กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนสิงหาคม ๒๕๖๑ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6287)

เถรี 19-08-2018 19:27

ถาม : พระอาจารย์ไปกี่วัน ?
ตอบ : ส่วนใหญ่ไปทีก็ประมาณอาทิตย์หนึ่ง มีบันทึกคร่าว ๆ อยู่แล้ว แต่ยังไม่ได้ไปใส่รายละเอียด อย่างที่โยมเขาถามว่าทำไมไม่เขียนอีก เอาเวลาที่ไหนมาเขียน ? งานท่วมหัวเลย นี่ขนาดไม่รับกิจนิมนต์ทั่วไปนะ ประเภทสวดมนต์ฉันเช้าฉันเพลตามบ้านชาวบ้านแบบท่านอาจารย์บ๊ะ ตูไม่ไปหรอก จะกินข้าวมื้อหนึ่งต้องไปตั้งหลายร้อยกิโลเมตร อาตมายังมีฉันทะไม่พอ อยู่ทองผาภูมิวิ่งมากรุงเทพฯ ๓ ชั่วโมงครึ่ง เพื่อที่จะมาฉันเพลนะหรือ ? ฉันอยู่ที่โน่นจะง่ายกว่ากระมัง ?

เถรี 19-08-2018 19:30

ถาม : น้ำประปาได้จากกาญจนบุรีหรือครับ ?
ตอบ : ถ้ากรุงเทพฯ เอาของกาญจนบุรีมาเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะว่าจากเขื่อนวชิราลงกรณกับเขื่อนศรีนครินทร์ปล่อยมาที่เขื่อนท่าทุ่งนา กับ เขื่อนแม่กลอง มาถึงเขื่อนแม่กลองมีคลองส่งน้ำกว้าง ๒๐ เมตรตรงเข้าโรงกรองน้ำธนบุรีเลย

ทางด้านเหนือนี่น้ำเจ้าพระยาค่อนข้างสกปรก ไม่เหมาะที่จะทำน้ำประปาแล้ว ฉะนั้น..โรงกรองน้ำสามเสนนี่จะตกงานแล้ว กาญจนบุรีเลยกลายเป็นแหล่งน้ำให้กรุงเทพฯ

เถรี 19-08-2018 19:33

มีอยู่ปีหนึ่งแล้งจัด ท้าวมหาราชท่านได้รับคำขอร้องจากในหลวงรัชกาลที่ ๙ อาตมาไม่รู้ว่าท่านจะทำฝนแบบไหน ? อยากรู้มาก ปรากฏโน่น...กลางมหาสมุทรเลย ทะเลอันดามัน ประเภทเอากระบองกวาดไปทีหนึ่ง คลื่นพุ่งมาอย่างกับสึนามิ สูง ๕๐ - ๖๐ เมตร แต่คราวนี้คลื่นไม่ได้มีไว้ถล่มใคร มีเอาไว้กวาดความชื้นเหนือทะเลให้ข้ามเขามา เสร็จแล้วพอคลื่นใกล้ฝั่งก็สงบลงไปเอง แต่ความชื้นพอถูกดันข้ามเขาตะนาวศรีมาก็กลายเป็นฝน ท่านทำของท่านได้

ในหลวง ร.๙ ท่านขอ ขอแล้วท้าวมหาราชท่านก็ช่วย คนเห็นอย่างอาตมาตอนแรกก็ใจหายว่า ถ้าคลื่นมาขนาดนี้
ชายฝั่งไม่เหลือแน่เลย แต่ปรากฏว่าไม่ใช่ ท่านแค่ดันเอาความชื้นมา คลื่นมาเป็นกำแพงสูง ๕๐ - ๖๐ เมตร กวาดเอาความชื้นข้ามเขาตะนาวศรีมา พอผลักความชื้นมาได้ตามต้องการ คลื่นก็ลดระดับลงกลายเป็นปกติ ดูอย่างกับเล่นหนังเลย

เถรี 19-08-2018 19:35

ถ้าหากว่าผู้นำเป็นที่ทรงความดี เป็นที่เกรงใจของพรหมเทวดา เรื่องอะไรที่ไม่เกินวิสัยท่านก็ช่วยสงเคราะห์ให้ ไปนึกถึงว่าเทวดามีร่างกายต่ำสุดก็ ๓ คาวุตก็คือ ๑๒ กิโลเมตร แล้วทีนี้สูงสุดอย่างท้าวมหาราชท่านจะกี่กิโลเมตร ? ท่านแค่เอาไม้กระบองกวาดไปทีเดียว คลื่นมาตูมสูงขึ้นมา ๕๐ - ๖๐ เมตร อาตมาก็ไม่นึกว่ามีวิธีนี้ ไปคิดว่าท่านก็คงใช้ประเภทฤทธิ์บันดาลฝนฟ้า อ๋อ...ที่แท้เล่นวิธีธรรมชาติเลย

ถาม : สิ่งที่เราไม่รู้นี่มีเยอะจริง ?
ตอบ : ผมเองก็ไม่คิดว่าในชีวิตนี้จะได้รู้เรื่องพวกนี้เหมือนกัน

เถรี 19-08-2018 19:37

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้โยมถวายอะไรมาก็มีคุณค่าทั้งหมด อาตมา กำลังเตรียมไปช่วยชาวบ้านเขา สอบถามไปทางหลวงพ่อนิลแล้ว ท่านบอกว่าน้ำยังไม่ท่วม พวกหมู่บ้านมีท่วมบ้างนิดหน่อย แต่ยังไม่หนัก ปีที่แล้วส่งไปช่วยท่านหมดคลังเลย"

เถรี 19-08-2018 20:02

ถาม : สี่จังหวัดภาคใต้มีสิทธิ์หายไปจากแผนที่ประเทศไทยไหมครับ ?
ตอบ : ยาก...เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้ต้องการแค่นั้น เขาต้องการทั้งประเทศ ในเมื่อเขาต้องการทั้งประเทศ ถ้าชาวพุทธประมาทก็เสร็จเขาหมด ก็อย่างที่บอกว่าเขาจ้างสื่อออกข่าวที่ไม่ดีเกี่ยวกับศาสนาพุทธอย่างเดียวเลย พอถึงเวลาพวกเราไม่มีที่พึ่งอะไร ทอดทิ้งศาสนาเมื่อไร เขาก็จะเอาศาสนาของเขาเป็นศาสนาประจำชาติ

เถรี 19-08-2018 20:08

ถาม : ตอนนี้บางท่านออกจากการเป็นเจ้าอาวาสครับ เพราะว่าโดนบีบ ?
ตอบ : กฎระเบียบใหม่มาบีบบังคับเจ้าอาวาสโดยเฉพาะ ทีนี้ถ้าใครไม่อยากยุ่งเกี่ยว อยากอยู่เงียบ ๆ ก็ลาออกกันหมด พวกนี้เขาประเภทบีบให้จนกระทั่งพระเราอยู่ไม่ได้ จนกระทั่งไม่มีพระเหลืออะไรประมาณนั้น เขาจะพยายามเล่นงานด้วยกฎหมายและทางวินัย

สมัยก่อนเราก็ทำแบบโปร่งใส รับกฐินเท่าไรแจ้งตัวเลขทุกบาททุกสตางค์ สมัยนี้แจ้งเมื่อไรจะมีคนเอาไปใช้แทน ตรงจุดนี้ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะโดนเมื่อไร เพราะว่าของวัดเราถ่ายทอดสด เขาเห็น ๆ อยู่แล้ว ในเมื่อเขาเห็น ๆ ถึงเวลาเขาถามว่าเงินไปไหน ? ทำไมไม่เข้าบัญชีที่ต้องเสียภาษีก็เจ๊งเลย


ถาม : แต่คนให้เต็มใจ ?
ตอบ : คนให้เต็มใจ แต่เขาจะเอาภาษี เดี๋ยวนี้ทางด้านโน้นไม่ยอมออกบัตรประจำตัวผู้เสียภาษีให้นะ บอกว่าแจ้งเลขมาก็ใช้ได้เลย เขาเองก็ไม่อยากมีข้อผูกมัดตัวเองเหมือนกัน แต่ว่าเลขประจำตัวผู้เสียภาษีมีอยู่แล้ว

ถาม : เวลาตรวจสอบละคะ ?
ตอบ : ก็ตรวจสอบตามหมายเลขนั่นแหละ ถึงเวลาแล้วบัญชีจะโยงอยู่กับทางสรรพากร แล้วธนาคารเป็นคนออกใบโมทนาบัตร อย่างที่พวกเราเข้าไปบริจาคกัน บางทีก็ขำ ๆ ไปลองบริจาคกันคนละบาท ดูแล้วตลกดี

เถรี 19-08-2018 20:12

เรื่องของภาษี โดยเจตนาเดิมก็คือเอาไปพัฒนาประเทศชาติ ในเมื่อพัฒนาประเทศชาติก็อยู่ในลักษณะเดียวกับสังฆทาน คือเพื่อส่วนรวม ก็พอรับกันได้อยู่ เพียงแต่ว่าคุณทำบุญทางด้านนี้มาขอแบ่ง จะแบ่งไปพัฒนาประเทศชาติได้เท่าไร ? ส่วนใหญ่เห็นไปพัฒนาศาสนาอิสลามกันหมด อันโน้นก็มัสยิด ๑๕๐ ล้านบาท อันนี้ก็มัสยิด ๘๐ ล้านบาท สร้างให้เขาได้สารพัด

แค่แถว ๆ ใกล้ ๆ เรานี่ วัดหลวงปู่เอี่ยม เขตแถววัดสะพานสูง จังหวัดนนทบุรี เขตนั้นมีวัดอยู่ ๓ วัด แต่มีมัสยิด ๒๐ กว่าหลังแล้ว ที่ ๒๐ กว่าหลังเพราอะไร ? เพราะว่าเขาออกกฎหมายง่าย ๆ ส่วนของเราคุณจะสร้างวัดได้ต้องมีที่อย่างน้อย ๖ ไร่ ต้องมีเงินทุนสนับสนุนแค่นี้ ต้องมีประชาชนสนับสนุนแค่นี้ ต้องมีถาวรวัตถุที่เป็นหลักเป็นฐานประมาณเท่านี้ถึงจะสร้างได้ ต้องห่างจากวัดอื่นอย่างน้อย ๒ กิโลเมตร แต่ของเขาไม่มี

ของเขาถ้ามีประชากรถึง ๑๕ คนหรือ ๗ ครอบครัวขึ้นไปก็สร้างมัสยิดได้หลังหนึ่ง และรัฐบาลต้องจ่ายเงินด้วย ของเราก็เรี่ยไรกันเองไปสิ แล้วเขาแต่งงานกันบันยะบันยังเสียเมื่อไรละ เพราะฉะนั้น ๗ ครอบครัวหรือ ๑๕ คนของเขาก็แค่พักเดียว

เถรี 19-08-2018 20:16

ถาม : ที่ตำบลแม่สาย ลูกศิษย์รายงานว่ามีมัสยิดเยอะแยะเลย ?
ตอบ : แค่ด่านเจดีย์ ๓ องค์ พวกโรฮิงญามาจ่ออยู่สามแสนกว่า หลุดเข้ามาได้เมื่อไรนี่เป็นเรื่อง ทองผาภูมิไม่ใช่อำเภอที่ประเภทยอดฮิตเสียหน่อย ตอนนี้มัสยิดหลังที่ ๓ กำลังจะขึ้นแล้ว

ถาม : คนไทยเรานี่พอเข้าไปศาสนาเขาแล้ว เขาเลี้ยงดูอย่างดี เขาเล่ามา ?
ตอบ : เขามีเงินบริจาคที่บังคับบริจาคที่เรียกว่า ซะกาต แล้วทางตะวันออกกลางเขาส่งเข้ามาช่วยทีเป็นหลายพันล้าน หลายหมื่นล้าน ปัจจุบันนี้สร้างมัสยิดใหญ่ที่สุดในโลกที่นครศรีธรรมราช จะแข่งกับพระมหาธาตุเมืองนคร

ประเทศไทยเป็นประเทศเล็ก ๆ มีประชากรเป็นอิสลามประมาณ ๕ เปอร์เซ็นต์ แต่สร้างมัสยิดใหญ่ที่สุดในโลก ก็เพราะว่ากฏหมายบ้านเมือง ตลอดจนกระทั่งผู้คนที่เขาสร้างมา ๔๐ กว่าปีตอนนี้กำลังให้ผล ก่อนหน้านี้เขายังต้องจ้างสื่อ ตอนนี้เขาขึ้นไปคุมสื่อระดับหัวหมดแล้ว ไม่ต้องจ้างแล้ว สั่งคำเดียวต้องลงข่าวให้เขา ก็คือลงข่าวทำลายพระให้มากที่สุด แล้วลงข่าวช่วยอิสลามให้มากที่สุด

เถรี 19-08-2018 20:18

เรื่องพวกนี้ต้องบอกว่าถ้าไม่มีมูลฝอยหมาก็ไม่ขี้ ฉะนั้น..พระเราต้องมีส่วนผิดด้วย เขาถึงไปทำลายตรงนั้นได้ ช่วงที่ผ่านมาจะเห็นว่าอยู่ ๆ ก็มีงานของพระครูวิลาศกาญจนธรรมออกสื่อบานเบิกเลย เพราะว่าถ้าเราไม่เอาส่วนดี ๆ อย่างนี้ไปสู้เขา เราก็จะสู้ไม่ได้ แต่ว่าพอยื่นหน้าออกไปก็เท่ากับเปิดหน้าชน อาตมาก็กลายเป็นเป้า หลวงพ่อพรหมดิลกขนาดอยู่ในคุกยังเตือนเลย “เล็ก...วัดเอ็งโดนแน่นอน” กราบเรียนว่า “ช่างหัวมันเถอะครับหลวงพ่อ ไหน ๆ จะเดินหน้าชนกันแล้ว”

เป้าหมายใหญ่ที่สุดของเขาอยู่ที่ว่าเอาวัดธรรมกายเป็นสุเหร่าอิสลาม ตอนนี้ก็เท่ากับว่าเขาล้มธรรมกายสำเร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว แต่ว่าคนไทยเราขาดการตระหนักรู้ตรงนี้ พอถึงเวลาใครพูดขึ้นมา พวกสื่อก็จะยัดคำพูดประเภทว่า "สร้างความแตกแยก" แต่ถ้าเวลาเขาพูดก็จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ คำว่าสร้างความแตกแยกไม่มี กลายเป็นเขาพูดอะไรก็ถูก แต่เราพูดอะไรก็ผิด คราวนี้พอถึงเวลาปล่อยให้กฎหมายออกมาลักษณะอย่างนี้ ก็ต้องทนรับกรรมกันไป

เถรี 19-08-2018 20:22

คนไทยเราส่วนมากนับถือศาสนาพุทธแต่ทะเบียนบ้านเท่านั้น ไม่ได้มีใจที่จะคิดสนับสนุนช่วยเหลือหรือป้องกันพระพุทธศาสนา แต่พอถึงเวลาเห็นอะไรที่ไม่เข้าท่าไม่เข้าทาง แม้แต่พวกเขาปลอมบวชเข้ามา แล้วไปทำชั่วให้คนเขาเห็นก็รุมกันด่าเลย พูดง่าย ๆ ว่า "เรื่องดีไม่เคยช่วย แต่เรื่องชั่วเมื่อไรซ้ำเติมทันที" ทั้ง ๆ ที่เรื่องทั้งหลายเหล่านี้มีแค่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์

แบบเดียวกับตอนที่อาตมาเป็นเลขานุการเจ้าคณะจังหวัด กาญจนบุรีอยู่ ๕๙๐ กว่าวัด บวกสำนักสงฆ์ เฉลี่ยก็ ๖๐๐ แล้วกัน ต่อให้เกิดเดือนละครั้ง เกิดเดือนละครั้ง ปีหนึ่ง ๑๒ ครั้ง คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ได้ไหม ๖๐๐ วัด ? คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ยังไม่ได้เลย แต่พอเกิดนี่เขาจะช่วยกันด่าชนิดจมดิน ทั้ง ๆ ที่เป็นแค่ปลาเน่าตัวเดียว แต่ว่าเหม็นไปทั้งข้อง

ถึงได้ต้องคอยเตือนพระรุ่นหลัง ๆ ว่า ทำอะไรให้ระมัดระวังด้วย เพราะว่าสิ่งที่เราทำไม่ได้เสียหายเฉพาะตัวเอง แต่เสียหายถึงส่วนรวม โดยเฉพาะเสียหายถึงพระศาสนา แล้วทำให้คนที่เลื่อมใสศรัทธาก็เสื่อมศรัทธา คนที่ไม่เลื่อมใสศรัทธายิ่งเป็นข้ออ้างใหญ่เลย

เถรี 19-08-2018 20:26

พวกนี้ประเภทส่วนใหญ่ประเภทปีหนึ่งจะได้ทำบุญสักครั้งก็ยาก แต่เรียกร้องเหลือเกิน ถึงเวลาพระต้องดีอย่างนั้น พระต้องดีอย่างนี้ แบบเดียวกับนายไพบูลย์ นิติตะวัน บวชยังไม่เคยบวชเลย จะมาตั้งแง่ว่าพระจะต้องเป็นอย่างนั้น จะต้องเป็นอย่างนี้

แม้กระทั่งว่าพระบวชแล้วห้ามสึกอย่างนี้ คนยิ่งไม่บวชอยู่แล้วไปตั้งกติกาว่าพระบวชแล้วห้ามสึก ลองไปถามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสิ ว่าพระองค์ท่านทำไมถึงสึก ? มึงไม่แน่จริงนี่หว่า ?

ประเพณีไทยของเราบวชตามประเพณี บวชเพื่อศึกษาพระพุทธศาสนาว่าดีอย่างไร โดยเฉพาะบวชเพื่อฝึกความอดทน ความมีวุฒิภาวะ การโดนตีกรอบ โดนกดดันด้วยศีลพระอยู่ตลอด ๓ เดือน ถ้าคุณสามารถอดทนอยู่ได้ แปลว่าวุฒิภาวะของคุณมั่นคงพอที่จะเป็นหัวหน้าครอบครัวได้แล้ว

สมัยก่อนเขาถึงได้มีการบวชก่อนที่จะเบียด คราวนี้ตั้งกติกามาแต่ละอย่าง ล้วนแล้วแต่กติกาชาวบ้านตั้ง ประเภทให้พระบวชแล้วให้พระทำ เป็นไปได้ไหม ? ถ้าเกิดว่าพระบังคับให้ชาวบ้านทุกคนต้องถือศีล ๒๒๘ จะทำไหม ? ศีลพระมี ๒๒๗ ข้อ เพิ่มอีกข้อหนึ่ง ข้อที่ ๒๒๘ ก็คือฆราวาสทุกคนต้องปฏิบัติตามนี้ ให้เป็น ๒๒๘ ข้อ ดูสิว่าจะทำกันไหม ? คราวนี้เป็นฆราวาสไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย แต่มาตั้งกติกาให้พระทำตาม

เถรี 19-08-2018 20:29

ถาม : ที่มีประกาศว่า คนที่บวชแล้ว มรดกที่ได้มาแต่เดิม...?
ตอบ : ถ้าหากว่าไม่จำหน่ายจ่ายโอนภายใน ๓๐ วันนี่ ยึดเป็นของกลางหมด เป็นศาสนสมบัติกลางหมด เพราะฉะนั้น...เงินทุกบาททุกสตางค์ต้องเข้าบัญชี ก็คือศาสนสมบัติกลาง คราวนี้วัดวาอารามจะพังจะทรุดจะโทรมอย่างไร ก็ไม่ต้องมีเงินไปซ่อมไปแซมแล้ว เพราะอะไรที่เข้าไปอยู่ในระบบราชการนี่เอาออกมายากสุด ๆ ทำไปแค่ที่ทำได้ สู้ไปแค่ที่สู้ไหว ไม่ต้องไปกังวล

พระพุทธศาสนาของเราเป็นของจริง เป็นของแท้ ถ้าหากว่าทุกคนตั้งหน้าตั้งตาทำจนเกิดผล เป็นสิ่งที่เรียกร้องศรัทธาได้ดีที่สุด เพราะฉะนั้น...มีอยู่อย่างเดียวก็คือทำให้จริงเท่านั้น

เถรี 19-08-2018 20:37

ตอนนี้อาตมากำลังขยายชุมชนคุณธรรม เอาให้ทั่วทองผาภูมิให้เร็วที่สุด เห็นบริเวณไหนที่เขามีศักยภาพพอนี่ คุณรีบเสนอมาเลย ถ้าตั้งคณะกรรมการมา อาตมามีสิทธิ์เซ็นอนุมัติได้ เพราะว่าเป็นประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอ ในเขตอำเภอนั้นอาตมาเซ็นตั้งได้ทุกคน ตอนแรกก็ยังสงสัยว่าตำแหน่งการเมืองนี้หล่นมาแล้วมีประโยชน์อะไร ปรากฏว่าตอนนี้หาวิธีใช้ประโยชน์ได้แล้ว

คราวนี้ยังสงสัยอยู่เหมือนกันว่า เดี๋ยวพอปีหน้าต้องเลือกตั้งใหม่ตอนปลายปี จะโดนกีดกันสุดชีวิตหรือเปล่า ? เพราะว่าพอมีตำแหน่งนี้ไปแล้วกลายเป็นว่าทำงานใหญ่ขึ้นได้

เถรี 19-08-2018 20:40

ทุกตำบลจะต้องมีตัวแทนมาเข้าสภา ทีนี้เราจะไปรู้ไหมว่าตำบลไหนที่คนของเขาจะเสียบเข้ามาแทน ?

ถึงเขาถอดออกจากตำแหน่ง อาตมาก็ทำงานได้ ไปสนใจอะไรกัน คนเราถ้าจะทำงานเสียอย่าง มีตำแหน่งไม่มีตำแหน่งก็เหมือนกัน ถึงได้บอกกับบรรดาเจ้านาย เจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอว่าไม่ต้องตั้งให้ผมเป็นอะไรหรอก ผมเป็นแค่อาจารย์เล็กอย่างเดียวก็พอแล้ว เพราะว่าจะถอดหรือไม่ถอด จะมีตำแหน่งหรือไม่มีตำแหน่ง ผมก็ทำงานอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้ทำแล้วไม่ได้ออกสื่อ ระยะนี้ที่ออกสื่อเพราะว่าไม่ออกแล้วไม่มีข่าวดีไปคานเขา มีแต่ข่าวร้ายอย่างเดียวก็แย่

บรรดาเพื่อน ๆ พระสังฆาธิการร่วมรุ่น พระอุปัชฌาย์ร่วมรุ่น นักเทศน์ร่วมรุ่น เจ้าอาวาสเขาเห็นงานแล้วตกใจ ถามว่า "นี่ทำงานเยอะขนาดนี้เลยหรือ ?" บอกว่า "เออ...แต่ไม่เคยบอกเท่านั้นเองว่าทำอะไร" คราวนี้พอมีไลน์เพื่อที่จะได้ประสานงานกันสะดวก ถึงเวลาก็ส่งงานให้เขาดู เจอเข้าไปแต่ละคนสลบกันหมด ถามว่า "เอาแรงที่ไหนมาทำ ?" ถึงได้บอกว่า "ต่อไปพวกเอ็งอย่าบ่นว่าเหนื่อย ถ้าจะบ่นว่าเหนื่อยได้คือข้าเองที่มีสิทธิ์...!"

เถรี 21-08-2018 09:46

พระอาจารย์กล่าวว่า "ระยะนี้อาตมากินยาเป็นอาหาร ได้กลิ่นแล้วอย่าเพิ่งอาเจียน รสชาติก็ไม่ได้แย่เท่าไรหรอก เพราะว่าอาตมากินยามาแล้วทุกชนิด ประเภทกลืนลงไปแล้วขมติดคอไป ๓ วันก็ยังมี ฉะนั้น...ยาพวกนี้ถือว่ารสชาติไม่แย่มาก พอที่จะยกเทรวดเดียวหมดได้

มีแต่คนสงสัยว่ากินเป็นไปได้อย่างไร ? ก็กินเป็นยา ไม่ได้กินเป็นขนม ถ้ากินเป็นขนมก็เอาอร่อยหน่อย ดังนั้น...โปรดกินอาหารเป็นยา ไม่อย่างนั้นท่านต้องกินยาเป็นอาหาร เจ้าของบริษัททาทาในอินเดียเขาบอกไว้

คำว่า ทาทา ในอินเดีย ไม่ใช่ภาษาอินเดียนะ มันเป็นภาษาอูรดู ออกเสียงต่าต้า ต่าต้าคราวนี้เขียนภาษาอังกฤษ คนไทยอ่านว่าทาทา ต่าต้าก็คือ ฮัลโหล..สวัสดี"

เถรี 21-08-2018 09:55

พระอาจารย์กล่าวว่า "ถ้ากินยาแบบช้า ๆ จะรู้รสนาน แล้วจะเบื่อไม่อยากกิน ฉะนั้น...ต้องกินเร็ว ๆ"

ถาม : ยาอะไรเจ้าคะ ?
ตอบ : อันนี้เรียกยาคูณธาตุสำหรับคนแก่ แก้อาการธาตุพร่อง ร่างกายเรามีธาตุหลัก ๆ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ อากาศเราหายใจเข้าไป ดิน น้ำ ลม ไฟจะพร่องไปเรื่อยตามอายุ ถ้าเป็นหมอสมัยใหม่เขาเรียกว่าฮอร์โมนพร่อง

คนโบราณเขาเก่ง เขาศึกษาเรื่องธาตุคนและเรื่องยาแต่ละอย่างว่าเป็นธาตุอะไร ถึงเวลาก็คิดเป็นตำราขึ้นมา เขาใช้อายุของเรา คูณขึ้นมาก็จะได้ว่าแต่ละปีของเราธาตุไหนบกพร่อง แล้วจัดยามาให้ ไม่ใช่จัดส่งเดชนะ เพราะว่าแต่ละธาตุพร่องไม่เท่ากัน ก็ต้องจัดตามมาตราส่วนมากน้อยกว่ากัน


ถาม : ต้องเทียบวันเดือนปีเกิดของแต่ละคน ?
ตอบ : ต้องมีวันเดือนปีเกิดเลย ถ้าไม่มีไม่ได้ คราวนี้ร่างกายของคน ถ้าหากว่าธาตุพร่องก็เจ็บป่วย พร่องมากเกินไปก็ตาย ธาตุลมขาดธาตุไฟก็ดับ เพราะไม่มีลมไปเสริม พอธาตุไฟดับ ธาตุน้ำก็ล้น เพราะไม่มีไฟไปคุมให้ระเหยออก ธาตุน้ำก็ล้นจนบวมฉึ่ง ท้ายสุดน้ำก็ไปก็ทำลายธาตุดิน ผิวกายแตกปริ น้ำเลือดน้ำเหลืองไหลโทรมไปทั้งตัว

เรื่องของการศึกษาเกี่ยวกับธาตุ คนโบราณลึกซึ้งกว่ามาก แต่คนรุ่นใหม่ ๆ มักจะไปคิดว่าคนโบราณโง่เง่าเต่าตุ่นไม่ทันสมัย พวกทันสมัยนี่เรียนให้ตายก็ยังไม่ทันหรอก


ถาม : ยาคูณธาตุรสชาติแย่มากไหมคะ ?
ตอบ : ต้องบอกว่าพอทนสำหรับคนที่เคยกินอะไรที่แย่กว่านี้มาแล้ว เป็นการพิสูจน์อย่างหนึ่งว่าปล่อยวางได้ไหม ปล่อยวางได้ก็กินได้ ปล่อยวางไม่ได้ก็..ยี้...แหวะ..!

เถรี 21-08-2018 09:58

"อายุไม่เท่าไรก็เตรียมตัวตายกันแล้ว อาตมายังโดนบังคับให้อยู่ยั้งยืนยง ต้องกินยาไปเรื่อย เข้าใจคำว่ายาไหม ? ที่โบราณพอเรือรั่วก็เอาชันไปอุด เรียกว่ายาเรือ พอคนรั่วก็เอายาไปคุม ไม่อย่างนั้นอยู่ไม่ได้ คำโบราณส่วนใหญ่แล้วลึกซึ้ง แต่เราเดาไม่ค่อยจะถูก ไปไม่ค่อยจะถึง"

เถรี 21-08-2018 10:03

พระอาจารย์กล่าวกับพระว่า "ช่วงที่มีการเสวนา งานนี้คือเรื่องของยาเสพติดที่ระบาดในวัด หน่วยงานที่มามี ปปส. ตำรวจจังหวัด หน่วยเฉพาะกิจในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในภาคที่ ๗ กระทรวงวัฒนธรรม เพราะว่าเกี่ยวกับวัด แต่ละคนโยนข้อหาให้พระ ผมโยนข้อหาคืนไปหมดแหละ ว่าเป็นเพราะพวกเขาที่ทำให้ยาระบาดในวัด เรื่องอะไรจะให้เขากล่าวหาเราอยู่ฝ่ายเดียว

ออกกฎหมายมา ยาบ้า ๒,๐๐๐ เม็ดประหารชีวิต เขาก็ต้องเอาให้คุ้ม มาที ๓ – ๔ ล้านเม็ด แล้วจะไม่ระบาดหนักกว่าเดิมได้อย่างไร ? ถึงเวลาประเภทติดยาหาทางออกไม่ได้ วัฒนธรรมประเพณีไทยก็ส่งเข้าบวชในวัด ถ้าเจ้าอาวาสไม่โหดจริงเอาพวกนี้ไม่อยู่หรอก ก็ระบาดใหญ่ พวกนี้ไปเมื่อไรก็จะดึงพวกติดยาเข้าไปด้วย

เจ้าหน้าที่ตำรวจล่ะ ? ในเมื่อคุณรู้อยู่ว่าพวกนี้อยู่ในวัดตรงนี้ มีแล้วทำไมไม่มีการป้องปราม จะไปรออย่างเดียวให้คนแจ้งความมีหลักฐาน ค่อยออกหมายค้นหมายจับจะทันกินไหม ?"

เถรี 21-08-2018 23:04

"ปปส. ค่อยยังชั่วหน่อยที่มีการทำโครงการดี ๆ แบบนี้มาบ้าง แต่ก็ยังคงมายื่นข้อหาใส่พระเณรอยู่ดี พระต้องบอกว่า ที่ยาบ้าระบาดทุกวันนี้เป็นเพราะตำรวจทหาร ตำรวจทหารเป็นคนคุม พ่อค้าเป็นคนขาย เพราะฉะนั้น...แบ่งเฉลี่ยความผิดกันไป ไม่ใช่โยนให้พระอย่างเดียว ของพระแก้ที่ปลายเหตุ

ต้นเหตุเลยก็คือครอบครัว สถาบันครอบครัวล่มสลาย พ่อแม่ออกไปทำงานทั้งคู่ ไม่มีใครอบรมลูก ไปโรงเรียนสถาบันครูก็ล่มสลาย ล่มสลายตรงไหน ? ใครสอบเข้าอะไรไม่ได้ก็เข้าวิทยาลัยครู เอาพวกเหลือเลือกแล้วมาสอนคนอื่น แล้วจะดีได้อย่างไร ? คนเก่งไม่มี ทั้งบ้านทั้งครูช่วยกันสอนมาจนลูกอายุ ๒๐ ปีถึงจะบวชได้ สอนกันมา ๒๐ ปียังเอาดีไม่ได้ มาบวชพระ ๑๕ วันจะให้ดีเลย เป็นไปได้ไหม ?"

เถรี 21-08-2018 23:13

"อย่าให้เขากล่าวหาวัดอย่างเดียว ด่าเขาคืนไปบ้าง ด่าไพเราะอย่างนี้แหละ มีพวกเรา (พระ) ประเภทตั้งกระทู้แรง ๆ ถามขึ้นไป "ในเมื่อตำรวจทหารผิด รู้ ๆ อยู่ ทำไมถึงไม่จัดการ ?" ตอบไปว่า "คุณดูสภาพความเป็นจริงไหม ? อันดับแรกไม่มีหลักฐาน แล้วใครจะไปจัดการได้ ไปขอหมายศาล ศาลจะออกให้คุณหรือถ้าไม่มีหลักฐาน ? แค่ได้ยินเขาว่า ต่อให้รู้ ๆ ว่าเขาทำ แล้วถ้าหากต่อกันมา ๗ ช่วง ๘ ช่วง แล้วจะถึงตัวคนผิดไหม ?

ถ้าคุณไปกล่าวหาว่าทหารตำรวจเขาทำ ก็เป็นเพียงส่วนนิดเดียวเท่านั้นเอง เป็นจุดดำจุดเดียวในผ้าขาว แล้วไปกล่าวหาว่าเป็นทหารตำรวจทั้งหมด ก็พอ ๆ กับที่คุณโยนขี้มาบอกว่าพระผิดนั่นแหละ พระ ๒ แสนกว่ารูปมีผิดกี่รูป ? คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ยังไม่ได้เลย ฉะนั้น...ของพวกนี้จึงต้องร่วมมือกัน"

นึกถึงสภาพความเป็นจริงบ้าง ว่ารัฐบาลนี้พยายามจะแก้ไขพวกข้าราชการคอรัปชั่นอยู่ ถ้าเขาทำไม่ทันก็รอรัฐบาลใหม่ ถ้ารัฐบาลใหม่ทำไม่ทัน คุณก็ต้องนึกถึงพระพุทธเจ้าของเรา พระองค์ท่านตรัสว่า "ใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น" อย่าไปใจร้อน


ด่าไม่ดูหน้าคนเลย ตำรวจทหารนั่งเต็มเวที ส่วนใหญ่เขาไปคิดว่าแรงแล้วเท่ ไม่ดูกาลเทศะ แรงได้..แต่ให้อยู่ในกรอบ พูดง่าย ๆ คือพูดให้ชัด แต่อย่าให้เขาเตะถึง"

เถรี 21-08-2018 23:20

"อาตมาลงมาบอกท่านมหาจีรพันธ์ว่า "พรุ่งนี้หาดี ๆ หน่อยนะ ถ้าไม่ได้เขาต้อนตายเลย โดยเฉพาะพิธีกรสองคนจากหน่วยเฉพาะกิจ รับส่งลูกกันสุดยอดเลย มีแล่บออกข้างนอกด้วยนะ"

ในเมื่อหลวงพ่อชัดเจนขนาดนี้ ขอนอกเรื่องนิดหนึ่งครับ “พระขับรถได้ไหม ?" ก็ถามเขาว่า "แล้วโยมเห็นเขาขับไหมล่ะ ? ถ้าเห็นเขาขับต้องแสดงว่าเขาขับได้สิ ถ้าขับไม่ได้จะเอารถไปได้อย่างไร เพียงแต่ว่าสมควรไหม ?”

“เรื่องนี้ไม่ได้มีข้อห้ามอยู่ในศีลพระ แต่เนื่องจากชาวบ้านเห็นว่าไม่สมควร เราก็มาเอาข้ออ้างในการตีความพระธรรมวินัยในมหาปเทส ๔ ของพระพุทธเจ้ามาจับ "ของที่สมควร พระพุทธเจ้าไม่ได้ห้าม เพราะว่าสมัยนั้นไม่มี แต่ถ้าพิจารณาแล้วว่าไม่สมควร ของนั้นย่อมไม่สมควร" ในเมื่อพิจารณาแล้วว่าการขับรถของพระไม่สมควร ก็เป็นของที่ไม่สมควรแน่ ๆ เพียงแต่เขาปรับแค่อาบัติทุกกฎ คือทำอาการประหนึ่งฆราวาส ถามว่าอาบัติทุกกฎหนักแค่ไหน ? ก็หนักเท่ากับยืนฉี่เท่านั้นเอง"

ชี้แจงไปให้ชัดเจน ดูความจำเป็นของเขาด้วย ถ้าเกิดว่าวัดวาอารามอยู่ในป่าไป ๔๐-๕๐ กิโลเมตร โยมก็ไม่อยู่ขับรถให้เขา เจ็บไข้ได้ป่วยจะตายขึ้นมาใครจะขับล่ะ ? ก็ต้องพระขับเอง ทำอะไรต้องดูบริบท ดูกาลเทศะ ไม่ใช่ถึงเวลาก็ตำหนิอย่างเดียว

ทำไมโยมไม่คิดบ้าง ในเมื่อเรารู้อยู่ว่าการเล่นหวยบนดิน ใต้ดิน เป็นของไม่ดี กินเหล้าเป็นของไม่ดี สูบบุหรี่เป็นของไม่ดี แล้วทำไมโยมไม่ไปด่ารัฐบาล ไม่ไปปิดโรงงานพวกนี้ จะได้หมดเรื่องหมดราวไป เขาไม่ผลิตออกมาคนก็ไม่ต้องกิน ไม่ต้องเล่นกัน แต่ดันมามองว่าพระขับรถก็ผิด
แล้ว

ต้องเล่นคืนให้ได้ อย่าปล่อยให้เขาสอยเราฝ่ายเดียว เอาคืนไปบ้าง ขึ้นเวทีพวกนี้เป็นอะไรที่สนุกมากเลย จนเพลแล้วเขายังไม่อยากลุกเลย อยากฟังต่อ อาตมาบอกว่า “ไป ๆ ๆ ฉันเพลกันได้แล้ว ผมมีธุระ ต้องเข้ากรุงเทพฯ แล้ว”

เถรี 22-08-2018 21:33

พระอาจารย์กล่าวว่า "ญาติโยมหลายคนเริ่มจะใกล้เคียงกับที่อาตมาเคยทำสมัยโน้น ถามว่าสมัยโน้นคือสมัยไหน ? สมัยก่อนอายุ ๒๐ ปี สมัยนั้นหลวงพ่อวัดท่าซุงมารับสังฆทานที่บ้านสายลม พี่ชายก็ไปทำบุญทุกต้นเดือน พอพี่ชายชวนทำบุญ อาตมาก็ฝากเงินไปทำบุญเดือนละ ๑๐ บาท ถามว่า ๑๐ บาทตอนนั้นมีราคาแค่ไหน ? สมัยนั้นกล้วยหอมลูกละ ๕๐ สตางค์ เดี๋ยวนี้อยู่ในร้านสะดวกซื้อลูกละ ๘ บาท..!

ทำอย่างนั้นอยู่เป็นปี ๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเกิดสงสัยว่า หลวงพ่อท่านมีอะไรดี ถึงต้องไปทำบุญอยู่ทุกเดือน ? ต้องไปดูเสียหน่อย ปรากฏว่าไปแล้วไม่หน่อย หลังจากนั้นก็ไปทุกเดือน แล้วเป็นคนชอบไปไหนแต่เช้า ออกไปถึงบ้านสายลม ไปนั่งรอ พอ ๘ โมงครึ่ง หลวงพ่อท่านก็ลงมารับสังฆทาน พอท่านลงมาก็ไปเข้าคิวถวายกับท่าน ถวายเสร็จก็กลับ เป็นอย่างนั้นอยู่เป็นปี ๆ

จนกระทั่งมีอยู่วันหนึ่งเกิดสงสัยว่า แล้วตอนบ่ายเขาทำอะไรกัน ? ด้วยความสงสัยก็เลยอยู่ดูต่อไป ก็ปรากฏว่าช่วงบ่ายโมงมีการฝึกมโนมยิทธิ จึงเข้าร่วมการฝึกกับเขา ด้วยความที่ซื่อมากตามประสาเด็กบ้านนอก ไม่ได้เตรียมอะไรไปเลย บรรดาพี่ป้าน้าอาเตรียมเครื่องบูชาครูให้ ดอกไม้สามสี สีละ ๑ ดอก ธูป ๓ ดอก เทียน ๑ เล่ม และเขาบอกว่าเงิน ๑ สลึงเป็นทานบารมี เธอต้องออกเอง ด้วยความซื่อมาก จึงวิ่งไปยังปากซอยเพื่อแลกเหรียญสลึงมา ไม่รู้ว่าใส่เกินก็ได้

ฝึกมโนมยิทธิครั้งแรกก็ได้เลย พี่ชายไปอยู่ตั้งหลายปีฝึกไม่ได้สักที ด้วยความรู้สึกเดียวกับอาตมาในระยะแรก ๆ คือต้องตาเห็นเท่านั้น"

เถรี 22-08-2018 21:50

"จนกระทั่งหลวงพ่อท่านลงมารับรับสังฆทานช่วงบ่าย พอช่วงเย็นท่านขึ้นข้างบนอาตมาก็กลับบ้าน หลังจากนั้นบรรดาพี่ป้าน้าอาเห็นว่าเป็นเด็กวัยรุ่น ใช้งานสะดวกก็เรียกใช้ แต่พอถึงสี่โมงเย็น หลวงพ่อท่านขึ้นข้างบนก็กลับ ทำอย่างนั้นอยู่เรื่อย จนกระทั่งท้ายสุดก็อยากรู้ว่า แล้วกลางคืนเขามีอะไรกัน ? ก็อยู่ต่อ เห็นว่าเขามีการฝึกกรรมฐานรอบค่ำกัน ก็ไปร่วมฝึกกับเขาด้วย หลังกรรมฐานถวายสังฆทานกับหลวงพ่อเสร็จก็กลับ ก็ยังอยู่แบบนั้นอีกเป็นปีเหมือนกัน

พองานเยอะขึ้น บรรดาลุงบรรดาป้าอายุมากขึ้น ทำงานช้าลง เรียกใช้มากขึ้น ท้ายสุดก็ค้างที่บ้านสายลมนั่นแหละ ออกจากบ้านหลังเที่ยงวันศุกร์ กลับเข้าบ้านเช้าวันอังคาร

ระยะนั้นไปวัดเฉพาะตอนวันงาน หลังจากที่ค้างบ้านสายลม คราวนี้ก็ไปวัดก่อนงาน ๒ วันเพื่อไปเตรียมงาน หลังงานเลิกก็เก็บงานอีก ๑ วันถึงจะกลับบ้าน

จากที่กล่าวมานี้ถึงพูดได้เต็มปากเต็มคำว่า เรื่องของการสร้างบารมีจะเข้มข้นขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามระยะเวลาที่เราทำจริง ๆ จัง ๆ และสม่ำเสมอ อยู่ที่นี่อาตมาสังเกตว่าหลายคนก็เริ่มอยู่ยาวกันแล้ว เช้ากลางวันเย็นกลางคืน เสียดายที่นี่ไม่มีที่ให้พัก จริง ๆ บ้านสายลมก็ไม่มีที่ให้พัก แต่อาตมาเป็นคนกินง่ายนอนง่าย ถึงเวลาก็มุดเข้าห้องกรรมฐานนอนที่นั่นแหละ

พวกเราอย่าเอาหนักขนาดนั้นเลยนะ คงไม่เล่นกันเป็นอาชีพอย่างอาตมา เอาแค่ว่าพอหลังกรรมฐานภาคค่ำก็ให้รีบกลับ"

เถรี 22-08-2018 22:07

"ชีวิตสมัยนั้นต้องบอกว่าอาชีพหลักคือไปวัด อาชีพรองคือทำงาน เถ้าแก่ก็ต้องจ่ายงานให้คุ้มกับที่อาตมาไม่ค่อยจะอยู่ เนื่องจากว่าฝีมือดีจึงเลือกได้ ไปทำงานที่ไหนก็บอกเจ้านายเสมอว่า "ถ้าคิดว่าสิ่งที่ผมทำนี้ไม่ดี ก็ไล่ผมออกแล้วกัน" แต่ไม่มีใครไล่ออก ท้ายสุดกลายเป็นว่า เถ้าแก่จะรู้กำหนดการของวัดท่าซุงดีกว่าอาตมาอีก เพราะเขาจะต้องศึกษาเลยว่า ช่วงงานวัดอาตมาจะต้องไปกี่วัน ? ช่วงบ้านสายลมอาตมาจะต้องไปกี่วัน แล้วจ่ายงานเผื่อไว้เลย

อาตมาเป็นคนไม่กลัวงานหนัก ขอให้ได้ทำสิ่งที่ตนเองชอบ งานหนักแค่ไหนก็สู้ โดยเฉพาะทำงานไปภาวนาไปจะไม่รู้สึกว่าเหนื่อย ก็เลยเป็นลูกน้องบรรดาศักดิ์ เจ้านายเขาไม่อยากไล่ออก เพราะกลัวว่าอาตมาไปอยู่ที่อื่นแล้ว จะมาเป็นคู่แข่งของตัวเอง ฉะนั้น...ถ้าหากว่าใครเป็นประเภทเดียวกันแบบนี้ก็หยิ่งได้

แต่คนสมัยนี้ไม่เห็นจะต้องรอใครไล่ออก ส่วนใหญ่ทำที่ไหน ๓ เดือน ๖ เดือนก็ลาออกกันหมดแล้ว อ้างว่ามีประสบการณ์การทำงาน ไปสมัครงานที่อื่นง่ายขึ้น กำลังใจที่ทุ่มเทให้กับหน่วยงานไม่มี ถ้าอาตมาดูประวัติแล้ว คนประเภทนี้จะไม่รับเข้าทำงานเลย เพราะว่างานของเราจะกลายเป็นทางผ่านเท่านั้น

ต้องดูอย่างญี่ปุ่น คนญี่ปุ่นเข้าทำงานบริษัท ทุ่มเทยิ่งกว่าเป็นงานของตัวเอง ทำกันชนิดตายคาบริษัทไปเลย เข้าทำงานที่ไหนได้ก็ไม่เปลี่ยนงานจนกว่าจะเกษียณอายุ เกษียณอายุแล้วก็ยังไปหางานอื่นทำ ถ้าใครไปญี่ปุ่นจะเห็นว่า คนทำงานส่วนใหญ่เป็นระดับคุณลุงคุณป้าทั้งนั้น"

เถรี 22-08-2018 22:13

พระอาจารย์กล่าวว่า "ฎีกาเขาบอกว่า ๑ หัวเข็มหมุด เทวดาสามารถอยู่ได้ตั้ง ๘ องค์"

เถรี 22-08-2018 22:29

ถาม : เราเคยไปช่วยคนแล้ว เขาทำกับเรากลับมาไม่ดี รู้สึกเคือง ยังละไม่ได้ ?
ตอบ : เรายังใช้ปัญญาพิจารณาไม่พอ ทำอย่างไรที่เราจะเห็นว่า โกรธหรือไม่โกรธเราก็ตาย โกรธหรือไม่โกรธเขาก็ตาย เรื่องพวกนี้เหมือนอย่างกับพูดง่าย เอาเข้าจริงแล้วก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องกำลังของสมาธิเพียงพอ กดกิเลสให้อยู่ก่อน พอนิ่งแล้ว หลังจากนั้นเราค่อยไปแก้ไขกัน อย่างเช่นว่าจะตัดจะละกันแบบไหน ทำอย่างไรเราถึงจะไม่รู้สึกในเรื่องนี้อีก

แรก ๆ ก็อาจจะต้องอยู่กับการภาวนาให้เป็นปกติ เพื่อที่กำลังใจจะได้ไม่หลุดไปกับ รัก โลภ โกรธ หลง แล้วก็ค่อย ๆ พิจารณา ค่อย ๆ ตัด ค่อย ๆ ละไป เราเองโกรธหรือไม่โกรธเราก็ตาย เราเองโกรธหรือไม่โกรธเขาก็ตาย ใจเราค่อย ๆ คลายออกมา ท้ายสุดไม่ไปแตะต้องอีกก็จบ ตอนนี้ก็ทนไปก่อนแล้วกัน

เถรี 25-08-2018 07:50

ถาม : พระธาตุมอละอิตกับมอละอะอันเดียวกันไหมครับ ?
ตอบ : คนละองค์กัน เป็นเจดีย์คู่ ยุคนั้นอาตมาวางแผนว่าจะไปอย่างดี แต่ไปไม่ได้สักที ตอนนี้มีโอกาสไป แต่ก็หมดอารมณ์ไปแล้ว

ถาม : เขาบอกว่าปีหนึ่งเปิดแค่ ๓ เดือน ?
ตอบ : ตอนนั้นจะไปจากทางด้านหนองบัว ต้องนั่งรถไป ๒ วัน อุตส่าห์เช่ารถไว้ดิบดี ปรากฏว่าพม่ากำลังรบกับกะเหรี่ยง เขาเลยไม่ให้ผ่าน

ถาม : อยู่ในรัฐอะไรหรือครับ ?
ตอบ : รัฐกะเหรี่ยงต่อไทยนี่แหละ อีกครั้งหนึ่งท่านโมเช่จะพาเดินป่าจากฝั่งไทยลัดข้ามไป ปรากฏว่าหลงกันอยู่ ๒ วัน หลงแบบตลกมากเลย เจอรอยเท้าคน โอ้ย...ดีใจ รีบเดินตาม ที่ไหน...ได้รอยเท้าตัวเอง เพราะว่าจำรอยหยักของรองเท้าได้

เถรี 25-08-2018 07:59

พระอาจารย์เล่าว่า "ยอดเขาเอเวอร์เรสต์เป็นเรื่องมหัศจรรย์ อินเดียเรียกว่าไกรลาส เพราะว่าเป็นที่สถิตของเทพเจ้าของเขา เนปาลเรียกว่าสักการะมาตา แปลว่า คุณแม่ที่เคารพอย่างยิ่ง ภาษาอังกฤษเขียนคำอ่านแค่ ซาการ์มาทา ทิเบตเรียกว่า โชโมลังมา เหมือนกันเลย แปลออกมาอย่างเดียวกัน ไปที่โน่นแล้วจะรู้ว่าตัวเราเป็นแค่เสี้ยวหนึ่งของโลกเท่านั้นเอง ถ้าเปรียบเทียบกับจักรวาลก็เป็นแค่เศษฝุ่นชัด ๆ"

ถาม : คนที่ไปไต่ยอดเขาได้ต้องใช้ความสามารถสูง ?
ตอบ : กำลังกาย กำลังใจ และกำลังเงิน ถ้าเงินไม่พอก็ขึ้นไม่ได้ เพราะว่าค่าใช้จ่ายสูงมาก ต้องจ้างลูกหาบด้วยอะไรด้วย เป็นหมื่นดอลลาร์ เอาชีวิตไปทิ้งกันไม่รู้เท่าไรแล้ว ตอนแผ่นดินไหวที่เนปาล ที่ Base Camp ก็โดนถมไป ๑๗ ศพ นอนอยู่ดี ๆ หิมะถล่มลงมาเป็นภูเขาเลากา จนป่านนี้ยังหาศพกันไม่ครบเลย แต่ก็อยู่นั่นแหละไม่เป็นไรหรอก อย่างไรก็ไม่เน่า จะช้าจะเร็วก็หาจนเจอ

เถรี 25-08-2018 08:15

พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องความดันขึ้นอาตมาไม่กลัวหรอก เกิดมายังไม่เคยเป็นเลย ยกเว้นตอนมาลาเรียกำเริบ ที่ไม่เคยเป็นเพราะว่า ถ้าสมาธิทรงตัวความดันไม่ขึ้นหรอก"

ถาม : ถ้าเป็นความดันต่ำ ก็ไม่ลงด้วยใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ไม่ลง ขนาดช็อกแล้วยังไปต่อได้

เถรี 25-08-2018 08:17

พูดถึงหนังสือที่โยมมาถวาย "ขยันซื้อมาอ่านกัน เสร็จแล้วก็เอามาถวายพระต่อ ประเภทนี้เป็นทาสทาน อ่านเสร็จแล้วค่อยเอามาถวายพระ"

เถรี 25-08-2018 08:25

ถาม : มีคนเชื่อว่าเขาโดนทำเสน่ห์ และตอนนี้เขามีอาการทางจิตแล้ว หมอคิดว่าเป็นไบโพลาร์ พวกทำเสน่ห์เหมือนกับใส่ยากล่อมประสาทหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ถ้าจะแก้กันให้ถึงรากเลยก็ให้เขาฝึกกรรมฐาน ทรงฌานให้ได้ โดยเฉพาะปฐมฌานละเอียดขึ้นไป ไสยศาสตร์พวกนี้จะโดนทำลายหมดไปเอง เพราะสภาพจิตตัวเองบริสุทธิ์กว่า ประการที่สอง...ถ้าหาอะไรไม่ได้ ก็เอาน้ำมันชาตรีของหลวงพ่อวัดท่าซุงให้เขากินลงไป

เถรี 25-08-2018 08:34

ถาม : การดูพระหลวงปู่ปานขี่ไก่ว่าแท้ ตรงไหนที่เป็นจุดตาย ?
ตอบ : อันดับแรกเลยอักขระทุกตัวจะนูนเด่นชัดขึ้นมา อันดับที่สองคือตาจะกลมชัดเจน แล้วหลังจากนั้นค่อยไปดูเนื้อ ถ้าผิดเนื้อผิดพิมพ์ก็เจ๊งเลย อย่างนี้คือพิมพ์ หลังจากนั้นเราก็ค่อยไปศึกษาวัสดุ ว่าถ้าดินท้องนาแบบนี้ถึงเวลาเขาทำออกมาแล้ว การเผาถ้าโดนไฟแรงเป็นอย่างไร ถ้าโดนไฟอ่อนเป็นอย่างไร ไม่อย่างนั้นเสียของดีไปโดยไม่รู้ตัว ถ้าหากว่าโดนไฟแรงจะแกร่งเป็นสีแดง ถ้าเราดูเป็นอย่างเดียวก็ตาย เสียของดีไปโดยไม่รู้ตัว

การเล่นพระหรือเล่นเครื่องราง เขาให้เล่นไปทีละอย่าง ทำเป็นสักอย่างหนึ่งแล้วค่อยขยับไปศึกษาอย่างอื่นต่อ ถ้าโลภมากเอาหลาย ๆ อย่างพร้อมกันแล้วเอาดีไม่ได้หรอก ของพวกนี้ต่อให้เรียนมาด้วยกัน เรียนมาพร้อมกันก็ขึ้นอยู่กับความช่างสังเกต ถ้าไม่ช่างสังเกตนี่ตายเลย ตะกรุดหลวงปู่ศุข วัดปากคลองฯ หรือหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม ลายถักเกือบจะลายเดียวกันเลย คราวนี้แล้วเราต้องดูว่าของหลวงปู่ศุข ส่วนใหญ่แล้วร้อยละ ๙๙ ทำด้วยตะกั่ว แล้วก็ต้องไปดูว่าอายุตะกั่วเป็นอย่างไร ตะกรุดที่คนใช้งาน
ตะกั่วหัวตะกรุดจะละลายติดเป็นเนื้อเดียวกันไปเสียมาก แล้วก็ดูความยาว ส่วนใหญ่ของท่านจะตายตัวอยู่ที่ ๓.๔ นิ้ว ด้วยความเคยชินของแต่ละคนที่ทำมา ทำให้พอแยกแยะออก ไม่อย่างนั้นไปเจอเหมือนกันแล้วแต่ตีผิด ถ้าตีผิดแล้วราคาถูกลงก็ดี แล้วไปตีที่ราคาแพงขึ้นก็จบเห่..!

เถรี 25-08-2018 21:58

บางคนก็มีทัศนคติในแง่ที่เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ อย่างเช่นคิดว่าพระสมัยโบราณท่านเคร่งครัดมาก ไม่จับเงินไม่จับทอง เพราะฉะนั้นตะกรุดเงินตะกรุดทองไม่มี ถ้าอย่างนั้นเสียของดีไปโดยปริยายเลย ก็ท่านไม่ได้จับเงินจับทองแต่ว่าลูกศิษย์หามา หลวงพ่อก็จารให้ ไม่ต้องใครหรอก...หลวงปู่มั่นเองนั่นแหละจารตะกรุดทองคำเลย นั่นต้นตำรับธรรมยุตเลย ในเมื่อลูกศิษย์ขอท่านก็จารให้

เคยเล่าเรื่องตอนที่ทิดกวางบวชเป็นพระอยู่ พี่สาวพาแม่มาเยี่ยมลูกพระ แล้วบังคับไม่ให้แม่พูดด้วย เพราะว่าพูดแล้วบาป พระพูดกับผู้หญิงไม่ได้ จะเอาเงินถวายพระก็ไม่ได้
เพราะจะทำให้พระตกนรก พระพุทธเจ้าท่านห้ามพระรับเงิน นั่นแหละพวกเรียนอภิธรรมมาสายนี้ทั้งนั้นแหละ เขาเรียกว่ามาแต่นิติศาสตร์ล้วน ๆ รัฐศาสตร์ไม่มีเลย

เถรี 25-08-2018 22:24

พระอาจารย์กล่าวว่า “ข้าวของทุกอย่างเวลาใช้ จะได้รับปราณหรือว่าพลังชีวิตของคนใช้ไปด้วย เราจะเห็นว่าข้าวของเวลาใช้งาน หลายอย่างเวลาอยู่กับคนแล้วจะดูสวยกว่าปกติ จริง ๆ แล้วเป็นรัศมีของพลังที่เปล่งออกมา แต่หลังจากที่ทิ้งเอาไว้ระยะหนึ่ง ปราณเริ่มลดลงเราก็จะเห็นว่าหมอง ดูไม่ได้เลย โดยเฉพาะพวกลูกประคำนี่ชัดเลย ขี้ฟ้องเป็นที่สุด”

เถรี 25-08-2018 22:38

ถาม : แม่ถามว่าทำไมท่องคาถาเงินล้านแล้วไม่ได้ผลเลยคะ ?
ตอบ : เพราะไปท่องอยากจะให้ได้ผล ตัดตัวอยากออกไปแล้วจะได้ผล

ถาม : เลิกคิดไม่ได้ค่ะ ?
ตอบ : ถ้าอย่างนั้นก็จงไม่ได้ผลต่อไป เขาให้ภาวนาเป็นกรรมฐาน ไม่ใช่ให้ท่อง ส่วนใหญ่ไปท่องคาถาเงินล้านก็เจริญ ท่องคือสักแต่ให้จบ ๆ ไป แต่ภาวนานี่คือต้องตั้งใจทำให้ดีที่สุด

เถรี 25-08-2018 22:51

ถาม : ผมปฏิบัติเพื่อการละมานะ ต้องใช้ความพยายามเยอะไหมครับ ?
ตอบ : ไม่ใช่แค่เยอะเฉย ๆ ต้องเรียกว่าเยอะเป็นพิเศษ คนที่มีอายุมาก คนที่มีความรู้สูง คนที่มีหน้าที่การงานดี ส่วนใหญ่จะมีมานะเป็นปกติ ต้องพิจารณาให้เห็นด้วยว่า ถ้าเราแบกไว้อย่างนี้ตายแล้วเราจะไปไหน ? แล้วก็ค่อย ๆ ปล่อย ค่อย ๆ วางไป

ถาม : บางทีพิจารณาสักกายทิฐิตามเทปหลวงพ่อฤๅษี พอไปเจอของจริงจึงรู้ว่ามานะละเอียด ?
ตอบ : ทำไมจะไม่ละเอียด ต้องกำลังระดับพระอนาคามีถึงจะละมานะกันได้ รูปราคะ อรูปราคะ อุทธัจจะ มานะ อวิชชา ต้องระดับพระอนาคามีขึ้นไปแล้วถึงจะคุยกันรู้เรื่อง แต่ก็ค่อย ๆ ซ้อมไปก่อน ถึงพระอนาคามีเมื่อไรแล้วถึงจะมีโอกาสตัดได้จริง ๆ

เถรี 27-08-2018 08:28

พระอาจารย์กล่าวว่า "บาตรที่ใช้รับเงินส่วนตัวที่เห็นอยู่นี่ มีโยมเขาเอามาถวาย โดยที่ไม่รู้ว่าพระห้ามใช้บาตรไม้ เพราะว่าบาตรไม้เวลาใส่อาหารลงไป จะดูดกลิ่นแล้วก็ดูดเอารสอาหารเอาไว้ ถึงเวลาอาหารก็จะบูดง่าย พระพุทธเจ้าจึงห้ามใช้ อย่างเช่นว่าบาตรทองเหลือง บาตรทองแดง บาตรสังกะสี พวกนั้นเป็นสนิมแน่นอน

ส่วนบาตรกะโหลกผีท่านห้าม เพราะว่าส่วนใหญ่พวกเดียรถีย์เขาใช้เพื่อให้ดูขลัง อย่างเช่นเอาผมคนมาทอเป็นผ้านุ่ง เอากะโหลกผีมาทำเป็นบาตร เรียกว่า กปาละ ก็คือกบาลนั่นแหละ"

เถรี 27-08-2018 09:00

ถาม : มีคนเขียนจดหมายมาประท้วงว่า วัตถุมงคลในกระทู้หนูออกราคาถูกเกินไป ?
ตอบ : บอกเขาว่า “เอ็งขายห้าพันในตลาด แต่ข้าได้มาฟรี ขายสามพันก็แพงตายชักแล้ว” สมัยก่อนวัตถุมงคลของหลวงพ่อวัดท่าซุงราคามาตรฐานที่ ๒๐ บาท

พวกโรงงาน พวกเซียนพระเขาก็มาต่อว่าหลวงพ่อ ว่าขายผิดราคา เหรียญชุบทองสมัยนั้นต่ำสุด ๕๐ บาท ๖๐ บาท หลายแห่งก็ ๘๐ บาท หลวงพ่อท่านก็ยังขาย ๒๐ บาทเหมือนเดิม เมื่อไปต่อว่า ว่าท่านขายผิดราคา ท่านว่า “ผิดตรงไหน ? ข้าได้มาฟรี เขาถวายมา ขาย ๒๐ บาทก็ได้ ๒๐ บาท ไม่ได้ลงทุนอะไรเลย”

สมัยนี้ในเว็บวัดท่าขนุนมาตรฐาน ๑๐๐ บาท แพงกว่าสมัยนั้นตั้ง ๕ เท่าแล้ว ขายร้อยเดียวก็พอ เพราะว่าได้มาฟรี


เถรี 27-08-2018 19:24

ถาม : หนูเป็นหวัด หายใจไม่ได้มาสามเดือนแล้วค่ะ กินยาจนเลิกกินแล้ว ?
ตอบ : เปลี่ยนไปใช้สมุนไพรแทน หรือยาคูณธาตุแบบนี้ก็ได้ มันจะไปปรับธาตุในร่างกายของเราให้ดีขึ้น ลองเข้าไปตามร้านหมอแผนโบราณดู ว่าจัดยาคูณธาตุให้ได้ไหม เอาวันเดือนปีเกิดให้เขา

ถาม : จับอานาปานสติไม่ได้ ต้องหายใจทางปากแทน ?
ตอบ : นั่นก็อานาปานสติเหมือนกัน ถ้าหากว่าหมดทางจริง ๆ ก็เอาอย่างชอลิ้วเฮียง หายใจทางผิวหนังแทน ชอลิ้วเฮียงเป็นสุดยอดวิทยายุทธ์แต่ป่วยเป็นไซนัส ต้องหายใจทางผิวหนังแทน คนก็เลยสงสัยว่าไอ้นี่ตกน้ำแล้วทำไมสู้กับเขาไม่เลิก คนอื่นจะตายอยู่แล้วชอลิ้วเฮียงยังไม่ขึ้นมาสักที อ๋อ...ที่แท้หายใจทางผิวแทน จึงไม่เดือดร้อน

ถาม : หายใจทางผิวหนังได้หรือคะ ?
ตอบ : ได้...ขอยืนยัน ถ้าหากว่าใครทรงฌานได้ โอกาสหายใจทางผิวหนังมีเยอะมาก ถึงเวลาแล้วสภาพร่างกายของเราไม่ใช่แท่งทึบนะ แบบเดียวกับพวกต้นเสา เราเห็นว่ามันทึบ แต่ในสายตาของโลกทิพย์ที่ละเอียด เขาจะเห็นว่าช่องโหว่ของวัตถุนี่ใหญ่ขนาด ๑๐ ล้อวิ่งผ่านได้เลย ไม่ต้องแปลกใจว่าพวกที่ได้อภิญญาเดินทะลุกำแพงไปได้ ก็แค่ลอดช่องว่างนั้นไป ฉะนั้น...เรื่องที่ไม่ใช้จมูกหายใจถือเป็นเรื่องปกติของเขา


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 20:38


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว