กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๐ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5682)

เถรี 21-07-2017 21:59

พระอาจารย์กล่าวว่า "พระปิดตาพิมพ์ปั้นของหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ ท่านสร้างตั้งแต่สมัยยังอยู่วัดปากทะเล เนื่องจากว่าปั้นด้วยมือ ก็เลยหาความแน่นอนไม่ได้ จึงต้องไปดูเนื้อหามวลสารกับฝีมือการปั้นแทน ถ้ามีที่ปิดทองมานี่ยิ่งดีเลย เพราะว่าทองเก่าเลียนแบบไม่ได้ อย่างไรทองเก่าคือทองเก่า ทองใหม่ทำอย่างไรก็ไม่เหมือน"

เถรี 21-07-2017 22:03

พระอาจารย์กล่าวกับโยมท่านหนึ่งว่า "พอใจอะไรง่าย ๆ แล้วจะมีความสุขขึ้น เห็นอะไรแล้วไม่พอใจเลยสักอย่างก็จะกลุ้มไปเรื่อย"

เถรี 21-07-2017 22:04

พระอาจารย์กล่าวว่า "เวลาทำบุญถ้ารอพวกก็จะได้พวก ไปเกิดใหม่จะมีบริวารมาก"

เถรี 21-07-2017 22:35

ถาม : เดือนที่แล้วมีโอกาสจะได้งาน เกือบจะได้แล้ว แต่ว่าโดนยกเลิก ในทางธรรมหรือการปฏิบัติจะมีทางป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอย่างไรบ้างครับ ?
ตอบ : เรื่องพวกนี้ป้องกันไม่ได้ เพราะว่าอดีตเคยทำไว้ปัจจุบันถึงได้รับ ประเภทเวลาเขาจะทำบุญเราก็ไปขัดคอเขา

ถาม : ชาติก่อนหรือครับ ?
ตอบ : ไม่ต้องชาติก่อนหรอก ชาตินี้ก็ทำ ของทำไปแล้วแก้ไม่ได้ มีอยู่อย่างเดียวก็คือก้มหน้ารับไป ไม่เป็นไร...เดี๋ยวค่อยไปเอาอย่างอื่นมาทดแทนไป อย่าไปเชื่อใครว่าแก้กรรมได้ ถ้าแก้ได้ก็รวยกันหมดทั้งประเทศแล้ว..!

เถรี 22-07-2017 21:04

ถาม : ก่อนหน้านี้จะนึกถึงพระนิพพาน ตั้งแต่วันวิสาขบูชาที่ผ่านมา เกาะแต่พระพุทธเจ้า เรื่องพระนิพพานไม่เอาเลย ควรจะทำอย่างไรดีคะ ?
ตอบ : ก็แค่นึกว่าพระพุทธเจ้าอยู่บนพระนิพพานก็จบแล้ว เท่ากับเอากรรมฐาน ๒ กองมารวมกันเป็นกองเดียว ก็คือพุทธานุสติบวกกับอุปสมานุสติ เพิ่มขึ้นมาอีกกองหนึ่ง ได้มากกว่าเดิมเสียอีก

ถาม : เกาะอารมณ์นี้ต่อไป ?
ตอบ : เกาะต่อไป เพราะพระพุทธเจ้าไม่ได้อยู่ที่ไหนนอกจากพระนิพพาน เราตายเมื่อไรก็ขอไปอยู่กับพระองค์ท่านที่นั่น ของเราเขาเรียกว่าไปต่อไม่เป็น

เถรี 22-07-2017 21:10

พระอาจารย์กล่าวว่า "หลวงปู่ไล้ วัดเขายี่สาร ท่านเกิดรัชกาลที่ ๓ อายุมากที่สุดในบรรดาพระที่สร้างลูกอม ท่านเป็นลูกคนจีน แต่มาบวชพระไทยแล้วขลังมาก ตอนเด็ก ๆ เขาก็คงเรียก “อาไล้” บวชเป็นพระ คนไทยไม่รู้จัก เรียกหลวงปู่ร้าย"

เถรี 22-07-2017 21:13

ถาม : ตอนนี้ลำบาก ท่องคาถาเงินล้านก็ไม่เอา จะเอาอย่างไรดีคะ ?
ตอบ : ไม่เอาแล้วจะไปเอาอะไร ก็ต้องตั้งหน้าตั้งตาภาวนาให้ได้ระยะหนึ่ง

ถาม : จะได้หรือคะ ?
ตอบ : มัวแต่สงสัยอยู่ก็ไม่ต้องเอาอะไรหรอก ทำคาถาเขาห้ามสงสัย เขาให้ลงมือทำเลย

ถาม : ถ้าเกิดไม่เอาก็ต้องบังคับให้เอาใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ไม่มีอย่างอื่นแล้ว ถ้าอยากได้ก็ต้องทำ

เถรี 22-07-2017 21:19

พระอาจารย์กล่าวว่า “ห้างสรรพสินค้าสุดท้ายที่อาตมารู้จักก่อนบวช ก็คือห้างมาบุญครอง ตอนนั้นสร้างยังไม่เสร็จ ใครสร้างทีหลังมาบุญครองอาตมาไม่เคยไปทั้งนั้น

พระห้ามเดินห้าง เป็นคำสั่งเจ้าคณะกรุงเทพมหานครว่าห้ามพระเดินห้าง พระวินยาธิการไปตรวจสอบ ปรากฏว่าห้างพันธุ์ทิพย์มีพระเพียบเลย จับมาตรวจสอบแต่ละท่านปรากฏว่าไปหาอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ สรุปก็คือไม่ใช่พระปลอม แต่มีความจำเป็นไปหาซื้ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์มาเพื่อทำงาน เพราะว่าส่วนใหญ่เดี๋ยวนี้วัดต่าง ๆ เก็บข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์กันหมดแล้ว ก็จะมีพระส่วนหนึ่งของแต่ละวัด ที่มีความสามารถทางด้านนี้ ก็ไปหาซื้ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์กันที่นั่น อาตมาใช้วิธีบอกลูกศิษย์ผู้ชายให้ไปซื้อแทน ไม่ให้พระไปเองหรอก

คำสั่งเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร ห้ามพระปักกลดในเขตกรุงเทพมหานคร ห้ามบิณฑบาตเกิน ๘.๓๐ น. ห้ามเดินห้าง ห้ามพักบ้านโยม ถ้ามากรุงเทพฯ ต้องพักในวัด แต่ขอโทษ...ถ้าพระด้วยกันไม่รู้จัก ท่านก็ไม่ให้พักหรอก

ที่ห้ามพักบ้านโยมเพราะว่า พวกที่ปลอมตัวหากินมักจะไปเช่าบ้านพักกัน ถึงเวลาก็นั่งรถกระบะไปทีหนึ่ง ๘-๑๐ คน เดินบิณฑบาตตั้งแต่เช้ายันเพล แล้วก็ขนอาหารที่บิณฑบาตได้ไปขายต่อ ต้องบอกว่าเป็นการใช้ปัญญาในทางที่ผิด พระพุทธเจ้าสอนให้เรามีสัมมาปัญญา ปรากฏว่าพวกนี้กลายเป็นมิจฉาปัญญา ใช้ปัญญาในการคดเคี้ยวเลี้ยวลดเพื่อที่จะโกง จะกิน จะแหกกฎไปให้ได้ ตัวนี้บาลีเรียกว่า “เฉโก” คือฉลาดแบบขี้โกง ถ้า “กุศโล” คือฉลาดแบบสร้างกุศล “โกวิโท” ฉลาดในการเป็นอยู่"

เถรี 22-07-2017 21:23

พระอาจารย์กล่าวว่า “พระอนุรุทธเถระ เป็นผู้ที่พระพุทธเจ้าตั้งไว้ในฐานะผู้เลิศด้วยทิพจักขุญาณ ท่านอื่น ๆ มาบวช ๗ วันเป็นพระอรหันต์ ๑๕ วันเป็นพระอรหันต์ พระอนุรุทธติดอยู่ ๗ ปี เพราะว่ามัวแต่ไปคิดถึงมหาปุริสวิตก ๘ ประการ

มหาปุริสวิตก ๘ ประการมีข้อหนึ่งว่า “ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้เป็นผู้มีใจตั้งมั่น” คำว่ามีใจตั้งมั่น คือ มีสมาธิดี คนมีสมาธิดีนี่ผลพลอยได้อย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือความจำจะดี เพราะว่าสมาธิเวลาทรงตัวก็เหมือนกับน้ำนิ่ง น้ำที่นิ่งเหมือนกระจกเงา สามารถสะท้อนทุกอย่างรอบข้างลงไปอย่างชัดเจน ก็เลยช่วยให้ความจำดีไปโดยอัตโนมัติ

แรก ๆ อาตมาไม่รู้ว่าตัวเองเกิดมามีของเก่ามาก รู้อยู่อย่างเดียวว่าทำอะไรก็ง่ายไปหมด อย่างตอนเด็ก ๆ มีงานศพ ไปดูผู้ใหญ่เขาเล่นไพ่กัน พักเดียวก็โดนไล่กลับมานอน ตอนหลับตาเห็นโพดำ โพแดง ดอกจิก ข้าวหลามตัด บินว่อนไปหมด

เขาเปิดหน้าศพให้ดูก่อนที่จะเผา มองแวบเดียวเท่านั้นติดตาไป ๒ วัน ๓ วัน คิดว่าผีตามมาหลอก ไม่ได้นึกว่าเป็นเพราะภาพเหล่านี้เคยทำได้ในอดีต ถึงเวลามองก็ติดตาเลย จนกระทั่งมาเจอหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านถึงได้เฉลยให้ฟังว่า “พวกนี้เป็นของเก่า”

ท่านก็เล่าให้ฟังว่าของเก่าตาม
ท่านมาเยอะแยะ เกิดเป็นนักรบมาทุกชาติ การใช้อาวุธทุกประเภทมีความคล่องตัวโดยอัตโนมัติ หลวงพ่อท่านบอกว่า ท่านย่าสั่งให้ไปเก็บหัวปลีให้หน่อย หัวปลีก็คือดอกกล้วย เด็กรุ่นหลัง ๆ ไม่ค่อยรู้จักกันแล้ว เอามาทำอาหารได้หลายชนิด โดยเฉพาะยำหัวปลี ผัดหัวปลี

ท่านบอกว่าท่านไม่เคยใช้ไม้ขอยาว ๆ สอยแบบคนอื่น หากแต่พกมีดบางทำครัวไปหลาย ๆ เล่ม ถึงเวลาใช้ขว้างตัดขั้วเอา ท่านบอกว่าสั่งได้ว่าจะให้ปลายแทง จะให้สันตี จะให้คมฟันได้ทั้งนั้น อาตมาก็แปลกใจว่า แบบนี้เราก็ทำเป็นตั้งแต่เด็ก"

เถรี 22-07-2017 21:24

พระอาจารย์กล่าวว่า “เด็กมอญเด็กพม่า พอคลอดออกมาเขาก็พาเข้าวัดเลย ส่วนพวกเราไปกลัวเด็กโดนแดดโดนลมจะป่วย ปรากฏว่าพวกนั้นหัวแข็งทุกราย ไม่เห็นว่าจะป่วยสักที ฉะนั้น...เลี้ยงลูกต้องลักษณะอย่างนี้แหละ ให้สมบุกสมบันเข้าไว้ พอเดินได้นี่ไม่มีคำว่าอุ้ม ไม่มีคำว่าใส่รถเข็น ให้เดินอย่างเดียว ไม่เดินตามใช่ไหม ? อยู่นั่นแหละ...แม่ไปแล้ว พักเดียวก็ต้องวิ่งตาม

ต้องเลี้ยงลูกให้แข็งแกร่ง เอาตัวรอดให้ได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ มัวแต่ไปทะนุถนอมอยู่ เดี๋ยวเด็กจะเอาตัวไม่รอด”

เถรี 22-07-2017 21:26

พระอาจารย์กล่าวว่า “งานอุปสมบทหมู่ประจำพรรษาปีนี้มีผู้กล้าหาญสมัครบวชมา ๑๐ ราย ไม่นึกว่าจะใจถึงกันขนาดนั้น ปกติระยะหลังส่วนใหญ่มักจะบวชระยะสั้น ๆ ๗ วัน ๑๐ วัน เต็มที่ก็ ๑ เดือน

๑๐ รายนี้ใจถึงมาก วัดท่าขนุนมีกติกาว่า บวชแล้วต้องรับกฐินก่อนถึงสึกได้ สมัครมา ๑๐ ราย ถ้าไม่ขี้เกียจก็ผ่านทุกคนนั่นแหละ เพราะว่าที่วัดท่าขนุนต้องท่องขานนาคได้ด้วยตนเอง ซึ่งก็หลายหน้ากระดาษทีเดียว เพราะว่าการขอบวชคือตัวของอุปสัมปทาเปกขะ (ผู้ขอบวช) เข้าไปเอ่ยวาจาขอร้องต่อคณะสงฆ์ ให้ยกตนเองเป็นอุปสัมบัน คือผู้ที่มีศีลเสมอกัน

เมื่อเป็นเช่นนั้นก็ต้องไปขอด้วยตัวเอง ไม่ใช่ให้คนอื่นสอนให้ขอ วัดท่าขนุนจะไม่มีการบอกให้ว่าตาม อย่างเก่งก็แค่บอกว่าขั้นตอนไหน ที่เหลือคุณไปจัดการเอาเอง จึงควรจะเข้าวัดก่อนอย่างน้อย ๑ อาทิตย์”

เถรี 22-07-2017 21:27

มีผู้มารับวัตถุมงคล "ตะกรุดของหลวงพ่อเชื้อ วัดใหม่บำเพ็ญบุญ มีแต่ใหญ่ขนาดนี้แหละ เพราะว่าหลวงพ่อเชื้อท่านทำแต่ตะกรุดขนาดนี้ กราบเรียนถามหลวงพ่อว่า ทำไมถึงต้องทำใหญ่ขนาดนี้ ? ท่านบอกว่าท่านมีความรู้อะไรท่านใส่หมด

อย่าเอาไปเป็นอาวุธตีหัวใครนะ คนนั้นจะบ้าเลย ขอยืนยันว่าของท่านแรง"

เถรี 23-07-2017 22:49

ถาม : (เล่าเรื่องอารมณ์ใจขณะว่ายน้ำ)
ตอบ : ก็เหมือนกับเราเดินจงกรม เพียงแต่เปลี่ยนไปว่ายน้ำแค่นั้นเอง เหมือนเดินจงกรมด้วยมือแทนที่จะเดินจงกรมด้วยตีน..!

ถาม : ในความรู้สึกเหมือนเราแกะสก๊อตเทปออกจากหัวใจเรา ?
ตอบ : ระวังจะแกะผิด สมมติก็เป็นความจริง ปรมัตถ์ก็เป็นความจริง เพียงแต่ว่าเป็นความจริงแท้ หรือความจริงที่ผู้คนเขาเชื่อถือกัน เพราะฉะนั้นต่อให้เข้าถึงปรมัตถ์จริง ๆ ท่านก็ยังเคารพสมมติอยู่ ไม่ใช่ก้าวข้ามไปเฉย ๆ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะกลายเป็นวางใส่กบาลคนอื่นอีก ชอบตีความธรรมะผิดกันอยู่เรื่อย

ถาม : อารมณ์นี้ ถ้าไม่มีเครื่องกระทบใจเรา...?
ตอบ : ถ้าไม่กระทบก็ไม่กำเริบ หรือไม่กระทบก็ไม่ฉุกใจคิด เพราะฉะนั้น...เรื่องอายตนะต่าง ๆ มีทั้งโทษและมีประโยชน์ เพียงแต่ว่าเรารู้จักละทิ้งส่วนที่เป็นโทษ แสวงหาเฉพาะส่วนที่เป็นประโยชน์หรือเปล่า ? ไม่ใช่ว่าเก็บทุกเรื่องทุกราวที่เจอขึ้นมา กลายเป็นขยะอยู่เต็มหัว ถึงเวลาสางไม่ออกก็เครียดตายห่...!

เถรี 23-07-2017 22:51

ถาม : จะมีจังหวะหนึ่ง ที่รู้สึกอะไรสักอย่างขึ้นมา แล้วความเศร้าหมองก็หายไปหมด ?
ตอบ : สติระลึกได้ รู้ตัวอยู่ว่าเราทำอะไรอยู่ แต่ว่าต้องมีปัญญาประกอบ จึงจะเห็นว่าเรื่องนั้นเป็นอย่างนั้นจริง ๆ มีธรรมดาเป็นอย่างนั้น ในเมื่อธรรมดาเป็นอย่างนั้น สมมติเป็นอย่างนั้น เราก็อย่าไปยุ่งกับสมมติ พอเราถอนตัวออกมา ก็เหมือนวางของหนักลง จึงเบาขึ้นเยอะ แต่คราวนี้ต้องให้วางได้ตลอดเวลา ไม่ใช่วางได้เป็นพัก ๆ กลับไปทำใหม่...!

เถรี 23-07-2017 23:03

ถาม : มีอยู่วันหนึ่งหนูนั่งรถตู้ ...(ไม่ชัด).... อันนี้คือทิพจักขุญาณ ?
ตอบ : ไม่ใช่ อันนี้ก็คือตัวปัญญาเลย แต่ว่าเป็นปัญญาในลักษณะของทิพจักขุญาณ ลักษณะของความคล่องตัวแล้วก็ชำนาญ ถ้าหากว่า สติ สมาธิ ปัญญา ต่อเนื่องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จะมีเหตุลักษณะอย่างนี้ขึ้น ไม่อย่างนั้นแล้วเราจะไม่สามารถที่จะรู้เท่าทันกิเลสได้ ก็คือเราจะรู้ว่าตอนนี้รัก ตอนนี้โลภ ตอนนี้โกรธ ตอนนี้หลง ทำอย่างไรเราจะควบคุมให้อยู่ในจุดที่ไม่ทำอันตรายแก่เราได้ แต่ถ้าท้ายสุดไม่ไปยุ่งได้นั่นแหละดีที่สุด ระวังไว้...ว่าจะเป็นโทษมากกว่า

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : อย่างนั้นแหละ ก็คือสภาพจิตที่ฝึกฝนแล้วมีกำลัง ถึงเวลาก็เป็นมโนมยา สำเร็จด้วยใจ อาตมาเคยนั่งรถไปแล้วปรากฏว่าโดนสิบแปดล้อตบ เหลือขอบถนนอยู่หน่อยเดียว ถ้าเราไม่มีทางไปก็คือโดนตบเต็ม ๆ หรือต้องยอมตกถนน ก็มีทางเดียวคือต้องยันรถออกไป คนขับก็บอกว่าทำไมอยู่ ๆ ถนนกว้างขึ้นแล้วผมไปได้...! แต่อย่าทำบ่อย ไม่ใช่เรื่องดี ฝืนกฎของกรรมเดี๋ยวต้องไปชดเชย

ถาม : เราก็ต้องได้ผลจากการกระทำของเราหรือคะ ?
ตอบ : ใช่....ถึงไม่รับผลเรื่องนี้ก็ต้องไปรับผลเรื่องอื่นแทน อาจจะหนักกว่าเดิมด้วย เหมือนกับถ้าเข้าบ้านไปโดนแม่ด่า ก็ก้มหน้าก้มตารับคำด่าไปก็จบ แต่ถ้าไม่โดนแม่ด่าแล้วพ่อหมั่นไส้ ไอ้นี่ยังไม่โดนด่าเดี๋ยวกูใส่เสียเอง อาจจะตบคว่ำไปเลย อะไรแบบนี้

เถรี 23-07-2017 23:21

พระอาจารย์กล่าวว่า "เจงกิสข่านเป็นผู้นำที่สุดยอดมาก ทหารรวมอยู่เป็นแสน ๆ ใครจะนับถือศาสนาอะไร เจงกิสข่านไม่เคยห้าม ขอให้รบได้เท่านั้น

ถึงเวลาพักก็จะมีคนไปนั่งละหมาด มีคนไปบูชาไฟ มีคนไปเดินจงกรม นับลูกประคำอะไรก็แล้วแต่ คุณจะทำอะไรทำไป จึงกลายเป็นว่าพอถึงเวลายึดบ้านยึดเมืองได้ ก็ทิ้งกองทหารเอาไว้เพื่อให้ดูแล ถ้ากองทหารที่นับถือพุทธก็ช่วยกันสร้างวัด จะได้นิมนต์พระไปอยู่

พวกเราจะแปลกใจว่าทำไมอยู่ ๆ ในรัสเซียมีวัดพุทธได้อย่างไร ใหญ่ที่สุดในโลกด้วย ก็เพราะคุณูปการของเจงกิสข่าน ปัจจุบันนี้รัสเซียเอาหลักธรรมในพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะส่วนของสมาธิ กรรมฐาน ไปใช้กันเป็นล้าน ๆ คนเลย เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้ประกาศตัวนับถือพุทธ เข้าวัดเข้าวา มาไหว้พระ มานั่งสมาธิหาความสงบ เพราะเขาเห็นผลว่าช่วยให้การทำงานเขาดีขึ้นมาก เพราะฉะนั้น...ต่อให้เขาไม่ประกาศเป็นพุทธก็เป็นไปครึ่งตัวแล้ว"

เถรี 23-07-2017 23:23

ถาม : เจ้านายชอบพาไปที่นั่น...(ไม่ชัด)... ?
ตอบ : ท่านเป็นคนยอมลำบากเลยอยู่ที่นั่น แต่ว่าบางอย่างก็เป็นทิฏฐิเฉพาะตัว ผมเองไม่เคยถือสาเรื่องนี้ ถ้าใครทำงานได้ผมให้หมด เพราะว่าเรื่องของกิเลสเฉพาะตัวผมไม่ว่าใคร อยู่ที่ใครละได้ก่อนเท่านั้น วางได้ก่อนก็สบายก่อน ถ้าใครอยากแบกก็ให้เขาแบกไป

เถรี 23-07-2017 23:26

ท่านอาจารย์ ดร.ชาตรีเคยไปวัดท่าขนุนนะ ไปเยี่ยมกันทีหนึ่ง ท่านไปเรียนที่ต่างประเทศก่อน เรียนจนกระทั่งสามารถเผยแผ่ธรรมได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะเรื่องของหลักธรรมเป็นคำพูดเฉพาะมาก อธิบายเสร็จแล้วยังต้องอธิบายซ้ำอีกว่าคืออะไร

ผมบอกฝรั่งว่า ทุกข์ คือ Suffering เขาไม่เข้าใจ ต้องอธิบายว่า สมมติคุณเดินสักหนึ่งชั่วโมง...เหนื่อยฉิบหา...เลย นั่นก็คือทุกข์ คุณทำงานสักครึ่งวันเครียดมากเลย นั่นก็คือทุกข์ อธิบายไป กำกับแล้วกำกับอีก ทุกข์คำเดียวปาไปครึ่งค่อนชั่วโมง

ฝรั่งนี่นิสัยแปลก ถ้าเขาเข้าใจไม่ชัดเจนก็ถามอยู่นั่นแหละ ไม่เหมือน
กับคนไทยเรา ฟังรู้เรื่องไม่รู้เรื่องกูก็ไม่ถาม จึงกลายเป็นโง่กว่า ฝรั่งเขาไม่ยอมหรอก เอาจนฉลาด ถามแล้วถามอีก ถามจนกระทั่งหมดทุกซอกทุกมุมแล้วเขาถึงยอมเลิก

เถรี 23-07-2017 23:28

เรื่องหลักธรรมนี้เราเสียท่า ทางด้านศรีลังกาและพม่า เขามีธรรมะภาษาอังกฤษมานานแล้ว แต่ของไทยเรายังไม่มี การอธิบายหลักธรรมเป็นภาษาอังกฤษได้ จึงทำให้พระพม่าได้รับความนิยมมากกว่า พวกต่างชาติไปฝึกกรรมฐานที่พม่าแต่ละวัดนี่เป็นร้อย ๆ คน ไปเนปาลไปทิเบตก็เห็นเขาไปกราบอัษฎางคประดิษฐ์กันไม่รู้จักหยุดจักหย่อน ทำกันเป็นพันเป็นหมื่นครั้ง พวกฝรั่งส่วนใหญ่ทำอะไรเขาทำจริง ๆ

เถรี 23-07-2017 23:29

พระอาจารย์กล่าวว่า “พอลำบากมาก ๆ ทุกข์มาก ๆ ก็จะคิดถึงพระไปเอง ตอนนี้ยังไม่เห็นคุณค่าก็ไม่เป็นไร”

เถรี 25-07-2017 09:26

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีเด็กอยู่ ๒ คนมาหาอาตมา (เจแปนกับเจด้า) เพื่อจะเอาหนอนรถด่วน ก็เลยต้องเตรียมเอามาไว้ให้ อย่างอื่นเขาไม่ยอมกิน จะกินแต่อย่างนี้"

ถาม : เด็กเขารู้ไหม ?
ตอบ : ไม่รู้ ตอนที่ยังไม่รู้ภาษาเขาก็ใส่ปากกินไปเรื่อย ตอนนี้พอรู้เรื่องขึ้นมาก็ไม่อยากกินอย่างอื่น จะกินแต่อย่างนี้ แต่พิสูจน์ได้เลยว่าเด็กคนนี้เป็นโรคภูมิแพ้หรือไม่ เพราะพวกนี้มีสาร Histamine เยอะมาก คนโต ๆ กินไปยังแพ้เลย ต้องอาจจะประเภทค่อย ๆ หยอดให้ตั้งแต่เด็กแบบนี้ รู้สึกว่าสองคนนี้จะไม่แพ้อะไรกับใครเลย

เถรี 25-07-2017 09:34

ถาม : (ไปอินเดีย)
ตอบ : การจราจรของเขาก็ยังคงน่าอนาถอยู่ดี อาตมาศึกษาเรื่องการจราจรอินเดียแล้วหมดอารมณ์ บอกว่าอย่าไปอินเดียหน้าร้อนเป็นอันขาด ขืนไปอาจจะได้ร้อนตายบนรถกันบ้าง พอกลับมาเมืองไทยโคตรสบายเลย ไม่ร้อนแบบนั้น

ตอนผมกลับมาจากทิเบต ร้อนอยู่เป็นอาทิตย์ เปิดเครื่องปรับอากาศอย่างนี้แหละ ทำไมไม่เย็นสักทีวะ ? ก็จะไปเย็นได้อย่างไร เปิดไว้ต่ำสุดก็ได้ไม่เกิน ๑๘ องศาเซลเซียส ส่วนใหญ่ก็ไม่เกิน ๒๑ องศาเซลเซียส เพราะว่ากลัวเปลืองไฟ เพราะว่าไปอยู่ในที่อุณหภูมิต่ำ ๆ มาเป็นอาทิตย์ กลับมาเมืองไทยแทบร้อนตาย ตรงทะเลสาบยัมดร็อกโซพื้นที่สูงมาก เดินเร็ว ๆ ๓-๔ ก้าวก็เหนื่อยหอบแล้ว ต้องค่อย ๆ เดินช้า ๆ

ถาม : เกี่ยวกับแข็งแรงหรือไม่แข็งแรง ออกกำลังกายประจำหรือเปล่า ?
ตอบ : ไม่เกี่ยว...ขึ้นอยู่กับสภาพของปอดว่าสามารถฟอกอากาศได้ดีแค่ไหน ถ้าพวกประเภทฟอกอากาศได้ดีก็ไม่มีปัญหา ถ้าพวกฝึกกรรมฐานก็จะได้เปรียบ เพราะว่าลมหายใจยาว แลกเปลี่ยนอากาศได้เยอะ

ถาม : ออกกำลังกายเต็มที่ ปรากฏว่าไปแล้วไม่ไหว ?
ตอบ :
ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ต่อให้ฟิตขนาดไหนก็ตาม ถ้าการฟอกอากาศของปอดไม่ดีก็ร่วงเหมือนกัน

เถรี 25-07-2017 09:38

ผมไปพักอยู่ที่โรงแรมซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านทิเบต สวยมากเลย เป็นอะไรที่น่าทึ่งมาก คนสร้างเป็นคนจีนแท้ ๆ แต่เป็นพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านของทิเบต ทุกซอกทุกมุมการตกแต่งของเขาเป็นศิลปะเก่า ๆ ของทิเบตทั้งหมด ชั้น ๒ ของพิพิธภัณฑ์มีพวกวัตถุเก่า ๆ ทางพระพุทธศาสนาเยอะมาก

ไปที่วัดโจคังเจอ Turquoise ลูกหนึ่ง ทำเป็นลูกกลม ๆ เออ...ขนาดเข้าท่า ก็ถามราคาคนขาย เขาบอก ๒๐,๐๐๐ หยวน ถามเขาว่า ๑๘,๐๐๐ หยวนได้ไหม ? เขาก็เลยวิ่งไปถามพระ พระบอกว่า “ไม่ได้...ลูกนี้ราคา ๒๐๐,๐๐๐ หยวน” ๒๐๐,๐๐๐ หยวน เอา ๕ คูณเข้าไปดูสิ แหม...รู้อย่างนี้ตอน ๒๐,๐๐๐ หยวน ให้เขาไปก็จบแล้ว ดันไปต่อราคาจนซื้อไม่ได้

เถรี 25-07-2017 10:04

ถาม : ร้านขายของที่ไปนี่คนละที่กับพิพิธภัณฑ์หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : คนละที่กัน ที่ร้านขายของอย่างไรเขาก็ต้องเอาเราไป ผมไปซื้อของที่นั่น ใคร ๆ ก็บอกว่าต่อไม่ได้ ผมต่อมาเรียบร้อยแล้ว ซื้อได้ด้วย ถึงเวลากลับมาขึ้นรถ เขายังถือประคำ Turquoise เดินตามมาอีก ถามว่าเส้นนี้จะเอาด้วยไหม ? เพราะว่าเคยต่อแล้วแต่ไม่ได้ซื้อ

พอไปดูเข้าจริง ๆ ปรากฏว่าหัวประคำไม่ใช่งาช้างแต่เป็นเรซิ่น ก็เลยบอกว่าถ้าอย่างนี้ไม่เอา เพราะว่าไม่ใช่งาช้าง เขาบอกเป็นกระดูก ผมบอกว่าไม่ใช่ อาตมาดูออก ถ้าเป็นกระดูกต้องมีลายกระดูก อันนี้ไม่มีเลย คนขายเขาก็บอกว่า Sorry เพราะว่าเขาก็ไม่ใช่คนทำ เขาบอกอะไรมาก็เชื่อตามนั้น ขำตรงที่เขาเดินตามมาถึงรถเลย เพราะเห็นว่าซื้อจริง ๆ แต่พวกโยมส่วนใหญ่ที่ไปจะซื้อหินทิเบตกัน

ถาม : หินทิเบตของจริงเขาบอกว่าต้องเก็บมาจากวัด ?
ตอบ : ใช่ แต่ขอโทษเถอะ เงินที่เราซื้อก็ต้องตั้งใจว่าชำระหนี้สงฆ์ เพราะว่าเขาเอาหินมาจากวัด

เถรี 25-07-2017 21:23

ไปปากีสถานผมก็ชี้ให้โยมดู Turquoise บอกว่าอันนี้ของจริง อันนี้ของปลอม โยมเขาดูแล้วจำไว้ จากนั้นเขาก็ไปต่อราคาของจริง ต่อแล้วก็หันมาถามราคาของปลอม ตอนต่อของจริงนั้นซื้อไว้แล้วชุดหนึ่ง พอหันไปชี้ใส่ของปลอม เขาบอก “No...No...Man-made.” บอกเลยว่าอันนี้คนทำไว้ คราวนี้เชื่อหรือยังว่าไอ้นี่ของปลอม ? ถ้าเราดูออกนี่เขาก็หลอกเราไม่ได้ แต่ถ้าดูไม่ออกนี่โดนหมด

ถาม : ส่วนใหญ่ไปเจอก็ของปลอม หินเอย อะไรเอย ?
ตอบ : เราชอบก็ซื้อไปสิ ที่ไม่ปลอมแน่ ๆ ก็คือรุทธระ ประคำเม็ดพุทธรักษา ไม่ปลอมหรอก แต่แหม...เขาแหกตาเรา ต้องกี่ตา ๆ ถึงจะขลัง ยิ่งมากก็ยิ่งดีอะไรแบบนี้ ไล่นับตาให้เราดูเลย แต่ขายให้เราก่อน พอขายให้เราก่อนแล้วค่อยบอกว่ามีที่ดีกว่านั้น น่าถีบจริง ๆ...!

เถรี 25-07-2017 21:26

ถาม : (หมาบางแก้ว)
ตอบ : หมาบางแก้วอุปนิสัยหวงถิ่น ถ้าคนแปลกหน้าไม่ใช่เจ้านายโดนกัดทุกคนแหละ ท่านอาจารย์เอกลักษณ์ วัดปากน้ำโจ้โล้ เลี้ยงไว้ตัวหนึ่ง ผมเข้าไปนี่เขาวิ่งใส่เลยนะ เพียงแต่ผมไม่ได้สนใจ บอกว่ามาพักเฉย ๆ เขาก็มาดมฮื่อ ๆ ๆ ขู่ใส่ไม่ยอมเลิก นี่ขนาดผมไม่กลัวหมานะ ถ้าคนกลัวขยับหรือวิ่งหนีโดนกัดแน่เลย

บางแก้วเป็นหมาหวงถิ่นมาก เพราะว่าพื้นถิ่นอาศัยอยู่ในแพมาก่อน ก็คือเป็นพวกหมู่เรือนแพในแม่น้ำยมอะไรพวกนั้น คราวนี้ไปผสมกับหมาจิ้งจอกก็เลยออกมาเป็นพันธุ์บางแก้ว ด้วยความที่อยู่แพใครแพมัน ทำให้หวงที่มาก จริตนิสัยก็เลยฝังใน DNA หวงที่มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว อย่าไปเลี้ยงพวกโกลเด้นฯ ก็แล้วกัน พวกนั้นเป็นหมารับแขก ช่วยพาโจรเข้าบ้าน..!

เถรี 25-07-2017 21:30

ถ้าจะเอาพันธุ์หมาวัด ที่ท่าขนุนมีเยอะแยะไป ตัวเล็ก ๆ หอบไปเลี้ยงได้เลย หมูหยองเพิ่งจะคลอดลูกมา ๙ ตัว อายุเพิ่งจะอาทิตย์กว่า ๆ แม่หมาวัยรุ่นคลอดลูก ๙ ตัว ตอนท้องก็ดูท้องไม่ใหญ่ คลอดออกมาตัวใหญ่กว่าลูกแมวหน่อยเดียว เลยบอกแม่ชีเอหาอะไรให้กินเยอะ ๆ หน่อย จะได้ตัวโต พวกลูกสัตว์ถ้ากินถึงตั้งแต่เด็ก ๆ จะโตมาก

สมัยก่อนอาตมาเลี้ยงอีเห็น อัดนมวัวเข้าไปเต็ม ๆ อยากกินเท่าไรก็กินได้เท่านั้น โตอย่างกับหมาเลย แต่เลี้ยงอีเห็นเราจะลายไปทั้งตัว เพราะว่าเล็บเขาเหมือนเล็บแมว ถึงเวลาก็ไต่ขึ้นตัวเรา เห็นเราเป็นต้นไม้ ไต่ขึ้นไต่ลง ไต่ขึ้นไต่ลง จนลายไปทั้งตัว

มีโยมประเภทผู้ดีกรุงเทพฯ ไปถาม “เป็นอะไรเจ้าคะ ลายไปทั้งตัว ยุงมากหรือคะ ?” บอกว่า ไม่ใช่...รอยเท้าอีเห็น คนนั้นก็ไม่รู้จักอีเห็น “โอ้โฮ...เป็นสัตว์ที่ดุร้ายมากเลยนะคะ ” ไม่ได้ดุหรอก แต่เห็นเราเป็นต้นไม้ ปีนไปเรื่อย ขึ้นบนลงล่าง อยู่นิ่งไม่เป็น

พอถึงเวลาจะตกก็เอาหางรัดคอเราไว้ เกือบจะหายใจไม่ออก ถึงได้รู้ว่าพวกลิง พวกค่าง พวกอีเห็น พวกเสือ พวกแมว ฯลฯ ใช้หางในการทรงตัวได้ สามารถใช้ยึดจับได้ พอจะหล่นเอาหางรัดคอ อ๋อ...ที่แท้ช่วยอย่างนี้ก็ได้

เถรี 25-07-2017 22:08

มีลูกศิษย์ย้ายไปทำงานที่พัทลุง "อยู่พัทลุงก็ไปกราบเจ้าพ่อขุนคางเหล็กนะ ตอนช่วงแวะไปวัดเขาอ้อบ่อย ๆ เจ้าพ่อขุนคางเหล็กท่านมาบอกว่าท่านเป็นเจ้าของพื้นที่ เคยเป็นเจ้าเมืองพัทลุงมาก่อน"

ถาม : การแบ่งเขตดูแลของเทวดา ท่านแบ่งตามหลักอะไรคะ ?
ตอบ : ตามคำสั่งเจ้านาย ...(หัวเราะ)... บางทีเขตที่แบ่งเป็นเมืองโบราณที่ปัจจุบันเขาหาซากไม่เจอแล้ว แต่เขาก็แบ่งตามเขตนั้นแหละ

เถรี 25-07-2017 22:17

ถาม : พระเครื่องแตก ขอถวายหลวงพ่อให้นำไปเป็นชนวนสร้างพระ ?
ตอบ : ไม่ควร...เอาบรรจุองค์ใหญ่ไว้บูชาต่อ ไม่อย่างนั้นจะมีโทษเท่ากับทำลายองค์พระ ของสายอื่นพระแตกอาจจะหมดสภาพ แต่ของสายวัดท่าซุงพระแตกอานุภาพจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากว่าวัตถุมงคล ๑ ชิ้น เทวดาต้องรักษา ๑ องค์ ตามที่ได้ตกลงกันไว้ระหว่างท่านปู่พระอินทร์กับที่พระพุทธเจ้าเมตตาตรัสไว้ ฉะนั้น...อยู่ ๆ วัตถุมงคลกลายเป็น ๒ ชิ้นก็ต้องเพิ่มเทวดามารักษาอีก ๑ องค์

วัตถุมงคลสายวัดท่าซุงแตกหักนี่ได้เปรียบ...อย่าทิ้งนะ เพราะว่าขลังกว่าเดิม หาทางติดกาวกลับไปแล้วเอาไปใช้ต่อได้เลย จากเทวดาองค์หนึ่งก็กลายเป็น ๒ องค์ หรือถ้าหากใครมีความสามารถพิเศษ จะแตก ๗-๘ ชิ้นก็เอาเถอะ ก็ได้ไป ๗-๘ องค์..!

เถรี 25-07-2017 22:39

ถาม : มีวัตถุมงคลเยอะแยะมากมาย แต่มีญาติผู้ใหญ่มาบอกว่า วัตถุมงคลนี้มีของ พอจับแล้วสั่น ขนลุก ให้เอาไปทิ้ง ?
ตอบ : บอกเขาว่าเอามาทิ้งแถวนี้แหละ เดี๋ยวจะมีคนช่วยเก็บ...!

ถาม : เจ้าตัวเขาอยากเก็บไว้ แต่ไม่รู้ว่าจะบอกผู้ใหญ่อย่างไร เพราะบ้านอยู่กันหลายคน เขาบอกว่าพระเครื่องมีแต่ผี หนูก็สงสัยว่าเขาแยกผีและเทวดาอย่างไรคะ ?
ตอบ : ก็ต้องถามเขาแหละ อย่ามาถามอาตมา พวกประเภทมั่วไปเรื่อยมีเยอะ มีพระบางรูปก็อวดรู้แบบนี้แหละ พอหยิบวัตถุมงคลขึ้นมาก็บอกว่าเป็นของที่ไหน มีพลังมากแค่ไหน ท้ายสุดหยิบวัตถุขึ้นมาชิ้นหนึ่ง เขาก็บอกว่าชิ้นนี้แหละมีพลังมากที่สุด อาตมาเลยให้เปิดดู ปรากฏว่าเป็นตลับยาหม่อง ปล่อยเขาไปเถอะ เอาที่เขาสบายใจ

เถรี 25-07-2017 22:48

คุณชะพิต ชอบเสร็จ นำพระขรรค์โสฬส ๘๔ พรรษาธรรมิกราชมาถวายร่วมบุญกฐินปลดหนี้ "สรุปว่ากฐินปลดหนี้มีเจ้าภาพไป ๓๐๐,๐๐๐ บาทแล้ว เพราะว่ามีผู้บูชาพระขรรค์ไปแล้ว พระขรรค์เล่มนี้หมายเลข ๘๐ ขนาดและลวดลายทุกมิติเท่ากับพระแสงขรรค์ไชยศรีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ถามว่ารู้ได้อย่างไร ? ก็ให้เจ้าหน้าที่ซึ่งมีหน้าที่อัญเชิญและรักษาพระแสงขรรค์ไชยศรีวัดขนาดมาให้ ใช้เวลาในการทำเกือบ ๒ ปีเต็ม ทั้ง ๆ ที่ทำแค่ ๘๔ เล่ม เพราะว่าการสร้างอะไรก็ตามที่มีลักษณะเป็นเทพอาวุธ เป็นอาวุธประจำพระองค์ของเจ้าพระยามหากษัตริย์หรือพระเจ้าจักรพรรดิ ถ้าหากว่าบุญเก่าไม่พอนี่ทำไม่สำเร็จ บุญเก่าพอก็ยังยากเย็นแสนเข็ญ

พระขรรค์เป็นตัวแทนแห่งมหาอำนาจ ใช้ในการปกครองคน ถ้าใครเป็นเจ้าของบริษัทใหญ่ ๆ มีลูกน้องมาก ๆ หาพระขรรค์ใหญ่หรือเล็กพกติดตัวเอาไว้บ้าง

ต้นตำรับพระขรรค์รายแรก ๆ เลยก็คือหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ที่เห็นสร้างพระขรรค์ในเมืองไทยมีแค่ไม่กี่ราย ที่ทำแล้วประสบความสำเร็จมาก ๆ ก็คือพระขรรค์โสฬสของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า พระขรรค์ปราบไตรภพของหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว พระขรรค์มหาปราบของหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว พระขรรค์บรมครูมหาปราบของหลวงปู่ทองเฒ่า วัดเขาอ้อ แล้วที่ชัด ๆ เลยก็คือ พระขรรค์สะกดวิญญาณของหลวงพ่อแจ่ม วัดวังแดงเหนือ ซึ่งเอาไว้สำหรับปราบผีโดยเฉพาะ"

เถรี 25-07-2017 22:52

พระอาจารย์กล่าวว่า “พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในมงคล ๓๘ ว่า สะมะณานัญจะ ทัสสะนัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง การได้เห็นสมณะคือพระภิกษุสงฆ์ จัดว่าเป็นอุดมมงคล

ถามว่าเป็นมงคลตรงไหน ? ได้เห็นพระสงฆ์เป็นสังฆานุสติ โดยเฉพาะถ้าท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเราจะรู้สึกว่าอยากอยู่ใกล้ เพราะว่ากระแสความดี กระแสเย็นของท่านมีอยู่ อยู่ใกล้ท่านเราจะรู้สึกว่าสงบ รู้สึกว่ามีความสุข

แต่บางทีไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เวลาอยู่ใกล้ท่าน กำลังใจของเราก็จะคิดแต่ในด้านดี ๆ มากกว่า ไม่ฟุ้งซ่านไปกับ รัก โลภ โกรธ หลง เหมือนกับอยู่คนเดียวที่บ้าน ฉะนั้น...ในเมื่อเราสามารถรักษากำลังใจไว้ในด้านดีมากกว่าด้านที่ไม่ดี จึงนับว่าเป็นมงคลใหญ่

พูดง่าย ๆ ว่าได้เห็นพระสงฆ์เท่ากับบังคับให้เราฝึกกรรมฐานกองสำคัญ ก็คือสังฆานุสติโดยอัตโนมัติ บางทีเด็ก ๆ ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อแม่มาทุกวัน ? แต่ขณะเดียวกันเด็กบางคนก็อยากมาเอง บอกให้พ่อแม่พามา แสดงว่ามีพื้นฐานเก่าดีมาก”

เถรี 27-07-2017 09:26

พระอาจารย์กล่าวว่า "เดือนก่อนพระที่วัดไปฝึกนักเทศน์ ๒ รูป แล้วก็ไปเรียนวิชาเทศน์ในระดับประกาศนียบัตรอีก ๑ รูป

พระที่เรียนจะมีระดับประกาศนียบัตรอยู่ ๓ สาขา สาขาแรกสำหรับบรรดาพระสังฆาธิการ คือ ตั้งแต่ผู้ช่วยเจ้าอาวาสขึ้นไป เรียกว่า ประกาศนียบัตรการบริหารกิจการคณะสงฆ์ (ป.บส.) เรียนจบมาได้วุฒิเท่ากับ ม.๖ แต่ว่าเป็นของสำหรับพระที่เป็นฝ่ายบริหารโดยเฉพาะ

อีกประเภทหนึ่งสำหรับครูพระที่เข้าไปสอนเด็กนักเรียน เรียกว่า ประกาศนียบัตรครูพระสอนศีลธรรม (ป.สศ.) ส่วนประกาศนียบัตรพระธรรมเทศนา (ป.ทศ.) มีเรียนที่วัดประยุรวงศาวาส

คราวนี้พระท่านขอไปเรียน อาตมาถามว่าเจตนาอยู่ตรงไหน ? ถ้าต้องการเทศน์เป็น ไม่ต้องเรียนถึง ๑ ปี แต่ถ้าต้องการวุฒิ ม.๖ แล้วเทศน์เป็นด้วยก็ไปเรียน ก็ปรากฏว่าท่านเก่งกับหลวงตาต๋อยเอาแค่เทศน์เป็น ถ้าแค่เทศน์เป็นคุณไปติดต่อที่วัดราชโอรส เขามีสอนเทศน์เป็นรุ่น ๆ รุ่นหนึ่งประมาณ ๑๕ วัน ฝึกกัน
หูดับตับไหม้ทั้ง ๑๕ วันนั้นแหละ ส่วนอีกรูปหนึ่งก็ไปเรียนเพื่อเอาวุฒิ ม.๖ ด้วย ก็ต้องไปเรียนที่วัดประยุรวงศาวาส"

เถรี 27-07-2017 09:31

"อาตมาเองก็จบนักเทศน์วัดราชโอรสมาเหมือนกัน รุ่นถัด ๆ มาก็มี พระครูน้อยพระครูหน่อย พระครูบ่าว จบมาแล้วนาน ๆ ไม่ได้เทศน์ก็สนิมกินหมด

ที่อาตมาอยากให้มีก็คือเทศน์ ๒ หรือ ๓ ธรรมาสน์ แต่ว่าพระอื่นท่านไม่กล้าเทศน์ด้วย เจ้าอาวาสก็เลยได้แต่นั่งเฉา ตอนนี้ท่านเก่ง เลขานุการเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ท่านบอกว่าเดี๋ยวจะช่วยกันสานฝันให้หลวงพ่อ ก็เลยชวนพวกไปเรียน เขาจะเทศน์กันเองก่อน ถ้าเห็นว่าเข้าท่าเข้าทางพอจะยืนระยะได้ ค่อยไปดวลกับหลวงพ่อกันทีหลัง"

เถรี 27-07-2017 09:36

"เรื่องของการเทศน์ ๒ ธรรมาสน์หรือ ๓ ธรรมาสน์นั้นสำคัญตรงคนถาม ขณะเดียวกันคนตอบก็ต้องฉลาดในการตอบด้วย ถ้าหากว่าคนตอบนั้นตอบผิด คนถามจะบอกว่าผิดไม่ได้ จะเสียท่าชาวบ้าน เดี๋ยวเขารู้ว่าพระไม่เก่ง ต้องหาทางหลอกให้ตอบวนไปวนมาให้เข้าที่จนได้ ส่วนคนตอบ ถ้าตอบไม่เป็นไปปิดทาง คนถามถามต่อไม่ได้ก็ซวยอีก

ส่วนใหญ่ถ้าเป็นนักเทศน์ระดับอาจารย์จริง ๆ คำถามเดียว
หมดไปเป็นชั่วโมงเลย ท่านจะสนุกสนานเฮฮาไปเรื่อย คนฟังข้างล่างก็หัวเราะเป็นธรรมบันเทิงไป"

เถรี 27-07-2017 09:39

"สมัยก่อนมีนักเทศน์มาก เฉพาะศิษย์ของหลวงพ่อพระครูโวทานธรรมาจารย์ วัดดาวดึงสาวาส มีเกิน ๒๐๐ รูป ท่านเป็นสุดยอดปรมาจารย์นักเทศน์ ปฏิภาณถึงขนาดไม่มีใครต้อนจน ท่านบอกว่าปรารถนาจะเกิดเป็นพระพุทธเจ้าอีก นั่นบอกชัดเลย

หลวงพ่อพระครูโวฯ จัดงานศพตัวเอง มีเทศน์แจง ๕๐๐ ธรรมาสน์ มีคนถามว่าหลวงพ่อจัดทำไม ? ท่านบอกว่า “เวลาข้าตายแล้วไม่ได้เห็น อยากเห็นตอนเป็น ๆ ว่าพวกเอ็งทำอะไรให้ข้าบ้าง”

ปรากฏว่าจัดทีหนึ่งรวยไปเลย เพราะลูกศิษย์นักเทศน์แห่กันมาหมด เทศน์ ๕๐๐ ธรรมาสน์ ก็ต้องมา ๕๐๐ รูป มาถึงก็ถวายผ้าไตร ๑ ไตร เงิน ๑๐๐ บาท สมัยนั้นก๋วยเตี๋ยว ๒ ชาม ๕ สตางค์ ๑๐๐ บาท นี่ประมาณแสนบาทสมัยนี้น่าจะได้ ค่าของเงินใหญ่กว่ากันมาก

หลวงพ่อท่านจัด ลูกศิษย์เอาเงินมาให้ห้าหมื่น เพราะว่าคนละร้อยใช่ไหม ? โวทานธรรมาจารย์ แปลว่าอาจารย์
ผู้ให้ทานทางธรรม คือให้ธรรมเป็นทาน"

เถรี 27-07-2017 09:55

ถาม : หนูเคยฝึกมโนมยิทธิตอนสมัยเรียนอยู่ ตอนนี้กลับมาทำใหม่ เหมือนเราปฏิบัติได้ไม่นาน มีอาการตกใจเวลาทำสมาธิ ?
ตอบ : ไม่ใช่ตกใจ นั่นคืออาการที่สมาธิเริ่มทรงตัวแต่สติตามไม่ทัน จะรู้สึกเหมือนวูบตกจากที่สูง (ใช่ค่ะ) ให้เอาความรู้สึกทั้งหมดของเรา จดจ่ออยู่ที่ลมหายใจเข้าออก ถ้าเผลอเมื่อไรก็หล่นอีก แต่ถ้าก้าวข้ามไปได้ก็จะไม่เป็นอีก เกาะลมให้ติด ๆ เอาไว้ อย่าเผลอห่าง ห่างเมื่อไรก็วูบเมื่อนั้น

ถาม : จะเป็นทุกครั้ง ?
ถาม : ถ้าหากว่าก้าวข้ามไปได้เมื่อไรก็จะไม่เป็นอีก ทิ้งไปนานก็ลำบากอย่างนี้แหละ แต่ไม่เป็นไร...มีพื้นฐานเก่าอยู่แล้วกลับมาก็ยังง่ายกว่าคนอื่น

เถรี 27-07-2017 18:18

ถาม : สัญญากับปัญญา เป็นอย่างไรครับ ?
ตอบ : สัญญาคือจำได้ ปัญญาคือทำได้

ถาม : ญาณละครับ ?
ตอบ : ญาณ เป็นเครื่องรู้พิเศษที่เกิดขึ้น มีผลมาจากฌาน เรียกว่าเป็นส่วนประกอบที่ทำให้เกิดปัญญาก็ได้

เถรี 27-07-2017 20:43

ถาม : เวลาที่เรากำลังจะตาย ถ้าภาวนาพระคาถาสั้น ๆ จะมีโอกาสขึ้นที่สูงหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : สำคัญที่สุดคือทำให้คล่องตัวก่อนตาย ถ้าจะตายแล้วคิดไปทำตอนนั้นไม่รอดสักราย

ถาม : คล่องตัวขนาดไหนครับ ?
ตอบ : ขนาดทรงอารมณ์ได้ทุกเวลาที่ต้องการ

เถรี 27-07-2017 21:42

ถาม : การแบ่งคำภาวนาสั้นยาว แบ่งแบบไหนครับ ?
ตอบ : อย่างไรก็ได้ ให้ไปตามลมหายใจโดยไม่สะดุดก็ใช้ได้ แต่ละคนไม่จำเป็นต้องทำเหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องไปวรรคในที่เดียวกัน ไม่จำเป็นต้องไปหยุดแบบเดียวกัน

ถาม : ถ้าเราสร้างคำภาวนาให้ลมหายใจสัมผัสได้ไหมครับ ?
ตอบ : ทำ...ทำแล้วจะรู้ว่าได้หรือไม่ได้


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 09:49


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว