กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกบ้านเติมบุญ เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๓ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=7008)

เถรี 23-05-2020 20:16

ถาม : ผมสมัครสมาชิกเว็บวัดท่าขนุน นานเกิน ๗ วันแล้ว ยังไม่ได้รับตอบจากทางเว็บฯ ยังไม่สามารถโพสต์อะไรได้เลยครับ

ตอบ : สมน้ำหน้า..เอ๊ย..น่าเห็นใจ เวลา ๗ วันนั้นสำหรับคุณสมัครเข้าไปไปแค่คนเดียว แต่ช่วงนี้ผู้คนประเดประดังสมัครเข้าไปสามพันกว่าราย ซ้ำยังมีอีเมล์ทวงถามเข้าไปอีกนับไม่ถ้วน จนกล่องจดหมายเต็ม ทางจีเมล์ต้องแจ้งให้เจ้าของเมล์ทราบ และให้ทำเรื่องขยายพื้นที่กล่องจดหมาย ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของเขา ที่กล่องจดหมายของผู้ใช้บริการเต็ม..!

ท่านใดที่สมัครแล้วโปรดอย่าส่งจดหมายทวงซ้ำ เพราะว่าจะทำให้จดหมายของท่านไปต่อท้ายอยู่เรื่อย ๆ แบบไม่มีวันถึงคิว ซึ่งเป็นการทำให้ช้าด้วยตัวของคุณเอง ไม่ใช่ช้าเพราะทางเว็บวัดท่าขนุน

เถรี 23-05-2020 20:16

ถาม : ถ้าผมจะวาดรูปดอกบัวถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา ผมคิดว่าจะพยายามทำเป็นประจำ เพราะรู้สึกว่าจิตทรงตัวได้ดีเวลาผมวาดรูป และโดยส่วนตัวเองผมก็ชอบวาดรูปด้วย

ถ้าผมจะทำก็คงจะมีรูปวาดเยอะขึ้นไปเรื่อย ๆ ไม่ทราบว่าหลังจากที่ผมวาดเสร็จแล้ว ผมควรจะเอารูปนั้นไปถวายวัด หรือเก็บไว้ที่ไหนหรือครับ ถึงจะได้ชื่อว่าผมได้วาดรูปถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา จริง ๆ ?

และอานิสงส์ที่ผมจะได้นั้นจะเป็นอย่างไรครับ ?

ตอบ : ๑. นำไปถวายพระประธานเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา

๒. ไปขอวาดติดผนังโบสถ์หรือวิหารตามแต่เจ้าอาวาสวัดนั้นจะอนุญาต

๓. อานิสงส์ทันตาก็คือมีรูปมากจนเครียด ไม่รู้ว่าจะเอาไปไหน ส่วนอานิสงส์อื่นนั้นเป็น อัปปมาโณ ไม่สามารถที่จะประมาณได้

เถรี 23-05-2020 20:17

ถาม : อานิสงส์การสร้างพื้นให้วัด เช่น ลานวัด หรือ เทพื้นในบริเวณวัดทั้งหมด จะมีอานิสงส์อย่างไรบ้างครับ ?

ตอบ : ถ้าเกิดต่อไปก็ทุกข์ต่อไป แต่ฐานะจะไม่ตกต่ำ

เถรี 23-05-2020 20:18

ถาม : สมัยบวช ผมเป็นพระที่พรรษาน้อยที่สุดในวัด มีหน้าที่เก็บสำรับของหลวงปู่เจ้าอาวาสไปให้แม่ครัว วางทุกวันไม่เป็นอะไร มีอยู่วันหนึ่งแมวแอบมากินเศษอาหาร แล้วทำจานแก้วกระเบื้องตกแตก ผมอยากทราบว่าผมจะติดหนี้สงฆ์ไหมครับ ในเมื่อผมเป็นคนเอาไปวางเป็นคนสุดท้าย ต้องซื้อจานไปคืนวัดหรือไม่ครับ ?

ตอบ : ชอบคนแบบคุณมาก ของที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับตัวเองก็พยายามที่จะไปเกี่ยวข้องเพื่อลงนรกให้ได้..! แมวทำแล้วเกี่ยวอะไรกับคุณด้วย ?

ถาม : จีวรและบาตรที่ติดตัวมาตั้งแต่ก่อนบวช และจีวรมีคนถวายตอนออกพรรษา หลังสึกออกมาแล้วสามารถเก็บไว้เป็นอนุสติที่บ้านได้ไหมครับ หรือว่าควรทำอย่างไร ?

ตอบ : จีวรและบาตรถึงติดตัวมาตั้งแต่ก่อนบวชก็เป็นของกึ่งกลางสงฆ์ เพราะว่าเขาตั้งใจให้คุณมาบวช พอบวชแล้วใช้บาตรและจีวรชุดนั้นก็กลายเป็นของสงฆ์ จะเอานรกไปเป็นอนุสติก็คงจะไม่มีใครว่าอะไร..!!

ถาม : ทุกครั้งที่ภาวนาพระคาถาเงินล้านหรือบทบริกรรมใดก็ตาม หลังจากผ่านปีติไปแล้ว ผมจะมาค้างอยู่ที่ความรู้สึกหนึ่ง อาการคือนิ่งสงบ รู้ลมหายใจเข้าออก เป็นหนึ่งเดียวกับคำบริกรรม จะบริกรรมต่อหรือปล่อยนิ่งไปเลยก็ได้ เป็นอารมณ์เดียว หูยังได้ยินเสียงภายนอก แต่จิตยังจับจดกับความนิ่งหรือคำบริกรรม ไม่ทราบว่าต้องทำอย่างไรต่อไปครับ เพราะผมทำได้เพียงลืมตาออกมาแผ่เมตตา ?

ตอบ : ถ้าต้องการอานิสงส์ของพระคาถาเงินล้าน ก็พยายามประคองอารมณ์นั้นไว้ให้อยู่กับเราให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลุดไปเมื่อไรก็เริ่มต้นภาวนาใหม่ ถ้าภาวนาไม่ไหวแล้วก็คลายออกมาพิจารณาวิปัสสนาญาณ เมื่อสภาพจิตทรงตัวแล้วก็กลับไปภาวนาใหม่อีกครั้ง วนแบบนี้ไปเรื่อย ๆ

เถรี 24-05-2020 19:43

"ใครไม่ได้ห้อยบัตรยกเว้นพระเณร ออกนอกวัดไปเลยนะจ๊ะ เพราะว่าเดี๋ยวตำรวจจะมาไล่ ตำรวจเขาจะปิดวัดตั้งแต่ ๓ ทุ่มคืนนี้ งานยังอยู่ในช่วงการใช้ พรก.ฉุกเฉิน ก็เลยทำให้ทางราชการต้องเข้มงวด เนื่องจากว่าทองผาภูมิยังไม่มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ แม้แต่รายเดียว ท่านนายอำเภอก็ไม่อยากเสียความบริสุทธิ์ ทางจังหวัดก็ไม่อยากมีคนติดเชื้อเพิ่ม ก็เลยต้องทำอะไรกันค่อนข้างจะเข้มงวดสักหน่อย

ตอนแรกท่านจะไม่ให้จัดงานหล่อพระเลย คราวนี้อาตมายืนยันไปว่าควบคุมคนไม่ให้เกิน ๕๐ คนอยู่แล้ว ท่านก็เลยต้องส่งทั้งตำรวจ ทั้ง อส. ทั้ง อสม. ทั้งเจ้าหน้าที่แพทย์พยาบาลมาช่วยกันระมัดระวัง ป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อขึ้น โดยเฉพาะทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุไว้ชัดแล้ว วัดไหนเป็นสาเหตุของการติดเชื้อ จะเล่นงานเจ้าอาวาสด้วย..!

เถรี 24-05-2020 19:50

ขอเจริญพร...ญาติโยมที่ดูการถ่ายทอดสดอยู่ทางบ้าน คิดถึงน้ำตาจิไหล..! เรื่องของการปฏิบัติธรรม ตราบใดที่เรายังต้องพึ่งคนอื่นอยู่ ตราบนั้นก็ยังเอาดีไม่ได้ โดยเฉพาะในการยึดติดตัวบุคคล สิ่งที่เรายึดต้องเป็นคุณพระศรีรัตนตรัย ที่เรายึดเพราะเห็นชัดเจนแล้วว่ามีคุณอย่างไร ไม่อย่างนั้นก็จะเป็นอย่างที่นักปราชญ์เขาว่า คือ กราบพระพุทธรูปก็ติดแค่ทองคำ กราบพระธรรมก็ติดแค่คัมภีร์ กราบพระสงฆ์ก็ติดที่ลูกชาวบ้าน

ดังนั้น...ถ้าญาติโยมส่วนหนึ่งยังยึดติดในตัวบุคคลอยู่ ขอให้รู้ว่ากำลังใจของเรายังต่ำมาก การปฏิบัติธรรมต้องหวังประโยชน์สูงสุด คือการหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน ถ้าหากว่าใครอ่านมหาสติปัฏฐานสูตร ในทีฆนิกาย พระสุตตันตปิฎก จะเห็นตอนท้ายของทุกบรรพ ก็คือทุกตอนหรือทุกบท ระบุไว้ชัดเจนว่า นะ จะ กิญจิ โลเก อุปาทิยะติ เราจะไม่ยึดอะไร ๆ ในโลกนี้แม้แต่น้อยหนึ่ง

คำว่า ไม่ยึดอะไร ๆ ในโลกนี้ ก็คือ แม้แต่พระนิพพานก็ไม่ยึด เพราะว่าถ้ายึดก็ไปไม่ได้ แล้วถ้าไม่ยึดจะไปอย่างไร ? ถึงเวลาจะไปได้เอง เพราะว่ากำลังใจที่ถึงพระนิพพานอย่างแท้จริงนั้น กาย วาจา ใจของเราจะอยู่กับพระนิพพานเอง ไม่ต้องยึด ไม่ต้องเกาะอะไรทั้งสิ้น ตายตรงนั้นก็อยู่กับพระนิพพานตรงนั้น ยังทำไม่ถึงก็ฟังเอาไว้ ถึงเวลาจะเข้าใจว่าที่อาตมาพูดนั้นหมายถึงอะไร

พระนิพพานไม่ได้อยู่ไกล อยู่กับเรา อยู่ที่ใจ หรือถ้ากำหนดเป็นสถานที่ เป็นนิมิต ก็อยู่แค่หัว เลยหัวไปไม่ใช่พระนิพพาน เอาให้เครียดหนักไปเลย

เถรี 25-05-2020 00:52

วันนี้อาตมาไปงานศพของท่านอดีตสมาชิกสภาจังหวัดกาญจนบุรี ก็คือท่านปรีชา เจียจำรูญ ซึ่งถึงแก่กรรมด้วยอายุ ๘๕ ปี ก็ถือว่าพอสมควร ตอนนี้ลูกสองคนคือ คุณพันธกานต์ เจียจำรูญ ก็เป็นสมาชิกสภาเทศบาลตำบลทองผาภูมิ ลูกชายคนเล็กคือคุณคณิน เจียจำรูญ ก็เป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ ๑ ตำบลท่าขนุนนี่เอง เป็นตระกูลนักการเมืองท้องถิ่น สร้างคุณประโยชน์ให้กับท้องถิ่นมา ตั้งแต่รุ่นพ่อมาจนถึงรุ่นลูก

บรรดานักการเมืองต่าง ๆ ทั้ง ส.ส. อดีต ส.ส. ทั้ง ส.จ. อดีต ส.จ. ตลอดจนกระทั่งนักการเมืองท้องถิ่นอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกสภาเทศบาล สมาชิกอบต. มากันเต็มวัด ตลอดระยะเวลางานศพตั้งแต่วันที่ ๑๘ พฤษภาคมเป็นต้นมา ก็มีการสวดพระอภิธรรมผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันในวัดมาจนถึงเมื่อวาน วันนี้ก็เป็นการแสดงพระธรรมเทศนา มีการสวดมาติกา แล้วก็พิจารณาผ้าไตรบังสุกุล

เรื่องนี้มาบอกกับญาติโยมทำไม ? อาตมาไม่ได้บอกแค่ญาติโยมเท่านั้น แต่บอกกับพระด้วยว่า ลูกหลานทำบุญไปให้ผู้ตาย ภาษาบาลีเรียกว่า ปุพพเปตพลี ก็คือการทำบุญอุทิศให้กับผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว เพื่ออะไร ? เพราะว่าคนเรามีต้นทุน ก็คือทาน ศีล ภาวนาที่ทำด้วยตนเอง แต่คราวนี้ทำมาก ทำน้อย จิตใจยึดความดี ไม่ยึดความดี ก็ยังเป็นส่วนต่างที่ทำให้ภพภูมิของเรามีคติที่ไม่แน่นอน ก็ต้องมีการสมทบทุน ถ้าต้นทุนไม่พอ ต้องมีการสมทบทุน คือลูกหลานต้องช่วยกันทำบุญส่งไปให้

เถรี 25-05-2020 00:56

ถ้าเราศึกษาในเรื่องทิศทั้ง ๖ ทิศเบื้องหน้าคือบิดามารดา ข้อปฏิบัติข้อหนึ่งก็คือ เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว เราทำบุญไปให้ เพราะอะไร ? เพราะว่าในโลกอื่นไม่มีอาชีพที่จะช่วยให้อยู่สุขสบาย หรืออยู่แล้วเป็นทุกข์น้อยลง มีแต่ในโลกของเรานี้เท่านั้น

ใครเคยได้ยินว่านรกมีการค้าขายบ้างไหม ? มีการเล่นการเมืองไหม ? มีนายธนาคารประจำนรกไหม ? มีประเภท Hell wealth bank บ้างไหม ? เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉานมีการค้าขายไหม ? เทวดา มาร พรหม มีไหม ? ไม่มี

อาตมายังไม่เคยเจอโลกไหนที่ประกอบอาชีพเลย ยกเว้นโลกมนุษย์ แต่ก็มีไอ้ที่บ้า ๆ อยู่ที่หนึ่ง ก็คือบริเวณใกล้เคียงตำหนักพระยายม มีตลาดจตุจักร..! แถว ๆ นั้นมีหมดเลย คลองถมก็มี จตุจักรก็มี ซอยร้อยร้านก็มี เกิดจากเจ้าพวกที่ยึดติด ตายแล้วยังไม่เคยชิน ไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นเทวดานางฟ้า ถึงเวลาก็ไปช็อปปิ้งกัน แล้วก็เดือดร้อนสิครับ พวกที่สร้างบุญไว้ดี นึกอยากได้อะไรก็มี ส่วนพวกที่สร้างบุญไว้ไม่ดี ก็ไม่สามารถที่จะมีได้

เถรี 25-05-2020 01:01

แต่เรื่องทั้งหลายเหล่านี้เป็นแค่ชั่วคราว เพราะฉะนั้น..ถ้าใครจะไปตั้งร้านค้าที่นั่น จะเรียกว่านรกก็ไม่ใช่ เพราะว่าเป็นชายขอบของชั้นจาตุมหาราช เรียกว่าเป็น "ตลาดเจเจ" ของจาตุมหาราชแล้วกัน

ถ้าไปตั้งร้านค้าที่นั่น หาความแน่นอนไม่ได้ พอลูกค้าเริ่มเคยชินกับสภาพของเทวดานางฟ้า ก็ไปแล้ว บางวันก็โล่งยิ่งกว่าโดนโควิดอาละวาด บางวันคนตายมาก ไปใหม่ ๆ ก็แน่นเชียว แต่ต้องหมายถึงว่าบุคคลที่ตายแล้วได้รับการพิพากษาบ้าง ไปตามแรงบุญของตัวเองบ้าง ไปอยู่ในขอบเขตของกามาวจรทั้ง ๖ ชั้น ก็คือตั้งแต่จาตุมหาราชิกา ดาวดึงส์ ยามา ดุสิต นิมมานรดี ปรนิมมิตวสวัตตี เคยชินตั้งแต่ความเป็นมนุษย์ ไปถึงที่โน่นใหม่ ๆ ยังละความเคยชินไม่ได้ ก็เลยไปช็อปปิ้งกัน จะเอาข้าวของยี่ห้อไหนมีหมด โลกมนุษย์มียี่ห้ออะไร ตรงนั้นมีหมด

เจอใหม่ ๆ อาตมาคิดว่ากูเพี้ยนหรือเปล่าวะ...? ครูบาอาจารย์ที่ไปนรกไปสวรรค์ได้ ไม่เห็นพูดถึงตรงนี้เลย คือไม่มีคุณค่าอะไรพอให้พูดถึง ยกเว้นว่าเห็นโทษของความยึดติด แล้วตรงที่พูดถึงก็ไม่ได้พูดตรงจุดนี้ จุดที่พูด...จำกันได้ไหมว่า โลกอื่นไม่มีการทำอะไรที่ผ่อนคลายความทุกข์ของตนเองได้เหมือนโลกมนุษย์ ก็ต้องอาศัยกำลังบุญ คุณความดีที่ตนเองสร้างไว้ หรือว่าลูกหลานช่วยทำไปให้

เถรี 25-05-2020 01:03

แล้วคราวนี้เป็นเทวดา นางฟ้า พรหม ทำบุญได้ไม่ใช่หรือ ? ได้...แต่ยากมาก ถามว่าทำไม ? ก็เพราะว่าโอกาสที่จะได้ทำแบบมนุษย์เรานั้นมีน้อยมาก

อันดับแรกเลย ถ้าเพลิดเพลินอยู่กับทิพยสมบัติ แค่เวลาไม่นานของเขา โลกมนุษย์ผ่านไปหลายสิบปีแล้ว พอถึงเวลาเล็งดูว่าตรงนี้เป็นสถานที่ซึ่งเราจะสร้างบุญได้ อ้าว...ดันกลายเป็นเขตของคนอื่นเสียอีก โดยมารยาทแล้วก็ล่วงเขตของเขาไม่ได้อีก ยุ่งยากมาก ชั้นสูงกว่าลงต่ำได้ แต่ชั้นต่ำกว่าขึ้นสูงไม่ได้ ยกเว้นว่าได้รับเชิญ เรื่องพวกนี้อย่าไปคุย นอกทุ่งนอกท่ามากเกินไป เดี๋ยวก็จะมีคนมาว่าอาตมาอวดอุตริมนุสธรรมอีก

ในเมื่อไม่สามารถที่จะทำได้ หรือว่าทำได้ยาก อย่างเช่น สมมติว่าเป็นรุกขเทวดาอยู่ในเขตวัดท่าขนุน เห็นพระท่านเข้านิโรธสมาบัติ โน่น...อยู่เทือกเขาตะนาวศรี จะไปใส่บาตรก็ไม่ได้ ก็ได้แต่ยืนมองน้ำลายยืด เพราะว่าไม่ใช่เขตตัวเอง ไปไม่ได้ แล้วเจ้าของถิ่นเขาก็คงไม่ใจดีเชิญให้ไปหรอก เพราะว่าเขาก็อยากทำเองเหมือนกัน

เถรี 25-05-2020 10:24

เมื่อเป็นเช่นนั้น ก็แปลว่าทุกคนต้องทำเอง เร่งทำแต่สิ่งที่เป็นบุญเป็นกุศล ให้สภาพจิตเคยชินและเกาะบุญกุศลนั้นได้ ไม่เช่นนั้นแล้ว ถึงเวลาต่อให้ทำมามาก แต่สภาพจิตเกาะบุญกุศลไม่ได้ ก็ต้องไปเสี่ยงดวงเอาว่าจะได้ผ่านตำหนักพระยายมหรือไม่ ? ถึงผ่านตำหนักพระยายมก็ต้องไปเสี่ยงดวงอีกว่า จะระลึกถึงความดีได้หรือไม่ ?

บางคนไม่ได้เจตนา แต่ไปสร้างกรรมหนัก อย่างเช่นเอาของสงฆ์ไปกินไปใช้ ถึงเวลาแรงบาปที่รุนแรงมาก ก็ทำให้เรานึกความดีอะไรไม่ออก เมื่อสอบถามจนถ้วนทั่วแล้ว เราไม่สามารถที่จะนึกได้ พระยายมท่านก็ต้องวางอุเบกขา ปล่อยให้รับโทษไปตามกรรมที่เคยสร้างมา

การทำบุญทำกุศลใน ทาน ศีล ภาวนา จึงเป็นเรื่องที่ต้องทำเป็นประจำ ทำจนสภาพจิตเคยชิน อาตมาเองนั่งอยู่ตรงนี้มาประมาณ ๒ เดือนแล้ว ตั้งแต่โควิด ๑๙ อาละวาด ต้องปรับการสวดมนต์ทำวัตรให้เหลือน้อยที่สุด จากที่เคยทำวัตรเย็น ๒ รอบก็เหลือแค่รอบเดียว เวลาจึงมีเหลือมาก จึงต้องมานั่งบ่นให้พระให้เณรท่านฟัง แล้วก็มีวันนี้แหละ..ที่มีโอกาสบ่นเผื่อโยมทางบ้านด้วย

แต่โยมหลายท่านก็อยากให้โควิด ๑๙ อาละวาดไปนาน ๆ เพราะว่าหลวงพ่อไม่ไปรับสังฆทาน มีอะไรหลวงพ่อก็เล่าลงเก็บตกให้ฟัง ถ้ามีโอกาสไปรับสังฆทาน หลวงพ่อก็เล่าบ้าง ไม่เล่าบ้าง ไปตกลงกันเองก็แล้วกันว่าจะเอาแบบไหน อาตมาไม่ไปรับสังฆทานก็สบายดี อยู่วัดก็เหนื่อยน้อยหน่อย มีแต่โยมที่จะคลั่งตาย..!

เถรี 25-05-2020 10:29

เรื่องของการทำความดี ถ้าเคยชิน เราก็ทำเองได้ ควบคุมตัวเองได้ แต่พอไม่เคยชิน ต้องอาศัยการชักนำของสถานที่ ของบุคคล ของดินฟ้าอากาศ ของข้าวปลาอาหาร ของแหล่งที่จะได้รับธรรมะ เหล่านี้เป็นต้น ในเมื่อขาดไป ก็เหมือนกับขาดใจ อาตมานั่งอยู่ตรงนี้จนชักจะชินแล้ว ดีไม่ดี...พอประกาศเลิกควบคุมโดย พรก.ฉุกเฉิน พระเณรท่านอาจจะขอร้องว่า "หลวงพ่อทำวัตรเย็นรอบเดียวเถอะครับ เอาเวลามานั่งด่าพวกผมดีกว่า..!"

หรือไม่ก็อย่างบรรดาคณะกรรมการชุมชนคุณธรรม ทั้งชุมชนคุณธรรมวังท่าขนุน ชุมชนคุณธรรมริมฝั่งแควน้อย ชุมชนคุณธรรมพัฒนาทองผาภูมิ เปิดโรงทานเพื่อแบ่งเบาภาระค่าครองชีพในระหว่างการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ ทำงานมาจะสองเดือนเต็มแล้ว นี่ยังปรารภกันอยู่ว่า หลังจากสองเดือนแล้วเราจะทำอะไรกัน ? เพราะว่าไปทำครัวเลี้ยงคนอยู่ทุกวัน แล้วอยู่ ๆ ก็ไม่ได้ทำ

ความจริงพอเขาขยาย พรก.ฉุกเฉินออกไป อาตมาก็ว่าน่าจะต่ออีกสักเดือนหนึ่ง รายจ่ายก็ยังพอที่จะจ่ายไหวอยู่ วันหนึ่งห้าหกพันบาท ได้คืนมาสามพันบาท แต่ว่าสงสารคนทำงาน สองเดือนกว่านี่กรอบเต็มทีแล้ว บางคนก็บอกว่า เกิดมาไม่เคยพึ่งหมอนวดเลย ท้ายสุดทนไม่ได้ พอปิดครัวในช่วงบ่ายก็ต้องตามหมอนวด ถึงเวลาหมอนวดก็ต้องบังคับให้อาบน้ำ ให้ล้างมือ ให้อะไรต่อมิอะไรให้ยุ่งไปหมด ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่นวดให้ เพราะว่ากลัวติดเชื้อ ลำบากทั้งคนทำมาหากิน ลำบากทั้งคนที่ไปช่วยคนอื่นเขา

คราวนี้พอความเคยชินเกิดขึ้น เชื่อเถอะ...ต่อให้ปิดโรงครัวแล้ว ก็ต้องมีใครเผลอขับรถไปทางด้านนั้นจนได้ เพราะว่าเคยไปอยู่ทุกวัน

ความเคยชินตรงนี้ หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านบอกว่ามาจาก ฌานัง ก็คือ ฌาน หรือการเพียรเพ่งอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แสดงว่าทำความดีจนเป็นฌานไปแล้ว

เถรี 25-05-2020 10:38

ถามว่าอาตมาลงทุนหลายแสนบาท เลี้ยงเขามา ๒ เดือนนี้คุ้มไหม ? คุ้ม..เพราะว่าทำให้คนอย่างน้อย ๖๐-๗๐ คนที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาเป็นเวรครัว มีความเคยชินในการทำประโยชน์แก่คนส่วนรวมหรือทำสาธารณประโยชน์

ลักษณะของทานเพื่อสาธารณประโยชน์ ผลบุญคล้ายคลึงกับสังฆทาน เพราะว่าเราอยู่ในช่วงที่ยังมีพระพุทธศาสนาสมบูรณ์บริบูรณ์ บุคคลยังมีศีลมีธรรมอยู่

ทำบุญกับบุคคลที่มีศีลสมบูรณ์ ได้อานิสงส์มากกว่าทำบุญกับบุคคลที่มีศีลบกพร่องเป็นร้อยเท่า

ทำบุญกับผู้ที่มีศีลบกพร่อง มีอานิสงส์มากกว่าทำบุญกับบุคคลที่ไม่มีศีลเป็นร้อยเท่า

ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคืออังกุรเทพบุตร ในอดีตชาติเปิดโรงทาน ๒๐ โรง เลี้ยงคนทั้งกลางวันกลางคืนตลอด ๒๐,๐๐๐ ปี เกิดเป็นเทวดา มีบุญน้อยที่สุดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ยุคนั้น เพราะว่าท่านเกิดในโลกยุคที่ไม่มีศีลไม่มีธรรม ให้ทานกับคนประเภทนั้น มีผลมากกว่าให้ทานแก่สัตว์เดรัจฉานเท่านั้นเอง

ส่วนอินทกเทพบุตร ทั้งชีวิตใส่บาตรครั้งเดียว เพราะว่ามีพระธุดงค์ผ่านไป ปรากฏว่าพระธุดงค์ไปเกิน ๔ ก็คือไปถึง ๖ รูป แล้วทั้ง ๖ รูปเป็นพระอรหันต์ทั้งหมดเลย ต้องบอกว่าเป็นเนื้อนาบุญที่มีผลมหาศาล ถึงเวลาพระพุทธเจ้าเสด็จขึ้นไป ทั้ง ๒ ท่านมาถึงก่อน กราบพระพุทธเจ้าแล้วก็นั่งข้างซ้าย ๑ ข้างขวา ๑ รอฟังธรรม ปรากฏว่าพอเทวดานางฟ้าอื่นมา อังกุรเทพบุตรก็ต้องถอยไปเรื่อย เพราะว่ารัศมีสู้เขาไม่ได้ พลังงานสู้เขาไม่ได้ ก็โดยดันไกลออกไปเรื่อย อินทกเทพบุตรนั่งอยู่ที่เดิม ไม่ต้องขยับเลย

ระยะนี้บรรดาพระเณรต่าง ๆ เขาเริ่มสังเกตแล้วว่า เวลาพระอาจารย์เล็กนั่งลงตรงไหนนี่ไม่ต้องขยับเลย ยกเว้นว่าตั้งใจขยับ เพื่อให้เกียรติแก่พระผู้ใหญ่เป็นตัวอย่างให้แก่คนอื่น

เถรี 25-05-2020 10:40

เรื่องของบุญเรื่องของกุศล ถ้าเราสั่งสมสร้างมามากจริง ๆ ก็จะล้นออกมาเอง คนอื่นพอเห็นก็จะรู้แล้วว่าตรงนั้นที่ของเขา ไม่ใช่ที่ของเรา

ฉะนั้น...ไม่ว่าจะพระภิกษุสามเณร ตลอดจนญาติโยมที่วัดนี้ หรือที่บ้านก็ตาม ถ้าจะสร้างความดี ก็ต้องเพียรพยายามทำให้มาก ทำให้ชินเข้าไว้ คำว่า ทำให้มาก ไม่ได้หมายความว่าทุ่มเทกันแบบไม่กินไม่นอน แต่เป็นการทำตามมัชฌิมาปฏิปทา คือความพอเหมาะพอดีของตน

คำว่า ทำให้มากก็คือทำบ่อย ๆ ทำจนกระทั่งถึงเวลาถ้าไม่ได้ทำ จะเริ่มรู้สึกว่าไม่ปกติ เหมือนกับมีอะไรบังคับว่าเราต้องทำ ถ้าอย่างนั้นกำลังใจเราถึงจะมั่นคงในความดีนั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นทาน เป็นศีล เป็นภาวนาก็ตาม

แล้วสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ก็จะปรับกาย วาจา ใจของเรา ให้พัฒนาไปในด้านดีมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงที่สุดแห่งความดี ก็เริ่มปล่อยดี เมื่อถึงเวลานั้น ดีก็ไม่เกาะ ชั่วก็ไม่เอา ทำดีเพราะรู้ว่าดีถึงทำ ละชั่วเพราะรู้ว่าชั่วถึงละ ในเมื่อไม่เอาทั้งดีทั้งชั่ว เราจะไปไหนได้ ? ก็ไปพระนิพพาน พอความดีเต็มอยู่ในใจของเรา พระนิพพานก็จะปรากฏชัด
เอง

เถรี 25-05-2020 10:46

ฉะนั้น...เราจะเห็นว่าการปฏิบัติธรรมที่บอกว่ามีบุคคล ๔ ประเภทคือ

สุกขวิปัสสโก บรรลุธรรมโดยไม่มีความสามารถพิเศษอะไรเลย

เตวิชโช หรือวิชชา ๓ บรรลุธรรมพร้อมความสามารถ ๓ อย่าง ก็คือระลึกชาติได้ รู้ว่าคนและสัตว์ก่อนเกิดมาจากไหน ตายแล้วจะไปไหน และทำกิเลสให้สิ้นไปได้

ประเภทที่สามก็คือ ฉฬภิญโญ หรืออภิญญา ๖ บรรลุธรรมพร้อมด้วยความสามารถพิเศษ ๖ อย่าง ก็คือมีทิพโสต...หูทิพย์ ใครนินทา อยู่ไกลแค่ไหนก็ได้ยิน ทิพจักขุ...มีตาทิพย์ ใครทำอะไรใกล้ไกลแค่ไหน อยากจะเห็นก็เห็น ปุพเพนิวาสานุสติญาณ...ระลึกชาติได้ จุตูปปาตญาณ...รู้ว่าคนก่อนเกิดมาจากไหน ตายแล้วจะไปไหน อาสวักขยญาณ...ทำกิเลสให้สิ้นไปได้ เป็นต้น

แล้วก็มีปฏิสัมภิทัปปัตโต หรือปฏิสัมภิทาญาณ ๔ บรรลุธรรมแล้วมีความสามารถครอบคลุมทั้งสุกขวิปัสสโก เตวิชโชและฉฬภิญโญแล้ว ยังมีความสามารถพิเศษ ๔ อย่างก็คือ

ธัมมาปฏิสัมภิทา...รู้เหตุทั้งปวง อัตถปฏิสัมภิทา...ผลทั้งปวง คือสร้างเหตุอะไร ได้ผลอย่างไร รู้หมด ปฏิภาณปฏิสัมภิทา...มีความคล่องตัวในเรื่องของปฏิภาณมาก ไม่ว่าจะขยายเรื่องเล็ก เรื่องสั้นให้ยาว ย่อเรื่องยาวให้สั้น อธิบายข้อธรรมที่ลึกซึ้งให้ง่าย อธิบายข้อธรรมที่ง่ายให้ลึกซึ้ง สามารถทำได้ตามใจปรารถนา นิรุกติปฏิสัมภิทา...รู้ภาษาคน ภาษาสัตว์ ทุกภพ ทุกภูมิ ทุกหมู่ ทุกเหล่า

เถรี 25-05-2020 10:48

คราวนี้สามประเภทหลังคือ วิชชา ๓ อภิญญา ๖ และปฏิภาณปฏิสัมภิทาญาณ ๔ สามารถรู้เห็นพระนิพพานได้ สุกขวิปัสสโกไม่มีความสามารถเช่นนั้น แล้วรู้ได้อย่างไรว่านี่คือพระนิพพาน ? นั่นคือสิ่งที่อาตมภาพได้พูดไปแล้วว่า ถึงเวลาพระนิพพานจะเต็มอยู่ในใจของเราเอง ไม่ต้องกังวล รู้ว่าดีก็ทำ รู้ว่าชั่วก็ละ ทำไปเรื่อย ๆ พอดีถึงที่สุด วางดีลงได้เมื่อไร พระนิพพานจะปรากฏชัดเมื่อนั้น

ฉะนั้น...สิ่งที่ท่านทั้งหลายทำมา ให้ตั้งเป้าเอาไว้สูงสุดว่าเราทำเพื่อพระนิพพาน ความเคารพในคุณพระรัตนตรัย ขอให้เป็นคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ที่เป็นส่วนของนามธรรม ไม่ใช่พระพุทธรูป ไม่ใช่คัมภีร์ใบลาน ไม่ใช่องค์พระสงฆ์ รู้ตัวอยู่เสมอว่าเราต้องตาย ตายเมื่อไรเราขอไปพระนิพพานแห่งเดียว

ถ้าสามารถรักษากำลังใจนี้เอาไว้ได้ ทุกเช้าทุกเย็น ไม่ต้องมาก ครั้งละ ๕ นาที ๑๐ นาทีก็พอ ตายเมื่อไรท่านมีโอกาสไปพระนิพพานแน่นอน ก็ถือว่าพูดคุยกันพอให้หายคิดถึงแต่เพียงเท่านี้ เพราะว่าพระเณรก็ยังต้องทำวัตรสวดมนต์ แล้วก็ไปปฏิบัติหน้าที่การงานของตนเองกันต่อไป

เถรี 25-05-2020 14:18

วันอาทิตย์ที่ ๒๔ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๓ ท่านรองฯ เกียรติศักดิ์ (พ.ต.ท. เกียรติศักดิ์ วิเศษสิงห์ รอง ผกก.สภ.ทองผาภูมิ) นำกำลังตำรวจ ๒๐ นาย มาประจำจุดตามหน้าที่ตั้งแต่ตีห้าครึ่ง ตามมาด้วยคุณแมว (นางสายใจ สินค้าประเสริฐ) หัวหน้าอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน นำ อสม.มา ๑๐ คน โรงพยาบาลทองผาภูมิ โดยแพทย์หญิงนวลจันทร์ เวชสุวรรณมณี ผู้อำนวยการโรงพยาบาล ส่งทีมแพทย์พยาบาลมา ๓ คน...

วันนี้ทุกคนต้องเป็นเด็กวัด รีบกินอาหารเช้าหลังจากพระฉันแล้ว จากนั้นก็เข้าประจำจุดทำหน้าที่ รอจนคณะของน้องเล็กขนเม็ดเงิน ๑๕๑ กิโลกรัมขึ้นรถเข็นแล้ว อาตมาก็เดินตามรถเข็นไปยังมณฑลพิธีหล่อพระด้วย...

ทางด้านนี้คณะบายศรีของทิดตั้นเตรียมการทุกอย่างพร้อมแล้ว ภายใต้การอำนวยการของท่านอาจารย์พระมหาเอ (พระมหานันทวัฒน์ เขมธมฺโม) มีหลวงพ่อนิล (พระครูวินัยธรธวัชชัย ชาครธมฺโม) นั่งภาวนาตีหน้าขู่เทวดา ที่ทำท่าจะเทฝนลงมาให้เดือดร้อนกัน..!

อาตมาจับไมค์ลอยคุยจนได้เวลา ก็เข้าที่เตรียมการบวงสรวง โดยมีพระเณรและแม่ชีวัดท่าขนุน ยืนและนั่งเว้นระยะ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-๑๙ ญาติโยมซึ่งรวมทั้งคณะบายศรี ทีมงานหล่อพระ ช่างภาพทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว ตลอดจนทีมงานถ่ายทอดสด รวมกันแล้วมีไม่ถึง ๕๐ คน เป็นการจัดงานครั้งแรกของวัดท่าขนุน ที่มีพระเณรมากกว่าญาติโยม..!

เถรี 25-05-2020 14:19

จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัยแล้ว อาตมาน้อมจิตถวายเครื่องบวงสรวงเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา โดยในสายของหลวงพ่อวัดท่าซุงนั้น มีอาตมาเพียงผู้เดียวที่ชุมนุมเทวดาด้วยเสียงตนเอง นอกนั้นล้วนแต่เปิดเสียงของหลวงพ่อวัดท่าซุงทั้งสิ้น...

เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า ตั้งแต่การทำบวงสรวงครั้งแรก ตอนขออนุญาตสร้างสำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี อาตมาก็เปิดเสียงหลวงพ่อวัดท่าซุงเช่นเดียวกัน แล้วโดนท่านด่าใส่หูมาอย่างถนัดชัดเจนว่า "พวกแกใช้ข้าจนกระทั่งตาย ขนาดตายแล้วยังจะใช้ต่ออีกหรือ ?!!" ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา อาตมาก็เลิกใช้ครูบาอาจารย์ หันมาทำการบวงสรวงชุมนุมเทวดาด้วยเสียงตัวเองตั้งแต่บัดนั้น เป็นเวลาเกือบจะ ๓๐ ปีเข้าไปแล้ว...

ในพิธีบวงสรวงแต่ละครั้งนั้น มีเคล็ดลับบางอย่างที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านให้ไว้เป็นการเฉพาะ ยังไม่สามารถที่จะบอกกล่าวเป็นสาธารณะได้ ถ้าทำตามเคล็ดลับนั้นแล้ว พระ พรหม เทวดา ตลอดจนครูบาอาจารย์ ท่านจะสงเคราะห์ให้อย่างเต็มที่ทุกครั้ง ซึ่งโดยหลัก ๆ แล้ว อาตมาจะถวายเครื่องบายศรีเป็น พุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา ขอให้การงานทุกอย่างราบรื่น ขอให้ทุกคนที่มาร่วมงานเดินทางกลับโดยปลอดภัย...

เถรี 25-05-2020 14:21

เมื่อบอกกล่าวทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็ทำน้ำมนต์พรมรอบมณฑลพิธี เพื่อป้องกันการกลั่นแกล้งจากผู้มีจิตศรัทธา ซึ่งชอบส่งข้าวของที่อาตมาไม่ต้องการมาถวาย จากนั้นก็นำเม็ดเงิน ๑๕๐ กิโลกรัมลงเบ้าหลอม...

เสร็จเรียบร้อยแล้วก็มอบหมายภาระให้กับทางทีมงานหล่อพระ อาตมาไปคุยกับญาติโยมถ่ายทอดสดผ่านเว็บไซต์วัดท่าขนุน เมื่อพอสมควรแก่เวลาแล้วก็กลับไปพักผ่อนที่สำนักงานเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน...

น้องเล็กส่งไลน์มาให้ อาตมาอ่านแล้วก็ขำ เพราะว่าถึงกับมีผู้ส่งภาพถ่ายดาวเทียมมายืนยันว่า ช่วงก่อนบวงสรวงนั้น เมฆคลุมทั้งอำเภอทองผาภูมิ ยกเว้นบริเวณวัดท่าขนุน ครั้นบวงสรวงเสร็จแล้ว เมฆทั้งหมดเคลื่อนย้ายออกไป ฟ้าเปิดแดดเปรี้ยงไปทั้งอำเภอ..!

ญาติโยมต้องไม่ลืมว่าอำเภอทองผาภูมินั้น กว้างใหญ่ขนาดจังหวัดสมุทรปราการ สมุทรสาคร และสมุทรสงครามทั้ง ๓ จังหวัดรวมกัน ก็แปลว่าในขณะที่พายุไซโคลนอำพันยังฟาดหัวฟาดหางอยู่นั้น ทางวัดท่าขนุนปลอดจากภัยที่จะเกิดจากหางพายุโดยสิ้นเชิง...

ตรงส่วนนี้ที่อาตมารู้สึกขำก็เพราะว่า ระยะหลังมีบุคคลเป็นจำนวนมากที่พยายามจะใช้วิทยาศาสตร์มาพิสูจน์จิตศาสตร์ และค่อนข้างจะทำได้ดีทีเดียว แต่ขอให้เชื่อเถอะ..ในเรื่องของอำนาจพลังจิตนั้น เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถที่จะติดตามทันได้ นอกจากจะพอเห็นหลังอยู่ลิบ ๆ เท่านั้น...

เถรี 25-05-2020 14:23

ครั้งนี้เป็นงานแรกของวัดท่าขนุนที่ไม่ได้ตั้งโรงทาน โดยอาตมาสั่งข้าวกล่อง ๑๐ บาทจากโครงการของวัดท่าขนุนเอง เอามาถวายเพลพระและเลี้ยงญาติโยมที่ทำงาน โดยกำชับให้เจ้าหน้าที่ของวัด ใช้รถสามล้อเครื่องตระเวนส่งอาหารส่งน้ำให้แก่ผู้ที่ทำงานทั่วไป โดยเฉพาะบรรดาเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งประจำจุดตรวจรอบบริเวณวัด...

เมื่อฉันเพลแล้วอาตมาออกไปเยี่ยมให้กำลังใจบรรดาพ่อครัวแม่ครัวที่ประจำอยู่โครงการข้าวกล่อง ๑๐ บาท พร้อมทั้งเอาข้าวของไปเติมตู้วัดใจ (ตู้ปันสุข) แล้วค่อยกลับมายังวัดท่าขนุน ที่สามารถทำเช่นนี้ได้เพราะว่าอาตมาทำงานทุกอย่างตรงเวลา เมื่อเห็นว่ายังมีเวลามากพอจึงไปทำงานอื่นก่อนได้...

เรื่องของพระ พรหม เทวดา และครูบาอาจารย์นั้น การตรงต่อเวลาสำคัญที่สุด ถ้าผิดเวลาแล้วท่านจะไม่สงเคราะห์ให้ ถ้าเป็นอย่างนั้นผู้ที่เดือดร้อนและเสียประโยชน์มากที่สุดก็คือตัวเราเอง อาตมาจึงเป็นผู้ที่รักษาเวลามาก จนกระทั่งคนทองผาภูมิกล่าวกันว่า "พระอาจารย์เล็กนั้นตรงเวลาจนน่าเกลียด..!"...

เถรี 25-05-2020 14:32

ประมาณสิบเอ็ดโมงห้าสิบนาที อาตมากลับไปยังมณฑลพิธีอีกครั้ง พระอาทิตย์ทรงกลดสาดรัศมีร้อนเปรี้ยงลงมา เป็นประโยชน์แก่การหล่อพระอย่างที่สุด เมื่อเห็นว่าใกล้ที่จะได้เวลาแล้ว ก็มอบหมายให้ท่านอาจารย์พระมหาเอจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย แล้วหลวงพ่อนิลทำหน้าที่ให้ศีลแก่ทุกคน...

เมื่อได้เวลาก็ให้สัญญาณทีมช่างหล่อ ทำการเททองหล่อพระพุทธลีลาประทานพร โดยเริ่มจากองค์เนื้อบรอนซ์ของท่านอาจารย์พระมหาเอก่อน แล้วต่อด้วยองค์เนื้อเงิน...

พระอาจารย์ศิริชัย ชยธมฺโม (ท่านอาจารย์บ๊ะ) เคยกล่าวกับอาตมาว่า "ทุกอย่างที่หลวงตาเล็กทำนั้นผมทำได้หมด ยกเว้นตอนเททองหรือหย่อนทองลงเบ้า ที่สว่างไสวไปทั้งวัดนั้นผมทำไม่ได้"...

ความจริงก็แค่กราบอาราธนาบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ ลงมาอนุเคราะห์สงเคราะห์ให้รูปพุทธนิมิตที่กำเนิดขึ้นมานี้ เป็นที่พึ่งแก่สรรพสัตว์ทั้งหลายทุกภพทุกภูมิทุกหมู่ทุกเหล่า แล้วน้อมใจอัญเชิญพระฉัพพรรณรังสีของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ลงสู่พระพุทธนิมิตที่ช่างกำลังเททองหล่อกันอยู่เท่านั้นเอง...

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปฐมในพระวรกายใหญ่โตเต็มจักรวาล แผ่พระรัศมีสว่างไสวหาประมาณไม่ได้ องค์สมเด็จพระพุทธกัสสปในปางพระพุทธลีลาประทานพรสีทองอร่าม แย้มพระโอษฐ์งามละมุนละไมจนบอกไม่ถูก...

เมื่อเสร็จพิธีอาตมาน้อมจิตน้อมใจกราบลงแทบพระบาทของทุกพระองค์ "สมเด็จพ่อ" เมตตาตรัสว่า "เดี๋ยวตอนปลุกเสกรูปเหมือน "พ่อ" จะมาสงเคราะห์อีกครั้งหนึ่ง" สาธุ..สาธุ..สาธุ...

เสร็จพิธีแล้วพระภิกษุสามเณรวัดท่าขนุน ช่วยกันเก็บกวาดสถานที่ ยังไม่ทันที่ทีมงานหล่อพระจะขนข้าวของขึ้นรถเสร็จ มณฑลพิธีก็หายวับไปกับตา สะอาดเอี่ยมเรียบร้อยเหมือนกับไม่ได้มีงานอะไรเลย..!

เถรี 25-05-2020 14:41

2 Attachment(s)

เถรี 26-05-2020 07:53

มีผู้ส่งรูปพระสมเด็จองค์ปฐมพลิกชีวิตเนื้อชินซึ่งมีผู้ทำปลอมมาให้ดู จากรูปดูแล้วฝีมือหยาบมาก ประมาณว่า "เก๊ตาเปล่า" แต่สำหรับผู้ที่ไม่ได้สังเกตแล้ว ก็อาจจะเสียท่าให้กับเขาได้...

การปลอมวัตถุมงคลซึ่งสร้างโดยอาตมานั้นมีมานานแล้ว เริ่มจากพระกริ่งพิชัยสงคราม ที่ถอดแบบแล้วนำไปจำหน่ายในนามของวัดอดีตสมเด็จพระสังฆราชเจ้าฯ โดยไม่เกรงกลัวบาปกรรม หรือยำเกรงต่อบารมีของพระองค์ท่านเลยแม้แต่น้อย...

ลำดับต่อมาที่ปลอมได้น่าเกลียดมากคือพระองค์ที่ ๑๑ ขนาดบูชา เพราะว่าของที่อาตมาสร้างนั้นหน้าตัก ๑๐ นิ้วถ้วน ของที่ทำเลียนแบบหน้าตัก ๕ นิ้วและ ๙ นิ้ว ไม่ได้มีความคล้ายคลึงหรือใกล้เคียงเลย แต่วางจำหน่ายในนาม "วัดท่าขนุน สร้างโดยหลวงพ่อเล็ก" แบบหน้าตาเฉย..!

ลำดับต่อมาคือตะกรุดมหาสะท้อน ที่อาตมาต้องเลิกสร้างไปเพราะว่าลูกศิษย์นำไปใช้ผิด ทำให้มีบุคคลถึงแก่ชีวิต ๒ รายติด ๆ กัน ในเมื่ออุปสงค์มีมากแต่อุปทานไม่มี จึงมีผู้ปลอมขึ้นมาจำหน่าย ถ้าใครไม่ได้ศึกษารูปแบบของตะกรุดมหาสะท้อนแต่ละรุ่น ก็จะโดนผู้อื่นหลอกได้โดยง่าย...

สำหรับสมเด็จองค์ปฐมพลิกชีวิตเนื้อชินนั้นไม่น่าเป็นห่วงเท่าไรนัก เพราะว่าอาตมาให้ลงประกาศทั้งในเว็บไซต์วัดท่าขนุน ในเฟซบุ๊ก และเว็บเพจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัดท่าขนุน โดยลงภาพเปรียบเทียบให้ดูแล้ว ถ้าใครยังเสียท่าให้เขาอีก ก็ต้องบอกว่าสร้างเวรสร้างกรรมร่วมกับเขามาจริง ๆ..!

เถรี 26-05-2020 07:56

ตอนแรกมีผู้กล่าวว่า "เป็นไปได้ไหมที่ปลอมมาจากโรงงานซึ่งเราสั่งทำ ?" อาตมาฟันธงว่า "เป็นไปไม่ได้" ประการแรก ถ้าปลอมโดยโรงงานจะต้องเหมือน เนื่องจากใช้แม่พิมพ์ตัวเดียวกัน แต่นี่หาความเหมือนไม่ได้เลย...

ประการที่สอง ช่วงที่สั่งทำวัตถุมงคลชุดนี้นั้น ตลาดวัตถุมงคลซบเซามาก ไม่มีใครตั้งความหวังไว้กับวัตถุมงคลชุดนี้ว่าจะขายได้แม้แต่รายเดียว จึงไม่ลงทุนมาปลอมให้เสียเวลา...

คาดว่าเหรียญปลอมที่พบเห็นอยู่นี้ นำเอาเหรียญสมเด็จองค์ปฐมพลิกชีวิตเนื้อเงินไปถอดแบบ แต่เป็นการถอดแบบชนิดที่ไม่ยอมลงทุนเลย เพราะว่าแทนที่จะใช้เลเซอร์สแกนซึ่งทำให้องค์พระเล็กลงนิดเดียวแทบไม่เห็นความแตกต่างอย่างอื่น กลับไปถอดแบบโดย "บล็อกเหงือก" จึงทำให้ขาดรายละเอียดที่ควรจะมีไปมาก...

มีผู้ถามว่าควรที่จะดำเนินการในเรื่องนี้อย่างไร ? ทางวัดท่าขนุนก็แค่ประกาศลงสื่อโซเชียลให้ญาติโยมทั้งหลายได้รู้ทั่วกัน ส่วนที่เหลือก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามเวรตามกรรม ยกเว้นว่าท่านผู้เสียหายจะไปแจ้งความดำเนินคดีเสียเอง...

ขอแจ้งให้กับญาติโยมที่ไม่มีพระสมเด็จองค์ปฐมพลิกชีวิตแม้แต่องค์เดียวว่า ทางวัดยังเหลือพระสมเด็จองค์ปฐมพลิกชีวิตอยู่อีก ๒ เนื้อ คือเนื้อทองแดงกับเนื้อทองทิพย์ อย่างละ ๓,๐๐๐ เหรียญ ที่รอให้ผู้เปิดกระทู้จัดการส่งของเก่าให้เสร็จสิ้นเสียก่อน ค่อยหาวาระที่เหมาะสมมาลงให้บูชาต่อไป โปรดอดใจรอด้วยความระทึกในดวงหทัยพลัน..!

เถรี 27-05-2020 08:57

(ก่อนบวงสรวงหล่อพระ) ที่เราเจอนี่คือหางพายุเท่านั้น ไม่ใช่หัว ถ้าพายุเกิดในทะเลจีนใต้ เรียกว่าไต้ฝุ่น เกิดทางทะเลอันดามัน อ่าวเบงกอล เรียกว่าไซโคลน เกิดทางด้านยุโรปคือเฮอริเคน เกิดทางด้านอเมริกาคือทอร์นาโด

คราวนี้พายุไต้ฝุ่น เป็นภาษาจีนเลย แต่เนื่องว่าภาษาจีนฮกเกี้ยนค่อนข้างจะอิทธิพล ก็เลยเป็นคำว่า “ไต้ฝุ่น” ภาษาฮกเกี้ยน “ไถ่ฟุ้ง” พอเขียนเป็นภาษาอังกฤษเลยอ่านว่า “ไต้ฝุ่น” ส่วนพายุไซโคลนอำพันเป็นชื่อไทย เพราะว่าแต่ละประเทศจะตั้งชื่อพายุ ๑๐ ชื่อ แล้วก็ส่งไป ถึงเวลาก็สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันคนละชื่อตามลำดับของพายุที่เกิดขึ้น กว่าจะวนมาถึงชื่อไทยอีกครั้งก็น่าจะนาน

ปรากฏว่านี่เพิ่งจะต้นฤดูฝน พายุเกิดขึ้น ๒ ลูกแล้ว ลูกแรกทางทะเลจีนใต้ ถล่มฟิลิปปินส์ไป เป็นชื่อฮกเกี้ยนว่า “หว่องฟุ้ง” แปลเป็นไทยว่า “แมลงภู่คำ” แต่ของจีนเขาแปลว่าผึ้งเหลือง เขาว่าพิษของผึ้งเหลืองเป็นพิษที่รุนแรงที่สุด แล้วลูกที่ ๒ ก็ก่อตัวขึ้นในอ่าวเบงกอลก็คือไซโคลนอำพัน เขาบอกว่าเป็นลูกที่แรงที่สุดในรอบ ๑๐ ปีของอ่าวเบงกอล ความเร็วลมแรกเริ่ม ๒๗๐ กิโลเมตร พัดขึ้นฝั่งอินเดียและบังคลาเทศด้วยความเร็วลม ๑๘๕ กิโลเมตร ก็ได้ไปหลายศพอยู่..!

เถรี 27-05-2020 09:01

เรื่องของภัยธรรมชาติต่าง ๆ จะรุนแรงขึ้นไปเรื่อยตามสภาพอากาศที่ย่ำแย่ โลกร้อนเท่าไร ความแปรปรวนของภูมิอากาศก็ยิ่งมากเท่านั้น เพราะว่าอากาศร้อนลอยตัวขึ้นเร็ว อากาศที่ไหลเข้ามาแทนที่ก็ทั้งเร็วและแรง จึงกลายเป็นพายุ ก่อให้เกิดความเสียหายมาก เดือดร้อนกันมาก

ประเทศไทยเราจะว่าโชคดีก็ใช่ เพราะว่าพายุที่ก่อตัวในทะเลจีนใต้ กว่าจะเข้ามาก็จะต้องติดฟิลิปปินส์ ติดเวียดนาม ติดลาว ยิ่งก่อตัวขึ้นทางด้านเหนือมากเท่าไร กว่าจะผ่านมาถึงไทยก็แทบไม่มีผลกระทบแล้ว ถ้าก่อตัวขึ้นทางทะเลอันดามันก็ติดพม่า ติดส่วนหนึ่งของอินโดนีเซีย แต่คราวนี้ความที่พายุรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ตามสภาพอากาศ สิ่งที่เคยกระทบน้อยก็เลยกระทบมากขึ้น

เถรี 27-05-2020 09:02

ถ้าเราสังเกตจะเห็นว่าตั้งแต่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ สวรรคต ภัยธรรมชาติต่าง ๆ เหมือนกับปะทุขึ้นมาและรุนแรงเป็นพิเศษ ก็คือผู้มีบารมีที่เขาต้องเกรงใจไม่อยู่แล้ว จึงทำให้สิ่งทั้งหลายที่อั้นมานาน เพราะว่าท่านขอไว้ก็เริ่มอั้นไม่อยู่

ตอนนี้ประเทศของเราที่น่ากลัวมี ๓ อย่างด้วยกัน อย่างแรกก็คือภัยแล้ง อย่าคิดว่านี่เป็นหน้าฝนนะ บริเวณที่แล้งก็ยังประสบภัยพิบัติแล้งเป็นปกติ ประการที่สองคือปัญหาการเมือง ถ้าชวนคนลงถนนเมื่อไรก็เป็นเรื่องเมื่อนั้น ประการสุดท้ายคือภัยธรรมชาติ ดิน น้ำ ลม ไฟ อาตมาเองบอกมากกว่านี้ไม่ได้ พยายามพูดมากที่สุดเท่าที่จะมากได้แล้ว ไปตีความกันเอาเอง อย่างที่หลวงพ่อวัดระฆังท่านบอกว่ามีแต่จะร้ายแรงขึ้นไปเรื่อย ๆ

เถรี 27-05-2020 19:13

"รับพัสดุด้วยครับ" พนักงานจากรถสีส้มถือกล่องพัสดุมาส่งให้ถึงหน้ากุฏิ พลังงานที่แผ่ออกมาจากกล่องพัสดุรู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง น้อมจิตกราบอัญเชิญท่านเข้ากุฏิพร้อมกับการเซ็นรับ...

เป็นพัสดุที่ส่งมาจากคุณกอบชัย มงคลทิพย์ เมื่อเปิดออกมาก็พบกับมีดหมอเทพศาสตราลายเพชรพญาธรเล่มใหญ่ ของหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม กับลิงแกะจากไม้ตับเต่า ของหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ที่ค่อนข้างจะหายากจนถึงยากที่สุด...

ทำการเจิมน้ำมันชาตรีรับขวัญมีดหมอ พลังงานที่แผ่ซ่านไปทั่วทำเอาขนลุกไปทั้งตัว ยังไม่ทันไรหลวงพ่อกวยก็ดึงอาตมาพรวด "ออกไปข้างนอก" แล้วชี้กลับไปยังร่างที่กำลังเช็ดถูมีดหมออยู่ "ดูเอาไว้..จะได้หายสงสัยเสียที"...

ที่อาตมาสงสัยก็คือ พลังงานของวัตถุมงคลแต่ละครูบาอาจารย์ที่แตกต่างกันนั้น นอกจากสมาธิจิตและวิชาการที่ศึกษามาแล้ว ยังมีอย่างอื่นอีกหรือไม่ ? ในส่วนของสายหลวงพ่อวัดท่าซุงนั้นอาตมาไม่สงสัย พลังงานที่ท่วมฟ้าท้นดินนั้นเป็นพุทธบารมี ธรรมะบารมี สังฆบารมี ตลอดจนพรหม เทวดา และครูบาอาจารย์ที่เมตตาช่วยสงเคราะห์ แล้วสายอื่น ๆ อย่างของหลวงปู่ทิม หลวงพ่อกวย นั้นเป็นอย่างไร ? ทำไมถึงทะลุทะลวงได้ดุดันถึงใจขนาดนี้ ?

สิ่งที่เห็นก็คือร่างกายของอาตมาที่นั่งอยู่นั้น มีพลังงานหมุนวนอยู่รอบกายในแนวตั้ง เป็นรูปเหมือนกับปีกผีเสื้อสองข้าง ดูเหมือนกับว่าปีกทั้งสองนั้นเป็นอิสระต่อกัน แต่ก็หมุนวนผสมกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน...

"เอ้า..คราวนี้มาดูตรงนี้" ท่านลากพรวดเดียวไกลออกไป จนกระทั่งเห็นโลกเราโตประมาณลูกฟุตบอลเท่านั้น ภาพที่เห็นก็คือพลังงานที่แผ่ออกมาจากโลกเป็นไปในลักษณะเดียวกัน "นั่นคือสิ่งที่พวกแกเรียกว่าแรงแม่เหล็กโลก วิชาการทางสายจีนเรียกว่าไท้เก๊กหรือไท่จี๋ ทางสายอินเดียเรียกว่าพลังจักรวาล"

เถรี 27-05-2020 19:16

"คราวนี้มาดูสิ่งที่แกเคยมองมานานแล้ว" อาตมาโดนลากออกไปไกลลิบ มองย้อนกลับมาเห็นหมู่ดาราจักร (Galaxy) มากมายเต็มไปหมด แต่ละดาราจักรต่างก็ประกอบด้วยพลังงานมหึมาหลากล้น ทั้งกระจายออกและรวมเข้า เพื่อจัดระเบียบแต่ละดาราจักรให้มีขอบเขตเฉพาะของตน...

"ตรงนั้นคือกลุ่มหมอกเพลิง (Nebula) ที่ยังจัดระเบียบตัวเองไม่เสร็จ ถ้าจัดระเบียบตัวเองเสร็จแล้วก็จะเกิดเป็นดาราจักรใหม่ขึ้นมา ส่วนดาราจักรที่หมดพลังงานแล้ว ก็ระเบิดสลายตัวเองกลับไปเป็นกลุ่มหมอกเพลิงใหม่"

ไหนคนเขาบอกว่าหลวงพ่อเรียนหนังสือมานิดเดียว วันนี้ทั้งดาราศาสตร์ทั้งฟิสิกส์มาครบถ้วนเลย ? "ข้ามาเก่งตอนตายแล้วโว้ย..!"

พูดจบพลังจิตของท่านก็แผ่ออกจากกายเป็นกลุ่มก้อน ครอบคลุมทั้งดาราจักร ดึงเอาพลังงานพุ่งเป็นลำมหึมาเชี่ยวกรากตรงไปยังโลกมนุษย์ หมุนวนจนกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพลังแม่เหล็กโลก แล้วควบแน่นเป็นลำเล็กประมาณบาตรพระ พุ่งลงตรงกระหม่อมร่างของอาตมาที่นั่งเช็ดมีดหมออยู่ ดึงเอาพลังงานประจำร่างกายทั้งหมด พุ่งเข้าสู่มีดหมอในมือจนสว่างเจิดจ้าดุจพระอาทิตย์ยามเที่ยง..!

เหมือนกับร่างกายชาเห่อพองใหญ่ขึ้นหลายเท่า ขุมขนทุกเส้นตั้งชัน แผ่พลังงานออกมาเป็นระลอก...ระลอก ไม่ขาดสาย..!

เถรี 27-05-2020 19:17

"หายสงสัยแล้วครับ..!" ถ้าไม่หายมีหวังตัวระเบิดตาย..! "คราวนี้แกดูนี่" พลังจิตของท่านพุ่งตรงไปเหมือนกับจะทะลุทะลวงฟ้า ผ่านครูบาอาจารย์หลายท่านเร็วจนมองแทบไม่ทัน ภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ใหญ่มหึมาเต็มจักรวาลปรากฏอยู่ข้างหน้า...

เพียงหลวงพ่อท่านน้อมจิตกราบลงแทบพระบาท พลังงานประหนึ่งมหาสมุทรหลากล้นท้นท่วมก็ทะลักทลายกลบกลืนไปทั้งเอกภพ (Universe) หมู่ดาราจักร กลุ่มหมอกเพลิง และจักรวาลแห่งดวงดาวอื่น ๆ (Stars System) ถูกกลืนหายไปภายใต้พลังงานที่ยิ่งใหญ่จนประมาณไม่ได้..!

"นี่คืออำนาจแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยที่พวกแกอาศัยเป็นที่พึ่งที่ระลึก ข้าเองก่อนหน้านี้ใช้แค่พลังสมาธิสมาบัติเฉพาะตัว วิธีดึงพลังจากจักรวาลมาใช้งาน เพิ่งจะมารู้เอาตอนที่ตายแล้ว ถือว่ายกให้แกเอาไปใช้ก็แล้วกัน แต่พอเทียบกับคุณพระศรีรัตนตรัยแล้ว คงหมดราคาจนแกอาจจะไม่สนใจเลยก็ได้"

น้อมจิตกราบแทบพระบาทขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กราบแทบเท้าหลวงพ่อกวยที่เมตตาถ่ายทอดเพิ่มเติมความรู้ให้ "ผมเป็นคนงกครับหลวงพ่อ ต่อให้มีเงินเป็นหมื่นเป็นแสนล้าน ถ้ามีคนให้อีกบาทหนึ่งสลึงหนึ่งผมก็ยังรับอยู่ดี ถึงตัวเองจะไม่ได้ใช้งาน แต่ก็ยังเป็นประโยชน์กับลูกศิษย์ของหลวงพ่ออีกจำนวนมาก กราบขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งครับ"

สติกลับคืนมาอยู่กับเนื้อกับตัว มือยังถือมีดหมอค้างอยู่ เจิมน้ำหอมน้ำมันรับขวัญมีดหมออยู่แท้ ๆ ดันฝันกลางวันแสก ๆ อีกแล้ว..!

เถรี 28-05-2020 23:19

(ก่อนหล่อพระ) แจ้งให้ญาติโยมทั้งหลายได้ทราบตรงนี้ว่า การหล่อพระพุทธลีลาประทานพรเนื้อทองคำนั้น ทางวัดกำลังเตรียมเงินที่จะซื้อทองคำมาหล่อ ซึ่งถ้าหากว่าทุ่มหมดตัวก็น่าจะพอ แต่ว่าระยะนี้ทองคำแพงมาก ประกอบกับญาติโยมทางบ้านอยากมีส่วนร่วมอนุโมทนาด้วย แต่เดือนหน้าของเรายังติด พ.ร.ก.ฉุกเฉินอยู่ จึงไม่สามารถอนุญาตให้โยมเข้าวัดได้เหมือนกับครั้งนี้ ก็จะเป็นที่น่าเสียดายมาก

จึงขอแจ้งให้กับทางคณะของท่านพระมหานันทวัฒน์ เขมธมฺโม ซึ่งดูแลเรื่องของการปั้นหุ่น ปั้นแบบ ตลอดจนกระทั่งติดต่อช่างปั้นช่างหล่อทุกด้าน และเจ้าหน้าที่จากโรงหล่อได้ทราบว่า ขออนุญาตเลื่อนจากกำหนดเดิม ที่บอกว่าจะหล่อในวันที่ ๒๑ มิถุนายนออกไปก่อน ซึ่งตอนนี้ยังหาวันไม่ได้

เพราะว่าอย่างวันนี้ถือว่าเป็นฤกษ์หล่อพระที่ดีที่สุดในรอบปี ๒๕๖๓ ไม่มีฤกษ์ดีกว่านี้อีกแล้ว เสียดายว่าไม่ได้หล่อองค์ทองคำเท่านั้น พระมหานันทวัฒน์ เขมธมฺโม ท่านได้ขออนุญาตหล่อองค์เนื้อบรอนซ์ ความสูงความใหญ่เท่ากันกับองค์เนื้อเงินปิดทอง คือ ๑๕๕ เซนติเมตร ไว้เป็นที่ระลึก ๑ องค์ แล้วยังขออนุญาตพระท่านสร้างเป็นองค์เล็กสูงประมาณ ๑ ศอก อีก ๙๙๙ องค์ โดยจะมอบให้ทางวัดท่าขนุนไปจัดจำหน่าย เพื่อที่จะได้หาทุนซื้อทองคำเพิ่มเติม
ในส่วนที่ยังขาดอยู่

เถรี 28-05-2020 23:22

จึงขอให้ญาติโยมทั้งในวัดก็ดี บรรดาช่างหล่อพระก็ดี ตลอดจนกระทั่งญาติโยมทางบ้าน ได้ทราบว่าเรื่องของการหล่อพระพุทธลีลาประทานพรเนื้อทองคำนั้น เลื่อนกำหนดการไปจากเดิมที่ตั้งใจไว้ว่า จะหล่อสักเดือนละองค์ ก็คือเดือนพฤษภาคมหล่อเนื้อเงิน เดือนมิถุนายนหล่อเนื้อทองคำ ขอเลื่อนออกไปดูระยะเวลาที่เหมาะสมสักนิดหนึ่ง แล้วถ้าราคาทองคำสามารถที่จะลดลงมาได้ เราก็จะมีเงินเหลือบางส่วนสำหรับไปทำการทำงานอื่นบ้าง

เพราะว่าระยะนี้วัดต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่ลำบากในการที่จะหางบประมาณมาเลี้ยงดูตัวเอง ตั้งแต่เชื้อไวรัสโคโรน่า ๒๐๑๙ อาละวาดขึ้นมา แทบทุกวัดก็หาญาติโยมเข้าวัดไม่ได้ เข้าวัดไปต้องผ่านการคัดกรอง ผ่านขั้นตอนต่าง ๆ เขารู้สึกว่าไม่ใกล้ชิดเหมือนเดิม ก็ไม่อยากที่จะไปวัด

อาตมาเองจัดโครงการบรรเทาทุกข์พระสังฆาธิการในเขตปกครองคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิไปแล้ว ๒ รอบ ก็คือถวายปัจจัยให้ทั้ง ๕๒ วัด ๒๒ สำนักสงฆ์ และเลขานุการเจ้าคณะตำบลที่ไม่ได้เป็นเจ้าอาวาสอีก ๘ ท่าน ท่านละ ๕,๐๐๐ บาท หมดไปครั้งหนึ่งประมาณสี่แสนถึงสี่แสนเศษนิดหน่อย แจ้งไปแล้วว่าช่วยได้แค่ ๒ เดือนเท่านั้น เดือนที่ ๓ ถ้าท่านช่วยตัวเองไม่ได้ ก็ขอให้พระเจ้าได้โปรดช่วยท่านด้วย..!

เถรี 28-05-2020 23:24

ทางด้านสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าวัดสระแก้ว ของท่านอาจารย์ปู่พระครูปลัดสุวัฒนบัณฑิตคุณ (ดร.พระมหาไพเราะ ฐิตสีโล) ซึ่งเลี้ยงเด็กกำพร้าเอาไว้ประมาณ ๒,๗๐๐ คนเศษ เฉพาะค่าข้าวสารเลี้ยงเด็กอย่างเดียวตกเดือนละล้านกว่าบาท ท่านขอความช่วยเหลือมา อาตมาได้ทำโครงการเร่งด่วน ที่ญาติโยมทั้งหลายช่วยกันไปแล้ว ได้เงินประมาณเก้าแสนกว่าบาท อาตมาเติมให้ครบหนึ่งล้านบาท นำถวายท่านไปแล้ว

ทางด้านโรงเรียนหมู่บ้านเด็กของมูลนิธิเด็ก ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลวังด้ง อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ก็เลี้ยงเด็กไว้เป็นจำนวนมาก อาตมาเพิ่งจะมอบข้าวสารอาหารแห้งไปให้หนึ่งคันรถหกล้อ พร้อมกับงบประมาณในการสร้างอาคารงวดแรก ๓๐๐,๐๐๐ บาท

ต้องบอกว่าขณะนี้รอบด้านในประเทศไทยล้วนแล้วแต่เดือดร้อน ญาติโยมทั้งหลายไม่เข้าวัด ทรัพย์สินหมุนเวียนที่มีอยู่ก็ร่อยหรอไปตามกาลเวลา ยกเว้นวัดท่าขนุนที่พอกพูนเพิ่มขึ้นขึ้นผิดชาวบ้านเขา เพราะว่ามีพระคาถาเงินล้านช่วย

เถรี 29-05-2020 23:48

ในเมื่อทั่วทั้งประเทศไทยล้วนแต่เดือดร้อน ทางสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติจึงอนุมัติงบประมาณวัดช่วยวัด ถวายพระสงฆ์ที่เดือดร้อนประมาณ ๒๐,๐๐๐ รูป รูปละ ๔๐ บาทต่อวัน โอ้พระเจ้า...ให้พระฉันมื้อละ ๒๐ บาท..! แค่ซื้อขนมครกก็ไม่รู้ว่าจะพอหรือเปล่า ? แล้วเงินส่วนนี้ไม่ใช่เงินงบประมาณของทางราชการ แต่เป็นเงินของพระเอง

เนื่องจากว่าทางสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติเก็บเงินนิตยภัต หรือที่เรียกง่าย ๆ ว่าเงินเดือนพระ ซึ่งจะได้รับเดือนหนึ่งประมาณ ๑,๘๐๐ บาท สำหรับพระสังฆาธิการตั้งแต่เจ้าอาวาสขึ้นไป ก็แปลว่าพระสังฆาธิการหรือบุคลากรในระดับบริหารของคณะสงฆ์ไทยทุกรูป โดนหักนิตยภัตคือเงินเดือนไปอย่างน้อย ๑ เดือน ก่อนหน้านี้หัก ๒ เดือน เพราะว่าหักกองทุนวัดช่วยวัด ๑ เดือน กองทุนช่วยชาวพุทธ ๑ เดือน หักแล้วหายเงียบ ไม่มีการแจ้งผลการดำเนินงานใด ๆ ทั้งสิ้น เพิ่งจะมามีครั้งนี้ที่อนุมัติให้ช่วยเหลือพระ ประมาณ ๒๐,๐๐๐ รูป ก็แปลว่าช่วยได้ประมาณ ๑๐ เปอร์เซ็นต์ของคณะสงฆ์ไทยเท่านั้น แล้วก็ไม่ทราบว่าเอาหลักเกณฑ์อะไรมาคัด ?

ขณะเดียวกัน ข่าวที่ออกมาก็เหมือนกับว่ารัฐบาลอนุมัติงบประมาณมาช่วยเหลือพระภิกษุสามเณร แต่จริง ๆ แล้วก็คือเอาเงินพระมาให้พระ ก็แปลว่าในส่วนใดก็ตามที่สามารถสร้างชื่อเสียงให้กับทางรัฐบาลได้เขาทำหมด ส่วนเงินจะเป็นของใครไม่ต้องสนใจ

ดังนั้น ในส่วนที่อยากจะบอกกับญาติโยมตรงนี้ก็คือ ญาติโยมก็ได้เห็นแล้วว่าถ้าเราสามารถทำพระคาถาเงินล้านได้ขึ้นจริง ๆ เงินทองมีแต่จะไหลมาเทมา
ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดก็คืออาตมาเอง ส่วนเคล็ดลับในการทำพระคาถาเงินล้านนั้น ไปดูในเก็บตกจากบ้านเติมบุญประจำเดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๓ ที่ "ท่านย่า" บอกว่าต้องวางกำลังใจอย่างไร ๑๐ อย่าง ทำตามนั้นรับรองว่าประสบผลสำเร็จทุกคน

เถรี 29-05-2020 23:54

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ไม่ได้เกินความสามารถที่เราจะทำ เพียงแต่ว่าต้องอดทนพากเพียรพยายามอย่างสม่ำเสมออยู่ประมาณ ๒ เดือนขึ้นไป แล้วผลทั้งหลายก็จะเริ่มเกิดขึ้น และจะมากเพิ่มพูนขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามระยะเวลาที่ท่านได้กระทำ

เมื่อมีทางออกจากความเดือดร้อนที่ชัดเจนขนาดนี้แล้ว ถ้าท่านทั้งหลายยังไม่ทำ มัวแต่รอเงินช่วยเหลือบรรเทาทุกข์จากรัฐบาล อาตมาก็อยากจะใช้คำว่าสมควรตาย..! แม้กระทั่งฝรั่งเขายังบอกว่า “จงช่วยเหลือตัวเองก่อนที่พระเจ้าจะช่วยท่าน”

ในเมื่อเป็นดังนั้น ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายไม่ยอมช่วยเหลือตนเองเสียก่อนตามพระพุทธพจน์ที่ว่า อัตตาหิ อัตตโน นาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตนแล้ว ถ้าเป็นเช่นนั้นคนอื่นช่วยเราเท่าไรถึงจะพอ ?

แบบเดียวกับตู้ปันสุข ที่อาตมามาเอาของไปลงอยู่บ่อย ๆ บางคนก็เกรงใจเหลือเกิน หยิบไปแค่ชิ้นสองชิ้น ยกมือไหว้ตู้อีกต่างหาก บางคนมาถึงก็กวาดไปทีเป็นกระสอบเลย สิ่งทั้งหลายเหล่านี้วัดกำลังใจได้อย่างชัดเจนว่าแต่ละคนเป็นอย่างไร ? กำลังใจของเราอยู่ในระดับที่ดีเป็นที่พอใจหรือไม่ ? อย่างไร ? ก็สามารถพินิจพิจารณาได้ด้วยตนเอง

เถรี 29-05-2020 23:56

เนื้อหาในการถ่ายทอดสดทั้งของเมื่อวานเย็นและวันนี้ ก็ขอให้เจ้าหน้าที่ซึ่งคอยถอดเก็บตกจากวัดท่าขนุนก็ดี จากบ้านเติมบุญก็ดี นำไปถอดความแล้วลงเก็บตกฯ ให้ญาติโยมได้อ่านกันโดยทั่วถึงด้วย ไม่ใช่งอมืองอเท้ารอแต่พระอาจารย์ค่อย ๆ พิมพ์ให้ทีละหน้าสองหน้า อู้มา ๒ เดือนแล้ว ไปทำงานเสียบ้าง...!

ท้ายสุดนี้ก็ขออำนวยอวยพรให้ญาติโยมทั้งหลาย จงอยู่รอดปลอดภัยในทุกที่ทุกสถานในกาลทุกเมื่อ แม้ว่าประสงค์จำนงหมายสิ่งหนึ่งประการใดที่เป็นไปโดยชอบ ประกอบด้วยธรรมวินัยแล้วไซร้ ขอให้ความประสงค์ของท่าน จงสำเร็จสัมฤทธิ์ผล สมดังมโนรถปรารถนาทุกประการด้วยเทอญ...ขอเจริญพร

เถรี 30-05-2020 00:00

"คนเขาชมกันว่าพระอาจารย์ออกบิณฑบาตทุกวัน ไม่เหมือนกับวัด...ที่ไม่เคยออกบิณฑบาตเลย" แบบนี้ไม่ใช่ชมแล้วยายจ๋า..แบบนี้ฉันเรียกว่านินทา ท่านอาจจะมีธุระการงานมาก นอนดึก..ก็เลยตื่นบิณฑบาตไม่ทัน ฉันเองถ้ามีงานด่วนก็ไม่ได้ออกบิณฑบาตเหมือนกัน...

"คนเขาชมกันว่าวัดท่าขนุนสะอาดมาก ไม่เหมือนกับวัด...มีแต่ขยะเกลื่อนกลาดไปหมด" ยายต้องเข้าใจนะจ๊ะว่า วัดท่าขนุนอยู่ห่างจากชุมชน ทำความสะอาดแล้วก็จบ วัดที่อยู่กลางชุมชน แถมยังมีตลาดนัดด้วย จะให้สะอาดเหมือนกันย่อมเป็นไปไม่ได้...

"งานวัดของท่านอาจารย์คนมากเหลือเกิน เกิดมาไม่เคยพบไม่เคยเห็น" แบบนี้เขาเรียกว่าเห็นน้อยประหลาดมากจ้ะยาย จัดงานทีมีคนแค่ ๓ - ๔ พันคน ถ้ายายไปวัดท่าซุงหรือวัดพระธรรมกาย เห็นคนมากขนาดนั้นคงจะเป็นลมไปเลย..!

"อ้าว..วันนี้ยายไม่มีเรื่องอะไรคุยหรือจ๊ะ ?" คุณยายทำหน้าเบ้ "วันนี้หกล้มในห้องน้ำ เจ็บเอวมาก ใส่บาตรเสร็จยายจะไปหาหมอแล้วจ้ะ" ขอให้หายไว ๆ นะยาย จะได้มาใส่บาตรอีก...

เวลาบิณฑบาตคนแก่ชอบคุยด้วย อาตมาก็เออ ๆ คะ ๆ ไปตามเรื่อง อย่างน้อยก็ทำให้จิตใจของคนแก่เกิดความผูกพัน ถ้าใจของคนเราเกาะพระได้ อย่างน้อยเมื่อตายลงไปก็ยังได้ไปดี...

เถรี 30-05-2020 00:02

มีเรื่องหนึ่งในระยะนี้ ที่ทั้งองค์สมเด็จพระสังฆราช สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สำนักงานพัฒนาชุมชน ตลอดจนผู้ว่าราชการจังหวัดต่าง ๆ ออกคำสั่งสนับสนุนให้แต่ละวัดปลูกผักกินเอง ถ้ามีเหลือก็แบ่งปันให้กับชาวบ้าน และชักชวนชาวบ้านให้ร่วมกันปลูกผักกินเองด้วย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากการที่ไม่มีผู้ใส่บาตร เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-๑๙

องค์สมเด็จพระสังฆราชถึงกับประทานเมล็ดพันธุ์ผักให้กับวัดต่าง ๆ สื่อมวลชนหลายแขนงต่างก็ลงข่าวชื่นชม แต่ข่าวนี้กลับทำให้อาตมาไม่สบายใจเป็นอย่างมาก...

เพราะว่าคำสั่งแรกของพระอุปัชฌายาจารย์ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดรูปแบบมาจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บอกกับพระใหม่ในทันทีที่บวชเสร็จว่า "ปิณฺฑิยาโลปโภชนํ นิสฺสายปพฺพชฺชา" แปลเป็นใจความว่า ปัจจัยเครื่องอาศัยของบรรพชิตคือการเที่ยวบิณฑบาต...

ซึ่งพระอุปัชฌายาจารย์จำนวนมาก อธิบายเพิ่มเติมว่า ไม่ใช่การทำมาหากินในรูปแบบอื่น ๆ กล่าวไปถึงความบริสุทธิ์ของศีลหลายประการ โดยเฉพาะอาชีวปาริสุทธิศีล ความบริสุทธิ์จากอาชีพการงาน โดยเฉพาะอาชีพของนักบวช..!

เถรี 30-05-2020 00:04

ส่วนศีลพระข้ออื่น ๆ นั้นยังมี "ห้ามพรากของเขียวที่เกิดอยู่กับที่ให้เคลื่อนหลุดออกจากที่" และ "ห้ามขุดซึ่งแผ่นดิน" เป็นต้น การปลูกผักกินเอง ย่อมไม่ใช่อาชีวปาริสุทธิศีล ย่อมต้องพรากของเขียว ต้องขุดซึ่งแผ่นดิน แปลว่า พระภิกษุสามเณรของเราจะไม่เอาศีลกันแล้วหรือ ?

ส่วนการที่มีผักเหลือแล้วนำไปแบ่งปันให้กับชาวบ้าน ฟังดูแล้วเหมือนกับดีมีเมตตา แต่ว่าจะเป็นการผิดศีลข้อ "ประทุษร้ายตระกูลด้วยการประจบคฤหัสถ์" หรือเปล่า ?

การตั้งตู้ปันสุขแล้วนำเอาสิ่งของที่บิณฑบาตได้ ซึ่งเป็นส่วนที่เหลือจากการกินการใช้แล้ว ไปใส่ตู้ไว้เพื่อให้ญาติโยมได้มาแบ่งปันไปกินไปใช้นั้น เป็นสิ่งที่กระทำได้ ถือว่าเป็น "วิทาสาโท" คือสิ่งของที่เหลือจากการกินการใช้ของพระภิกษุสามเณรแล้ว ไม่เป็นการผิดศีลผิดธรรมแต่อย่างใด เมื่อทำไปแล้วย่อมได้รับการสรรเสริญจากบัณฑิตทั้งปวง...

เถรี 30-05-2020 00:04

พระพุทธศาสนาของเรานั้นมีพระธรรมเป็นแก่น มีพระวินัยเป็นรากแก้ว ถ้าเราจะเอาแต่แก่นโดยไม่มีราก ต้นไม้นั้นย่อมอยู่ไม่ได้ ถึงไม่ตายก็ย่อมโดนแรงอื่นจากภายนอกโค่นล้มลงในเวลาอันไม่นาน แล้วเราจะตัดรากแก้วซึ่งค้ำยันพระพุทธศาสนาคือพระวินัยออกเองเลยหรือ ?

พระภิกษุสงฆ์สามเณรในพระพุทธศาสนาของประเทศไทยนั้นน่าสงสารมาก เพราะว่านอกจากพระธรรมวินัยแล้ว ยังโดนบีบบังคับด้วยคำสั่งต่าง ๆ จากทางราชการและผู้บังคับบัญชาเหนือตน ซึ่งบางคำสั่งก็ออกมาโดยขาดการพินิจพิจารณาให้รอบคอบ หรือว่าทางราชการผู้ออกคำสั่งไม่มีความรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติตนของพระภิกษุสามเณรในพระพุทธศาสนาเลย...


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 10:45


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว