กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=47)
-   -   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=3991)

เถรี 18-02-2014 19:52

พระอาจารย์กล่าวว่า "ต่อไปเด็กรุ่นใหม่พอเริ่มจะซนจะทำอะไรได้ พวกเราก็เอาไอแพ็ดหรือไอโฟนให้ เด็กก็จะนั่งนิ่ง ๆ ทั้งวัน จิ้ม ๆ อยู่ตรงนั้นไม่ไปไหนหรอก แต่ร่างกายนิ่งแบบนั้นไม่ได้ ต่อไปก็จะอยู่ในลักษณะที่กำลังใจได้ แต่กำลังกายไม่มี จะทำอะไรก็ลำบาก จึงต้องคิดเครื่องมือที่สั่งการด้วยเสียงหรือสั่งการด้วยสมองขึ้นมา"

เถรี 19-02-2014 10:04

พระอาจารย์กล่าวว่า "ในสัปปุริสธรรม ๗ เรื่องของการรู้เหตุรู้ผล (ธัมมัญญุตา อัตถัญญุตา) เท่ากับว่าเราใกล้เข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้าเข้าไปแล้ว ก็ในเมื่อเรารู้ว่าสิ่งที่ไม่ดีเกิดจากอะไร ทำแล้วผลเป็นอย่างไร เราก็ไม่ไปแตะต้อง สิ่งที่ดีทำแล้วได้ผลอย่างไร เราก็ตั้งหน้าตั้งตาทำแต่ในสิ่งที่ดี

แต่คราวนี้ที่พระพุทธเจ้าว่าไว้ถึง ๗ อย่าง เพราะไม่ได้เฉพาะตน แต่เพื่อผู้อื่นด้วย รู้เหตุ รู้ผล แล้วก็ต้องรู้ตน ว่าตัวเราเป็นใคร กำลังทำอะไร เราตั้งเป้าไว้ว่าเราจะทำอะไรที่ไหน เมื่อไร อย่างไร รู้ประมาณ ต้องรู้ว่ากำลังของเราอยู่ในระดับไหน อะไรเป็นจุดพอดี มัชฌิมาปฏิปทาเฉพาะตน รู้กาลเทศะ ความเหมาะสมไม่เหมาะสมในสถานที่ ณ เวลานั้น ๆ

รู้ชุมชน ก็คือบุคคลทั่วไปเขามีความต้องการอย่างไร เขากำลังต่อต้านการเลือกตั้ง แล้วเราก็ไปเย้ว ๆ อยู่คนเดียวว่ากูจะเลือกตั้ง ก็โดนเหยียบแบนอยู่ตรงนั้น แล้วก็รู้บุคคล แต่ละคนมีความรักชอบเกลียดชังอะไร ถึงเวลาจะได้ทำให้ถูกต้อง หลีกเลี่ยงในสิ่งที่กระทบกระทั่งกับเขา ถึงจะอยู่รวมกับเขาได้อย่างมีความสุข นี่เป็นการอธิบายอย่างย่อ ๆ เพราะอธิบายอย่างยาว ๆ เป็นวันก็ไม่จบ"

เถรี 19-02-2014 10:14

ถาม : พระสุทินนกลันทบุตรเสพเมถุนกับภรรยาเก่า ต้องอาบัติปาราชิกแต่ทำไมบรรลุมรรคผล ?
ตอบ : ลูกชายยังบรรลุเลย พ่อจะไม่บรรลุได้อย่างไร ถ้ายังไม่มีกฎหมายไม่ถือว่าผิด ต่อเมื่อบัญญัติกฎหมายขึ้นมาแล้วยังทำ ถึงจะผิด เพราะฉะนั้นคุณจะเห็นว่าที่ผ่านมา ที่เขาออกกฎหมายมาเล่นงานอดีตนายกฯ ทักษิณนั้นผิดหลัก เพราะตอนท่านทักษิณทำยังไม่มีกฎหมายนี้ เพราะฉะนั้น..ท่านสุทินนกลันทบุตรไม่ผิด ท่านเป็นอาทิกัมมิกะ (ต้นบัญญัติ) เมื่อท่านไม่ผิดท่านก็มีโอกาสได้มรรคได้ผล เพราะไม่มีอะไรไปปิดทางท่าน

ศีลที่มานอกพระปาฏิโมกข์ ส่วนใหญ่แล้วเกี่ยวกับมารยาท เกี่ยวกับสิ่งของเครื่องใช้ เกี่ยวกับกิจวัตร วิธีวัตร อาคันตุกวัตร ฯลฯ เกี่ยวกับเรื่องการดูแลร่างกายของตนเอง ปลงผม โกนหนวด ตัดเล็บ กระทั่งเข้าห้องน้ำห้องส้วมต้องทำอย่างไร มีรายละเอียดหมด ไปอ่านในหนังสือวินัยมุข เล่ม ๒ แต่ขอร้องคนบวชใหม่อย่าเพิ่งไปอ่าน เดี๋ยวจะไม่กล้าบวช..!


ถาม : อภิสมาจารศีลคือส่วนไหน ? คือพวกอนุบัญญัติหรือเปล่า ?
ตอบ : คนละเรื่องกันเลย..เป็นศีลที่อยู่นอกพระปาฏิโมกข์ หนังสือ ๒ เล่ม ก็คือบุพพสิกขาวรรณนากับวินัยมุข เล่ม ๒ รอให้บวชได้สักพรรษาหนึ่งแล้วค่อยไปอ่าน ไม่อย่างนั้นคุณจะไม่กล้าบวชหรอก แบบเดียวกับนาคที่วัดท่าขนุน ไปเป็นนาคอยู่ วันรุ่งขึ้นหนีกลับบ้านเลย บอกว่าอยู่ไม่ได้แล้วศีลพระมีตั้ง ๒๑,๐๐๐ ข้อ ต้องโทษพระครูแสง วิชาการจัด ในเมื่อตัวเองจบปริญญาโทเกี่ยวกับเรื่องนี้มา ก็เลยอธิบายอย่างแบบมีที่มาที่ไป โยงไปเลยว่าพระวินัยปิฎกมี ๒๑,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ นาคก็เข้าใจผิดว่าศีลพระมีตั้ง ๒๑,๐๐๐ ข้อ เผ่นไปเลย

ถาม : ผมได้อ่านพระวินัยแล้วเจอว่าพระพุทธเจ้าท่านให้เหตุว่าทรงบัญญัติพระวินัยไว้ คำว่า "เพื่อความรับว่าดีแห่งสงฆ์ แปลว่าอะไร ?
ตอบ : ถ้าคุณไม่ทำสิ่งนั้นซึ่งเขาเห็นว่าชั่ว ทุกคนก็เห็นว่าดี ในเมื่อเห็นว่าชั่วเขาไม่รับเข้าหมู่ คุณเองที่จะเดือดร้อน ในเมื่อหมู่เขาเห็นว่าดีด้วย เราก็อยู่อย่างสนิทสนมกลมเกลียว ไม่มีวิปฏิสาร คือความเดือดเนื้อร้อนใจ การปฏิบัติเพื่อมรรคเพื่อผลก็เป็นไปโดยง่าย

เถรี 19-02-2014 10:17

ถาม : ผมอ่านเจอมาว่า ถ้าฆราวาสจับของแล้วจะไม่เสียองค์การประเคน จริงหรือเปล่า ?
ตอบ : ถ้าใจยังผูกอยู่ ไม่เสียการประเคน แต่ส่วนใหญ่แล้วทางธรรมยุตเขาจะถือว่า เพื่อความปลอดภัยให้ประเคนใหม่เลย คือของที่ประเคนถ้าตราบใดยังไม่ได้ยกให้คนอื่น ยังเป็นของเรา ต่อให้คนอื่นเขามาล้วงไปจากบาตรของเรา ส่วนที่เหลือก็ยังเป็นของเราอยู่ดี แต่เพื่อความปลอดภัย ครูบาอาจารย์ก็เลยว่าไหน ๆ แล้วก็ให้ประเคนใหม่เสียเลย แล้วอย่าไปเสือกรู้ดีนะ..! รู้ว่ายังไม่ขาดประเคน กูเลยไม่ให้ประเคนใหม่ เดี๋ยวอาจารย์ท่านก็ไล่เตะออกจากสำนัก ส่วนใหญ่เขาทำแล้วตัวเองไม่ทำก็อยู่กับเขาไม่ได้

เป็นพระใหม่สงสัยให้สอบถาม อย่าไปมั่วเองเพราะผิดได้ และอย่าไปจับผิดคนอื่น เห็นเขาทำผิด ถ้าเมตตาก็บอกกับเขาว่า อันนี้น่าจะไม่ถูกต้อง ถ้าเขาไม่ฟังก็เลิก ไม่ใช่ไปจ้ำจี้จ้ำไช ประเดี๋ยวก็ได้วางมวยกัน โดยเฉพาะพระใหม่กับพระใหม่ด้วยกัน อ่านตำราเล่มเดียวกันนั่นแหละ กูจับผิดมึง มึงจับผิดกู มีทุกที่ จะว่าไปแล้วก็ตัวกูของกูนั่นแหละ ไอ้นั่นก็กูดีกว่า อย่าลืมว่าในความเป็นพระของเรา ยังแค่สมมติสงฆ์อยู่ เพียงแต่เราเปลี่ยนเครื่องแบบ เปลี่ยนกติกาการดำเนินชีวิตเท่านั้น รัก โลภ โกรธ หลง ยังมีเต็มตัวอยู่

ถ้าไม่รู้จักระมัดระวังตรงจุดนี้ โอกาสที่จะกระทบกระทั่งกับคนอื่นก็มีมาก ยิ่งถ้าไปเจอวัดที่พระอุปัชฌาย์อาจารย์ท่านไม่ได้คอยดูแลใกล้ชิด เดี๋ยวก็มีการตีกันวัดแตก..!

เถรี 19-02-2014 10:18

ถาม : ของสงฆ์ ?
ตอบ : อะไรที่อยู่วัดก็เป็นของสงฆ์ทั้งนั้นแหละ

ถาม : ถ้าเอาหมาวัดไปเลี้ยงติดหนี้สงฆ์หรือไม่ ?
ตอบ : ไม่ต้องห่วงหรอก พระทั้งวัดเต็มใจยกให้ ไม่ติดหนี้สงฆ์หรอก เอาไปเถอะ พระก็เลี้ยงไม่ไหว ๒๐๐-๓๐๐ ตัว อย่างอื่นเป็นของสงฆ์นี่ติดหนี้สงฆ์แน่ ๆ แต่ถ้าลูกหมาเอาไปเถอะ พระทั้งวัดเต็มใจยกให้

หมาเขาเห็นคนเลี้ยงเป็นจ่าฝูง คือเป็นผู้นำฝูง เพราะฉะนั้น..เวลาคนเลี้ยงเดินไปไหนก็จะคอยตาม

เถรี 19-02-2014 10:20

พระอาจารย์กล่าวว่า "คนจีนถือว่าสีแดงกับสีทองเป็นมงคล สีเหลืองนี่เขาสงวนไว้ให้พระเจ้าแผ่นดินเท่านั้น เป็นสีประจำองค์ฮ่องเต้ ของไทยเราถือเอาสีน้ำเงินเป็นสีประจำองค์พระมหากษัตริย์ เพราะว่าในหลวงรัชกาลที่ ๖ ประสูติวันพฤหัสบดี แต่ปัจจุบันนี้วันพฤหัสบดีเขาให้เอาเป็นสีแสด

วันศุกร์สมัยก่อนสีม่วง เดี๋ยวนี้สีฟ้า วันเสาร์สมัยก่อนสีดำ เดี๋ยวนี้กลายเป็นสีม่วงยุ่งไปหมด พวกเรียนมา ๒ ยุคอย่างอาตมา เรียนยุคเก่าแล้วไปเจอยุคใหม่นี่ บางทีก็สับสนจนเครียดไปเลย"

เถรี 19-02-2014 10:29

พระอาจารย์กล่าวว่า "เดือนกุมภาพันธ์วันที่ ๘ มีงานของครูบาหน่อแก้วฟ้า วัดร่องคือที่พะเยา ต้องไปพุทธาภิเษก งานของท่านจัดพุทธาภิเษกตอนบ่ายโมง ไม่รู้ว่าออกเช้ามืดจะทันหรือเปล่า ? เพราะว่างานรัดตัวมาก จะไปตั้งแต่วันที่ ๗ ก็ไม่ไหว

เดี๋ยวนี้บรรดาครูบาลำบาก อยู่ทางเหนือแล้วก็เบียดกันไปเบียดกันมา หลุดไปอีสานบ้าง ภาคกลางบ้าง ยุ่งไปหมด ครูบาหน่อแก้วฟ้าก็ไปที่อำเภอคง จ.นครราชสีมา งานวันที่ ๑๐ พฤษภาคมท่านนิมนต์ที่อำเภอคง อาตมาก็ไปไม่ได้ ติดรับสังฆทานอยู่ที่นี่

งานหลวงตาวัชรชัยวันที่ ๑ พฤษภาคมก็ไม่ได้ไป เพราะตอนแรกถามท่านแล้วว่าปีหน้าวันที่ ๑ เหมือนเดิมหรือเปล่า ? คราวนี้ท่านบอกอยากจะทำวันเสาร์อาทิตย์ ๒๕ - ๒๖ เมษายน เพราะว่าหลวงตาท่านเกิด ๒๙ เมษายน อาตมาก็กันวันที่ ๒๖ ไว้ให้ท่าน ปรากฏว่าถึงเวลางานเขาเลื่อนกลับไปวันที่ ๑ พฤษภาคมที่อาตมารับงานอื่นไว้แล้ว จะย้อนกลับมา ๒๖ ก็ไม่ได้ เพราะว่ารับงานชาวบ้านไปแล้วเหมือนกัน

แต่ได้ยินว่าลูกศิษย์จะเอาเหรียญพระยอดฟ้าไปเข้าพิธีที่วัดท่าขนุนเอง สรุปว่าไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเข้าพิธีวัดท่าขนุนให้ได้ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะขายไม่ออก ต้องลองดูว่าหนีงานได้ไหม ? ความจริงงานอย่างนั้นไม่อยากจะขาด เพราะว่าชุมนุมพี่น้องพร้อม ๆ หน้ากัน ต้องโทษหลวงตาว่าไม่เด็ดขาด เปลี่ยนวันเสียได้ แต่จริง ๆ เป็นวันที่ ๑ แล้วก็ให้ ๑ ไปตลอดก็หมดเรื่อง เพราะว่าชาวบ้านจะได้รู้ว่าเป็นงานประจำ"

เถรี 19-02-2014 10:32

พระอาจารย์กล่าวว่า "เดือนมกราคมอาตมาจ่ายค่าหนังสือไป ๖,๐๐๐ กว่าบาท เกินงบไปเท่าตัวกว่า หนังสือมาประดังออกพร้อม ๆ กัน ปกติอาตมาตั้งงบซื้อหนังสือไว้เดือนละ ๓,๐๐๐ บาท เดือนนี้โดนไป ๖,๐๐๐ กว่าบาท แล้ว ๖,๐๐๐ กว่าบาทนั่นอ่านไป ๕,๐๐๐ กว่าบาทแล้ว เหลืออีกเล่มครึ่ง อ่านหนังสือเร็วไม่ใช่ดี เพราะถึงเวลาแล้วไม่มีหนังสือให้อ่าน

ตอนอยู่วัดท่าซุง ปลัดน้อยอยู่รุ่นเดียวกัน เป็นน้องชายดร.ปริญญา มาถึงก็ “เฮ้ย...ยืมเล่มนี้หน่อย” อาตมาก็บอกว่า “มึงอ่านไปแล้ว” แกบอกว่า “นั่นแหละ..จะอ่านใหม่” ถามว่าทำไม ? “กูลืมไปแล้ว” แกก็ไปอ่านสบายใจเฉิบ ตอนมาคืนก็บอกว่า “อ่านหนังสืออย่างมึง ไม่สนุกหรอก เพราะอ่านแล้วเสือกจำได้ กูอ่านแล้วจำไม่ได้ ถึงเวลาอ่านเมื่อไรก็สนุก” จริงของเขา

ถึงเวลาแกเข้าห้องไปเสร็จก็ “เฮ้ย...ไปจัดห้องให้กูบ้างสิ” ถามว่าทำไม ? เขาบอกว่า “ห้องกูรกไปหมด ขนาดป๋ามาเยี่ยมยังต้องแหวกถึงเอาเก้าอี้วางให้ท่านนั่งได้” ขนาดหลวงพ่อไปเยี่ยม ยังมีที่แค่ให้เก้าอี้วางเท่านั้น สุดยอดจริง ๆ ปกติหลวงพ่อท่านไม่ไปห้องคนอื่น ที่ไปลักษณะนั้นแสดงว่ามีงานจะสั่ง แล้วปลัดน้อยก็ทำเสีย ท่านให้ตั้งฐานานุกรมของท่าน ปลัดน้อยก็มัวแต่สบายใจ พิมพ์เสร็จแล้วเห็นหลวงพ่อท่านป่วย ไม่เอาไปให้เซ็นสักที ตกลงอาตมาก็เลยไม่ได้เป็นพระครูกับเขา เป็นแต่ตราตั้งที่พิมพ์เสร็จแล้วไม่มีลายเซ็น แต่จะช้าจะเร็วก็ต้องเป็น ออกมาจากที่นั่นก็เป็นจนได้"

เถรี 20-02-2014 10:23

พระอาจารย์พูดถึงมีดบ้านจ่าตุ่มว่า "ด้วยความที่เขาเสียเวลาทำนานมาก มีมีดอยู่เล่มหนึ่ง อาตมาต้องรออยู่ ๒ ปีกว่า กว่าจะเสร็จ รู้สึกว่าทิดเก้าจะบูชาต่อไปกระมัง ? เล่มที่แกะสลักเป็นรูปพญานาค เพราะฉะนั้น..บางทีงานบ้านจ่าตุ่มมีเงินก็ซื้อไม่ได้ เพราะว่าต้องรอให้ช่างเขามีอารมณ์ที่จะทำ ถ้าอารมณ์ไม่ดีเขาก็ไม่ทำ เขากลัวงานจะเสีย

ด้วยความที่รบมาทุกชาติอาตมาก็เลยชินกับอาวุธ มีอยู่วันหนึ่งอยู่ที่วัดพุทธบริษัท ท่านกอล์ฟเขาประหยัดจนเกินเหตุ มีดหักเหลือปลาย มีอยู่แค่นิ้วกว่า ๆ ยังเก็บไว้ใช้อีก อาตมาจับมาเดาะ ๆ เล่น เออ..น้ำหนักดี เขาถามว่าขว้างได้ไหมครับ ? อาตบอกว่าสบาย เหวี่ยงไป ติดโด่เด่ให้ดูเลย "โอ้..โหเป็น
ไปได้ ปลายมีดแค่นั้นยังขว้างได้" "ได้..ถ้าคุณรู้น้ำหนักแล้วก็กะระยะถูก"

เดี๋ยวนี้ช่างบ้านจ่าตุ่มทำงานเล็ก ๆ ไม่ไหวแล้ว อายุมากขึ้นทำให้สายตาไม่ค่อยดี ทำงานละเอียดไม่ไหว ช่างเดือนก็เกษียณไปทำนา ไม่ต้องใช้สายตามาก ถ้างานจุกจิกพวกสร้อยแหวนนาฬิกาเขาจะทำได้ ถ้างานมีดงานละเอียดทำไม่ได้แล้ว"

เถรี 20-02-2014 13:38

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีใครมีความรู้บ้างว่าเลเซอร์ยิงลงบนหินได้ไหม ? หินจะแตกหรือเปล่า ? แล้วทำได้ขนาดใหญ่ที่สุดแค่ไหน ? อาตมาอยากจะยิงบาตรน้ำมนต์สักใบหนึ่ง กว้างไม่มากหรอก แค่ประมาณ ๖๐ นิ้ว..! บาตรน้ำมนต์มีอยู่แล้ว แต่หนักมาก ยกขึ้นยกลงเดี๋ยวหลุดมือขึ้นมาก็แตก จึงต้องเก็บไว้ก่อน"

เถรี 20-02-2014 13:42

พระอาจารย์กล่าวว่า "ต้องบอกว่าเป็นเพราะอวิชชา ซึ่งตอนนี้แปลว่าไม่รู้อย่างเดียวไม่ได้ ต้องแปลว่าโง่ด้วย จึงไปยึดมั่นถือมั่น ทำให้เกิดอุปาทาน ยึดฝ่ายสีเหลืองสีแดง"

เถรี 20-02-2014 13:43

พระอาจารย์กล่าวว่า "พระหินต้องคอยลงน้ำมันไว้เรื่อย ๆ ใช้โลชั่นหรือน้ำมันลงไว้ ถ้าไม่มีอะไรก็น้ำมันทำครัว เช็ดไว้สักสัปดาห์ละครั้งก็จะสวยอยู่ตลอด ไม่อย่างนั้นพอแห้งสนิทแล้ว ผงหินที่อยู่ในรอยแกะจะขึ้นมาขาว ๆ

หลวงพ่อหินเขียวที่วัด พระที่วัดเอาน้ำมันมะพร้าวลง ต้องเป็นประเภทน้ำมันมะพร้าวบีบเย็น มีการเลือกด้วย ตอนแรกบอกว่าน้ำมันในครัวนั่นแหละ จะเป็นตราอะไรก็ใส่ไปเถอะ ท่านยังอุตส่าห์ไปซื้อน้ำมันมะพร้าวอย่างดีมาลง"

เถรี 20-02-2014 13:54

พระอาจารย์กล่าวว่า "พวกบรรดาหมวกไหมพรมที่โยมถวายกันไปนั้น นอกจากช่วยพระได้แล้ว ยังช่วยนักเรียนได้ไม่รู้กี่ร้อยต่อกี่ร้อยคน เพราะอากาศที่ทองผาภูมิ เมื่อวันก่อนยัง ๑๔ องศาเซลเซียสอยู่เลย คราวนี้ช่วงประมาณครึ่งเดือนที่ผ่านมาอากาศทรงตัวอยู่ที่ ๙-๑๐ องศาเซลเซียส แล้วทองผาภูมิหนาวขนาดนั้น บ้านอีต่องจะหนาวกว่าอีกประมาณ ๔-๕ องศาเซลเซียส ต้องเอาพวกบรรดาเครื่องกันหนาวไปแจกเด็ก ๆ ที่บ้านอีต่อง เด็กนักเรียนก็เลยใส่หมวกไหมพรมเหลืองไปทั้งยอดดอยเลย..หนาวแย่จริง ๆ

เขายังบอกว่าถ้าไม่ได้หลวงพ่อช่วยไว้ ปีนี้ดูท่าว่าจะเป็นไข้กันหมด..ไม่เหลือ สรุปว่าของมีไว้ อย่าไปยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นของพระ ถ้าช่วยใครได้ช่วยเขาไปก่อน อะไรที่เป็นสาธารณประโยชน์ทำไปเถอะ มัวแต่ไปประท้วงกันอยู่ว่าเลือกตั้งไม่เลือกตั้ง คนจนจะหนาวตายกันหมดแล้ว เดี๋ยววันอาทิตย์ไปเลือกตั้งก็ติดมีดติดไม้ไปด้วย มีปืนมีระเบิดก็เอาไปด้วย ถึงเวลาอาจจะต้องมีการเปิดทางกวาดล้างก่อน กกต.ก็อย่าลืมใส่เสื้อเกราะกันกระสุนไปด้วยนะ..!

เป็นเรื่องแปลกมากเลย บ้านเราทำไมตรรกะวิบัติอย่างนี้ ต้องการประชาธิปไตย แต่กลับใช้กำลังบีบบังคับไม่ให้คนไปเลือกตั้ง ?!?"

เถรี 25-02-2014 19:55

ถาม : เวลาเราเจ็บป่วยเรื่องร่างกาย เกี่ยวกับพวกขา เป็นกฎของกรรมหมดเลยหรือเจ้าคะ ?
ตอบ : เป็นเศษกรรมจากปาณาติบาต เรารักษาได้ แก้ไขได้ก็แก้ไขไป ถ้าหมดท่าจริง ๆ ค่อยยอมรับกฎของกรรม ถ้าไม่เคยทำไว้ก็ไม่เจอหรอก ยอมรับเถอะว่าก่อนนี้เราคงจะเกเรน่าดู เคยเกเรไว้ก็ต้องโดนบ้าง

เถรี 25-02-2014 20:56

ถาม : มีคนให้ของผมมา ตอนหลังผมมารับรู้ว่าเป็นไสยศาสตร์ ถ้าเรามาถวายพระ จะเป็นอะไรหรือเปล่า ?
ตอบ : ถวายมาแล้วก็จบ

ถาม : ผมกลัวมีปัญหา ?
ตอบ : ถ้ามาถึงตรงนี้แล้วไม่ค่อยมีปัญหาหรอก

ถาม : เป็นพญาครุฑ ร.๕ ?
ตอบ : ใครทำ ? ถ้าวัดวาอารามจะทำพวกนี้ต้องขออนุญาตจากสำนักพระราชวังก่อน การทำเรื่องยุ่งยากมาก

เถรี 25-02-2014 21:07

ถาม : (เกี่ยวกับเรื่องงาน)
ตอบ : งานมีให้ทำเยอะแยะ ส่วนใหญ่แล้วไปเลือกงาน ตั้งความหวังสูงเกิน ตั้งแต่เกิดมาอาตมายังไม่เคยตกงานเลย เพราะทำทุกอย่างที่ขวางหน้า

มีที่ไหนก็สมัครไป ถ้าไม่มีก็ทำอย่างอื่นแก้ขัดไปก่อน

เถรี 26-02-2014 18:43

ถาม : คนนี้ฆ่าตัวตายที่อินโดนีเซีย เพราะมีปัญหากับสามี ?
ตอบ : จำไว้นะ ถ้ามีปัญหาครอบครัวให้ฆ่าคนอื่น ถ้าตัดเขา ฆ่าเขาออกจากใจของเราได้ เราก็ไม่ต้องเสียเวลาไปฆ่าใคร

ถาม : ถ้าเราอุทิศไปเขาจะได้บุญไหมคะ ?
ตอบ : สบายเลย พวกฆ่าตัวตายนี่ยังไม่ถึงอายุ ใครให้เขาได้หมดแหละ บางทีเราเห็นว่าคนที่ตายไม่ปกติ ที่เขาเรียกว่าตายโหงหรือตายไม่ดี แต่ถ้าญาติรู้จักทำบุญให้ก็ได้หมด

เถรี 26-02-2014 18:44

ถาม : พลังจักรวาลมีจริงไหมคะ ?
ตอบ : ทำไมจะไม่มี ถ้าไม่มีแล้วจักรวาลจะเคลื่อนไหวได้อย่างไรเล่า ? เพียงแต่ว่าคนที่รับได้เอามาใช้ไม่ถึงครึ่งเปอร์เซนต์ แล้วกลายเป็นครูบาอาจารย์กันไปใหญ่โต

ถาม : ใช้อย่างไรคะ ?
ตอบ : เห็นเอามารักษาโรคบ้างอะไรบ้าง อย่าไปยุ่งกับเขาเลย อาตมาเกือบตายไปทีแล้ว เห็น ๆ อยู่ว่ามีประจุไฟฟ้าอยู่ในอากาศ ดันดึงเข้ามาใส่ตัว เกือบจะโดนระเบิดตายแล้ว ร่างกายรับไม่ไหว เพราะเยอะเกินไป

เถรี 01-03-2014 21:06

พระอาจารย์เล่าว่า "คุณหมอถามอาตมาว่าโดนหมากัดหรือ ? พออาตมาบอกว่าลิงกัด เขาก็ตีหน้าแปลก ๆ เพราะว่าโยมวิโรจน์ที่อยู่ที่วัดโดนลิงกัดเหวอะหวะไปหมด ขนาดเอานิ้วชี้แหย่เข้าไปในแผลได้ สำหรับอาตมา ถ้าตัวไหนกัดเข้าแสดงว่าต้องเซียนจริง ๆ

เมื่อตอนอาจารย์สมพงษ์ยังอยู่ หมาเป็นขี้เรื้อน อาตมาก็ไปจับหมาทายา หมาไม่คุ้นจึงโดนกัด กัดจนเลือดท่วม ก็ช่างหัวมัน ทายาไปเรื่อย จนกระทั่งเสร็จ แล้วก็ไปล้างน้ำ ปรากฏว่ากัดไม่เข้า แล้วเลือดมาจากไหน ? ก็เลยไปดู ปรากฏว่าหมากัดจนเขี้ยวหักเลย เลือดออกที่ปากแล้วก็หยดใส่อาตมา แต่ลิงตัวนี้เขี้ยวไม่หัก

ที่วัดมีลิงอยู่ ๒ ตัว เป็นลิงที่โบราณเรียกว่าลิงเสน ที่หน้าแดงก้นแดง บางคนเรียนว่ากะเสน บางคนเรียกว่ากะบุด ตัวประมาณเด็ก ๔ – ๕ ขวบได้ วันนั้นตัวเมียแหกกรงออกมา อาตมาจึงต้องไปไล่จับ ความจริงทำกรงใหม่ให้นานแล้ว แต่พอบอกลูกน้ำ (ดร. ชลาลัย เรืองหิรัญ ) ให้เอายาสลบไปยิงหน่อย ลูกน้ำบอกว่าลิงอายุมากแล้ว โดนยาสลบไปสองสามรอบแล้ว กลัวว่าจะไม่ฟื้น กะระดับยาไม่ถูก น้อยไปก็ไม่สลบ มากไปก็อาจจะไม่ฟื้น จึงไม่ได้ย้ายกรงเสียที

พอลิงแหกกรงออกมา อาตมาไปไล่จับมัน ปรากฏว่าลิงก็เสียท่าเหมือนเดิม คือจังหวะที่หันหลังเตรียมกระโดดหนี ถูกอาตมาคว้าขาหลังได้เหมือนครั้งก่อน พอคว้าขาหลังได้ อีกมือหนึ่งก็ต้องขยุ้มคอเอาไว้ กันลิงหันมากัด พอคว้ามาได้ก็เอาไปใส่กรงใหม่ ตีปิดปากกรงไว้ก็เหลืออีกหนึ่งกรง ก็มีแต่คนเชียร์ว่าไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ให้ย้ายอีกตัวไปด้วยเลย แรงเชียร์ดีแต่ไม่มีใครกล้าไปจับ จึงเป็นเวรกรรมของเจ้าอาวาส ที่ต้องมุดเข้าไปกัดกับลิง พอคว้าคอลิงก็กัดใหญ่ เพราะเข้าไปเผชิญหน้ากันตรง ๆ ท้ายสุดจับยัดใส่กระสอบได้ หิ้วไปใส่กรงใหม่

เสร็จแล้วก็โทรบอกหมอฉลองของ ทางโรงพยาบาลทองผาภูมิให้หมอมาทำแผลถึงที่วัดเลย ทั้งฉีดยากันบาดทะยัก ยาแก้ปวด แก้อักเสบ.. มาเป็นกุรุส ถามว่า “ทำไมต้องเยอะขนาดนี้ ?” “หลวงพ่อเป็นวีไอพี” เล่นขนยามาจะหมดคลัง สรุปว่าโดนฉีดยาเจ็บกว่าโดนลิงกัดตั้งเยอะ หมอก็ฉีดแบบจิ้มจึ๊กแล้วก็กดเลย บวมเป็นก้อน ยังดีว่ายาที่ฉีดเป็นยากันบาดทะยัก ส่วนยากันโรคพิษสุนัขบ้านั้นไม่ได้ฉีด เพราะต้องฉีดต่อเนื่องกันทุกวัน และได้ข้อสรุปว่า ถ้ากรงพังอีกทีแล้วทำกรงใหม่ อาตมาก็คงต้องไปจับเองอีก"

เถรี 01-03-2014 21:08

"อาตมาบอกกับทางวัดว่าอย่าพยายามหาสัตว์อะไรมาเลี้ยง เพราะว่าสัตว์ป่า โดยสัญชาตญาณจะช้าจะเร็วเดี๋ยวก็ต้องกัดใครสักคน ขนาดนางอาย (ลิงลม) เห็นตัวเล็ก ๆ เชื่อง ๆ ไปไหนก็คลานช้า ๆ ถึงเวลาโตเป็นหนุ่มเป็นสาว อยากหาคู่ขึ้นมาก็กัด ตอนปฏิบัติธรรมครั้งที่แล้ว ใครเอากระรอกบินไปด้วยก็ไม่รู้ ? หนีไปอยู่กับพระตั้งนาน เจ้าของถึงรู้ว่ากระรอกหาย

ตอนนี้ก็เหลือแต่อาการช้ำ ๆ เพราะลิงกัดได้แรงจริง ๆ ถึงไม่เข้าก็ช้ำขนาดนั้น ต้องยอมรับว่าสัตว์แข็งแรงกว่าคนเยอะ คอยระวังอยู่อย่างเดียวคือไม่ให้โดนกัดตั้งแต่ข้อมือออกไป ข้อมือข้อเท้ากันไม่ได้ หลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านบอกว่า วิชาสายนี้ต้องเว้นข้อมือข้อเท้าไว้ กำลังใจของลูก ๆ เกินคน ถ้าไม่มีจุดอ่อนบ้างเดี๋ยวเล่นชาวบ้านเขาอยู่เรื่อย"


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:29


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว