กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=47)
-   -   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๙ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5289)

เถรี 19-11-2016 18:58

ถาม : เรื่องการแผ่อุเบกขาในพรหมวิหาร ที่ผมเพิ่งจะเริ่มทำก็คือจับภาพพระ ?
ตอบ : พอก่อน...ผิดตั้งแต่แรกแล้ว อุเบกขาประเทศไหนเขาให้แผ่วะ...?! เขาให้ฝึกหัดสภาพจิตให้ตั้งมั่นไม่หวั่นไหว สิ่งดีเข้ามาก็ไม่ยินดี สิ่งร้ายเข้ามาก็ไม่ยินร้าย มีใครเขาไปนั่งแผ่อุเบกขา..?

เถรี 19-11-2016 18:59

ถาม : ถ้าฝึกกสิณ ต้องเป็นวิปัสสนาก่อน หรือทำสมถกรรมฐานก่อน ?
ตอบ : กสิณคือการเริ่มฝึกสมาธิ มีวัสดุพร้อมก็ฝึกไปได้เลย เพียงแต่ให้ฝึกควบกับลมหายใจเข้าไว้

เถรี 19-11-2016 19:17

ถาม : ขณะที่สวดมนต์ทำวัตรอยู่ แล้วมีพระมาสะกิดเรา ทำให้จิตเราส่าย ฟุ้งเป็นชั่วโมง ไม่ทราบจะมีวิธีสร้างกำลังใจป้องกันตัวไหมครับ ?
ตอบ : เกาะภาพพระแล้วสวดไป ถ้าสมาธิดี สะกิดให้ตายก็ไม่หลุด

ส่วนใหญ่พวกเราจะเห็นว่าแค่สวดมนต์ ถ้าหากว่าสวดเป็นก็ไปได้ยันพระนิพพาน แต่คนเรามักจะไปคิดว่าแค่สวดมนต์ การสวดมนต์ขั้นต้นถ้าไม่มีสมาธิจะสวดผิด ให้สังเกตว่าเราเผลอคิดเรื่องอื่นเมื่อไรจะสวดผิดทันที

ถ้าเป็นผู้ที่คล่องตัวในอานาปานสติ คำสวดมนต์ก็คือคำภาวนา เพียงแต่เป็นคำภาวนาที่ยาวหน่อยเท่านั้น สำหรับผู้ที่เข้าถึงฌานสมาบัติ การสวดมนต์คือการซักซ้อมทรงฌานตั้งเวลา ถ้าหากว่าสวดมนต์ไม่เสร็จ สมาธิเราจะไม่คลายออกมา

สำหรับผู้ที่ได้ทิพจักขุญาณ ให้กำหนดภาพพระในขณะที่สวดมนต์ไปด้วย สมาธิยิ่งทรงตัวมากเท่าไร ภาพพระจะชัดเจนแจ่มใสมากเท่านั้น สำหรับผู้ที่ได้อภิญญา ให้ยกจิตขึ้นไปสวดมนต์ถวายพระบนพระนิพพานเลย ถ้ากำลังใจเราตั้งมั่นอยู่บนพระนิพพานบ่อย ๆ สภาพจิตเคยชินกับความสะอาด ปราศจาก รัก โลภ โกรธ หลง ของที่นั่น ถ้าจำอารมณ์นั้นได้ ลงมาแล้วประคับประคองรักษาอารมณ์นั้นไว้ ถ้าทำไปนาน ๆ จะหมดกิเลสแบบไม่รู้ตัว

สำหรับบุคคลที่แปลบาลีได้ คำสวดมนต์ส่วนใหญ่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า ถ้าแปลได้ก็ทำตามไปเลย ถ้าปฏิบัติตามได้ โอกาสที่จะหลุดพ้นก็มีอย่างแน่นอน

เถรี 19-11-2016 19:21

ฉะนั้นใครที่บอกว่า "แค่สวดมนต์" สำคัญว่าคุณสวดเป็นไหม ? อาตมาทำมาแล้วทุกรูปแบบ ถ้าไม่ได้ทำก็บอกให้ไม่ได้ สมัยเป็นฆราวาสฝึกปฏิบัติใหม่ ๆ ก็ใช้วิธีการสวดมนต์เป็นการซักซ้อมการทรงสมาธิ

ทุกคนจะสงสัยว่าทำไมพระวัดท่าขนุนเจริญกรรมฐานแล้วมานั่งทำวัตร สมาธิก็หลุดหายหมดสิ ? พวกนั้นโง่มาก...ปล่อยมันไป แต่ถ้าบุคคลที่เข้าใจ ถึงเวลาเขาจะทรงสมาธิไว้ไม่ให้เคลื่อน ไม่ให้คลายออกไป

แต่เท่าที่สังเกต พระวัดท่าขนุนส่วนใหญ่ถึงเวลาก็นั่งแข็งทื่อ ปล่อยเจ้าอาวาสสวดไปคนเดียว ทรงสมาธิได้เหมือนกันแต่ไม่ใช่สมาธิใช้งาน อย่างท่านอาจารย์เตชะ อุ้มไปทิ้งแล้วยังไม่รู้ตัวเลย พระอื่นเดินกลับกุฏิหมดแล้ว อาจารย์เตชะยังนั่งเงียบอยู่นั่น

ตั้งใจจะให้ซักซ้อมการทรงฌานใช้งาน แต่หาคนทำได้น้อยมาก ถามว่าผิดหวังไหม ? ไม่หรอก...เพราะอย่างน้อย ๆ ฌานขั้นต้นท่านได้กันหมด เพียงแต่เจ้าอาวาสเหนื่อยหน่อย เพราะคนอื่นเล่นนั่งทรงฌานกันหมด ปล่อยให้เจ้าอาวาสสวดมนต์อยู่นั่นแหละ..!

เถรี 19-11-2016 20:09

ถาม : อุเบกขา ก็คือ ถ้าเราได้ยินเสียง ไม่ว่าเสียงนั้นจะเสียงดีหรือเสียงร้าย ก็ให้เราวางเฉยหรือครับ ?
ตอบ : รักษากำลังใจอย่าไปสนใจในเสียงนั้น เพราะทันทีที่คุณสนใจ คุณจะไปปรุงแต่ง ทันทีที่ปรุงแต่ง ถ้าไม่ชอบใจก็จะชอบใจ มี ๒ อย่างเท่านั้น ชอบใจก็เป็นราคะ ไม่ชอบใจก็เป็นโทสะ ฉะนั้น...อุเบกขาเป็นเรื่องที่จำเป็นในการฝึกปฏิบัติธรรมทุกระดับ ถ้าไม่มีอุเบกขาก็หาความเจริญในการปฏิบัติไม่ได้ พูดง่าย ๆ ก็คือ ทำได้แต่เบื้องต้นเท่านั้น เบื้องปลายสุดถ้าจะเข้าถึงจริง ๆ ต้องมีอุเบกขา โดยเฉพาะสังขารุเปกขาญาณ หยุดการปรุงแต่งทั้งปวง ในเมื่อหยุดการปรุงแต่งทั้งปวง รัก โลภ โกรธ หลง เกิดไม่ได้ แล้วจะเหลืออะไร ? กิเลสก็ตายเกลี้ยง..!

แต่สมัยนี้นักวิชาการเก่งมาก สังขารุเปกขาญาณของเขาเป็นแค่เบื้องกลางเท่านั้น เขาต้องมีมรรคฌานผลญาณอะไรให้ยุ่งไปหมด ไปนึกถึงหลวงพ่ออุตตะมะ ลุงสัจจะ มูลแก้ว จะไปเรียนอภิธรรม ท่านก็เตือน "โยมลัย อย่าไปเรียนอภิธรรมเลย เรียนไปเดี๋ยวจะไม่มีพระให้ไหว้นะ" เพราะคนเรียนอภิธรรมมักคิดว่าตัวเองเก่งกว่าพระ หารู้ไม่ว่าพระอภิธรรม พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้สอนมนุษย์ ท่านสอนพรหมเทวดาที่เป็นอุคฆฏิตัญญูบุคคล แค่ฟังหัวข้อก็เข้าใจแล้ว ขนาดนั้นยังใช้เวลาตั้ง ๓ เดือนของมนุษย์ ลองดูสิว่าถ้าพระพุทธเจ้าเทศน์ ๓ เดือน โดยไม่ไปไหน คนฟังจะเป็นลมตายก่อนไหม ? แต่ก็ยังมีพวกเก่งกล้าสามารถไปเรียนพระอภิธรรมกัน

อาตมายอมแพ้พระอภิธรรม ขออ่านผ่านตาเท่านั้น ไม่พยายามไปแตะเลย ที่พระพุทธเจ้าท่านจำเป็นต้องสอนตั้ง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ก็เพราะเป็นไปตามจริตของผู้ฟัง ในเมื่อเป็นไปตามจริตของผู้ฟัง ก็แปลว่าถึงจะเหมาะกับบุคคลประเภทหนึ่ง ก็ไม่แน่ว่าจะเหมาะกับบุคคลอีกประเภทหนึ่ง อย่างมหาสติปัฏฐานสูตร อาตมาว่าพระพุทธเจ้าท่านสอนมนุษย์ต่างดาว คนก็ว่าพระอาจารย์เล็กเพี้ยน..!

เถรี 19-11-2016 20:16

มหาสติปัฏฐานสูตร พระพุทธเจ้าท่านเทศน์ที่หมู่บ้านกัมมาสธัมมะนิคมของชาวกุรุ เราต้องย้อนประวัติศาสตร์กลับไปในสมัยที่โลกยังมีพระเจ้าจักรพรรดิอยู่ พระองค์ท่านต้องแสดงพระราชอำนาจด้วยการปราบได้ในทวีปทั้ง ๔ แล้วกวาดต้อนเอาบุคคลของแต่ละทวีปมาเพื่อการแสดงซึ่งพระราชอำนาจ

บุคคลที่มาจากอุตรกุรุทวีป ท่านเอาไว้ที่แคว้นกุรุ บุคคลที่มาจากอมรโคยานทวีปเอาไว้ที่เมืองอมรปุระ บุคคลที่มาจากปุพวิเทหทวีปไว้ที่เมืองเทวทหะ ก็เมืองแม่ของพระพุทธเจ้า ฉะนั้น...ใครว่าพระพุทธเจ้าฉลาดเหนือมนุษย์ น่าจะเป็นมนุษย์ต่างดาว ก็ไม่ผิดหรอก คนแคว้นกุรุฉลาดขนาดไหน ? ฉลาดขนาดนกแขกเต้าที่เลี้ยงไว้ยังเจริญอสุภกรรมฐานเป็นปกติ พวกเราทำได้อย่างนกไหม ?

เราจะสังเกตว่าพอกล่าวถึงกายในกาย เราก็ได้อานาปานบรรพ คือลมหายใจเข้าออก กิริยาบถบรรพ สัมปชัญญบรรพ พวกนี้พอแตะถึง แต่พอไปถึงเวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม บางคนไปไม่เป็นเลย ก็เพราะท่านสอนเฉพาะชาวกุรุ เราเอาแค่อานาปานบรรพ คือลมหายใจเข้าออกก็พอแล้ว เพราะว่าทุกบรรพหรือว่าทุกตอน แต่ละตอนพระองค์ท่านลงท้ายจุดจบไว้ให้หมดแล้ว ทำจบก็เป็นพระอรหันต์ได้

พระองค์ท่านว่า นะ จะ กิญจิ โลเก อุปาทิยะติ เราจะไม่ยึดสิ่งใด ๆ ในโลกนี้ ปล่อยให้หมดแล้วจะเหลืออะไร ?

เถรี 19-11-2016 20:24

พระอาจารย์กล่าวว่า "ในเรื่องของกรรมฐานอย่าโลภมาก ทำอย่างใดอย่างหนึ่งให้เห็นผลไปเลย แล้วของอื่นจะไม่ยาก แต่ถ้าทำแล้วยังไม่เห็นผลก็จะยากทุกประการ ฉะนั้น...อะไรที่ได้หลักแล้ว พอใจแก่ตัวเองแล้ว ก็ตั้งหน้าตั้งตาทำให้จบ จบแล้วถ้าไม่ขี้เกียจค่อยขยับมาทำอย่างอื่นต่อ"

เถรี 19-11-2016 20:55

พระอาจารย์กล่าวว่า "อย่ากลัวอ้วน แต่ให้รู้จักประมาณในการกิน ถ้าหากว่ากินน้อยแล้วอ้วนแสดงว่าระบบเมตาบอลิซึ่มในร่างกายของเราพิลึกกว่าชาวบ้านเขา แต่ก็ประหยัดดี ส่วนพวกกินมากแล้วไม่อ้วนอย่างอาตมาถือว่าเลี้ยงเสียข้าวสุก..!

สาว ๆ สมัยนี้จะไปคุ้มคลั่งอะไรกับการอดข้าว ? การลดน้ำหนักที่แน่นอนคือทำงานหรือไม่ก็ออกกำลังกาย ทำงานไปทั้งวันเช้ายันค่ำ ดูสิว่าจะอ้วนไหม ? ส่วนใหญ่ที่อ้วนก็คือนั่ง ๆ นอน ๆ กินเสร็จแล้วก็นั่งเขี่ยไลน์ นอนเขี่ยไลน์ ถ้าแบบนี้รับประกันว่าเดือนเดียวเห็นผล..!

อะไรที่พอดีจะมีประโยชน์ อะไรที่ไม่พอดีก็จะมีโทษ มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เขาวิเคราะห์ว่าออกซิเจนทำให้ร่างกายสดชื่น คลอโรฟิลทำให้ร่างกายรับออกซิเจนได้มาก แล้วก็ให้พวกเราซื้อมากิน อาตมาเห็นว่ามีโทษแน่ ๆ เพราะพระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดเลยว่า มีธาตุไฟที่กระตุ้นร่างกายให้เจริญเติบโต และก็มีธาตุไฟที่ทำให้ร่างกายทรุดโทรมลง

อาตมาเห็นคนที่กินน้ำผัก กินคลอโรฟิล กินน้ำออกซิเจน เหี่ยวดูไม่ได้เลย ร่างกายเสื่อมเร็วกว่าปกติ เนื่องจากออกซิเจนเกิน ก็ไปผลาญเซลล์ในร่างกาย ดังนั้น...เราจะเห็นในพระอัจฉริยภาพของพระพุทธเจ้า ที่ทรงตรัสในเรื่องมัชฌิมาปฏิปทา ใช้ได้ทุกเรื่องจริง ๆ อะไรที่ไม่พอดี เกินหรือขาดก็จะก่อให้เกิดโทษ

แต่โยมคนนั้นเขาไม่รู้ตัวนะ ที่ไม่รู้ตัวเพราะว่าเหมือนกับเสพติดไปแล้ว เขาบอกว่าสดชื่นดี น่าจะอายุสั้นกว่าปกติไปหลายปี อยากแข็งแรงต้องออกกำลังกาย กินอาหารให้ถูกหลัก แต่ไม่ต้องกินครบ ๕ หมู่ อย่างอาตมาได้แค่หมู่ ๑ หมู่เดียว พระครูแสงเคยเดินหาอาหาร
กินแค่ ๒ หมู่ ยังบอกว่าขาอ่อนเลย โดยเฉพาะแค่สหกรณ์นิคม ๘๐,๐๐๐ ไร่ก็มีตั้ง ๒ หมู่ ไม่ต้องไปกินครบ ๕ หมู่หรอก ตายก่อนแน่ ๆ...!"

เถรี 21-11-2016 20:57

พระอาจารย์กล่าวว่า "สมัยก่อนเวลาอาตมาเจองูตัวใหญ่ ๆ ต้องดูก่อนว่าเป็นงูจริงหรืองูปลอม ส่วนใหญ่งูปลอมจะเป็นเจ้าที่เจ้าทางเทวดาอารักษ์ ต้องการจะข่มขู่พวกโลภมาก ก็ใช้วิธีแปลงเป็นงูตัวใหญ่ ๆ คนจะได้วิ่งหนีกัน

มีคนไปขุดกรุปราสาทหินทางอีสาน เปิดกรุออกมา ปรากฏว่าฝนกระหน่ำลงมา กำลังตั้งหน้าตั้งตาจะโกยของ ทำไมอยู่ ๆ ฟ้ามืด เงยหน้าขึ้นไป เห็นเกล็ดใต้ท้องงูพาดผ่านหลุมแทบจะปิดหลุมมิด แล้วหลุมกว้างขนาดผืนพรมตรงหน้าอาตมา (ประมาณ ๓ X ๕ เมตร) คราวนี้ไม่มีใครเอาสมบัติแล้ว วิ่งกันป่าราบอย่างเดียว

อาตมาไปเจอที่บึงลับแลก็เหมือนกัน ชูหัวขึ้นมาจากบึงเลยคอไปหน่อยเดียว หัวงูเสมอกับภูเขา..! แล้วถ้ามาทั้งตัวจะใหญ่ขนาดไหน ? ประเภทนั้นดีอยู่อย่างหนึ่งก็คือ ถ้าคุยกันรู้เรื่องก็ได้เพื่อนดีไปเลย ถ้าคุยกันไม่รู้เรื่องก็โกยเถอะโยม...!"

เถรี 21-11-2016 21:06

มีคนมาสมัครบวช โดยบอกว่าเคยบวชมาจากที่อื่น "ขออภัยที่ไม่สามารถรับได้ เพราะรุ่นนี้ต้องการเฉพาะพระที่บวชงาน ๑๐๐ ปีหลวงปู่สาย หรือ ๑๐๐ ปีหลวงพ่อฤๅษีที่วัดท่าขนุนเท่านั้น บวชแล้วอาตมาไม่ได้กลัวว่าจะสึก แต่กลัวว่าจะอยู่ต่อ..! ก็คือ ถ้าไม่ได้รับการอบรมแล้วอยู่ต่อ เกิดทำผิดทำพลาดอะไรขึ้นมา จะพาอาตมาซวยไปด้วย

เอาเป็นว่างวดหน้าบวชถวายในหลวงครบ ๑๐๐ วันอีก ๘๙ รูป
ถึงคราวนั้นจะเปิดสมัครบวชแบบทั่วไป นัดล่วงหน้าเข้าวัดก่อนบวชสักอาทิตย์หนึ่ง จะได้ไปฝึกซ้อมอบรมกันก่อน"

เถรี 21-11-2016 21:35

มีโยมมารับตะกรุดแม่ทัพของหลวงพ่อกวย "ได้ของแท้ไป คลำให้ขึ้นใจเลยนะว่าของแท้ลักษณะรูปร่างเป็นอย่างไร ถึงเวลาจะได้จำได้ อย่างนี้เรียกว่า "ลายห้าเสา" เชือกถักเขามีลายตะเข้ขบฟัน ลายห้าเสา ฯลฯ สารพัดลาย ของหลวงปู่ปานเป็นลายเสาเดี่ยวพันตัวเอง

อาตมามีตะกรุดหลวงปู่ปานอยู่ดอกหนึ่ง ท่านอุดผงวิเศษมาให้ด้วย คาดว่าอาจจะเป็นลูกศิษย์ทำเอง ก็คือ เวลาอุดผงพระของท่าน อุดไปอุดมาก็แอบอุดให้ตะกรุดของตัวเองไปด้วย แต่โลหะก็ใช่ ลายก็ใช่ รักก็ใช่ เอาเป็นว่าดอกนี้พิเศษกว่าเขาก็แล้วกัน "

เถรี 21-11-2016 21:39

"ส่วนใหญ่ตะกรุดของหลวงปู่ปานเป็นลายมือของหลวงพ่อเจิม หลวงพ่อเจิมเป็นเจ้าอาวาสวัดบางนมโค หลวงปู่ปานเป็นพระลูกวัด หลวงปู่ปานไม่อยากมีภาระเลยให้หลวงพ่อเจิมเป็นเจ้าอาวาสแทน แต่ใคร ๆ ก็ว่าหลวงปู่ปานเป็นเจ้าอาวาสทั้งนั้น เขาเรียกหลวงพ่อใหญ่ คนรุ่นเก่า ๆ ที่อาวุโสมากเขาเรียกว่า ท่านใหญ่"

เถรี 21-11-2016 21:46

มีโยมเอาพระสมเด็จบางขุนพรหมมาถวาย "แน่ใจแล้วนะ พระสมเด็จบางขุนพรหมถ้าราคาต่ำกว่าหกหลักนี่อาตมาให้เหยียบเลย

ที่ขำที่สุดก็คือ คุณตัวเล็กออกพระสมเด็จบางขุนพรหมองค์ละร้อย ตูจะสลบ...! วันก่อนก็เห็นมีขุนแผนผงพลายกุมารองค์ละร้อย อาตมาไปตรวจเห็นอยู่ ไม่รู้ว่าลงไปหรือยัง ? ถ้าลงไปคนที่รู้จักจะลังเลว่าจริงหรือปลอม ว่าจะให้ชักออกมาลงกระทู้ประมูลแทน"

เถรี 21-11-2016 22:17

พระอาจารย์กล่าวถึงเหรียญปาป้ามุม "เหรียญนี้ทหาร GI สร้างถวาย หลวงพ่อมุม วัดปราสาทเยอร์เหนือ วัตถุมงคลทุกชิ้นของหลวงพ่อมุมรับประกันยิงไม่ออก บรรดา GI เห็นทหารไทยโดนยิงเท่าไรไม่เป็นอะไรสักที ก็อยากได้วัตถุมงคลบ้าง เพื่อน ๆ จึงพาไปกราบหลวงพ่อมุม ปรากฏว่าลองแล้วเห็นว่ายิงไม่ออกจริง ๆ ก็เลยช่วยกันสร้างเหรียญถวายหลวงพ่อมุมรุ่นหนึ่ง

เหรียญรุ่นนี้ชื่อจะเป็นภาษาอังกฤษ เขียน PAPA MUM สร้างโดยศิษย์ GI อาตมาไม่รู้จักหลวงพ่อมุมสมัยนั้นหรอก พระครูแสงท่านแนะนำให้ เพราะตอนช่วงวัยรุ่นพระครูแสงเล่นวัตถุมงคลก่อน ไปหัดส่อง หัดดู รุ่นพี่ก็จะช่วยบอกว่าของแท้มีลักษณะอย่างไร ต้องศึกษาให้ครบ ท้ายสุดไปทดสอบพระถ้ำเสือพิมพ์ตุ๊กตาองค์หนึ่ง หลายคนบอกว่าปลอม เพราะสวยเกินไป แต่พอทดสอบตามที่เซียนใหญ่ท่านแนะนำ ปรากฏว่าใช่ อาตมาก็เลยรีบตะครุบไว้ ใช้ติดตัวอยู่หลายปี

ถ้าพิมพ์ใช่ เนื้อใช่ คราบกรุใช่ ไม้ตายสุดท้ายก็คือหยดน้ำลงไป ๑ หยด ถ้าหายวับไปเลยก็ของแท้ เพราะของแท้สร้างมานานจะแห้งสนิท ถ้าหยดลงไปแล้วค่อย ๆ ซึมหรือติดอยู่บนผิวก็ของปลอม ของบางอย่างถ้าสวยเกินไป เซียนก็ไม่กล้าจับ ตีว่าปลอมไว้ก่อน"

เถรี 23-11-2016 08:44

"อาตมาถวายพระผงสุพรรณเนื้อดำแก่หลวงพ่อสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ วัดพิชยญาติการาม สมัยที่ยังเป็นท่านเจ้าคุณพระธรรมโมลีอยู่ บอกว่า "หลวงพ่อครับ...องค์นี้สวยเกินไป ถ้าไม่ใช่ของแท้ผมขออภัยด้วยนะครับ ผมอาจจะตาไม่ถึง" หายไปเดือนกว่า เจอหน้ากันใหม่ กราบเรียนถามว่า "เป็นอย่างไรครับหลวงพ่อ ?" "เฮ้ย...แท้ว่ะ" ถูกใจท่านสุด ๆ บอกว่าไม่เคยเจอพระสวยขนาดนี้

พระกรุขนาดมีหน้ามีตา ที่ภาษาเซียนเรียกว่า "หูตากระพริบ" นั้นหายาก อาตมาก็ไม่เชื่อสายตาตัวเอง ต้องดูกันหลาย ๆ ตา อะไรที่สวยเกินไป คนส่วนใหญ่ไม่กล้าแตะ...กลัวพลาดแล้วเจ็บทั้งตัวเจ็บทั้งใจ"

เถรี 23-11-2016 09:02

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้อะไรที่เกี่ยวกับในหลวงขึ้นราคาหมด แต่อาตมาเตือนล่วงหน้ามาเป็นปีแล้ว จำกันได้ไหม ? ที่บอกว่าให้เก็บวัตถุ รูป หรือเหรียญในหลวงเอาไว้บ้าง"

ถาม : เขานิยมโชว์เหรียญในหลวงกัน ?
ตอบ : อาตมาไม่โชว์เหรียญหรอก ถ้าจะโชว์ต้องสมเด็จจิตรลดา องค์นี้พิมพ์เล็ก ปี ๒๕๐๘ ส่วนพิมพ์ใหญ่มีผู้หวังดีเอาทองคำแท่ง ๒๐ บาทแลกไปแล้ว องค์นี้ต้องคิดเยอะกว่าเพราะสวยกว่า

เจ้าของท่านไม่ให้หนังสือรับรองมา เพราะว่าหนังสือรับรองการพระราชทานเขาถือว่าเป็นเกียรติของวงศ์ตระกูล เขาสละให้มาแต่องค์พระ

ปี ๒๕๐๘ อาตมาเพิ่ง ๖ ขวบ องค์นี้ที่ชอบใจเพราะว่าใส่มวลสารเยอะ ลอยหน้าเพียบเลย เรื่องของเนื้อหา ของพิมพ์ทรง บางทีก็สามารถปลอมกันได้ แต่มวลสารปลอมไม่ได้

เป็นพระที่ฆราวาสสร้าง ไม่ผ่านการปลุกเสกโดยพระเกจิอาจารย์ เพียงแต่ในหลวงทรงอธิษฐานจิตไว้เท่านั้น ปัจจุบันนี้ราคาเป็นล้าน พิมพ์เล็กจะหายากเพราะว่าสร้างน้อยกว่า


เถรี 23-11-2016 09:08

ต้องบอกว่าอาตมามีวาสนากับในหลวง เพราะสมัยฆราวาสช่วงวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ ๓-๔-๕ ธันวาคม อาตมาจะถือศีลแปดถวายพระองค์ท่านสามวัน พวกเราเคยทำอะไรลักษณะแบบนี้ถวายพระองค์ท่านบ้างไหม ? ลองนึกดูว่าวัยรุ่นกำลังกินกำลังนอนต้องมาอดข้าว เป็นรสชาติของชีวิตเหมือนกันนะ

รักษาศีลแปด เจริญพระกรรมฐาน ถวายเป็นพระราชกุศล เพราะฉะนั้น...ไม่ต้องแปลกใจหรอกว่า ทำไมอาตมาขึ้นพระนิพพานครั้งแรกถึงได้เห็นในหลวงเป็นพระภิกษุมาขวางหน้า แสดงนิมิตให้เห็น

เถรี 23-11-2016 09:20

องค์ในหลวงบอกใบ้ให้พวกเราทราบว่า พระองค์ท่านเป็นพระโพธิสัตว์บำเพ็ญวิริยบารมี ตั้งแต่ตอนที่พระองค์ท่านออกเหรียญและหนังสือพระมหาชนก เพียงแต่วิริยบารมีของพระองค์ท่านนั้น เป็นไปในด้านที่ทำทุกอย่างเพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชน

เถรี 23-11-2016 09:33

พระสมเด็จจิตรลดาพิมพ์เล็กจะสร้างน้อยกว่า แต่ถึงจะสร้างน้อย อาตมาก็มีสององค์นะ...! เพียงแต่อีกองค์อาตมายังไม่ได้เลี่ยมทองเท่านั้น ถ้ามีใครหอบทองแท่ง ๒๐ บาทมาให้ อาตมาจะตัดใจสละอีกองค์หนึ่งให้ แต่ต้องเอาไปเลี่ยมเองนะ

เถรี 23-11-2016 15:40

ถาม : ใส่บาตรพระแถวบ้าน ถือว่าเป็นสังฆทานไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่ตั้งใจว่าจะใส่ใครก็เป็นสังฆทาน ต่อให้พระรูปเดียวก็เป็นสังฆทาน แต่ถ้าตั้งใจจะว่าจะใส่หลวงปู่รูปนั้น หลวงพ่อรูปนั้น ก็ได้แค่ปาฏิกบุคลิกทาน

ถาม : ถ้าเกิดท่านรับไปแล้วเข้ากุฏิ ไปฉันรูปเดียวเป็นของตัวเอง ?
ตอบ : นั่นเรื่องของท่าน เราจะไปเดือดร้อนอะไรกับท่านด้วย เราตั้งใจถวายเป็นสังฆทาน ส่วนท่านจะทำอย่างไรก็แล้วแต่เวรแต่กรรมของท่าน

ส่วนใหญ่วัดต่าง ๆ ที่ไม่รู้จริง ที่ครูบาอาจารย์ไม่ได้อบรมมา เวลาบิณฑบาตก็มักจะไปฉันคนเดียว โอกาสที่จะเป็นโทษมีมาก เพราะถ้าเขาตั้งใจถวายเป็นสังฆทาน เท่ากับไปน้อมลาภของสงฆ์มาเพื่อตน

แต่บางที่ก็ระบุชัดจนกระทั่งอาตมาก็สยอง เคยตามพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง ไปบ้านโยมสันต์ ภู่กร ที่พิษณุโลก เขาใช้คำว่า "ขอน้อมถวายแด่พระอริยสงฆ์" อาตมาก็มองหน้าเพื่อนพระ "แล้วกูจะได้แดกไหมนี่ ?" เพื่อนพระก็สุดยอดมาก "มึงก็เป็นสักพักสิวะ" ก็จริงของเขานะ ตอนฉันก็พยายามเกาะพระนิพพานไว้ก็แล้วกัน ไม่อย่างนั้นไปกินของเขาเป็นโทษแน่ ๆ

เถรี 23-11-2016 18:11

พระอาจารย์กล่าวกับโยมที่เอาชามาถวายว่า "จำไว้...ปกติอาตมาเป็นคนไม่ฉันชา ที่ฉันเพราะมี ถ้าไม่มีก็ไม่ได้เดือดร้อน แต่สำหรับบางท่านติด พอไม่มีชาแล้วอยู่ไม่ได้ อาตมาไปงานบางที ๓-๔ วันติดกันฉันแต่ชา พอกลับวัดมาก็ฉันน้ำร้อนเปล่า ๆ ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร

เรื่องของชา หลวงพ่อวัดท่าซุงเคยเล่าให้ฟังว่า สมัยที่ท่านยังเป็นนักเทศน์อยู่ ถ้าไม่ได้ฉันชาก็รู้สึกว่าเทศน์ไม่ลื่น ถ้าไปบางวัดเขาก็ไม่ได้เตรียมไว้ให้ ท้ายสุดท่านก็เลยพกชาไปเอง มีอยู่วันหนึ่งท่านกำลังเดินข้ามทุ่งอยู่ มือหนึ่งก็หิ้วกาน้ำชา รู้สึกเหนื่อยขึ้นมา ก็มาคิดว่า "เราบวชมาเพราะต้องการจะละกิเลส แล้วกาน้ำชานี่คืออะไรกัน ?" ว่าแล้วก็โยนโครมเข้าพุ่มไม้...เลิกฉันตั้งแต่บัดนั้นเลย"

เถรี 23-11-2016 19:36

พระอาจารย์กล่าวว่า "บรรดาเซียนพระเขามีพระขรรค์หลวงพ่อโสกกันคนละเล่มสองเล่มก็ตั้งตัวเป็นเซียนใหญ่ ถ้ามาเห็นของอาตมานี่คงช็อกตายเลย เพราะมาทีเป็นหอบ..!"

เถรี 23-11-2016 19:45

"เมืองเพชรฯ เป็นเมืองคนดุ โดยเฉพาะสมัยก่อนเขาเล่นอาวุธสงครามกันล้วน ๆ จะเห็นว่ามือปืนเมืองเพชรใช้แต่ เอ็ม. ๑๖ คนรุ่นเก่าเขาว่า ถ้ามีปลัดขิก ๑ อัน พระขรรค์ ๑ เล่ม ผ้ายันต์ ๑ ผืน ไปไหนไปกัน ไม่กลัวใคร แต่ปลัดขิกของหลวงพ่อโสกหายาก เพราะว่าปลัดขิก ๑ อัน ทำพระขรรค์ได้เป็นสิบเล่ม จนป่านนี้อาตมาเพิ่งมีแค่ ๑ อัน ถ้าไม่ได้คิดจะเอาเข้าพิพิธภัณฑ์ก็คงปล่อยไปนานแล้ว"

ถาม : สะสมของพวกนี้มาตั้งแต่เมื่อไรคะ ?
ตอบ : ตั้งแต่วัยรุ่น พอรู้ภาษาบรรดาพี่ ๆ ลุงป้าน้าอาเขาก็นั่งส่องกันแล้ว

ถาม : สมัยนั้นราคาแพงไหมคะ ?
ตอบ : ก็ไม่แพง สมัยนั้นพระของหลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว ก็แค่องค์ละ ๒๐ บาท สมัยนี้แสนหนึ่งยังซื้อไม่ได้

เถรี 23-11-2016 20:13

พระอาจารย์กล่าวว่า "พอในหลวงสวรรคต อาตมาเขียนกลอนไม่ออก เพราะที่เคยเขียนไปก็บรรยายไว้หมดแล้ว

สามโลกจักหา
ใคร........... ไป่มี
พ่อดังพระสุริยศรี..............คู่ฟ้า
สว่างหล้าธาตรี............ใครเปรียบ...เทียบฤๅ
นามพ่ออยู่คู่หล้า..........ตราบฟ้า...ดินสลาย

เขียนใหม่ไม่ได้แล้ว ได้แค่นั้น ๗๐ ปีทรงสร้างคุณความดีมาเหลือคณานับ บรรยายเป็นคำพูดไม่ได้ เด็กรุ่นใหม่ก็สงสัยว่าทำไมรุ่นพ่อรุ่นแม่รักในหลวงกันจริง"

เถรี 23-11-2016 20:24

พระอาจารย์กล่าวว่า "ความจริงอาตมาไม่ได้เล่นวัตถุมงคลมาก่อน คนเล่นก่อนคือน้องชาย (พระครูแสง) สมัยเด็ก ๆ ท่านเฮี้ยนมาก ท่านศึกษาตำราทำผงมหาราช ปถมัง อิทธิเจ ตรีนิสิงเห ท่านทำหมด ถึงเวลาก็นั่งท่องคาถาเขียนลบผงไป "พินธุเอกัง สุมังพันธัง พินธุโท อังกุสังยะถา พินธุตรี ธัมมะวิชาลันทะ เอกะพินธุ วิชานะเย" ไล่ไปเรื่อย เสร็จเรียบร้อยท่านลืมหมด แต่ตำรามาอยู่ในหัวอาตมา เพราะจำที่ท่านท่องท่านทำได้

สรุปแล้วของแต่ละอย่างที่ท่านทำไว้เหมือนกับสอนอาตมา อาตมาเองเป็นคนขี้เกียจ ของยากจะไม่ทำ แต่ท่านกรอกหูอยู่ทุกวันเลยจำได้หมด อาตมาจำโองการมหาทมื่นได้ก็เพราะพระครูแสง ท่านท่องแล้วอาตมาก็จำติดหัวมา

อาตมาว่าจะทำตะกรุดมหาโสฬสตามตำราสักชุดหนึ่ง แต่ต้องเสกถึงสามปี เสกด้วยโองการมหาทมื่นวันละ ๙ จบ จะได้ครบหมื่นจบเมื่อสามปีไปแล้ว ตะกรุดของวัดสะพานสูงดังมาทุกรุ่นก็เพราะอย่างนี้แหละ เสกกันทีสามปี อีกตำราหนึ่งที่ยาก คือ หลวงพ่อเจ้าคุณสว่าง วัดเทียนถวาย ท่านทำตะกรุดหน้าผากเสือ เขียนเฉพาะวันเสาร์ห้า แล้วก็ต้องเสกผ่านอีก ๓ เสาร์ห้า สรุปแล้วตะกรุดดอกหนึ่งใช้เวลาสามปีเป็นอย่างน้อย"

เถรี 24-11-2016 18:38

พระอาจารย์กล่าวกับพระที่มาเบิกค่าเล่าเรียนว่า "ความจริงผมเงินหมดตัวไปแล้วนะ ดันมีมาอีก มีกติกาว่า "ห้ามเงินหมดเกินข้ามวัน" มีอยู่วันหนึ่งตั้งใจแกล้ง คือหลังจากเจริญกรรมฐานตอนทุ่มครึ่ง ก็เทกระเป๋าเลี้ยงเพื่อนพระหมดเลย สั่งน้ำปานะมาเลี้ยงพระทั้งวัดเลย กะว่าเดี๋ยวพอไปนอนก็จะไม่มีสตางค์จนถึงพรุ่งนี้

ปรากฏว่า ๔ ทุ่มเขามาทุบประตูเรียกให้ไปสวดศพ เขาบอกว่าคนเพิ่งตาย อยากจะสวดวันแรกเลย ท้ายสุดก็ต้องรับสตางค์มาจนได้"

เถรี 24-11-2016 18:39

พระอาจารย์กล่าวกับโยมว่า "เวลาเราไม่ชอบอะไรแล้วไปผลักไสจะรู้สึกเหนื่อยนะ ทำไม่รู้ไม่ชี้จะดีกว่า คือไม่ต่อต้าน แต่ก็ไม่รับรอง กลายเป็นว่าเราไม่สร้างภาระให้ตัวเอง มัวไปผลักไปไสตั้งตัวเป็นศัตรูกันก็เหนื่อยตาย ว่าอะไรมาก็ยิ้ม "ค่ะ ๆ" รับแต่ปาก ไม่ทำหรอก ถ้าเราไม่ต่อต้านนี่แรงกดดันจะกลับไปหาเขาเอง จะกลายเป็นคนอื่นเครียด ส่วนเราสบาย"

เถรี 24-11-2016 18:48

ถาม : แมวคนอื่นมาอาศัยอยู่กับเรา ถ้าเราจะย้ายที่อยู่แล้วเอาไปด้วยได้ไหมคะ ?
ตอบ : บอกเขาหน่อยสิว่าตอนนี้แมวมาอยู่กับเรา ย้ายไปเราจะเอาไปด้วยนะ จะได้ไม่ไปผิดศีล ไม่อย่างนั้นก็เขียนจดหมายแปะไว้ก็ได้ นึกถึงสมัยโบราณ เวลาเข้าไร่เข้าสวนคนอื่นเขา เห็นของน่ากินก็จับกิ่งไม้หักเกี่ยวไว้ แล้วก็กินไปเถอะ ถือว่าขอแล้ว หักเป็นตะขอไว้ นี่เป็นเคล็ดลับจริง ๆ นะ

อย่างพวกบ้านกะเหรี่ยงเขาจะทำ “กะโจ” ไว้ เป็นไสยศาสตร์อย่างหนึ่ง ถ้าหากใครไปกินจะปวดท้องดิ้นอยู่ตรงนั้นแหละ แต่ถ้าใครทำตะขอเกี่ยวไว้จะไม่เป็นไร เพราะถือว่าขอแล้ว

โบราณเขาบอกว่า “แมวมาหา หมามาสู่ ถือว่าเป็นมงคล” ที่เป็นมงคลเพราะอะไร เพราะว่าสัตว์เขามีสัญชาตญาณ เขารู้ว่าใครรักใครเมตตาเขา เขาก็อยากอยู่กับคนนั้น ลองไปดูสถานที่ซึ่งเขารับดูแลหมาแมวก็ได้ เอาไปฝากไว้ที่นั่นแล้วก็บริจาคเงินให้เขาหน่อย

ปีนี้วัดท่าขนุนได้ลูกหมา ๔๐ กว่าตัว สถิติตกไปหน่อย แสดงว่าเศรษฐกิจไม่ดี ช่วงเศรษฐกิจดี ๆ จะ ๖๐-๗๐ ตัวทุกปี เศรษฐกิจดีเจ้าของเลี้ยงดี หมาก็มีลูกเยอะ ครอกล่าสุด ๗ ตัว ตัวเล็กอย่างกับลูกแมว ก็เลยเรียกว่า "คนแคระทั้ง ๗" เขาอุตส่าห์เอามาปล่อยทั้งกรงเลยนะ เอากรงหิ้วมาทิ้งไว้ เลี้ยงมา ๓-๔ อาทิตย์ ตัวค่อยใหญ่ขึ้นมาหน่อย

เถรี 24-11-2016 18:57

ถาม : ทำไมเขาเรียกคนรักแมวว่า ทาสแมว ?
ตอบ : แมวเขามีนิสัยอยากทำอะไรก็ทำ ไม่เหมือนหมาที่เรียกแล้วมา ถ้าแมวไม่ชอบใจเรียกให้ตายก็ไม่มา โดยเฉพาะนิสัยแมวดึงขึ้นหน้าก็จะถอยหลัง ดึงถอยหลังก็จะขึ้นหน้า ดึงหลังก็หย่อนท้องติดพื้น พอดึงพุงก็จะโก่งตัวขึ้น นิสัยแมวจะทำอะไรตรงกันข้ามกับที่เราต้องการหมด

ถาม : ที่เขาบอกว่าแมว ๕ หมา ๖ อย่าไปเลี้ยงนี่จริงไหมคะ ?
ตอบ : โบราณเขาถือ ส่วนใหญ่แล้วเขาดูที่นิ้วตีน ถ้าแมวมีนิ้วตีน ๕ นิ้ว หมามี ๖ นิ้ว เขาก็ไม่เอา แต่ส่วนใหญ่คนตีความผิด กลายเป็นแมวคลอดมา ๕ ตัว หมาคลอดมา ๖ ตัว เขาเลยไม่เอาไปด้วย ความจริงอะไรที่เกินจากปกติน่าจะดีนะ แต่คนโบราณไปถือกันท่าไหนก็ไม่รู้

ปกติลองไปพลิกอุ้งตีนแมวดูสิ จะมีแค่ ๔ นิ้ว แล้วถ้ามี ๕ นิ้วแล้วยังมีโคนเหมือนนิ้วหัวแม่มืออีกอันหนึ่ง แต่ถ้าอุ้งตีนหมาจะมี ๕ นิ้ว ถ้าไปเจอ ๖ นิ้วเขาก็ว่าไม่ดี แต่ก็เลี้ยงไปเถอะ อาตมาว่าอะไรเกินดีทั้งนั้นแหละ เกินดีกว่าขาด...ใช่ไหม ?


ถาม : แล้วที่เขาว่าฆ่าแมวเหมือนฆ่าเณรละคะ ?
ตอบ : แมวน่ารักมาก ถ้าใจคอโหดร้ายขนาดฆ่าแมวได้ก็ฆ่าเณรได้เหมือนกัน ฉะนั้น...ฆ่าแมวเลยเหมือนกับฆ่าเณร

เถรี 24-11-2016 19:02

ถาม : หนูทำอะไรก็รู้สึกว่าเหนื่อย ทุกข์ไปหมด ?
ตอบ : นี่แหละคือเห็นความทุกข์ ทำอะไรก็เหนื่อยนี่แหละชัด ๆ เลย เป็นตัววิปัสสนาญาณ แล้วเป็นวิปัสสนาญาณแท้ด้วยเพราะเห็นแล้วเบื่อ รักษาความเบื่อไว้ให้ได้ แล้วพยายามใช้ปัญญาเพิ่มหน่อยว่า ถึงเราจะเบื่อแค่ไหน แต่ตราบใดที่สังขารนี้ยังอยู่ เราก็ไปพ้นไม่ได้ ฉะนั้น...เราก็จะอยู่แค่ชีวิตนี้เท่านั้น ถ้าหากว่าสิ้นชีวิตลงไปเมื่อไรเราขอไปพระนิพพาน ขึ้นชื่อว่าการเกิดมามีสังขารร่างกายนี้ การเกิดมาในโลกนี้ เราไม่เอาอีกแล้ว

ถาม : ไม่เรียกว่าขี้เกียจหรือคะ ?
ตอบ : เขาเรียกว่าขี้เกียจได้ถูกทาง ขี้เกียจเพราะเห็นโทษ ทำอะไรก็เหนื่อย

เถรี 24-11-2016 19:06

ถาม : เวลาจับลมหายใจจะรู้สึกว่าลมหายใจยาว ไม่เหมือนก่อน ?
ตอบ : ถ้าจิตละเอียดขึ้นจะรู้สึกว่าลมยาวขึ้น

ถาม : เราควรทำอย่างไรต่อ ?
ตอบ : เรามีหน้าที่ดูตามไป ไม่ต้องไปใส่ใจ ยาวแค่ไหนก็กำหนดใจตามไป

เถรี 24-11-2016 19:12

ถาม : เมื่อก่อนเวลาฝึกซ้อมทิพจักขุยังพอจะรู้เห็นได้ แต่ตอนนี้ไม่สามารถรู้เห็นได้แล้ว ?
ตอบ : การเห็นนั้นเป็นกำลังของอุปจารสมาธิ พอปฏิบัติไปมากขึ้น ๆ กำลังสูงขึ้นก็จะไม่เห็น ไปเห็นอีกทีตอนฌาน ๔ คล่องตัวไปเลย ฉะนั้น...ตอนนี้ที่ไม่เห็นแสดงว่ากำลังฌานสูงขึ้น ถ้าต้องการเห็นก็ทำให้คล่องตัว แล้วหย่อนกลับลงไปที่เดิม ก็จะเห็นใหม่อีก

ถาม : ลองใช้ดูหวยแต่ซื้อแล้วไม่ถูก..?
ตอบ : เรื่องปกติ สมัยอาตมาซ้อมทิพจักขุญาณก็เหมือนกัน ดูหวยนี่มาครบ ๗ ตัวเลย แต่หาซื้อไม่ได้ พอมาตอนหลังเขาตัดเล่น ๓ ตัวท้ายได้ พอตัดเล่น ๓ แค่ ๒ ตัว พอตัดเล่น ๒ ตัวก็ไปออกตัวเดียว ถ้าเล่นเลขตัวเดียวจะไม่ออกเลย เขาตั้งใจมาแกล้ง อยากรู้ว่าเราโลภหรือเปล่า ? แต่ถ้าบอกคนอื่นจะถูก เพราะเราไม่ได้ซื้อเอง แต่ว่าอย่าไปยุ่งกับเขาเลย ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวยุ่ง

เถรี 24-11-2016 20:04

ถาม : เวลานอนได้ยินเสียงกรน ?
ตอบ : ตัวเราหลับแต่ใจไม่ได้หลับ เหมือนกับเรานอนไม่หลับ แต่จริง ๆ แล้วหลับ บางทีนอน ๆ ไปแล้วได้ยินเสียงตัวเองกรน ก็สงสัยว่าไม่หลับแต่กรนได้อย่างไร ? ความจริงร่างกายหลับไปแล้ว เพียงแต่หลับแบบมีสติ กำลังใจจะทรงอยู่แค่จุดเดียว ถึงเวลาเกิดอะไรขึ้น ถ้าอยากรู้ก็จะคลายความรู้สึกออกมารับรู้ข้างนอก ถ้าหากหมดก็วิ่งกลับไปที่เดิม ตอนนั้นต้องเป็นประเภทกลัวกิเลสจะกินเรา จึงหลบสุดชีวิตเลย

ถาม : เวลานอน เหมือนกับตนเองวูบ เราก็คิดว่าเราจะขยับ แต่ก็ขยับไม่ได้ คือสมาธิระดับไหนคะ ?
ตอบ : ก็คือระดับของสมาธิที่อยู่ในปฐมฌานหยาบ เราจะบังคับร่างกายไม่ได้ เพราะจิตกับประสาทแยกออกจากกัน ถ้าผีจะหลอกเขาจะหลอกตอนนี้แหละ เราจะสังเกตว่าที่เขาเรียกว่าผีอำก็อาการนี้แหละ เป็นช่วงที่เขาเข้ามา แล้วเราเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะจิตกับประสาทแยกจากกัน บังคับร่างกายไม่ได้ ให้หมั่นซ้อมลมหายใจเข้าออกไว้ เดี๋ยวพอเข้าออกได้คล่องก็จะได้ดีเอง ตั้งหน้าตั้งตาทำไป เรื่องอื่นอนุญาตให้ขี้เกียจได้ ยกเว้นเรื่องการปฏิบัติ

เถรี 24-11-2016 20:09

ถาม : เวลาตัดร่างกาย อยากจะไปเลยแต่ไปไม่ได้ ?
ตอบ : ยังไม่ถึงเวลาไปนะสิ

ถาม : ทำไมถึงไปไม่ได้ ?
ตอบ : ไม่มีอะไรหรอก เป็นเรื่องธรรมดา ถ้ายังไม่ถึงวาระนี่ อาตมาเองก็ไปไม่ได้หรอก

เถรี 24-11-2016 20:13

ถาม : หนูเห็นเขาโพสต์เขาบอกว่า "ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป" หนูไม่รู้ว่าคิดถูกหรือเปล่า รู้สึกว่าเกิดพอแล้ว ไม่อยากเกิดตามอีกแล้ว ?
ตอบ : หนูคิดถูกแล้ว เพราะหลวงพ่อพูดมา ๒ ครั้งแล้วว่า ในหลวงติงมาว่า “ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป” นี่เป็นอธิษฐานบารมี ถ้าไปเกิดร่วมกันแล้วลำบากลำบนขึ้นมา อย่าไปต่อว่าพระองค์ท่านนะ

ถาม : มีความรู้สึกละอายค่ะ ที่คิดไม่เหมือนคนอื่น ?
ตอบ : ไม่ต้องละอายหรอก เราทำถูกแล้ว อาตมาก็ไม่เคยอธิษฐานว่าขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป เพียงแต่ว่าชาตินี้มีอะไรก็ทำถวายอย่างเต็มที่

เถรี 27-11-2016 15:07

พระอาจารย์กล่าวว่า “สมัยเด็ก ๆ เวลาเรียนหนังสือ ไปบอกพ่อแม่ว่าสอบได้ที่ ๑ แล้วเห็นพ่อแม่ดีใจ อาตมาก็ปลื้มใจไปด้วย ถึงได้บอกว่าพ่อแม่จะยากจนอย่างไรก็ตาม ถ้าลูก ๆ เรียนเก่ง พ่อแม่ก็มีกำลังใจตะเกียกตะกายหาเงินมาส่งให้เรียน สมัยนี้เห็นพ่อแม่ทุ่มเทจนแทบจะเรียนแทนลูก แต่ลูกไม่ค่อยอยากเรียนกัน เป็นเพราะอะไร ?”

เถรี 27-11-2016 15:22

พระอาจารย์กล่าวว่า “ฝากสำหรับญาติโยมที่อยู่กรุงเทพฯ ต่างจังหวัดคงไม่ต้อง ให้หาโอ่งหรือถังใหญ่ตุนน้ำไว้บ้าง ถ้าหากว่าจะเอามากก็สัก ๓-๔ ถังก็ได้ เปิดน้ำใส่ทิ้งไว้เฉย ๆ ปีหน้าจะแล้งกว่าปีนี้ ปีนี้เตือนโยมแล้วปรากฏว่ารอดไปได้หวุดหวิด เพราะฝนมาทันพอดี”

เถรี 27-11-2016 15:23

พระอาจารย์กล่าวว่า “ใครที่อยากลดน้ำหนักแล้วก็อยากเล่นไลน์ ให้ใช้วิธีเดินไปเล่นไลน์ไป เพราะอย่างไรเสียก็เล่นวันหนึ่ง ๒-๓ ชั่วโมงอยู่แล้ว เดินไปก็กดไป รับประกันว่าผอมแน่นอน ถ้าไม่รู้จะเดินไปไหนก็เดินวนในห้อง เดินรอบบ้าน เดินไปปากซอย จะสนุกเพลิน ๆ บางทีไม่รู้ตัวเดินไปตั้ง ๑๐-๒๐ กิโลเมตรแล้ว”

เถรี 27-11-2016 15:26

พระอาจารย์กล่าวว่า “ตอนนี้มีการตั้งสมาพันธ์ชาวพุทธ วัตถุประสงค์เพื่อปกป้องพุทธศาสนา มีการตั้งสาขาตามภาคต่าง ๆ และมีการหาทุนส่งคนลงสมัคร ส.ส. เพื่อจะได้เป็นสิทธิ์เป็นเสียงให้กับชาวพุทธของเราบ้าง ทางสมาพันธ์ฝากหนังสือมาจำหน่าย ถ้าใครอยากจะซื้อหนังสือเพื่อช่วยสมาพันธ์ชาวพุทธก็ได้

อาตมาเองเป็นประธานกรรมการที่ปรึกษาสาขาภาคตะวันตกของสมาพันธ์ชาวพุทธ ประกอบไปด้วยกาญจนบุรี สุพรรณบุรี ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ๕ จังหวัด จะว่าไปแล้วก็ใหญ่เหมือนกัน พระเรามีหน้าที่สนับสนุนให้โยมเขาออกหน้า ไม่อย่างนั้นพอมีปัญหาเกิดอะไรขึ้นมา เขาบอกว่าไม่ใช่กิจของสงฆ์ พระก็เดี้ยงเลย ทำอะไรไม่ได้

แต่ว่าศาสนาอื่นเขาส่งคนไปเล่นการเมือง ไปออกกฎหมายที่สนับสนุนของเขาจนกระทั่งจะยึดประเทศไทยอยู่แล้ว จึงจำเป็นที่ศาสนาพุทธของเราต้องตื่นตัวบ้าง คราวนี้ถ้าหากว่าเราตื่นเฉย ๆ ก็ไม่มีประโยชน์ ต้องช่วยกันด้วย ในเมื่อจะช่วยกันก็ไม่ได้รบกวนมาก ซื้อหนังสือคนละเล่มสองเล่มก็พอแล้ว เพื่อหาทุนให้กับสมาพันธ์เขา

ตอนนี้ทางด้านเชียงใหม่ซึ่งเป็นสมาพันธ์ภาคเหนือกับบึงกาฬที่เป็นสมาพันธ์ภาคอีสาน มีการแสดงออกที่ชัดเจนมาก ก็คือ ต่อต้านศาสนาอิสลามทุกรูปแบบ บึงกาฬนี่ห้ามสร้างมัสยิดเลย ประกาศตนเป็นจังหวัดที่มีศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติแห่งแรกของประเทศไทย ส่วนเชียงใหม่นั้นต่อต้านไม่ให้มีโรงงานอาหารฮาลาล เพราะว่ามีแต่จะสร้างมลพิษ กอบโกยประโยชน์ไป ไม่ได้ให้อะไรกับพื้นที่
เลย"

เถรี 27-11-2016 15:28

"ภาคตะวันตกของอาตมาไม่ห้ามหรอก แต่โตไม่ได้ ถึงเวลาพระเปิดเสียงทำวัตร ต้องถามพระครูหน่อยดู เสียงตามสายดังหน่อยเดียว เขายกมาทั้งหมู่บ้านเลย ไม่ให้เปิด แต่ของเขาละหมาดวันละ ๕ ครั้ง เสียงดังสนั่นหวั่นไหวกลับไม่เป็นไร แบบนี้แปลว่าอะไร ? แปลว่าเขาไม่ยอมอยู่ร่วมกับเราหรืออย่างไร ? ของเราเองมีอะไรเราอดทนอดกลั้นทุกอย่าง แต่ว่าอดทนอดกลั้นไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะว่าเขาไม่ยอมอดทนอดกลั้นกับสิ่งที่เราทำบ้าง ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้กระทบอะไรในการดำเนินชีวิตประจำวันของเขา

อาตมาเปิดเสียงตามสายที่วัดท่าขนุนครั้งแรก ปี ๒๕๔๔ เขาไปแจ้งความดำเนินคดีว่ากระจายเสียงในที่สาธารณะโดยไม่มีใบอนุญาต อาตมาก็เลยไปขอใบอนุญาต มีกระทั่งใบอนุญาตตั้งสถานีวิทยุให้หมดเรื่องหมดราวไปเลย สถานีวิทยุของอาตมาได้รับอนุญาตให้ตั้งเสาสูงได้ไม่เกิน ๖๐ เมตร ไอ้ ๖๐ เมตรนี่ไปได้ทั่วประเทศไทยเลยนะ

ถ้าเรามัวแต่เฉยอยู่ก็จะกลายเป็นพลังเงียบ และเงียบจนเขายึดบ้านยึดเมืองเราอยู่แล้ว แต่เราก็ยังเฉยอยู่ เพราะฉะนั้น...ตอนนี้จะเฉยไม่ได้ อิสลามเขาพยายามสนับสนุนพวกเขาให้เป็นใหญ่เป็นโต เพื่อที่จะได้ยึดครองประเทศได้ง่าย แต่ต้องบอกว่าเคลื่อนไหวแรงไปหน่อยไก่
เลยตื่น เขาวางแผนว่าปี ๒๕๖๓ จะยึดประเทศไทย ตั้งเป็นสาธารณรัฐอิสลาม ก็เหลือเวลาอีกไม่ถึง ๔ ปีดี"


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 14:57


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว