาก ๑๐ บาท ตอนนี้อย่างต่ำ ๆ ก็ ๑,๖๐๐ บาท กำไรไปกี่เท่าแล้ว ? ตอนที่ผมเก็บ บรรดาพระพี่พระน้องเขาก็บอกว่า จะเก็บไปทำอะไรวะ ? เยอะแยะขนาดนี้ หลวงพ่อยังอยู่ ผมก็คิดว่าปัจจัยโยมเขาถวายมาก็ควรให้เขาได้บุญมากที่สุด ก็ร่วมบุญกับหลวงพ่อท่านไป
แต่คราวนี้พอทำบุญกับท่านแล้ว ท่านก็ให้มา ๑๐ บาทก็องค์หนึ่ง ๑๐๐ บาทก็ ๑๐ องค์ ผมทำบุญที่หนึ่งได้มา ๗๐๐-๘๐๐ องค์ ปรากฏว่าพอสิ้นท่าน ราคาขึ้นพรวดไปเป็น ๑๐๐ บาท เป็น ๑,๖๐๐ บาท พวกก็มาเอาไปจากผมองค์ละ ๑๐ บาท ไอ้พวกที่ว่าผมบ้านั่นแหละ..! |
พระอาจารย์กล่าวว่า "โยมเอาดอลลาร์สิงคโปร์ ดอลลาร์อเมริกันมาถวาย คิดถึงเงินไทยของเราระยะนี้แล้วบ้ามาก เศรษฐกิจห่วยแตกสุด ๆ แต่เงินไทยแข็งค่าที่สุดในภูมิประเทศ ประเทศรอบ ๆ เราค่าเงินตก แต่เงินไทยแข็งโป๊ก เกิดจากสาเหตุเพราะรัฐบาลใช้เงินไม่เป็น
คำว่าใช้เงินไม่เป็น ไม่ได้หมายความว่าเขาเอาไปถลุงไม่เป็น เพราะว่าเงินตรงนี้เป็นเงินสำรองของประเทศ สมัยนายกฯ ทักษิณ กับนายกฯ ยิ่งลักษณ์ นอกจากว่าใช้หนี้ไอเอ็มเอฟแล้ว ยังเอาเงินคืนเข้ากองทุนสำรองไว้มาก คราวนี้กองทุนสำรองมากเท่าไร ความมั่นคงของค่าเงินก็จะมีมากเท่านั้น แต่มายุคนี้บรรลัยเพราะว่าค่าเงินแข็ง แล้วใครจะค้าขายด้วย เขาก็ต้องหาทางไปค้าขายกับประเทศที่ค่าเงินอ่อน พอถึงเวลาตัวเองจะได้กำไรมาก ปกติถ้าค่าเงินสูงขนาดนี้มีวิธีที่ง่ายมาก ก็คือจ้างสถาบันการเงินเอาไปลงทุน พวกสถาบันการเงินระดับโลกเยอะแยะไป เขาพร้อมที่จะช่วยใช้เงินให้คุณ แต่รัฐบาลเราทำไม่เป็น ได้แต่มาลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจ นั่นเม็ดเงินที่ไปกู้มาล่วงหน้า ไม่ใช่ทุนสำรอง ในเมื่อทุนสำรองของคุณยังมากมายมหาศาลอยู่เหมือนเดิม ก็เรียบร้อยสิครับ เงินก็แข็งโป๊ก ตอนนี้อเมริกันดอลลาร์จะหลุด ๓๐ บาทอยู่แล้ว เงินแพงส่งออกก็ยาก คนจะค้าขายด้วยเขาก็ไม่เอา อาตมาสึกไปบริหารประเทศก็น่าจะได้ บางทีเห็นเขาทำอะไรกันไม่เป็น แล้วศึกษามางู ๆ ปลา ๆ อาตมายังเห็นช่องทางตั้งเยอะตั้งแยะ ทำไมเขาไม่เห็นกันวะ ? ตอนที่เรียนวิชาเศรษฐศาสตร์เจตนาของเขาดีมากเลย วิชาเศรษฐศาสตร์เขาบอกว่า เนื่องจากทรัพยากรของโลกนี้มีจำกัด แต่ความต้องการของมนุษย์ไม่มีที่สิ้นสุด จึงต้องศึกษาวิชาเศรษฐศาสตร์เพื่อแบ่งปันทรัพยากรให้เหมาะสม เออ...หลักการดีมาก แต่คราวนี้การจัดสรรแบ่งปันทรัพยากรปัจจุบันนี้ บ้านเราขาดความยุติธรรม รายได้ ๙๐% อยู่กับประชากร ๑๐% ของประเทศ ส่วนความยากจนอยู่กับ ๙๐% ของประชากรของประเทศ..!" |
"เขาแซวว่าพระเจ้าสร้างโลก ส่วนที่เหลือคนจีนสร้างหมด ตอนนี้เทคโนโลยี 5G ฝรั่งยังตามไม่ทัน แต่จีนเริ่ม 6G แล้ว เดี๋ยวนี้อะไร ๆ ก็หุ่นยนต์ ไม่เป็นไรหรอก...พระหุ่นยนต์ทำหน้าที่ได้ไม่สมบูรณ์เท่ากับตัวจริง เพราะว่า AI แสดงอารมณ์ไม่ได้ ในเมื่อ AI แสดงอารมณ์ไม่ได้ อย่างเก่งก็เอาเสียงสวดมนต์ยัดเข้าไปได้เท่านั้น พอถึงเวลาโยมเขามาถาม “ผัวเจ้าชู้จะทำอย่างไร ?” ทางด้านโน้นก็ “ไปถวายสังฆทานจ้ะโยม” ก็เจ๊งนะสิครับ ก็ AI ไม่รู้นี่หว่าว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร ? ก็แค่อัดข้อมูลเก่า ๆ เข้าไปให้เครื่องประมวลผลเท่านั้น"
|
"วันก่อนที่ประชุมร่วมกับท่านองคมนตรี พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา ที่บอกกับท่านว่าต้องระวังเรื่อง AI ท่านบอกว่ามาไม่ถึงทองผาภูมิหรอก ก็เพราะว่าพวกเด็ก ๆ ที่เรียนส่วนใหญ่ก็คือช่างไฟฟ้า ช่างเชื่อม ช่างซ่อมเครื่องยนต์ ซึ่งเรื่องพวกนี้ถึงเวลาหุ่นยนต์มาแทนที่ได้หมด ถ้ามาแทนที่หุ่นยนต์จะทำได้ดีกว่าทุกอย่าง ทำงานวันละ ๑๐ ชั่วโมงโดยไม่เรียกร้องวันหยุด ไม่โวยใส่หน้าเจ้านาย แล้วค่าแรงก็แค่การซ่อมบำรุงตามระยะเวลาแค่นั้นเอง
ได้ยินท่านบอกว่า ผมมาทองผาภูมิยังเห็นเขาขุดดินด้วยกระบอกไม้ไผ่ แล้วก็หยอดข้าวโพดด้วยมือ AI มาไม่ถึงหรอก ถ้าท่านคิดอย่างนี้ก็ไม่รอดแน่นอน" |
"ส่วนที่น่ากลัวที่สุดก็คือสหรัฐฯ พยายามยั่วยุทุกวิถีทางเพื่อจะให้จีนเปิดสงครามด้วย จีนก็พยายามอดทนทุกวิถีทาง เพราะว่าไม่อยากเตะลูกเข้าทางตีนเขา โดนยุจนกระทั่งฮ่องกงไต้หวันเละเทะเป็นโจ๊ก จีนก็พยายามอดทน เพราะเขารู้ว่าถ้าเกิดสงครามมาก็จะเดือดร้อนกันหมด รบกันจริง ๆ นี่สหรัฐฯ ไม่แน่ว่าจะเอาจีนลง เพราะว่าเดี๋ยวนี้เทคโนโลยีของจีนเหนือกว่าเยอะ ข้าวของอะไรของคุณเก็บไว้ในตึกในเซฟเขารู้หมด ส่วนสหรัฐฯ อย่างเก่งก็แค่ชี้เป้าได้เท่านั้น
วันก่อนสื่อต่างประเทศเขาเรียกประธานาธิบดีสมองกลวง ไม่นึกเลยว่าสื่อมวลชนจะว่ากันแรงขนาดนี้ ท่านเพิ่งรับปากประเทศอื่นไป แต่พอสื่อถามบอกว่าจำไม่ได้แล้ว ภาษาอังกฤษใช้คำว่า ‘No Brain Prime Minister’ แปลเป็นไทยว่าประธานาธิบดีสมองกลวง ประเทศเราทรัพยากรมีเยอะ และที่ตั้งของประเทศก็เหมาะสมที่สุดที่จะเชื่อมต่อโลก แต่ปรากฏว่าบ้านเราบริหารให้ดีไม่ได้ ไปนึกถึงที่พระครูแสงใช้คำว่า “กระบี่ดีแต่คนใช้บัดซบ..!” |
"ต้นทุนของเรามีเยอะมาก ทั้งทรัพยากรธรรมชาติทั้งภูมิศาสตร์ ประเทศอื่นจะไปแข่งขันกันเรื่องอะไรก็แข่งไปสิ ส่วนเราเป็นประเทศเกษตรกรรมก็จบแล้ว ถึงเวลาต่อให้ขายไม่ได้เราก็กินกันเองได้ แต่คนอื่นมีหรือที่จะไม่ซื้อสินค้าเกษตร ? เราดันไปสนับสนุนอะไรกันก็ไม่รู้ แทนที่จะเป็นผู้ผลิต ทุกคนก็เป็นผู้ขาย ๆ ๆ ถามหน่อยเถอะ..ถ้าไม่ผลิตแล้วคุณจะเอาอะไรมาขาย ? เดี๋ยวนี้ประเภทเด็กรุ่นใหม่พอถึงเวลาขี้เกียจเรียน ก็ขายของทางอินเตอร์เน็ต ถามหน่อยเถอะพ่อคุณ..ถ้าคุณไม่หัดผลิตไว้ แล้วต่อไปคุณจะเอาอะไรมาขาย ?
|
"ในหลวง ร.๙ ทรงวางเอาไว้หมดแล้ว ถ้าเป็นเราก็คงหมดอารมณ์ไปแล้ว ท่านยังทำมาตั้ง ๗๐ ปี ต้องบอกว่าวิริยบารมีของพระองค์ท่านเต็มเปี่ยมจริง ๆ ที่ศาสตราจารย์แมนเฟรด (Prof.Manfred Krames) ท่านว่า “คนไทยเรามีครูใหญ่ที่ดีที่สุดก็คือในหลวงภูมิพลฯ แต่น่าสงสารที่ว่าไม่มีใครทำตามที่ครูคนนี้สอนเลย” ฟังแล้วอนาถใจมาก พอถึงเวลาเราก็มาแค่ “ทรงพระเจริญ...!”
|
พระอาจารย์กล่าวว่า "กรมเจ้าท่าจัดโครงการสูงวัยได้สิทธิ์ลดราคา ลดค่าโดยสารทางเรือให้ผู้สูงอายุ อาตมาในฐานะผู้สูงอายุขอบอกว่า ผู้สูงอายุไม่ค่อยลงเรือหรอก ลงลำบาก เขาคิดมาดีแล้ว เขารู้ว่าผู้สูงอายุไม่ค่อยลงเรือ ก็เลยลดราคาให้ ทำให้ดูดีในสายตาชาวบ้าน แต่ดีแบบกลวง ๆ"
|
ถาม : การตักบาตรพระ เราควรดูว่าอย่างไร ว่าพระองค์ไหนบ้างเราควรทำบุญกับท่าน ?
ตอบ : รูปใดเดินผ่านมาก็รูปนั้นแหละสมควร การใส่บาตรถ้าเราเจาะจงเลือกพระก็เป็นแค่ปาฏิปุคคลิกทาน...ได้อานิสงส์น้อย แต่ถ้าเราไม่เลือกพระ ท่านใดมาเราก็ใส่ จะเป็นสังฆทาน อานิสงส์มากกว่าเป็นแสนเท่า |
ถาม : เราจะดูอย่างไรว่ามีใครคนไหนทำของใส่เราหรือใส่บ้าน ?
ตอบ : ถ้าอยากดูอย่างนั้นก็ฝึกทิพจักขุญาณให้ได้ก็จบแล้ว |
ถาม : ...(ไม่ชัด)...ฤกษ์ก็ไม่มี ยามก็ไม่มี ไม่มีอะไรสักอย่าง ?
ตอบ : อย่างที่พระท่านบอกหลวงพ่อฤๅษีฯ “แกดูหรือเปล่าว่าวันนี้เป็นวันอะไร ? นี่ไม่ใช่วันเสาร์ ๕” หลวงพ่อฤๅษีฯ ก็สะดุ้ง ประกาศบอกเขาไปหมดแล้ว ไปดูก็คือเป็นวันเสาร์แรม ๕ ค่ำ ไม่ใช่ขึ้น ๕ ค่ำ หลวงพ่อท่านก็กราบทูลถามว่า “แล้วผมจะทำอย่างไรครับ ?” “ไม่เป็นไร ถ้าหากว่าฉันจะทำให้ก็ใช้ได้” ถึงเวลาหลวงพ่อท่านป่วยมาก ๆ เข้าก็พลาดจนได้ ดูไปดูมาเอาแรม ๕ ค่ำเป็นวันไหว้ครู |
พูดถึงพิธีเป่ายันต์ฯ ปีหน้า "ยังไม่รู้เลยว่าจะสร้างวัตถุมงคลอะไรหรือเปล่า ? ไม่สร้างก็บวงสรวงเฉย ๆ ถึงเวลาถ้าไม่มีฝากวัตถุมงคลเข้าพิธีแล้วก็เฉากันหมด
เดี๋ยวนี้แทบทุกวัดจะอาศัยหากินกับวัดท่าขนุน ถึงเวลาก็หอบวัตถุมงคลมาเข้าพิธี มากันแบบไม่ต้องเกรงใจ มากันทีเป็นคันรถ แทนที่จะจัดพิธีเอง นิมนต์อาตมาไปเสก ถวายค่ารถสัก ๓,๐๐๐-๕,๐๐๐ บาท ก็ไม่มี เล่นตั้งใจมากินฟรีกันเลย บางทีก็นึกขำ ๆ อาตมาเปิดโอกาสนี้ให้ เผื่อว่าคนที่เขาสู้ราคาวัตถุมงคลของวัดตรง ๆ ที่แพงมากไม่ไหว จะได้มีของดีราคาถูกกับเขา ปรากฏว่าเขาเอาไปขายแพงกว่าของวัดท่าขนุนอีก" |
พระอาจารย์กล่าวว่า "เขาพาดหัวข่าวว่า ‘ลูกจ้างเฮ ขึ้นค่าแรงอีก ๖ บาท’ คุณรู้ไหมว่ายังไม่ทันจะเฮเลย ข้าวของก็ขึ้นราคาไปเกิน ๖ บาท คือบ้านเราถ้าได้ข่าวว่าค่าแรงจะขึ้น ของจะขึ้นราคาไปก่อน หลังจากที่ขึ้นจริง ๆ ก็จะขึ้นไปอีกรอบหนึ่ง เป็นอย่างนี้มาตลอด
สรุปว่าไม่ได้มายังจะดีกว่า เพราะว่าได้มาแล้วก็จ่ายไป ซื้อของได้ไม่เท่าเดิม แล้วทุกวันนี้ค่าแรงบ้านเราสูงจนกระทั่งต่างประเทศถอนการลงทุนไปมาก เอาเถอะ...เป็นภาระของรัฐบาลเขาไปแก้ไขเอา เพราะเขาบอกว่าเศรษฐกิจดี เราไม่เชื่อรัฐบาลแล้วจะเชื่อใคร..!" |
พระอาจารย์กล่าวว่า "ท่านเจ้าคุณวีระ (พระวิสุทธิพงษ์เมธี) ส่ง "อาหารใจยามเช้า" มาให้ ก็เลยถามไปว่าส่งผิดหรือเปล่า ? นี่ตอนเย็น เวลาท่านเจออะไรที่สะกิดใจ ท่านก็จะเขียนโยงเข้าหาหลักธรรมของพระพุทธเจ้า แล้วก็ส่งทุกเช้า จากนั้นก็รวมเป็นเล่ม
ท่านเจ้าคุณวีระต้องบอกว่าเป็นตัวอย่างของความเพียร สอบประโยค ๖ ได้แล้วไปตกประโยค ๗ ท่านก็เลยขอเป็นพระครูศรีฯ เพราะว่าพระครูสัญญาบัตรถ้าเป็นประโยค ๖ จะขึ้นต้นด้วยคำว่าศรี เป็นพระครูศรีกิตติสุนทรอยู่หลายปีเต็มที ๒๑ ปีให้หลังสอบประโยค ๗ ได้ จากพระครูศรีฯ เลยเลื่อนเป็นเจ้าคุณวิสุทธิพงษ์เมธีโดยอัตโนมัติ เพราะว่าเปรียญเอกเป็นสิทธิของเจ้าคุณ ปรับเลื่อนโดยอัตโนมัติ ตอนแรกก็คิดว่าท่านจะพรรษามากกว่า ปรากฏว่าพอถึงเวลาท่านมากราบก็ตกใจ ตกลงใครพรรษามากกว่า ? “อ๋อ...อาจารย์เล็กมากกว่าครับ” |
"เดี๋ยวนี้พออยู่ไปนาน ๆ แล้วอายุพรรษามากขึ้นเรื่อย ๆ เจอหน้าพระ พอถามว่าพรรษาเท่าไร ? ส่วนใหญ่มักยืนยันว่าท่านน้อยกว่า เพราะว่าท่านดูอายุกาลพรรษาพระอาจารย์เล็กจากในประวัติเรียบร้อยแล้ว
วันก่อนวันเกิดเจ้าคณะอำเภอ ท่านพระครูกาญจนโชติ “กราบขอพรหลวงพ่อรองอำเภอหน่อยครับ” ก็เลยบอกท่านว่า “ขอให้ได้อยู่ทำงานเพื่อคณะสงฆ์ไปจนถึงเกษียณนะครับ” ท่านก็หัวเราะ “ผมวางแผนเกษียณพร้อมกับรองอำเภอวัดเขื่อนวชิราลงกรณ” บรรลัยเลย..! เล่นจะไปยกทีมอย่างนั้น อาตมาก็ตายอยู่คนเดียวสิครับ เพราะว่าวัดเขื่อนฯ ท่านจะ ๘๐ ปีอยู่แล้ว ทางพระท่านให้เกษียณที่อายุ ๘๐ ปี เพื่อนต่างจังหวัดเขาถามว่าอาจารย์เล็กทำไมไม่เอาเสียเอง ? ก็หลวงพ่อวัดเขื่อนฯ ท่าน ๗๐ กว่าแล้ว ให้ท่านเป็นจนเกษียณผมยังอายุไม่เท่าท่านตอนนี้เลย แล้วผมจะรีบไปเอาทำไม ? เพราะว่าตำแหน่งก็มาพร้อมกับหน้าที่ อาตมาไม่ได้อยากเหนื่อย แต่ว่าท้ายสุดหลวงพ่อเจ้าคณะภาคท่านก็ตั้งให้เป็นจนได้ พอกติกาครบตั้งให้เป็นขึ้นมา คราวนี้เจ้าคณะอำเภอกลับวางแผนจะลาออก ขอเกษียณตัวเอง" |
"อยู่ไป ๆ อายุการพรรษามากขึ้น ๆ แล้วก็มีส่วนหนึ่งที่อายุกาลพรรษามากกว่า แต่ว่าท่านให้การยอมรับเกี่ยวกับวัตรปฏิบัติแล้วก็ความรู้ความสามารถ ก็เลยตอนนี้ไปไหนมีแต่โดนยันไปนั่งข้างหน้า ต้องบอกว่าผลกรรมเก่า ๆ ที่ทำมา
หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกเลยว่า การถวายตาลปัตรแก่พระสงฆ์ ถวายธรรมาสน์ ถวายอาสนะ ตาลปัตรอยู่หน้าสุด ธรรมาสน์กับอาสนะมีแต่เสริมให้สูงขึ้นมา คราวนี้ของหน้าสุดก็มี ของเสริมให้สูงก็มี พออานิสงส์ส่งผลก็เป็นอย่างเอ็งนี่แหละ..!" |
"เมื่อเช้านี้ท่านเจ้าคุณวีระเขียนเรื่องทุกข์ใจเพราะงาน ส่วนวันนี้เขียนเรื่องทุกข์ใจเพราะตกงาน สรุปแล้วมีแต่ทุกข์ทั้งคู่ แต่ท่านเป็นคนเขียนหนังสืออ่านง่าย ก็คือสามารถย่อยสลายหลักธรรมของพระพุทธเจ้าลงมาเป็นภาษาง่าย ๆ ได้ ท่านพิมพ์มาหลายเล่มแล้ว ถึงเวลาก็ออกเป็นหนังสืออาหารใจยามเช้า มาเป็นเล่ม ๆ เลย"
|
ถาม : คนละอย่างกับกระโถนข้างธรรมาสน์ ?
ตอบ : คนละอย่างกัน ของท่านออกมาเป็นแนววิชาการ เขียนอะไรต้องมีอ้างอิง ต้องมีหลักฐาน มาจากพระไตรปิฎกเล่มไหน ข้อไหน ออกไปลักษณะวิชาการมาก กระโถนข้างธรรมาสน์ออกไปแนวไร้สาระ แต่คราวนี้ก็อย่างว่า ของอาตมาได้เปรียบตรงที่ว่ามีครูบาอาจารย์ดี พอถึงเวลาอะไรที่เหมาะกับยุคสมัยท่านจะให้ทำอย่างนั้น พอนาน ๆ ไปกระโถนข้างธรรมาสน์ก็อาจจะกลายเป็นสาระเนื้อหาหนักเกินไป แต่ว่าเหมาะกับยุคนี้ อ่านง่าย เข้าใจง่าย ออกมา ๑๙๐ ฉบับแล้ว ใครจะไปนึกว่าอยู่ยั้งยืนยงมาได้ขนาดนี้ |
ถาม : คำว่า คนแก่ หรือผู้สูงวัยในทางธรรม บอกอะไรบ้างคะ ?
ตอบ : อนิจจา วต สังขารา ชัดเจนที่สุด ส่วนอื่น ๆ ก็เหลือแต่ว่ามีคุณความดีส่วนตัวเท่าไร วัยวุฒิได้แล้ว คุณวุฒิอาจจะได้ด้วย คราวนี้บางทีวัยวุฒิได้ คุณวุฒิไม่ได้ คุณวุฒิเป็นความดีส่วนตัวที่คนอื่นเขายอมรับ บางคนวัยวุฒิน้อยแต่คุณวุฒิสูงมาก คนให้การยอมรับ ก็จำเป็นต้องแบกภาระหน้าที่ไป อาตมาเองนี่วัยวุฒิได้ คุณวุฒิได้ แต่หน้าตาดันไม่ไปด้วย ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร โดนหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสตัฟฟ์เอาไว้แค่นี้ ท่านเจ้าคุณอนันต์ตอนที่ยังอยู่ ไม่ได้เจอหน้ากัน ๑๐ กว่าปีเกือบ ๒๐ ปี ไปถึง “ไอ้ท่านนี่ไม่ยอมแก่กับใครเลย” กราบเรียนว่า “แก่ครับ เพียงแต่ท่านเจ้าคุณไม่ได้สังเกต ผมได้แว่นเพิ่มมาอันหนึ่ง” “เออ..ใช่” |
เวลาไปร่วมงานกันกับพรรคพวกเพื่อนฝูง ส่วนใหญ่เขาแซงกันไปหมด ก็แบบเดียวกับหลวงพ่อเจ้าคณะอำเภอนั่นแหละ ปีนี้ท่านทำบุญอายุ ๕๔ ปี สงสารท่านมากเลย ผมขาวเกือบหมดหัวแล้ว เพราะว่างานคณะสงฆ์ทั้งอำเภอจึงเครียดมาก แล้วคราวนี้ท่านเองไม่ใช่นักปฏิบัติโดยตรง แต่ว่ามีอะไรท่านก็จะถาม อย่างเช่น “อาจารย์เล็ก ลูกศิษย์ผมจะไปจับใบดำใบแดง มีคาถาแคล้วคลาดไหมครับ ?” ท่านใช้คนเป็นนะ พอถึงเวลาก็ไปบอกให้เขาภาวนาไปก่อนเลย ๑ ชั่วโมงเต็ม ๆ ถามว่าทำไมต้องนานขนาดนั้น ? เขาต้องการความมีสมาธิ ถ้าให้ภาวนาไม่กี่นาทีสมาธิจะไม่พอ
ประเดี๋ยวถึงเวลาท่านก็โทรมา “อุ๊ย...ขนลุกหมดเลย คาถาอาจารย์เล็กได้ผลจริง ๆ ด้วย” ก็เขาไม่มีอะไรเป็นที่พึ่งแล้ว ก็จำเป็น แต่คราวนี้อย่างน้อยเราต้องมีหลักประกันว่าเขาจะได้สมาธิจริง ๆ ก็เลยเอาไปเลยชั่วโมงหนึ่ง ก็แบบเดียวกับเมื่อเช้าที่มา เขามาบอกว่าแย่งกันสอบเข้าตำรวจเป็นแสน เขาเองไม่ได้อ่านหนังสือ แค่ภาวนาคาถาท่านปู่พระอินทร์แล้วสอบได้ เขาทำได้ก็ถือเป็นความสามารถส่วนตัว |
พระอาจารย์กล่าวว่า "ขอความกรุณา ใครไปเที่ยวกรุณาอย่าซื้อของมาฝาก..ขี้เกียจรับ คืออาตมาไปเองก็ซื้อของแค่ชิ้นเดียว แต่โยมซื้อมาฝากกันทีคนหนึ่ง ๒-๓ สามชิ้น"
|
พระอาจารย์กล่าวว่า "หลวงปู่ไดโนเสาร์ ชื่อวัดเป็นทางการ คือ วัดสักกะวัน คือป่าไม้สัก ชาวบ้านเรียกวัดภูกุ้มข้าว ที่มีฟอสซิลไดโนเสาร์เยอะ ๆ เขาก็เลยเรียกท่านว่าหลวงปู่ไดโนเสาร์"
|
พระอาจารย์กล่าวว่า "รับราชการหรือว่าทำงานบริษัท ก็ล้วนแล้วแต่หวังความก้าวหน้า เพราะฉะนั้น..สำคัญที่ผู้บริหาร ถึงเวลาก็ต้องมีรางวัลให้ แต่ก็อย่างว่า...ตำแหน่งน้อยคนมาก ทำอย่างไรที่จะจัดสรรให้พอดี ให้พอเหมาะพอสม ก็ต้องบอกว่าเป็นศิลปะในการปกครองคนอย่างหนึ่ง"
|
พระอาจารย์กล่าวว่า "ต้องกล้าตัดสินใจแล้วก็กล้ารับผิดชอบ ก็คือผิดก็ต้องกล้ารับ ชอบก็ต้องกล้ารับ ชอบตัวนี้ไม่ใช่ Like ชอบตัวนี้คือถูก ไม่ใช่ Like แต่เป็น Right ภาษาไทยกับอังกฤษก็คล้าย ๆ กัน"
|
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวานเขาส่งคลิปมาให้ดู ที่เขาประกาศให้วันที่ ๕ ธันวาคมเป็นวันกษัตริย์โลก พยายามฟังเลขานุการ UN ประกาศ เออ...เจ้านี่ไม่อยู่กับร่องกับรอย เดี๋ยวก็ Siamese People เดี๋ยวก็ Thai People มึงจะบ้าหรือ ? คือคนสยามแล้วก็คนไทย
ในเมื่อเป็น Siamese คุณไม่ต้องมี People ต่อท้าย Siamese บอกอยู่แล้วว่าคนสยาม ก็แบบเดียวกับสมัยก่อน Burma คือประเทศพม่า แต่ Burmese คือคนพม่า คำระบุชัดอยู่แล้ว ระดับเลขา UN ดันไปต่อ People น่าทุบหัว..! บ่น ๆ ไปพระท่านก็หัวเราะ บอกว่าเอ็งไม่ต้องหัวเราะหรอก ข้ารู้ภาษาอังกฤษไม่เยอะหรอก แต่ดันรู้เยอะกว่าไอ้นี่" |
"สมัยก่อนเราเรียกประเทศสยาม ภาษาอังกฤษเขียนว่า Siam ตรง ๆ เลย แต่ฝรั่งอ่าน Si-am เพราะฉะนั้น..คนสยามก็เลยเป็น Siamese เราก็มีชื่อเสียงหลายอย่าง Siamese Cat แมวเก้าแต้ม บางคนเรียก Chocolate Point แล้วก็ Siamese Talk พูดไม่อยู่กับร่องกับรอย เพราะว่าช่วงสงครามโลก ของเราฝ่ายหนึ่งก็บอกว่าเราเป็นฝ่ายญี่ปุ่น อีกฝ่ายหนึ่งก็บอกว่าไม่ใช่ เพราะว่าเรามีเสรีไทยต่อต้านญี่ปุ่น คำว่า Siamese ก็เลยมีทั้งความหมายที่ดีแล้วก็ไม่ดีอยู่ในที่เดียวกัน
พอมาสมัยรัชกาลที่ ๖ เปลี่ยนเป็นประเทศไทย ไทยตัวนี้จริง ๆ ไม่มี ย.ยักษ์ตามหลัง ไท ในความหมายนี้คือ เป็นอิสระ เป็นใหญ่ด้วยตัวเอง พอไปใส่ ย.ยักษ์ตามหลัง ไทยกลายเป็น ผู้ให้ ไทในความหมายดั้งเดิมแปลได้อีกอย่างว่า คน อย่างสมัยก่อนเขาก็มีไทดำ ไทแดง ไทลาว ไทอาหม เวลาไปเขตปกครองตัวเองกวางสีจ้วงหรือไปแถวยูนาน เจอคนไทยเก่า ๆ ก็ถาม “มึงเป็นไทยบ้านใด๋ ?” ก็คือเป็นคนบ้านไหน" |
"คำศัพท์คำเดียวแปลได้หลายความหมาย แต่ว่าพอเป็นประเทศไทย คนจีนเขาเรียกภาษาจีนกลางว่า “ไท่กว๋อ” ถ้าเป็นแต้จิ๋วก็ “ไท่ก๊ก” ถ้าเป็นของเก่าก็ “เสียมก๊ก” ประเทศสยาม ถ้ารุ่นเก่าขึ้นไปอีกบันทึกก็เป็น “เสียมหลอฮกก๊ก” หลอฮก ก็คือละโว้ ก็คือสยามละโว้
ถ้าเป็น “เสียมโถโลโปตี” เก่าหนักเข้าไปอีก สยามทวาราวดี เวลาสอนเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาในประเทศต่าง ๆ บางทีก็บอกว่าพระเถระชาวเขมรมีชื่อเสียงมาก ช่วยแปลวิมุตติมรรคไว้ให้จีน ได้รับการบันทึกเอาไว้ในจดหมายเหตุของจีนว่า หนังสือลงว่า “เส็งโปโลสังฆปาละ” เออ..บ้า...ก็คือท่านสังฆปาละ แต่คนจีนเรียกเส็งโปโล คนแปลไปแปลซ้อนกัน ประเทศจีนดีอยู่อย่างหนึ่ง อะไรเข้าไปเปลี่ยนชื่อเป็นจีนหมด ไม่มีชื่อภาษาอื่นเลย" |
"บ้านเราจริง ๆ จะว่าไปแล้วก็คือ คนแต้จิ๋วเข้ามามากในยุคปลายอยุธยาแล้วก็ธนบุรี เพราะว่าสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชท่านเป็นเชื้อจีนแต้จิ๋ว ถึงเวลามีคนเชื้อชาติเดียวกับตัวเอง หรือแซ่เดียวกับตัวเองเป็นใหญ่เป็นโต เขาก็แห่กันมาพึ่ง บ้านเราก็เลยมีจีนแต่จิ๋วมาก ทำให้พวกวรรณกรรมจีนรุ่นแรก ๆ มาจนกระทั่งถึงนิยายกำลังภายใน แปลเป็นภาษาแต้จิ๋วเสียเกือบทั้งหมด
วรรณกรรมจีนเรื่องแรกเลยที่แปลเป็นจีนกลาง ไม่ใช่ฮกเกี้ยน ไม่ใช่แต้จิ๋ว ลงในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐวันอาทิตย์ พระเอกชื่อติงหลาน ประกาศิตเหยี่ยวพญายม ไอ้ติงหลานนี่ถ้าแปลแบบแต้จิ๋วเดิมก็คือเต็งลั้ง พอมาตอนหลังความนิยมในการเรียนภาษาจีนมีมากขึ้น ๆ คนรู้ภาษาจีนกลางมากขึ้น เรื่องถัด ๆ มาก็เลยแปลเป็นภาษาจีนกลาง ยุคท้าย ๆ อย่างชอลิ้วเฮียง มาเป็นจีนกลางก็เป็นฉู่หลิวเซียง ถ้านักเขียนก็จากโกวเล้งกลายเป็นกู่หลง เหง่ยคังกลายเป็นอี้กวง" |
มีคนนำสมเด็จพระคำข้าวมาถวายเป็นร้อยองค์ "ใครต้องการสมเด็จคำข้าว ไปใช้คู่พระคาถาเงินล้าน ลงไปบูชาที่ห้องข้างล่าง มีจำหน่ายองค์ละ ๑,๕๐๐ บาท พร้อมกรอบสแตนเลส ต้องบอกว่าเศรษฐกิจไม่ค่อยดี ต้องขยันภาวนาพระคาถาเงินล้าน พระคาถาเงินล้านก็ต้องใช้คู่กับสมเด็จคำข้าวมหาลาภ"
|
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 09:20 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.