![]() |
ถาม : คนน่าจะรอลุ้นหวยกันอยู่ ก็เลยยังไม่มากัน (ใกล้สี่โมงเย็น) ?
ตอบ : เล่นหวยก่อนแล้วค่อยทำบุญ แทนที่จะเอาพระนำ ก็ไปเอาอบายมุขนำ ขอให้เจริญ ๆ..! |
พระอาจารย์กล่าวว่า "ความผิดพลาด เขาให้ตำหนิตัวเอง ไม่ใช่ตำหนิคนอื่น การที่ตัวเรายังตำหนิคนอื่นอยู่ แปลว่ากำลังของใจเรายังต่ำมาก จึงไม่เห็นความผิดตัวเอง ถ้าหาความผิดไม่ได้จริง ๆ ก็เอาอย่างอาตมาที่ว่า มึงผิดตั้งแต่เกิดมาแล้ว ไม่อย่างนั้นไม่มาเจอเรื่องอย่างนี้หรอก"
|
พระอาจารย์กล่าวว่า "สำนวนสมัยนี้เด็กรุ่นใหม่จะเข้าใจไหมว่าเขาเขียนอะไรออกมา ?
เขาบอกว่า "หามิได้แตกฉานลึกซึ้งเหมือนกับพวกนักปรุงโอสถอย่างแท้จริง" ความจริงคือ "หาได้" หรือ "มิได้" แต่ดันเขียนฟุ่มเฟือย "หามิได้" ก็เลยกลายเป็นสำนวนทุเรศ อ่านแล้วไม่เข้าใจ" |
ถาม : เวลาเราทำทาน เรามีการตัดสินใจว่าจะทำหรือไม่ทำดี เหมือนเป็นการก้าวอีกระดับหนึ่ง เป็นการไม่ปล่อยวาง ?
ตอบ : ขาดอุเบกขา เรื่องของทาน ถ้าจะเอาดีจริง ๆ ก็คือมีก็ทำ ไม่ไปเลือกว่าคืออะไร การให้ทาน ถึงท้ายสุดจะเป็นอุเบกขาในทาน อุเบกขาในทานก็คือ ขอแค่ได้ให้ ไม่คำนึงถึงผลได้ผลเสียอะไรอีกแล้ว |
พระอาจารย์กล่าวว่า “ระวังไว้ด้วยนะ บางท่านประมาทเกินไป เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าอดีตไม่เคยสร้างเวรสร้างกรรมไว้ ? ถึงเวลาก็ออกมาตัวเปล่า หน้ากากก็ไม่มี ใส่หน้ากากไว้อย่างน้อย ๆ ก็กันไปได้ ๕๐ เปอร์เซ็นต์
ตอนนี้บ้านเราเพิ่งจะติดไวรัสแค่ ๓ พันกว่าคน ต่างประเทศเขาติดกันเป็นแสนเป็นล้าน บ้านเราโชคดีที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง บางคนต้องการความคุ้มครองมาก ขนาดรถทั้งคันพุ่งเข้าไปในศาลเลย..! มีใครดูหรือเปล่าเมื่อวานนี้ ? ไม่รู้ความคิดใคร...ตั้งศาลเจ้าพ่อไว้กลางถนนทำเป็นวงเวียน รถพุ่งเข้าไปแสดงความเคารพถึงกลางศาลเลย..! ถ้าจะป้องกันอุบัติเหตุให้ตั้งพระพุทธรูป อาศัยบารมีพระท่านช่วย ที่ทองผาภูมิมีโค้งอันตรายชื่อ โค้งตาลูเก้ ลงเขามายาว ๓ กิโลเมตร คนไม่ชินทางแหกโค้งทุกราย..! มีอยู่เที่ยวหนึ่งน่าจะเกือบ ๒๐ ปีที่แล้ว อาตมาขึ้นไปบรรยายที่ซองกาเลีย อำเภอสังขละบุรี ตอนขาขึ้นก็เห็นเขากำลังตั้งศาลให้ คือตรงนั้นมีธรรมเนียมว่าถ้าคนตายเขาจะตั้งศาล คราวนี้พอบรรยายเสร็จก็ค่ำแล้วกลับไม่ทัน สมัยก่อนถนนหนทางยังไม่ดี พอรุ่งขึ้นค่อยเดินทางกลับลงมา ศาลหลังนั้นพังราบไปเรียบร้อยแล้ว..! ท้ายสุดก็เลยมีคนที่น่าจะรู้จริง ไม่ตั้งศาลแล้ว แต่ทำแท่นหินขึ้นมาแท่นหนึ่ง นำพระพุทธรูปหน้าตักประมาณ ๙ นิ้วไปตั้งหันเข้าหาโค้งพอดี ตั้งแต่นั้นมาไม่มีใครแหกโค้งลงไปตายอีกเลย แต่ถ้าตั้งศาลมีเท่าไรก็พังหมด ก็อย่างที่บอกว่าตอนเย็นขึ้นไปศาลยังดี ๆ อยู่ เช้าลงมาศาลพังไปแล้ว..!" |
“สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก ไม่มีอะไรเกินพระรัตนตรัย ไม่มีอะไรเกินพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อาตมาเคยเปรียบเทียบว่า ถ้าเราจะหนีแรงดึงดูดของโลกออกไปอวกาศ ก็ต้องใช้จรวดประกอบไปด้วยแรงส่งอย่างมหาศาล สิ้นเชื้อเพลิงไฮโดรเจนเหลวราคาเป็นพัน ๆ ล้านดอลลาร์ ก็หลุดไปได้แค่อวกาศ แต่ติดอยู่ในสุริยจักรวาล ถ้าอาศัยพลังงานมากกว่านั้นอีกหลายเท่า ดีดตัวเองออกจากสุริยจักรวาล ก็ไปติดอยู่ในทางช้างเผือก
ถ้าสามารถดีดหลุดพ้นจากทางช้างเผือก ก็ไปติดอยู่ในเอกภพ ถ้ายังสามารถหาเชื้อเพลิงที่มากกว่านั้นอีกหลายล้านเท่า ก็หลุดจากเอกภพไป เพิ่งจะถึงแค่ชายขอบของชั้นจาตุมหาราช ต้องใช้พลังมหึมามโหฬารขนาดไหน แต่ก็ไปได้แค่นั้น แต่ถ้าเราตั้งใจรักษาศีลให้ดี เราไปได้เกินจาตุมหาราชแล้ว กำลังบุญแรงขนาดนั้นเลย ถ้าทำสมาธิด้วย ก็ไปไกลเกินเทวดาไปเป็นพรหม ใช้ปัญญาเสริมเข้าไป หลุดจากพรหมขึ้นไปพระนิพพาน เพราะฉะนั้น..ทำไมพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ซึ่งอยู่ในแดนพระนิพพาน ท่านถึงบอกว่า อัปปมาโณ หาประมาณไม่ได้ เพราะว่าพลังงานที่ท่านหลุดพ้นจากวัฏสงสารนั้นยิ่งใหญ่เกินกว่าที่อะไรจะร้อยรัดไว้ได้ ถ้าเรามีความเข้าใจ มีความมั่นใจตรงจุดนี้ เราก็อาศัยกำลังของท่านเป็นกำลังใจในการประพฤติปฏิบัติของเรา ก็สามารถก้าวล่วงจากกองทุกข์ ดีดตัวเองหลุดพ้นจากวัฏสงสารได้เหมือนกัน แล้วถ้าหากว่าไม่สามารถจะพ้นไปได้ อาศัยพลังมหาศาลของท่านคุ้มครองเรา อยู่ที่ไหนก็ปลอดภัย" |
“มีใครเคยเล่าให้ฟังแบบนี้บ้างไหม ? ...(หัวเราะ)... ไม่มีอะไรหรอก ไปเปรียบเทียบให้ฝรั่งเขาฟัง ฝรั่งไม่เข้าใจว่าพระพุทธเจ้าของคุณยิ่งใหญ่ขนาดไหน ก็เลยบอกเขาแบบนั้น
กว่าจะเปรียบเทียบให้ฝรั่งเข้าใจแต่ละเรื่องนี่เหนื่อย บอกว่าทุกข์คำเดียว เขาฟังไม่รู้เรื่อง เขาไม่ใช่คนไทย ทุกข์ตรงไหน ? บอกว่า suffering ไม่เข้าใจ ต้องทั้ง hungry thirsty tired สารพัด รวมกันแล้วเรียกว่า suffering คือทุกข์ โดยเฉพาะถ้า painful เมื่อไรก็ทุกข์ฉิบหา..เลย แหกปากร้องลั่นกันทุกคน” |
พระอาจารย์กล่าวกับโยมคนหนึ่ง “ต้องหมั่นดูแลคนแก่ จะได้รู้ว่าจังหวะไหนประคองได้ ประคองไม่ได้ จังหวะที่เขาใช้แรงไปครึ่งหนึ่งแล้วอย่าดันไปเสริม..มีแต่เกิน จะหัวทิ่มเอา ส่วนจังหวะที่เขายังไม่ทันใช้แรง ถ้าเราไปงัดเราก็เหนื่อยตายอยู่คนเดียว ต้องดูจังหวะเสริมแรงให้ถูก แล้วคนแก่จะรักมาก”
|
ถาม : หลวงพ่อครับ คุณพ่อผมตายไปอยู่ที่ไหนครับ ?
ตอบ : พอ...อย่าถาม ถ้าถามจะโดนเตะ..! หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านห้ามบอกเรื่องคนตายไปไหนนานแล้ว ท่านบอกว่ามีแต่ขาดทุน ไม่มีกำไร อยากรู้ให้ไปฝึกมโนมยิทธิแล้วดูเอาเอง |
พระอาจารย์กล่าวว่า “อย่าลืมคนแก่ เดี๋ยวเราก็แก่แบบนั้น เพราะฉะนั้น..มีอะไรก็ช่วย ๆ เอาไว้หน่อย ถึงเวลาบุญกุศลนี้ก็จะช่วยให้เราสะดวกคล่องตัวไปด้วย”
|
พระอาจารย์กล่าวว่า “ปีนี้ใครอยู่ภาคอีสานก็ใจหายใจคว่ำ เพราะว่าประเทศจีนน้ำท่วมใหญ่ เขากลัวว่าจีนจะระบายน้ำลงมาตามแม่น้ำโขง แต่ความจริงน้ำท่วมใหญ่ประเทศจีนนั้น ท่วมในพื้นที่ลุ่มน้ำฉางเจียง หรือที่คนไทยเรียกว่าแยงซีเกียง เป็นคนละส่วนกับพื้นที่ลุ่มน้ำหลานชาง หรือแม่น้ำโขงของเรา แต่ว่าทางด้านเหนือถ้าหากว่าน้ำหลากลงมา โอกาสที่จะท่วมก็มีมาก
พื้นที่ภาคอีสานถ้าไม่แล้งก็น้ำท่วมเป็นเรื่องปกติ ตอนมีก็มีมากเกิน ตอนไม่มีก็มีน้อยเกิน” |
พระอาจารย์กล่าวกับพระ “งานในวัดอย่าไปทำเปะปะ เล็งเอาสักชิ้นหนึ่ง ประมาณว่าเป็นมาสเตอร์พีซแล้วก็ทำไปเลย เพราะถ้าหากว่าเราไปทำเปะปะ นอกจากเปลืองงบประมาณแล้ว ยังเกะกะรกไปทั้งวัด”
|
ถาม : เม็ดเงินนอกแต่ละร้านหน้าตาไม่เหมือนกัน ?
ตอบ : ให้คล้าย ๆ กันก็แล้วกัน ถาม : ร้านหนึ่งละเอียดยิบ อีกร้าน ...(ไม่ชัด)... ? ตอบ : จะใหญ่จะเล็กไม่เป็นไร แต่ให้สม่ำเสมอกัน เพราะว่าของไทยเรายังห่วยแตกมาก |
พระอาจารย์กล่าวว่า “สถานการณ์บ้านเมืองโดนรุมเร้าด้วยภัยธรรมชาติ โรคภัย ตลอดจนกระทั่งสถานการณ์การเมืองเฮงซวย เศรษฐกิจไม่ฟื้น บรรดาผู้บริหารขาดวิสัยทัศน์ ทำให้ไม่รู้ว่าเศรษฐกิจแย่เพราะอะไร มีใครรู้บ้างว่าเพราะอะไร ?
บ้านเราตอนนี้ไม่ใช่ฝีมือรัฐบาล แต่เป็นฝีมือโควิด ๑๙ ทำให้เราต้องส่งสินค้าที่เขาสั่งค้างเอาไว้ให้กับลูกค้าตามเวลา แต่เราสั่งสินค้าใหม่ไม่ได้เพราะว่าสถานการณ์โควิดทำให้ต่างประเทศจำนวนมากต้องปิดตัวลง ก็เลยอยู่ ๆ กลายเป็นของเราได้ดุลการค้า ส่งออกมากกว่านำเข้า เงินก็เลยแข็งฉิบหา..วายป่วง ...(หัวเราะ)... แล้วรัฐบาลก็ไม่รู้จะจัดการอย่างไร ไม่กล้าเข้าไปแทรกแซงค่าเงินบาท ก็เลยทำให้กิจกรรมกิจการต่าง ๆ ไปต่อไม่ได้ เพราะว่าเงินของเราแข็ง กลายเป็นว่าถ้าเราซื้อของนอกเข้ามาเราจะซื้อได้ถูก แต่ต่างประเทศเขาไม่ซื้อของเรา เพราะว่าของเรากลายเป็นแพง รอให้อาตมาไปเป็นรัฐมนตรีก่อนแล้วกันนะ จะช่วยจัดการให้ แต่เขาคงไม่มาเชิญไปเป็นรัฐมนตรีหรอก เพราะว่าถ้าไปเป็นก็ไปด่าเขาอีก..!” |
“แล้วภาวะสงครามทั้งที่ประกาศและไม่ประกาศ เราสงสัยไหมว่าทำไมอยู่ ๆ เรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐอเมริกาโดนไฟไหม้ สถานที่สำคัญหลายแห่งโดนไฟไหม้ ข่าวที่ออกมาบอกอย่างเดียวว่าไหม้โดยไม่รู้สาเหตุ แล้วเทคโนโลยีระดับนั้นไหม้อีท่าไหน ๓-๔ วันยังดับไม่ได้ แล้วทำไมอยู่ ๆ เรือสินค้าอิหร่าน ๗ ลำโดนไฟไหม้ เพราะฉะนั้น..ไม่ต้องสงสัยหรอก ต่างประเทศเขามองออกหมด ก็เลยซื้อทองคำตุนกัน ทองคำจึงแพงบรรลัยโลก
อเมริกาไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะว่าไม่มีทางที่จะชนะจีนได้ด้วยประการทั้งปวง ก็เลยใช้วิธียั่วยุทุกรูปแบบ เพื่อให้จีนเล่นสงครามด้วย ถ้าจีนทำท่าอะไรที่เกี่ยวกับกำลังทหารหรืออาวุธยุทธภัณฑ์ขึ้นมา อเมริกาก็จะฉวยโอกาสขายอาวุธให้ประเทศใกล้เคียง โดยอ้างว่าจีนหาเรื่องจะรบแล้ว แต่สมัยนี้ลูกไม้ตื้น ๆ แค่นี้เขาอ่านออกกันหมด เพราะฉะนั้น..ยูโรเขาเลยไม่เอาด้วย สถานการณ์แบบนี้แทนที่จะร่วมมือกันเพื่อแก้ไขโรคระบาดที่คร่าชีวิตผู้คนไป ๕-๖ แสนคนแล้ว ความจริงมีคนตายเยอะกว่านั้น แต่เขาไม่แจ้งยอดว่าตายเพราะโควิด พยายามรักษาหน้าที่มีอยู่น้อยนิด ว่าประเทศเรายังไม่ตายเยอะขนาดนั้น ก็เลยทำให้ยอดตายน้อยกว่าความเป็นจริง และยอดติดเชื้อก็น้อยกว่าความเป็นจริง เพราะฉะนั้น..บ้านเราโปรดอย่าห่างวัตถุมงคล อย่างน้อย ๆ ผีโรคระบาดก็ยังเกรงใจพระอยู่บ้าง ภาวนา อิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ ไว้อย่างน้อย ๓ จบทุกวัน ขอบารมีพระท่านสงเคราะห์ เอาตัวให้รอดก่อน อย่าเป็นภาระกับคนอื่น” |
พระอาจารย์กล่าวว่า “เทพธิดาแห่งไมโครนีเซียกำลังอาละวาด ไมโครนีเซียเป็นเกาะเล็ก ๆ ถือว่าเป็นประเทศหนึ่ง พวกบรรดาเกาะทั้งหลายเหล่านี้ ในสมัยโบราณเป็นเส้นทางเดินเรือที่สำคัญมาก เพราะว่าเป็นเมืองท่าที่เรือต้องแวะเติมเสบียงเติมน้ำจืด และเชื่อว่ามีเทพธิดาแห่งท้องทะเลชื่อซินลากูเฝ้ารักษา พอถึงเวลาเกิดพายุ เขาก็เลยตั้งชื่อว่า ซินลากู คือเทพธิดาแห่งท้องทะเล แต่ว่าตอนนี้มาอาละวาดบนบก ดูท่าเมืองไทยน้ำจะท่วมหลายแห่ง
ส่วนอีกลูกหนึ่งนั้นน่าจะไปหนักที่เวียดนามกับจีนตอนใต้ อันนั้นชื่อ ฮากุปัต เป็นภาษาตากาล็อกของฟิลิปปินส์ แปลว่า เสียงเหมือนแส้ฟาด สมัยก่อนเวลาฮ่องเต้ของประเทศจีนออกว่าราชการ ขันทีจะสะบัดแส้ตีอากาศเสียงดังมาก เป็นสัญญาณว่าฮ่องเต้ออกว่าราชการแล้ว เสียงแส้สะบัดกับอากาศนั้นคือ ฮากุปัต เรื่องของภัยธรรมชาติ เรื่องของโรคภัยไข้เจ็บนั้นจะหนักขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามเวลา เราต้องรู้จักระมัดระวังกันเอง ถ้าพึ่งพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณได้ ก็ปลอดภัยกว่าคนอื่นหน่อยหนึ่ง ถ้าไม่มีที่พึ่งก็จะลำบาก” |
ถาม : สวดบทอภิธรรม ๗ คัมภีร์ ได้บุญมากที่สุด เพราะว่าเทวดาบรรลุธรรมมากที่สุด แต่ว่ามหาสมัยสูตรก็มีเทวดาบรรลุธรรมหลายโกฏิเหมือนกัน แล้วยังมีบทอาการวัตตาสูตรอีก ?
ตอบ : อะไรก็สวดไปเถอะ สำคัญตรงที่เราได้สวดไหม ? ต่อให้เป็นประโยคสั้น ๆ ก็ได้ เพราะว่าทุกอย่างก็คือพระธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสมา คราวนี้ที่สำคัญที่สุดก็คือ ธรรมะย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม ถ้าเราตั้งใจทำความดีจริง ๆ ขนาดโลกจะแตก ไฟบรรลัยกัลป์จะล้างโลก ยังต้องหยุดชั่วคราว เขาเรียก “ฐิตกัปปี” บุคคลผู้ยังกัปให้ตั้งอยู่ ตราบใดที่เขายังไม่ได้มรรคผล โลกจะไม่สลาย เพราะฉะนั้น..ไม่ได้สำคัญตรงที่ว่าสวดบทไหน สำคัญตรงที่ว่าได้สวดไหม ? ถ้าหากว่าสวดด้วยความมั่นคงเคารพจริง ๆ ผลก็จะเกิดมาก ถาม : แล้วบทอาการวัตตาสูตรมีในพระไตรปิฎกไหมครับ ? ตอบ : ไม่เคยได้ยิน น่าจะแต่งกันขึ้นทีหลัง ถาม : ที่ขึ้นต้นด้วย เอวัม เม สุตัง ฯ เอกัง สะมะยัง ภะคะวา ? ตอบ : เอวัม เมฯ เขาตั้งขึ้นกันได้ แค่แปลว่า ข้าพเจ้าได้ยินมาอย่างนี้ |
ถาม : คนที่ตายไปแล้วมาเข้าฝันหนูทุกวันโกนหรือวันพระตั้งแต่เขาตายไปค่ะ ?
ตอบ : แสดงว่าสบายเกินเหตุ ไม่มีอะไรจะทำ ภาษาจีนเรียกว่า “เจียะป้าบ่อสื่อ” ก็เลยมารบกวนญาติตัวเอง..! ถาม : ถ้าแบบนี้เขาอยู่ภพภูมิไหนหรือคะ ? ตอบ : ถ้าไม่สบายมาไม่ได้ เพราะว่าในส่วนที่ยากลำบาก อย่างพวกอบายภูมินี่เขาไม่มีสิทธิ์ไปไหน แสดงว่าสบายเกินแล้วไม่มีอะไรจะทำ..! ถาม : แล้วทำไมเขาถึงเลือกมาวันโกนและวันพระกันคะ ? ตอบ : ส่วนใหญ่วันโกนวันพระคนจะทำบุญสุนทานกัน มาก็เผื่อว่าจะได้อะไรติดมือไปบ้าง ถาม : พอหลังวันเข้าพรรษา วันโกนวันพระเขาไม่มา เขาจะมาวันทั่วไปปกติ ? ตอบ : ก็เข้าพรรษาบ้างสิ ไม่ได้พูดเล่นนะ บรรดาเทวดานางฟ้าโดยเฉพาะท่านที่บุญน้อย ถึงเวลาเข้าพรรษาก็ไปจำศีลปฏิบัติธรรมของตัวเอง ตัวอย่างที่ชัดที่สุดก็คือไปจำศีลที่บาดาล เพราะว่าที่นั่นมีเจดีย์ทองบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่เหล่าพญานาคเขาสร้างไว้ พอออกพรรษากลับสู่ที่เดิมของตน ก็อยากให้คนรู้และโมทนา จึงปรากฏตัวเป็นลูกไฟให้เห็น พวกเราก็ไปเรียกว่าบั้งไฟพญานาค |
ถาม : การที่เราจะทำบุญให้เด็ก ให้เขาได้รับส่วนบุญได้เต็มที่ มีวิธีการอย่างไรบ้างครับ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าเด็กมีชีวิตอยู่ เขายังไม่รู้ภาษาก็เป็นกตัตตาวาปนกรรม คือกรรมที่ไม่ได้เจตนา แต่ว่าเราทำไว้บ่อย ๆ พอเขาเห็นบ่อยเข้ากลายเป็นความเคยชิน ถึงเวลาเขาจะรู้จักทำบุญทำกุศลของตัวเอง พอเขารู้ภาษาขึ้นมา มีเจตนาแน่วแน่ที่จะทำด้วยตนเอง นั่นถึงจะเป็นอานิสงส์ที่แท้จริงของเขา ถาม : แสดงว่าที่เราทำตอนที่เขาไม่รู้ ? ตอบ : เขาได้แต่ไม่มาก ถาม : เขาไม่สามารถโมทนาได้ใช่ไหมครับ ? ตอบ : แต่ถ้าหากว่าตายไปแล้วก็ต้องดูว่าอยู่ในเขตที่โมทนาได้ไหม ถ้าลงอบายภูมิที่มีโทษหนัก ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะโมทนา |
พระอาจารย์กล่าวว่า “มีคนเขาบอกว่า ปล่อยปลาหรือปล่อยสัตว์ชนิดไหนแล้วห้ามกินสัตว์ชนิดนั้นใช่ไหม ? ไม่ได้ห้ามหรอก แต่ห้ามกินสัตว์ตัวนั้น ก็คือตัวที่เราปล่อยนั้นห้ามกิน เพราะเคยมีตัวอย่างว่า นักปกครองระดับสูงของมหาดไทยท่านหนึ่ง อย่าเอ่ยถึงนามท่านเลย ไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ปล่อยปลานิลลงในสระน้ำหลังจวนผู้ว่าฯ ต่อมาท่านได้เป็นปลัดกระทรวง ปรากฏว่าหลังจากนั้นไม่นานมีการปฏิวัติ ตัวท่านก็ชีวิตล่มสลาย โดนไล่ออกจากตำแหน่งให้ยุ่งไปหมด
พอเกิดความสงสัยไปถามครูบาอาจารย์ของตน ท่านบอกว่าเพราะว่าไปกินปลาที่ตัวเองปล่อย เจ้ากรรมนายเวรเขาก็เลยไม่อโหสิให้ ถามว่าแล้วไปกินได้อย่างไร ? คนรับใช้ในจวนดันแสนรู้ ไปตกปลาในสระมาทำอาหารให้เจ้านายกิน ซึ่งก็คือตัวที่เขาปล่อยไปนั่นแหละ แปลว่าห้ามกินตัวที่ปล่อย ไม่ได้ห้ามกินชนิดที่ปล่อย กินชนิดที่ปล่อยเราก็สร้างเวรสร้างกรรมของเราเอง แต่ถ้าไปกินตัวที่ปล่อย เจ้ากรรมนายเวรเขาจะเฉ่งเอา” |
พระอาจารย์กล่าวว่า “บ้านใครมีเด็กมีคนแก่ต้องดูแลให้ดีนะ อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยยังไม่พอ ยังมีเชื้อโรคเป็นของแถมด้วย เพราะฉะนั้น..ถ้าหากว่าเป็นอะไรขึ้นมา คนแก่กับเด็กจะทรุดก่อน เพราะว่าร่างกายไม่แข็งแรง
เมื่อวานมีมา ๑ ราย บอกว่าทำบุญให้โยมพ่อที่เข้าโรงพยาบาล อาตมาบอกให้ทำใจไว้เลย เมื่อครู่นี้มารายงานบอกว่าเรียบร้อยไปแล้ว กำลังเอาศพไปวัด เพราะว่าถ้าช่วงอากาศเปลี่ยน คนแก่คนป่วยหรือเด็ก ๆ ร่างกายปรับไม่ทันมักจะอาการหนัก” |
ถาม : คนเราถ้าอยู่เป็นคู่กันมานาน ๕-๖ ปี อยู่ ๆ จะหมดรักกันภายในวันสองวันนี่ จะเป็นไปได้ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าตั้งใจมาในลักษณะว่า ขอมาใช้หนี้เวรกรรมกันระยะเวลาเท่านี้ ถึงเวลามีสิทธิ์เป็นได้เหมือนกัน จะจืดจางห่างหายกันไปเฉย ๆ แต่ถ้าหากว่าปกติธรรมดาแล้วก็อย่างน้อยความผูกพันต่าง ๆ ยังมีอยู่ ถ้ากระแสกรรมยังไม่ขาดก็ข้ามไปอีกหลายชาติด้วย ต้องดูกำลังใจ ถ้าเป็นเรื่องของการหมดเวรหมดกรรมนี่จะจืดจางห่างหายกันไปเฉย ๆ ไม่ใช่ทะเลาะเบาะแว้งจนกระทั่งอยู่ด้วยกันไม่ได้ การครองคู่ชีวิตเหมือนลิ้นกับฟัน มีกระทบกระทั่งกันเป็นปกติ พระพุทธเจ้าถึงให้ฆราวาสธรรมเอาไว้ โดยเฉพาะทมะ ความข่มกลั้น กับขันติ ความอดทน จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมี ถ้าความอดทนหมด ความอดกลั้นไม่พอก็บ้านแตก..! |
ถาม : เม็ดเงินแบบนี้ผ่านไหมครับ ?
ตอบ : ไม่มีเวลาดูให้ แล้วกรรมการที่พิจารณารับที่วัดก็ไม่ใช่อาตมาอีกด้วย บอกว่าผ่านตรงนี้ ทางโน้นไม่ให้ผ่านคุณก็จะไปด่าเขาอีก..! |
ถาม : ขอคำแนะนำในการทรงอารมณ์พระโสดาบันกับทรงอารมณ์มโนมยิทธิครับ ?
ตอบ : อารมณ์พระโสดาบันรักษาศีลยิ่งชีวิต อารมณ์มโนมยิทธินึกถึงภาพพระให้ได้ทุกเวลาที่ต้องการ ถาม : เรื่องคำภาวนากับลมหายใจละครับ ? ตอบ : คำภาวนากับลมหายใจถ้ามีความคล่องตัวแล้วไม่จำเป็น จะเป็นเองโดยอัตโนมัติ แค่นึกก็ได้แล้ว แต่ถ้าหากว่ายังไม่มีความคล่องตัวก็เน้นภาวนาให้คล่องเสียก่อน เข้าออกสมาธิชนิดที่เรียกว่า ต้องการนึกถึงภาพพระเมื่อไรก็เห็นได้ทันที |
พระอาจารย์กล่าวว่า “ตัวยาบางอย่างก็เหมาะสำหรับคนบางคน โบราณถึงได้บอกว่า ลางเนื้อชอบลางยา คำว่า ลาง ก็คือ บางอย่าง นั่นแหละ ไม่ใช่ลางที่แปลว่า สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วทำให้เราคาดเดาบางอย่างได้ อย่างเช่น ลางสังหรณ์”
|
พระอาจารย์กล่าวว่า “พวกเราส่วนใหญ่มีความเพียรแค่การให้ทาน ความเพียรในการรักษาศีลให้บริสุทธิ์บริบูรณ์มีไม่มาก ส่วนความเพียรในการปฏิบัติภาวนาก็ยิ่งมีน้อยลงไปใหญ่ รู้ว่าขาดอะไรก็ต้องเพิ่มเติมส่วนนั้นไว้
การให้ทานเป็นพื้นฐานของการทำความดี ระดับที่สูงขึ้นไปคือการรักษาศีล มากไปกว่านั้นก็คือเจริญภาวนา คราวนี้ว่าในส่วนของการให้ทาน เรามีความคล่องตัวแล้ว สามารถให้ได้ทุกที่ทุกเวลาที่ต้องการ ก็เหลือตรงที่ต้องกวดขันศีลของตัวเองให้บริสุทธิ์ และพยายามสร้างสมาธิให้เกิด เพื่อเป็นเครื่องเหนี่ยวนำปัญญาในการมองเห็นความทุกข์ให้ชัดเจน เห็นทุกข์ให้ได้ วางทุกข์ให้ลง เมื่อปราศจากกำลังใจที่ยึดเกาะในร่างกายนี้ ก็จะได้ไปพระนิพพานกัน” |
พระอาจารย์กล่าวว่า “โรคภัยไข้เจ็บเป็นของคู่กับร่างกาย ถ้าไม่ห่วงร่างกายมาก พอเข็นไปได้ก็ไปเถอะ ถ้าไปห่วงร่างกายมาก สงสารตัวเองมาก ก็จะกลายเป็นโรคซึมเศร้าเสียก่อน
ถ้าเห็นธรรมดาของร่างกายว่าเป็นอย่างนี้ เราไม่ต้องการอีกแล้ว ก็ถอนใจออกจากความยินดีและพอใจในร่างกายตัวเอง ถอนใจจากความยินดีและพอใจในร่างกายคนอื่น ในเมื่อไม่ต้องการอะไรแล้วก็ไปพระนิพพาน ฟังดูเหมือนไม่ยาก แต่ไม่มีอะไรที่เรารักเราหวงยิ่งกว่าไอ้ตัวนี้ โดยเฉพาะสาว ๆ กว่าจะออกข้างนอกได้ เล็งแล้วเล็งอีกอยู่ที่หน้ากระจก ...(หัวเราะ)...” |
ถาม : ขอเรียนปรึกษาเรื่องอาโลกกสิณค่ะ มีคนแนะนำให้ฝึก แต่เขาบอกว่าให้หาครูบาอาจารย์แนะนำค่ะ ?
ตอบ : ไม่ต้องหรอก หาพระพุทธรูปแก้วใสหรือลูกแก้วสักลูกหนึ่ง เอามาตั้งไว้ตรงหน้า ทำใจสบาย ๆ ลืมตามอง จำองค์ท่านได้แล้วก็หลับตาลงนึกถึง เราจะจำได้พักหนึ่ง พอภาพหายไปก็ลืมตามอง แล้วหลับตานึกถึงใหม่ ใจก็ภาวนาว่า “อาโลกะกสิณัง อาโลกะกสิณัง ” พอภาพเลือนไป ลืมตามองใหม่ หลับตาลงนึกถึง ไม่ใช่ไปนั่งจ้อง ทำอย่างนี้เป็นหมื่นเป็นแสนครั้ง จนกระทั่งลืมตากับหลับตาเห็นชัดเท่ากัน ก็ไม่ต้องใช้ดวงกสิณแล้ว ไปไหนก็นึกถึงภาพเอาไว้ จะหลับจะตื่นจะยืนจะนั่งก็ประคองภาพนั้นเอาไว้ เดี๋ยวภาพก็จะค่อย ๆ เปลี่ยนแปลง ขาวขึ้น ใสขึ้น สว่างขึ้นไปเอง ไปทำให้ได้ถึงตรงนี้ก่อนแล้วค่อยมาถามต่อ |
ถาม : ไปตรวจสุขภาพแล้วหมอบอกว่าเป็นมะเร็งปากมดลูก หมอบอกให้ตัดมดลูกตัดรังไข่ ?
ตอบ : ไปถามพระอาจารย์บ๊ะที่วัดโพธิ์ลังกาดู ถาม : ควรไปตัดก่อนไปถามท่านไหมคะ ? ตอบ : ถ้าไปตัดก่อนถามก็โง่ตายห่..เพราะว่าถ้าไปถามท่าน บางทีไม่ต้องทำอะไรเลย ท่านแค่กด ๆ จิ้ม ๆ ไม่กี่ทีก็หายแล้ว เพราะฉะนั้น..ถ้าผ่าเสร็จแล้วค่อยไปถามท่านก็น่าจะได้เจ็บตัวหน่อย..! |
ถาม : ถวายวัตถุมงคลหลวงพ่อครับ ?
ตอบ : นี่ของหลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช เขาเรียกว่าตะกรุดสี่มหาอำนาจ ถาม : ในกล่องมีเยอะมากเลยครับ ? ตอบ : มีโสฬสอยู่ด้วย ถาม : มีโสฬสอยู่ ๔ ดอกครับ ? ตอบ : โสฬสมีปลอมด้วย ...(หัวเราะ)... แต่ไม่เป็นไรหรอก เจอของปลอมจะได้เก่งขึ้น ถ้ายังดูไม่ขาดอย่าเที่ยวไปเอาของเขามา เพราะว่าบางอย่างมีราคาแพง ของบางอย่างอย่างเช่นสมเด็จวัดระฆัง ไม่ใช่แค่รุ่นพ่อนะ เขาปลอมมาตั้งแต่รุ่นปู่แล้ว ...(หัวเราะ)... |
พระอาจารย์กล่าวกับโยมคนหนึ่ง “เสือเขาทำเลียนแบบมา โดนไปเท่าไร ? คุณยังแยกไม่ออกว่าเขี้ยวเสือ เขี้ยวหมู เขี้ยวลิง เขี้ยวอูฐเป็นอย่างไร อย่าไปเล่น นี่ไม่ใช่เขี้ยวเสือ ...(หัวเราะ)... เขี้ยวเสือรูเขาจะรี ๆ คราวนี้เราแยกไม่ออกก็เลยโดนไปเต็ม ๆ
เล่นของพวกนี้ให้เล่นทีละอย่าง เอาให้เก่งจริงก่อนแล้วค่อยขยับไปอย่างอื่น อย่าไปโลภมากเล่นทีละหลาย ๆ อย่าง ถ้าหลาย ๆ อย่างทีเดียวนี่โดนประจำ เขาเรียกว่าเสียค่าหน่วยกิต แต่ค่าหน่วยกิตค่อนข้างจะแพง..! พวกเราไม่คิดว่าอูฐจะมีเขี้ยวใช่ไหม ? เขี้ยวอูฐนี่พอ ๆ กับเขี้ยวเสือเลยนะ เพียงแต่ว่าถ้าอูฐไม่โกรธจริง ๆ จะไม่กัด ส่วนใหญ่จะใช้เตะหรือดีดเอา แบบเดียวกับเก้ง ไอ้เราไปเห็นก็...โอ๊ยแค่เก้ง ที่ไหนได้..กัดยิ่งกว่าหมาอีก..! แล้วส่วนใหญ่ถ้าเก้งกัดจะกัดตรงข้อต่อ กัดตรงเส้นเอ็น โดนเข้าไปแล้วจะรู้ฤทธิ์ว่าเก้งจริง ๆ นี่ร้ายจะตาย ของพวกนี้ต้องค่อย ๆ ศึกษาไป โดยเฉพาะเรื่องของเก่า อย่างเช่นตะกรุด จะมีด้ายถัก ลงรัก ลงยางไม้ แต่ละอย่างพอเก่าแล้วจะมีหน้าตาลักษณะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะเชือกถัก ถ้าหากว่าเก่าแล้วจะหมดเสี้ยน ถ้าหากว่าส่องไปยังเห็นเป็นเส้น ๆ อยู่ละก็ รับประกันว่าโดนเข้าแล้ว..! ของเก่าจะกรอบร่วง เสี้ยนหายไปหมดแล้ว” |
ถาม : ผมสร้างพระแก้วมรกตไว้ เพื่อช่วยให้คนไทยหลุดพ้นเชื้อไวรัสโควิด ขอบารมีพระปกป้องและสามารถผ่านไปได้ ขอหลวงพ่อช่วยแผ่บุญให้กระผมด้วยครับ ?
ตอบ : คราวหน้าอย่าไปบนอะไรที่เป็นของยาก ไปยุ่งกับกรรมของคนส่วนมากนี่เรามักจะซวยเอง..! วิสัยของพุทธภูมิเห็นคนอื่นลำบากก็ช่วยเขา แต่อย่าลืมว่าการไปช่วยเขา บางทีก็ไปล่วงวาระกรรมคนอื่น ก็แปลว่าต้องพร้อมรับเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเพราะว่าเราไปยุ่งกับกรรมของชาวบ้านเขาเอง |
:cebollita_onion-17::cebollita_onion-17: เก็บตกเดือนสิงหาคม ๒๕๖๓ หมดแล้วค่ะ :cebollita_onion-17::cebollita_onion-17: ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทะเล คะน้า เถรี เผือกน้อย และนายกระรอก |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 01:12 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.