กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๑ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6241)

เถรี 17-07-2018 22:55

คุณยายถวายปัจจัยเป็นปึกใส่ซองสีน้ำตาลมา "ตายละวา...ลูกหลานจะเหลือใช้ไหมนี่ ? ยายเล่นให้มาขนาดนี้ อ้อ...ตกใจหมด นึกว่าใบละพัน

คุณยายวัชรินทร์ จราญไพรี เป็นคนแก่ใจบุญแล้วก็ใจดี คราวก่อนเดินทางไปต่างประเทศ คุณยายก็รวบรวมเงินดอลลาร์ให้อาตมามา ๘๐๐ กว่าดอลลาร์ เป็นใบละ ๑ ดอลลาร์ ใช้ง่ายมากเลย ถึงเวลาให้ทิปก็ไม่เสียดายเพราะว่าเป็นใบเล็ก ขณะเดียวกันถ้าไปหลายประเทศ อย่างอินเดีย เนปาล ฯลฯ ให้ทิปเขา ๑ ดอลลาร์ เขาดีใจแทบตาย แต่ถ้าหากว่าไปสหรัฐหรือยุโรป ถ้าไปให้แค่ ๑ ดอลลาร์เขาก็ไม่มองเหมือนกันนะ

มีประเทศญี่ปุ่นไปแล้วไม่ต้องให้ทิป ถ้าให้เขาถือว่าดูถูก คนญี่ปุ่นถือว่าการทำงานเขาได้ค่าตอบแทนอยู่แล้ว ในเมื่อเขามีเงินเดือนแล้ว เขาก็ต้องบริการเต็มที่ของเขา ถึงเราจะถูกใจแค่ไหนก็ไม่ต้องให้ทิป"

เถรี 17-07-2018 22:56

พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อวันก่อนหลวงพ่อสนาน อดีตเจ้าคณะอำเภอบ้านฉาง ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดระยอง แวะไปงานที่วัดป่าผาตาดธารสวรรค์ ได้คุยกัน ท่านถามว่าวัดคุณมีพระกี่รูป ? อาตมาเพิ่งสำรวจยอดแจ้งทางคณะสงฆ์พอดี จึงบอกไปว่า "๔๔ รูปครับ" ท่านตกใจ ท่านถามว่า "วัดอยู่ในป่าไม่ใช่หรือ ?" บอกท่านว่า "ทองผาภูมิเป็นป่าก็จริงครับ แต่ว่าผมอยู่ในเขตเทศบาล" ท่านว่า "ก็นั่นแหละ ไม่น่าจะมีเยอะขนาดนี้" จึงถามท่านว่า "แล้วของหลวงพ่อละครับ ?" ท่านบอกว่า "ของผมมี ๒๐ รูป"

วัดท่านเป็นวัดเจ้าคณะอำเภอ แล้วอยู่อำเภอบ้านฉาง ระยอง ต้องบอกว่าแหล่งเงินแหล่งทอง ปรากฏว่าวัดท่าขนุนมีพระมากกว่า จึงกราบเรียนท่านไปว่า "พระของผมใครจะเรียนหนังสือ ผมส่งให้เรียน ใครจะเรียนเกี่ยวกับกรรมฐาน ผมก็สอนให้เขาได้ คุณจะเอาทางด้านปริยัติผมก็มีให้ ทางปฏิบัติผมก็มีให้ พระเขาเลยอยู่กันได้เยอะ" ท่านจึงเข้าใจ

เถรี 17-07-2018 23:05

"ช่วงนี้เป็นช่วงที่ทางคณะสงฆ์กำลังปฏิรูป โดยเฉพาะเรื่องข้อมูลพระภิกษุสามเณร ปฏิรูปใน ๖ ด้าน คือ ด้านการปกครอง การเผยแผ่ การศาสนาศึกษา การศึกษาสงเคราะห์ การสาธารณูปการ และการสาธารณสงเคราะห์

แต่ปรากฏว่ารัฐบาลไปเจอแนวคิดของผู้ยิ่งใหญ่ใจร้อน ไม่รอพระปฏิรูปก็จัดการเลย โดยเฉพาะโบ้ยงานทุกอย่างไปเป็นพระราชอำนาจ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตั้งแต่ยุคของรัชกาลที่ ๙ พระราชภารกิจก็ท่วมท้นล้นพระองค์อยู่แล้ว พระองค์ท่านอุตส่าห์สถาปนาสมเด็จพระสังฆราชขึ้นมา เพื่อแบ่งเบาพระราชภารกิจ แต่งตั้งสมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ พระครูสัญญาบัตร เพื่อช่วยกันแบ่งเบาพระราชภารกิจ

แต่ปรากฏว่าตอนนี้กฎหมายใหม่ผลักภาระทุกอย่างกลับไปสู่องค์ในหลวง กลายเป็นการเพิ่มพระราชภารกิจอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกฎหมายใหม่นี้ห้อยท้ายเอาไว้ว่า ‘หากมีพระราชดำริเป็นประการใด ให้ดำเนินการไปตามพระราชดำรินั้น ฯลฯ เว้นแต่จะมีพระราชดำริเป็นประการอื่น’ อาตมาถึงได้บอกว่า การที่คนถือศีลไม่ครบ ๕ ข้อ แล้วมาออกกฎหมายให้พระที่มีศีล ๒๒๗ ข้อถือปฏิบัติตาม ต่อให้พระศีลขาดครบ ๕ ข้อ ก็ยังมีศีลมากกว่าโยม ๒๒๒ ข้อ จึงเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะไม่ควรเป็นอย่างยิ่ง

โดยเฉพาะเป็นการล่วงพระราชอำนาจตรงที่ว่า ทุกอย่างยกไปเป็นพระราชภารกิจ ยกไปเป็นการตัดสินพระทัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถ้าหากว่าเราจะบอกว่ามีผู้สนองพระบรมราชโองการอยู่แล้ว ก็ยังคงระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทอยู่ดี เพราะว่าต้องให้พระองค์ท่านลงพระปรมาภิไธยก่อน แล้วอีกอย่างหนึ่ง ถ้าหากว่านายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นผู้ลงนามสนองพระบรมราชโองการ เกิดเป็นคนถือศาสนาอื่น อย่างเช่นว่าเป็นคริสต์หรืออิสลาม แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับคณะสงฆ์ ?"

เถรี 17-07-2018 23:07

"เรื่องพวกนี้ต้องบอกว่า ความจริงแล้วเป็นภาระของพระมหาเถระ โดยเฉพาะอดีตกรรมการมหาเถรสมาคม เพราะว่าปัจจุบันนี้เขายุบเลิกไปแล้ว กำลังรอในหลวงทรงพระราชทานตั้งใหม่

อดีตกรรมการมหาเถรสมาคมไม่มีใครขยับ ไม่มีใครทักท้วง ไม่มีใครนำในการที่จะทักท้วงห้ามปราม ว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะไม่ควรขนาดนี้ จึงกลายเป็นว่ายอมรับไปโดยปริยาย ในเมื่อยอมรับโดยปริยาย บรรดาตัวเล็กตัวน้อยอย่างอาตมาก็...ในเมื่อผู้ใหญ่ยอมรับเราก็ต้องยอมรับ

เพราะว่าในเรื่องของยศของตำแหน่ง อาตมาไม่ได้ต้องการมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ทุกวันนี้ที่มีมาที่ได้มา ก็เพราะว่าผู้บังคับบัญชาท่านเมตตา เห็นความสามารถแล้วยัดเยียดงานมาให้ ๑๗ - ๑๘ ตำแหน่งเข้าไปแล้ว จนกระทั่งตัวเองก็จำไม่หมดว่ามีตำแหน่งอะไรบ้าง มีกระทั่งตำแหน่งของนักการเมือง อย่างประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอ เป็นตำแหน่งทางการเมืองที่ต้องเลือกตั้ง ๓ ปีครั้งหนึ่ง นี่อาตมาก็ใกล้หมดวาระแล้ว"

เถรี 17-07-2018 23:12

"ตอนยุคที่หลวงตามหาบัวประท้วงนั้น ไม่ได้ประท้วงเรื่องกฎหมาย แต่เป็นการประท้วงการแต่งตั้งผู้รักษาการแทนสมเด็จพระสังฆราช ตอนนั้นสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงงานไม่ได้ รัฐบาลทักษิณชินวัตร จึงตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชขึ้นมา ซึ่งทำให้ทางพระธรรมยุตโดยเฉพาะสายวัดป่าเห็นว่าเป็นการขโมยตำแหน่งกัน ซึ่งความจริงในเรื่องของการบริหารคณะสงฆ์ จะหยุดไม่ได้แม้แต่วันเดียว แล้วสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกนั้น พระองค์ท่านพระชนมายุยืนมาก ถึงขนาด ๑๐๐ พรรษา

ลองคิดดูว่า ถ้าหากว่าช่วงนั้นไม่มีการตั้งผู้รักษาการแทนสมเด็จพระสังฆราชจะเกิดอะไรขึ้น ? เพราะว่ามีการปลอมพระลิขิตกันแล้ว แต่ในเมื่ออยู่ในลักษณะนั้น ทำให้พระทางฝ่ายธรรมยุตเห็นว่า อำนาจไปตกอยู่ในมือของพระมหานิกาย จึงต้องอาศัยมือพระวัดป่ามาช่วยกันประท้วง แม้กระทั่งปัจจุบันนี้ การขโมยตำแหน่งของหลวงพ่อสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ วัดปากน้ำภาษีเจริญ ก็เช่นเดียวกัน เพราะว่าท่านเป็นพระอุปัชฌาย์ของอดีตเจ้าคุณธัมมชโย วัดธรรมกาย

วัดธรรมกายสร้างลูกศิษย์ลูกหาเป็นปึกแผ่นแน่นหนาทั่วประเทศไทย ธรรมยุตรู้สึกว่าสถานะของตนคลอนแคลน ถ้าหากว่าอำนาจตกไปสู่ฝ่ายมหานิกายเต็ม ๆ ตามกฎหมาย ก็จะไม่เป็นผลดีต่อฝ่ายตน จึงมีการแก้กฎหมาย เพื่อที่จะเปลี่ยนไปเป็นพระราชอำนาจในการพิจารณาการแต่งตั้ง ก่อนหน้านี้ก็แก้ไขกฎหมายมาทีหนึ่งแล้ว เพื่ออำนวยผลแก่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช
สกลมหาสังฆปริณายก ขึ้นดำรงตำแหน่งได้ คือเปลี่ยนจากอาวุโสโดยพรรษา มาเป็นอาวุโสโดยสมณศักดิ์แทนไปทีหนึ่งแล้ว

พอมายุคนี้อาวุโสโดยสมณศักดิ์ ๓ รายเป็นพระมหานิกายทั้งหมด ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงได้เพราะว่ากฎหมายกำหนดไว้ ก็เลยต้องแก้กฎหมายอีก ให้เปลี่ยนว่าการแต่งตั้งพระสังฆราชจากสมเด็จพระราชาคณะรูปใดรูปหนึ่ง แล้วแต่พระราชวินิจฉัย พูดง่าย ๆ ก็คือ ทำอย่างไรก็ได้ให้อำนาจตกอยู่กับฝ่ายธรรมยุต ซึ่งพระมหานิกายของเราก็ไม่ได้ถือสา ถ้าหากว่าท่านทรงคุณความดี พวกเราก็พร้อมที่จะยอมรับนับถือ

แต่ขอให้ญาติโยมรู้ว่า เรื่องนี้มีการตีกินกันมาตลอดของฝ่ายธรรมยุต ตั้งแต่สมัยก่อนโน้นแล้ว ช่วงยุครัชกาลที่ ๕ ที่ ๖ ที่ ๗ ที่ ๘ พระฝ่ายธรรมยุตยึดตำแหน่งพระสังฆราชติดต่อกัน ๗๐ กว่าปี ถึงขนาดแอบมุบมิบแต่งตั้งกัน เมื่อยุคที่สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรสยังทรงกรมเป็นกรมหมื่น อายุกาลพรรษายังไม่พอ ก็ดองการตั้งสมเด็จพระสังฆราชเอาไว้ถึง ๑๑ ปีเต็ม ๆ เพื่อให้ท่านอาวุโสพรรษาพอ ถึงได้เสนอให้ทรงสถาปนาขึ้นไป

หลังจากนั้นพอมาในสมัยรัชกาลที่ ๘ หลวงพ่อสมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสสเทวมหาเถร) วัดสุทัศน์เทพวราราม ขึ้นดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช ก็มีการแก้กฎหมายเพื่อที่จะไม่ให้ท่านเป็นใหญ่ โดยการยกตำแหน่งพระสังฆราชขึ้นหิ้งไป แล้วก็มีสังฆสภา สังฆมนตรี และคณะวินัยธรมาทำหน้าที่แทน สังฆสภามีหน้าที่ออกกฎออกระเบียบเกี่ยวกับการปกครองสงฆ์ สังฆมนตรีมีอำนาจในการปกครองคณะสงฆ์ทั้งหมด และคณะวินัยธรมีหน้าที่ตัดสินอธิกรณ์ คือเรื่องที่เกิดขึ้นในคณะสงฆ์"

เถรี 17-07-2018 23:14

"เมื่อเป็นเช่นนั้น การปกครองคณะสงฆ์จึงขึ้นอยู่กับอำนาจของสังฆมนตรี พระฝ่ายธรรมยุตจึงยึดตำแหน่งสังฆมนตรี ๒ สมัยติดต่อกัน พอถึงสมัยที่ ๓ ก็จะเอาอีก ก็ถึงได้มีรายการที่เขาเรียกว่ากบฏมหานิกาย ก็คือพระเถระฝ่ายมหานิกาย ๒๒ รูปร่วมกันทำหนังสือประท้วง ถึงได้ยอมคายตำแหน่งออกมา คายตำแหน่งออกมาให้หลวงพ่อพระพิมลธรรม วัดมหาธาตุฯ เป็นสังฆมนตรี แต่ก็ช่วยกันใส่ไคล้ ใส่ร้ายว่าท่านเป็นคอมมิวนิสต์ จนกระทั่งท่านต้องไปนุ่งขาวห่มขาวอยู่นานทีเดียว

ต้องบอกว่าเรื่องพวกนี้เป็นวีรกรรมของทางพระธรรมยุตมาตลอด ปัจจุบันนี้สิ่งที่ทำเป็นปกติเลยก็คือว่า ถ้าทางฝ่ายพระมหานิกายเป็นสมเด็จพระสังฆราช ทางพระธรรมยุตจะขอปกครองกันเอง โดยอ้างว่าได้รับสิทธิพิเศษนี้จากในหลวงรัชกาลที่ ๔ พระองค์ท่านดำริให้พระธรรมยุตปกครองกันเอง แต่ถ้าพระธรรมยุตขึ้นเป็นพระสังฆราชเมื่อไร จะปกครองทั้งหมดทุกนิกาย โดยอ้างว่าตำแหน่งคือสกลมหาสังฆปริณายก จึงต้องปกครองทุกนิกาย

นี่คือความเป็นจริงที่ปรากฏอยู่ในวงการสงฆ์ของเรา ต้องบอกว่าตรงจุดนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คณะสงฆ์ของเราอ่อนแอ เพราะว่าบุคคลส่วนน้อยมาปกครองส่วนมาก แล้วไป ๆ มา ๆ ท้ายสุดก็กลายเป็นฆราวาสเข้ามามีอำนาจในการปกครองพระ อย่างกฎหมายฉบับปัจจุบันที่เพิ่งจะแก้เสร็จ ต่อไปนี้ไม่ว่าจะตำแหน่งไหนก็ตาม ต้องผ่านนายกรัฐมนตรีทั้งหมด ก็ต้องเส้นใครเส้นมัน เด็กใครเด็กมัน ถึงอายุกาลพรรษาน้อย ตำแหน่งยังไม่สมควร ก็อาจจะขึ้นไปปกครองผู้ใหญ่ได้"

เถรี 17-07-2018 23:16

"ก็ต้องบอกว่าเป็นธรรมดา มีเจริญก็ต้องมีเสื่อม วาระของศาสนาพุทธในประเทศไทย อาจจะถึงวาระเสื่อมแล้วก็ได้ แต่ว่าทันทีที่มีประกาศแก้กฎหมาย ทางคณะสงฆ์ประเทศกัมพูชา ทั้งธรรมยุตและมหานิกาย ประกาศเลยว่า ถ้าหากว่าศาสนาพุทธในประเทศไทยเสื่อม กัมพูชาพร้อมที่จะเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาแทน นี่คือลักษณะของการทำงานเป็น ทำงานเป็นก็คือต้องชิงการนำก่อน

แบบเดียวกับที่เด็กทีมหมูป่ากับผู้ฝึกสอนไปติดอยู่ในถ้ำ ทางคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดเชียงราย ช่วยกันเรี่ยไรเงินเข้าไปช่วยในการกู้ชีพทันที แล้วจุฬาราชมนตรีก็คือผู้นำของศาสนาอิสลาม ทำหนังสือขออนุญาตในการที่จะเข้าไปทำพิธีสวดดุอาห์ ขอพรพระเจ้าให้เด็ก ๆ ทั้งหมดปลอดภัย

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ต่อให้ไม่ได้รับการอนุมัติ แต่ก็เป็นการชิงการนำ ยึดพื้นที่ข่าวไปแล้ว หลังจากนั้นเป็นอาทิตย์กว่าจะมีเจ้าคณะอำเภอที่เชียงรายนำสวดมนต์ขอพร กว่าจะมีที่โน่น ที่นี่ ที่นั่น กว่าสมเด็จพระสังฆราชจะอาศัยการสวดมนต์เฉลิมพระเกียรติ ให้มีการสวดเพิ่มขึ้นมาก็คือ สวดบทกรณียเมตตาสูตร เพื่อขอให้เด็ก ๆ ทั้งหมดปลอดภัย

การทำงานของพระเรานี้ แม้ว่าจะเป็นองค์กรสงฆ์ที่ใหญ่โตกว่าเขาหลายเท่า แต่ว่าการทำงานทุกอย่างตามก้นเขามาโดยตลอด ไม่เคยสามารถชิงการนำได้แม้แต่ครั้งเดียว จนกระทั่งต้องบอกว่า ฟ้าส่งครูบาบุญชุ่มมา แต่ว่าท่านฝ่าดงระเบิดเข้าไปเลยนะ ถ้าไม่เป็นไปตามที่ท่านพูด สารพัดตีนรออยู่แล้ว ท่านโดนแน่ ๆ แต่ว่าสิ่งที่ท่านพูด สิ่งที่ท่านทำ มีผลตามที่ท่านบอกไว้ ก็เลยกลายเป็นว่า ศาสนาพุทธของเราสามารถชิงพื้นที่ตรงนี้มาได้ แต่ไม่ได้เกิดจากพระผู้ใหญ่ เกิดจากพระเกจิอาจารย์ที่เขาเคารพนับถือเป็นการส่วนตัว แล้วนิมนต์กันเข้าไป"

เถรี 17-07-2018 23:19

"เราจะเห็นกันตรงจุดนี้ว่า ในเรื่องของการทำงานของคณะสงฆ์ของเรานั้น ยังมีอะไรที่ต้องแก้ไขอีกมาก แต่ว่าตอนนี้กฎหมายใหม่ก็ไม่อนุญาตให้กระดิกเลย แม้กระทั่งเรื่องของทรัพย์สินเงินทอง ต่อไปนี้ก็ต้องเป็นศาสนสมบัติกลางทั้งหมด เงินที่ญาติโยมทำบุญมา ถ้าเข้าบัญชีวัดเมื่อไรต้องเสียภาษีทันที เพราะว่าตอนนี้ทุกวัดโดนบังคับทำบัตรประจำตัวผู้เสียภาษีแล้ว วัดท่าขนุนก็มีหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีเรียบร้อยแล้ว

ต่อไปถ้าหากว่าใครทำบุญแล้วอยากได้อนุโมทนาบัตร ต้องโอนเข้าชื่อบัญชีวัดเท่านั้น ถ้าโอนเข้าชื่อบัญชีอาตมาก็จะไม่ได้ตรงส่วนนี้เลย เพราะธนาคารว่าเขาจะไม่ออกให้ เนื่องจากว่าเงินไม่ได้โอนเข้าบัญชีวัดที่เขาควบคุมอยู่

อาตมากลัวอยู่อย่างเดียวว่าถ้าโยมทำบุญ ๕ บาท ๑๐ บาท แล้วเขาจะออกไหวไหม ? เพราะว่าอย่างปัจจุบันนี้ เขาขอเท่าไรทางวัดเราก็ออกให้ แต่คราวนี้เราอย่าลืมว่า อนุโมทนาบัตรเล่มหนึ่งราคา ๕๐ บาท เท่ากับใบละ ๒ บาท โยมทำบุญ ๕ บาท เรายังมีกำไร ๓ บาท แต่ถ้าหากว่าไปให้ทางด้านธนาคารซึ่งออกโดยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ไม่รู้ว่าอนุโมทนาบัตรจะเหลือเท่าใบสลิปเอทีเอ็มหรือเปล่า ? แล้วตัวหนังสือจะหายไปภายใน ๓ วันหรือเปล่า ? ก็มีอยู่อย่างเดียวก็คือต้องโอนในชื่อของอาตมาแทน แต่ว่าจะไม่ได้อนุโมทนาบัตร

ไม่เป็นไรหรอก...เจ้าอาวาสวัดท่าขนุนท่านจบด็อกเตอร์มา ท่านฉลาดพอ ถ้าทำบุญไป วัดท่าขนุนจะออกวุฒิบัตรให้แทน ก็คือเป็นวุฒิบัตรที่ระบุว่าได้ทำบุญรายการนี้กับทางวัด แต่ไม่ใช่อนุโมทนาบัตร เป็นการออกโดยส่วนตัวของวัด คือบริษัทเขาขอให้มีแค่หลักฐานว่า เรารับของของเขาไว้ก็พอ โลกต้องเปลี่ยนแปลงไปตามยุคตามสมัย แต่ขอให้มั่นใจว่า หลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นอกาลิโก ไม่จำกัดด้วยยุคสมัย ใครทำเมื่อไรก็ได้รับผลดีเมื่อนั้น"

เถรี 18-07-2018 21:58

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้ทางวัดท่าขนุนกำลังรอ QR Code อยู่ ซึ่งน่าจะได้แล้ว เมื่อได้มาแล้วอาตมาจะสแกน QR Code แล้วให้เอาขึ้นเว็บวัดท่าขนุนให้ ต่อไปญาติโยมก็ทำบุญผ่านตรงนั้นได้เลย ใครจะเอาโมทนาบัตรก็ทำบุญผ่านตรงนั้น ถ้าไม่เอาก็มาทำที่นี่ ...(บ้านเติมบุญ)... หรือไปทำที่วัด ซึ่งอาตมาว่าทำตรงนี้ได้เยอะกว่าอีก

เรื่องนี้เป็นเรื่องของผู้มีอำนาจ ที่ทำไปโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบของข้อกฎหมาย เงินทำบุญเป็นเงินการกุศล โดยเฉพาะกฎหมายระบุไว้ชัดเจนว่าวัดไม่ต้องเสียภาษี คงต้องมีการแก้กฎหมายกันยุ่งยากมากเลย เพราะว่าถ้าหากว่าเงินส่วนนี้ต้องเสียภาษี บรรดามูลนิธิทั้งหมดก็ต้องเสียด้วย เป็นอะไรที่ต้องบอกว่ากระทบเป็นลูกโซ่กว้างขวางมาก"


ถาม : เขาเอาไปทำประโยชน์อะไรคะ ?
ตอบ : เขาบอกว่าเงินในวงการสงฆ์ถ้ารวมกันแล้วมียอดหลายแสนล้าน ควรจะเอามาใช้พัฒนาประเทศ เพราะว่ามีเงินอยู่ก็เลยทำให้พระเสียหมด

ถาม : ใครรับกรรมคะ ?
ตอบ : ก็เรื่องของเขา เราจะไปสนใจอะไร คนริเริ่มก็รับไป ต้องบอกว่าเป็นวาระของเรา แล้วก็เป็นโอกาสของเขา เราจะเห็นว่าการแก้กฎหมายเพื่อแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ล่าสุดก็ผ่าน ๓ วาระในวันเดียว ถ้าไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนชนิดคอขาดบาดตาย จะมาผ่าน ๓ วาระในวันเดียวทำไม ? การแก้กฎหมายคณะสงฆ์ก็ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย แต่ว่าผ่าน ๓ วาระในวันเดียว

เราก็ค่อย ๆ ดูไปว่าอะไรจะเกิดขึ้นในบ้านเราเมืองเรา ส่วนบรรดาท่านที่สร้างเวรสร้างกรรมอยู่กว่าจะรู้ก็ต้องตายไปแล้ว ซึ่งตอนนั้นก็แก้ไขอะไรไม่ทันหรอก อาตมาถึงได้บอกว่าถ้ามีโอกาสก็จะไปเยี่ยม รับประกันว่าจะไม่หัวเราะเยาะ จะไปแผ่เมตตาให้...!

เถรี 18-07-2018 22:06

ถาม : เราไม่รู้ว่าตอนนี้ถึงวาระที่จะเกิดขึ้นกับพุทธศาสนา ถ้าเราไปโวยวายรังแต่จะเกิดความแตกแยกหรือเปล่า ?
ตอบ : ถึงไม่มีเหตุนี้ก็ไม่เป็น พวกเขาสร้างเหตุขึ้นมาเอง

ถาม : เจตนาเขาเป็นอย่างนั้นใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ใช่...เจตนาที่จะทำลายคณะสงฆ์ เมื่อวานได้เห็นรูปไหม ? ตอนแก้ พรบ.คณะสงฆ์ อิสลามเข้าไปเพียบเลย แล้วเขาเข้าไปทำอะไร ? อิสลามเข้าไปเชียร์เรื่องกฎหมายคณะสงฆ์ ๒๐ - ๓๐ คน

ถาม : ถ้าเราไม่ยอม เราทำอย่างไรได้ ?
ตอบ : ก็ต้องลุกฮือทั่วประเทศ เขาจับจุดได้ว่านิสัยนี้คนไทยไม่มี คนไทยเราประเภทดีก็เงียบ ชั่วก็เงียบ แต่ของเขานี่ใครไปสะกิดเข้า เขาจะฮือมาอย่างน้อยก็ทั้งหมู่บ้าน เขาก็เลยมั่นใจว่าสามารถที่จะขี่คอเราได้แน่นอน เพราะว่าทำอะไรเราก็เงียบ

ถาม : อะไรบ้างที่เงียบ ?
ตอบ : เขาออกกฎหมายมาว่าสร้างมัสยิดเอาเงินหลวงได้ แต่ของเราพระสร้างวัดต้องไปเรี่ยไรกันเอง เป็นต้น

ถาม : บางคนเขาบอกให้มีคนนำ ?
ตอบ : พวกเราทำอะไรไม่มีการปรึกษาหารือกัน แต่ของเขาเอาพวกจบด็อกเตอร์ ๓๐๐ กว่าคน มาสุมหัวปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์กันทุกอาทิตย์ เพราะฉะนั้น...สิ่งที่เขาคิดจะรอบคอบรอบด้าน พูดง่าย ๆ ก็คือว่าอยู่ในลักษณะรุกฆาตผูกหมากตายหมด เราขยับด้านไหนก็ต้องเข้าทางเขาสักด้านหนึ่ง ไม่เป็นไร “อยู่แค่อยู่ได้” อาตมาก็ไม่ได้หนักใจอะไรนี่

เถรี 18-07-2018 22:15

เรื่องทั้งหมดอาตมาพูดได้แค่นี้ เพื่อให้กระทบกระเทือนผู้อื่นน้อยที่สุด แต่ว่าเรื่องใหญ่จริง ๆ เกิดจากมีผู้หมายตาจะเอาเงินคณะสงฆ์ เขาก็เลยต้องหาทางอย่างไรก็ได้ เพื่อที่จะแคะออกมาให้ได้ บรรดาหัวหอกต่าง ๆ ที่ต่อต้าน โดยเฉพาะเป็นแหล่งเงินใหญ่ ก็โดนจับเข้าคุกไปหมดแล้ว

เมื่อวานอาตมาไปเยี่ยมท่านมา บรรดาเพื่อนฝูงก็กลัวกัน “อาจารย์เล็กไม่กลัวติดหลังแหไปด้วย ?” จะไปติดอะไร อย่างเก่งเขาก็แค่สึกผมได้ เอาผมเข้าคุกหรือ ? ผมก็แค่เปลี่ยนที่ปฏิบัติธรรมเท่านั้นเอง ไม่ต้องบิณฑบาตด้วย มีคนเลี้ยง...สบาย งานลดน้อยลงไปตั้งเยอะ ถึงเวลาก็มีคนคอยดูแลทำความสะอาด จะนอนก็มีคนเฝ้า สบายอย่าบอกใครเลย ไม่ต้องกลัวข้าวของอะไรจะหาย


ถาม : ท่านเหล่านั้นจับสึกหรือครับ ?
ตอบ : ท่านทั้งหลายเหล่านั้นโดนบังคับให้เอาผ้าเหลืองออก แต่ไม่มีใครเปล่งวาจาสึก อาตมาเคยเรียกพระครูก็เรียกพระครู เคยเรียกเจ้าคุณก็เรียกเจ้าคุณ เคยเรียกหลวงพ่อก็เรียกหลวงพ่อเหมือนเดิม เพราะว่าท่านก็ยังคงโกนหัวเป็นปกติ

ถาม : ฟ้องกลับได้ไหมคะ ?
ตอบ : เขาเปิดโอกาสให้ไหม ? ฟ้องขึ้นไปแล้วใครจะรับ ? ในเมื่อกฎหมายอยู่ในมือเขา เอาเป็นว่าคดี ๙๙ ศพมีใครฟ้องได้บ้างจนป่านนี้ ? ทั้ง ๆ ที่ตายให้เห็น ๆ ถึงได้บอกว่าต่างประเทศอาตมาไม่ได้ชอบนะ แต่ชอบกฎหมายของเขาอย่างเดียว ตรงที่กฎหมายเขายังเป็นกฎหมายอยู่ ส่วนบ้านเรานี่กฎหมายเป็นไปตามผู้มีอำนาจ ปัจจุบันเราก็จะเห็นชัด ๆ ว่าถ้ามึงทำ...ผิด ถ้ากูทำแบบเดียวกัน...ไม่ผิด เพราะว่ากูมีอำนาจ ก็ชัดเจนมากอยู่แล้ว

ถาม : คนทั่วไปเขาไม่รู้ ?
ตอบ : เป็นหน้าที่ของโยมที่ต้องไปชี้แจงให้เขาเข้าใจ

เถรี 18-07-2018 22:17

พระอาจารย์กล่าวว่า "จ.อ.สมาน กุนัน ตายแล้วไม่ขาดทุน แค่เฉพาะตรงนี้มีคนทำบุญให้ ๔ - ๕ รายติด ๆ กันแล้ว จะเห็นว่าฝีมือระดับนักทำลายใต้น้ำของกองทัพเรือ ถึงเวลาแล้วก็ยังเกิดอุบัติเหตุจนถึงแก่ชีวิตได้ ฉะนั้น...คนทั่ว ๆ ไปจะเข้าออกทางน้ำ ระยะทางไกลเป็นกิโลเมตรนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย โดยเฉพาะยิ่งตื่นเต้น ก็ยิ่งใช้อากาศหายใจมาก ถ้าถังสำรองมีไม่เพียงพอ อากาศหมดกลางทางก็เรียบร้อย"

เถรี 20-07-2018 07:39

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้ที่รอลุ้นอยู่ก็คือ เมื่อไรจะได้หล่อพระทองคำเสียที เพราะว่าตามที่พระท่านบอก ถ้าหากว่าองค์พระหล่อสำเร็จเมื่อไรประเทศเราก็จะเริ่มดีขึ้น แต่บ้านเราเหมือนคนไข้หนัก ดีขึ้นนี่แปลว่าอะไร ? หยอดน้ำข้าวต้มแล้วกินได้...ใช่ไหม ? หรือว่าลุกขึ้นวิ่งได้เลย ?"

เถรี 20-07-2018 07:41

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีราชาศัพท์อยู่คำหนึ่งที่พวกเราบางทีแยกไม่ออก คิดว่าเป็นคำเดียวกัน ก็คือคำว่า ทูลเกล้าถวาย กับ น้อมเกล้าถวาย ขอบอกว่าใช้คนละโอกาสกัน

ของอะไรที่เป็นของชิ้นเล็ก น้ำหนักไม่มาก ยกได้ด้วยตัวคนเดียว เขาใช้คำว่า ทูลเกล้าถวาย แต่ถ้าหากว่าของมาก หรือว่าน้ำหนักมาก ไม่สามารถที่จะยกได้ เขาใช้คำว่า น้อมเกล้าถวาย แยกให้ออก อย่าคิดว่าเขาใช้ผิด ถูกทั้งคู่นั่นแหละ เพียงแต่ว่าใช้ในโอกาสไหนเท่านั้น"

เถรี 20-07-2018 07:42

พระอาจารย์กล่าวว่า "ปกติอาตมาทำงานไม่เคยออกสื่อ แต่ว่าพอมีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับวงการสงฆ์ ที่เขาตั้งใจออกมาเพื่อทำลายโดยเฉพาะ ก็เลยเริ่มให้เขาเอางานออกสื่อ แล้วบรรดาเพื่อนพระสังฆาธิการ เพื่อนพระอุปัชฌาย์ ก็แตกตื่นกันใหญ่ว่า "นี่อาจารย์เล็กทำงานถึงขนาดนี้เลยหรือ ?" ก็บอกท่านไปว่า "ปกติผมก็ทำอย่างนี้แหละ เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะเอาไปอวดใครทำไม ? แต่ว่าตอนนี้มีแต่ข่าวร้ายมากกว่า เราก็เลยต้องเอาข่าวดีมาสู้ แม้ว่าจะเป็นน้ำหยดเดียว ไม่สามารถดับไฟทั้งกองได้ แต่ก็ให้รู้ว่า ยังมีพระสงฆ์ที่ทำงานในลักษณะอย่างนี้"

เมื่อตอนเพลโยมจากกระทรวงวัฒนธรรมโทรมา บอกว่ามีรางวัลให้หลวงพ่อ แต่จะต้องทำประวัติเพื่อขอไป ก็เลยถามเขาว่ามีแบบไหม ? ถ้ามีส่งเข้า LINE หรืออีเมล์มาให้หน่อย ถ้ามีเวลาจะทำให้ ถ้าไม่มีก็แล้วไป เขาบอกว่ามีเวลาแค่ ๒ วัน ก็บอกว่า "ใช่...งานของพวกคุณมักจะเป็นอย่างนี้แหละ ส่วนใหญ่มาวันนี้จะเอาพรุ่งนี้" แล้วพอไปวัดอื่นเขาก็ทำไม่ได้ พอมาวัดท่าขนุนแล้วทำได้ งานก็ไหลมาเทมา"

เถรี 20-07-2018 07:54

ถาม : ครูบาบุญชุ่มเกี่ยวข้องอะไรกับแม่นางเขาถ้ำนางนอน ?
ตอบ : ไม่รู้สิ อาตมายังไม่ได้เจอกับแม่นางเลย ถ้าเจอแล้วจะถามให้ ..(หัวเราะ)... แต่โอกาสเจอคงจะยาก เพราะว่าดอยนางนอนนี่แทบจะไม่ได้ย่างกรายเข้าไปเลย ไปอย่างเก่งก็แค่ผ่านไปวัดป่าถ้ำอาชาทอง ก็วิ่งเฉี่ยวไปเฉี่ยวมาอยู่นั่นแหละ เดี๋ยววันไหนท่านอยากให้เล่าประวัติ ท่านก็คงจะมาบอกเองแหละ

เถรี 20-07-2018 08:22

ถาม : มโนมยิทธิ เราจะทราบได้อย่างไรว่าเราเห็นแล้ว ไม่ได้เป็นเพราะครูฝึกถามชักนำ ?
ตอบ : ทดสอบกับสิ่งที่พิสูจน์ได้สิครับ สมัยอาตมาหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านให้ไปนั่งข้างถนน หลับตาทำใจสบาย ๆ ถ้ารถมาให้ถามตัวเองว่ารถคันนี้สีอะไร ? ถ้าตอบถูกให้จำอารมณ์นั้นไว้ ถ้าผิดก็ไม่ต้องจำ แล้วถ้าถูกสัก ๘ ใน ๑๐ ก็ให้เพิ่มรายละเอียดไปว่า รถมาสีอะไร ? คนนั่งมากี่คน ? ต่อไปก็เพิ่มว่า คนนั่งมากี่คน ? ผู้หญิงกี่คน ? ผู้ชายกี่คน ? ใส่เสื้อผ้าสีอะไรบ้าง ? ใส่รายละเอียดเพิ่มไปเรื่อย ๆ จะคล่องตัวไปเรื่อย ๆ แล้วต่อไปเราจะจำได้ว่าอารมณ์นั้นมาก็คือใช่ ของอย่างนี้พิสูจน์กันได้ เพียงแต่ว่าคุณไม่ค่อยจะพิสูจน์กัน เอาแต่สงสัยอย่างเดียว

เถรี 20-07-2018 08:30

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีคนถามอาตมาว่า ถ้าเจอเหตุการณ์อย่างถ้ำหลวงดอยนางนอนจะป้องกันอย่างไร ? อาตมาแนะนำไปว่าให้พกวัตถุมงคลไป ก็ถามว่าวัตถุมงคลประเภทใดบ้าง ? อันดับแรก มีดหมอ เอาของครูบาอาจารย์ที่เรามั่นใจเลย อย่างหลวงพ่อรุ่ง วัดหนองสีนวล หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ เป็นต้น

ถ้าหากว่าราคาแพงไปจนหาไม่ได้ ก็หาของหลวงพ่อกัน วัดเขาแก้ว หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม หลวงพ่อจ้อย วัดศรีอุทุมพร ถ้าจะไปหามีดหมอดาบฟ้าฟื้น หลวงพ่อวัดท่าซุง ก็ยิ่งหายากเข้าไปใหญ่ มีดหมอเป็นสิ่งล้างอาถรรพ์ แก้อาถรรพ์ ถ้าอาราธนาเป็น ต้องบอกว่าใช้ได้ดีกว่าอะไรทั้งหมด

ประการที่สอง เบี้ยแก้ อันนี้ทั้งแก้ทั้งกันโดยตรงเลย เรื่องของเบี้ยแก้นี่ท่านสร้างมาเพื่อล้างอาถรรพ์ โดยเฉพาะสิ่งอาถรรพ์ลี้ลับต่าง ๆ ในป่า ถ้าพกติดตัวไปโอกาสปลอดภัยเกือบจะร้อยเปอร์เซ็นต์ เบี้ยแก้สำนักดัง ๆ อย่างหลวงปู่รอด วัดนายโรง หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ฯลฯ ถ้าหาไม่ได้ก็เอาสำนักรอง ๆ ลงมา อย่าง หลวงปู่ม่วง หลวงปู่ทัต วัดคฤหบดี หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว แต่ว่าอย่างของหลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว หลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์ นี่ขึ้นไปเป็นแสนแล้วเหมือนกัน

ถัดจากนั้นลงไปก็ยังมีเยอะแยะ อย่างสายอ่างทอง ก็ยังมีหลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ หลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน หลวงพ่อโปร่ง วัดท่าช้าง หลวงพ่อซำ วัดตลาดใหม่ หรือถ้าหากสายภาคกลาง ก็อย่างหลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว หลวงตากา วัดแค (นครชัยศรี) หลวงพ่อไพล วัดบางแคกลางก็ได้

แต่ถ้าจะเอาตรง ๆ เลยต้องของหลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ เพราะท่านเรียกเบี้ยแก้ท่านว่า ‘เบี้ยแก้สารพัดกัน’ ท่านเรียกปรอทลงหอยเบี้ยโดยที่ไม่ต้องกรอกลงไป ถึงเวลาให้วิ่งเข้าเบี้ยไปเอง ลูกศิษย์เคยแอบดู บอกว่าปรอทเปล่งแสงสว่างยิ่งกว่าหลอดไฟอีก หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว ก็ใช้วิธีเรียกปรอทให้วิ่งลงหอยเบี้ยเหมือนกัน

ถามว่าแล้วมีอะไรอีก ? บรรดาของที่ล้างอาถรรพ์พวกนี้ อย่างเช่นว่าผงโสฬส หลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง จะเป็นตะกรุดพอกผงโสฬส หรือว่าพระปิดตาผงโสฬส หรือว่าลูกอมผงโสฬสก็ได้ จะเป็นของหลวงปู่เอี่ยม หลวงปู่กลิ่น หลวงพ่อทองสุข หรือมาจนกระทั่งของหลวงปู่วาสก็ใช้ได้ เพราะว่าของท่านนี้เป็นการล้างอาถรรพ์โดยเฉพาะ แถมยังสร้างเสริมบารมีอีกด้วย"

เถรี 20-07-2018 08:32

ถาม : มีดหมอโสฬสของพระอาจารย์ละคะ ?
ตอบ : เอาของครูบาอาจารย์จะดีกว่า ความน่าเชื่อถือมีมากกว่า

แล้วอีกอย่างหนึ่งก็คือรูปท้าวเวสสุวรรณ มีรูปเจ้านายไป ไม่เกรงใจก็ให้รู้ไป ถ้าให้อาตมาแนะนำก็รูปหล่อท้าวเวสสุวรรณ ท่านเจ้าคุณศรี วัดสุทัศน์ฯ เหรียญท้าวเวสสุวรรณหลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี หรือไม่ก็รูปเหรียญหลังท้าวเวสสุวรรณ หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง อันนั้นเจ้านายใหญ่ไปเอง อย่างไรผีต้องเกรงใจ

ของพวกนี้ถ้าเรามีติดตัวไปให้อาราธนา โดยเฉพาะก่อนนอน ถ้าไม่มีอะไรจริง ๆ ก็ให้ภาวนากรณียเมตตาสูตร ทั้งผีทั้งเทวดาท่านจะรักมากเป็นพิเศษ อาจจะเลี้ยงดูสักปีสองปีแล้วค่อยปล่อยออกมาอะไรประมาณนี้...!

เถรี 20-07-2018 08:34

ถาม : อย่างพวกเหรียญปลาไหลเผือกละคะ ?
ตอบ : พวกปลาไหลช่วยอะไรไม่ได้ คนละอย่างกัน อันนั้นเอาไว้หนี พวกหัวใจปลาไหลเผือกนี่เป็นวิชาเดียวที่อาตมาขอเรียนแล้วหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านไม่ให้

อาตมาไปงานที่วัดบ้านห้วยน้ำขาว พระครูปลัดนัทกฤตท่านบอกว่า "หลวงพ่อช่วยเสกเหรียญปลาไหลให้หน่อยครับ" ก็บอกท่านไปว่า “เอ็งรู้ไหม ? นี่เป็นวิชาเดียวที่ข้าขอเรียนแล้วหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านไม่สอนให้ ท่านบอกว่าลูกข้าถ้าหนีเขามันขายหน้า ต้องสู้โว้ย..!" เพราะฉะนั้น...วิชาหนีเขาอย่างวิชาปลาไหลท่านไม่ให้หรอก” ก็เลยไม่รู้ว่าจะทำอะไร ต้องอาราธนาพระท่านให้ช่วยสงเคราะห์แทน เพราะว่า พุทโธ อัปปมาโณ คุณของพระพุทธเจ้าประมาณไม่ได้อยู่แล้ว

ถึงแม้เราจะไม่ได้วิชามาตามหลักโดยตรง ก็อาศัยพุทธคุณเข้าไปช่วยแทน แล้วเรื่องประเภทหนีเขานี่ก็ต้องดูด้วยนะ เพราะว่าถ้า ๑๓ คน หนีรอดมาได้แค่คนหนึ่งก็เกินไป

เถรี 20-07-2018 08:37

ถาม : พระขรรค์เล่มเล็ก ๆ เป็นวัตถุมงคลกันอาถรรพ์ได้ไหมคะ ?
ตอบ : เป็น...แต่ว่าพระขรรค์เล่มเล็ก ๆ หายาก พระขรรค์หลวงปู่เงิน วัดพระปรางค์เหลือง พระขรรค์หลวงปู่แจ่ม วัดวังแดงเหนือ พระขรรค์หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า เล่มเล็ก ๆ ท่านไม่ค่อยทำ พระขรรค์ของหลวงปู่เงิน วัดพระปรางค์เหลือง ท่านทำสวยมาก ๆ เห็นแล้วหลงเสน่ห์เลย

หลวงปู่เงินท่านเป็นพระอาจารย์ของหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์อีกทีหนึ่ง ท่านทำพระขรรค์แต่มีน้อยมาก กว่าจะหลุดมาได้สัก ๓ เล่ม ๕ เล่มนี่ลูกศิษย์รอกันตายไปข้างหนึ่ง เพราะว่าถ้าหาวัสดุไม่ได้อย่างใจท่านก็ไม่ทำ ฤกษ์ไม่ได้อย่างใจท่านก็ไม่ทำ

เถรี 20-07-2018 08:58

เรื่องที่เด็กทีมหมูป่าไปเจอมานี่ยังถือว่าเป็นภัยธรรมชาติ ก็คือน้ำป่าหลากมา แต่ที่อาตมาเจอบอกไม่ถูกว่าคืออะไร ตอนนั้นไปด้วยกัน ๓ คน เข้าไปสำรวจถ้ำ ก็เดิน ๆ ๆ ลึกเข้าไป ๆ ไปไกลพอสมควร เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรน่าสนใจมากกว่านี้แล้ว...ก็กลับดีกว่า หันหลังกลับมา เหวอพร้อม ๆ กันเลย..! ทางที่เข้ามาอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ? เป็นผนังหินตัน ๆ เลย แล้วเมื่อครู่กูเดินมาทางไหนนี่ ?

ถ้าไม่ได้เจอด้วยตัวเอง คนอื่นมาเล่าให้ฟังก็ไม่เชื่อเขา แล้วตอนเข้าเราเข้าไปอย่างไร ? แล้วจะทำอย่างไรดี ? ถอยหลังไม่ได้แล้ว ก็ต้องขึ้นหน้าไปเรื่อย ๆ ตะเกียกตะกายไป มุดบ้าง ลอดบ้าง ปีนบ้างไปเรื่อย ๆ ท้ายสุดไปเจอรอยแตกพอที่จะตะแคงตัวออกมาได้ นั่นยังดีนะ...แล้วถ้าหากว่าหายเข้าไปแล้วออกไม่ได้นี่ไม่มีใครหาเจอเลย เพราะว่าทางไม่มี แต่ตอนที่เข้าไปนี่เห็นเป็นปากถ้ำใหญ่ ๆ เลย เดินเข้าไปแล้วงงมาก

อาตมาเองอาศัยว่าไม่กลัวก็ไปได้เรื่อย ๆ ไปถ้ำองจุนี่มุดอยู่คนเดียว กระดืบ ๆ เข้าไป เดี๋ยวก็กลายเป็นห้องโถงใหญ่ ๆ อีกแล้ว สวยงามมาก มุดซ้าย มุดขวา แล้วเดี๋ยวก็มีซอกเข้าไป อ้าว...กลายเป็นห้องโถงใหญ่อีกแล้ว แล้วถามว่าทำอย่างไร ? ก็จำเอา..ถึงเวลาไปทางไหนเวลามุดจะมีรอยลากพื้นอยู่แล้ว ถึงเวลาก็กลับทางเดิม แล้วโดยเฉพาะอาตมาไปไหนจะมีเทียนไปด้วย ถึงเวลาผ่านมาจากช่องไหนก็จุดเทียนตั้งเอาไว้ต้นหนึ่งแล้วก็ไปต่อ เทียนต้นหนึ่งอยู่ได้เป็นชั่วโมงอยู่แล้ว

เถรี 20-07-2018 09:06

พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของภาษาอังกฤษ เมื่อตอนอบรมค่ายพุทธบุตรช่วงไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมา อาตมาก็ยังเน้นย้ำกับเด็ก ๆ ว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะว่าช่วยเปิดโลกของเราให้กว้างขวางขึ้น โดยเฉพาะวิชาการทางด้านที่เราต้องค้นคว้าจริง ๆ ทางอินเตอร์เน็ต ส่วนใหญ่แล้วต้องใช้ภาษาอังกฤษ คราวนี้เราจะได้เห็นว่า เด็กทีมหมูป่านี่สามารถคุยกับฝรั่งรู้เรื่อง ก็เป็นหน้าเป็นตาเหมือนกัน ขนาดสื่อญี่ปุ่นเอาไปลงกันใหญ่ บอกว่า โอ้โฮ...ขนาดเด็กของไทยคุยกับฝรั่งรู้เรื่อง ดูท่าการศึกษาของไทยจะไปไกลกว่าญี่ปุ่นแล้วกระมัง ? หารู้ไม่ว่าไปเจอเด็กรับแขกเข้าพอดี

อาตมาเองเป็นคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานของโรงเรียนทองผาภูมิวิทยา ก็พยายามกระตุ้นบรรดาท่านผู้อำนวยการต่าง ๆ ให้เห็นความสำคัญ โดยเฉพาะโรงเรียนทองผาภูมิวิทยานี่อาตมาจะมีทุนระดับปริญญาตรีต่อเนื่อง ถ้าใครสอบได้ก็คือส่งเรียนจนจบเลย ให้ปีละ ๓๐,๐๐๐ บาท ปรากฏว่าปีนี้ผลที่ออกมาน่าชื่นใจมาก ในการสอบแข่งขันโดยใช้ข้อสอบกลางทั่วประเทศในเขตพื้นที่การศึกษา

ปรากฏว่าโรงเรียนทองผาภูมิวิทยาที่เป็นโรงเรียนบ้านนอกสุดกู่ปลายตะโกน อยู่อันดับที่ ๕ ของ ๔๕ โรงเรียน โรงเรียนที่ชนะได้ในจังหวัดกาญจนบุรีมีแค่ ๒ โรงเรียนเท่านั้น ก็คือโรงเรียนวิสุทธรังษี กับโรงเรียนกาญจนานุเคราะห์ ซึ่งทั้งสองโรงเรียนนี้ เด็กที่เข้าเรียนต้องจ่ายค่าเทอม ๆ ละ ๒๐,๐๐๐ กว่าบาท แต่เด็กของเราที่เรียนฟรีชนะโรงเรียนอื่น ๆ แบบจี้ติดตูด
เขามาเลย แล้วเด็กที่เข้าเรียนค่าเทอม ๒๐,๐๐๐ กว่า ก็ต้องมีศักยภาพพอเขาถึงไปเรียนได้ แต่เด็กบ้านนอกของเรานี่สามารถอยู่ในระดับเดียวกับเขาได้"

เถรี 20-07-2018 09:08

"ตอนนี้กำลังสอบแข่งขันวิชาการระดับประเทศอยู่ ถ้าชนะแล้วเขาจะไปต่อระดับโลก เด็ก ๆ เขาบอกว่าถ้าเขาได้ไปต่างประเทศ ขอหลวงตาช่วยออกค่าเครื่องบินให้หน่อย บอกเขาว่า "รู้ไหมว่าหลวงตาเอาใจช่วยเอ็งสุดชีวิตเลยให้ไปได้ เพราะหลวงตาอยากเสียค่าเครื่องบิน..!" เพราะเป็นชื่อเสียงของโรงเรียนและของอำเภอเราด้วย

แต่ว่าตอนที่เขาสอบชิงทุนหลวงตานี้แย่มากเลย คะแนนต่ำสุด ๆ ถามผู้อำนวยการทำไมถึงเป็นอย่างนี้ ? ผู้อำนวยการท่านสรุปว่า "เราออกข้อสอบยากกว่าข้อสอบกลางเยอะมาก" ก็เลยบอกท่านว่า "ถ้าอย่างนั้นให้รักษาระดับของเราเอาไว้ เพราะว่าถ้าของเรายากระดับนี้ พอถึงเวลาไปที่อื่นแล้วจะสบาย" เพราะข้อสอบกลางเขาสอบด้วยข้อสอบเดียวกันทั่วประเทศ แล้วเด็กเราสู้เขาได้ในระดับนี้ ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าปลื้มใจมาก ก็เล่นเอาในเมืองเขาตกอกตกใจกัน เด็กบ้านนอกสุดกู่ปลายตะโกน เรียนมาตรฐานเดียวกับในเมืองเลย แล้วเป็นมาตรฐานเดียวกับในเมืองที่เขาดีหนึ่งประเภทหนึ่งด้วย

เมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๑ แวะไปหาท่านผู้อำนวยการ เขากำลังประชุมครูกันอยู่ เข้าไปถึงก็ทักเป็นภาษาอังกฤษ ปรากฏว่าทุกคนตะลึง พระอาจารย์มาถึงได้อย่างไร ? แล้วท้ายสุดก็เลยลืมตอบภาษาอังกฤษ ตอบภาษาไทยกันหมด บอกเขาว่า "แย่มากเลย ก็เราตกลงกันแล้วไม่ใช่หรือว่าจะเน้นภาษาอังกฤษ แล้วทำไมไม่ใช้ ?" เราต้องนำเด็ก ถ้าเป็นไปได้ก็คือให้เด็กเขาใช้ภาษาอังกฤษในช่วงเวลาอยู่ที่โรงเรียน กลับบ้านแล้วเขาค่อยใช้ภาษาไทย ถ้าเราทำลักษณะอย่างนั้นท้ายสุดหูเขาจะชินกับภาษา พอหูเขาชินกับภาษาต่อไปจะตอบโต้จะอะไรก็ทันกาล"

เถรี 20-07-2018 09:11

"เรื่องของภาษานี่ช่วยได้เยอะ อาตมาพยายามบอกกับพวกเด็ก ๆ กะเหรี่ยง เด็กมอญ ฯลฯ ว่าอย่าทิ้งภาษาตัวเอง การที่เรารู้มากกว่าคนอื่นภาษาหนึ่งเป็นข้อได้เปรียบ แล้วอย่าอายที่เรามีชื่อมอญ ชื่อกะเหรี่ยง เพราะว่าแสดงออกซึ่งความเป็นตัวตนของเรา

แต่ส่วนใหญ่ระยะหลังนี้เขาไม่เอาแล้ว ประเภทชื่อมอญ ชื่อกะเหรี่ยง จ่อแฮเจ โจคะเร่ย ไม่มี นอเท่ยมะ นอเฮ่อเมอะ อูเวียเบ่อ ไม่มี เดี๋ยวนี้เขามีพัชราภา สาวิกา ณเดช กูจะบ้า...! ล่าสุดนี่ไปเข้าร่วมเสวนาวิถีชีวิตของชาติพันธุ์กะเหรี่ยง เด็กกะเหรี่ยงที่มาชื่อน้องกิ๊ฟท์ อื้อฮือ...อยากจะบีบคอให้ตาย...! ส่วนที่เข้าร่วมมีใคร ? มีน้องโดนัท...! ช่วยรักษาความเป็นตัวตนของตัวเองหน่อยจะได้ไหม ?

อาตมาเองจนกระทั่งเรียนมัธยมจะจบอยู่แล้วก็ยังใช้แซ่อยู่เลย ไม่เห็นต้องอายใคร แล้วเราพูดจีนได้ด้วย ปรากฏว่าพี่มุกดาแอบไปเปลี่ยนนามสกุลให้ โกรธแกฉิบหา..เลย โกรธไปเป็นปีเลย แอบไปเปลี่ยนแซ่เป็นนามสกุลให้ เพราะว่าตัวเองเปลี่ยน ก็เลยฉวยโอกาสเปลี่ยนให้น้องไปด้วย อย่างคุณมุกดาเมื่อครู่ที่มากับคุณวัชรินทร์ ถ้าถึงเวลาพูดอะไรไม่อยากให้ลูกรู้ แกจะพูดภาษาจีนกับอาตมา ลูกก็นั่งฟังตาปริบ ๆ ไป หลวงพ่อกับแม่คุยอะไรกันวะ ?

ตอนเด็กอาตมามีความเป็นเชื้อชาติจีนแรงมาก เพราะว่าช่วงนั้นพวกที่อพยพเข้ามายังเยอะอยู่ ถ้าเราไม่พูดจีนผู้ใหญ่เขาจะดุเอา แล้วบางทีก็ตีด้วย พอไปโรงเรียนครูก็ตี บังคับให้พูดภาษาไทย ก็เลยต้องกลายเป็นว่าอยู่บ้านต้องพูดจีน อยู่โรงเรียนต้องพูดไทย แล้วเรื่องของภาษานี่ถ้าอายุเกิน ๕ ขวบแล้วจะไม่ได้สำเนียง ลิ้นไม่ไปแล้ว ทุกวันนี้เวลาอาตมาพูดจีนแล้วคนอื่นเลียนแบบ บางทีขำก็ขำ คือลิ้นเขาแข็งไปไม่ได้ พยายามพูดช้า ๆ ให้เขาเลียนแบบก็เลียนไม่ได้ เพราะว่าบางคำเป็นคำกล้ำ ไม่ใช่คำตรง ๆ แบบภาษาไทย ซึ่งถ้าไม่ใช่เจ้าของภาษาจะออกเสียงไม่ได้"

เถรี 20-07-2018 09:28

ถาม : สังเกตเวลามีข่าวถึงพระสงฆ์ คนก็ไม่ศรัทธา เวลาพูดถึงพระ เขาพูดด้วยความไม่เคารพ ?
ตอบ : เขายังไม่เห็นสังฆคุณ ในเมื่อยังไม่เห็น ก็ยังไม่ให้ความเคารพเชื่อถือ

เถรี 20-07-2018 21:33

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีพระผู้ใหญ่หลายท่านเดินทางไปศาสนกิจที่ต่างประเทศ โดยเฉพาะการประชุมพระธรรมทูต แล้วยังไม่กลับประเทศไทย เพราะรอดูทีท่าว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคณะสงฆ์ไทย ต้องบอกว่าตำแหน่งใหญ่ผลกระทบก็มาก โดยเฉพาะถ้ามีการพระราชทานตั้งใหม่หมดเลย ทั้งกรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่ เจ้าคณะภาค ซึ่งกฎหมายบอกว่าแล้วแต่จะทรงมีพระราชดำริเป็นประการใด

แม้กระทั่งเจ้าอาวาสทั่วประเทศก็โดนโยนไปเป็นพระราชภาระไปแล้ว ภาษาทหารเขาบอกว่า "ไปดึงฟ้าต่ำ" ทหารนี่เขาให้ท่องจำไว้เลยว่า "อย่าดึงฟ้าต่ำ อย่าทำหินแตก อย่าแยกแผ่นดิน" เป็นเรื่องที่ทำแล้วถ้าไม่ใช่โง่สุด ๆ ก็จะกลายเป็นเรื่องของกบฏ อาจจะถึงขนาดตายกันอย่างชนิดสิ้นโคตร เขาก็เลยให้ท่องจำเอาไว้"

เถรี 20-07-2018 21:51

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีดหมอหลวงพ่อบุญมี วัดเขาสมอคอน ระยะหลังเขาปลอมกันเยอะ เล่นยาก ถ้าตาไม่ดีจริง ๆ อย่าไปเสี่ยง โปรดระมัดระวังเอาไว้ด้วย"

เถรี 23-07-2018 09:17

พระอาจารย์กล่าวว่า "สมัยก่อนเทคโนโลยีการหล่อแก้วยังไม่ดีพอ อาตมาซื้อแก้วเจียระไนของฝรั่งเศสเพื่อเอามาทำกรรมฐาน เป็นลูกแก้วกลมเส้นผ่านศูนย์กลาง ๑๐ เซนติเมตร ราคา ๔๖,๐๐๐ บาท สมัยนี้ขนาดนั้น ๓๐๐ บาทก็ซื้อได้แล้ว

แก้วลูกนั้นอาตมาเอาไว้ฝึกอาโลกกสิณ ก็คือกสินแสงสว่าง ซึ่งสามารถใช้ลูกแก้วแทนได้ อาตมาจำได้ว่าปีที่ซื้อนั้น ทองคำเพิ่งจะบาทละ ๓,๗๐๐ แต่ว่าลูกแก้วลูกนั้น ๔๖,๐๐๐ พูดง่าย ๆ เงินเก็บที่มีหายไปครึ่งหนึ่งเลย แต่ก็ซื้อเพราะว่าเป็นขนาดที่พอดีกับที่ตนเองต้องการ คือประมาณ ๑๐ เซนติเมตร

เดี๋ยวนี้บ้านเรา ขนาดฟุตหนึ่ง ๓๐ เซนติเมตรยังราคาแค่ ๔,๐๐๐ - ๕,๐๐๐ บาทเอง แต่สมัยก่อนเทคโนโลยีแบบนี้เป็นของทางยุโรป โดยเฉพาะของสวารอฟสกีนี่จะโด่งดังมาก"

เถรี 23-07-2018 09:20

พระอาจารย์กล่าวว่า "วันก่อนที่กล่าวถึงเรื่องเด็กติดอยู่ในถ้ำ ว่าถ้าพวกเราไปป่าไปเขา ควรจะพกวัตถุมงคลประเภทที่ผีหรือเทวดาเขาเกรงใจไปด้วย ยังไม่ได้กล่าวถึงเครื่องรางประเภทรูปเสือรูปสิงห์

เครื่องรางรูปเสือรูปสิงห์จริง ๆ แล้วเป็นไปในทางมหาอำนาจ ค่อนข้างจะไปทางนักเลง พูดง่าย ๆ ก็คือจะไปกร่างกับเขา คราวนี้ถ้ากร่างมาก ๆ เจ้าถิ่นไม่พอใจก็จะ "ตื้บ" เอาเหมือนกัน ต่อให้รักษาตัวได้ ก็น่าจะอ่วมออกมา

เครื่องรางรูปเสือบ้านเราที่โด่งดังที่สุดราคาระดับ ๑๐ ล้านบาทในปัจจุบันนี้ คือ หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย ซึ่งในหลวงรัชกาลที่ ๕ มีพระราชหัตถเลขากล่าวถึงเอาไว้ในการเสด็จประพาสต้น

รองลงไปก็เป็นของหลวงพ่อเฮง วัดเขาดิน ซึ่งในหลวงรัชกาลที่ ๕ ก็กล่าวถึงไว้เหมือนกันว่ามีทั้งแหวนพิรอด แล้วก็เครื่องรางรูปสัตว์

รองลงไปอีกก็เป็นหลวงพ่อนก วัดสังกะสี ต้องบอกว่าลูกศิษย์ก้นกุฏิของหลวงปู่ปาน วัดบางเหี้ยเอง

แล้วที่เหลือก็โด่งดังไกลออกไป อย่างเช่นว่าหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว หลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว เป็นต้น ส่วนรุ่นหลัง ๆ รอง ๆ ลงมาที่เขาเล่นหากัน ก็มีหลวงพ่อสาย วัดบางเหี้ย อันนี้สืบสายจากหลวงปู่ปานโดยตรงเลย เพราะว่าเป็นลูกศิษย์ที่อยู่กับวัด หลวงพ่อนก วัดสังกะสี ยังอยู่คนละวัดกัน"

เถรี 23-07-2018 09:25

"เสือของหลวงปู่สาย วัดบางเหี้ย ต้องบอกว่าทำได้ใกล้เคียงกับพระอาจารย์ แต่ราคาถูกกว่าเป็นร้อยเท่า ราคา ๒๐,๐๐๐ - ๓๐,๐๐๐ บาท ยังหาได้อยู่ แต่ของพระอาจารย์นี่หลายแสนถึงหลายล้าน

ถัดมาก็จะเป็นเสือของหลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส และอีกท่านหนึ่ง มั่นใจว่าญาติโยมไม่เคยได้ยิน ที่มั่นใจว่าญาติโยมไม่เคยได้ยินเพราะว่าเครื่องรางของท่านลูกศิษย์เก็บหมด แทบจะไม่มีหลุดออกจากตลาดมาเลย ก็คือ ของหลวงพ่อโสม วัดโคกพระศิลาราม จังหวัดชลบุรี อันนี้ก็สืบสายไปจากทางด้านหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ส่วนหลวงปู่ชิต วัดมหาธาตุเพชรบุรี ก็ทำเครื่องรางรูปเสือเหมือนกัน

จริง ๆ แล้วทางด้านภาคตะวันออกของเรามีระดับเสือซุ่มมังกรซ่อนอยู่เยอะมาก แต่พวกเราไม่ค่อยรู้จักกัน ในเมื่อพวกเราไม่ค่อยรู้จัก จึงมองข้ามของดีไปอย่างน่าเสียดาย ก็อย่างที่บอกคือ หลวงพ่อโสม วัดโคกพระศิลาราม หลวงพ่อสุ่น วัดแหลมสิงห์อย่างนี้"

เถรี 23-07-2018 09:33

"อีกท่านก็คือหลวงพ่อพัว วัดบางเดือน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ถ้าหากว่าแกะศิลปะเดียวกัน บางทีของเก่าใกล้เคียง เขาตีเป็นของหลวงปู่ปาน วัดบางเหี้ยได้เลย แต่บังเอิญว่าช่างแกะคนละคนกัน ฝีมือต่างกันไป

ของหลวงปู่ปาน วัดบางเหี้ย เราไปคุ้นกับลักษณะ หูหนู หน้าแมว ตาลูกเต๋า เขี้ยวโปร่งฟ้า ใช่ไหม ? แต่จริง ๆ แล้วของหลวงปู่ปาน ยังมีศิลป์วัดกลางอีก มักจะแกะเป็นเสือเหลียวบ้าง เสือโห่บ้าง ซึ่งถ้าจำลายมือหลวงปู่ไม่ได้ก็เสียของดีไปเลย เพราะไปคิดว่าไม่ใช่

แบบเดียวกับหลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส เราก็จะเคยชินกับเสือนั่ง เสืออุ้มทรัพย์ ถ้าไปเจอฝีมืออาจารย์ถนอมนี่แกะเป็น เสือลากหาง แกะสวยมาก ๆ แต่เราจะไปคิดว่าไม่ใช่ของท่าน

เครื่องรางรูปสิงห์นี่อันดับหนึ่ง ต้องหลวงปู่เดิม วัดหนองโพธิ์ ของท่านจะเป็นสิงห์สามขวัญ สิงห์กรอบกระจก สิงห์มหาดไทย ราคาเป็นแสนทั้งนั้น

รองลงมาก็สิงห์หลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว สิงห์หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว สิงห์หลวงพ่อเฮง วัดเขาดิน สิงห์หลวงพ่อหอม วัดชากหมาก หรือรุ่นหลัง ๆ อย่างสิงห์หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตารามก็มี รุ่นหลังประเภทใหม่เอี่ยมเลยก็หลวงปู่พูล วัดไผ่ล้อม จังหวัดนครปฐม"

เถรี 23-07-2018 09:38

"ถ้าหากว่าเป็นพวกตะกรุดหนังหน้าผากเสือ เขานับอันดับหนึ่งเป็นหลวงปู่นาค วัดอรุณฯ แต่ไม่รู้ว่ารุ่นอาจารย์ยังมี รุ่นอาจารย์ของหลวงปู่นาค วัดอรุณฯ ไม่น่าเชื่อว่าท่านเป็นสมเด็จพระราชาคณะ คือ สมเด็จพระวันรัต (แดง) วัดสุทัศน์เทพวราราม

หลวงปู่สมเด็จพระวันรัต (แดง) ได้ตำรามาจากพระคุณวงศ์ วัดปรมัยยิกาวาส วัดปรมัยยิกาวาสนี่วัดมอญแท้ ต้นตำราเครื่องรางของขลังสายมอญส่วนใหญ่สืบสายมาจากสมเด็จพระพนรัตน วัดป่าแก้ว ก็คือพระมหาเถรคันฉ่องสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

คราวนี้จากพระคุณวงศ์ เราก็จะสงสัยว่าพระคุณวงศ์ (คุน - วง) หรือพระคุณวงศ์ (คุ - นะ - วง) เป็นตำแหน่งอะไร นี่เป็นตำแหน่งพระราชาคณะเทียบเท่าเจ้าคุณชั้นเทพ ซึ่งทางด้านพระสายรามัญหรือสายมอญจะได้รับ ทางสายมอญปทุมธานี นนทบุรี ก็กระจายออกไปทางหลวงพ่อสว่าง วัดเทียนถวาย ทางด้านกรุงเทพฯ มาถึงหลวงปู่สมเด็จพระวันรัต วัดสุทัศน์ฯ แล้วก็กระจายออกเป็นอีก ๒ สาย

สายหนึ่งก็ไปที่พระพิมลธรรม คือหลวงปู่นาค วัดอรุณราชวราราม เพราะว่าท่านเรียนบาลีที่วัดสุทัศน์ฯ แล้วอีกสายหนึ่งก็คือ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ได้ไปจากสมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสฺสเทวมหาเถร) แล้วก็ทางด้านหลวงพ่อชิต วัดมหาธาตุเพชรบุรีได้ไป สายนั้นก็กระจายกันออก ทางด้านหลวงปู่บุญก็ออกไปเป็น หลวงพ่อโสม วัดโคกพระศิลาราม หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม ทางด้านสายหลวงพ่อชิตก็ออกไปทางด้านหลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง"

เถรี 23-07-2018 09:39

"พวกวิชาการต่าง ๆ สมัยก่อนเขาถึงกันหมด ก็คือ ใครเก่งใครดังเรื่องอะไร ลูกศิษย์จะธุดงค์ไปเพื่อศึกษาเล่าเรียนด้วย แบบเดียวกับหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว ไปศึกษาวิชาทำธงกันไฟไหม้ กันฟ้าผ่ามาจากสายแม่กลองก็คือหลวงพ่อพ่วง วัดลิงโจน แล้วก็เรียนวิชาทำหวายคาดเอว วิชาหวายคาดเอวนี่นอกจากอยู่ยงคงกระพัน กันเขี้ยว กันงาแล้ว ยังมีพิเศษอยู่ คือ ถ้าอยู่ในทะเลหาน้ำกินไม่ได้ อธิษฐานแล้วโยนลงไป ตักน้ำจากวงหวายจะได้เป็นน้ำจืด

ทางสายนี้มีหลวงพ่อพ่วง วัดลิงโจน หลวงพ่อทิม วัดบางลี่น้อย เขาเรียกสายแม่กลอง สายอัมพวา สายมหาชัย อะไรก็แล้วแต่จะเรียกไป"

เถรี 23-07-2018 09:48

ถาม : แล้วหลวงพ่อแตง วัดอ่างศิลาครับ ?
ตอบ : นั่นระดับปรมาจารย์ เป็นรุ่นอาจารย์ของทางด้านหลวงปู่ทาบอีกที ทางด้านหลวงพ่ออ่ำ วัดหนองกระบอก หลวงพ่อทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง เป็นลูกศิษย์สายหลวงปู่แตง วัดอ่างศิลา สายนั้นมาสายเหนียวโด่งดังมาก โดยเฉพาะยันต์กระบองไขว้ แต่แปลกที่ว่าหลวงพ่ออ่ำกับหลวงพ่อทาบไปเรียน ได้แต่สายมหาเสน่ห์มา

หลวงพ่ออ่ำได้แพะมหาเสน่ห์ หลวงพ่อทาบได้สีผึ้ง เรียนอยู่ยงคงกระพันไม่สำเร็จ ถึงเวลาเสกเสือวิ่งเข้าป่า เรียกคืนไม่ได้ ทางด้านสายหลวงปู่ปาน วัดบางเหี้ย เรียกเสือคืนได้ หลวงพ่อหอม วัดชากหมากนี่ปล่อยให้กัดกันเองให้ดูก่อนด้วย

เถรี 23-07-2018 09:49

สรุปว่าพระสมัยก่อนเขาเอาจริง เอาจริงในเรื่องไสยเวทย์อาคม เรื่องของฌานเรื่องของสมาบัติ ส่วนพระสมัยนี้เอาจริงเรื่องการเรียน เรียนหนังสือเอาปริยัติเข้าว่าเพราะว่าไม่ยาก ส่วนเรื่องปฏิบัติยาก ไม่ค่อยจะเอากัน อาตมาเป็นปลา ๒ น้ำ จะไปปริยัติก็ได้ จะไปปฏิบัติก็ได้ เลยครึ่ง ๆ กลาง ๆ สะเทินน้ำสะเทินบกอย่างไรไม่รู้

เถรี 23-07-2018 09:56

พระอาจารย์กล่าวว่า "สมัยปัจจุบันเทคโนโลยีทำให้อะไรต่อมิอะไรง่ายขึ้นมาก สมัยอาตมาใช้คอมพิวเตอร์ใหม่ ๆ ช่วงนั้นเป็นเวิร์ดจุฬา ถ่ายข้อมูลแค่ไม่กี่เมกะไบต์นี่รอกันครึ่งค่อนวัน สมัยนี้ถ่ายข้อมูลกันทีหนึ่งหลาย ๆ สิบกิ๊กกะไบต์ แค่ไม่กี่นาที ซึ่งสมัยก่อนถ้าข้อมูลระดับกิ๊กกะไบต์นี่นอนรอไปได้เลย ๓ ชั่วโมงไม่เสร็จแน่นอน ด้วยความที่เทคโนโลยีต่าง ๆ ทำให้ทุกอย่างเร็วขึ้น ง่ายขึ้น สะดวกขึ้น กำลังใจของเราก็เลยพลอยมักง่ายขึ้น

คำว่ามักง่ายขึ้นในที่นี้ก็คือ ในเรื่องของการปฏิบัติธรรม ความจริงแล้วเป็นการสั่งสม ศีล สมาธิ ปัญญา ของแต่ละคน ทีละเล็กทีละน้อย เก็บสะสมไป จนกระทั่งเพียงพอต่อการใช้งาน เหมือนที่โบราณท่านบอกว่า เหมือนเก็บงาทีละเมล็ด นานไปก็มีเมล็ดงามากพอที่จะคั้นเอาน้ำมันไปใช้การได้

แต่พวกเราใจร้อนตามยุคตามสมัย ไม่ค่อยจะมีความอดทน ก็เลยทำให้ไม่ค่อยประสบความสำเร็จในการปฏิบัติธรรม ใจร้อนใจเร็วเกินไป หลายคนมาถามเรื่องการฝึกกสิณว่า ผมภาวนาจับภาพพระนานเป็นชั่วโมงแล้ว ยังไม่ได้อะไรเลย อาตมาบอกว่าให้กลับไปอ่านตำราใหม่

ตำราเขาเขียนว่าการฝึกกสิณนั้น เมื่อได้วัตถุที่เป็นองค์กสิณมาแล้ว ตั้งไว้ในสถานที่เหมาะสม ไม่ใกล้ไม่ไกลเกินไป ไม่สูงไม่ต่ำเกินไป ลืมตามองวัตถุนั้น แล้วหลับตาลงจำภาพไว้ แล้วใช้คำภาวนาตามกองกสิณนั้น ๆ เมื่อภาพหายไปก็ลืมตาขึ้นมองจดจำไว้ใหม่ หลับตาลงนึกถึงแล้วภาวนาต่อไป ทำอย่างนี้เป็นหมื่นเป็นแสนครั้ง ไม่ใช่ทำไม่กี่ครั้ง หรือไม่ใช่ทำเป็นชั่วโมง แต่ทำเป็นหลาย ๆ ปี หรือหลาย ๆ สิบปี"

เถรี 23-07-2018 19:54

"สมัยนี้ส่วนใหญ่แล้วใจร้อน ใจเร็ว เห็นพระเป็นผู้วิเศษ จะให้เสกเป่าทีเดียวแล้วบรรลุมรรคบรรลุผล สำเร็จอภิญญา สำเร็จสมาบัติไปเลย ซึ่งเป็นไปไม่ได้ ของทุกอย่างต้องใช้ความอดทนอดกลั้น ค่อย ๆ ปฏิบัติไป เราจะเห็นว่าพระพุทธเจ้าตรัสไว้ในโอวาทปาฏิโมกข์ ประโยคแรกเลยก็คือ ขันตี ปรมัง ตโป ตีติกขา

ขันติ คือ ความอดทนอดกลั้น เป็นตบะอย่างยิ่ง คำว่า ตบะ คือการบำเพ็ญเพียร ซึ่งสมัยก่อนเขามีการทรมานตัวเอง ถือว่าเป็นการบำเพ็ญตบะ เพื่อให้เทพเจ้าพอใจและประทานพรให้ แต่ว่าพระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า ตบะของพระพุทธศาสนา คือความอดทนอดกลั้น ก็แปลว่า ทุกสิ่งทุกอย่างต้องใช้ความอดทนอดกลั้นนำหน้าไว้ก่อน"

เถรี 23-07-2018 19:56

"โลกนี้ไม่มีอะไรฟรียังไม่พอ ยังไม่มีอะไรง่ายอีกด้วย ที่เห็นคนอื่นเขาทำง่าย ๆ นั่น เขายากมาไม่รู้เท่าไรแล้ว พระพาหิยทารุจีริยะเป็นเอตทัคคะ คือ ผู้เป็นเลิศในการบรรลุเร็ว ฟังธรรมของพระพุทธเจ้าแค่สั้น ๆ ว่า "พาหิยะ เธอจงอย่าสนใจในรูป" เท่านั้นเองก็บรรลุแล้ว

แต่มีใครศึกษาประวัติย้อนหลังไปบ้างว่า ชาติที่แล้วท่านถึงขนาดอดตาย ขึ้นไปบนถ้ำที่ยอดเขา แล้วถีบบันไดทิ้ง ถ้าปฏิบัติไม่สำเร็จ เหาะไม่ได้ ก็ให้อดตายไปเลย นั่นท่านอดตายมาแล้ว ก็แปลว่าที่ยากของท่านนั้น ท่านสั่งสมมาไม่รู้กี่ชาติต่อกี่ชาติ จนกระทั่งถึงเวลาเกิดดอกออกผล เราก็ไปเห็นว่าง่าย แต่ความจริงกว่าจะเกิดดอกออกผลนี่ต้องใช้เวลานาน

อย่างเช่นเราปลูกไม้ผล ก็ต้องใช้เวลา ๓ ปี ๕ ปีเป็นอย่างน้อยกว่าที่จะติดลูก แม้ว่าเทคโนโลยีสมัยนี้จะสามารถเร่งรัดได้ ยังต้องใช้เวลานานอยู่ดี ไม่ใช่ปลูกโดยวิชาตัชชารี หย่อนเม็ดลงไป ๕ นาที ได้กินลูก ลักษณะแบบนั้น ต้องสำเร็จไปอย่างหนึ่งแล้วถึงจะทำได้"

เถรี 23-07-2018 20:01

ถาม : ทำไมหลวงพ่อเดิมจึงสร้างพระรอดคะ ?
ตอบ : บางทีเวลาศึกษาวิชามาก็อยากจะลองดูว่าทำได้สำเร็จจริงหรือเปล่า ? บางอย่างทำแล้วเป็นที่ต้องการก็ต้องทำซ้ำแล้วซ้ำอีก ถ้าทำแล้วไม่เป็นที่ติดตลาด ก็ต้องเลิกแค่นั้น


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:33


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว