ถาม : ผมเคยถามหลวงพ่อปีก่อน เกี่ยวกับอาการที่หัวใจเต้นแรงเหมือนแผ่นดินไหวเวลาฝึกมโนมยิทธิ หลวงพ่อตอบว่าเป็นนั่นเป็น "อาการของกำลังสมาธิที่รวมตัว เพื่อที่จะส่งกายในออกไป ถ้าแรงกว่านั้นอีกนิดเดียวก็ไปได้แล้ว" แต่เพราะกลัวตายเลยกายในไม่ได้ไปไหน ผมเลยสงสัยว่า สมมติว่าผมอยากเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งในอนาคต แต่กลัวว่าถ้าตายตอนทำมโนมยิทธิ แล้วกายในผมอยู่บนพระนิพพานตอนนั้น แปลว่าผมไม่ต้องเกิดอีก แปลว่าอดเป็นพระพุทธเจ้า อยากถามว่าผมเข้าใจถูกไหมครับ ?
ตอบ : เข้าใจผิดไปล้านโยชน์..! กำลังใจที่ยังตัดกิเลสไม่ได้ คุณมีสิทธิ์แค่ไปเที่ยวพระนิพพาน แต่ไม่มีสิทธิ์ที่จะอยู่ ถาม : ถ้าอย่างนี้เวลากายในผมออก อยากทราบว่าถ้าผมอยากไปพรหมโลก ต้องนึกถึงพระพุทธเจ้าก่อนแล้วขอให้ท่านพาไปได้ใช้ไหมครับ หรือว่าช่วงนั้นพระพุทธเจ้าท่านไม่ว่าง เพราะผมคิดว่ามีชาวพุทธเป็นล้านคนอีกหลายประเทศที่ขอให้พระท่านช่วย ผมควรทำอย่างไรดีครับ ? ตอบ : ให้คิดโง่ ๆ แบบนั้นต่อไป...! ขอพร้อมกันกี่ล้านคนท่านก็สงเคราะห์ได้ แต่ขณะเดียวกันก็ควรทำให้เกิดความคล่องตัวชนิดที่จะไปไหนได้ก็ไปได้ด้วยตนเองด้วยในทันที ไม่ใช่รอแต่การช่วยเหลืออย่างเดียว |
ถาม : ฆราวาสที่ได้มโนมยิทธิเต็มกำลัง แล้วถอดกายในไปพระนิพพานเป็นเวลา ๗ วันแบบพระอรหันต์ที่ท่านเข้านิโรธสมาบัติ ผมอยากทราบว่าตอนที่ฆราวาสนั้นออกจากสมาธิฌาน ๔ เต็มกำลัง แล้วตอนนั้นแม่ของฆราวาสคนนั้นทำข้าวให้ฆราวาสกิน ผมอยากทราบว่า แม่จะรวยวันนั้นเหมือนกับทำบุญพระที่ออกจากนิโรธสมาบัติหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ต้องดูว่าแม่เจตนาอย่างไร ถ้าสักแต่ทำตามหน้าที่ผลก็น้อย ถ้าหากตั้งใจทำเพื่อเอาอานิสงส์ ผลก็จะได้ตามนั้น เพียงแต่ว่าขึ้นอยู่กับกำลังใจของฆราวาสนั้นว่าทำได้ขนาดไหน ถ้าทำได้มากแม่ก็ได้บุญมาก ทำได้น้อยแม่ก็ได้บุญน้อย |
ถาม : ผมสงสัยว่าคนที่ฆ่าตัวตาย ทำไมส่วนใหญ่เขาไม่ได้ไปดีแบบพระโคธิกะ ที่ท่านเบื่อร่างกายเห็นทุกข์ เลยฆ่าตัวตายแล้วไปพระนิพพาน ?
ขอยกตัวอย่างล่าสุดที่มีหญิงสาวกระโดดสะพานพระราม ๘ แล้วในข่าวบอกมาว่าอาจจะเป็นเพราะเรื่องความรัก ในเมื่อบุคคลที่ฆ่าตัวตายส่วนใหญ่เกิดจากความทุกข์ แล้วตามที่ผมเข้าใจถ้าเห็นทุกข์ก็เห็นธรรม หลวงพ่อช่วยอธิบายทีครับ ตอบ : ไม่เห็นต้องอธิบายอะไร ในเมื่อเห็นทุกข์ก็เห็นธรรม วางทุกข์ลงก็สามารถไปพระนิพพานได้ แต่คราวนี้เขาเห็นทุกข์แต่แบกทุกข์เอาไว้อย่างเดียว สภาพจิตเศร้าหมองจึงลงข้างล่างกันหมด |
ถาม : ถ้ามีคนฝากเราทำบุญ แล้วเราเอาเงินที่เขาฝากมานั้นไปใช้ก่อน ภายหลังเราเอามาคืนตามจำนวนที่ยืมไป และก็ได้ทำบุญนั้นตามที่เขาฝากมา การที่เราทำเช่นนี้โดยไม่ได้บอกกล่าวเจ้าของเงิน จะเป็นหนี้สงฆ์หรือมีโทษย้ายเจดีย์ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่มีหนี้สงฆ์ ไม่มีโทษย้ายเจดีย์ แต่เสี่ยงมาก...ถ้าตายก่อนได้ลงอเวจีแน่นอน..! |
ถาม : กรณีภิกษุถูกทำแผลโดยนางพยาบาล ระหว่างที่กำลังทำ ภิกษุเกิดมีจิตยินดีในสัมผัสนั้นเข้าแต่ก็พยายามระงับไว้ทัน จะต้องอาบัติสังฆาทิเสสหรือไม่ครับ ?
ตอบ : เอาให้ดี ๆ นะ สิกขาบทนี้ท่านกล่าวว่า ภิกษุมีจิตกำหนัดจับต้องกายหญิง ต้องอาบัติสังฆาทิเสส คือ ตัวเองมีจิตกำหนัดแล้วไปจับต้องเขา ไม่ใช่เขามาจับต้องเรา แต่การที่เขามาจับต้องเราแล้วเราเกิดจิตกำหนัดขึ้นมา ไม่ใช่ความต้องการที่แท้จริงของเรา สภาพแบบนั้นถ้าจะปรับก็ปรับได้แค่อาบัติถุลลัจจัย แต่ถ้าถึงเวลาแล้วเราก็กระแซะเข้าไปเพื่อที่จะให้เขาจับเรามากขึ้น ลักษณะอย่างนั้นจะโดนอาบัติสังฆาทิเสส โดยเฉพาะการไปหาหมอครั้งต่อไปต้องระวังให้จงหนัก ว่าเราไปเพราะเจ็บไข้ได้ป่วย หรือว่าไปเพื่อให้พยาบาลจับ ถ้าไปเพื่อให้พยาบาลจับก็โดนอาบัติสังฆาทิเสสเต็ม ๆ..! |
ถาม : การพกพาพระเครื่องและวัตถุมงคลติดตัว โดยวิธีต่าง ๆ ตามตัวอย่างดังนี้
- แขวนไว้กับสร้อยคอแล้วสวมคอ - ใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ - ใส่ไว้ในกระเป๋าถือ - ใส่ไว้ในเป้สะพายหลัง จะได้รับอานุภาพจากพระเครื่องและวัตถุมงคลเหมือนกันหรือต่างกัน อย่างไรครับ ? เนื่องด้วยการพกพาแต่ละอย่างจะมีระยะที่ห่างจากร่างกายเราไม่เท่ากัน ตอบ : อย่าทิ้งไว้ห่างเกิน ๑ วาก็แล้วกัน ส่วนใหญ่รัศมีของวัตถุมงคลสามารถครอบคลุมได้ในรัศมี ๑ วาอยู่แล้ว |
ถาม : ผู้ที่ประสงค์ที่จะจัดสร้างวัตถุมงคลที่เกี่ยวเนื่องกับพระเจ้าจักรพรรดิ เช่น แหวนจักรพรรดิ, รูปหล่อ หรือเหรียญต่าง ๆ ฯลฯ จำเป็นหรือไม่ว่าในอดีตชาติต้องเคยเสวยภพชาติเป็นพระเจ้าจักรพรรดิมาแล้วเท่านั้นครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่เคยเป็นจะทำได้ยากมาก ต้องบอกว่าบารมีไม่เพียงพอ ไม่สมควรแก่สิ่งนั้น ๆ บางคนไปทำอาจจะเกิดวิบัติแก่ตัวเองด้วย |
ถาม : "พระพรหมธาดา" หรือ "พระพรหมธาดาโสฬสมหาพรหม" มีบทบาทและความสำคัญอย่างไรในคติความเชื่อที่อ้างอิงถึงท่านในทางพระพุทธศาสนาครับ ?
ตอบ : อาตมายังไม่เคยเจอ เลยบอกไม่ได้ |
ถาม : กระบวนการที่นำวัตถุมงคลและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกรูปแบบที่เป็นโลหะ เช่น ตะกรุด, มีดหมอ, ตะปูสังฆวานร, ยอดฉัตร, พญาสมิงเหล็ก, เหล็กไหล และแผ่นจารอักขระเลขยันต์ต่าง ๆ ฯลฯ มาหลอมรวมกันจนละลายเป็นน้ำและเทลงบนแม่พิมพ์เป็นแท่ง ๆ หลายแท่ง
ขอกราบเรียนถามว่าอานุภาพในแต่ละด้านของแต่ละสิ่งของที่หลอมรวมลงไปทั้งหมดในแต่ละแท่งที่ได้มานั้น ยังคงมีอานุภาพเดิมเป็นลำดับประเภท ๆ รวมกันในแท่งเดียว คล้ายกับเวลาหุ่นยนต์ประกอบร่างเป็นหุ่นขนาดใหญ่ขึ้นหรือไม่ ? ตอบ : ถ้าเจ้าของไม่ได้อธิษฐานว่า ละลายแล้วให้หมดอานุภาพ ก็ยังคงมีอานุภาพอยู่ตามนั้น ถาม :การนำแท่งชนวนเล็ก ๆ ไปใช้งานต่อในอนาคต สามารถใช้เป็นหัวเชื้อใส่ลงไปหลอมในเตาที่มีโลหะธรรมดาที่ยังไม่ได้เข้าพิธี เหมือนวิธีใช้น้ำมันชาตรี (ของเก่าเททับลงของใหม่) ได้หรือเปล่าครับ ? และอานุภาพจะมีการเจือจางไปด้วยหรือไม่ ? ตอบ : ถ้าชนวนนั้นได้รับการอนุญาตแบบเดียวกับน้ำมันชาตรีว่าเติมเท่าไรก็มีอานุภาพเท่าเดิม ถ้าอย่างนั้นก็จะไม่มีผลเกี่ยวกับอัตราเปอร์เซ็นต์ แต่ส่วนใหญ่มักจะไม่ได้รับอนุญาตเช่นนั้น ก็แปลว่ายิ่งผสมมากเท่าไรก็ยิ่งเจือจางไปมากเท่านั้น |
ถาม : แท่งชนวนที่มีส่วนผสมจากการหลอมชนวนสำคัญ เช่น ชนวนการหล่อสมเด็จองค์ปฐม ตะกรุดมหาสะท้อน หรือพระขรรค์โสฬส ฯลฯ แท่งชนวนเหล่านี้จำเป็นต้องนำเข้าพิธีพุทธาภิเษกซ้ำอีกครั้ง หลังจากที่หลอมเสร็จแล้วหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ไม่จำเป็น เอาไปใช้งานได้เลย เพราะว่าพอสร้างเป็นวัตถุมงคลแล้ว ส่วนใหญ่เขาก็จัดพิธีพุทธาภิเษกซ้ำอยู่แล้ว ถาม : วัตถุมงคลที่มีการหลอมผสมจากชนวนสำคัญหลาย ๆ สำนัก เช่น แท่งชนวนรวม หรือไม้ถือวัดท่าขนุน ฯลฯ จนรวมกันเป็นหนึ่งเดียวนั้น จำเป็นต้องอาราธนาตามฝอยคำอาราธนาวัตถุมงคลแต่ละสำนักที่ได้กำหนดไว้หรือไม่ครับ ? ตอบ : จริง ๆ น่าจะแยกนะ เพราะของวัดท่าขนุนก็ลงไปร้อยกว่าอย่าง อาราธนาให้ตายไปเลยก่อนที่จะได้ใช้...! ส่วนใหญ่พอถึงเวลาทำเสร็จแล้วท่านบอกว่าใช้คาถาอะไรกำกับ เอาแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว |
ถาม :การที่หลวงพ่อเคยเมตตากล่าวว่า หากมีลูกกรอกมาอยู่กับหลวงพ่อเป็นเวลานาน หลวงพ่อคงรวยกว่าคุณทักษิณไปแล้ว ขอกราบเรียนถามว่า จะมีวิธีใช้ลูกกรอกอย่างไรหรือครับ เพื่อให้รวยกว่าคุณทักษิณ ?
ตอบ : ขอหวยทุกงวด..! ถาม : หากทำอาชีพเกษตรกรรม ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ ควรอาราธนาลูกกรอกอย่างไรให้เรามีทรัพย์สินมากครับ ? ตอบ : ถามเขาว่าปีนี้ปลูกพืชผลชนิดไหนจะมีราคาสูง เลี้ยงสัตว์ชนิดไหนจะมีราคาสูง แล้วก็ปลูกพืชหรือเลี้ยงสัตว์ชนิดนั้น |
ถาม : การอ่านชาดกแล้วโมทนา จะได้บุญของท่านที่เราโมทนาหรือไม่ครับ ?
ตอบ : อย่าลืมว่าโมทนาคือ มีจิตยินดีในสิ่งที่เขาทำในขณะที่เราไม่มีโอกาสทำ การตั้งกำลังใจเช่นนี้จึงจะเป็นปัตตานุโมทนามัยที่แท้จริง แต่ถ้าโมทนาแบบที่คุณว่ามา อยู่ในลักษณะ "กูจะเอา" เป็นโลภะเจตนา สภาพจิตประกอบไปด้วยความโลภ แล้วจะไปเอาอานิสงส์ที่ไหนมา ? |
ถาม : การระลึกถึงอดีตชาติของพระพุทธเจ้า จัดเป็นพุทธานุสติหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถ้าเราระลึกถึงโดยมีคำว่า "พระพุทธเจ้า" อยู่ จัดเป็นพุทธานุสติทั้งนั้น ถาม : การระลึกถึงชาติก่อนของพระอรหันต์ เช่น ระลึกถึงขุนแผน เช่นนี้จะเป็นเทวตานุสสติ หรือสังฆานุสสติครับ ? ตอบ : น่าจะเป็นปุคคลานุสติซึ่งไม่มีในตำรามากกว่า เพราะว่าเป็นการนึกถึงเฉพาะคน ยกเว้นว่าเรามั่นใจว่าขุนแผนเป็นเทวดา นึกถึงก็เป็นเทวตานุสติ ถ้าเรานึกว่าขุนแผนเป็นพระอริยเจ้า ก็จะเป็นสังฆานุสติ เป็นต้น |
พระอาจารย์กล่าวว่า "โยมที่มาถามเรื่องกสิณ ๑๐ เดือนที่แล้ว เดือนนี้มาถามเรื่องอรูปฌาน ปรากฏว่าได้คำตอบจากหนังสือกระโถนข้างธรรมาสน์รายเดือนฉบับเดือนนี้แล้วก็เลยกลับ อาตมาก็ไม่ต้องเหนื่อย ส่วนใหญ่ถ้าฝึกกสิณได้ ควรที่จะทำอรูปฌานเผื่อเหนียวไว้ก่อน ความจริงอรูปฌานก็ดีนะ อดข้าวได้นานดี ไม่รู้สึกรู้สาอะไร ส่วนพวกเราไปภาวนาคาถาเงินล้านดีกว่า ถึงเวลาทำมาหากินคล่องตัว ปัญหาทุกอย่างก็น้อยลงไปเอง"
|
ถาม : ระหว่างคาถาสะเดาะกุญแจกับโสตัตตะภิญญา แบบไหนดีกว่า ?
ตอบ : อยู่ที่เราชอบ โสตัตตะภิญญาคลุมทุกอย่างอยู่แล้ว เอาบทใหญ่ไปเลยก็ได้ |
พระอาจารย์กล่าวว่า "แพะหลวงปู่อ่ำหายากขึ้นเรื่อย ๆ ต้องบอกว่าอุปสงค์มีมาก อุปทานมีน้อย เนื่องจากว่าของรุ่นหลัง ๆ อย่างหลวงพ่อลัดหรือหลวงพ่อเริ่มคนก็แย่งกันแล้ว ราคาแพะของลูกศิษย์ยังขึ้นเอา ๆ แล้วของอาจารย์จะไปเหลืออะไร ?"
|
พระอาจารย์แจกรูปหลวงพ่อกวย "รูปหลวงพ่อกวย วัดโฆษิตาราม หรือวัดบ้านแค อยากได้อะไรก็โวยวายเอากับหลวงพ่อท่านก็แล้วกัน
เดือนที่แล้วอาตมาไปพุทธาภิเษกที่วัดของท่าน ขีปนาวุธบินว่อนเลย ครูบาอาจารย์สายนั้น แม้กระทั่งหลวงพ่อกวยเอง ท่านเล่นมาทางไสยศาสตร์มาโดยตรง เพียงแต่ว่าเอามาใช้ในการช่วยคน ก็เลยกลายเป็นไสยขาว ในขณะที่ทั่วไปเขาเอาไปทำร้ายคน เขาจึงเรียกว่าไสยดำ เมื่อครูบาอาจารย์สายนั้นเล่นของอย่างนี้ ถึงเวลาเจอกันก็ต้องลองของกัน ก็เลยกลายเป็นว่า ถึงเวลาแล้วมีให้สนุกได้ทุกครั้ง" |
ถาม : กลัวน้ำท่วม จะหาซื้อที่อยู่ ไม่รู้ว่าจะย้ายไปอยู่ที่ไหนดี ?
ตอบ : บนพระนิพพานปลอดภัยแน่นอน รีบย้ายไปเลย...! ถาม : ไม่มีบอกจังหวัดหรือคะ ? ตอบ : รอดน้ำท่วมแล้วไปเจอแผ่นดินไหวจะเอาไหม ? ถ้าคนจะตาย อย่างไรก็ตายเหมือนกันนั่นแหละ..! อาตมาอยู่ปากเขื่อนยังไม่ย้ายไปไหนเลย วัดท่าขนุนอยู่ปากเขื่อนวชิราลงกรณเลย เขื่อนแตกตูมนี่ ๓ วินาทีน้ำก็ถึงวัดแล้ว รู้เดี๋ยวนั้นก็ไม่มีทางหนีทัน ยังไม่เห็นจะเดือดร้อนอะไร คนเราถ้าไม่ได้สร้างกรรมไว้อย่างไรก็รอด ถ้าสร้างกรรมไว้มากอยู่ที่ไหนก็ตาย |
พระอาจารย์กล่าวว่า "คุณกอบชัยถวายตำราหลวงปู่รุ่ง วัดหนองสีนวล เป็นพับสา ที่เขาเรียกว่าสมุดไทย สมัยก่อนครูบาอาจารย์เวลาศึกษาอะไรมา ก็ต้องจารจารึกเอาไว้กันลืม ต้องบอกว่าปฏิบัติตามหลักหัวใจนักปราชญ์ ที่บาลีท่านบอกว่า สุ จิ ปุ ลิ วินิมุตโต กถัง โส ปัณฑิโต ภะเว บุคคลจะเข้าถึงความเป็นบัณฑิตคือผู้รู้ได้ ต้องประกอบไปด้วยสุจิปุลิ
สุ คือ สุตะ ฟัง ตั้งใจศึกษา จิ คือ จิตตะ กำลังใจจดจ่ออยู่กับเนื้อหาเหล่านั้น ปุ คือ ปุจฉา ถ้าสงสัยต้องถามจนกระทั่งหมดความข้องใจ ลิ คือ ลิขิต เขียนเอาไว้เพื่อกันลืม ความจริงคนโบราณสภาพจิตสงบกว่าพวกเรา ทำให้จดจำอะไรง่าย ท่านถึงใช้คำว่า “จำไว้ดีกว่าจด” แต่พอรุ่นหลังมาสภาพจิตเริ่มวุ่นวาย จำอะไรยาก กลายเป็นว่า “จดไว้ดีกว่าจำ” เลยกลายเป็นว่า “จำไว้ดีกว่าจด ถ้าจำได้ไม่หมด จดไว้ดีกว่าจำ” |
"หลวงพ่อรุ่ง วัดหนองสีนวล ก็เป็นลูกศิษย์หลวงปู่ขำ วัดเขาแก้วเหมือนกัน ศึกษาวิชาการมาก่อนหลวงพ่อเดิม เพราะว่าท่านบวชก่อนหลวงพ่อเดิม ๑๑ พรรษา ต้องบอกว่าเป็นรุ่นอาจารย์คู่สวดได้เลย
คราวนี้ท่านศึกษาการทำมีดหมอมาก่อน ท่านทำสำเร็จตามตำราของหลวงพ่อขำ พอหลวงพ่อเดิมไปเรียนกับหลวงพ่อขำแล้วจะทำมีดหมอ ก็ต้องไปศึกษาเพิ่มกับหลวงพ่อรุ่ง แล้วมีดหมอหลวงพ่อเดิมมีรุ่นหนึ่งที่เป็น ๒ อาจารย์ร่วมกัน ก็คือทำในลักษณะฝังโลหะล้างอาถรรพ์แบบหลวงพ่อรุ่ง แต่ว่าอักขระและรูปยันต์จะเป็นแบบของหลวงพ่อเดิม เป็นรุ่นเดียวเท่านั้น ในบันทึกเขาเขียนไว้ว่า หลวงพ่อเดิมเอาขึ้นเกวียนไปวัดหนองสีนวล ไปเสกร่วมกับหลวงพ่อรุ่ง เป็นรุ่นที่หายากมาก ๆ อาตมาเอาออกเว็บไปเล่มหนึ่ง หายวับไปแล้ว ครูบาอาจารย์ที่มาทางสายมีดหมอเทพศาสตราของหลวงพ่อขำ วัดเขาแก้ว ต้องบอกว่าหลวงพ่อรุ่งรับช่วงมาเป็นรูปแรก ต่อมาด้วยหลวงพ่อเดิม ถัดไปก็เป็นหลวงพ่อกัน วัดเขาแก้ว หลวงพ่อจ้อย วัดศรีอุทุมพร คราวนี้จากช่วงของหลวงพ่อเดิมมาหลวงพ่อกัน ยังมีหลวงพ่อกวย วัดโฆษิตาราม หรือว่าวัดบ้านแค ท่านไปศึกษาเอาไว้ด้วย สมัยปัจจุบันนี้ถ้าหามีดหมอรุ่นเก่า ๆ ไม่ได้ ก็หาของหลวงพ่อกวย หรือหลวงพ่อจ้อย วัดศรีอุทุมพรก็ได้ ได้ของหลวงพ่อกัน วัดเขาแก้วก็ดี แต่ว่าของหลวงพ่อกันส่วนใหญ่แล้วรุ่นแรก ๆ เซียนพระไร้จรรยาบรรณ ตีเป็นของหลวงพ่อเดิม แล้วขายแพง ราคาเป็นแสน ๆ ทั้ง ๆ ที่ของหลวงพ่อกันนี่ราคาหมื่นกลาง ๆ ก็ได้อยู่แล้ว" |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:59 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.