กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนธันวาคม ๒๕๖๑ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6411)

นายกระรอก 10-12-2018 19:51

พระอาจารย์กล่าวว่า “คนที่แกะหรือปั้นพระทำอย่างไรก็ทิ้งเค้าหน้าตัวเองไม่ได้ เพราะว่าที่สวยที่สุดก็คือตัวเอง เป็นความหลงตัวเองอย่างหนึ่ง เพราะฉะนั้น..ทำออกมาหน้าตาก็จะเหมือนคนทำนั่นแหละ คือที่สวยและเป็นที่พอใจที่สุดก็จะเหมือนกับหน้าเขา

มีหลายท่านอย่างช่างประเสริฐ แก้วมณี ที่วัดท่าซุง ใหม่ ๆ ปั้นรูปพระไว้ที่ศาลาหลวงพ่อ ๔ พระองค์ นั่นแหละ..หน้าตัวเองเลย จนตอนหลังหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า ให้จุดธูปนึกถึงพระ ขอให้พระท่านช่วย ถึงได้เปลี่ยนฝีมือตัวเองได้ ไม่อย่างนั้นออกมากี่องค์หน้าตาเหมือนตัวเองหมด

แล้วก็ท่านอาจารย์สุชาติ..ท่านใช้คำว่า ‘ฝืนมือ’ ตัวเองได้ โดยทั่ว ๆ ไปเขาฝืนกันไม่ได้หรอก”

นายกระรอก 10-12-2018 19:57

พระอาจารย์กล่าวถึงผู้พิการทางสายตาที่มาทำบุญว่า “นี่คือตัวอย่างของความสามัคคีที่ว่า รวมกันเราอยู่ ถ้าแยกหมู่ก็ไปไม่เป็น ..(หัวเราะ).. ต้องค่อย ๆ เคาะไป

ต้องบอกด้วยความชื่นชมว่า พวกเราที่อาการครบ ๓๒ บางทีกำลังใจในการสู้ชีวิตไม่ได้ครึ่งหนึ่งของเขา ฉะนั้น..ดูตัวอย่าง ถ้ารู้สึกว่าตัวเองลำบาก รู้สึกว่าตัวเองทุกข์ ให้นึกถึงคนที่ลำบากกว่า ทุกข์กว่า ถึงเวลาจะได้รู้ว่าทุกข์ของเรานั้นแค่นิดเดียว”

นายกระรอก 10-12-2018 19:58

“แบบที่อาตมาเตือนพระที่วัดท่าขนุนบ่อย ๆ ว่าอย่าเลือกกิน มีอะไรฉันไปแค่นั้น ถ้าหากว่าเลือกกินคุณลองไปค้นคำว่า ‘เอธิโอเปีย’ ดูสิ..หาข้อมูลดูบ้าง ที่นั่นเขาประเภทอดตาย..อดตายแบบไหน ? อดตายแบบที่นกแร้งมายืนรอ บางทีเขาบอกว่าเป็นเปรตเดินดิน อดจนมีแต่หนังหุ้มกระดูก เหลือพุงป่อง ๆ นิดเดียวเพราะว่าข้างในเป็นอวัยวะภายใน

และเป็นเรื่องอัศจรรย์มาก เพราะว่าลูกมากกันทุกครอบครัว ทั้ง ๆ ที่ถึงขนาดอดตาย นี่เป็นธรรมชาติ ถามว่าเป็นธรรมชาติตรงไหน ? ยิ่งลำบากเท่าไรพลังชีวิตก็ยิ่งเข้มแข็งเท่านั้น ในเมื่อพลังชีวิตเข้มแข็ง มีเพศสัมพันธ์เมื่อไรก็ติดลูกเมื่อนั้น ดังนั้น..บางคนจะสงสัยว่าทำไมคนรวยไม่ค่อยมีลูก ส่วนคนจนมีหัวปีท้ายปี ก็เพราะความลำบากนี้แหละ เพราะฉะนั้น..พวกเราถ้าไม่อยากมีลูกต้องทำตัวให้รวยเข้าไว้ พอสบายแล้วพลังชีวิตจะลดน้อยลง คราวนี้ก็ไม่ค่อยจะเหลืออะไร

แบบเดียวกับเราเอาหินหรือไม้หนัก ๆ ไปทับหญ้าไว้ ผ่านไปสัก ๑๐ วัน ครึ่งเดือน เปิดขึ้นมาซีดขาวไปเลย ถ้าทับต่อไปก็อาจจะถึงตาย ลองเปิดทิ้งไว้สิ..ครึ่งวันเท่านั้นแหละเขียวเชียว แถมยังงอกงามกว่าเดิมอีก ก็เป็นลักษณะเดียวกับกิเลสของเรา นักปฏิบัติที่ยังตัดกิเลสไม่ได้ ได้แต่กดกิเลสไว้ด้วยอำนาจของฌานสมาบัติ พอถึงเวลาฌานหลุด สมาธิตก จิตตก ก็เรียบร้อย..โดนกิเลสตีหงายท้องทุกราย เพราะว่ากิเลสงอกงามกว่าปกติ เนื่องจากว่าเก็บกดมานาน”

นายกระรอก 11-12-2018 19:35

พระอาจารย์กล่าวว่า คุณวิฑูรย์ วันทนาศิริ ถวายเหรียญจิ๊กโก๋มา เคยได้ยินกันไหม ? เหรียญหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม เป็นเหรียญกลม ๆ

สมัยก่อนพวกจิ๊กโก๋แถว ๆ รอบองค์พระปฐมเจดีย์ ถึงเวลาต้องหาเชือกมาแขวนเหรียญนี้ติดคอ ต้องรั้งชนิดเหรียญลอยไปติดลูกกระเดือก เขาเลยเรียกว่าเหรียญจิ๊กโก๋ เป็นเหรียญที่มีประสบการณ์มากที่สุดของหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม เพราะว่าที่เอาไปแขวนส่วนใหญ่ก็คือพวกจิ๊กโก๋ข้างถนน มีเรื่องมีราวตีรันฟันแทงกัน แล้วก็มีประสบการณ์ว่าเหนียวสะเด็ด..!”

นายกระรอก 11-12-2018 19:38

พระอาจารย์กล่าวถึงการอุทิศส่วนกุศลว่า “ความจริงในโลกอีกโลกหนึ่งเราแค่นึกถึงก็ใช้ได้แล้ว นึกถึงว่าเป็นเจ้าของชื่อนั้น นึกถึงว่าเป็นเจ้าของเสียงนั้น นึกถึงว่าเป็นเจ้าของกลิ่นนั้น นึกถึงว่าเป็นเจ้าของภาพนั้น เขาสามารถรับได้ แสดงว่าไปรษณีย์ที่นั่นเก่งกว่า

แต่ปัจจุบันนี้ไปรษณีย์ไทยสุดยอดมาก สมัยก่อนอาตมาได้รับจดหมายฉบับหนึ่ง ๖ เดือนกับ ๓ วัน จดหมายไปติดอยู่ตรงมุมตู้ไปรษณีย์ไม่หล่นลงไปสักที ๖ เดือนเศษ กว่าจะส่งมาถึง แต่สมัยนี้ EMS ส่งวันนี้ถึงพรุ่งนี้ทุกครั้งเลย ถ้าในกรุงเทพฯ อาจจะมีส่งวันนี้ถึงวันนี้ด้วย

ปัจจุบันนี้อาตมาจ่ายค่าอินเทอร์เน็ตก็จ่ายที่ไปรษณีย์ ไม่ต้องวิ่งมาถึงบริษัทที่กรุงเทพฯ”

นายกระรอก 11-12-2018 19:39

พระอาจารย์กล่าวถึงแผ่นยันต์เกราะเพชรว่า “อาตมามีแผ่นพิเศษอยู่แผ่นหนึ่ง..หนาปึ้กเลย คาดว่าเป็นแผ่นแรก ๆ ที่เขาปั๊ม แล้วคราวนี้พอปั๊มขาดยาก เขาก็เลยลดวัสดุให้บางลง แบบนี้ต้องลดค่าแรงให้ตูด้วย..!”

นายกระรอก 11-12-2018 19:41

พระอาจารย์กล่าวว่า น้องปอล (ณัฐิกา ไชเทพ) เขาทำบุญอุทิศส่วนกุศลถวายเทพกวนอู ตอนนี้ไม่ใช่เทพ..ท่านเป็นพรหมไปแล้ว ตอนแรกอยู่ชั้นจาตุมหาราช พอหมดอายุจากจาตุมหาราชก็ขึ้นไปเป็นพรหมแล้ว

ไม่น่าเชื่อนะ..นักรบสามารถไปขนาดนั้นได้ แต่จะว่าไปแล้วท่านอื่นไปไกลกว่านั้นอีก อย่างสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชไปพระนิพพานเลย หมดเรื่องไป ..(หัวเราะ)..

ส่วนใหญ่นักรบต้องสมาธิดี กำลังใจสูง ถ้าสมาธิตกเมื่อไรมีสิทธิ์ตายด้วยอาวุธเมื่อนั้น พูดง่าย ๆ ก็คือถ้าปะทะซึ่งหน้ากับข้าศึกก็ต้องจ้องกันตาเขม็ง สมาธิไม่ดีจะทำไม่ได้”

นายกระรอก 11-12-2018 19:43

“มีหนังอยู่เรื่องหนึ่งคือ “ฟงอวิ๋น ขี่พายุทะลุฟ้า” เขากล่าวถึงอาวุธชิ้นหนึ่งคือง้าวมังกรเขียวจันทร์เสี้ยวของท่านกวนอู ท่านฝึกยอดวิชาสำเร็จก็เลยยอมตาย เพราะว่าวิชานี้โหดร้ายเกินไป ฆ่าคนทีเป็นกองทัพเลย จนกระทั่งท้ายสุด..พระเอกไปค้นพบอาวุธของกวนอูแล้วถึงได้เข้าใจ ขบวนท่านี้เขาบอกว่าต้องใช้ความเร็วเท่าแสงสร้างช่องว่างในอากาศให้เกิดขึ้น เมื่อสร้างช่องว่างในอากาศเกิดขึ้นก็เลยทำให้ดูดทั้งคนทั้งม้าหายเข้าไปเลย กลายเป็นอีกมิติหนึ่งเลย ท้ายสุดตัวท่านเองเห็นว่าวิชานี้โหดร้ายเกินไปจึงยอมตายเองดีกว่า”

นายกระรอก 11-12-2018 19:46

พระอาจารย์กล่าวว่า “งานเสกเหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ความจริงอาจารย์หนุ่มท่านก็อยากจะให้ไปถ่ายรูปทำประชาสัมพันธ์ คุณวิทย์ วัดอรุณฯ ก็จะให้ไปถ่ายรูปทำประชาสัมพันธ์ แต่ญาติโยมลองนึกดูว่าแถววัดอรุณฯ รถติดขนาดไหน ? พอเห็นบ่ายสามโมงครึ่ง อาตมาก็เปิดแน่บแล้ว ตูไม่อยู่ด้วยหรอก”

นายกระรอก 11-12-2018 19:52

มีผู้เอาล็อกเก็ตหลวงปู่ทอง วัดพระธาตุศรีจอมทองมาถวาย พระอาจารย์กล่าวว่า “งวดก่อนไปถึงวัดไม่เจอท่าน ปกติเวลาหลวงปู่ทองอยู่วัด ต่อให้อายุ ๙๐ กว่า ท่านก็นั่งรับญาติโยมเป็นปกติ หลวงปู่เรี่ยวแรงดีเหลือเกิน

อาตมาบอกโยมให้เข้าไป แต่ว่าตัวเองอยู่บนรถ โยมถามว่าทำไม ? อาตมาบอกว่า “เดี๋ยวหลวงปู่เห็น จะไม่ยอมให้กลับ” ท้ายสุดโยมลงไป พอท่านเห็นแล้วก็ถามถึงจริง ๆ เกือบไปแล้ว... ต้องบอกว่าคนเหนือใจดี โดยเฉพาะพระสุปฏิปันโนอย่างหลวงปู่ทองยิ่งใจดีเข้าไปใหญ่ แต่คราวนี้ท่านอยากได้คนคุยธรรมะ เจอหน้าท่านไม่ค่อยปล่อยให้กลับ อาตมาก็เลยต้องหลบอยู่บนรถ ..(หัวเราะ)..”

นายกระรอก 12-12-2018 19:35

พระอาจารย์กล่าวกับโยมคนหนึ่งว่า “ไป..ตั้งหน้าทำต่อ ระมัดระวังเก็บให้ดี เผลอเดี๋ยวก็รั่วอีก... คุยอะไรกันก็ไม่รู้นะ คนอื่นเขาฟังไม่รู้เรื่องเพราะว่ายังทำไม่ถึง ..(หัวเราะ)..

เวลาอาตมาเจอญาติโยมที่ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติจริง ๆ ทำแล้วเกิดผลจริง ๆ จะรู้สึกปลื้มใจว่าไม่เสียทีที่เหนื่อยยาก มานั่งจ้ำจี้จ้ำไชกันอยู่ทุกวัน”

นายกระรอก 12-12-2018 19:41

พระอาจารย์กล่าวว่า “พระผงสิบทัศน์ หลวงพ่อเวก วัดศาลาหมูสี พวกเราไม่ค่อยรู้จักกัน ท่านอยู่ที่เพชรบุรี เป็นลูกศิษย์รุ่นแรก ๆ ของหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม หลวงพ่อเงินสร้างพระส่วนใหญ่ออกไปทางอยู่ยงคงกระพัน แต่หลวงพ่อเวกท่านแปลกมาก พระของท่านถ้าหากว่าใครเอาไปทำมาหากินนี่เจริญทุกคน จนเขาเรียกว่า 'พระตั้งตัว' ทุกวันนี้พระหลวงพ่อเวกจะราคาสูงเพราะว่าคนมีจะหวงมาก ไม่ค่อยยอมให้ใคร อาตมาเองตามมาทั้งชีวิตก็ได้แค่ ๒-๓ องค์เท่านั้น ต่อให้แตก ๆ หัก ๆ อย่างไร เหลือแค่ชิ้นเดียวก็ใช้ได้ น่าเสียดายที่พวกเราไม่ค่อยรู้จักกัน

อาตมาก็แปลกใจว่าท่านศึกษาหลายครูบาอาจารย์ หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม ถือเป็นครูบาอาจารย์หลัก ท่านคงจะเอาวิชาที่ศึกษาได้มาประยุกต์รวมกัน ท่านสร้างพระแบบหลวงพ่อเงินที่เป็นครูบาอาจารย์หลักของท่าน แต่ว่าวิธีการทำผง ท่านทำตามแบบของท่านเอง ก็เลยออกมาในลักษณะนั้น โดยเฉพาะว่าพระของท่านปลอมไม่ได้ เพราะว่าท่านลงลายมือจารทุกองค์ ลายมือไม่เหมือนปลอมไม่ได้ ท่านจารคมแต่บาง

บรรดาเมืองเก่า ๆ อย่างเพชรบุรี นครปฐม อยุธยา อ่างทอง ครูบาอาจารย์รุ่นเก่ามีเยอะมาก เพราะว่าเมืองเหล่านี้ส่วนใหญ่แล้ว ถ้าไม่ใช่เมืองหลวงก็เป็นเมืองหน้าด่าน ในเมื่อเป็นเมืองหน้าด่าน ก็แปลว่าต้องยุ่งกับการรบทัพจับศึกอยู่ตลอดเวลา พระเจ้าถ้าไม่เก่งจริงก็อยู่ไม่ได้ เราจะเห็นว่าอยุธยาก็ดี นครปฐมก็ดี เพชรบุรีก็ดี หรือว่าอ่างทอง วิเศษไชยชาญ ครูบาอาจารย์เก่ง ๆ เพียบเลย”

นายกระรอก 12-12-2018 19:44

ถาม : ต้องบูชาด้วยคาถาบทไหนครับ ?
ตอบ : ใช้อิติปิ โส ฯ ๓ ห้องก็ได้ ของเราไม่ต้องตั้งตัวแล้ว ตั้งได้นานแล้วนี่ ..(หัวเราะ).. พกไปเลย ถ้าไม่เกรงใจก็เลี่ยมทองถวายท่านไปเลย..!

บางคนเขาแปลกใจ ขอให้รู้ว่าถ้าหากว่าของที่อาตมาลงกระทู้ราคาแพงต้องดีแน่ ..(หัวเราะ).. เพียงแต่ว่าถ้าไม่เข้าใจว่าดีด้านไหนให้มาถาม

แบบเดียวกับของหลวงพ่อวงษ์ วัดทุ่งผักกูด จังหวัดนครปฐม ของพวกเราแม้แต่ชื่อท่านยังไม่เคยได้ยินเลย สมัยก่อนที่ทดสอบอภิญญากัน ท่านเป็นสุดยอดฝีมือไม่แพ้ใคร แต่เก็บตัวไม่ค่อยยุ่งกับชาวบ้าน

นายกระรอก 12-12-2018 19:50

พระอาจารย์กล่าวกับโยมที่มารับวัตถุมงคลว่า “เกือบจะหยิบให้โยมผิด โยมชื่อกษม มีอีกคนชื่อกษมา ..(หัวเราะ).. เพียงแต่ดูว่าของเขาเป็นตะกรุดหนังหน้าผากเสือ

กษมหรือกษมา ก็มาจาก "เกษม" ความรื่นเริงบันเทิงใจเนื่องจากปราศจากกิเลสร้อยรัด โอ้โฮ..ไปไกลมากเลย บาลีท่านใช้คำว่า "เกษมจากโยคะ" ก็คือปราศจากความร้อยรัดทั้งปวง ส่วนใหญ่ใช้แทนความสุขในพระนิพพาน”

นายกระรอก 12-12-2018 19:53

มีโยมถวายสบู่ พระอาจารย์จึงกล่าวว่า “ฟอกหมดนี่หลวงพ่อจะผอมกว่านี้เยอะเลยนะ ซื้อมาถวายทีขนาดนี้ ..(หัวเราะ)..

ที่วัดพอถึงเวลาเขาบอกว่า “หลวงพ่อ..วันนี้ "เซเว่น" เปิด” ให้รู้ไว้ก็คือเอาเครื่องสังฆทานมาแยกประเภท แล้วแจกจ่ายให้พระภิกษุสามเณร พอพระภิกษุสามเณรได้ครบแล้ว ที่เหลือก็เป็นของแม่ชี เพราะฉะนั้น..ถ้าเขาบอกว่า "เซเว่น" เปิดก็แปลว่าวันนี้แจกของ

แม้แต่การแจกของก็มีให้ด่า เพราะว่าพระบางรูปเห็นของที่ตัวเองใช้ประจำ ก็หยิบไปเลยครึ่งโหล อาตมาถามว่า
ครึ่งโหลเดือนหนึ่งคุณใช้หมดไหม ?” อย่าไปคิดว่าเป็นของที่เราชอบแล้วเก็บไว้คนเดียว นั่นแสดงออกซึ่งความเห็นแก่ตัว เป็นสักกายทิฐิเต็ม ๆ เดือนหนึ่งถ้าหากว่าเราใช้ก้อนหนึ่งก็เอาสบู่ไว้แค่ก้อนหนึ่ง ใช้ยาสีฟันหลอดหนึ่งก็เอาไปหลอดหนึ่ง เพราะว่าคนที่เขาใช้ยี่ห้อเดียวกันก็อาจจะมี และขณะเดียวกันแม่ชีเขาก็รออยู่ คุณเล่นไปคนละครึ่งโหลแล้วจะเหลือถึงใคร ?

ดังนั้น...ที่เขาบอกว่าพระอาจารย์เล็กอบรมพระเก่งนั้นไม่ได้เก่งหรอก เพียงแต่อาตมาด่าเก่ง ด่าได้ทุกเรื่อง..!”

นายกระรอก 13-12-2018 19:34

พระอาจารย์กล่าวว่า “มีใครเอาแป้งไปสาดท่อนตะเคียนบ้างหรือยัง ? เห็นเขาบอกว่าตานั่นเอาแป้งไปสาดได้มา ๑๘ งวด เชื่อเถอะ..งวดที่ ๑๙ เจ๊งแน่นอน..! อะไรที่ดังขึ้นมาไม่เคยรอด เพราะว่าบุญคนไม่เท่ากัน ในเมื่อบุญคนไม่เท่ากัน ถึงเวลาถ้าบุญของคนอื่นไม่มี ไปซื้อหวยพร้อมกัน ตัวเลขก็จะเคลื่อน”

นายกระรอก 13-12-2018 19:37

พระอาจารย์กล่าวว่า “อาตมาถือคติว่า ‘เมียเขาสวยทุกคน’ เพราะฉะนั้น..ต้องระวังสุดขีด ..(หัวเราะ).. ไม่ระวังเมื่อไรเดี๋ยวความยินดีความพอใจเกิดขึ้น กิเลสท่วมตายเลย เพราะว่าตัวกิเลสใหญ่คืออวิชชา ประกอบไปด้วย ฉันทะ ความยินดีความพอใจ และ ราคะ ความอยากมีอยากได้”

นายกระรอก 13-12-2018 19:41

พระอาจารย์กล่าวกับโยมที่มีลูกว่า “พาเขาไปเที่ยวไหนก็ได้ แต่บอกให้แวะมาที่นี่ก่อน จะได้เคยชินเอาไว้ เรื่องพวกนี้ต้องค่อย ๆ สร้างให้เด็กเขา ก็คืออย่าลืมว่าตั้งแต่เกิดมานี้เราเกิดมาพร้อมกับกิเลส ถ้าไม่พยายามขัด ไม่พยายามเกลา กิเลสจะท่วมตาย

ธรรมะของพระพุทธเจ้าเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “สัลเลขธรรม” ธรรมอันเป็นเครื่องขัดเกลา ก็คือเกลากิเลส ถึงเวลาเด็ก ๆ ไม่ยอมมา เบื่อวัด ไม่เป็นไร..บอกว่าจะพาไปเที่ยว แต่ให้แวะวัดก่อน ถ้าไม่มาก็ปะป๊าไม่ไป เอ็งก็อดเที่ยวนะ ต้องไปด้วยกัน ..(หัวเราะ).. เดี๋ยวเคยชินเขาก็ไปเอง”

นายกระรอก 13-12-2018 19:46

พระอาจารย์กล่าวว่า “อยากให้ญาติโยมสังเกตเด็กคนหนึ่งคือน้องมิลค์ วรรรญา ที่ไปแข่งบังคับโดรนแล้วได้แชมป์โลกกลับมา โยมจะเห็นว่าน้องมิลค์เขาหน้าตายสนิท... ไม่ยินดีไม่ยินร้ายกับใครเลย นั่นคืออาการของคนที่ทรงฌานอยู่ เพราะฉะนั้น..ไม่ต้องแปลกใจหรอกว่าทำไมเขาได้แชมป์โลก ก็เพราะว่าสมาธิเหนือกว่าคนอื่นเขา

ตามที่เด็กเขาบอกว่า บางทีคู่ต่อสู้เห็นหน้าเขาก็มืออ่อนตีนอ่อนแล้ว ก็คือกำลังใจข่มกันอยู่เลย เพราะฉะนั้น..ถ้าหากว่าใครสามารถทำอย่างนั้นได้ แล้วเราจะรู้ว่าชีวิตจะง่ายขึ้นอีกเยอะ ความที่เขาตั้งใจแน่วแน่อยู่กับการบังคับโดรน สมาธิเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว และเป็นสมาธิระดับสูงด้วย น่าจะมีของเก่ามามากถึงสามารถแปลงเป็นสมาธิใช้งานได้ ไม่อย่างนั้นถ้าทั่ว ๆ ไป ทรงสมาธิระดับนั้นจะนิ่งไปเฉย ๆ ทำอะไรไม่ได้เลย

ไม่ต้องไปหัดบังคับโดรนกันนะ นั่งภาวนาของเราไป ไปบังคับก็ไม่ได้อย่างเขาหรอก ของพวกนั้นภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า ‘Born to be’ เกิดมาเป็นอย่างนั้น ของเก่าเขามีเป็นปุพเพกตปุญญตา ก็คือสร้างสมมาแต่ปางก่อน มาถึงชาตินี้จับอะไรขึ้นมาเป็นสมาธิไปหมด ทำก็จะทำได้ดีกว่าคนอื่นเขา เพราะว่ากำลังสมาธิทรงตัว แล้วเด็กพวกนี้จะเรียนเก่งโดยอัตโนมัติ ที่เรียนเก่งโดยอัตโนมัติเพราะว่าเวลาทำอะไร สมาธิจะทรงตัวและมุ่งมั่นอยู่กับบทเรียนเลย

ต้องบอกว่าถ้าหากว่าไม่มีของเก่าอย่างของน้องมิลค์ พวกเราต้องสร้างให้ลูก วางรากฐานตั้งแต่เด็ก ๆ ให้หัดสวดมนต์หัดไหว้พระอะไรไป แบบเดียวกับที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า ก่อนนอนท่านแม่บังคับให้ต้องว่า ‘พุทโธ พุทโธ พุทโธ’ ๓ ครั้ง ถึงจะยอมให้นอนได้ เพราะฉะนั้น..ในลักษณะอย่างนี้ก็ค่อย ๆ สะสมไปวันละนิดวันละหน่อย เหมือนกับเราหยอดกระปุกวันละ ๓ บาท เดือนหนึ่งก็ ๙๐ บาท ปีหนึ่งก็ ๑,๐๘๐ บาท รวมกันหลาย ๆ สิบปีก็ได้เยอะไปเอง”

นายกระรอก 13-12-2018 19:51

ถาม : มีคนอยู่ออสเตรเลีย เขาบอกว่าโดนของ เขาถามว่าจะมีใครช่วยได้บ้าง ?
ตอบ : ถ้าออสเตรเลียก็ไม่รู้ว่าจะให้ใครช่วย ต้องมาเมืองไทย

ถาม : ผมก็เลยแนะนำให้มาหาพระอาจารย์เล็ก ?
ตอบ : ให้เขาลากลับเมืองไทยช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า จะมีเสาร์ ๕ เป่ายันต์เกราะเพชรอยู่ ให้เขามาเข้าพิธี

ถาม : เขากลัวว่าจะอยู่ไม่ถึง ?
ตอบ : ไม่เป็นไร ถ้าไม่รอดก็ตั้งใจนึกถึงพระไว้ ตายแล้วก็ไปดี

อาตมาไม่ได้มีหน้าที่แก้ไขไสยศาสตร์ให้ใคร ยกเว้นว่าท่านใดดวงดี ถึงเวลาแล้วไปวัดได้ตรงเวลา อาตมาจะเก่งเฉพาะในงานเป่ายันต์ฯ เท่านั้น เวลาอื่นทำอะไรไม่เป็น เพราะฉะนั้น...เวลาปกติไม่สามารถช่วยใครได้ ต้องไปแสวงหาคนช่วยกันเอาเอง

นายกระรอก 13-12-2018 19:53

พระอาจารย์กล่าวว่า พระอาจารย์ศิริชัย ชยธมฺโม (พระอาจารย์บ๊ะ) สร้างหลวงพ่อสำเร็จศักดิ์สิทธิ์ ท่านถวายอาตมาเป็นการเฉพาะองค์หนึ่ง ส่วนบรรดาญาติโยมกลัวว่าอาตมาจะไม่มี ก็ไปช่วยกันเช่ามา บูชามา แล้วก็เอามาถวายที่ตรงนี้ ก็ขออนุโมทนาด้วย เพราะว่าอาจารย์บ๊ะท่านจะได้เอาเงินไปสร้างศาลาให้เสร็จ”

นายกระรอก 14-12-2018 21:15

พระอาจารย์กล่าวว่า “พระที่ท่านได้ฌานสมาบัติหรือว่าได้กสิณ เคยเห็นมีแต่ทำให้อากาศหนาวอุ่นขึ้น แต่ไม่เคยเห็นท่านทำอากาศร้อนให้เย็นลง แสดงว่าร้อนไม่เป็นอะไรใช่ไหม ? อย่างดีก็ทำให้เกิดลมหวน ลักษณะเหมือนอย่างกับระบายอากาศเท่านั้น เพราะว่าบางแห่งที่ท่านอยู่เป็นถ้ำปิด แล้วถ้ำปิดอากาศไม่ค่อยจะถ่ายเท บางทีท่านก็ใช้วาโยกสิณทำให้เกิดลมหวนพัดเอาอากาศเก่าออกไป ให้อากาศใหม่เข้ามาในถ้ำ แต่ไม่เคยเห็นทำร้อนให้เย็น แต่ถ้าอากาศเย็นมากหนาวมากทำให้อุ่นขึ้นนั้นมี”

นายกระรอก 14-12-2018 21:17

พระอาจารย์กล่าวว่า “ตะกรุดหลวงปู่ชุ่ม วัดวังมุยเล่นยาก ที่เล่นยากเพราะว่าหลังจากท่านมรณภาพแล้ว พ่อหนานที่ทำตะกรุดถวายหลวงปู่ท่านยังอยู่ แล้วใครสั่งก็ทำให้ไปเรื่อย ไม่เหมือนกับพ่ออุ๊ยหนานที่ทำเต่าสำลีถวายหลวงปู่ครูบาวงศ์ พ่ออุ๊ยหนานนั้นพอสิ้นหลวงปู่ก็หยุดทำเลย ไม่ทำให้ใครอีก ดังนั้น..ของหลวงปู่ชุ่มถ้าที่มาไม่ชัดเจน และไม่สังเกตความเก่าของเชือกให้ดีเดี๋ยวเป็นเรื่อง เพราะว่าช่างฝีมือเดียวกัน”

นายกระรอก 14-12-2018 21:23

โยมใส่ผ้าถุงมาทำบุญ พระอาจารย์จึงกล่าวว่า “ดีใจมากที่นุ่งผ้าถุงมากันเยอะขึ้นเรื่อย ๆ

สมัยก่อนเขาบอกว่า "ไทยนุ่งโจง ลาวนุ่งซิ่น" สมัยนี้แสดงว่าเป็นลาวกันทั่วประเทศไทยแล้ว ..(หัวเราะ).. นุ่งซิ่นกันหมด นุ่งโจงกระเบนไม่เป็น โดยเฉพาะม้วนหางกระเบนไม่เป็น ขาจะไม่พอง จะลีบ ๆ ดูแล้วไม่สวย

โบราณเขาจะมีเข็มขัด ถ้าหากว่าผู้มีอันจะกินก็เข็มขัดนากหรือเข็มขัดทองไปเลย อย่างไม่มี ๆ ก็เข็มขัดเงิน ถึงเวลานุ่งโจงกระเบนม้วนหางกระเบนเสร็จ ก็ลอดหว่างขาไปเกี่ยวกับเข็มขัดด้านหลัง ยายก็พาหลานไปวัด ถึงเวลาเขาบอก “อีหนู..เดี๋ยวรับศีลกับยายนะลูก” อีหนูก็ไม่เคยไปเลย รับก็รับ ถึงเวลายายก้มกราบพระ หางกระเบนโดนรั้งก็หลุดออก อีหนูก็คิดว่า อ๋อ..ถ้ารับศีลต้องถอดหางกระเบนก่อน ก็ถอดบ้าง ..(หัวเราะ)..

สรุปได้ความว่า..ศีลเข้าทางข้างหลังนะ ต้องถอดหางกระเบนก่อน..! ที่เขาเรียกว่าหางกระเบนเพราะว่าเหน็บอยู่ตรงเอว ที่เขาเรียกว่า "กระเบนเหน็บ" ถ้าอยากรู้ว่าอยู่ตรงไหน ? ก็รอยต่อระหว่างกระดูกเชิงกรานกับบั้นเอวนั่นแหละ”

นายกระรอก 14-12-2018 21:25

“ไม่รู้อีกว่าเชิงกรานหน้าตาเป็นอย่างไร ? คือไอ้ที่ใช้นั่ง ..(หัวเราะ).. กระดูกที่พอกเนื้อเอาไว้สำหรับนั่ง กระดูกตรงนั้นเขาเรียกว่าเชิงกราน เหมือนกับเชิงกรานของเตาไฟที่เขาต่อออกมาเพื่อความสะดวกในการก่อไฟ ก็คือถ้าหากว่าแหย่เข้าไปใต้เตาเลย บางทีลมไม่ผ่าน ไฟไม่ค่อยติด เขาก็เลยต้องมีเชิงกรานต่อออกมา และมีการเป่าไฟ”

นายกระรอก 14-12-2018 21:27

พระอาจารย์กล่าวกับโยมคนหนึ่งว่า อยู่คนเดียวเปลี่ยวกายแสนสบายแต่ไม่สนุก อยู่สองครองทุกข์ถึงสนุกก็ไม่สบาย จะเอาอย่างใจได้อย่างไร ?

ให้เห็นว่าธรรมดาของโลกเป็นอย่างนั้น มีลาภ-เสื่อมลาภ มียศ-เสื่อมยศ มีคู่ ก็เสื่อมคู่ ..(หัวเราะ)..”

นายกระรอก 15-12-2018 19:47

พระอาจารย์กล่าวว่า “วันที่ ๗ ธันวาคม นี้ จะเอาแผ่นยันต์เกราะเพชรเนื้อทองเหลืองและทองแดงแบบแผ่นใหญ่ไปเข้าพิธีปลุกเสกที่วัดหลวงปู่หลิว เสกเองด้วย ขอแรงหลวงปู่ด้วย ..(หัวเราะ).. ต้องดูก่อนว่าเขาจัดงานที่วัดหลวงปู่หลิวหรือที่วัดสี่แยกเจริญพร แต่ว่าเวลาแน่ ๆ คือ ๔ โมงเย็นไปแล้ว ไม่ต้องรีบไป

พระอาจารย์เทพบอกว่า “ได้กฐินมา ๒๐๐ กว่าหมื่น จ่ายค่าก่อสร้างไป ๔๐๐ กว่าหมื่น แล้วผมจะเอาที่ไหนให้ ? ก็ต้องออกวัตถุมงคลอีกรุ่นหนึ่ง” คุยไปคุยมาสรุปว่า “ท่านอาจารย์มาเสกให้ผมเถอะครับ” บอกตั้งแต่แรกก็หมดเรื่อง..!

ใคร ๆ เห็นว่าพระอาจารย์เทพเป็นเด็กรุ่นใหม่ ที่ไหนได้..เด็กรุ่นใหม่เล่นใช้คำว่า ‘ร้อยหมื่น’ รุ่นเก่าโบร่ำโบราณชัด ๆ ..(หัวเราะ)..”

นายกระรอก 15-12-2018 19:50

“อยู่แถวนั้นส่วนใหญ่แล้วจะเป็นจีนแคะ หลวงปู่หลิวก็เป็นจีนแคะ คำว่า “หลิว” ภาษาจีนแคะแปลว่า "เหลือ" เพราะฉะนั้น..ชื่อของท่านคนจีนจะชอบมากเลย คือ เหลือกินเหลือใช้

อีกอย่างคือท่านสำเร็จวิชาหัวใจพญาเต่าเรือน ซึ่งต้องบอกว่าดีทั้งทางด้านลาภผลและความปลอดภัย คนก็ยิ่งขึ้นกันใหญ่ ปัจจุบันนี้ในประเทศไทย อาตมายืนยันว่าวิชานี้เพื่อนของอาตมาเจ๋งที่สุด ก็คือท่านอาจารย์สายชล วัดไร่แตงทอง ใครไปสังเกตท่านอาจารย์สายชลดู ปัจจุบันนี้บุคลิกกลายเป็นเต่าไปเรียบร้อยแล้ว..!

เรื่องพวกนี้จะต้องเรียกว่าเป็นกำลังสมาธิบวกกับจินตนาการ คราวนี้พอไปจินตนาการถึงอะไรมาก ๆ เข้า บุคลิกภาพจะเปลี่ยนไปตามนั้น ให้เราสังเกตว่าหลวงปู่ปาน วัดบางนมโคก็ดี หลวงปู่เล็ก วัดบางนมโคก็ดี หลวงพ่อวัดท่าซุงก็ดี หรือไม่ก็หลวงปู่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (นวม) วัดอนงคารามฯ ท่านทั้งหลายเหล่านี้เกาะพระเป็นปกติ จะมีบุคลิกของพระเหมือนกันหมด คือบางทีเราไม่เคยเห็นท่านมาก่อนก็คิดว่าท่านเป็นญาติกัน แต่ความจริงแล้วมาคนละทิศคนละทาง แต่ท่านนึกถึงพระบ่อย ๆ นาน ๆ เข้า บุคลิกก็เปลี่ยน ก็มีเค้าของพระติดมาด้วย

ส่วนของท่านอาจารย์สายชลตอนนี้วิชาเต่าเรือนกำลังแก่กล้า บุคลิกเป็นเต่าไปเรียบร้อยแล้ว ..(หัวเราะ)..”

นายกระรอก 15-12-2018 19:52

ถาม : ไม่มีในลักษณะของการแปลงร่างใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ไม่มี..แต่ว่าในลักษณะที่ว่าทำหัวใจพวกนี้ ก็แบบเดียวกับสมัยก่อน บางท่านที่สำเร็จวิชาหัวใจราชสีห์ ถึงเวลาบุคลิกแสดงออก ขนาดเดินผ่านแล้วหมาวิ่งหนีเลย ..(หัวเราะ)..

นายกระรอก 15-12-2018 19:56

“ถามน้องเล็กว่า “สังเกตไหม..? ท่านอาจารย์สายชลบุคลิกเปลี่ยนไปมากจากปีแรกที่รู้จักกัน ?” น้องเล็กบอกว่าใช่ ตอนนี้เหมือนเต่าจริง ๆ ..(หัวเราะ).. ดังนั้น..ถ้าหากว่าเหรียญเต่าเรือนสายนี้ไว้วางใจได้ เพราะว่าเป็นเพื่อนอาตมาจริง ๆ เรียนด้วยกันมาเป็นสิบปี ทั้งทางโลกทางธรรม

มีอยู่วันหนึ่งท่านอาจารย์สายชลเข้าสมาธิ เสร็จแล้วถอนกำลังใจออกมาพิจารณา ความรู้สึกบอกว่าตัดตรงนี้จะไปเลย แต่ถ้าไม่ตัดก็ต้องอยู่ช่วยเขาอีกหลายชาติ ท้ายสุดวิสัยเดิมที่ทำมาทำให้ตัดโยมไม่ได้ ก็เลยต้องไปต่อ น่าเสียดายนะ..แสดงว่าวิสัยพุทธภูมิเก่าท่านเข้มทีเดียว คือตัดตรงนั้นได้..จะเข้าพระนิพพานไปเลย ถ้าไม่ตัดก็ต้องอยู่ต่ออีกหลายชาติ แต่ว่าท่านไม่ตัด..ท่านอยู่ต่อ

อาตมาถึงได้บอกว่าที่ไปเรียน ๆ มาตั้งแต่ระดับประกาศนียบัตร ปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก เรื่องวิชาการไม่ได้ใส่ใจหรอก ได้เพื่อนดี ๆ แบบนี้หายาก ที่ไปเจอก็มีท่านอาจารย์สายชล พระครูไพโรจน์ฯ ถึงเวลาเรียนเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันหมด แรก ๆ ก็ปิด ๆ บัง ๆ กัน ท้ายสุดพอโดนคว้าหางได้ คราวนี้ก็ต้องยอมสารภาพ ..(หัวเราะ).. พระครูไพโรจน์ฯ บอกว่า “โห..อาจารย์เล็ก ท่านดังไม่รอใครเลย” ถามว่า “แล้วทำไมต้องรอด้วย ? บริวารผมเยอะ มัวแต่รออยู่ก็ตายกันพอดี” คนบริวารเยอะต้องเร่ง ถ้าเราเร็วเท่าไร คนอื่นเขาตามมาก็จะช้าน้อยลง มัวแต่ไม่เร่งนี่ตาย เขาตามกันไม่ทัน

ลองไปนึกถึงตอนที่อาตมายังไม่มีชื่อเสียงอะไรเลยสิ นั่นแหละ..พระครูไพโรจน์ฯ ท่านบอกล่วงหน้าตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว บอกว่าถ้าเวลาดังนี่ไม่รอใครเลย เพื่อนฝูงโดนทิ้งหมด ..(หัวเราะ)..”

นายกระรอก 15-12-2018 20:02

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : แบบเดียวกับหลวงพ่อวัดท่าซุง พอหลวงพ่อวัดท่าซุงดังขึ้นมา รอบ ๆ ข้างทั้งหลวงพ่อเชื้อ วัดใหม่บำเพ็ญบุญ หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม หลวงปู่บุดดา วัดกลางชูศรีเจริญสุข เงียบไปเลย ..(หัวเราะ).. เพราะว่าสายพุทธภูมิบริวารจะมาก ในเมื่อบริวารมาก ถึงเวลาเขาแห่กันไป บริวารช่วยกันเฮคนละที เสียงก็กลบชาวบ้านเขาหมดแล้ว

ปัจจุบันนี้เวลาที่วัดท่าขนุนจัดงาน คนสองพัน สามพัน สี่พัน เต็มที่ก็ไม่เกินห้าพัน ประมาณช่วงไหว้ครูและเป่ายันต์เกราะเพชร พระทางด้านนั้นบอกว่า “พระอาจารย์เล็กจัดงานอย่างไรคนมาเป็นพัน ? พวกผมได้สักสองสามร้อยก็ดีใจตายแล้ว” อาตมาตอบว่า “นี่คุณเห็นแค่นี้นะ สมัยหลวงพ่อผมนี่ระดับแสนเป็นปกติเลย” ของเราไม่ได้แม้แต่เศษเสี้ยวเดียวยังบอกว่าบริวารเยอะ

อาจารย์สายชลท่านถามว่า “ศาลากว้างเท่าไร ? ยาวเท่าไร ?” ท่านคำนวณเสร็จเลยว่าคนเท่าไร ..(หัวเราะ).. เก่งขนาดนั้น ก็คือแต่ละคนจะนั่งประมาณเท่าไร ? พอบอกว่าสบาย ๆ ก็ประมาณ ๖๐ x ๖๐ เซนติเมตรต่อหนึ่งคน ท่านสามารถคำนวณคนจากขนาดศาลาได้เลย..เก่งมาก

นายกระรอก 15-12-2018 20:05

“ปัจจุบันนี้ท่านจะซื้อที่ดินเพิ่มอีก ถามท่านว่า “ไหวหรืออาจารย์ ?” ท่านตอบว่า “ไหวไม่ไหวก็ต้องซื้อ เพราะว่าถ้าไม่ซื้อที่ก็แพงไปเรื่อย ๆ” แบบเดียวกับที่ข้างวัดท่าขนุน ที่ราคาประเมินไร่ละ ๒๐๐,๐๐๐ บาท เขาขายให้อาตมาไร่ละ ๑ ล้านบาท เราต้องจ่ายภาษีเองด้วย ของท่านอาจารย์สายชลโดน ๓ ล้านบาท ถามท่านว่า “จะซื้อเท่าไร ?” ท่านตอบว่า “เดี๋ยวซื้อไปเรื่อย ๓๐-๔๐ ไร่ ก็จะซื้อ” คราวนี้ต้องทำวิหารสมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรยใหญ่ที่สุดในโลก พอทำหลวงปู่หลิวใหญ่ที่สุดในโลกเสร็จ กำลังทำพระศรีอาริยเมตไตรยต่อ ดูท่าจะโดนท่านอาจารย์เทพไล่ก้นมา

ถามว่าพระศรีอาริยเมตไตรยใหญ่ขนาดไหน ? บอกไม่ถูก รู้แต่ว่าปีที่แล้ว
ตอนไปหล่อฐาน เฉพาะฐานใช้ทองเหลือง ๗๐ ตัน..! ฐานอย่างเดียว ๗๐ ตันนะ เราลองนึกถึงพระประธานในวัดท่าขนุนฐาน ๓ ตัน ใหญ่กว่านั้นตั้งเท่าไร ? ใหญ่กว่า ๒๐ กว่าเท่า”

นายกระรอก 15-12-2018 20:08

“ฉะนั้น..ถ้าหากว่าดูจากท่านอาจารย์สายชลก็ต้องบอกว่า เรื่องการปฏิบัติต้องทุ่มเทจริงจังแบบนั้น นั่นทุ่มเสียจนบุคลิกเปลี่ยนไปเลย ..(หัวเราะ).. ท่านรับญาติโยมอยู่ทุกวันแต่ไม่เคยทิ้งกรรมฐานนะ และเป็นคนที่นั่งกรรมฐานแล้วพวกหัวเราะกันบ่อย เพราะว่าบางทีท่านเหนื่อยมาก เพลียมากท่านก็นั่งหลับ แต่เป็นคนที่นั่งหลับตัวตรงแหน็วเลย เสียอย่างเดียวว่าท่านกรน คือถ้าไม่กรนจะไม่มีใครรู้ว่าท่านอาจารย์สายชลนั่งหลับ เพราะว่าโยมกวนเช้ายันค่ำจนไม่มีเวลา มานั่งกรรมฐานก็ขยันจริง แต่บางทีก็ขาดสติเผลอหลับแล้วกรน พวกเราก็แหย่อยู่เรื่อย เข้าฌานไหนเสียงดังแท้..!

ท่านเป็นพระที่ขยัน ไม่ทิ้งการปฏิบัติ เพราะรู้ว่าถ้าทิ้งแย่แน่ เนื่องจากว่าตัวเองไม่มีพื้นฐานความเป็นพระอริยเจ้ามารองรับ กิเลสพร้อมซัดอยู่ทุกตัวจึงต้องขยันรักษาอารมณ์ไว้ ส่วนใหญ่ที่อาตมารู้จักมักคุ้นกันอยู่มาสายพุทธภูมิทั้งนั้น โดยเฉพาะทางด้านครูบาภาคเหนือนี่พุทธภูมิล้วน ๆ เลย”

นายกระรอก 16-12-2018 19:44

พระอาจารย์กล่าวว่า “ตกลงว่าหนานโอจะมาไหม ? ..(หัวเราะ).. เป็นเรื่องแปลกนะ เงินเป็นล้านเขาไม่กระตือรือร้นที่จะรับเลย อะไรจะเป็นคนใจเย็นปานนั้น

คืออาตมาเป็นลูกหนี้ แต่เป็นลูกหนี้ที่ต้องคอยเร่งให้เจ้าหนี้มาเก็บเงิน ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมเจ้าหนี้ถึงใจเย็นได้ขนาดนั้น แต่ละเดือน ๆ อาตมาจะต้องโทรตามเจ้าหนี้ทีละรายว่าเท่าไร ? มาเก็บได้แล้ว เป็นลูกหนี้ที่แย่มาก..! บางทีร้านค้าวัสดุก่อสร้างก็บอกว่า “เพิ่งไม่กี่แสนเองพระอาจารย์ ขอเก็บไว้เยอะ ๆ ก่อน” ..(หัวเราะ)..”

นายกระรอก 16-12-2018 19:46

พระอาจารย์กล่าวว่า “เดี๋ยวกระทู้ต่อไปเป็นกระทู้คนมีเงินจริง ๆ จะเอาของราคาแพงโคตรมาลงเลย ประมาณว่าเหรียญเลื่อนสมณศักดิ์หลวงปู่ทิม หรือไม่ก็สมเด็จจิตรลดาพร้อมหนังสือรับรอง ..(หัวเราะ).. เอาให้ตายกันไปข้างหนึ่ง..!

สมเด็จจิตรลดาองค์ที่แล้วไม่มีหนังสือรับรอง เขาบูชาไปสามแสนบาท เขาบอกว่าหนังสือรับรองไม่ให้ก็ไม่ว่า ขอให้ได้พระก็แล้วกัน องค์นั้นพลตรีเจษฎาถวายมา ตัวเองทำงานแทบตาย ถวายพระอาจารย์มาเฉยเลย

ส่วนองค์ที่ใช้อยู่ปัจจุบันนี้ ต้องบอกว่าเจ้าของสละให้ ทำบุญให้กับภรรยาที่เสียชีวิต ตัวเองก็ออกรบจนกระทั่งพิการ ก็เลยว่าคงไม่ได้ทำหน้าที่อะไรอีกแล้ว นอกจากกินบำเหน็จบำนาญไป ก็เลยตัดใจสละมาพร้อมกับหนังสือรับรอง ส่วนใหญ่ที่ได้ ๆ มา เขาจะเก็บหนังสือรับรองไว้เป็นเกียรติประวัติของวงศ์ตระกูล”

นายกระรอก 16-12-2018 19:51

พระอาจารย์กล่าวว่า “พระพุทธเจ้าตรัสว่าความร่มเย็นในชีวิตของบุคคลประกอบไปด้วย ร่มเงาของต้นไม้ ร่มเงาของญาติพี่น้องหรือครอบครัว ร่มเงาของครูบาอาจารย์ที่ให้ความรู้นำชีวิตของเรา ร่มเงาของพระมหากษัตริย์ที่ปกเกศปกเกล้าให้เราอยู่เย็นเป็นสุข ไม่ต้องทนทุกข์โดนคนอื่นกดขี่ข่มเหง และท้ายที่สุดก็คือ ร่มเงาแห่งพระธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ท่านสรุปว่า ร่มเงาของพระธรรมร่มเย็นที่สุด

ในโคลงโลกนิติเขาว่า
เย็นเงาพฤกษ์มิ่งไม้.........สุขสบาย
เย็นญาติทุกข์สำราย........กว่าไม้
เย็นครูยิ่งจันทร์ฉาย.........กษัตริย์ยิ่ง ครูนา
เย็นร่มพระเจ้าให้............ร่มฟ้าดินบน

พระเจ้าในที่นี้คือพระพุทธเจ้า สิ่งที่ท่านให้คือพระธรรม ต้องบอกว่าเย็นของคุณพระรัตนตรัย เย็นที่สุด

นายกระรอก 16-12-2018 19:53

พระอาจารย์กล่าวว่า “ญาติโยมบางคนใช้เวลานานมากในการตามหาตัวอาตมา บางคนก็เพียรพยายามเทียวไปเทียวมาไปวัดอยู่ ๗-๘ รอบ บอกว่าไม่ได้เจอพระอาจารย์ แต่ไปเจอกันข้างนอก ต้องบอกว่ามีความอดทน จึงสามารถที่จะเจอกันได้ เพราะว่าอาตมาเป็นคนงานมาก ในเมื่องานมากถึงเวลาก็วิ่งไปงาน ไม่ห่วงโยม โยมก็ไปแล้วผิดหวังอยู่เรื่อย แต่ต้องบอกว่าใจถึงมาก ถึงผิดหวังก็ไปอีก..ไปจนเจอ”

นายกระรอก 17-12-2018 19:44

พระอาจารย์กล่าวกับโยมว่า ศิวพร จะแปลว่าอะไร ? แปลว่าพรจากพระศิวะ หรือแปลว่าประเสริฐดั่งพระศิวะ ? ถ้าพรจากพระศิวะ ท่านให้อะไรก็รีบทำ ถ้าประเสริฐอย่างพระศิวะ คงต้องรีบเป็นพระอนาคามีก่อน ..(หัวเราะ).. ไม่อย่างนั้นไม่ได้อย่างท่านหรอก”

นายกระรอก 17-12-2018 19:49

ถาม : เวลาที่มีอาการของขึ้น หัวใจจะเต้นแรง ตัวจะสั่นหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : คือถ้าหากว่าอยู่ในสภาพนั้นก็จะเหมือนกับว่าหัวใจเต้นเร็วขึ้น ทำให้ระบบโคจรของเลือดลมมากขึ้น บางทีก็มีประเภทออกอาการทางร่างกาย ก็คือกระโดดโลดเต้นไปเลยก็มี

ถาม : ถ้าเวลาพระหรือเทวดาสงเคราะห์ อาการจะเป็นอย่างไรคะ ?
ตอบ : อยู่ที่ว่าเรารับได้แค่ไหน รับได้มากก็ออกอาการมาก

ถาม : หลวงพ่อวางกำลังใจอย่างไร อย่างมีกลุ่มคนที่เล่นของมาหา ทำเป็นเฉย ๆ ได้อย่างไร ?
ตอบ : ไม่เอาอะไรทั้งนั้น เรื่องของมัน ไม่ใช่เรื่องของเรา

ถาม : โห...ไม่มีอะไร ยากนะคะ
ตอบ : ถ้าไม่มีอะไรก็ไม่รู้ว่าจะรับอะไร ก็แค่ไม่มีอะไรก็จบแล้ว

นายกระรอก 17-12-2018 19:55

พระอาจารย์กล่าวว่า “พวกเราเห็นฝรั่งที่มาเมืองไทย จะเห็นว่าเขาไม่ค่อยใช้ยานพาหนะ พอเดินได้ก็เดิน หรือไม่ก็ปั่นจักรยาน เช่ามอเตอร์ไซค์ นั่นเป็นนิสัยของคนฝรั่ง ที่เขาออกกำลังกายโดยธรรมชาติอยู่แล้ว เราจะเห็นว่าพวกฝรั่งแม้จะอายุมาก แต่ว่าสุขภาพดี มีความภูมิฐาน สง่าอยู่ในตัว ก็เกิดจากการที่เขาค่อย ๆ สะสมไปตั้งแต่เด็ก โดยเฉพาะว่าการออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ ทำให้กระดูกแข็งแรง มวลกระดูกไม่สูญหายไปง่าย ก็จะไม่หกล้มหกลุก กระดูกแตกหรือหักง่ายเหมือนอย่างคนแก่บ้านเรา

ทางด้านฝรั่งที่มาสมัยอยุธยาอย่างบาทหลวงลาลูแบร์เขาบันทึกเอาไว้ ส่งกลับไปถวายพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ บอกว่า “ชาวสยามไม่ได้กินนมกินเนยเหมือนกับบ้านเรา แต่ร่างกายแข็งแรงมาก ทั้ง ๆ ที่ตัวเล็ก ๆ ผิวดำ ๆ” ถ้าเราพิจารณาดูจะเห็นว่า บรรพบุรุษของเราส่วนใหญ่ก็คือทำไร่ทำนา จะมีพวกที่อาศัยอยู่ใกล้ป่าใกล้เขา ก็มีอาชีพเสริมในลักษณะของการล่าสัตว์ ถ้าหากว่าอยู่ใกล้น้ำก็มีอาชีพประมง แต่ว่าเป็นอาชีพเสริมเท่านั้น อาชีพหลัก ๆ จริง ๆ แล้วไม่ทำไร่ก็ทำนา เพราะฉะนั้น..ก็ต้องออกกำลังกันตั้งแต่วัยรุ่นถึงหนุ่มยันแก่ จึงมีความแข็งแรงเป็นปกติ”


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 12:06


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว