กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=47)
-   -   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=4350)

เถรี 14-02-2015 19:21

ถาม : แล้วมนุษย์ต่างดาวที่รูปร่างเหมือนอีทีมีจริงไหมครับ ?
ตอบ : ตัวอีทีนั่นเป็นเครื่องแบบของเขา เราลองนึกถึงมนุษย์ของเราใส่ชุดอวกาศดูสิ คนดาวอื่นเห็นก็จะว่ามนุษย์เราตัวอ้วน ๆ ป่อง ๆ แล้วมีตากลม ๆ สีดำอยู่ตรงกลางดวงเบ้อเร่อ ความจริงเป็นหน้ากากของชุดอวกาศ

หลายจักรวาลของเขาใช้พลังจิตบังคับ ลักษณะเป็นจิตศาสตร์ผสานกับวิทยาศาสตร์ ที่ทางโลกเราใฝ่ฝันว่าจะสามารถใช้สมองสั่งคอมพิวเตอร์ได้ แต่ของเขาใช้งานกันเป็นปกติเลย ของเรายังอยู่ในระหว่างช่วงที่ใฝ่ฝันอยู่ ก็มานึกดูว่าแค่ช่วงไม่กี่ปีที่เขาต้องการโทรศัพท์ที่เห็นหน้าคนพูด เดี๋ยวนี้ก็เห็นกันเป็นปกติ ก่อนหน้านั้นก็ถือว่าฝันไป คุณมีจินตนาการที่เลิศมากเลย แต่ไม่รู้จะทำได้จริงหรือเปล่า เดี๋ยวนี้ทำได้เป็นปกติ ขอให้ตั้งโจทย์ขึ้นมา เดี๋ยวเขาก็แก้โจทย์กันเองแหละ

ถาม : อะไรก็ทำได้ถ้าตั้งใจ ?
ตอบ : แต่บางอย่างความตั้งใจก็ผิด เราลองไปนึกถึงสมัยจูลส์ เวิร์น ที่เขียนใต้ทะเลสองหมื่นโยชน์ มีเรือดำน้ำแล้ว สมัยนั้นมีที่ไหน ? แล้วคนรุ่นหลังก็สร้างขึ้นมาจนได้ แล้วเรือดำน้ำลำแรกของโลกก็ใช้ชื่อ นอติลุส ตามแบบของจูลส์ เวิร์น อ่านดูแล้ว โอ้โห..จินตนาการสุดยอด กับตันนีโมไปเจอไข่มุกลูกเท่ามะพร้าว นั่นก็มีได้นะ ถ้าไปเจอหอยมือเสือตัวใหญ่สัก ๓ - ๕ เมตร ไข่มุกลูกเท่ามะพร้าวก็เป็นเรื่องเล็ก

ถาม : เป็นสัญญาเก่าของเขาไหมคะ ?
ตอบ : น่าจะเป็นของเก่าประมาณนั้น หรือไม่ก็อาจจะเป็นลักษณะของทิพจักขุญาณ พอถึงเวลานึกจะให้ไปทางด้านไหน ทิพจักขุญาณก็ผสมผสานไปด้วย ก็คิดไปได้ มีเรื่องที่มีเค้าความเป็นจริงก็คือ "Journey to the Center of the Earth" ลักษณะว่าเข้าไปใต้พื้นโลกแล้วมีบึงน้ำ มีสัตว์ประหลาดอะไรต่าง ๆ แล้วตอนหลังก็โดนภูเขาไฟระเบิดดันออกมา ชื่อไทยสมัยนั้นคือ "ผจญภัยใต้พิภพ"

เถรี 15-02-2015 14:10

ถาม : การโคลนนิ่ง ?
ตอบ : คาดว่าการโคลนนิ่งจะเจริญสูงสุดสมัยพระศรีอาริยเมตไตรย เพราะว่าทุกคนหน้าตาเหมือนกันหมด เขาบอกว่าออกจากบ้านแล้วถ้าไม่กลับขึ้นบ้านนี่จำกันไม่ได้ หน้าตาเหมือนกันหมด

ถาม : เพราะว่า ?
ตอบ : บารมีอะไรทุกอย่างเท่ากันหมด ต่างกันตรงที่ดวงจิต เจ้าของร่างหนึ่งเป็นดวงจิตหนึ่ง ต้องบอกว่าวิบากในเรื่องของบุญส่งผลให้ กับเรื่องของวิชามัยฤทธิ์ วิทยาศาสตร์ทำออกมาไล่ ๆ ตามกัน แต่ว่าในปัจจุบันนี้เรื่องการโคลนนิ่งไม่ประสบความสำเร็จ เพราะว่าสิ่งที่สร้างมามีอายุเท่าต้นฉบับ ถ้าต้นฉบับตายตัวโคลนก็ตายด้วย พวกวัวพวกแกะที่เขาทำขึ้นมาตายไปหมดแล้ว

ตอนนี้โครงการอวตารที่เขาสร้างตัวอวตารจากเซลล์ของตัวต้นฉบับ แล้วพอถึงเวลาตัวต้นฉบับจะเสียชีวิตก็ย้ายสมองมาอยู่ในร่างอวตาร เขาทำเป็นจริงเป็นจัง ทุ่มเทงบประมาณยี่สิบล้านล้านดอลลาร์ในขั้นต้น แต่เป็นไปไม่ได้ เพราะว่าสมองเป็นอายุของร่างเก่า ถ้าไม่มีวิธีการกระตุ้นให้เพิ่มเซลล์ได้ก็จะฝ่อไปในระยะเวลาไม่นาน อย่างไรก็อยู่ไม่ได้ แม้ว่าอาจจะยืดระยะขึ้นมาได้ แต่ว่าอยู่ไม่ได้ เราจะไปฝืนธรรมชาติได้อย่างไร ? ในเมื่อพระพุทธเจ้าตรัสว่า สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา สังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง

เถรี 15-02-2015 14:26

พระอาจารย์กล่าวว่า "ในเรื่องของมีดนั้น ทรง Drop Point จะเป็นทรงที่เราเคยชินและติดตามากที่สุด ลักษณะทรงเราเห็นก็จะรู้ว่าเป็นมีดต่อสู้ มีดใช้งาน ทรงอื่นส่วนใหญ่แล้วคนออกแบบเพื่อสนองกิเลสตัวเอง ไม่ได้ตั้งใจให้ใช้งาน ทำอวดฝีมือเฉย ๆ"

ถาม : แล้วทรงเปอร์เซียน ?
ตอบ : ทรงเปอร์เซียนเป็นของทางด้านทะเลทราย ของจีนก็มีมีดที่ดังมาก ที่ใครไปแถวซินเจียงแถวคาน่าสือก็จะต้องไปซื้อ ชื่อมีดอะไรจำไม่ได้ ลักษณะทรงออกไปทางเปอร์เซียนเหมือนกัน ทางด้านซินเจียงเขาก็ใช้กันเป็นปกติ

เรื่องของมีดเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นของแต่ละที่ ทางด้านอเมริกา ฟังให้ดี ๆ นะ อเมริกานะ..ไม่ใช่สหรัฐอเมริกา ทางทวีปอเมริกาก็พวกมีดมาร์เช่ต์ บางทีก็เรียกมาเช็ตเต้ ทางด้านสหรัฐอเมริกาก็พวกมีดโบวี่ มาทางด้านอาหรับของเราก็พวกมีดโค้ง ดาบโค้งทรงเปอร์เซียน มาทางบ้านเราก็มีดปาดตาล อย่างทางใต้ของเราก็พวกกริช

ถาม : ทางใต้เคยเห็นกริชลาย ?
ตอบ : ไม่ใช่เหล็กลาย เป็นเหล็กที่เขาตอกลายไว้บนผิว เหมือนกับว่ามีแบบลาย ๆ อยู่แล้วตีเหล็กอัดลงไป ไม่ใช่เอาเหล็กเป็นร้อย ๆ ชิ้นมาตีจนเป็นชิ้นเดียว รุ่นของเรานี่ถือว่าโชคดี เพราะว่าเหล็กลายสามารถทำด้วยกรรมวิธีทางวิทยาศาสตร์ได้ ถึงเวลาก็เอาเหล็กหลาย ๆ แผ่นมาบีบอัด เผา ตอก ตีเข้าด้วยกัน สมัยโบราณต้องตีด้วยมือ กว่าจะได้แต่ละเล่มบางทีก็ทั้งชีวิต อย่างของประเทศจีนที่เขาเรียกว่ากระบี่ลายสน ก็คือเหล็กลายนี่แหละ

ถาม : ญี่ปุ่นมีไหมครับ ?
ตอบ : อย่างญี่ปุ่นก็มีพวกดาบซามูไร ขนาดยาวก็พวกคาตาน่า ขนาดกลางก็พวกวากิซาชิ ขนาดพกพาก็พวกตันโตะ สมัยก่อนการค้าขายทางทะเลรุ่งเรือง เทคนิคการทำมีดทำดาบพวกนี้ก็เผยแผ่ออกไป ผสมปนเปกันไปเรื่อย ลองไปค้นคำว่า "เหล็กดามัสกัส" ดู จะเห็นว่าต้นกำเนิดไม่ได้อยู่ทางเอเชีย เขาเอาเหล็กเป็นร้อย ๆ แผ่นมาทบ ๆ เผาแล้วก็ตีจนเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วพอถึงเวลาตะไบตกแต่ง แต่ละชั้น ๆ ที่โดนตอกไปจะแสดงชั้นของตัวเองออกมา

ถาม : แต่ทำไมเหล็กลายเป็นสนิมง่ายคะ ?
ตอบ : เหล็กส่วนใหญ่ก็ขึ้นสนิม ต้องอบไล่ความชื้น แต่ถ้าไล่ความชื้นหมดความเปราะจะเกิดขึ้น เหล็กส่วนใหญ่พอถึงเวลาแล้วเขาจะชุบน้ำมัน สมัยโบราณของเราชุบน้ำ สมัยปัจจุบันเราจะชุบน้ำมัน เพื่อให้ความชื้นอยู่ในเนื้อเหล็กน้อยหน่อย ถ้าชุบน้ำนี่ความชื้นจะมาก

เถรี 15-02-2015 15:22

พระอาจารย์กล่าวว่า "ในส่วนของโลหะที่หลอมเป็นมีดหมอเพชราวุธ มีบรรดาเหรียญกษาปณ์ของประเทศต่าง ๆ ที่มีรูปผู้นำอยู่ในเหรียญ ๘-๙ ประเทศ ผู้นำประเทศส่วนใหญ่ท่านเป็นพระโพธิสัตว์ อาตมาจึงขอกำลังของท่านมาช่วยอีกแรง"

เถรี 15-02-2015 15:30

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้อาตมาทำสรุปกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปกครองคณะสงฆ์ให้ลูกศิษย์เขาอยู่ มีโอกาสจะทำเป็นหนังสือสักเล่มหนึ่ง ดึงเอาเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับพระโดยตรงออกมา

ตอนที่เรียนกฎหมายคณะสงฆ์ พวกกฎหมายอาญาอะไรไม่ได้หนักใจหรอก เพราะว่าส่วนที่ชัดเลยก็คือ ภิกษุที่เป็นพระสังฆาธิการหรือเจ้าอาวาสขึ้นไป ถือเป็นพนักงานโดยกฎหมาย ตรงนี้ชัด แต่คราวนี้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มีเป็นพัน ๆ มาตรา ปรากฏว่าอาตมาเดาได้ตรงเป๊ะเลย ที่เดาแม่นเพราะว่าประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่เกี่ยวข้องกับพระมีน้อย ก็เลยเดาว่าน่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการรับมรดกของพระ ออกมาตรงเป๊ะเลย

พระห้ามฟ้องร้องเรียกร้องมรดก ฟ้องเมื่อไรศาลยกฟ้องทันที เพราะคุณเป็นพระต้องเป็นผู้ละกิเลส ไปฟ้องเรียกร้องมรดกไม่ได้ สามารถรับมรดกตามพินัยกรรมได้ แต่ถ้าฟ้องร้องเพื่อจะเอานี่ไม่ได้เลย โดนยกฟ้องหมด ใครจะฟ้องให้สึกไปฟ้องก่อน ได้มาแล้วค่อยไปบวชใหม่ จะว่าไปแล้วผู้พิพากษาท่านก็พิพากษาสมกับสถานภาพ"

เถรี 15-02-2015 15:38

พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงประมาณ ๒-๓ สัปดาห์ที่ผ่านมา ทองผาภูมิทั้งพระและโยมมรณภาพและตายไปติด ๆ กัน ๕ ศพ มีเจ้าคณะตำบลหินดาด (หลวงพ่อเคิง) แล้วก็มีหลวงพ่อวิเชียร เจ้าอาวาสวัดดงโคร่ง

คราวนี้อาตมาไม่มีวัตถุมงคลจะช่วยงานเขาแล้ว ก็เลยเอาเหรียญ ๑๐๐ ปีหลวงปู่สาย เนื้อนวโลหะ ไปให้แจกในงาน ปรากฏว่าพระและแม่ชีวัดท่าขนุนไม่ยอม เหมารถตามไปรับคืน เขาบอกว่าอย่างไรก็คุ้ม เฉลี่ยกันออกค่ารถ เดี๋ยววันที่ ๙ นี้เขาจะเหมารถไปอีกรอบหนึ่ง

งานหลวงพ่อวิเชียรเป็นเหรียญนวโลหะเล็ก ส่วนงานของหลวงพ่อเคิง เจ้าคณะตำบลหินดาด เป็นเหรียญนวโลหะใหญ่ ตอนงานเจ้าคณะอำเภอ อาตมาเอาไปช่วยงาน ๒,๐๐๐ เหรียญ คนรับจะเหยียบกันตาย พอรู้ว่ามีเหรียญหลวงปู่สายแจก เขาไปกันมืดฟ้ามัวดิน เดี๋ยวนี้ถ้าเป็นพระเณรทองผาภูมิ พอรู้ว่าเป็นวัตถุมงคลวัดท่าขนุนนี่รีบแบมือไว้ก่อน ถึงเวลาไล่แจกพระเณร ญาติโยม เดินผ่านเจ้าคณะอำเภอ ท่านแบมือรับก่อนเลย

วัตถุมงคลบางอย่างตอนมีอยู่ก็รู้สึกว่ามาก ถึงเวลาออกไป ๆ พอตอนทำพิพิธภัณฑ์ไม่รู้ว่าจะมีเหลือหรือเปล่า ? แต่มั่นใจว่าถ้าตั้งใจทำ เดี๋ยวก็มีคนบริจาคเอง"

เถรี 15-02-2015 22:41

พระอาจารย์เล่าว่า "วันก่อนอาตมาหาพระขุนแผนมหาอุตม์ไม่เจอ ไม่รู้โดนใครเอาไปซ่อน แต่ไปเจอพระปิดตามหาอุตม์แทน จะให้เขาเอาลงในกระทู้ ถึงเวลาพวกเราก็ไปจองบูชากัน มีโค้ด "นะโมตาบอด" ตอกอยู่ด้วย นะโมตาบอดบางตำราเรียกว่า "นะปฐมกัป" หรือ "นะมหาอุตม์" เป็นเรื่องของความแคล้วคลาด คงกระพัน ถ้าใครทำถึงจริง ๆ ล่องหนหายตัวก็ได้ ใช้คาถากำกับว่า "นะตันโต นะโมตันติ ตันติตันโต นะโมตันตัน" มีแค่ ๕๐๐ องค์ ไปตีกันเอาเองก็แล้วกัน"

เถรี 16-02-2015 18:28

พระอาจารย์กล่าวถึงเด็กคนหนึ่งว่า “น้องคนนี้ชื่อใบบุญ เป็นเด็กที่ไม่กลัวคนแปลกหน้า ประเภทนี้ชาติก่อนสมาธิสุดยอดเลย มาถึงตอนนี้เกิดความมั่นใจในตัวเอง จึงไม่กลัวคนแปลกหน้า”

เถรี 16-02-2015 19:23

ถาม : ช่วงหลังนี้แม่เขาสวดมนต์แล้วเห็นผีเป็นปกติ เห็นบ่อย เขาก็ยังกลัวอยู่ จะมีอุบายอย่างไรให้ท่านใช้ตรงนี้ให้เป็นประโยชน์ ?
ตอบ : ก็บอกกับแม่ว่าอีกไม่นานเราก็เป็นแบบนั้นแหละ แล้วถ้าเราเองไม่ได้สั่งสมคุณความดีเอาไว้ก็จะเป็นผีที่แย่กว่านั้น เพราะฉะนั้น..ให้แม่เร่งสั่งสมความดีไว้ให้มากกว่านี้ มีทาน มีศีล มีภาวนาอะไรก็เร่งทำไป

ถาม : ท่านกลัวอยู่ครับ ?
ตอบ : กลัว..เป็นเรื่องปกติ บอกไปว่าสิ่งที่เราทำเป็นคุณความดีระดับพรหมหรือเทวดาแล้ว ทำไมต้องไปกลัวผีทั่วไปด้วย เขามาก็ให้อุทิศส่วนกุศลให้เขาไป มีอะไรที่ไม่เกินวิสัยที่เขาจะช่วยก็ให้ช่วยมา

เถรี 16-02-2015 19:29

ถาม : นั่งภาวนาแล้วรู้สึกว่าท้องยุบลง ๆ เหมือนเกร็งลงไปเรื่อย ๆ ค่ะ ?
ตอบ : เขาให้สนใจที่ลมหายใจจ้ะ อย่าไปสนใจที่อาการพองหรือยุบของท้อง ลักษณะนั้นบางทีเขาเรียกว่าขันธมาร เป็นอาการที่เขากลั่นแกล้งเพื่อให้เราเลิกปฏิบัติเพราะกลัวเราจะได้ดี ฉะนั้น..ต่อไปไม่ต้องใส่ใจ การปฏิบัติเขาแลกกันด้วยชีวิต..ตายเป็นตาย กับแค่ท้องยุบไม่เห็นต้องเดือดร้อนอะไร ดูลมหายใจกับภาวนาของเราไป อย่างอื่นไม่ต้องไปสนใจ อยากเป็นอย่างไรก็ช่าง ทำไม่รู้ไม่ชี้ เดี๋ยวก็เลิกไปเอง

ถาม : ที่หนูภาวนานี่ทำถูกแล้วใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าอยู่กับลมหายใจก็ถูก ถ้าหากว่ามัวแต่คิดอย่างอื่นก็ผิด

เถรี 16-02-2015 21:20

ถาม : เมื่อวานนี้มีลูกค้ามาถอนไสยศาสตร์ เมื่อมาถึงผมให้ทำบุญ และขอบารมีพระท่านสงเคราะห์ กำลังพระท่านก็มา และผมก็ให้เรียนคาถาของสมเด็จพระพุทธกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้เสกน้ำมนต์กิน กำลังพระท่านก็แผ่มาสงเคราะห์ พอครั้งที่สามผมอาราธนามีดหมอเพชราวุธ นิ่งครับ..กำลังไม่มา ไม่ทราบว่าเพราะผมวางกำลังใจผิด หรือผมใช้ไม่ถูกวิธี ?
ตอบ : ไม่มีอะไรเหลือแล้วจะไปทำอะไรอีกล่ะ ? กวาดบ้านจนสะอาดแล้ว เอาเครื่องดูดฝุ่นไปดูดซ้ำจะได้อะไรเล่า ?

เถรี 17-02-2015 00:20

ถาม : จะทำบุญอุทิศให้กับมาร ให้เขาไม่มายุ่งกับเรา ?
ตอบ : อ๋อ..ฝันไปเถอะ เขาทำหน้าที่ของเขา เราทำหน้าที่ของเรา ต่างคนต่างทำไม่ต้องไปสนใจเขา ก็เท่านั้นเอง

ถาม : จะได้ชนะ พ้นจากเขา ?
ตอบ : ชนะก็เป็นพระอรหันต์สิจ๊ะ คนที่จะชนะมารได้คือคนที่เข้าพระนิพพานไปแล้วโน่น ขนาดเป็นพระอรหันต์แล้ว ขันธมารยังตามเล่นงานได้อยู่เลย..! เพราะฉะนั้น..ศีล สมาธิ ปัญญาทำไปเถอะ ชนะเมื่อไรก็พ้นเขาได้เมื่อนั้น

ถาม : แล้วมีอะไรอีกไหมคะ ?
ตอบ : อย่าแบกให้มากนัก

เถรี 18-02-2015 19:01

พระอาจารย์กล่าวถึงมีดหมอเพชราวุธว่า “นาน ๆ ท่านถึงจะทำให้ครบทุกอย่างสักที ส่วนใหญ่ก็ให้อย่างเดียวเอาไว้ใช้เฉพาะด้าน งวดนี้เหมือนกับท่านทิ้งทวนอย่างไรไม่รู้ ?

รุ่นถัดไปที่คนทำจะเป็นลูกเป็นหลานสายตรงของท่านปู่พระอินทร์ก็ไม่ใช่แล้ว ถึงเวลาอาตมาบางที่เรียก “พ่อปู่” เรียกทั้งพ่อเรียกทั้งปู่ ในเมื่อเป็นสายตรงถึงเวลาท่านก็ให้เต็มที่

หลวงพ่ออุตตะมะเจอหน้าครั้งแรกท่านบอกเลย ท่านใช้คำว่า “ผู้เป็นเชื้อสายสักกเทวราช” ท่านบอกตรงเลย ท่านปู่พระอินทร์ท่านสร้างบารมีมาเพื่อเกิดในสมัยพระศรีอาริยเมตไตรย เพราะฉะนั้นท่านจึงเกิดมาก เมื่อเกิดมากลูกหลานท่านก็มาก แต่คราวนี้การที่ลูกหลานมากก็ต้องดูว่าใครเกิดกับท่านบ่อย อาตมาเกิดกับท่านบ่อยก็เลยเป็นสายตรง ถึงขนาดหลวงพ่ออุตตะมะท่านเจอหน้าท่านทักเลย

หลวงพ่ออุตตะมะท่านรับปากว่าท่านจะสงเคราะห์อาตมาเป็นคนสุดท้ายอาตมา ก็ดึงเกมส์มาเรื่อยจนกระทั่งท่านอายุ ๙๐ กว่าปี ตัวเองจะโดนวิธีนี้บ้างหรือเปล่า ? จะไม่รับปากใครเด็ดขาดว่าจะสงเคราะห์เขา ไม่อย่างนั้นโดนดึงเกมยาวแน่"


ถาม : ...(ไม่ได้ยิน)...
ตอบ : อาตมาไม่นิมนต์ท่านเลย จนกระทั่งทำมีดหมอถอนโบสถ์ วัดทองผาภูมิ ถึงได้นิมนต์ท่านช่วยเสกซ้ำ ปกติงานวัดท่าขนุนอื่น ๆ นี่ท่านอาจารย์สมพงษ์นิมนต์ ส่วนอาตมาหุบปากเงียบ

เถรี 18-02-2015 19:13

ถาม : เวลาเราเอาพระแขวนคอ แต่เราเอาไว้ใต้ตะกรุด เป็นอะไรไหมครับ ?
ตอบ : หมายความว่าคุณเอาพระไว้ตรงกลางแล้วตะกรุดอยู่ข้าง ๆ ก็เลยกลายเป็นตะกรุดสูงกว่า ? ไม่เป็นไรหรอก เพราะเรายังถือพระเป็นประธานอยู่ เราตั้งใจเอาพระเป็นประธาน คราวนี้พระเป็นประธานเขาก็ไม่ยอมทำตรงกลางให้สูงขึ้น มีใครสามารถทำสร้อยให้ตรงกลางสูงข้าง ๆ ต่ำได้ไหม ...(หัวเราะ)...

เถรี 18-02-2015 19:15

พระอาจารย์กล่าวเตือนโยมว่า "เวลาพบญาติอย่าสิ้นสติมากนะ ถ้าสิ้นสติมากแล้วเสียงจะดังขึ้นเรื่อย ๆ รบกวนการสนทนาธรรม"

เถรี 18-02-2015 19:25

ถาม : ผมเป็นลิ้นหัวใจรั่ว ?
ตอบ : อาตมาเจอโยมคนหนึ่งตั้งแต่ ๓๐ กว่าปีที่แล้ว เป็นลิ้นหัวใจรั่ว ก็เลยเอามาฝึกกรรมฐาน อาจจะเป็นเพราะเขาไม่ได้คิดจะอยู่แล้ว ก็เลยตั้งหน้าตั้งตาฝึก ปรากฏว่าโรคนั้นหายไปเฉย ๆ เป็นไปได้ว่ากรรมฐานอาจจะพอช่วยได้ เพราะฉะนั้น..เรื่องนี้ไม่มีประสบการณ์เอง แต่ว่าเจอประสบการณ์คนข้างเคียงว่า ถ้าลิ้นหัวใจรั่ว ฝึกสมาธิแล้วหาย

ถาม : ทำงานจนเครียด นอนไม่หลับ ?
ตอบ : เป็นเรื่องปกติ คุณทำงานเกินเหตุ เป็นพระเป็นเณรหน้าที่ของเราก็คือศึกษาเล่าเรียน อันดับแรกก็คือสร้างตัวเองให้มั่นคงก่อน อันดับที่สองพอมั่นคงแล้วจะได้ช่วยเหลือสืบพระศาสนา คุณประเภทรีบไปทำงาน กำลังใจยังไม่ได้เรื่อง ก็เครียดสิ

ถ้าหากว่าไมยราพเอาไม่อยู่ก็แกงขี้เหล็ก..อร่อยด้วย เป็นพระเป็นเณรไปขอแกงขี้เหล็กชาวบ้านจะน่าเกลียดไหมนี่ ? เดี๋ยวนี้แกงขี้เหล็กถุงหนึ่งก็ไม่ใช่ถูก ๆ แล้ว น่าจะ ๔๐-๕๐ บาทแล้วกระมัง ?

เถรี 18-02-2015 19:45

พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของพระธาตุโยมไม่ต้องเอามาถวาย ถ้าอาตมาอยากได้นี่เอารถสิบล้อไปขนนานแล้ว เจอเป็นถ้ำเลย สมัยทิดตู่ยังบวชเป็นเณรอยู่ อุตส่าห์เตือนแล้วเตือนอีกว่าอย่าไปยุ่งด้วย ดันพาคนเข้าไปเอา ปรากฏว่าคนอื่นปลอดภัย ทิดตู่ตกเขาเกือบตาย..! เรื่องของพระธาตุนั้นมีเจ้าของ เขาหวง อย่าไปยุ่ง..เดี๋ยวจะเรื่องเดือดร้อน

มีอยู่เที่ยวหนึ่ง
ช่วงนั้นช่างธูปทำงานให้ที่เกาะพระฤๅษี อาตมาพาไปเที่ยวถ้ำ เจอพระธาตุพระสีวลี แกอยากได้ ทั้ง ๆ ที่เตือนแล้วแกก็แอบเอามา เดินออกมาจะถึงปากถ้ำอยู่แล้ว อยู่ ๆ ช่างธูปก็บอกว่า “อาจารย์คอยผมพักหนึ่ง” แล้วก็วิ่งอ้าวกลับเข้าไปใหม่ หายไปพักหนึ่งแล้วก็ออกมาใหม่ ถามแกว่าอะไร ? แกบอกว่า “เดี๋ยวกลับไปก่อนแล้วจะเล่าให้ฟัง”

พอกลับไปเขาบอกว่า ตอนที่เดินออกจากถ้ำมีคนเดินตามมา ก็ถามว่า “แล้วทำไมข้าไม่เห็นวะ ?” เขาบอกว่า “มีแต่รอยตีน” พวกเราเดินกี่ก้าวเขาก็เดินเท่านั้นก้าว ถ้าพวกเราหยุดเขาก็หยุด แกก็เลยต้องกลับไปที่เดิม บอกว่าเอาสตางค์ไปขอชำระหนี้ค่าพระธาตุ “แล้วเอ็งเอาสตางค์อะไร” “พวกเหรียญ พวกแบงก์ไม่ได้ เขาไม่ยอม” ธนบัตรถึงเวลาก็ผุพังหมด แสดงว่าที่คนจีนบอกถ้ามีเงินก็ใช้ผีโม่แป้งได้ท่าจะจริง

ความจริงเป็นการอาศัยบารมีในหลวง เทวดาเขาเกรงใจ บารมีพระโพธิสัตว์ใหญ่ ตกลงยอมให้ก็ได้"


ถาม : คนไทยโชคดีที่มีในหลวง ?
ตอบ : ยังไม่รู้จะโชคดีได้อีกนานเท่าไร ทุกวันนี้บ้านเราเมืองเรายังอยู่รอดปลอดภัยอยู่ก็เพราะบารมีในหลวง สิ้นท่านเมื่อไรก็วุ่นวายน่าดูเหมือนกัน

เถรี 18-02-2015 19:51

พระอาจารย์เล่าว่า "อาตมานั่งคิดบัญชี ปรากฏว่าศาลา ๑๐๐ ปีหลวงปู่สาย ๔๙.๕ ล้านเศษแล้ว รับประกันว่าขึ้น ๗๐ ล้านบาทแน่นอน ราคาที่ว่ามานี่ไม่ได้เกี่ยวกับมณฑปประดิษฐานพระพุทธรูปทองคำ และไม่ได้เกี่ยวกับการหล่อพระประธานเลย พอสร้างเสร็จก็ไม่พอใช้งาน จะเป็นอย่างนั้นทุกที ขยายใหญ่แค่ไหนก็ใหญ่ไปเถอะ เต็มทุกทีแหละ"

เถรี 18-02-2015 19:58

ถาม : การทำความดีที่ทำตามกำลังของตัวเอง ถือว่าก็แค่นั้นใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าไม่ใช่สายพระโพธิสัตว์ก็แค่นั้นแหละ ถ้าพระโพธิสัตว์ส่วนใหญ่ท่านเกินตัว สละได้แม้กระทั่งชีวิต

ถาม : เราเจริญเมตตา แต่อุเบกขาไม่ได้ ?
ตอบ : แสดงว่าปัญญาไม่พอ ในเมื่อปัญญาไม่พอ วางไม่ได้ ก็ทุกข์ทรมาน ต้องบอกว่าเป็นสุดยอดอัจฉริยภาพของพระพุทธเจ้าท่านที่ให้อุเบกขาไว้ เป็นวิธีแก้ไม่ให้เราบ้า..! ไม่อย่างนั้นเมตตากรุณาจนเกินไป ช่วยเขาไม่ได้ ตัวเองก็มาเสียอกเสียใจ

ถาม : อย่างนี้การที่เราทำความดีสร้างสมกุศลไว้ก่อน..?
ตอบ : อะไรที่เป็นศีล สมาธิ ปัญญา ทำไปเถอะ จะมากจะน้อยก็ช่วยเราได้ในสักวันหนึ่ง

เถรี 18-02-2015 20:14

พระอาจารย์กล่าวว่า "ในพระไตรปิฎกมีสิสิรฤดู ซึ่งบ้านเราไม่มี บ้านเราก็มีแต่ฤดูร้อน (คิมหันต์) ฤดูหนาว (เหมันต์) ฤดูฝน (วัสสา) แต่ถ้าเอาละเอียดแบบจีนนี่เขาแบ่งเป็น ๒๔ ฤดู จะมีฤดูใหญ่แบบร้อน ฝน หนาว แล้วยังมีฤดูย่อยออกไปอีก ฤดูสัตว์จำศีล ฤดูสัตว์ตื่นจากจำศีล ฯลฯ เขาจะมีชัดมากเลย

สิสิรฤดูนี่บ้านเราไม่มี สิสิเรนี่อย่างที่ในบทสวดถวายวิหารทาน เขาบอกว่าเพื่อเพื่อประโยชน์ในด้านไหนบ้าง มี สิสิเร จะ มะกะเส จาปิ วุฏฐิโย สิสิเรคือน้ำค้างหนัก ป้องกันน้ำค้าง น่าจะอยู่ในราว ๆ ฤดูใบไม้ร่วงก่อนที่จะหนาว"

เถรี 19-02-2015 11:40

ถาม : เปิดร้านสปาที่เยอรมัน เปิดมาได้สองเดือนแล้ว แต่ก็ยังเงียบ ๆ อยู่ครับ มีคนคาดว่าร้านอยู่ตรงทางสามแพ่ง มีคนแนะให้นำอาหารคาวหวานไปเลี้ยงและทำบุญให้กับเขาครับ ?
ตอบ : ต้องแอบทำ เพราะถ้าไปทำแบบนั้นตอนกลางวัน อาจจะเจอข้อหาทำความสกปรกให้เขาอีก ลองดูได้..แต่ว่าต้องแอบทำ ไปทำกลางวันต่อหน้าต่อตา จะกลายเป็นท้าทายกฎหมายของเขา

ถาม : จะทำอย่างไรถึงให้ค้าขายดีขึ้น ?
ตอบ : หาธงแดง (ธงมหาพิชัยสงคราม) ของวัดท่าซุงไปติด แล้วอธิษฐานขอให้ท่านสงเคราะห์ อาราธนาไว้ทุกวัน

ถาม : อยู่ตรงทางสามแพ่งจะมีผลอะไรบ้าง ?
ตอบ : ถ้าหากว่าประตูหน้าเป็นกระจกก็ไม่มีผล แต่ทำไปเถอะ..เพื่อความสบายใจ

คนเยอรมันเป็นคนประหยัดมาก บ้านเขาแต่ละคนจะเก็บเงินเดือน ๓๐ เปอร์เซ็นต์เป็นเงินออม เพราะฉะนั้น..เขาไม่มีโอกาสที่จะไปเที่ยวมากมายแบบบ้านเรา ที่เขามาบ้านเราแล้วไปเที่ยวตามสปา ตามคลับ ตามบาร์ ฯลฯ เพราะว่าบ้านเราเงินเล็ก เขามาแล้วเขาไม่รู้สึกเสียดาย เพราะเงินเขาใหญ่กว่าเยอะ แต่พอไปอยู่บ้านเขาแล้ว พวกสปากลายเป็นของฟุ่มเฟือย ของแพง ไม่ใช่ว่าเขามาเที่ยวบ้านเราเยอะ เราไปทำกิจการแบบนี้ที่บ้านเขาแล้วจะดี ถ้าอยู่เยอรมันจริง ๆ ถ้าทำร้านอาหารไทยจะดีกว่า แต่พวกร้านอาหารนี่เขาตรวจจุกจิกมาก เจอแมลงสาบตัวเดียวเขาสั่งปิดร้านเลย เจ้าหน้าที่เขาเอาสเปรย์มาฉีดไล่ตามซอก ถ้ามีแมลงสาบวิ่งออกมานี่คุณเสร็จเลย

เถรี 19-02-2015 11:45

ถาม : พระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ท่านอยู่ที่เดียวกันหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ๔ องค์อยู่ที่พระนิพพาน อีก ๑ องค์อยู่ที่สวรรค์ชั้นดุสิต

ถาม : แล้วถ้าเป็นสถานที่มี ๕ แท่นละคะ ?
ตอบ : อีกแท่นหนึ่งเขาเตรียมรอไว้ให้ท่าน เพราะเทียบเวลาแล้วของท่านแค่นิดเดียว

ถาม : เราจะต้องขอพรขอบารมีอย่างไรจึงจะได้อยู่กับท่าน ?
ตอบ : ไม่ต้องขออะไรหรอก ตั้งใจทำเพื่อพระนิพพาน เดี๋ยวท่านก็สงเคราะห์เอง

เถรี 19-02-2015 19:38

ถาม : เมื่อคืนนี้ฝันเห็นหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านดุค่ะ ?
ตอบ : ถ้าเป็นหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านจะมาแบบนั้นตลอด ดูเหมือนเคร่งขรึม ดุมาก แต่จริง ๆ แล้วท่านเป็นคนจริงจัง ใครตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติธรรมจริง ๆ ท่านจะรักมาก

เถรี 19-02-2015 20:17

ถาม : วันก่อนหนูไปโรงพยาบาลแล้วหมอเขาเอาเข็มปักที่คอ จังหวะที่เข็มกำลังจะปักที่คอ ตัวหนูเองออกไปยืนที่ข้างเตียงค่ะ ร่างกายก็รู้สึกอยู่ แต่ไม่เจ็บ หนูคิดไปเองหรืออย่างไรคะ ?
ตอบ : พยายามคิดให้ได้อย่างนั้นบ่อย ๆ

ถาม : เหมือนกับพุ่งออกไปเลยค่ะ ?
ตอบ : ทำให้ได้อย่างนั้นบ่อย ๆ โดยเฉพาะคราวหน้าอย่าออกไปแบบไร้จุดหมาย ถ้าออกไปให้ตั้งใจไปกราบพระหรือไปพระนิพพานเลย

เถรี 19-02-2015 20:43

ถาม : การที่เขาเอาใจแยกออกจากตัวได้ เป็นปัญญาของเขาหรือว่า.. ?
ตอบ : ไม่จำเป็น สมาธิอย่างเดียวก็พอแล้ว

ถาม : เขาก็ต้องมีความรู้สึกว่าต้องแยกกายออกจากกัน ใช่หรือไม่คะ ?
ตอบ : เกิดจากความกลัว กลัวแล้วหนี คราวนี้กำลังเพียงพอที่จะหนี ก็เลยหลุดออกไปได้

ถาม : แล้วการที่เราออกไปพระนิพพานเป็นเพราะตอนนั้นกลัว ?
ตอบ : ไม่ใช่...ที่อยากไปพระนิพพานแล้วไปได้เพราะอยากไป ในเมื่อเขาไม่ได้อยากไป ออกมาก็ไม่รู้จะไปไหน ได้แต่ยืนดูตัวเอง ความจริงการอยากไปก็ยังไปพระนิพพานไม่ได้ ให้ตั้งใจไว้ว่าจะไป หลังจากนั้นลืมความตั้งใจนั้นเสีย แล้วภาวนาไปเรื่อย ถ้ากำลังพอก็จะไปได้เอง

เถรี 19-02-2015 21:07

พระอาจารย์กล่าวว่า "จีวรสีพระราชนิยมจริง ๆ ก็คือจีวรที่เป็นสีกรัก ซึ่งปัจจุบันนี้เรียกว่าสีกรักทอง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงขอให้สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ช่วยค้นคว้าพระไตรปิฎกดูว่า สีกรักที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตนั้นมีลักษณะอย่างไร ? ท้ายที่สุดสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ก็สรุปออกมาเป็นสีกรักทอง

ในพระวินัยกล่าวถึงพระมหากัสสปะ ไปถึงเมืองอาฬวีแล้วคนแตกตื่นหนีพระกัน ถึงขนาดเหลือบไปเห็นวัวก็โดดหนี คิดว่าเป็นจีวรพระ ในที่สุดเปรียบเทียบกันแล้ว
ท่านก็สรุปของว่าเป็นสีอย่างนี้

ส่วนสีของด้านพระธรรมยุติสายวัดป่าที่เป็นสีกรักค่อนข้างจะเข้มนั้น เนื่องจากท่านอยู่กับป่า กับเขา กับดิน กับทราย ถ้าย้อมสีเข้มหน่อยก็ดูเปรอะเปื้อนยากขึ้น ซึ่งถ้าสายวัดป่าก็จะคงสีกรักออกเขียว หรือไม่ก็กรักออกดำ ส่วนสายพระบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็นห่มแบบสีกรักก็ดี ห่มแบบสีเหลืองก็ดี ถ้าเข้าวังต้องเปลี่ยนเป็นสีนี้ทั้งหมด เพราะถือว่าในหลวงทรงโปรดสีนี้ เนื่องจากเชื่อว่าเป็นสีที่ถูกต้องตามพระธรรมวินัยที่สุด ก็เลยเรียกกันง่าย ๆ ว่าสีพระราชนิยม

ตอนหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านไปรับพัดในวังก็เปลี่ยนเป็นสีนี้ พวกเราไม่คุ้นตากัน อาตมาเองถ้าไปรับปริญญาของ มจร. ก็ต้องเปลี่ยนไปห่มสีเหลือง เหตุที่ห่มสีเหลืองนี่ไม่ได้เป็นข้อบังคับ แต่เนื่องจากมีเจ้าภาพถวายผ้าไตร ซึ่งเป็นสีเหลืองทั้งหมด โดยมารยาทของพระ เมื่อเขาถวายแล้วก็ต้องฉลองศรัทธา อาตมาฉลองครั้งเดียวแล้วรู้สึกว่ายุ่งยากมาก ก็เลยใช้วิธีห่มผืนตอนรับปริญญาตรีนั้นเข้าไปรับตอนปริญญาโทใหม่ ผ้าไตรที่รับมาใหม่ก็เก็บใส่รถไป เพราะผืนเก่าเป็นสีเดียวกันอยู่แล้ว เดี๋ยวตอนรับปริญญาเอกก็จะห่มผืนนั้นไปอีก ตอนนี้เขียนไว้แล้วว่ารับปริญญาตรีวันที่เท่าไร รับปริญญาโทวันที่เท่าไร ต่อไปก็รับปริญญาเอกวันที่เท่าไร หลังจากนั้นก็นำออกประมูล..!"

เถรี 19-02-2015 21:19

ถาม : เห็นมีเณรเล็ก ๆ ค่ะ ?
ตอบ : ยังอุตส่าห์เห็นนะ

ถาม : เณรเล็ก ๆ เต็มไปหมดเลย ใครเจ้าคะ ?
ตอบ : ไม่มีใครหรอก บรรดาท่านทั้งหลายที่ช่วยอนุเคราะห์สงเคราะห์อาตมาอยู่

ถาม : ทำไมท่านต้องเป็นเณรคะ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าไม่บังคับให้เป็นเณรก็จะซน เป็นเณรอย่างน้อยบังคับให้อยู่ในสมณสารูปได้

ถาม : ....(ไม่ชัด)..
ตอบ : เวลาไปไหนแล้วก็มักจะอุทิศส่วนกุศลให้เขา ท่านทั้งหลายเหล่านี้กตัญญู สบายไปแล้วก็อยากจะช่วยเหลือ อยากจะรับใช้ จึงตามมา คราวนี้ถ้าไม่บังคับไว้ด้วยพระธรรมวินัย เดี๋ยวก็ซนไปตามเรื่อง อาจจะมีบางคนเดือดร้อนก็ได้

ถาม : วิระทะโย หมายความว่าอย่างไรคะ ?
ตอบ : พระคาถาอย่าไปหาความหมาย เขาว่าแปลแล้วจะไม่ขลัง ไม่มีอะไรหรอก อาตมาใช้พระคาถานี้เป็นปกติ

จะเอาวิธีของอาตมาไปใช้ก็ได้นะ จับบวชให้หมด ในเมื่อจับบวชแล้วก็ซนมากไม่ได้ เพราะมีศีลเป็นกรอบอยู่

เถรี 20-02-2015 09:02

ถาม : ตอนเช้าอาราธนาวัตถุมงคลไว้ แล้ววันนั้นเอามือสอดไปใต้ใบมีด รู้สึกว่าโดนมีดเฉือนมือและเจ็บ แต่พอชักมือออกมาก็ไม่เป็นอะไร ไม่เจ็บด้วย คำถามคือ ณ จุดนั้นต้องมีสมาธิด้วยไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าไม่มีแล้วทำได้อย่างไร ? ความตั้งใจก็คือสมาธิอยู่แล้ว แต่จะเป็นสมาธิมากน้อยเท่าไรเป็นอีกเรื่องหนึ่ง บางอย่างตั้งใจมากเกินไปก็ไม่เกิดประโยชน์ เพราะอยู่ในจุดที่เกินความต้องการ ถ้าน้อยเกินไปก็ไม่ก่อประโยชน์ เพราะไม่ถึงจุดที่ต้องการ ต้องพอดี ๆ

ถาม : สมาธิที่ต้องมี เป็นตอนที่โดนมีดหรือตอนอาราธนา ?
ตอบ : ตอนที่อาราธนา

ถาม : แปลว่า ถ้าเราอาราธนาได้ก็เรียบร้อยแล้ว ?
ตอบ : หลังจากนั้นกำลังจะเป็นอย่างไรก็ช่าง ตอนอาราธนาขอให้กำลังใจทรงตัวก็แล้วกัน

เถรี 20-02-2015 12:09

พระอาจารย์กล่าวว่า "ถ้าเป็นลูกศิษย์ที่ไม่กลัวครูจะรู้สึกสนุกกับการเรียน แต่ถ้าเป็นลูกศิษย์ที่กลัวครูจะรู้สึกทุกข์ทรมาน อาตมาไปเรียนแต่ละครั้ง ไปด้วยความกระตือรือร้นว่าอาจารย์จะมีอะไรใหม่ ๆ มาให้เรา เวลาไปที่มหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะเป็นพระเป็นโยม พออาตมาปรารภเรื่องอะไรเขาก็จะกระตือรือร้นทำให้ หนังสือบางอย่างให้ท่านเซ็นรับรอง ท่านก็เซ็นเผื่อมาให้เลย

คนอื่นเขาถามว่า "เพราะว่าเป็นอาจารย์เล็กหรือเปล่า เขาก็เลยช่วยขนาดนั้น ?" อาตมาบอกว่าไม่ใช่ เกิดจากการที่อาตมายกย่องให้เกียรติท่านมาแต่แรก บางคนเป็นเด็กในสำนักงาน แต่ว่าอาตมาไม่เคยมองข้าม ถึงเวลาจะเรียกใช้ไหว้วานอะไร ก็อยู่ในลักษณะให้เกียรติ ขอให้เขาช่วย คนเรามักจะรู้สึกดี ๆ ถ้าหากว่ามีคนให้เกียรติ และเห็นว่าเขามีความสามารถที่จะทำอะไรให้ได้ ในเมื่อเป็นอย่างนั้นบ่อย ๆ เข้า ก็เลยกลายเป็นว่าเขาเต็มใจที่จะช่วยทุกครั้ง"

เถรี 20-02-2015 19:24

พระอาจารย์กล่าวว่า "วันนี้ใครดูรายงานข่าวฟุตบอลจุฬา ธรรมศาสตร์บ้าง ? ขบวนสิ้นสติอีท่าไหนถึงได้แต่งชุดดำกัน อาตมาขอบอกว่า ของบางอย่างเป็นลางร้าย ตอนที่ "สมเด็จย่า" จะสิ้นพระชนม์ ผู้ประกาศข่าวของสถานีโทรทัศน์ทุกช่องพร้อมใจกันแต่งดำ ผู้ประกาศข่าวนอกสถานที่ก็พร้อมใจกันใส่ชุดดำ แม้กระทั่งผู้รายงานข่าวกีฬาก็ใส่สีดำ อาตมาบังเอิญนั่งอยู่หน้าทีวีที่บ้านโยมพอดี เลยชี้ดูว่า "นี่โบราณเขาถือ อยู่ ๆ แต่งดำพร้อมกัน ถือเป็นลางร้ายบางอย่าง" แล้วก็จริง ๆ ด้วย "สมเด็จย่า" สวรรคต นี่เขาคิดอะไรขึ้นมา ถึงได้แต่งดำทั้งขบวน ? จำให้แม่น ๆ นะ ดูว่าภายใน ๗ วันนี้จะเกิดอะไรขึ้น

ลางบางอย่างบอกเหตุ อย่างเช่นว่ากรุงศรีอยุธยาจะแตก หลวงพ่อโต วัดพนัญเชิง มีน้ำพระเนตรไหลถึงพระนาภี องค์หลวงพ่อวัดพนัญเชิงใหญ่ขนาดไหน ถ้าเอาหลักวิทยาศาสตร์มาอธิบายว่าความชื้นในองค์พระระบายออกมา ก็คงไม่มากขนาดนั้น แล้วมีอีกาบินไปชนยอดนพศูลบนพระเจดีย์วัดใหญ่ไชยมงคล เสียบตายคาอยู่อย่างนั้น เป็นไปได้ที่ไหน

บางอย่างอยู่ในลักษณะของเทพสังหรณ์ แสดงเหตุให้รู้ แต่ว่าเราต้องช่างสังเกตด้วย หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเตือนนักเตือนหนา ใครซื้อรถสีอะไรก็ได้ ยกเว้นสีดำ เพราะว่าโบราณเขาถือว่าสีดำเป็นการไว้ทุกข์ แต่อาตมาดูปัจจุบันนิยมรถสีดำกันจัง กลัวชีวิตจะไม่ทุกข์ แล้วอย่าถามนะว่าซื้อสีดำมาแล้วจะทำอย่างไร ? ไปหาวิธีแก้ไขกันเอาเอง เห็นเขาเขียนกันว่ารถคันนี้สีขาว..!

เอาเป็นว่าใครที่ชอบใส่ชุดสีดำ ให้ลองสังเกตดูว่าตั้งแต่ใส่มาจนถึงป่านนี้ ชีวิตลุ่ม ๆ ดอน ๆ มาตลอดหรือเปล่า หรือว่าสะดวกดีทุกประการ ? ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้เรื่องไม่ได้ราวก็เปลี่ยนสีได้แล้ว ส่วนใครที่ผิวดำไม่ต้องเปลี่ยน ยกเว้นว่ายอมถลกหนังตัวเอง..!"

เถรี 20-02-2015 19:32

พระอาจารย์กล่าวว่า "วันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เป็นวันพฤหัสบดี ญาติโยมที่ไปร่วมงานหล่อพระอาจจะมาลำบากนิดหนึ่ง เพราะว่าเป็นวันทำงาน ยกเว้นว่าใครจะลาป่วย ลากิจ ลาพักร้อนในฤดูหนาวก็ว่ากันไป ครูบาอาจารย์ที่นิมนต์ไป ทั้งที่นั่งปรกคุมธาตุและเจริญชัยมงคลคาถา น่าจะมีหลายท่านที่ไปก่อน อาตมาจองรีสอร์ทให้ท่านพัก ปรากฏว่าเหลืออยู่แค่ ๙ ห้อง ถ้าไม่พอคงต้องให้ท่านมานอนเบียดกันในวัด

เนื่องจากว่ารีสอร์ทที่ไปจองนั้น มีอยู่ด้านหนึ่งที่มีลักษณะเหมือนบ้านส่วนตัว มีที่พัก มีห้องน้ำ มีห้องครัว เขาคิดคืนละ ๘๐๐ บาท ถ้าใครเช่ารายเดือน คิดแค่เดือนละ ๕,๐๐๐ บาท คนเลยเช่าเต็มยาวไปครึ่งค่อนปี สบายกว่าไปเช่าบ้านอื่นอยู่ ไม่ต้องดูแลอะไร มีคนทำความสะอาดให้ด้วย"

เถรี 20-02-2015 19:59

มีผู้เอา หนังสือ "สมบัติพ่อให้" เข้าไปสอบถาม เกี่ยวกับรายละเอียดของยันต์ต่าง ๆ ที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านได้สร้างไว้

ถาม : ธงท้าวมหาชมพู ?
ตอบ : จริง ๆ แล้วมีแค่รูปยันต์นั่นแหละ นอกนั้นเกินมา อันนี้เป็นมหาอุตม์ อันนี้เป็นปืนแตก อันนี้กันโรคระบาด หลวงพ่อท่านเพิ่มให้

ถาม : ธงเขียว ?
ตอบ : ธงเขียวคือธงท่านปู่พระอินทร์ จริง ๆ แล้วมีแค่ ๓ คำ หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเพิ่มให้ เพราะอยู่ ๆ มีแค่นั้นก็ดูน้อยเกินไป

ถาม : แล้วธงพระแม่โพสพ ?
ตอบ : ธงพระแม่โพสพจริง ๆ มีแค่รูปเท่านั้น

ถาม : ยันต์ของเสด็จในกรมหลวงชุมพร ?
ตอบ : ยันต์นี้บังคับด้วยว่าต้องเป็นผ้าสีม่วงอย่างเดียว วัสดุอื่น ๆ ทำไม่ได้ ของท่านปู่พระอินทร์ก็เป็นผ้าเขียวอย่างเดียว ผ้ายันต์ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นสีแดง เห็นมีแต่ของท่านปู่พระอินทร์กับของเสด็จในกรมหลวงชุมพรที่บังคับสีไว้

ถาม : ยันต์ค้าขาย ?
ตอบ : จริง ๆ ไม่ใช่ยันต์ค้าขายหรอก หลวงพ่อท่านทำเอาไว้ แล้วคนไม่รู้จะบรรยายอย่างไรก็ใส่ไปเรื่อย ไปค้นเจอจะเข้าไปถามก็คงเกรงใจ

ถาม : ตะกรุดเดินป่าหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านจารยันต์อะไรครับ ?
ตอบ : ไม่รู้เหมือนกัน ไม่เคยแกะดู แต่ว่าไม่ใช่ตะกรุดเดินป่าหรอก ตอนนั้นท่านเพิ่งไปอยู่วัดท่าซุงไม่นาน ทำแจกที่ศาลาเก่าเพื่อหาทุนสร้างวัด แล้วคนแย่งกันรับจนกระทั่งศาลาทรุดไปด้านหนึ่ง ท่านก็เลยสร้างใหม่เป็นตึกกองทุนขึ้นมา ก็คือตะกรุดรุ่นนี้แหละ ท่านเองไม่ได้แจก เก็บเอาไว้ตั้งหลายสิบปีกว่าเขาจะไปค้นเจอใหม่

ถาม : การทำธงเขียว ?
ตอบ : การเสกของท่านจะมีพิธีต่างหาก แล้วก็ต้องมีผ้าแพร สมัยก่อนเรียกว่าผ้าขาว วางซ้ายขวาอย่างละพาน

ถาม : ...(ไม่ได้ยิน)...
ตอบ : ไม่ใช่..ผ้าแพรก็คือผ้าขาวนั่นแหละ ตำราโบราณขาดพวกนี้ไม่ได้ เพราะถือเป็นเครื่องไหว้ครูอย่างหนึ่ง สมัยก่อนเวลาไหว้ครู ฆราวาสก็เอาผ้าขาวม้าไป พระก็เอาผ้าไตรไป อันนี้ของเขาไหว้ครูพรหมครูเทวดา ก็เอาผ้าขาว แต่คนโบราณเรียกว่าผ้าแพร

ถาม : แล้วทำไมเขาเรียกผ้าแพรครับ ?
ตอบ : ก็ไม่รู้เหมือนกัน ผ้าแพรในความรู้สึกของอาตมาก็คือแพรปังลิ้นที่ลื่น ๆ แต่สมัยก่อนผ้าแพรก็คือผ้าขาว

ถาม : แล้วผ้าเพลาะละครับ ?
ตอบ : ผ้าเพลาะคือผ้าที่เขาเอามาเย็บติดกัน คำว่าเพลาะก็คือเอามาต่อกันเป็นชิ้น ๆ เป็นภาษาโบราณอีกเหมือนกัน สมัยนี้ไม่ค่อยได้ยินแล้ว ถ้าจำไม่ผิด ของท่านปู่ท่านบอกว่าให้เอาดินสอที่เขียนไปวางไว้ด้วย ท่านใช้คำว่าดินสอนะ สมัยนี้ส่วนใหญ่ใช้ปากกาเขียนกัน

ฉะนั้น..อะไรที่เขียนคุณก็เอาใส่ลงไปด้วย คำว่า "สอ" สมัยก่อนก็คือการเคลือบ การโบก คราวนี้ดินสอก็คือดินที่สมัยก่อนเขาเอามาโบกบ้าน ตอนหลังเขาเอามาทำเป็นดินสอสำหรับเขียน ก็ยังเรียกดินสอเหมือนเดิม อย่าง "สอปูน" ก็คือ "โบกปูน"

ภาษาโบราณนาน ๆ ไปคนรุ่นหลังไม่รู้ ถึงได้ว่าพระไตรปิฎกต้องมีอรรถกถามาอธิบายพระไตรปิฎก พอนาน ๆ ไปเป็นร้อยปีก็ต้องมีฎีกามาอธิบายอรรถกถา แล้วก็มีอนุฎีกามาอธิบายฎีกา มีเกจิอาจารย์มาอธิบายอนุฎีกา ไล่กันไปเรื่อยตามยุคสมัย

เถรี 20-02-2015 19:59

ถาม : ไปบอกเพื่อนเรื่องคาถาบูชามีดหมอเพชราวุธ ส่วนที่ว่า "ศัตรูมาบีฑาวินาศสันติ" เพื่อนเขางง..เพราะไม่รู้จักคำว่า "บีฑา" ?
ตอบ : "บีฑา" ก็คือเบียดเบียน ถ้าบีฑาไม่รู้ ปลาตก็ไม่รู้ใช่ไหม ? "ปลาต" แปลว่าหลีกไป หนีไป จากไป ต้องดูบริบทว่าหมายถึงอะไร มีชีวิตอันไปปราศแล้ว คือตายแล้ว จะว่าไปแล้วคำโบราณของเราสละสลวยแล้วมีใช้งานเยอะมากเลย ต้องบอกว่าบรรพบุรุษของเรารวยคำ ดูอย่าง กู ข้า ฉัน ผม ข้าพเจ้า เกล้าฯ แม้กระทั่งข้าพระพุทธเจ้า ขะโยม สารพัด ฝรั่งใช้ I คำเดียว ขะโยมก็อันว่าตัวข้าพเจ้า ภาคเหนือหรืออีสานยังใช้อยู่นะ ขะโยมก็คือตัวข้า “ขะโยมเจียขะแมร์ บองสะราญโอน เจริญเจริญ”

วันก่อนไปพูดในห้องเรียน ลูกศิษย์หัวเราะก๊ากเลย ปรากฏว่าในห้องเรียนมีพระเขมรมาเรียนด้วย ชื่อ สุคนธี ฉายา สัทธาธโน แต่เขาเขียนเป็นภาษาอังกฤษ คนอ่านไม่ค่อยจะออก เพื่อนหันไปถามว่า "ใช่หรือเปล่าสุคนธี ?" ท่านพยักหน้าว่า "ใช่ พระอาจารย์พูดถูก" แสดงว่าภาษาเขมรของอาตมายังพอใช้ได้อยู่

เถรี 20-02-2015 20:01

ถาม : ...(ไม่ได้ยิน)...
ตอบ : จะใช้อย่างนั้นก็ได้ อาตมาถึงพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ แล้วเขียนตะบึงไปเลย ไม่ต้องสนใจ ง่ายกว่าตั้งเยอะ ใช้บ้างไม่ใช้บ้าง บางทีนึกถึงอะไรก็ว่าไปเรื่อย สำคัญตรงที่เรานึกถึงพระได้หรือเปล่า ?

เถรี 21-02-2015 11:35

พระอาจารย์กล่าวว่า "ผู้บริหารบริษัทสหพัฒนพิบูลย์ จำกัด บ่นว่าบะหมี่สำเร็จรูปขายไม่ค่อยออก สาเหตุใหญ่ก็คือลูกศิษย์วัดท่าขนุนเอาสตางค์ไปบูชาวัตถุมงคลหมดแล้ว ไม่มีแม้แต่สตางค์จะกินบะหมี่ซอง ใช่หรือเปล่า ? สรุปแรงไปไหม ?

บ้านเราหากเศรษฐกิจแย่ บะหมี่สำเร็จรูปจะขายดี แต่ถ้าขายไม่ออกนี่บอกอะไรเราบ้าง ? บอกว่าคนเราระมัดระวังค่าใช้จ่าย เปลี่ยนจากการกินบะหมี่ซองละ ๕-๖ บาท เปลี่ยนไปกินผัดกระเพรา จานละ ๑๐๐ บาทแทน..! ฟังเขาออกมาแก้ตัวแล้วเข้าท่าดี เห็นว่าเป็นทหารด้วยกันไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร
เลยช่วยหาข้อแก้ตัวให้ บอกว่าร้านเขาบรรยากาศหรู บริการดีเต็มที่เหมือนโรงแรมชั้น ๑ จึงต้องคิดจานละ ๑๐๐ บาท พวกเราลองไปขายจานละ ๑๐๐ บาทดูสิ รับประกันว่าโดนแน่..!

ต่อไปข้าวแกงจานละ ๑๐๐ บาท จะเป็นเรื่องปกติ ฟังดูน่ากลัวไหม ? คาดว่ารุ่นของเรา ๆ นี่ยังทันเป็นจำนวนมาก ขอให้ทราบว่าอาตมาพูดมาหลายปีแล้วว่าข้าวแกงจานละ ๑๐๐ บาท ตอนนี้เริ่มปรากฏให้เห็นแล้ว"

เถรี 21-02-2015 11:36

:4672615:เก็บตกเดือนกุมภาพันธ์ปี ๕๘ หมดแล้วค่ะ:4672615:
ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทาริกา คะน้า เถรี รัตนาวุธ และคะน้าอ่อน

เถรี 02-03-2015 11:40

ขออนุญาตนำเอาข้อความจาก งานหล่อพระสมเด็จองค์ปฐม วันที่ ๒๖ ก.พ. ๕๘ มาลงไว้ที่นี่นะคะ เนื่องจากเนื้อหามีไม่มาก

พระอาจารย์กล่าวว่า “สำหรับการหล่อพระที่นี่ ไม่มีการจำหน่ายแผ่นทอง ไม่มีการจำหน่ายแท่งทอง ถ้าอยากได้แผ่นทอง มีร้านขายทองในทองผาภูมิอยู่ ๕ แห่ง ไปหาซื้อกันได้

เนื่องจากว่าท่านเจ้าภาพใหญ่ที่รับดำเนินการ คือ พระมหานันทวัฒน์ เขมธมฺโมนั้น ท่านมอบหมายให้เป็นภาระของช่างไปทั้งหมด ซึ่งช่างได้นำเอาทองเหลืองมาครบถ้วนสมบูรณ์
แล้ว ถ้าญาติโยมอยากจะร่วมทำบุญด้วย ก็ทำบุญเป็นปัจจัย เพื่อมอบหมายให้กับทางเจ้าภาพนำไปใช้งานตามปกติ ไม่ต้องมาบ่นว่าทำไมที่นี่หล่อพระไม่เหมือนกับที่อื่น เหตุที่ไม่เหมือนที่อื่นเพราะเป็นที่นี่..!

อาตมาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมต้องไปประกาศว่าทำบุญแต่ละครั้งจะได้อานิสงส์อย่างไร จะต้องจำหน่ายแผ่นทองเท่าไร จำหน่ายแท่งทองเท่าไร ถ้าท่านไม่รู้ว่าทำแล้วได้อานิสงส์อย่างไรแล้วมาหล่อพระทำไม..?”

เถรี 02-03-2015 11:42

พระอาจารย์กล่าวว่า “แจ้งให้หลายท่านทราบว่า ที่ส่งของมาให้บรรจุโปรดมารับคืนไปด้วย ถ้าไม่รับคืนจะยึดเป็นของหลวง..! พระที่วัดนี้หล่อแล้วไม่มีการบรรจุใด ๆ ทั้งสิ้น ยกเว้นว่าเป็นพระที่หล่อด้วยคอนกรีตอย่างสมเด็จองค์ปฐมองค์ใหญ่หน้าวัด ถึงจะมีการบรรจุ

ก่อนจะทำอะไรโปรดคิดว่า ท่านจะสร้างความลำบากให้กับพระหรือเปล่า ? ไม่ใช่คิดแต่จะเอาบุญอย่างเดียว พอถึงเวลาคิดจะเอาบุญแล้วก็ส่งโน่นส่งนี่มาเยอะแยะไปหมด นอกจากจะเป็นการใช้พระ แล้ว ยังเป็นการเพิ่มภาระงานให้โดยใช่เหตุ สิ่งที่ทำอาจจะไม่ได้อานิสงส์อย่างที่ต้องการและอาจจะเกิดโทษอีกด้วย..!

ก่อนจะทำบุญให้ตั้งสติดี ๆ อาตมาหล่อพระทองคำหน้าตัก ๑๖ นิ้ว เขาเขียนหน้าซองมาว่า ร่วมบุญหล่อพระทองคำหน้าตัก ๕๐ ศอก..! ถ้าอยากทำขนาดนั้นก็โปรดไปสร้างเอง

ส่วนหลายท่านที่ขนเอาหนังสือมาให้แจก ถ้าอยากได้อานิสงส์เต็ม ๆ ก็โปรดเอาไปแจกเอง เพราะว่ากลายเป็นการเพิ่มภาระและเป็นการใช้พระด้วย โดยเฉพาะอาตมาเองที่เป็นคนแจก หลายท่านอยากได้อานิสงส์ธรรมทาน เอาหนังสือธรรมะมาถวายอาตมา ขอบอกว่า “ได้โปรดเอาไปอ่านแล้วปฏิบัติเอง ไม่ใช่เอามาถวายอาตมา”

ต่อไปจะบุญอะไรโปรดระมัดระวังนิดหนึ่ง ไม่ใช่คิดว่าเราต้องการอานิสงส์เราก็ทำ อาจจะเกิดโทษมากกว่าประโยชน์ และโปรดหาข่าวให้ดี ๆ สมัยนี้ถามเฮียกู้ได้ ไปค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต มีรายละเอียดให้ทุกอย่าง ไม่ใช่หล่อพระหน้าตัก ๑๖ นิ้วก็บอกว่า ๕๐ ศอก ไปเอาที่ไหนมา ?"

เถรี 02-03-2015 11:44

พระอาจารย์กล่าวว่า “หลังจากบวงสรวงแล้ว อาตมาจะไปนั่งรับญาติโยมที่ตั้งใจทำบุญกันในศาลาใหญ่ ใครจะร่วมทำบุญก็ไปพบกันในที่นั้นได้ ท่านใดทำบุญจะมีวัตถุมงคลเล็ก ๆ น้อย ๆ มอบให้เป็นที่ระลึก ซึ่งตอนนี้ทุกท่านก็คงทราบแล้วว่า วัตถุมงคลของวัดท่าขนุน นอกจากจะหมดเร็วแล้ว ราคายังขึ้นเร็วเป็นจรวดเลย

ฉะนั้น..ท่านใดที่ประเภทตั้งใจหากำไร ก็โปรดเก็งกันเอาเองว่ารุ่นไหนจะดังกว่ากัน อาตมาเองยังตกใจ ของออกจากวัดราคาห้าหมื่นว่าแพงโคตรแล้ว เขาเอาไปปล่อยแสนหนึ่ง แล้วก็ดันมีคนสิ้นสติแย่งกันบูชาด้วย..!”


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 01:03


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว