กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=47)
-   -   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๕ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=3340)

เถรี 21-05-2012 16:58

"ศาสนาพราหมณ์เข้ามาในไทยตั้งแต่ก่อนสมัยกรุงสุโขทัย แต่มีหลักฐานปรากฏชัดในสมัยสุโขทัย เขาเข้าถึงพระเจ้าแผ่นดินมาตั้งแต่ยุคสมัยนั้น จนกระทั่งยุคปัจจุบันก็ยังเข้าถึงโดยตลอด แต่ศาสนาพราหมณ์กลับไม่เจริญ น่าจะเป็นเพราะว่าเขาไม่ได้คิดเบียดเบียนศาสนาอื่น อย่างพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เป็นพิธีพราหมณ์ ๑๐๐ เปอร์เซนต์เต็ม

พอรัชกาลที่ ๔ ขึ้นครองราชย์ พระองค์ปรับให้พิธีพราหมณ์ต่าง ๆ มีพิธีพุทธร่วมด้วย อย่างเช่นให้มีการเจริญพระพุทธมนต์ก่อน ให้มีการรับศีลก่อน ในเมื่อเอาพิธีพุทธเข้าไปก็ปนกัน เหมือนจะกลืนพราหมณ์เช่นกัน จะว่าไปแล้วพราหมณ์เข้าถึงองค์พระมหากษัตริย์มาตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน แต่ว่าไม่มีการบีบบังคับให้ใครนับถือศาสนาพราหมณ์

อย่างอาณาจักรศรีวิชัย พอระเด่นปาทาชิงราชสมบัติได้ มเหสีก็ขอร้องให้ถือศาสนาอิสลาม เพราะมเหสีของระเด่นปาทาเป็นอิสลาม แล้วบังคับประชาชนทั้งหมดให้ถืออิสลามไปด้วย ศาสนาพุทธก็ล่มจมจากอินโดนีเซียตั้งแต่นั้นเลย แต่ไม่เป็นไร..ตอนนี้กำลังค่อย ๆ ฟื้นคืนมาแล้ว"

เถรี 22-05-2012 11:59

พระอาจารย์กล่าวว่า "เวลาที่อ่านเรื่องผจญกรรม อย่าไปใส่อารมณ์มาก ดูตามไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวอาจจะเจอตัวเองอยู่ในนั้น..(หัวเราะ)..

จะได้รู้ว่าเราไม่ได้เกิดมาเพียงชาติเดียว แต่เกิดมาจนนับชาติไม่ถ้วน ควรจะเข็ดได้แล้ว เรื่องราว ๒ - ๓ ตอนที่ลงในเว็บ เฉพาะตอนที่เกิดเป็นคน ถ้านับเวลาแล้วก่อนคริสตศักราชอีก ก็แปลว่า ๒ พันกว่าปีแล้ว กรรมเพิ่งจะตามมาทัน ถ้าเรานับระยะเวลาของโลกมนุษย์ก็ยาวนาน แต่ถ้านับเวลาของสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชก็ประมาณ ๔๐ วัน เพราะวันหนึ่งของสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชเท่ากับ ๕๐ ปีของโลกมนุษย์"

เถรี 22-05-2012 12:36

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1339756825
แมวตาเพชรปากคาบแก้ว

พระอาจารย์กล่าวว่า "โบราณไม่มีตำราดูหมามากเหมือนแมว ลักษณะหมาโบราณชัด ๆ เลยคือหลังอาน หรือไม่ก็คาบแก้ว คาบแก้วเป็นลักษณะหมาที่มีขนสีขาวขึ้นเป็นวง แต่ไม่เต็มวงนะ แค่ครึ่งหนึ่งเพราะคาบไปครึ่งหนึ่ง เขาว่าจะเอาความเจริญมาให้แก่คนเลี้ยง"

ถาม : คาบแก้วเป็นอย่างไรคะ ?
ตอบ : เป็นขนตรงปากล่าง เป็นครึ่งวงกลมสีขาว ถือว่าคาบแก้วมาให้ ที่เห็นเป็นครึ่งวงกลมเพราะอีกครึ่งหนึ่งหมาคาบอยู่

ส่วนที่กำแพงแสนมีหมาตาเพชร ตาสีเขียวปลอดทั้งดวงเลย ไม่มีตาดำ

เถรี 22-05-2012 13:23

ถาม : เวลาเราทำสมาธิ เราสามารถที่จะอธิษฐานให้คนที่เสียชีวิตไปแล้วได้ไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าเราอุทิศส่วนกุศลไป เขาตายไปแล้วอยู่ในเขตที่โมทนาได้เขาก็ได้รับ แต่ถ้าอยู่ในเขตที่โมทนาไม่ได้ก็ไม่ได้รับ ต้องรอให้เขาพ้นเขตนั้นมาก่อน ก็แปลว่าผู้ที่รับส่วนกุศลได้ต้องอยู่ในเขตที่โทษไม่หนักมากนัก

ถาม : เราจะทราบได้อย่างไรคะ ว่าเขารับได้หรือรับไม่ได้ ?
ตอบ : ฝึกทิพจักขุญาณให้ได้แล้วไปดู เพราะถ้าคนอื่นบอกเราก็ไม่มั่นใจสักที

ถาม : คือไม่มีใครบอกได้
ตอบ : บอกได้..แต่เราก็ไม่เชื่ออยู่ดี เพราะเราไม่เห็น เพราะฉะนั้น..เราต้องเห็นเอง ต้องฝึกให้ได้เอง

ถาม : สวดมนต์เสร็จแล้ว อธิษฐาน...?
ตอบ : ให้เขาทุกครั้ง เขาจะได้รับไม่ได้รับไม่เป็นไร ถ้าเขาได้รับก็แปลว่าเราทำสำเร็จสมประสงค์ ถ้าเขาไม่ได้รับ รอเขาพ้นจากเขตนั้นมาก็ได้รับเอง

เถรี 22-05-2012 13:35

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : เหรียญกูผู้ชนะใช้ “อิทธิฤทธิ พุทธะนิมิตตัง ขอเดชะเดชัง ขอเดชเดชะ จงมาเป็นที่พึ่งแก่มะอะอุนี้เถิด” ถ้ารักษาศีลได้บริสุทธิ์จะเกิดผลมหาศาลเลย อย่าไปคิดร้ายกับคนอื่นเขาก็พอ

ถาม : อานุภาพ ?
ตอบ : ป้องกันอันตรายได้ทุกประเภท

เถรี 22-05-2012 13:56

ถาม : ถ้าสมมติว่าเราไม่ได้ตั้งใจ บังคับให้รถผ่านแทรกทะลุอีกคัน เป็นไปได้ไหมว่าจะแทรกไปได้ ?
ตอบ : ลองทำดูก่อน ถ้าทำได้สักครั้งเดียวก็ได้คำตอบเอง ตราบใดที่ไม่ได้ลองทำก็สงสัยไม่เลิก สมัยอาตมาอยู่วัดท่าซุง ด้วยความซน
ป้าศุภาพร(ภรรยาหลวงตาวัชรชัย)รู้ ก็เลยกระเซ้าเล่น “ระวังนะหลวงพี่..ถ้าออกไปครึ่งตัวแล้วสมาธิคลาย ก็ติดอยู่ตรงนั้นแหละ”

ตอนช่วงที่ทำได้ครั้งแรกก็ไม่รู้ อยู่ ๆ ก็พุ่งทะลุกำแพงไปเฉย ๆ กลัวว่าตึกจะพัง พอไปดูเข้าจริง ๆ ก็ไม่มีร่องรอยอะไร นึกสงสัยก็ไปอีก จนกระทั่งเข้าใจว่า ที่เราเห็นว่าทึบ ความจริงรอยต่อของฝาผนังกว้างเป็นซูเปอร์ไฮเวย์เลย เพียงแต่ว่าเราต้องทำใจของเราให้ละเอียดเท่านั้น

ถาม : แล้วเหมือนกับตอนที่ท่านลอยขึ้นไปบนเพดานแล้วเจอพัดลมหรือเปล่า ?
ตอบ : คนละอย่างกัน อันนั้นภาวนาเฉย ๆ แล้วก็ลอยขึ้นไป

เถรี 22-05-2012 14:06

ถาม : ในหนังสือสวดมนต์ ที่โบราณบอกว่าให้ท่องคาถา ๑๐ คาบ ?
ตอบ : คาบก็คือจบ ถ้า ๑๐ คาบก็ ๑๐ จบ มีบางตำราเพื่อความเป็นสมาธิเขาให้กลั้นใจก่อน เวลากลั้นใจแล้วจิตจะนิ่ง เพราะรู้ว่าใกล้ตายแล้ว จึงต้องมองหาว่าจะไปทางไหนดี แต่ทำอย่างนั้นบ่อย ๆ ตอนภาวนาจะเสีย เพราะเคยชินกับการกลั้นลมหายใจ บังคับลมหายใจ ถ้าเจอ ๑๐๘ คาบก็สนุก..!

เถรี 22-05-2012 14:21

พระอาจารย์กล่าวว่า "คำว่าบูเก๊ะ เป็นภาษายาวี แปลว่า ภูเขา มีหลายคนพยายามเอามาโยงกับคำว่าภูเก็ต เขาบอกว่าภูเก็ตน่าจะเป็นภาษายาวี ก็คือบูเก๊ะ เพราะว่าภูเก็ตเป็นเกาะอยู่กลางทะเล ถ้าเอาน้ำออกก็คือภูเขานั่นแหละ แต่ไม่น่าใช่..ภูเก็ตคำนี้น่าจะเป็นคำไทยแต่ว่าเขียนผิด น่าจะมาจากคำว่าเก็จ ก็คือภูเขาเงิน ภูเขาทอง ภูเขาแก้ว

บางอย่างเขาก็ลากจนเกินไป พอลากไกลเกินไปทำให้คิดมากแล้วก็เสีย มีคนพยายามอธิบายคำว่านครราชสีมา เขาบอกว่าสมัยก่อนยังมีราชสีห์อยู่ พรานล่าราชสีห์ได้ก็แบกหามกันมา ชาวบ้านเห็นถามว่า “คอนหยังมา ?” (แบกอะไรมา) พรานบอกว่า “คอนราชสีห์มา” หลังจากนั้นก็เรียกบริเวณนั้นว่านครราชสีมา

พวกนั้นฟุ้งซ่านเกินไป นครก็แปลว่าเมือง ราชสีมาก็คือเขตของพระราชา นครราชสีมา คือเมืองอยู่ใต้การปกครองของพระราชา แค่นี้ก็จบแล้ว บางทีนักภาษาก็พยายามจะคิดอะไรที่เกินเหตุไป"

เถรี 22-05-2012 14:39

ถาม : เวลาเข้าป่าเจอผึ้งทำอย่างไรดีครับ ?
ตอบ : มีเป็นปกติเลย ถ้าผึ้งไม่มาตอมแสดงว่าคุณไม่มีเหงื่อ ผึ้งมาตอมเพราะว่าจะมากินเกลือ ผึ้งอยากได้ความเค็ม

ถาม : มีวิธีไล่ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าวิธีของผมนี่สบายมากเลย หาที่ใกล้ ๆ นั่นแหละ เอาใบไม้วางสัก ๔ - ๕ ใบ แล้วก็ปัสสาวะรดไว้ ผึ้งก็จะไปตอมตรงนั้นแทน ยิ่งถ้าขังอยู่บนใบไม้ด้วยเดี๋ยวมากันเต็มเลย

บางที่ผึ้งชุมถึงขนาดต้องกางกลดจึงฉันข้าวได้ มีอยู่ครั้งหนึ่งผมไม่รู้ ปักกลดลงไปแล้วด้วย ผึ้งดาหน้าเข้ามาเยอะแยะ วันรุ่งขึ้นจึงรู้ว่าอยู่ห่างจากโพรงผึ้งไม่เท่าไรเอง

พวก ก.ย.ก็ใช้ได้นะ แต่ถ้าเหงื่อออกก็ต้องทาใหม่ หรือไม่ก็เอาอย่างพวกชาวบ้าน เวลาโดนยุง โดนริ้น โดนไร โดนผึ้งตอม เขาจะสูบยาพ่นเอา เพราะฉะนั้น..เด็กกะเหรี่ยงพอเริ่มรู้ภาษาก็เริ่มติดยาสูบแล้ว

เถรี 22-05-2012 14:43

ถาม : เป็นโรคไมเกรน มียาสมุนไพรอะไรรักษาบ้างครับ ?
ตอบ : รากบวบ จะเป็นบวบงูก็ได้ บวบเหลี่ยมก็ได้ ให้ชาวบ้านเขาขุดรากบวบขึ้นมาล้างให้สะอาด นำมาตากแห้ง ชั่งน้ำหนักให้ได้ ๑ ขีด เอามาต้มน้ำกิน น้ำหม้อใหญ่ ๆ ใส่รากบวบลงไปทั้งหมดเลย ขีดหนึ่งถือว่าเยอะมาก ต้มกินไปรับรองว่าหายเร็ว

ส่วนใหญ่ไมเกรนเกิดจากความเครียด บางคนแค่มองแดดจ้า ๆ หน่อยก็กำเริบแล้ว

เถรี 22-05-2012 15:45

พระอาจารย์ท่องบทสวดธรรมจักรพร้อมคำแปลให้ฟัง ดังนี้ "เทฺวเม ภิกขะเว อันตา ปัพพะชิเตนะ นะ เสวิตัพพา ส่วนสุดสองอย่างที่ภิกษุมิควรซ่องเสพด้วย โย จายัง กาเมสุ กามะสุขัลลิกานุโยโค การเกี่ยวข้องกับกาม หีโน เป็นของหยาบ เป็นของทราม คัมโม เป็นของบุคคลผู้ครองเรือน โปถุชชะนิโก เป็นบุคคลที่ยังกิเลสหนาอยู่ อะนะริโย ไม่สร้างความเจริญ อะนัตถะสัญหิโต ไม่ประกอบด้วยประโยชน์

โย จายัง อัตตกิลมถานุโยโค การประกอบตนให้ลำบาก ทุกโข ประกอบไปด้วยความยากลำบาก อะนะริโย ไม่ใช่ทางแห่งความเจริญ อะนัตถะสัญหิโต ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์ ฯ

สังเกตอะไรไหม? ทำไมพระพุทธเจ้าไม่บอกว่า
กามสุขัลลิกานุโยโคเป็นทุกโข? แต่ทำไมอัตตกิลมถานุโยโคจึงบอกว่าทุกโข? เพราะคนส่วนใหญ่เข้าใจยาก เห็นว่าการคลุกคลีอยู่กับกามเป็นความสุข เพราะฉะนั้นถ้าบอกว่ากามเป็นความทุกข์คนก็ค้าน คนค้านก็ไม่ฟัง โอกาสเข้าถึงธรรมก็ไม่มี"



เถรี 22-05-2012 15:53

พระอาจารย์กล่าวว่า "โบราณเขาบอกว่า แก่ก็ให้แก่อย่างกะโหลกกะลา จะได้เอาไปใช้ประโยชน์ได้ โบราณเขาเอากะลาไปทำทะนานตวงข้าวได้ เอากะลาไปทำทัพพีได้ ทำจวักได้ เอากะลาไปทำกระบวยตักน้ำได้ เอาไปทำซอก็ได้

แต่ถ้าแก่แบบฟักแฟงแตงกวาก็จะหาประโยชน์อะไรไม่ได้ เพราะแก่แล้วหมดประโยชน์เลย"

เถรี 22-05-2012 16:09

ถาม : มีคาถาหลายบทให้บริกรรมภาวนา เราควรจะบริกรรมบทใดบทหนึ่ง แล้วเจียดช่วงเวลาเปลี่ยนบทบริกรรม หรือว่าควรจะว่าบทเดียวไปเลย ?
ตอบ : ใช้บทใดบทหนึ่งให้กำลังใจทรงตัวก่อนแล้วค่อยเปลี่ยน เพราะเวลากำลังใจทรงตัวแล้ว พอเราเปลี่ยนคาถาผลจะได้เท่ากันไปเลย สมัยก่อนอาตมาก็ทำวิธีนี้แหละ จำกัดไว้ว่าแต่ละบทจะว่ากี่จบ ด้วยความที่เคยชินกับการใช้คาถาหลายบท สมมติว่าเราภาวนาบทละ ๓๐ จบ พอถึงเวลาจบบทแล้ว จะภาวนาขึ้นบทใหม่เองโดยอัตโนมัติ รู้ว่าบทต่อไปคืออะไร จิตทำงานเองเลย

เถรี 22-05-2012 16:28

พระอาจารย์กล่าวกับแม่ชีเคิ่ลว่า "ขอชมว่าเก่งที่ตัดใจได้ เพราะว่าในเรื่องของการปฏิบัติ การตัดสินใจเด็ดขาดสำคัญที่สุด ถ้าไม่มีการตัดสินใจที่เด็ดขาด โอกาสได้มรรคผลแทบจะเป็นศูนย์

ในเรื่องของมารเราหย่อนมือให้ไม่ได้ เด็ดแล้วต้องขาด ถ้าเขาเซเราต้องซ้ำ ไม่ต้องไปนึกถึงน้ำใจนักกีฬาหรอก เพราะถ้าเราไม่ซ้ำ ปล่อยให้กิเลสมีแรงฟื้นกลับขึ้นมาใหม่ คราวนี้เขาจะแข็งแรงกว่าเราหลายเท่า ตีเราตายเลย"

เถรี 22-05-2012 16:36

พระอาจารย์เล่าว่า "มีฝรั่งไปสมัครบวชที่วัด เขาขอบวชปลายปี ขอกลับไปจัดการเรื่องการงาน และขายบ้านขายช่องให้เรียบร้อยก่อน ดูท่าเขาจะบวชยาวเลย เขาบอกว่าไปดูมาหลายที่แล้ว วัดท่าซุงก็ไป วัดเขาวงก็ไป ดูไปดูมาแล้วชอบใจวัดท่าขนุนมากที่สุด

พาเขาออกบิณฑบาต เดินจนเหงื่อท่วมตัวเลย อาตมาก็ขำ บอกกับเขาว่า "ให้คุณคิดเสียว่าเป็นมอร์นิ่งวอล์คก็แล้วกัน" เขาก็คลำพุงดูว่าพุงหายหมดแล้ว

เขาชื่อลุค ได้ภรรยาเป็นคนไทย อาตมาถามภรรยาเขาว่ายินดีให้สามีบวชหรือ ? ภรรยาบอกว่า "อยากให้บวชมานานแล้ว" อาตมาบอกว่า "เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน คุณไปบวชชีมา" ลุคก็หันขวับมาบอกว่า “อยู่วัดเดียวกันไม่ได้” เขาห้ามอยู่วัดเดียวกัน กลัวอยู่ใกล้แล้วไฟช็อต..!

อาตมาบอกว่า "ไม่เป็นไร เดี๋ยวส่งเขาไปอยู่แถวเกาะพระฤๅษีก็ได้" ภรรยาก็รีบไปบรรยายให้สามีฟังว่า อาจารย์จะส่งไปอยู่ที่เกาะพระฤๅษี อาตมาต้องบอกว่า"ไม่ใช่ ส่งเมียไป ไม่ใช่ส่งผัวไป"..(หัวเราะ)..เวลาฝรั่งตัดสินใจทำอะไรแล้ว โดยนิสัยเขาจะทำจริง ในเมื่อเขาทำจริงจังก็มักจะประสบความสำเร็จ นี่เห็นว่าจะไปขายบ้านที่อียิปต์อีกหลัง แสดงว่าซื้อบ้านไว้หลายที่เหมือนกัน

เขาดูรอบวัดแล้วบอกว่า ถ้าเขาบวชขออนุญาตอยู่ที่แดนสงบตรงริมน้ำ อาตมาบอกว่า “แม่ชีจองไปหมดแล้ว” หลังสุดท้ายที่เหลืออยู่เป็นของแม่ชีเคิ่ล พวกเราถ้ายังไม่เข็ด ยังไม่เบื่อกับชีวิต ก็สนุกสนานกันไปก่อน เดี๋ยวไว้เข็ดจริง ๆ แล้วค่อยไปบวชชีกัน"

เถรี 23-05-2012 10:21

พระอาจารย์กล่าวว่า "สมัยก่อนเขาจำแนกศักดิ์ฐานะด้วยเครื่องแต่งตัว คนจีนเขาจะปักรูปที่หน้าอกเสื้อ ดูก็จะรู้ว่าอยู่ระดับไหน คนที่สวมเสื้อปักลายมังกร ๙ ตัวได้มีแต่ฮ่องเต้เท่านั้น"

ถาม : ถ้ามังกรตัวเดียว ?
ตอบ : ถ้าเป็นลายมังกรตัวเดียวต้องได้รับอนุญาตจากฮ่องเต้ก่อน ซึ่งมีคนเดียวที่ได้รับอนุญาตก็คือตี๋เหรินเจี๋ย เพราะว่าสร้างความดีความชอบไว้มาก หวู่เจ๋อเทียนพระราชทานเสื้อคลุมลายมังกรให้เลย

เถรี 23-05-2012 11:13

พระอาจารย์กล่าวว่า "สมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก ๒๑ ศอกที่หน้าวัด ช่างคำนวณน้ำหนักมาแล้วว่า เมื่อเทคอนกรีตเสร็จจะหนัก ๓๕๐ ตัน ราว ๆ สามแสนกว่ากิโลกรัม แต่อาตมาตีฐานรากเผื่อไว้แล้ว

ปกติเสาเข็มจะตีหลุมละต้น เสาเข็มที่นี่ตีหลุมละ ๔ ต้น รับน้ำหนักไม่อยู่ก็ให้มันรู้ไป..! เสาเข็มหน้า ๑ ฟุต ก็คือกว้างฟุตยาวฟุต อัดลงไปถึงหินดาน ถ้าขนาดนั้นยังทรุดก็ต้องปล่อยไปตามเวรตามกรรม..!

มีแต่คนสงสัยว่าสร้างตึกอะไรหน้าวัด อาตมาบอกว่าไม่ใช่ตึก แต่เป็นฐานพระ พอเขาได้ยินว่าเป็นฐานพระก็ร้องหา..! เพราะฐานพระกว้าง ๓๐ เมตร เดี๋ยวต้องรอดูว่าใครมีเส้นสายกับการไฟฟ้า จะขอให้เขาเอาสายไฟลงใต้ดินให้หน่อย ทางวัดยินดีจ่ายให้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะค่าสายค่าท่ออะไร ถ้าใครมีเส้นมีสายช่วยบอกให้หน่อย อาตมามีเส้นแค่รองผู้ว่าการไฟฟ้า แต่ไม่อยากรบกวนใคร ติดหนี้บุญคุณคนแล้วชดใช้ยาก"

เถรี 23-05-2012 11:29

พระอาจารย์กล่าวถึงลักษณะการเจิมหน้าผากของพวกฮินดูว่า "ถ้าพวกเราสังเกตจะเห็นว่าฮินดูเจิมหน้าผากอยู่ ๒ ลักษณะ คือแบบ ๓ เส้นแนวตั้ง หมายถึง ตรีศูลของพระศิวะ อันนี้เป็นไศวนิกาย นับถือพระศิวะเป็นใหญ่ แบบ ๓ เส้นแนวขวางเป็นไวษณพนิกาย นับถือพระนารายณ์ เขาถือว่าพระนารายณ์บรรทมสินธุ์ นอนอย่างเดียว ดังนั้น..ต่อไปถ้าเราไปเห็น ๓ เส้นตรงกับ ๓ เส้นขวาง ก็จะได้ทราบความหมาย

อีกแบบก็คือ ติลกะหรือดิลก เขาถือว่าเป็นมงคลชีวิต โดยเจิมเป็นจุดแดงที่หน้าผาก ถ้าหากว่าไม่ใช้สีแดงก็ใช้ขี้วัวสดเจิม เขาถือว่าเป็นโคนนทิ พาหนะของพระอิศวร"

เถรี 23-05-2012 11:48

พระอาจารย์กล่าวว่า "วันที่ ๓๐ พฤษภาคม ต้องวิ่งมารับเสาเสมาธรรมจักร ส่วนวันที่ ๒๙ ตุ๊พ่อสิงห์จะให้ไปบวงสรวงพุทธาภิเษกที่วัดถ้ำป่าไผ่ ท่านบอกว่า ๒๘ ให้มานอนนะ เพราะว่าพุทธาภิเษกกันแต่เช้ามืดเลย แล้วบวงสรวง ๙ โมงครึ่ง

แค่ว่าวันที่ ๒๘ อาตมาติดสอนหนังสือเช้า ๒ ชั่วโมง บ่าย ๓ ชั่วโมง สอนเสร็จนั่งรถขึ้นไปลำพูน ไม่รู้ว่าจะไปถึงที่นั่นดึกดื่นเที่ยงคืนแค่ไหน ?"

เถรี 23-05-2012 12:24

ถาม : พระปิดตามหาเศรษฐีเงินล้านฯ เหมือนที่หลวงพ่อเสกไหมครับ ?
ตอบ : ไปถามเซียนพระ อาตมาไม่เคยสงสัยในพุทธคุณ ต่อให้ของปลอมมาถึงมือก็เป็นของจริง เพราะว่ามั่นใจ..!


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 19:04


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว