กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนมิถุนายน ๒๕๖๒ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6643)

เถรี 13-06-2019 08:28

"เขาออกข่าวว่า ‘กลาโหมวิงวอนอย่าเชื่อข่าวปฏิวัติ’ ก็ครั้งก่อนเราก็เชื่อว่าจะไม่ปฏิวัติไม่ใช่หรือ ? ก็แค่เชิญคณะรัฐบาลไปประชุมในค่ายทหารเท่านั้นเอง แล้วก็บอกว่าคุณควรจะเลิกบริหารประเทศได้แล้ว เขาไม่เรียกว่าปฏิวัติสินะ ?"

เถรี 13-06-2019 08:32

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตำรายาโบราณเป็นปริศนา บอกว่าตัวยาประกอบด้วย หนึ่ง..ยกขึ้นมากาบินหนี สอง..แหวกแม่พระธรณี สาม..หนีสงสาร สี่...ไปนิพพานไม่รู้กลับ ถ้าใครคิดได้ก็เป็นยาอายุวัฒนะ ถ้าใครคิดไม่ได้ก็อาจจะเป็นยาลดอายุ..!

สมัยก่อนถึงเวลาเขายิงอีกา ถ้าใช้หนังสติ๊กทั่วไปจะยิงไม่อยู่ เพราะว่าอีกาตัวใหญ่ แข็งแรง เขาต้องใช้คันกระสุน คราวนี้พืชสมุนไพรที่มีคำว่ากระสุนก็คือโคกกระสุน เลยผูกปริศนาเป็นยกขึ้นมากาบินหนี

แหวกแม่พระธรณี อะไรแหวกแม่พระธรณี ? ก็ต้องขุด ๆ ไถ ๆ ดัน ๆ ใช่ไหม ? แล้วที่ขุด ๆ ไถ ๆ ดัน ๆ ดินเป็นประจำก็มีแต่หมู ก็เลยต้องตีความว่าเป็นหญ้าแห้วหมู

หนีสงสารก็คือหนีวัฏสงสาร สมัยก่อนที่หนีวัฏสงสารเขาทำอย่างไร ? เขาก็ต้องบวช คราวนี้ถ้าจะบวชจะทำอะไร ? ไม่ใช่กล้วยบวชชี มีอยู่อย่างเดียวก็คือว่าบวชพระ ในเมื่อบวชพระก็ต้องห่มจีวร จีวรก็ต้องย้อมด้วยขมิ้น เพราะฉะนั้น..สมุนไพรตัวนี้ก็สมควรที่จะเป็นขมิ้น

ไปนิพพานไม่รู้กลับ ลักษณะอย่างนี้ไปนิพพานภาษาชาวบ้านคือตาย อะไรที่เกี่ยวกับความตาย ? ...หาไม่ได้ แล้วอะไรที่หมายถึงความตาย ? ...ก็ผี สรุปว่าก็น่าจะเป็นผักเสี้ยนผี"


เถรี 13-06-2019 08:35

"ตำรายาโบราณเขาบอกว่า น้ำตาลิง น้ำพิงกะได กินกะได ทากะได ตำรายาโบราณเขาเขียนจนเราประสาทจะกิน คือของโบราณเวลาเขาเขียนตัวหนังสือนี่แยกพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ ชัดเจนมาก สระอิลอยอยู่ เสร็จแล้วตัวอังอยู่ข้างบนเกือบติดอีกบรรทัดหนึ่ง เพราะฉะนั้นเขียนน้ำตำลึง คนดูไม่ทันก็กลายเป็นน้ำตาลิง ถึงได้มีน้ำตาลิง น้ำพิงกะได กินกะได ทากะได

คำว่า 'ก็' ไม้ไต่คู้อยู่ติดแถวบนโน่น 'ก็ได้' ไม้โทอยู่ติดแถวบนโน่น คนรุ่นใหม่ดูดูแต่แถวล่าง กลายเป็น กินกได ทากได"

เถรี 13-06-2019 08:47

ถาม : ถ้าสมมติจะรื้อศาลพระภูมิโดยที่ไม่ได้ตั้งใหม่ให้ จะได้ไหมครับ พอดีมีคนเขาซื้อบ้านต่อจากเราครับ ?
ตอบ : ให้เขาจัดการเอง อย่าเสือกไปยุ่งกับเขา

ถาม : ปัญหาคือเขาบอกให้เราจัดการไปด้วย ?
ตอบ : ถ้าหากว่ารื้อแล้วไม่สร้างให้เขาใหม่ ก็เตรียมตัวซวยได้

เถรี 13-06-2019 08:48

ถาม : ถ้าเราไม่จุดธูปเทียนในห้องพระ เราไปจุดข้างนอกบ้านได้ไหมคะ ?
ตอบ : ได้ จุดที่ไหนก็ได้ ตั้งใจบูชาท่านก็แล้วกัน

เถรี 13-06-2019 08:53

ถาม : บ้านน้องสาวที่ลำปาง ฟ้าผ่าลงมาค่ะ ?
ตอบ : โบราณเขาจะทำพลีกรรม ทำบุญล้างซวย

ถาม : พลีกรรมอย่างไรครับ ?
ตอบ : ส่วนใหญ่ก็ตั้งบายศรีขอขมาเทวดา แล้วก็ทำบุญบ้านล้างซวยไป

ถาม : บอกวิธีแล้วเขาจะทำหรือเปล่าก็ไม่รู้ ?
ตอบ : เราก็ทำแทนเขา ถ้าเขามีวิธีก็ทำตามเขา ถ้าเขาไม่มีก็เอาแค่ที่เราบอก

ถาม : ที่บ้านมีชนวนหรืออย่างไรคะ ฟ้าถึงลงที่บ้าน ?
ตอบ : ตรงนั้นสูงกว่าที่อื่น

ถาม : แถวบ้านเขาบอกว่ามีแก้ว วันขึ้น ๘ ค่ำวันพระ จะมีแก้วลอย ?
ตอบ : ก็ลองขุดดู ถ้าหากว่ามีก็อัญเชิญออกมา หาที่บรรจุให้เหมาะสม

ถาม : ตอนเล็ก ๆ หนูก็เคยเห็นแก้วลอยออกไป เขาเรียกอะไรคะ ? จะถามผู้เฒ่าผู้แก่ก็ตายไปหมดแล้ว
ตอบ : เขาเรียกพระธาตุเสด็จ อาจจะมีอยู่ข้างใต้ ทีนี้มีคนดันไปอาศัยอยู่ตรงนั้น ก็ต้องมีโดนบ้าง

เถรี 13-06-2019 21:29

พระอาจารย์กล่าวว่า "ท่านอาจารย์สันติ โชติกโร ป.ธ. ๙ อดีตรองเจ้าคณะอำเภอห้วยกระเจา อดีตเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ประชุมชนาราม มรณภาพตอนอายุ ๔๕ ปี บางคนก็บอกว่าเป็นอาถรรพ์ของเบญจเพสที่ ๓

เรื่องเกี่ยวกับเบญจเพส อาตมาเจออาถรรพ์มาตลอดชีวิต อายุ ๒๕ ก็เก็บเงินทะลุหลักแสนได้ อายุ ๓๕ สร้างวัดเสร็จ อายุ ๔๕ ตราตั้งมา ๖-๗ ตำแหน่งพร้อม ๆ กัน พออายุ ๕๕ ก็เรียนจบสารพัด เพราะฉะนั้น..อาถรรพ์พวกนี้ก็ดีเหมือนกันนะ ตำแหน่งหน้าที่การงานเป็นได้สารพัด เป็นกระทั่งนักการเมือง..!

เป็นเรื่องที่ดีของคนอื่น แต่สำหรับอาตมาแล้วไม่รู้สึกอยากได้ ในเมื่อได้มาแล้วมีแต่ภาระก็เลยเป็นอาถรรพ์ ก็เห็นเขาบอกว่าไม่ดี ตอนนี้อายุ ๖๐ ปี เป็นรองเจ้าคณะอำเภอ รับรางวัลหลายรางวัลติด ๆ กัน ยิ่งอาถรรพ์หนักเข้าไปใหญ่ เอาให้ตายกันไปข้างหนึ่ง"

เถรี 13-06-2019 21:35

ถาม : คนที่สร้างรูปหล่อ ตั้งกำลังใจว่าตายจะไปอยู่ในนั้นเลย แสดงว่า...?
ตอบ : เป็นอธิษฐานบารมี

ถาม : ผลกรรมที่ทำไว้ไม่ได้เป็นไปตามภพภูมิหรือครับ หรือเป็นตามอธิษฐานครับ ?
ตอบ : สมาธิสูงกว่า ความมุ่งมั่นสูงกว่า ก็จะเป็นชนกกรรม กรรมที่พาไปกำเนิด ลักษณะอย่างนั้นจริง ๆ ไม่น่าจะเรียกว่าไปเกิด คือยังไม่ได้ไปเกิด

ถาม : ชนกกรรมนี้ พอไปอยู่ที่รูปหล่อ จะต้องมีอายุขัยของตัวเองใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ต้องมี ก็คือต้องหมดความมุ่งมั่นด้วย เพราะว่าต้องมีสิ่งอื่นรับช่วงถึงจะไปต่อได้

เถรี 13-06-2019 21:46

ถาม : จะขายคอนโดที่พัทยาครับ ?
ตอบ : เอาเป็นว่าลองไปบนหลวงพ่อสุ่นที่วัดแหลมสิงห์แล้วกัน ไปบนท่าน ขายได้ก็บวชเณรให้ท่านสักรูปหนึ่ง

เด็กสมัยนี้ไม่รู้จักหลวงพ่อสุ่น วัดแหลมสิงห์ ว่าสุดยอดปรมาจารย์ขนาดไหน วัตถุมงคลของหลวงพ่อสุ่น วัดแหลมสิงห์ สร้างไม่ใช่น้อย ๆ นะ แต่ลูกศิษย์ลูกหาไม่มีปล่อยให้หลุดไปที่อื่นเลย ตกทอดกันตามตระกูลอย่างเดียว ถามว่าฝีมือท่านขนาดไหน ? ก็ประเภทเหยียบเรือรบเอียง..!

จริง ๆ แล้วถ้ามีพระไทยเยอะ ๆ แบบหลวงพ่อสุ่น วัดแหลมสิงห์ ต่างชาติหรือต่างศาสนาไม่มีใครกล้ารังแกเราหรอก ถึงเวลาฝรั่งรังแกคนไทย หลวงพ่อสุ่นก็ขัดเขมรชกฝรั่งร่วงคาหมัดเลย ทั้ง ๆ ที่ตัวเล็กกว่ากันเป็นครึ่ง ๆ เอาเรือรบมาขู่ หลวงพ่อสุ่นเหยียบตีนเดียวเรือเอียงไปทั้งลำ จนฝรั่งต้องถอยกลับไป

หลวงพ่อสุ่นเป็นรุ่นอาจารย์ของหลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบเลยนะ แต่คนไม่ค่อยจะรู้จักท่านหรอก พวกที่มีวัตถุมงคลของท่านถึงเวลาก็สั่งลูกสั่งหลานให้สืบต่อกัน ไม่ค่อยมีหลุดออกมา หายากเย็นมาก อาตมามีแหนบอยู่ ๒ อันก็เป็นรุ่นลูกศิษย์สร้าง หลวงพ่ออี๋เสก จริง ๆ แล้วหลวงพ่ออี๋เป็นสุดยอดที่เขานิยมกันหมด แต่ว่าคนก็ยังคงศรัทธาอาจารย์

จะขายคอนโดแถวนั้นลองไปบนหลวงพ่อสุ่น วัดแหลมสิงห์ มาแบบพระโพธิสัตว์อย่างนั้นอย่างไรท่านก็ต้องช่วยอยู่แล้ว

เถรี 13-06-2019 21:49

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อครู่นี้มีโยมคนหนึ่งเพิ่งจะมาใหม่ เขามาก็ถามว่าต้องทำอย่างไรบ้าง ? ปรากฏว่าเจอคุณอภิณห์พรกับคุณกุสุมาหัวเราะแข่งกันอย่างกับคนเมากัญชา จนเขาต้องเดินหนีไปเลย สรุปก็คือลูกศิษย์แสดงออกว่าอาจารย์เป็นอย่างไร ในเมื่อลูกศิษย์ดูเหมือนไม่เต็มบาท อาจารย์ก็คงจะไม่เต็มด้วย เขาก็เลยไปดีกว่า คือเขาถามแทนที่จะบอกเขา กลับไปนั่งหัวเราะแข่งกัน"

เถรี 13-06-2019 22:25

ถาม : ตอนนี้หนูยกมือ ๑๔ จังหวะตามของหลวงพ่อเทียน เพราะยังเคยชินอยู่ แต่ก็เพิ่มรู้ลมไปด้วย ภาวนาพุทโธไปด้วย จับภาพพระไปด้วย ได้ไหมคะ เยอะเกินไปไหมคะ ?
ตอบ : ได้...ถ้าสติขาดก็จะพลาดอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็เท่ากับว่าเราทำกิจกรรมหลายอย่างพร้อม ๆ กัน ซึ่งต้องใช้สติมากขึ้น ระมัดระวังมากขึ้น ถ้าหากว่าตัวไหนบกพร่องเราก็เริ่มต้นใหม่

ถาม : ยังติดกับการเคลื่อนไหว ส่วนหนึ่งทำให้ยึดติดกับกายมากไปจะมีโทษไหมคะ ?
ตอบ : ไม่เป็นไร เพราะว่าถ้าสมาธิทรงตัวเป็นอัปปนาสมาธิ การเคลื่อนไหวจะโดนตัดขาดไปโดยอัตโนมัติ

ถาม : อย่างเวลานั่งสมาธิหลับตาแล้วจับภาพพระ หลวงพ่อเคยบอกว่าทุ่มกำลังสมาธิอยู่กับภาพพระ ๗-๘ ส่วน แล้วอยู่ที่ลม ๒-๓ ส่วน แต่คราวนี้ถ้าเราเคลื่อนไหวประจำวัน คือหนูทำให้สมดุลไม่ได้ ?
ตอบ : แบ่งคนละครึ่งก็ได้ ถ้าไม่ได้ก็ ๗-๘ แปดส่วนมาอยู่กับการทำงาน อีก ๒-๓ ส่วนก็อยู่ที่พระ ถ้าอย่างนั้นจะสะดวกกว่า

ถาม : แล้วไม่ต้องยุ่งกับลมเลยหรือคะ ?
ตอบ : ถ้าหากว่ารู้ลมอัตโนมัติแล้ว ก็กำหนดให้สติรู้ประคองไป ถ้าหากว่าไม่รู้อัตโนมัติก็เอาแค่ภาพพระอย่างเดียว

เถรี 13-06-2019 22:26

ถาม : ตอนนี้หนูยังใช้ภาพพระวิสุทธิเทพเป็นหลัก แต่บางทีบางวันหนูจับภาพพระวิสุทธิเทพไม่ได้ หนูเปลี่ยนเป็นภาพพระอย่างอื่นได้ไหมคะ ?
ตอบ : ได้...เอาให้เป็นพุทธานุสติ จะเป็นภาพพระปางไหน ลักษณะไหน สีสันไหน ก็ได้ทั้งหมด

เถรี 13-06-2019 22:30

ถาม : หนูเป็นคนฟุ้งซ่านมาก หนูจะเห็นความคิดอยู่ทั้งวัน การที่หนูเคยถูกสอนมาว่าความคิดคืออาการของจิต ถูกไหมคะ?
ตอบ : ถูก...เพียงแต่ว่าถ้าหากว่าเรามัวแต่ไปตามดูอาการของจิตก็จะเครียด กลับมาดูลมหายใจแทนดีกว่า

ถาม : จิตเราก็คืออาทิสมานกายถูกไหมคะ?
ตอบ : ถูก

ถาม : แล้วทีนี้คือรู้สึกว่าบางครั้งจิตเราก็ฟุ้งซ่าน เราบังคับไม่ได้ แล้วรู้สึกว่าถ้าจิตเป็นเรา ทำไมเราบังคับไม่ได้ ?
ตอบ : แล้วใครเป็นคนบอกว่าจิตเป็นเรา ? สัพเพ ธัมมา อนัตตา ท้ายสุดไม่มีอะไรเหลือเป็นเรา เป็นของเราหรอก จิตก็ทำงานของจิตไป เพราะฉะนั้น..เราเองมีหน้าที่อย่างเดียวคือตามดูตามรู้ ดีก็รู้ว่าดี ไม่ดีก็รู้ว่าไม่ดี เสร็จแล้วก็อย่าไปเสวยอารมณ์ คือเข้าไปยุ่ง ถ้าเราไม่เข้าไปยุ่ง จะดีหรือไม่ดีเราก็เป็นเพียงคนดูเฉย ๆ ในเมื่อเราเป็นคนดู รัก โลภ โกรธ หลง ก็ไม่เกิดขึ้น ทุกอย่างก็เป็นแค่อาการ เป็นแค่กิริยาเท่านั้น ไม่เป็นกรรม

ถาม : ปัญญายังไม่ถึงค่ะ ?
ตอบ : ทำไป ถ้าหากยุ่งมาก ๆ ไปไม่ไหวจริง ๆ ก็กลับมาอยู่กับลมหายใจเข้าออกให้มากขึ้น อย่างอื่นตัดทิ้งไปก่อน มาดูลมหายใจเข้าออกเพื่อที่จะใช้กำลังสมาธิในการกดตัวอื่นก่อน

เถรี 13-06-2019 22:33

ของโยมเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือ สมัยเด็ก ๆ อาตมาฝึกกำลังภายในแบบของจีน ซึ่งใช้การรู้ แต่เป็นการรู้ภายใน เคลื่อนไหวลมปราณไปในกาย ว่าตอนนี้ไปถึงไหน ๆ

พอกลับมาฝึกลมหายใจเข้าออก รู้สึกว่าวิสุทธิมรรคลำบากมาก เพราะว่าหยุดนิ่งไม่ได้ ต้องคอยบังคับอยู่นานกว่าที่จะยอมนิ่ง ก็แปลว่าแรก ๆ จะต้องยื้อกัน อย่างของโยมจะไปที่เคลื่อนไหว พอเรารู้ตัวเราก็ดึงกลับมาที่ลมหายใจ พอไปที่เคลื่อนไหวอีก เรารู้ตัวเราก็ดึงกลับมาที่ลมหายใจใหม่อีก พอกำลังสมาธิสูงขึ้น เราก็จะบังคับได้ว่าให้อยู่กับลมหายใจ อย่าไปที่อื่น แรก ๆ จะลำบากหน่อย...สู้ต่อไป

เถรี 14-06-2019 08:58

ถาม : ในการพิจารณาแบบวิปัสสนา หนูฟังหลวงพ่อฤๅษีฯ ยังไม่ค่อยเข้าใจ ทำแล้วเหมือนใจเราดื้อ ไม่น้อมตามไป ถ้าเบื้องต้นเกาะแค่ไตรลักษณ์ได้ไหมคะ?
ตอบ : เอาแค่นั้นก็เหลือเฟือแล้ว ทุกอย่างไม่เที่ยง ทุกอย่างเป็นทุกข์ ไม่มีอะไรเป็นเราเป็นของเรา ให้เห็นจริง ๆ เท่านั้น แต่ว่าเห็นแล้วใจของเรายอมรับไหม ? ถ้ายังไม่ยอมรับก็ยังเป็นแค่สัญญา คือเราจำได้ว่าความจริงเป็นอย่างนั้น แต่ถ้าหากว่าเป็นปัญญา เราก็ยอมรับว่า อ๋อ...ความจริงเป็นอย่างนั้น เราก็จะไม่ไปยุ่งเกี่ยวด้วย

ถาม : แสดงว่าสติกับเราก็คนละตัวกัน ?
ตอบ : ใช่...สติเป็นตัวรู้ รับรู้การกระทำของจิต

เถรี 14-06-2019 09:00

ถาม : หนูรู้สึกว่าถ้าบางช่วงที่ไปทุ่มกับการนั่งสมาธิ พอไปสักพักหนึ่งเหมือนเวลานั่งก็เหมือนจะมีสมาธิ พอออกจากสมาธิเหมือนสติกลับไม่เหลือ เหมือนกับป้ำ ๆ เป๋อ ๆ หนูต้องกลับมาเหมือนดึงให้สติกลับมา ไม่อย่างนั้นจะจมไปกับสมาธิ ไปไหนก็จะไม่รู้ตัว ?
ตอบ : อันนั้นเขาเรียกว่าพวกสุดโต่ง ตรงกลางไม่มี

ถาม : หนูทำให้สมดุลอยู่ตรงกลางไม่ได้ ถ้าไม่จมไปกับลม ก็จะหายไปเลย ?
ตอบ : ค่อย ๆ หาไป ถ้ายากคนเขาคงทำไม่ได้กันเยอะแยะ จะเอาใจช่วยอยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ

เถรี 14-06-2019 09:02

ถาม : เรานั่งสมาธิเพื่อให้มีสมาธิกับสติขึ้นมา ทำให้เกิดปัญญา แล้วการปฏิบัติกับมโนมยิทธิ คือเราจะมาควบกันตรงไหน?
ตอบ : เอาทีละอย่างก่อน พอได้แล้วต่อไปจะง่าย ถ้ายังไม่ได้นี่ เป็นเด็กหัดใหม่แล้วไปจับปลาหลาย ๆ ตัว ก็ไม่เหลือสักตัวหรอก ตอนนี้เล็งตัวเดียวไปก่อน

ถาม : ก็คือให้อยู่กับกายก็ได้ แต่พอวันหนึ่งที่แน่นขึ้น....?
ตอบ : อะไรที่ทำให้ใจเราสงบ ให้ทำอย่างนั้น สู้ ๆ..คำนี้ให้สู้จริง ๆ นะ ไม่ได้ให้กำลังใจเฉย ๆ สู้ชนิดตายกันไปข้างหนึ่งเลย..!

เถรี 14-06-2019 21:38

ถาม : สักแต่ว่า เป็นเวทนาในเวทนาหรือว่าธรรมในธรรมครับ ?
ตอบ : เป็นอุเบกขา ก็แปลว่าต้องเป็นธรรมในธรรม

เถรี 14-06-2019 21:39

ถาม : การที่จะเคลื่อนไหวก็ถือว่าเป็นกายคตาสติใช่ไหมคะ ?
ตอบ : เป็นส่วนหนึ่งของอิริยาบถและสัมปชัญญะในกายคตาสติ

ถาม : พอแล้วค่ะ ไม่ถามแล้ว ไปทำดีกว่า ?
ตอบ : ถามมาก ๆ ระวังจะฟุ้งซ่าน เอาแค่พอกิน พอถึงเวลารู้ว่าอันนี้กินได้ก็ตั้งหน้าตั้งตากินไป ไม่อย่างนั้นจะฟุ้งซ่านมาก

เถรี 19-06-2019 06:43

พระอาจารย์กล่าวว่า "การจะยกวัดราษฎร์ขึ้นเป็นวัดหลวง หนึ่ง...วัดต้องเป็นศูนย์กลางชุมชน สอง...หน่วยราชการและประชาชนต้องไปใช้งานเป็นปกติ ข้อที่สาม...มีอายุได้ ๕๐ ปีขึ้นไป ข้อที่สี่...มีความเกี่ยวเนื่องกับราชวงศ์ทางใดทางหนึ่ง ซึ่งวัดท่าขนุนของเราได้หมด

คราวนี้ที่อาตมาไม่ขอเพราะกลัวว่าเป็นเจ้าคุณแล้วต้องเข้าวัง พอถึงเวลาเป็นเจ้าคุณขึ้นมาต้องผลัดกันเข้าวัง นั่งรับสังฆทานอยู่ตรงนี้แล้วต้องวิ่งไปเข้าวัง น่าเบื่อตรงนี้แหละ"


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 23:13


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว