กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนมิถุนายน ๒๕๖๒ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6643)

เถรี 19-06-2019 06:45

พระอาจารย์กล่าวว่า "กอบชัย ตัวนี้ ถ้าเป็นชื่อโบราณเขาใช้สะกดว่า กอปร นะ เขามาแผลงเป็นประกอบทีหลัง แบบเดียวกับ ตรวจ แผลงเป็น ตำรวจ

สมัยนี้ไม่ใช่แผลง สมัยนี้เพี้ยน คำแผลงสมัยก่อนพูดจากยาวเป็นสั้น จากสั้นเป็นยาว เขาเลยเรียกคำแผลง กอปรนี่ถ้าเด็กสมัยใหม่อ่านไม่ถูกจะอ่านเป็น กอ-ปอน ต้องบอกว่าเก่งภาษา สามารถอ่านไปได้...!"

เถรี 19-06-2019 06:49

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมารับแต่งตั้งเป็นรองเจ้าคณะอำเภองวดนี้ไม่เปลืองสตางค์ เพราะว่าฉลองพร้อมกับงานอายุ ๖๐ ปี พรรคพวกค้อนกันขวับ จะกินอีกสักยกหนึ่งก็ไม่ได้ เจ้านายเมตตาตั้งให้ก่อนอายุ ๖๐ ปีแค่ไม่กี่วัน

หลวงพ่อเจ้าคุณปัญญาแจ้งให้ทราบคืนวันที่ ๒๘ ตอนมางานศพของท่านอาจารย์มหาสันติ บอกว่า “อาจารย์...หลวงพ่อเจ้าคณะภาคโอเคแล้วนะ เดี๋ยวตราตั้งจะมาวันที่ ๓๐ นี้เลย ในงานประชุมพระสังฆาธิการที่วัดตะคร้ำเอน อาจารย์ต้องเตรียมไทยธรรมถวายท่าน แล้วก็เตรียมกรอบสำหรับตราตั้งไปด้วย” ปรากฏว่าไปถึงคณะกองงานเลขานุการเจ้าคณะภาค ๑๔ เตรียมมาเรียบร้อยหมดเลย อาตมาเตรียมกรอบไปเสียสตางค์เปล่า กรอบละตั้ง ๕๐๐ บาท..!"


เถรี 19-06-2019 06:52

ถาม : ความแตกต่างของยันต์เกราะเพชร กับยันต์หมอกมุงเมือง ต่างกันอย่างไรครับ ?
ตอบ : อันดับแรกเลยที่มาก็ต่างกันแล้ว ยันต์หมอกมุงเมืองมาสายล้านนา ยันต์เกราะเพชรมาสายภาคกลาง แต่ก็เน้นไปทางป้องกันเหมือนกัน ก็คือครูบาอาจารย์แต่ละท่านมีวิชาการ ก็จะมีสายวิชาของแต่ละท่านอยู่ หมอกมุงเมืองของทางล้านนาน่าจะเหมือนพวกวิรุญจำบังของภาคกลางมากกว่า ก็คืออยู่ในลักษณะที่เรียกว่าปิดกันเลย ป้องกันไม่ให้อันตรายต่าง ๆ เข้าไปในบริเวณนั้น แต่ว่ายันต์เกราะเพชรนี่เอาไว้สะท้อนกลับ

ถ้าจะเทียบความต่างก็ต่างกันตั้งแต่สายวิชาการแล้ว ในลักษณะการใช้งานก็คือ อันหนึ่งปิด ลักษณะเหมือนกับครอบไว้ ป้องกันอันตรายต่าง ๆ ไม่ให้เข้ามา แต่อีกอันหนึ่งนี่เข้ามาได้ แต่จะย้อนกลับ เพราะฉะนั้น..หมอกมุงเมืองนี่ดูเหมือนวิรุญจำบังของภาคกลางมากกว่า


เถรี 19-06-2019 07:09

โยมเอามีดหมอมาให้พระอาจารย์ดู "จำไว้ว่าเรื่องของงาช้างสีจะไม่เสมอกัน ถ้าสีเสมอกันแปลว่าถ้าไม่โดนทอดน้ำมันก็รมควันมา อันนี้รมควันมา สีเท่า ๆ กันทั้งอัน ปกติสีงาช้างมีอ่อนมีแก่ตามการใช้งาน

ใบมีดเก่าสนิมขุมจะกินลึกเข้าไปในเนื้อ ถ้าหากว่ากินในลักษณะนี้แสดงว่าเขาไปแช่น้ำกรดให้เป็นสนิม สนิมขุมเวลากินจะกินเสมอกัน ใหญ่บ้างเล็กบ้างนี่ประเภทตั้งใจทำมา"

เถรี 19-06-2019 07:13

"มีดหมอปากกาสามกษัตริย์ของหลวงพ่อเดิมนั้นหายากสุด ๆ โดยเฉพาะสภาพสมบูรณ์ชนิดไม่มีหลุดไม่มีแหว่ง รับประกันซ่อมฟรีว่าถ้าใครได้ไป ก็เหมือนกับถูกรางวัลที่หนึ่งชัด ๆ คือสภาพอย่างนั้นเขาเรียกว่าสภาพผิวหิ้ง คนได้ไปนี่ประเภทขึ้นหิ้งเก็บอย่างเดียวเลย"

เถรี 19-06-2019 07:15

"อย่าเสียกำลังใจ ถือว่าซื้อความรู้ ถ้าเป็นภาษาในวงการพระเขาเรียกว่าค่าหน่วยกิต จ่ายค่าหน่วยกิตเรียนไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็จบเอง แหม...หลายคนนี่โดนค่าหน่วยกิตเยอะเหลือเกิน..!

เริ่มแรกอย่าไปเล่นของแพง สำคัญที่สุดคือต้องได้เห็นของจริงก่อน แล้วที่หนักกว่านั้นคือต้องเป็นคนช่างสังเกตและขี้สงสัยทุกอย่าง อย่าไปฟังนิทานที่เขาเล่าให้ฟังถึงที่มาที่ไป แต่ให้ดูว่าของนั้นใช่หรือเปล่า ถ้าไปฟังนิทานนี่เดี๋ยวเผลออยากได้ก็เสร็จเขา"

เถรี 19-06-2019 07:20

พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงนี้การเห่อกัญชาของบ้านเราต้องบอกว่ามากเกินไป ตำรายาแพทย์แผนไทยของเราใช้กัญชาเป็นปกติอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้บอกให้ชัด ๆ แล้วกัญชาไม่ใช่ยาสารพัดประโยชน์ที่ตอบโจทย์ทุกข้อได้

ไปนึกถึงตำราเวชศาสตร์วรรณาโบราณ สมัยก่อนหลวงปู่ธรรมชัยท่านศึกษา แล้วท่านก็บอกว่า โรคบางอย่างรักษาหรือไม่รักษาก็หาย โรคบางอย่างต้องรักษาถึงจะหาย ถ้าไม่รักษาจะตาย โรคบางอย่างรักษาหรือไม่รักษาก็ตาย

พระอาจารย์มหาสันติ โชติกโร ป.ธ. ๙ อดีตรองเจ้าคณะอำเภอห้วยกระเจา อดีตเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ประชุมชนารามหรือวัดท่ามะขาม เป็นมะเร็งตับอยู่ ๒ ปี รักษาด้วยกัญชาไม่ได้ผล ส่วนหนึ่งอาตมาคาดว่า เพราะว่าท่านรักษาแบบแผนปัจจุบันด้วยการผ่าตัดแล้วก็ฉายรังสี การผ่าตัดฉายรังสีเท่ากับว่าตั้งใจฆ่ามะเร็ง คราวนี้มะเร็งเป็นสิ่งแปลกปลอม ที่เกิดจากพัฒนาการเพื่อเอาชีวิตรอดในสถานที่ยากลำบาก เมื่อเป็นเช่นนั้นพอโดนรังสีเข้าไป เขาก็ต้องพัฒนาตัวเองเพื่อที่จะเอาตัวรอด ก็มีการปรับปรุงสารพันธุกรรมของตัวเอง คราวนี้มะเร็งปรับเร็วจนยาตามไม่ทัน

สมมุติว่าเราเอารังสีเข้าไปเพื่อฆ่านายเอ แต่ไอ้นี่กลายเป็นนายบีไปแล้ว หรือจะฆ่านาย ก. แต่กลายเป็นนาย ข. ไป แล้วจะไปฆ่าอีท่าไหน ? พอจะฆ่านาย ข. กลายเป็นนาย ค. ไปอีกแล้ว เพราะฉะนั้น..ถ้าหากว่าใครไปรักษามะเร็งด้วยการผ่าตัดฉายรังสี โอกาสรอดมีไม่กี่เปอร์เซ็นต์ ท่านอาจารย์มหาสันติ แม้ว่าเป็นในช่วงที่เขาเห่อเรื่องน้ำมันกัญชารักษาโรค อาตมาเองก็ยังถามว่าจะลองรักษาวิธีนี้ไหม ? ท่านถ่ายรูปมาให้ดู ถือน้ำมันกัญชากำอยู่ในมือ ๒ ขวด สรุปว่า...ตาย..!"

เถรี 19-06-2019 07:22

"โรคบางอย่างรักษาหรือไม่รักษาก็ตาย เพราะว่าวาระมาถึง เราจะไปคิดว่าท่านเป็นพระหนุ่ม เพิ่งจะอายุ ๔๕ ปี จบเปรียญธรรม ๙ ประโยคมา ป้องกันกรรมได้ที่ไหนเล่า ?

ไปดูหลวงปู่เจ้าคุณนรฯ สิ นั่นพระอรหันต์แท้ ๆ เลย ท่านก็เป็นมะเร็ง ท่านบอกว่าท่านจะเป็นมะเร็งที่ตับ รักษายาก ท่านก็เลยขอให้ออกมาเป็นข้างนอก ก็เลยมาเป็นที่คอ ช่วงที่หมอทำการรักษาอยู่ ตอนทำความสะอาดล้างแผล หมอบอกว่าบางทีเห็นเนื้อหลุดออกมาเป็นชิ้น ๆ เป็นก้อน ๆ ขนาดหัวไม้ขีดเลย

หลวงปู่ท่านก่อนนอนให้เขาทำแผลไปเรื่อย พอถึงเวลาทำแผลเสร็จเรียบร้อยก็ลุกขึ้นมา...ยถาฯ สัพพีฯ อวยชัยให้พรกับหมอเหมือนคนปกติ ไม่เจ็บไม่ปวดอะไร ถ้าเป็นคนอื่นลองดูสิ...จะร้องไป ๓ บ้าน ๘ บ้านไหม ?

นั่นคือลักษณะของบุคคลที่ปล่อยวางเป็นสังขารุเปกขาญาณ เข้าถึงความปล่อยวางในสังขาร โดยเฉพาะจิตสังขารคือการปรุงแต่ง ในเมื่อจิตไม่ไปปรุง ไม่ไปยึดว่าร่างกายนี้เป็นเราเป็นของเรา เจ้าอยากจะเป็นอะไรก็เรื่องของเจ้าเถิด ก็จะมีสภาพแบบนั้น แต่ถ้าคนที่ทำไม่ถึงตรงจุดนี้ก็จะเจ็บปวดทรมานมาก

เพราะฉะนั้น..บ้านเราต่อให้กฎหมายอนุญาต เชื่อเถอะว่า..จะมีไอ้พวกเสียผู้เสียคนเพราะกัญชาอีกเยอะ เพราะว่าบ้านเราขาดหลักธรรมในมัชฌิมาปฏิปทา ไม่รู้จักความพอเหมาะพอดี"

เถรี 19-06-2019 07:27

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีเรื่องอยู่อย่างหนึ่งที่ตั้งเป็นข้อสังเกตไว้ บางคนคุณจะทำตัวเล็กขนาดไหนก็เล็กไม่ได้ โดยปกติการตั้งเป็นเจ้าคณะอำเภอหรือตั้งเป็นรองเจ้าคณะอำเภอ เขาจะประกาศแล้วส่งไปทางอำเภอ ทางอำเภอก็จัดพิธีรับ ส่วนมากก็จะนิมนต์เจ้าคณะตำบลทั้งหมดมา ถ้าหากว่าวัดไหนมีกำลังมาก ก็อาจจะนิมนต์เจ้าอาวาสทั้งหมดมา ก็แปลว่ารับรู้กันเฉพาะในเขตของตัวเอง

แต่ปรากฏว่าอาตมานี่รับ ๕๔๗ วัด ทั้งจังหวัดรู้กันหมดยังไม่พอ ยังกระโดดข้ามจังหวัดไปอีก มีแต่พวกมาแสดงความยินดี ทำไมรู้เร็วกว่าเราวะ ? นี่อย่างหนึ่ง อีกอย่างหนึ่งก็อย่างหลวงพ่อพระครูวิศาลกาญจนกิจ (หลวงพ่อพระครูโท) ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดตะคร้ำเอน หลวงพ่อพระครูโทนี่มาแบบเดียวกันเลย ก็คือตอนตั้งท่านเป็นรองเจ้าคณะอำเภอเมื่อปีที่แล้ว ก็ตั้งในที่ประชุมคณะสงฆ์ภาค ๑๔ เพราะฉะนั้น..เขารู้ทั้งภาคเลย

ของอาตมานี่ยังถือว่าเบา บารมียังสู้หลวงพ่อโทไม่ได้ แค่รู้กันทั้งจังหวัด ขณะที่อำเภออื่น ๆ รองอำเภออื่น ๆ เขาตั้งกันมา เขารู้กันแค่ในอำเภอของตัวเอง ยกเว้นว่าพรรคพวกสนิทใกล้ชิด เขาก็จะบอกกล่าวกัน หรือไม่ก็ไปรู้กันอีกทีตอนที่เขานิมนต์ไปงานฉลอง แต่ประเภทรู้กันตอนตั้ง รู้พร้อม ๆ กันทั้งจังหวัด...น้อยมาก อาตมาก็ว่า กูพยายามทำตัวเล็ก ๆ ลีบ ๆ แล้วนะ เล็กไม่ได้อย่างชื่อสักที"

เถรี 19-06-2019 07:34

ถาม : ทำบุญอย่างไรจึงจะไม่ให้คนที่เสียชีวิตไปแล้วโดนหมอผีมารังแก ?
ตอบ : ถวายสังฆทานให้ไป ถ้ารับสังฆทานไปแล้วเขาจะมีกำลังเท่ากับเทวดา หมอผีที่ไหนก็เล่นเทวดาไม่ได้หรอก มีแต่จะโดน "ตื้บ" มีอยู่จำพวกหนึ่งประเภทถึงเวลาก็จะเรียกไปใช้งาน พวกนั้นต้องสั่งสอนให้เข็ด รีบ ๆ ถวายสังฆทานให้คนตายไปเยอะ ๆ เลย

เถรี 19-06-2019 07:38

ถาม : นำเงินสังฆทาน หย่อนช่องธรรมทานกับวิหารทานได้ไหม ?
ตอบ : ได้...เงินสังฆทานทำสังฆทานได้ ทำสิ่งที่มีอานิสงส์มากกว่าสังฆทานได้ ถ้าน้อยกว่าทำไม่ได้ เพราะฉะนั้น..วิหารทานกับธรรมทานอานิสงส์มากกว่าสังฆทาน สามารถที่จะทำได้

เถรี 19-06-2019 07:43

ถาม : เคยไปอยู่วัดหนึ่ง มีป้าคนหนึ่งเอากฐินที่เก็บได้จากวัดนั้น แต่เป็นของวัดอื่นที่ทอดไปแล้ว จึงนำเงินใส่ซองแล้วเขียนว่าคืนเงินกฐิน เขาเอาไปคืนตรงที่เขาเจอ แล้วก็นึกถึงพระ อธิษฐานย้ายคืนได้ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่ทันตายก็แก้ไขได้ ก็คือเรารู้ว่าเป็นของวัดไหนก็เอาไปถวายคืนให้วัดนั้น แต่มีข้อแม้ ข้อแม้นี้ขึ้นอยู่กับระยะเวลา ถ้านานเกินไป มูลค่าก็เปลี่ยน สมมติว่าสมัยโน้นเขาทำบุญ ๒๐ บาทกับวัดที่หนึ่ง แต่พอผ่านไปหลายสิบปี มูลค่า ๒๐ บาทสมัยก่อนอาจจะได้ก๋วยเตี๋ยวชามหนึ่ง สมัยนี้อาจจะเหลือครึ่งชาม เราก็ต้องเพิ่มให้ได้กับมูลค่าปัจจุบันไป

ถาม : แต่อันนี้ไม่รู้ว่าเป็นของวัดอะไร ?
ตอบ : ถ้าไม่รู้ว่าวัดอะไรก็เฮงซวยหน่อย เพราะไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะแก้ไขได้ถูกต้องไหม

ถาม : แต่เอาไว้วัดที่เขาเจอได้ไหมครับ ?
ตอบ : แปลว่าได้ทำ คราวนี้ถ้าทำไม่ตรงก็ลำบาก เพราะเจตนาเขาระบุชัดเจนว่าเขาจะทำกับวัดไหน คราวหน้าอย่าไปยุ่งก็แล้วกัน

เถรี 19-06-2019 07:46

ถาม : แล้วถ้าหากว่าแยกเงินทำบุญไว้หลายอย่าง ใส่กล่องไว้ แล้วแม่บ้านเขาเอามารวมกันหมดเลย แล้วทิ้งกล่องไป ไม่รู้จะเอาเงินอันนั้นไปทำอะไร?
ตอบ : ก็ต้องบอกว่าเป็นความเฮงของแม่บ้านไป ให้พยายามทำในส่วนของสังฆทาน วิหารทาน ธรรมทานเอาไว้ก่อน ส่วนอื่นก็เหลือโทษน้อยแล้ว

ถาม : ส่วนที่ทำไว้จะแก้อย่างไร เรื่องที่เราไม่รู้ว่าเป็นวัดอะไรแล้วเอาไปคืนที่วัดไม่ได้ ?
ตอบ : ก็บอกแล้วว่าไปเสี่ยงดวงเอาเอง หรือไม่ก็พยายามที่จะทำกฐินในลักษณะที่ตั้งใจว่าทำทดแทนตรงส่วนนั้น ก็คือตอนนี้ในเมื่อเราตั้งใจทำทดแทน แม้ว่าจะไม่ได้ตรง แต่อย่างน้อยก็ผ่อนหนักเป็นเบาได้

อย่าไปใส่ใจมากนัก ถึงเวลาไม่มาเกิด กรรมที่ไหนก็ตามไม่ได้หรอก ใส่ใจมากเดี๋ยวก็เครียดเสียเปล่า ๆ

เถรี 19-06-2019 07:59

พระอาจารย์กล่าวว่า "พูดถึงโยมแม่ของท่านเจ้าคุณอนันต์ (พระราชภาวนาโกศล, วิ.) ต้องบอกว่าคนแก่ส่งศพลูกนี่อนาถมากนะ ต้องดูโยมทองร่วม กลีบทอง แม่ของพระมหาสันติเป็นตัวอย่าง มีลูกชาย ๖ คน เผาลูกไป ๓ คน นี่เป็นคนที่ ๔ แล้ว..! ก็แปลว่าลูกชายตาย ๔ คน พอเช้าวันที่ ๑๙ อาตมายังอยู่ที่วัดท่ามะขามเพราะว่าไปค้างคืน เจอหน้าก็บอกกับโยมว่า “ไม่ต้องห่วงนะ มหาสันติไปดี แล้ว เขาเลือกไปวันพระใหญ่คือวันวิสาขบูชาด้วย โบราณเขาถือว่าไปอยู่กับพระพุทธเจ้า”

โยมแม่เขาบอก “อ้าว...ไปเมื่อวานหรือ ? นึกว่าไปเมื่อคืนเสียอีก พวกนี้ไม่มีใครบอกแม่เลย” ก็บอกว่าเขาคงกลัวแม่จะเสียใจ “โอ๊ย...แม่ทำใจมานานแล้ว” สรุปว่าห่วงเสียเปล่า ๆ คนแก่ไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย เพราะเห็นว่าป่วยหนักมา ๒ ปีแล้ว ทำใจไว้แล้ว เผาลูกไป ๓ ศพแล้ว ศพที่แล้วก็คือหมอฉลอง ไปเผาที่วัดท่าขนุน อาตมาเอาศพไปทางด้านโน้น ทั้ง ๆ ที่เขาจะเผาที่วัดท่ามะขาม โยมก็บอกว่าถ้าไม่ใช่อาจารย์เล็กนะ ไม่ให้มาหรอก ต้องบอกว่า..ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวให้โยมแม่ตามไปดูก็แล้วกัน ว่าทำไมต้องเอาหมอฉลองไปเผาที่ทองผาภูมิ

ปรากฏว่าวันงานศพหมอฉลอง อาตมาเตรียมเก้าอี้เก่า ๔๐๐ ตัว เก้าอี้ใหม่อีก ๓๐๐ ตัว รวมแล้ว ๗๐๐ ตัวยังไม่พอให้แขกนั่ง เขามากันเกือบทั้งอำเภอ โยมแม่ทองร่วมถึงได้บอกว่า เข้าใจแล้วว่าทำไมอาจารย์ถึงต้องเอาศพหมอฉลองมาเผาที่ทองผาภูมิ คือหมอฉลองเป็นคนที่ช่วยเหลือคนอื่นโดยที่ไม่เคยคิด พูดง่าย ๆ ก็คือว่าใครมีอะไรให้ช่วย จะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่หมอช่วยเขาหมด ก็เลยกลายเป็นที่รักของคนทั้งอำเภอ

ทางทองผาภูมิก็บอกว่า อาจารย์..เมืองกาญจน์ฯ ไกลมาก โยมหลายคนก็แก่แล้ว ให้เดินทางที ๑๔๐ กว่ากิโลเมตรลงไปเผาหมอฉลองก็ไม่ไหวหรอก อาจารย์เอาศพขึ้นมาเผาบนนี้เถอะ ทางด้านโน้นก็บอกว่าทองผาภูมิไกล ญาติโยมก็อยู่กันแต่ทางนี้ สรุปว่าถ้าไม่ใช่เจ้าอาวาสวัดท่าขนุนไปเอานี่ ญาติทางโน้นเขาไม่ให้ศพมาหรอก"

เถรี 19-06-2019 08:02

"คราวนี้พอจัดพิธีให้เขาเห็น เขาก็..เออ...สมเกียรติ สมฐานะ แล้วก็คนมางานศพเยอะแยะมากมายขนาดนั้น ญาติโยมเขาก็รับได้ ไม่อย่างนั้นก็คงจะได้บ่นกัน เพราะว่าคนแก่อย่างลุงอ่อน อย่างแม่ทองร่วม อย่างแม่ทองเหมาะ แต่ละคนอายุเกิน ๘๐ ปีทั้งนั้น ต้องเดินทางไกลมาเผาหลานตัวเอง

สิ่งที่โยมแม่ทองร่วม กลีบทอง เขาทำ ต้องบอกว่าเป็นลักษณะของคนที่เริ่มเห็นธรรมดาในชีวิตแล้ว แต่ถ้าจะเอาระดับนางมัลลิกาภรรยาของพันธุลเสนาบดี อันนั้นต้องบอกว่าเข้าถึงธรรมจริง ๆ จัดงานบุญทำบุญเลี้ยงพระ คนใช้มาสะกิดกระซิบบอกข่าวว่า สามีกับลูกชายออกไปปราบโจรที่ชายแดน โดนฆ่าตายหมดทั้งบ้านเลย

นางมัลลิกาก็ทำบุญใส่บาตร ฟังพระสวดตามปกติ ประเคนภัตตาหารรอพระฉันเสร็จ กรวดน้ำรับพรเรียบร้อย พระท่านก็สงสัย เมื่อครู่นี้คนใช้เข้ามากลางคัน น่าจะมีเรื่องสำคัญ อุบาสิกาพอจะบอกพระได้ไหม ? เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยเหลือกันได้ เพราะว่าตอนนี้สามีกับลูก ๆ ก็ไม่มีใครอยู่ ท่านก็บอก อ๋อ...ไม่มีอะไรหรอกเจ้าค่ะ เขามาบอกว่าสามีกับลูกที่ไปปราบโจรที่ชายแดน โดนโจรฆ่าตายหมดแล้ว

สรุปว่าพระตกใจ กลัวโยมจะเสียใจ แต่โยมเห็นธรรมดาในชีวิต ไม่รู้สึกรู้สา ในความรู้สึกก็คือต่างคนต่างมา ต่างคนต่างไป ถึงเวลาก็ต่างคนต่างตาย ไม่ได้ตายด้วยกัน จีนเขามีภาษิตอยู่บทหนึ่งว่า สามีภรรยาเหมือนนกร่วมพนา ก็คือผัวเมียเหมือนนกป่าเดียวกัน พอเภทภัยกรายมาแยกย้ายบินจาก พอมีภัยมาก็ดี เจ็บไข้ได้ป่วยก็ดี ถึงเวลาก็ต่างคนต่างจากไป"

เถรี 19-06-2019 08:06

พระอาจารย์กล่าวว่า "ปี ๒๕๒๓ อาตมาเป็นนักเรียนนายสิบ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด เริ่มผลิตบะหมี่แห้ง Instant Noodle ตัวทดสอบคือทหารอย่างพวกอาตมา เขาส่งไปให้ลองกินดูก่อน ดูว่าใช้ได้ไหม ขอบอกว่าบะหมี่แห้งที่ผลิตมาใหม่ ๆ มีแต่บะหมี่อย่างเดียว ถึงเวลาเอาไปลวกน้ำแล้วก็เค็ม ๆ หน่อย

หลังจากนั้นก็มีการผลิตในลักษณะที่เรียกว่า เอาน้ำซุปไก่มาชุบ แล้วก็อบแห้งเพิ่มรสชาติ ท้ายสุดไม่ได้เรื่องสักอย่างหนึ่ง ก็เลยมีนักเลงดีคิดใส่เครื่องปรุง เออ...คราวนี้ใช้ได้ สมัยนั้นอาตมาเรียกว่าบะหมี่แก้ผ้า เพราะว่าไม่มีซองอะไร มาเป็นก้อน ๆ อย่างนั้นแหละ ถึงเวลาก็บรรจุถุงใหญ่มา ถุงละ ๕๐ ก้อน เอามาลองเลี้ยงทหาร

คราวนี้พอได้รับข้อติชมไปจนถึงระดับที่อยู่ตัว ก็คือรสชาติใช้ได้แล้ว ประเภทที่เรียกว่าจากที่ “แหลกไม่ได้” ก็กลายเป็น “ไม่ค่อยจะเหลือให้แหลก” เขาก็เริ่มใส่ยี่ห้อ ก็มีการผลิตซอง มียี่ห้อมีสีสันขึ้นมาบรรจุ ก็เลยเปลี่ยนจากบะหมี่แก้ผ้ามาเป็นบะหมี่ซอง นั่นก็คือบะหมี่แห้งยี่ห้อแรกของประเทศไทยที่ปรากฏขึ้นในโลก ชื่อ.... ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาไม่ว่าคุณจะมายี่ห้อไหน คนก็เรียกชื่อเหมือนกันหมด

ขอให้รู้ว่าบะหมี่สำเร็จรูปนี้มาจากค่ายทหาร มีพวกอาตมาเป็นหนูลองยา ปลากระป๋องแก้ผ้าก็กินมาไม่รู้ว่ากี่ยี่ห้อ แล้วพวกนี้พอผลิตเสร็จเอาไปส่งให้ทหารทดสอบดู ถ้าผ่านก็แปลว่าขายได้ ที่ดีที่สุดที่เคยกินมาก็คือปลาซาร์ดีนทอดรสเผ็ด อันนั้นต้องบอกว่าคนทำเก่งจริง ๆ แต่ของทหารไม่มีหรอกนะพวกฝาห่วง เขามีแต่ฝาปิดธรรมดาให้ไปเปิดกันเอง ฝาห่วงราคาแพง พอบอกว่ารสชาติผ่านก็ทำขาย ทหารทุกวันนี้น่าสงสารมาก ที่เหลืออยู่ก็คือรอดตายจากการทดลองอาหารมาทั้งนั้นแหละ เพราะฉะนั้น...ถ้าจะไม่เต็มเต็งบ้าง ขี้โมโหบ้าง อยากเป็นนายกรัฐมนตรีบ้าง ก็ต้องบอกว่าเป็นผลข้างเคียงของพวกอาหารทดลอง...!"

เถรี 19-06-2019 08:08

พระอาจารย์กล่าวว่า "ใครปฏิบัติธรรมงวดถัดจากฉลองอายุ ๖๐ ปีของอาตมา วุฒิบัตรใหม่โปรดสังเกตว่าตัวหนังสือเปลี่ยน จากเจ้าคณะตำบลเป็นรองเจ้าคณะอำเภอ เดี๋ยวมาคราวนี้วุฒิบัตรทำไมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยหรือ ? มี...ตราเปลี่ยน..!"

เถรี 19-06-2019 08:12

พระอาจารย์กล่าวว่า "คำว่า โม้ จริง ๆ แล้วเป็นภาษาอีสานนะ ความหมายเพี้ยนตอนไหนไม่รู้ อีสานไม่ได้ออกเสียงโม้ตรง ๆ แต่ออกเสียงเหมือนกับเป็นโม่ แปลว่าใหญ่ เพราะฉะนั้น..คุณหญิงโมนั่นไม่ใช่นะ เอ้า...สาวอีสานออกเสียงให้หน่อยสิ คำว่าใหญ่ออกเสียงว่าอย่างไร ? ออกเสียงโม้ตรง ๆ ก็ไม่ได้ คุณหญิงโมนั่นไม่ใช่ ต้องคุณหญิงโม่

"เขียดโม้เขียดขาคำ คือหมอลำพากันม่วน" เขียดโม้คือเขียดตัวใหญ่ "เมฆดำลอยปั่นป่วน ฝนตกมาสู่อีสาน" คนร้องไม่รู้จักภาษาอีสาน ก็เลยร้องว่า "หอมดอกผักขะแยง ยามฟ้าแดงค่ำลงมา" จริง ๆ แล้วต้องฟ้าแลง แลงก็คือเวลาค่ำ งายคือเวลาเช้า"


เถรี 19-06-2019 08:16

พระอาจารย์เล่าว่า "บางทีคนเขาเห็นอาตมาลงไปเก็บศพ ไปกอบกระดูก ฝุ่นกระจายว่อนเลย “อาจารย์ไม่กลัวติดโรคหรือ ?” จะไปเหลืออะไร เผาจนเป็นฝุ่นไปแล้ว ยกเว้นว่าเชื้อโรคมาจากต่างดาว ประเภททนความร้อนได้หลายพันองศาเซลเซียส ถ้าอย่างนั้นก็ยอมเป็นเถอะ..หายากนะ..โรคแบบนั้น

คราวก่อนเก็บศพของหลวงพ่อพระเทพเมธากร เก็บกระดูกชิ้นใหญ่เสร็จคนอื่นก็ไม่กล้าแตะ อาตมาลงไปกอบจนกระทั่งฝุ่นสักนิดก็ไม่เหลือ ขึ้นมากระมอมกระแมม ดำ ๆ ด่าง ๆ ไปทั้งตัว ญาติพี่น้องของหลวงพ่อเขาร้องว่า “โอ้โฮ...อาจารย์ลงทุนขนาดนั้นเลย” ก็ตอนเป็นรักกัน ตอนตายดันจะไปรังเกียจกันทำไม ? ของอาตมานี่ราคาเท่ากัน จะคนเป็นคนตาย ก็ปฏิบัติเหมือน ๆ กัน"

เถรี 19-06-2019 08:25

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนแรกอาตมาไม่รู้ว่าการฝึกทหารนั้นมีประโยชน์มากมายมหาศาลขนาดไหน เมื่อวานนี้รับตราตั้งรองเจ้าคณะอำเภอ รูปที่เขาถ่ายออกมาทั้งหมด เห็นว่าตัวเองหลังตรงมาก ติดมาตั้งแต่สมัยนั้น ฝึกจนกลายเป็นเลือดเป็นเนื้อของตัวเอง แก้ไม่ได้แล้ว พอถึงเวลานั่งก็ต้องหลังตรง

ยิ่งมาปฏิบัติกรรมฐาน บาลีในมหาสติปัฏฐานสูตรบอกไว้ชัด ๆ อุชุง กายัง ตั้งกายให้ตรง กำหนดสติไว้เฉพาะหน้า ก็เลยยิ่งกลายเป็นความเคยชินหนักเข้าไปใหญ่ มาดาบสุดท้ายที่โดนบี้เสียเกือบตายเลยก็คือหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม พอถึงเวลาท่านจะใช้งาน ท่านซ้อนลงมาตัวตรงเป๊ะ กระดิกไม่ออกเลย เพิ่งจะรู้ว่าทุกอย่างพอรวม ๆ กันแล้ว ผลออกมาก็คือรูปที่เห็น ไม่นึกว่าตัวเองจะกลายเป็นคนหลังแข็ง ก้มไม่เป็น"

เถรี 19-06-2019 08:28

พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงนี้ใครทำงานอยู่ก็รักษาหน้าที่การงานของตนให้ดี ทำให้เต็มที่ไป เพราะว่าเรายังไม่มีรัฐบาลบริหารประเทศอย่างแท้จริง ต่อให้ตั้งรัฐบาลได้ก็จะเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ ประมาณว่าต้องมีงูเห่าเพ่นพ่านไปหมด รู้จักงูเห่าไหม ? อยู่พรรคนี้ไปช่วยพรรคโน้น เพราะว่าเห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตน อะไรประมาณนั้น

ท้ายสุดการปฏิวัติที่ทำให้ประเทศชาติถดถอยไล่ใครไม่ทันก็เสียของ ย้อนกลับไปที่เดิม เริ่มจาก คสช. ก็คือบรรดาคนดีทั้งหลายที่เข้ามายึดอำนาจไป เพราะเห็นว่านักการเมืองมีแต่คนชั่ว พูดง่าย ๆ ก็คือเข้ามาเป็นกรรมการ ป้องกันไม่ให้แบ่งฝักแบ่งฝ่ายทะเลาะเบาะแว้งกัน ทั้ง ๆ เลือกฝ่ายอยู่เห็น ๆ แล้วก็มา กกต. คณะกรรมการการเลือกตั้ง ในสายตาของคนที่ไม่ได้กินหญ้าก็เห็นอยู่แล้วว่าไม่มีความยุติธรรมเลย เพราะว่ากรรมการโดดเข้าไปเล่นเอง กฎเกณฑ์กติกาทุกอย่างก็เขียนมาเพื่อฝ่ายเดียว แต่ก็ยังเอาชนะเขาอย่างเด็ดขาดไม่ได้ น่าไปผูกคอตายจริง ๆ เลย ไม่รู้จะทำอะไร ได้แต่อุทานว่า “โถ...อีช่อ..!”

เถรี 19-06-2019 08:30

"อาตมาก็นึกถึงอริสโตเติล นักปราชญ์กรีก ๒,๐๐๐ ปีมาแล้ว กล่าวอมตวาจาเอาไว้ว่า “ความดีของคนหมดสิ้นไปทันทีที่เล่นการเมือง” ก็ไม่นึกว่าจะยังใช้ได้มาจนถึงปัจจุบันนี้ แต่คราวนี้สังคมเปลี่ยนไป คนรุ่นเก่าเล่นการเมืองเพื่อประเทศชาติ คนรุ่นใหม่เล่นการเมืองเพื่อพวกพ้องและตัวกู ความรู้จักพอไม่มี มิตรแท้และศัตรูถาวรไม่มี สภาพเลยออกมาเละเทะดูไม่ได้อย่างที่เห็น

เราจะไปหานักการเมืองน้ำดีแบบสมัยก่อนหายากมาก เพราะว่าทุกคนต่างก็ทำเพื่อประโยชน์ของพวกพ้องและตัวเอง ไม่ได้ทำเพื่อประเทศชาติ ทั้ง ๆ ที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ซึ่งปัจจุบันก็คือสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรฯ ทรงประพฤติปฏิบัติพระจริยวัตรต่าง ๆ เป็นแบบอย่างให้เห็นว่า การทำเพื่อประเทศชาติจริง ๆ นั้นเป็นอย่างไร แต่ก็ไม่ได้ซึมซับเข้าไปเลย เหมือนตักน้ำรดหัวตอ

จะเอานักการเมืองน้ำดีอย่างป๋าเปรม ท่านประธานองคมนตรี ๒ รัชกาลและรัฐบุรุษ ก็ถึงแก่อสัญกรรมไปแล้ว เอาอดีตนายกฯ ชวนลงไปก็เหมือนอย่างกับน้ำจืดหยดเดียว จะไปเปลี่ยนน้ำทะเลให้หายเค็มก็เป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้น..บ้านเราจะวุ่นวายไปอีกนานมาก ได้แต่หวังว่าบารมีของในหลวง สมเด็จพระบรมราชินี ตลอดจนกระทั่งพระสยามเทวาธิราช ว่าจะช่วยให้ไม่ถึงขนาดต้องนองเลือดกัน"

เถรี 19-06-2019 08:32

"ตอนแรกที่อาตมาเห็นชุดทหารกองเกียรติยศในการเสด็จพระราชดำเนินทางสถลมารคเน้นสีดำเป็นหลัก ก็คิดว่าบุคคลผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดินจะต้องมีการเสียชีวิต แต่ไม่ได้คิดถึงป๋าเปรมเลย

ตอนอาตมาเป็นทหาร ป๋าเปรมเป็นผู้บัญชาการทหารบก ออกศึกแล้วได้รับเกียรติบัตรชมเชยถึงความที่เสียสละเพื่อประเทศชาติ ผู้ที่ลงนามกลายเป็นพลเอกประยุทธ์ จารุมณี ซึ่งถ้าหากว่าในสายตาทหารทั่วไปแล้ว เปรียบกับป๋าเปรมก็ต่างกันเหมือนฟ้ากับเหว เพราะว่าป๋าเปรมเป็นทหารม้า มาจากเหล่ารบ แสดงผลงานในการปราบปรามคอมมิวนิสต์ สร้างความสงบให้กับประเทศชาติอย่างชนิดที่เรียกว่าเป็นคุณูปการที่ใหญ่หลวงมาก

แต่พลเอกประยุทธ์ จารุมณี ต้องบอกว่าเป็นเรื่องประหลาดที่สุด เพราะไม่ได้มาจากเหล่ารบ ปกติจะขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารบกเป็นได้ยากสุด ๆ เขาต้องการเหล่าทหารราบ ทหารม้า หรือทหารปืนใหญ่ นี่เป็นทหารสื่อสาร แหกคอกมาจากไหนก็ไม่รู้ เป็นผู้ลงนามในเกียรติบัตรของอาตมาเอง ก็เลยเป็นเกียรติบัตรที่ไม่อยากเอาไปอวดใคร เหมือนกับหวังจะได้ลายเซ็นพระเอก แล้วไปได้ลายเซ็นตัวประกอบมาแทน"

เถรี 19-06-2019 08:35

"ปัจจุบันนี้ได้ผู้ที่ได้รับฉายาว่า "ขงเบ้งแห่งกองทัพไทย" ก็ชราภาพเต็มทีแล้ว ไม่รู้ว่าจะไปวันไปพรุ่ง สมัยที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงยังอยู่ ตอนนั้นบรรดาทหารไปวัดกันเป็นปกติ ตอนนั้นพลโทพิจิตร กุลละวณิชย์ เป็นผู้บัญชาการกองทัพภาคที่ ๑ หลวงพ่อท่านเมตตาเตือนว่า “ไอ้เสือ...เอ็งซื่อเกินไป ระวังจะโดนเพื่อนหลอก” ปรากฏว่าบิ๊กเสือของเราโดนเพื่อนหลอกจริง ๆ ก็คือพอจะขึ้นพลโท เพื่อนคือบิ๊กจิ๋ว ขอร้องไว้ว่า “เสือ..ทัพภาค ๑ สำคัญมากนะ เป็นกำลังหลักในการพิทักษ์ราชบัลลังก์เลย ขอให้เสือเป็นแม่ทัพภาค ๑ ไปก่อน” ก็ตกลงเป็นต่อไป

บิ๊กจิ๋วผันตัวเองโดดขึ้นไปเป็นผู้ช่วย ผบ.ทบ. อาวุโสไม่ทันกันแล้วนี่ พอถึงเวลามาเป็นคู่ชิง อาวุโสของตัวเองไม่ได้เพราะว่าติดพลโททีหลัง บิ๊กจิ๋วก็ปาดหน้า จากทหารสื่อสารกลายเป็นจอมวางแผน เป็น ผบ.ทบ. ไปอีกคน

อาตมาก็ว่าหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านรู้จริง แต่ว่าเตือนขนาดนั้นแล้วก็อย่างว่า โดยจริตนิสัยแล้วจะให้ท่านพลเอกพิจิตร กุลละวณิชย์ ไปวางแผนแย่งชิงตำแหน่งกับใครก็ไม่ได้ เพราะว่าท่านเป็นคนซื่อ ๆ ตรง ๆ มีอะไรก็ว่ากันตรงไปตรงมาแบบทหาร"

เถรี 19-06-2019 08:38

"แต่ความน่าชื่นใจปรากฏ ก็คือหลังจากเกษียณอายุแล้ว ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงโปรดเกล้าฯ ตั้งเป็นองคมนตรี ต้องถือว่าเป็นเกียรติประวัติในชีวิต ล่าสุดน่าจะปี ๒๕๕๗ หรือ ๒๕๕๙ อาตมายังรับรางวัลธรรมาภิบาลสิงห์ทองจากมือของท่าน ในฐานะที่ท่านเป็นประธานในงานไปถวายรางวัล มีผู้เข้ารับหลายสิบคน แต่ว่ามีพระอยู่ ๔-๕ รูป อาตมาเป็นหนึ่งในจำนวนนั้น เรียกว่ารางวัลธรรมาภิบาลสิงห์ทอง มอบให้แก่ผู้ที่สร้างคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติในด้านต่าง ๆ ของอาตมานี่เป็นด้านศาสนา ก็เรียกว่ากลับไปเจอคนคุ้นเคยกัน

แต่เนื่องจากว่าท่านเองอายุ ๘๐ กว่าปีแล้ว สุขภาพไม่ค่อยดี เดินก็ต้องถือไม้เท้า มาดทหารขึงขังเดินตบเท้าตึง ๆ แบบสมัยก่อนไม่มีแล้ว เป็นคนแก่เต็มรูปแบบเลย"

เถรี 19-06-2019 08:44

"เพราะฉะนั้นในปัจจุบันนี้ที่เตือนญาติโยมก็คือ ใครมีงานทำถือว่าโชคดีมากแล้ว รักษาหน้าที่การงานของตัวเองไว้ให้ดี ในขณะที่โลกกำลังปั่นป่วนด้วยสงครามการค้า เราเองไม่ต้องไปแย่งชิงกับใคร แค่ตามเกมเขาให้ทันก็ยากแล้ว ของเรามัวแต่แย่งผลประโยชน์กันอยู่ ถ้าเราดูมิสเตอร์ทรัมป์ ประธานาธิบดีของอเมริกา ที่หลายต่อหลายคนบอกว่าสองสลึง ก็คือไม่ค่อยจะเต็มบาท บ้า ๆ บวม ๆ

ก่อนหน้านี้เขาว่าประธานาธิบดีคิมจองอึลของประเทศเกาหลีเหนือเป็นนักเลงโตป่วนโลก ปัจจุบันนี้นักเลงโตเป็นได้แค่ประเภทเด็กวัดเกเรเท่านั้น ประเภทนักเลงตีหัวหมาด่าแม่เจ๊กตัวจริงปรากฏขึ้นแล้ว ก็คือประธานาธิบดีทรัมป์

แต่คราวนี้แม้ว่าจริตนิสัยของท่านค่อนข้างจะโผงผางโฉ่งฉ่าง แต่สิ่งที่ทำคือเพื่อประโยชน์ของคนอเมริกัน อย่าลืมนะประเทศคืออเมริกา คนคืออเมริกัน ขอประกาศนโยบายอเมริกาเฟิร์ส ทุกอย่างอเมริกาต้องมาก่อน กล้าแม้กระทั่งเปิดศึกสงครามการค้ากับประเทศจีน ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าไม่มีทางชนะแต่ก็ต้องทำ เพื่อที่จะสร้างเหตุปัจจัยของสงคราม แล้วทำให้อเมริกาขายอาวุธได้

เราจะเห็นว่าในตะวันออกกลางอย่างอิหร่านก็ดี ซีเรียก็ดี อิสราเอลก็ดี เหมือนกับอเมริกาเป็นตัวป่วนอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้สถานการณ์สุกงอมอยู่เสมอ ให้คนไม่มีความสุข แล้วก็ต้องซื้ออาวุธป้องกันตัวเอง เจรจากับเกาหลีเหนือพอเห็นว่าคิมจองอึลจริงจังคิดที่จะเลิกเป็นเด็กเกเร ตัวเองก็ล้มโต๊ะเอาดื้อ ๆ เพื่อที่จะให้โลกป่วนต่อไป อเมริกาจะได้ขายอาวุธได้"

เถรี 19-06-2019 08:45

"สิ่งทั้งหลายเหล่านี้คนมีปัญญาเขาเห็นกันทั้งนั้น แต่ถ้าเราพิจารณาแล้วจะเห็นว่าเขาทำเพื่อประเทศชาติตัวเอง แล้วบ้านเราหลังจากในหลวงรัชกาลที่ ๙ ไปแล้ว มีใครทำเพื่อประเทศชาติตัวเองอย่างชัดเจนบ้าง ? ยังไม่มี

ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ กำลังพยายามรวบรวมกำลังใจของคนซึ่งขาดที่พึ่งเมื่อสิ้นในหลวงรัชกาลที่ ๙ ให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน...ก็เป็นไปได้ยาก เนื่องเพราะว่าสิ่งที่นักการเมืองต่าง ๆ พากันทำอยู่นั้น เหมือนกับว่ากลายเป็นยุแยงให้คนแตกกันมากขึ้น เลือกข้างกันมากขึ้น

ดังนั้น..ในปัจจุบันนี้ใครมีกิจการของตัวเอง รักษากิจการที่มีให้ดี ใครมีหน้าที่การงานก็ทำให้เต็มที่ ทำแบบในหลวงรัชกาลที่ ๙ อันดับแรกคือเพื่อตัวเอง อันดับสองคือเพื่อครอบครัว ไม่อย่างนั้นแล้วสถานการณ์ประเทศชาติแบบนี้ ไม่รู้เหมือนกันว่าเราจะอดเหมือนเกาหลีเหนือเมื่อไร อย่าไปหวังพึ่งกัญชา เป็นไปไม่ได้ กัญชามีไว้สำหรับนายทุนและนักการเมือง ไม่ใช่สำหรับประชาชนทั่วไป"

เถรี 19-06-2019 18:47

พระอาจารย์กล่าวว่า "พลังแห่งการกำเนิด พ่อเขาเรียก ชนก อ่านว่า ชะนะกะ แปลว่าผู้พาไปเกิด แม่เรียกว่า ชนนี แปลว่าผู้รองรับการเกิด สรุปก็คือพ่อพามา แม่รับไว้ก็แล้วกัน

เพราะฉะนั้น..เราก็มีพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช เป็นสมเด็จพระบรมชนกนาถ"

เถรี 19-06-2019 20:22

พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อวันที่ ๒๗ ที่ผ่านมา ไปปลุกเสกเหรียญพระพุทธชินราช - พระนเรศวรมหาราช วาระ ๔๒๙ ปีครองราชย์ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ไปแล้วก็ถอนใจเฮือกใหญ่ ว่าดูท่ากูจะแก่จริง ๆ แล้วแหละ เพราะนอกจากหลวงพ่อพระธรรมเสนานุวัตร ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก ที่อายุกาลผ่านวัยจนเกษียณ เกจิอาจารย์ที่นิมนต์ไปก็ดูท่าจะมีแต่หลวงพ่อไพรินทร์รูปเดียวที่อาวุโสกว่า เออหนอเรา...แก่จนได้ขนาดนี้เลยนะ สรุปแล้วหลวงพ่อพระธรรมเสนานุวัตรท่านจุดเทียนชัย ส่วนอาตมามีหน้าที่ดับเทียนชัย

แล้วก็มีการนิมนต์ปลุกเสกอีก ๒ งาน วันที่ ๒๙ เดือนนี้ กับ ๒๘ เดือนหน้า ต้องบอกว่ารับได้งานเดียว เพราะว่า ๒๙ เดือนนี้รับสังฆทานอยู่ที่บ้านเติมบุญ แถมกลางเดือนยังมีงาน ๖๐ ปีอีก เอาให้เหนื่อยตายไปเลย

วันที่ ๒๓ มิถุนายนก็พระราชทานเพลิงศพพระมหาสันติ โชติกโร เสียดายเปรียญธรรม ๙ ประโยค หายาก แล้วก็มรณภาพเอาง่าย ๆ ถามว่าเปรียญธรรม ๙ ประโยคหายากขนาดไหน ? ต้องบอกว่า ถ้าใครเรียนจบประโยค ๙ สามารถจบปริญญาเอกได้ ๓ ใบเลย ยากขนาดนั้น"


เถรี 19-06-2019 22:17

พระอาจารย์กล่าวว่า "คุณหญิงกอแก้ว บุณยจินดาท่านมาทำบุญทุกเดือน มาบ้านนี้แล้วลำบากใจหน่อย ส่วนใหญ่ก็นั่งแบกับดินหมด แต่ส่วนใหญ่แล้วนักปฏิบัติธรรมจริง ๆ ก็ถือเป็นโอกาสในการลดทิฐิมานะ แต่บางคนก็จะกลายเป็นพอกพูนทิฐิมานะ ว่าเราเป็นใหญ่เป็นโตขนาดนี้ ทำไมถึงไม่ต้อนรับให้ดีกว่านี้หน่อย ฯลฯ สารพัดที่จะคิด

อาตมาถึงได้บอกว่า คนเราในปัจจุบันทุกข์เพราะความคิดของตัวเอง ถามว่าจะเลิกคิดได้ไหม ? ได้...ถ้าทำถึงเมื่อไรก็เลิก แต่คนเรากว่าจะเลิกคิดได้ ก็ต้องเห็นโทษว่าการคิดนั้นเป็นทุกข์อย่างไร พอเห็นโทษมาก ๆ ก็กลัว...ถึงเลิกคิดได้

สมัยก่อนพลตำรวจเอกพจน์ บุณยจินดา ทำหน้าที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สมัยนั้นเป็น ผบ.ตำรวจแล้วหรือยังเป็น อตร.อยู่ก็จำไม่ได้แล้ว จำได้ว่าปีนั้นท่านไปวัดท่าซุงเพื่อเคารพศพหลวงพ่อวัดท่าซุงที่มรณภาพ แสดงว่าเป็นปี ๒๕๓๕ ยังคุยกับพี่อรรณพ (พันตำรวจเอกอรรณพ กอวัฒนา) อยู่ว่า ท่านมามีตำรวจติดตามมาแค่ ๒ คน จริง ๆ แล้วระดับนั้นเขาแห่กันมาเป็นกองทัพ

พลตำรวจตรีนพเก้า ธัญญศิริ น่าจะใช่...ถ้าผิดพลาดก็ขออภัย ตอนนั้นเป็นผู้การเขตอยู่ ไปกราบหลวงพ่อที่วัดท่าซุง ตำรวจติดตามไปเกือบทั้งจังหวัด คือท่านก็ไม่ได้เรียกร้องหรอก แต่ว่าคราวนี้การแต่งตั้งในเขตนั้นอยู่ในอำนาจของท่าน คนก็ต้องไปเพื่อให้เจ้านายมองเห็น"

เถรี 19-06-2019 22:21

พระอาจารย์กล่าวว่า "เทคโนโลยีสมัยนี้ต้องบอกว่าก้าวหน้ามาก แต่ยังไม่สามารถที่จะติดต่อผีติดต่อเทวดาได้ แสดงว่ายังไม่เก่งจริง จะมีก็พวกกล้องถ่ายรูป พวกกล้องทีวี บางทีก็ติดภาพที่อธิบายไม่ได้มา อาตมาดูแล้วมีทั้งเปรต มีทั้งอสุรกาย อุตส่าห์ถ่ายติดมา แต่เขาก็คงงง ๆ ว่าสัตว์ใหญ่โตมโหฬารขนาดนั้นทำไมคนอื่นไม่เห็น ? จะบอกว่าอยู่คนละมิติกันก็ได้

ถ้าอย่างในพระสูตรที่มีคนไปพบเด็ก ๒ คนนั่งร้องไห้อยู่ที่ประตูเมือง ถามว่าทำไม ? บอกว่าแม่เข้าเมืองไปหาของกินจนป่านนี้ก็ไม่กลับมา หนูเลยคิดถึงแม่ ก็เลยนั่งร้องไห้ ถามว่าแม่เป็นใคร ? มาจากไหน ? เด็กบอกว่าเป็นเปรต ช่วยไปตามแม่ให้หน่อยได้ไหม ? ก็ถามว่าแล้วจะตามอย่างไร ? เพราะว่าเป็นเปรต

เขาก็บอกว่าถ้าอย่างนั้นเอารากไม้นี้ไป ถือไปแล้วจะเห็นได้ทั้งหมด ชายคนนั้นก็กำรากไม้เดินเข้าเมืองไป จะเป็นลมตาย...เปรตเดินกันเกลื่อนกลาดไปทั้งบ้านทั้งเมือง หาพวกของบูดของเน่า เศษอาหารที่เจ้าของเขาทิ้งแล้วกินกัน คราวนี้เขามีเวลาจำกัด ถ้าถึงเวลานั้นต้องรีบออก อยู่ต่อไม่ได้

คราวนี้นางเปรตมีลูก ๒ คน ต้องหาอาหารเผื่อลูกด้วย ตัวเองก็ไม่พอจะกินอยู่แล้ว ก็เลยอยู่นานไปหน่อย พอเขาเห็นเขาก็ตะโกนถามว่าใครเป็นแม่ของเด็ก ๒ คนที่อยู่ตรงปากประตูเมือง ? นางเปรตก็ตกใจ ถามว่าแกเห็นข้าได้อย่างไร ? เขาบอกว่าลูก ๒ คนคิดถึงแม่มาก แต่ว่าอำนาจมีน้อย เข้าเมืองมาไม่ได้ ก็เลยขอให้มาช่วยตามแม่ไปด้วย เขามอบรากไม้นี้ให้มาจึงสามารถมองเห็นพวกเจ้าได้

นางเปรตเห็นอย่างนั้นก็ฉวยรากไม้ได้ก็วิ่งออกนอกประตูเมืองไป พอรากไม้พ้นมือชายคนนั้นก็ไม่เห็นอะไรอีกเลยนอกจากบ้านเมืองตามปกติ เพราะฉะนั้น..ถ้าเห็นได้นี่บางคนคงจะเป็นลมจริง ๆ "

เถรี 19-06-2019 22:23

"ถ้ามีเยอะแล้วสวย ๆ ก็ไม่มีใครเขารังเกียจหรอก นี่แต่ละตนรูปร่างพิกลพิการ ดูไปแล้วฝันร้ายเปล่า ๆ ใหม่ ๆ อาตมาก็กลัวมาก กลัวไปกลัวมา พอรู้จักผีมากเข้า ๆ อ๋อ...เพราะความที่เขาบุญน้อย ยิ่งบุญน้อยเท่าไรหน้าตาก็ยิ่งสวยงามน้อยเท่านั้น ที่เขาปรากฏให้เราเห็นนั้นสวยที่สุดของเขาแล้ว สวยมากกว่านั้นไม่ได้แล้ว จะดึงหน้า ฉีดโบทอกซ์ ผ่าตัดอีท่าไหนก็ไม่สวยไปกว่านั้นแล้ว ส่วนใหญ่เขามาเพราะว่าต้องการความช่วยเหลือ แต่พวกเราพอเห็นก็วิ่งตับแลบ

ก่อนหน้านี้อาตมากลัวผีมาก สมัยก่อนบ้านอยู่บ้านนอก เป็นส้วมหลุม ส้วมหลุมอยู่ใกล้บ้านไม่ได้เพราะว่าส่งกลิ่นเหม็น ก็ต้องไปขุดไว้ไกล ๆ บ้าน คราวนี้กลางคืนใครจะกล้าไป ? ไม่ได้มีไฟตลอดทางเหมือนอย่างสมัยนี้ อย่างดีก็ถือไต้ ถือคบ ถือตะเกียงไปสักดวงหนึ่ง ลมพัดแรงหน่อยก็ดับอีก

เพราะฉะนั้น..ถ้าปวดปัสสาวะตื่นขึ้นมากลางดึก ก็ฝันไปเถอะว่าจะออกจากบ้าน นอนกัดฟันทนยันสว่างนั่นแหละ กระเพาะแทบแตก สว่างเมื่อไรวิ่งออกนอกบ้านได้ คราวนี้ก็ไปยืนแอ่นให้สบายใจ

พอรู้ความจริงว่าผีเป็นอย่างไร ไม่รู้เหมือนกันว่าความกลัวหายไปตอนไหน อาจจะเป็นเพราะว่าเจอมากเข้า ๆ แล้วรู้ว่าจริง ๆ แล้วผีน่าสงสารมากกว่าน่ากลัว ในเมื่อรู้สึกอย่างนั้นก็เลยเลิกกลัวไปเอง

ช่วงอาทิตย์หนึ่งที่ผ่านมานี่อาตมาพักที่วัดท่ามะขาม ในกุฏิเจ้าอาวาส กุฏิหลังนั้นนี่ตาย ๔ ศพติดกันแล้ว พระอาจารย์เล็กนอนสบายมาก ผีอยู่ส่วนผี คนอยู่ส่วนคน มึงอย่ามาเกะกะกู ส่วนใหญ่ที่ตายไปก็รู้จัก ทักทายกันเสร็จก็ต่างคนต่างอยู่ เราก็ทำงานของเราไป ถึงเวลาก็นอน อย่ามากวนกัน"

เถรี 19-06-2019 23:50

พระอาจารย์เล่าว่า "อาตมาขอให้พระมหานันทวัฒน์ เขมธมฺโม วัดปากน้ำภาษีเจริญ ที่พวกเรารู้จักในนามหลวงพี่มหาเอ บอกว่าไปช่วยพระครูบ่าวทำวัดท่ามะขามหน่อย เพราะว่าลำพังพระครูบ่าวกำลังไม่ถึง

ด้วยความที่พระครูบ่าวเป็นคนน่ารัก อัธยาศัยดี ไปไหนก็มีแต่คนรัก เคยอยู่วัดท่ามะขามเรียนบาลีมาก่อน พระอาจารย์มหาสันติไว้ใจ พอตัวเองเจ็บไข้ได้ป่วย ก็ขอตัวพระครูบ่าวจากอาตมาว่าให้ไปช่วยดูแลวัด ขอไปขอมาก็ขอไปเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส ถามท่านแล้วท่านก็เต็มใจที่จะช่วยเหลือครูบาอาจารย์ ก็เลยต้องให้ลาออกจากทางทองผาภูมิ

ท่านเป็นเจ้าอาวาสที่ทองผาภูมินะ ลาออกไปเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสที่ท่ามะขาม ไปทำหน้าที่ พอท่านอาจารย์พระมหาสันติภาพมรณภาพลง จะแต่งตั้งรักษาการแทนเจ้าอาวาส เจ้าคณะจังหวัดก็บอกเอาพระครูบ่าว รองเจ้าคณะจังหวัดก็บอกเอาพระครูบ่าว เจ้าคณะอำเภอก็เอาพระครูบ่าว รองเจ้าคณะอำเภอก็เอาพระครูบ่าว ท้ายสุดก็ถามท่านไหวไหม ? “ไม่ไหวครับ..วัดใหญ่..ผมไม่มีงบประมาณดูแลแบบหลวงพ่อ” ก็เลยบอกว่า คุณอยู่ไปแล้วกัน เดี๋ยวผมช่วย “ไม่ไหวจริง ๆ ครับ..ขออภัยด้วย”

โทรมาหาอาจารย์มหาเอ “มหาเอ..วัดปากน้ำด้วยกันกับท่านอาจารย์มหาสันติ ไปช่วยเขาทำวัดหน่อยสิ เป็นเจ้าอาวาสให้เขาหน่อย” มหาเอบอกว่า “สุขภาพของผมตอนนี้นะอาจารย์ ถ้าไปก็ไปตายแหละครับ” แล้วก็บอกว่าทำไมไม่เอาพระครูบ่าว ? เอาอีกแล้ว...ทำไมทุกคนมาลงตรงนี้หมด ? ก็เลยบอกว่า พระครูบ่าวท่านบอกว่าไม่ไหว เพราะว่าท่านหาเงินไม่เป็น ตกลงอาจารย์มหาเอบอกว่า “บอกพระครูบ่าวเป็นไปเลย เดี๋ยวผมหาเงินให้ จะทำอะไรขอให้บอก” ในเมื่อมีคนรับรองพระครูบ่าวก็กัดฟันรับไว้"

เถรี 19-06-2019 23:52

"พออาตมาแจ้งทางคณะสงฆ์เสร็จ ทุกคนก็สาธุ เจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิบอกว่ายินดีด้วยนะครับ แต่ทำไมต้องเอามือทำงานของผมไปด้วย ? คือพระครูบ่าวไปอยู่ที่ไหนก็จะอ่อนน้อมถ่อมตน แล้วก็ยังขยันขันแข็ง ช่วยเหลืองานส่วนรวมตลอด พูดง่าย ๆ ก็คือ มีงานของทางคณะอำเภอทองผาภูมิ พระครูบ่าวแบกภาระแทนได้เลย ไม่ว่าจะอบรมค่ายพุทธบุตร ไม่ว่าจะอบรมกรรมฐาน ฯลฯ ท่านทำแทนได้หมด

คราวนี้เพราะอาจารย์มหาเอไปถึง ท่านมากราบ ๆ “อาจารย์ครับ ทำไมแถวนี้ภูตผีเยอะแยะไปหมด ?” “เบา ๆ พูดดังไปเดี๋ยวไม่มีใครเป็นเจ้าอาวาส ทำไม่รู้ไม่ชี้ไปก่อน เดี๋ยวพอท่านได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสเต็มตัวแล้ว เราค่อยมาบวงสรวงขอบารมีพระ ขอเทวดา แล้วค่อย ๆ แก้ไขกันไป อันไหนที่คุยกันรู้เรื่อง ต้องการอะไรก็ช่วยเหลือเขาไป ถ้าคุยกันไม่รู้เรื่องจริง ๆ เดี๋ยวผมจัดการเอง”

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า รู้อะไรนี่ไม่ใช่พูดได้เรื่อยเปื่อยนะ เกิดพระครูบ่าวได้ยินแล้วบอก “ผมไม่เป็นเจ้าอาวาสแล้ว” นี่บรรลัยเลย..!"

เถรี 19-06-2019 23:59

ถาม : ทำไมผีจึงเยอะเป็นพิเศษคะ ?
ตอบ : ไม่ได้เยอะเป็นพิเศษหรอก ก็เยอะตามปกติของเขานั่นแหละ หลวงพ่อพระเทพเมธากรท่านไปอนุญาตให้ผีเข้ามาเอง พอถึงเวลาท่านกรวดน้ำก็ “เอ้า...ผีทั้งหลาย จะมีญาติหรือไม่มีญาติก็ดี มากินข้าวกินน้ำที่นี่นะ” ก็แห่กันมาบานตะเกียง เพราะว่าเจ้าของที่อนุญาตแล้ว

อาตมาเองก็เซ็ง หลวงพ่อทำอย่างนี้นะตัวท่านไม่เป็นไรหรอก เพราะว่าเลี้ยงเขาก็ชอบ แต่พวกลูกวัดจะอยู่กันได้ไหม ? ทุกครั้งที่ท่านกรวดน้ำ พอ อิมินาฯ อะไรเสร็จสรรพเรียบร้อย “เอ้า...ผีทั้งหลายจะมีญาติหรือไม่มีญาติก็ดี มากินข้าวกินน้ำนะ” เวรละกู...เจ้าของบ้านเขาอนุญาตแล้วใครจะไปไล่ได้


ถาม : ปกติต้องเชิญก่อน ?
ตอบ : ใช่...โดยกฎเกณฑ์ของจักรวาล ถ้าไม่เชิญเข้ามาไม่ได้ ลองคิดดูพวกผีที่ได้อยู่ได้กินอยู่ตลอด อยู่ ๆ คนใหม่มาบอกว่าไม่เลี้ยงแล้ว ก็ ต้องคุยกันนานนะ..จะบอกให้ ก็เลยว่าเดี๋ยวถึงเวลาทำบวงสรวงเจ้าอาวาสใหม่แล้วค่อยเจรจากัน

เถรี 20-06-2019 00:23

ถาม : กฎเกณฑ์ของจักรวาลเกิดจากอะไรคะ ถึงเวลาจึงเข้าเขตนั้นไม่ได้ ?
ตอบ : บารมีที่ตัวเองสร้างมา กำลังไม่พอก็เข้าเขตไม่ได้ ต้องรอเจ้าของเขาเปิดบ้านให้

ถาม : อย่างเทวดาข้ามเขต ?
ตอบ : ถ้าหากว่าบารมีสูงกว่ามาเขตต่ำได้ แต่ต่ำกว่าขึ้นสูงไม่ได้ ต้องรอเขาอนุญาตหรือเชิญ คราวนี้หลวงพ่อเจ้าคุณท่านเล่นเชิญเลย มีเท่าไรเขาก็แห่เข้ามาหมด

เพราะฉะนั้น...ไม่น่าแปลกใจว่าหลวงพ่อเจ้าคุณ ท่านไม่มีโอกาสที่จะเป็นเจ้าคณะจังหวัดก็เป็นจนได้ ไม่น่าจะได้เป็นเจ้าคุณเทพฯ ก็เป็นจนได้ ไม่มีโอกาสที่จะได้รับกับพระหัตถ์ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ก็รับจนได้ แล้วเป็นรูปสุดท้ายในรัชกาลที่ ๙ ด้วย ที่ได้รับจากพระหัตถ์ของพระองค์


เถรี 21-06-2019 16:59

ตอนนั้นในหลวงรัชกาลที่ ๙ มอบหมายให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ก็คือรัชกาลที่ ๑๐ ปัจจุบันนี้ ปฏิบัติพระราชภารกิจในการพระราชทานตั้งและพระราชทานเลื่อนบรรดาพระราชาคณะต่าง ๆ แต่พระองค์ท่านก็เสด็จไปดู เผื่อว่าถ้ามีข้อผิดพลาดตรงไหนก็จะได้แก้ไขให้ถูก พูดง่าย ๆ ก็คือฝึกงานรัชกาลที่ ๑๐ ในทุกเรื่อง

คราวนี้พอมีการแต่งตั้งเจ้าคุณในปีนั้น ปรากฏว่าบรรดาเจ้าคุณทั้งหมดกับในหลวงรัชกาลที่ ๙ อยู่ที่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ตอนเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชก็อยู่ที่โบสถ์วัดพระแก้ว รัชกาลที่ ๙ เห็นว่าถึงเวลาแล้วก็พระราชทานไปเรื่อย แล้วก็ให้ทางกรมพิธีการเขาอ่านตามตราตั้งพระราชทานไปเรื่อย ๆ รัชกาลที่ ๑๐ ท่านได้ทราบความว่าอยู่ที่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยก็เสด็จมา พอเสด็จมาถึง ในหลวงรัชกาลที่ ๙ พระราชทานพัดเล่มสุดท้าย แล้วก็ถอยออกให้ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ซึ่งเป็นพระบรมโอรสาธิราชปฏิบัติหน้าที่แทน พัดเล่มสุดท้ายนั่นก็คือพระเทพเมธากร วัดท่ามะขาม ไม่น่าจะได้ก็ยังได้

เถรี 21-06-2019 17:02

ถาม : ทำไมผีเขาถึงช่วย ?
ตอบ : อย่าลืมว่าท่านทั้งหลายเหล่านี้เขากตัญญู ถ้าเราช่วยเขา ถึงเวลาอะไรไม่เกินความสามารถเขาก็ช่วยเรา แล้วหลวงพ่อท่านทำสังฆทานทุกวัน โดยเฉพาะท่านใส่บาตรพระด้วยกัน พอถึงเวลาบิณฑบาตกลับมา ท่านก็ยืนดักหน้าประตูเลย ตักใส่หยิบใส่ พระเณรเดินผ่านท่านต้องรับบาตรท่านก่อน พอฉันเสร็จก็กรวดน้ำกัน แล้วผีที่ไหนจะไม่เอาบ้าง ? เขารู้ก็แห่กันมา แล้วท่านขยันสวดมนต์ทำวัตรเป็นที่หนึ่ง จะไปไหนก็สวดมนต์ไหว้พระก่อน กลับมาก็สวดมนต์ไหว้พระก่อน

เถรี 21-06-2019 17:07

การที่ท่านขึ้นถึงเจ้าคณะจังหวัดก็ไม่มีใครคิดว่าเป็นไปได้ เพราะท่านอายุมากกว่าเจ้าคณะจังหวัด ๑ ปี คือเป็นลูกผู้พี่ เจ้าคณะจังหวัด ๗๒ ปี ท่าน ๗๓ ปี เจ้าคณะจังหวัดแข็งแรงไปเหนือไปใต้ วัด ๔๐๐-๕๐๐ วัดของกาญจนบุรี เจ้าคณะจังหวัดไปถึงทุกซอกทุกมุมเลย ส่วนท่านเองผ่าตัดเส้นเลือดหัวใจไป ๓ เส้น ไม่มีโอกาสที่จะเป็นอยู่แล้ว

แต่ปรากฏว่าหลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดพระธรรมคุณาภรณ์ไปอินเดียล้มตึง...มรณภาพไปเฉย ๆ คือคนไม่เคยป่วยก็น่ากลัวนะ แล้วกำลังใจท่านดี ท่านใช้อธิวาสนขันติ ถึงเวลาก็อดทนไว้ แต่โรคบางอย่างไม่ใช่ทนแล้วจะอยู่ได้ อย่างเส้นเลือดหัวใจอุดตันอย่างนี้ ดูแลญาติโยมกินข้าวเพื่อที่จะได้เตรียมเดินทางต่อ เดินถามโยมไป ถามโยมมา คนโน้นกินหรือยัง ? คนนี้ได้อะไรบ้าง ? มีใครเจ็บไข้ได้ป่วยไหม ? หันหลังกลับมาล้มตึงเลย ต้องเอาศพกลับมาจากอินเดีย

คนอายุ ๗๒ ปีมรณภาพ คนอายุ ๗๓ ปีผ่าตัดเส้นเลือดหัวใจไป ๓ เส้น เป็นเจ้าคณะจังหวัดยันเกษียณ แถมอยู่ต่อไปอีกหลายปี แข่งเรือแข่งพายนะแข่งได้ แต่อย่าแข่งบุญวาสนามันแข่งกันไม่ได้ แล้วประเภทนักเลงขนาดผีกลัวอย่างหลวงพ่อพระธรรมคุณาภรณ์ ใครจะคิดว่ามรณภาพง่าย ๆ ลูกศิษย์หลวงพ่อเปลี่ยน วัดใต้ ก็รู้ว่าเฮี้ยนขนาดไหน

เถรี 21-06-2019 17:10

ท่านไปตรวจการคณะสงฆ์ที่อำเภอศรีสวัสดิ์ นั่นถือว่าสุดหล้าฟ้าเขียวสมัยนั้น ก็ขนาดเสือมาลากตำรวจบนสถานีไปกิน

ท่านไปที่ตำบลเขาโจด บ้านเขาเหล็ก ไปเยี่ยมวัดในป่า เขาจัดให้ท่านนอนบนศาลา กางมุ้งให้ ท่านก็นอน ดึก ๆ ผีมาไล่ บอกว่า “เป็นเจ้าพ่อที่นี่ ชื่อเจ้าพ่อเขาเหล็ก มึงเป็นใครมาจากไหนมาแย่งที่กู” หลวงพ่อไพบูลย์ก็บอก “มึงเป็นเจ้าของที่ตรงนี้ใช่ไหม ?” “ ใช่” “มึงอยู่ที่เขาเหล็กนี่นะ ?” “ใช่” “เขาเหล็กเป็นแค่หมู่บ้านเท่านั้น มึงใหญ่แค่นี้มาอวดดีอะไรกับกู กูนี่เจ้าคณะจังหวัด ทั้งจังหวัดกูใหญ่ที่สุด มึงไม่รู้จักเจ้านายยังเสือกทะลึ่งมาไล่” ผีก็เลยไปเลย เจอบวม ๆ เข้าผีไปเลย


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 09:32


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว