![]() |
ถาม : ภาวนาอยู่แล้วเกิดนิมิตกรรมฐานกองใหม่ ต้องเปลี่ยนตามไปเลยหรือไม่ ?
ตอบ : ถ้าจับภาพพระอยู่ ภาพพระของเรายังไม่ถึงที่สุด ไม่สามารถจะอธิษฐานย่อขยาย ให้มาให้ไปได้ ไม่สามารถจะอธิษฐานขอใช้ทิพจักขุญาณได้ ให้จับภาพพระต่อไปก่อน เพราะว่าของอื่นที่แทรกเข้ามา ถ้าเราเบี่ยงความสนใจไปเท่ากับเป็นการเริ่มต้นใหม่ ของเก่าก็ยังไม่ได้ ของใหม่ก็ยังไม่ดี ถ้าของเก่าคล่องตัวแล้วค่อยขยับไปของใหม่ |
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อครู่ที่ขึ้นไปพัก เป็นเวลาที่ให้หมอมานวด จะบิดตรงไหนก็ลั่นกรอบแกรบไปหมด 'ชะราธัมโมมหิ ชะรัง อะนะตีโต เรามีความแก่เป็นธรรมดา จะล่วงพ้นความแก่ไปไม่ได้ ' ท่านไม่ได้ให้ท่องเฉย ๆ แต่ให้นึกเห็นตามไปด้วยว่าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ถ้าสภาพจิตยอมรับก็จะเป็นปัญญา ถ้าสภาพจิตไม่ยอมรับ สักแต่ว่าท่อง ๆ ไปก็ได้สมาธิมาหน่อยหนึ่ง"
|
ถาม : พุทธภูมิที่ได้รับคำทำนาย..(ไม่ได้ยิน)..?
ตอบ : นับไม่ไหว แค่กัปหนึ่งก็นับไม่ไหวแล้ว ถ้าสมมติว่าคุณได้รับคำทำนายว่าอีก ๔ อสงไขยกับแสนมหากัปก็ตายกันพอดี ไม่ต้องไปนับหรอก แค่นับกัปยังยากเลย อย่าว่าแต่นับชาติ กัปหนึ่งนี่เกิดจนนับไม่ถ้วน อย่างที่ว่าเป็นอสงไขยกัป ถ้าท้อก็ถอย ถ้าไม่ท้อก็ลุยต่อไป ถาม : อ๋อ..ท่านถึงได้บอกเอาไว้ว่า น้ำตาที่หลั่งออกมานั้นมากมายกว่าน้ำในมหาสมุทรทั้ง ๔ ใช่ไหมครับ ? ตอบ : เอาแค่ชาติละไม่กี่หยดนั่นแหละ |
พระอาจารย์กล่าวว่า "การสร้างวัตถุมงคลไม่ใช่ความประสงค์ของเรา จะให้พระท่านสงเคราะห์ก็ต้องเป็นความประสงค์ของท่าน ถ้าหากพระ หรือพรหมเทวดาท่านไม่เล่นด้วยแล้วยังฝืนจะทำ ก็ไปไม่รอดหรอก เจ๊งมาเยอะแล้ว พระเพื่อนกันสร้างจตุคามรามเทพ รุ่นแรกได้กำไร ๑๒ ล้าน พอทำรุ่นสองเจ๊งไม่เป็นท่า ทุนหายกำไรหด..!"
|
ถาม : เวลาไปวัดแล้วนอนไม่หลับเพราะคนอื่นกรน ?
ตอบ : อย่าไปสนใจ อยู่กับลมหายใจเดี๋ยวก็หลับเอง สมัยก่อนเวลาอาตมาไปวัด บางคนนอนกรนจนห้องสะเทือนเลย อาตมาก็อยู่กับลมหายใจเข้าออก เชิญเอ็งกรนของเอ็งไป บางคนกรนไม่กรนเปล่า สำลักน้ำลายตัวเองอีกด้วย ต่อให้หลับอย่างไรก็ต้องสะดุ้งตื่นเพราะเสียงเขาไอ เพราะฉะนั้น..อยู่กับลมหายใจของเรา อย่าไปสนใจ ไม่อย่างนั้นก็เอาดินน้ำมันหรือสำลีอุดหูไปเลย..! |
ถาม : เรื่องของน้องมาร์ค เด็กที่อยากเป็นเณร ?
ตอบ : ต้องมีของเก่าด้วย เนกขัมมบารมีนี่ไม่ใช่ง่าย ๆ นะ บางคนอยากบวช เพียรพยายามทั้งชีวิตก็ไม่ได้บวช แต่นี่ของเก่าเขาตุนมาเยอะแล้ว ไม่เห็นหรือว่าทั้ง ๆ ที่พูดไม่ชัด แต่สวดมนต์ให้พรได้ชัดเลย |
ถาม : อาราธนาให้พระคุ้มครอง เป็นคาถาเดียวกับการปลุกพระหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : การอาราธนาพระจะมีคาถาเฉพาะ ถ้าไม่มีก็ว่าภาษาไทยเลย "สาธุ..คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองลูกด้วย" ขอให้นึกถึงท่านเท่านั้น ส่วนใหญ่แขวนพระอยู่กับคอ แต่ไม่เคยนึกถึงพระเลย บางทีอาบน้ำขึ้นมาก็รำคาญอีก หาว่าท่านเกะกะ ถ้าไม่ได้ภาษาบาลีก็ไม่เป็นไรหรอก ให้ว่าเป็นภาษาไทยนี่แหละ |
ถาม : ถ้าเราจับภาพพระอยู่ แล้วภาพพระเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่นที่เราไม่ต้องการ ?
ตอบ : นึกถึงภาพพระใหม่ ถาม : ถ้าภาพพระนั้นเปลี่ยนไป มาขยิบตาล้อเล่นกับเรา ? ตอบ : ลักษณะนั้นเป็นการทดสอบกำลังใจว่าเราจะกลัวหรือไม่ ? ถึงเวลาเราจะนึกถึงความดีหรือไม่ ? หรือเราจะปีติฟูจนเกินไปหรือไม่ ? เขาไม่ให้สนใจ ตั้งใจจับภาพพระแล้วภาวนาของเราต่อไป ถ้ายิ่งไปสนใจ ท่านก็ยิ่งออกฤทธิ์มาก เพราะฉะนั้น..มีหน้าที่อย่างเดียว คือ ปล่อยวางให้ได้ แล้วปฏิบัติหน้าที่ของเราไป ไม่อย่างนั้นเราจะลืมจุดมุ่งหมายของเราไป เมื่อเช้าก็มีโยมมาถามว่าจับภาพพระอยู่แล้วก็เห็นภาพโครงกระดูกแทน จะต้องทำอย่างไร ? อาตมาบอกว่า ถ้าภาพพระของเรายังไม่คล่องตัว ถึงขนาดอธิษฐานให้ใหญ่ได้ให้เล็กได้ ให้มาได้ให้ไปได้ อธิษฐานขอใช้ผลได้ ก็อย่าเพิ่งไปเปลี่ยน ไม่ว่าภาพโครงกระดูกจะมาเท่าไร ให้ทิ้งไปก่อน ถ้าเราทำภาพพระของเราคล่องตัว อธิษฐานใช้ผลได้ ค่อยไปจับกองอื่นต่อไป เราต้องรักเดียวใจเดียว ไม่อย่างนั้นเขาจะดึงให้เราเป๋ไปเรื่อย เจาะกำแพงตรงนี้จะเอาให้ทะลุไปได้ จะได้หนีรอดจากวัฏสงสารเสียที เจาะไปตั้งครึ่งตั้งค่อนแล้ว ดันมาหลอกเราว่าตรงนั้นน่าเจาะกว่า เราก็ย้ายที่ไปเจาะใหม่ แล้วเมื่อไรจะทะลุสักที ต้องรักเดียวใจเดียว ผิดก็คือผิด ผิดแล้วแก้ไขให้ถูกให้ได้ ไม่ใช่ผิดแล้วผิดเลย |
ถาม : ขอหลักการการค้าขายค่ะ
ตอบ : เอากำไรน้อย ขายบ่อย ๆ ก็ได้กำไรมากไปเอง จริง ๆ ขึ้นอยู่กับแรงจูงใจและอัธยาศัยของเราด้วย ถ้าหากว่าอัธยาศัยดี ซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา ใคร ๆ ก็อยากติดต่อกับเรา ถ้าหากว่าไม่ตรงไปตรงมา คนเขาก็ปวดหัว มาครั้งนี้อย่างนี้ ครั้งหน้าอีกอย่างหนึ่ง แล้วเมื่อไรจะรู้เรื่องกันสักที โดยเฉพาะโบราณว่า ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน ก็คือ ถ้าซื่อสัตย์ก็มีคนเขาติดต่อค้าขายด้วย ไปได้เรื่อย ๆ ไม่มีวันหมด ถ้าหากว่าไปโกงเขาทีเดียว ต่อไปคนอื่นเขาไม่คบหาด้วย ตัวเองก็ไม่มีอะไรจะกิน มีอยู่สมัยหนึ่งที่คนไทยเขาขายมันสำปะหลัง ตั้งใจเอาทรายผสมไปให้ได้ปริมาณเยอะ ๆ แรก ๆ มีไม่มากเขาก็พอรับได้ ตอนหลังใส่เป็นตัน ๆ เขารับไม่ได้ จนเลิกติดต่อด้วย รายนั้นก็เจ๊งไป ซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา และอัธยาศัยดี ใคร ๆ ก็อยากจะค้าขายกับเรา ต่อให้ราคาของเราเท่ากับคนอื่น หรือว่าสูงกว่าคนอื่นสักเล็กน้อย แต่ถ้าเราตรงไปตรงมาโดยเฉพาะตรงเวลา รับปากเมื่อไรได้เมื่อนั้น ใคร ๆ ก็มาค้าขายกับเรา เขาคงไม่ไปที่อื่นให้เสียเวลาหรอก |
ถาม : พระองค์ใหญ่มาก ไม่สามารถจะหันหน้าไปทางทิศเหนือหรือทิศตะวันออกได้ เอาเฉพาะองค์ประธานได้ไหมครับ ?
ตอบ : มีบ้านอยู่หลังหนึ่งหันพระไม่ตรงทิศเพราะมุมบังคับ เขาตั้งหิ้งพระตามมุม แต่เขาจับหันพระตะแคง อาตมาเข้าไปเห็นแล้วยังหัวเราะว่าทำไปได้ ถาม : แล้วได้ไหมครับ ? ตอบ : ก็ได้อยู่ แต่คนอื่นเห็นเขาจะรู้สึกแปลก ๆ แต่ถ้าพระประธานได้ องค์ที่เหลือก็ต้องได้ อย่างนี้ก็ไม่ใช่ตรงจริง เราก็เอาตรงที่สุด ถาม : ก็เฉียง ๆ สิครับ ? ตอบ : ถือว่าเอาทิศที่ใกล้เคียงที่สุด |
พระอาจารย์กล่าวว่า "ท่านใดที่จองเป็นเจ้าของพระขรรค์โสฬส ๘๔ พรรษาธรรมิกราช คงจะเห็นแล้วนะเสร็จแล้วหน้าตางามแค่ไหน แต่เนื่องจากเป็นโลหะผสม เนื้อโลหะแต่ละอย่างไม่เท่ากัน ถึงเวลามีการหดตัวเป็นหลุมเป็นร่องบ้าง เป็นตามดบ้าง ถ้าเราจะปะให้เรียบก็ได้ แต่ตรงที่เราปะ จะชุบไม่ติด ก็เลยต้องปล่อยให้เป็นหลุมเล็ก ๆ อย่างนั้น
ฉะนั้น..ถ้าเล่มไหนเรียบกริบนี่เป็นของปลอม ของแท้จะไม่เรียบ ต้องมีหลุมมีรอยเหมือนตามด เหมือนอย่างกับแมลงแทะกินไปหน่อย" |
พระอาจารย์กล่าวว่า "พระปิดตาที่สร้างยากที่สุดต้องเป็นพระปิดตายันต์ยุ่งของหลวงปู่ทับ วัดทอง เพราะว่าปั้นหุ่นด้วยมือทีละองค์ แต่ว่าฝีมือท่านสุดยอด
ที่เรียกพระปิดตายันต์ยุ่ง เพราะว่ายันต์แต่ละอย่างจะพันรอบองค์พระ ถือว่าเป็นพระปิดตาเนื้อโลหะอันดับหนึ่งของประเทศไทย สมัยก่อนทำกันทีละองค์ ทำไปเสกไปก็เลยมีไม่มากเหมือนสมัยนี้ สมัยนี้เป็นวิชชามัยฤทธิ์ คือฤทธิ์ที่เกิดจากวิทยาการสมัยใหม่ พิมพ์กันทีละมาก ๆ " |
พระอาจารย์กล่าวถึงเด็กว่า "เด็กวัยนี้เขาจะถามเพื่อการเรียนรู้ เพราะฉะนั้น..ถ้าเขาถามอะไร เราต้องตอบเขาทุกอย่าง อย่าไปรำคาญ"
นอกจากนี้ยังกล่าวกับเด็ก ๆ ว่า "กินแต่พอสมควรนะลูก กินมาก ๆ เดี๋ยวอ้วนแล้วไม่สวยนะจ๊ะ เอาแต่พอสมควร ถ้ากินทั้งวันไม่หยุด เดี๋ยวอ้วนแล้วจะน่าเกลียด ถ้ากินแต่พอสมควรโตขึ้นแล้วจะสวยมาก เด็ก ๆ เราต้องให้ทัศนคติตั้งแต่เล็ก ๆ แล้วเขาจะรู้เอง เด็กหลายคนไม่ยอมหย่านม อาตมาเลยบอกเขาว่า ให้ใส่แก้วกินได้แล้ว เพราะว่าดูดนมมาก เดี๋ยวฟันเหยินจะไม่สวย เด็กรีบเลิกดูดนมเลย ตอนแม่บังคับให้เลิกเท่าไรก็ไม่ยอม แต่พอรู้ว่าจะไม่สวยแล้วเลิกเลย" |
พระอาจารย์กล่าวว่า "พระพุทธเจ้าท่านทิ้งลูกทิ้งเมียได้ ท่านตัดใจได้เด็ดขาดจริง ๆ โดยธรรมชาติของคนให้ทิ้งคู่ก็พอไหว แต่ทิ้งลูกนี่ ตัดใจยากสุดขีดทั้งนั้น คนจีนเขามีภาษิตว่า "สามีภรรยาเหมือนนกร่วมพนา เภทภัยกรายมาแยกย้ายบินจาก" ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไป
เพราะฉะนั้น..เรื่อง ห่วงหาอาลัยคู่ตัวเองก็ยังไม่เท่ากับอาลัยลูก มีอยู่หรอกประเภทคู่รักที่ตายแทนกันได้ แต่สำหรับลูก..โบราณว่าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไข หรือไม่ก็เลือดในอก ถึงได้บอกว่าลูกอาจจะตัดพ่อตัดแม่ได้ แต่พ่อแม่ตัดลูกไม่ลงหรอก ดีแต่ปากทุกคนแหละ ลูกกลับไปง้อหน่อย เดี๋ยวก็ใจอ่อนแล้ว ที่โบราณเขาถามว่า บุคคลประเภทไหนที่เขาเตะถีบเท่าไรก็ยังรัก ? คำตอบคือคนเป็นแม่ ลูกเตะแม่ตั้งแต่อยู่ในท้องแล้ว" |
ถาม : ถือศีล ๘ เป็นบางวันได้ไหม ?
ตอบ : ได้..เพียงแต่ว่าถ้าจะทำก็ทำให้จริงจังไปเลย อย่าไปทำเล่น ๆ เดี๋ยวเป็นการปรามาสอีก ถือศีล ๘ ครึ่งวันยังได้เลย คนใช้ของอนาถปิณฑิกเศรษฐีถือศีล ๘ ครึ่งวันก็เป็นลมตาย นั่นเพราะว่าเขาอดอาหารมาก่อนแล้ว พออาตมาไปประเทศพม่า ถึงได้รู้ว่าการกิน ๓ มื้อ ฟุ่มเฟือยมาก พม่าเขากินประมาณ ๒ มื้อ กินตอนสายแล้วไปกินตอนบ่ายแก่ หรือตอนค่ำไปเลย ฉะนั้น..คนพม่าที่มาอยู่เมืองไทย ถ้าอยู่นานหน่อยจะอ้วนทุกคน เพราะอยู่บ้านเขางานแสนจะหนัก ได้กินแค่ ๒ มื้อ และไม่ค่อยจะเต็มมื้อด้วย |
มีโยมคนหนึ่งจะทำบุญแล้วอธิษฐานนาน พระอาจารย์จึงกล่าวว่า "อธิษฐานยาวนี่เกิดนานนะ..(หัวเราะ)..เพราะกำลังใจยังไม่เด็ดขาด ยังเผื่อนั่นเผื่อนี่ไปเรื่อย ในเมื่อเผื่อนั่นเผื่อนี่ไปเรื่อย ถึงเวลาก็ต้องเกิดยาวอย่างที่อธิษฐานเผื่อเอาไว้"
|
พระอาจารย์กล่าวว่า "สมัยก่อนอาตมาถ่ายรูปหลวงปู่สมเด็จฯ วัดสามพระยา ท่านจะหลบตาหนีกล้องทุกที อาตมาก็แปลกใจ ตอนนี้ตัวเองรู้แล้วว่าเป็นอะไร พอแก่ ๆ แล้วสายตาแย่ โดนแสงแฟลชจ้า ๆ เข้า บางทีมองอะไรไม่รู้เรื่องไปตั้งนาน
หลวงปู่สมเด็จฯ วัดสามพระยา ท่านสามารถรักษาหุ่นได้ตลอดชีวิต จน ๙๐ กว่าปี ท่านก็ยังคงผอมเหมือนเดิม ใคร ๆ บอกว่าท่านดุ คนที่ทำอะไรจริงจัง คนทั่วไปเห็นมักจะว่าดุ แต่ความจริงไม่ได้ดุหรอก ท่านทำอะไรจริงจัง ว่องไว ทำทันใจต่างหาก" |
ถาม : ทำไมพระต้องถอดรองเท้าครับ ? (เด็กน้อยถาม)
ตอบ : ท่านแสดงออกซึ่งความเคารพในทาน จึงถอดรองเท้าเวลาบิณฑบาต ศีลพระยังบังคับให้มีรองเท้า ๒ คู่ แต่ปัจจุบันนี้มักจะใส่กันคู่เดียว ฉะนั้น..เวลาเราเข้าวัด เราก็ต้องถอดรองเท้าด้วยลูก จริง ๆ แล้วพระพุทธเจ้าท่านอนุญาตให้พระภิกษุมีรองเท้า ๒ คู่ คู่หนึ่งให้ใส่เดินทางทั่วไป เมื่อเข้าวัด ล้างเท้าเช็ดสะอาดแล้ว ให้ใส่รองเท้าอีกคู่หนึ่งที่สะอาดอยู่ จะได้ไม่ไปทำสกปรก เด็ก ๆ เขาช่างสงสัย แต่ดีที่เขากล้าถาม |
พระอาจารย์กล่าวว่า "เพลงไทยโบราณ เขาเอามาทำเป็นทำนองเพลงลูกทุ่ง เพลงลูกกรุงเยอะมากเลย ตอนแรกที่ได้ยินเพลงเด็กปั๊ม ก็ทราบว่าเป็นทำนองเพลงลาวแพน เรามีทั้งลาว เขมร ญวน จีน ให้ยุ่งไปหมด เลียนแบบเนื้อเพลงใครมาก็ออกชื่อนั้น ลาวดำเนินทราย ลาวดวงเดือน เขมรไทรโยค เขมรลออองค์ ดีอยู่อย่างหนึ่งที่เราให้เกียรติต้นตำรับ จะได้รู้ว่าที่มาที่ไปเป็นอย่างไร
แต่พอไปเขมรเข้าจริง ๆ แล้ว ปรากฏว่าความประณีตของเขายังสู้เราไม่ได้ ไม่ว่าจะโขน ละคร กระทั่งเรื่องการก่อสร้าง เขมรพยายามเลียนแบบไทยไปทุกอย่าง พระราชวังเขมรินทร์ตั้งใจเลียนแบบจากพระบรมมหาราชวังโดยตรงเลย แต่ก็ไม่ได้อย่างนั้น แม้กระทั่งวัดพระแก้วของเขาก็พยายามเลียนแบบวัดพระแก้วของเรา เขาไปหาพระแก้วมาให้เหมือน แต่พระแก้วของเขาไม่ใช่หยกจักรพรรดิอย่างของเรา ของเขาเป็นแก้วเขียวใส ๆ จะว่าไปแล้วในช่วงที่มหาอาณาจักรขอมรุ่งเรือง แผ่ขยายอำนาจเข้ามา เรายังไม่มีประเทศไทยเลย ตอนนั้นยังเป็นอาณาจักรเจนละบก เจนละน้ำ อาณาจักรทวารวดี อาณาจักรไศเลนทร์ อาณาจักรละโว้ ส่วนประเทศไทยยังไม่มี เขาเจริญมาก่อนนานมาก" |
"ช่วงนั้นบรรดาศิลปะต่าง ๆ อย่างพวกปราสาทหิน พวกรูปจำหลัก เราเอามาจากขอมทั้งหมดเลย แล้วขอมก็รับอิทธิพลจากฮินดูมาอีกทีหนึ่ง เนื่องจากพราหมณ์โกณฑัญญะไปแต่งงานกับนางนาคโสมาเทวี ซึ่งเป็นชาวพื้นเมืองขอม แล้วก่อตั้งอาณาจักรขอมขึ้นมา ในเมื่อเป็นพราหมณ์ก็เลยเอาศาสนาฮินดูเข้าไปก่อน เขาก็เลยนับถือฮินดูกันมาก่อน
จนกระทั่งมาถึงสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ พระองค์นับถือพุทธศาสนา ก็เปลี่ยนแปลงเอารูปเคารพที่เป็นฮินดูออก แล้วเอาพระพุทธรูปใส่เข้าไปแทน พอกษัตริย์รุ่นต่อมาหันไปนับถือฮินดู ก็เอาพระพุทธรูปออก แล้วเอารูปเคารพใส่คืนไป ที่ปราสาทตาพรหม มัคคุเทศก์เขาชี้ให้ดู “สงสัยไหมครับ..ทำไมมีแต่ผนังขรุขระ ๆ ไม่มีรูปอะไรเลย ? ปกติแล้วจะต้องมีรูปตลอด” เขาบอกว่าเป็นเพราะสกัดรูปทิ้งกันไปมา ๓ - ๔ รอบแล้ว เขาก็เลยขี้เกียจแกะใหม่ พอกษัตริย์นับถือพุทธเขาก็ไปแกะเป็นรูปพุทธประวัติ พอกษัตริย์นับถือฮินดูก็ไปแกะเป็นพวกรูปกวนเกษียรสมุทร แกะไปแกะมาช่างคงระอาเต็มที จึงปล่อยทิ้งเหลือไว้แต่ผนังขรุขระ" |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 09:06 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.