กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกบ้านเติมบุญ เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๓ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=7008)

เถรี 10-05-2020 16:14

"หลังฉันเพลแล้วอาตมาออกไปตรวจเยี่ยมโครงการข้าวกล่อง ๑๐ บาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนด้านค่าครองชีพของชาวบ้าน ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-๑๙

เมื่อกลับมาก็มัวแต่คัดเลือกข้าวสารอาหารแห้ง น้ำมัน น้ำตาล เครื่องประกอบอาหารต่าง ๆ จนขนขึ้นรถตำรวจไปเรียบร้อยแล้ว จึงได้กลับมาดูบรรดาวัตถุมงคลที่แช่น้ำมันชาตรีเอาไว้

ตอนแรกคิดว่ามีเศษขยะติดอยู่ข้างถ้วยน้ำมัน มองดูดี ๆ อ้าว.. กลายเป็นจิ้งจกจิ๋ว ของหลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง ที่ตะกายขึ้นไปเกาะข้างฝาตามสัญชาตญาณของตน..!

น้องเล็กที่ได้ยินเสียงอุทานดัง "อ้าว" รีบคว้ากล้องมาถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน "ถ้าหนูเขี่ยกลับลงไปใหม่ เขาจะตะกายขึ้นมาให้เห็นต่อหน้าไหมคะ ?"

กูไม่รู้ ? กูโง่..! อาตมารีบเผ่นออกไปห่าง ๆ จะทำอะไรก็ไปคุยกันเอง อย่าให้อาตมาต้องเดือดร้อนไปด้วย..!"

เถรี 10-05-2020 16:19

2 Attachment(s)

เถรี 11-05-2020 19:35

2 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1589200304

ถือฤกษ์วันพืชมงคล อัญเชิญ "ดรีมทีมสาลิกา" ลงประจำตลับสีผึ้ง มีเพิ่มลูกอมแร่บางไผ่มา อีก ๑ รายการ

http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1589200304

มีคนไม่เชื่อว่าลงหมด...! ยังเหลือพื้นที่เสียด้วยซ้ำไป

เถรี 11-05-2020 19:37

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1589200612

ย้ายไปใส่พาน พ่อก็คลานไปเกาะข้างฝา...!

เถรี 11-05-2020 19:48

ถาม : การที่บุคคลคนหนึ่งจะเกิดขึ้นมาแล้วเพียบพร้อมบริบูรณ์ไปด้วยทรัพย์สมบัติมหาศาลมาตั้งแต่เกิด เรียกได้ว่าตลอดทั้งชาติที่เกิดมานี้ไม่มีแม้ชั่วขณะใดของชีวิตที่จะบกพร่องในทรัพย์สินเลย “ร่ำรวยมหาศาลตั้งแต่เกิดจนตาย” บุคคลประเภทนี้ต้องสร้างบุญมาแบบไหนและวางกำลังใจอย่างไรในขณะทำบุญ

ตอบ : เอาท่านเมณฑกเศรษฐีเป็นตัวอย่างก็แล้วกัน ชาติก่อนท่านสองคนผัวเมียมีอาชีพรับจ้าง ทำงานเช้าเพื่อให้มีเงินซื้ออาหารกินตอนค่ำ เมื่อทราบว่าทางวัดกำลังสร้างวัจจกุฎี (ส้วม) ถวายพระ ทั้งสองท่านยอมอด เอาเงินที่ได้ของวันนั้นไปซื้อแผ่นทองเท่าปีกริ้น ไปปิดวัจจกุฎีถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา

เกิดมาชาตินี้แค่เข้าท้องแม่ หน่อไม้รอบบ้านก็งอกเป็นทองคำ มีภูเขาทองเกิดขึ้นในบ้าน มีแพะทองคำตัวเท่าช้างสารปราฏล้อมบ้านไว้ ต้องการของสิ่งใดก็ไปชักสายยนต์ที่ปากแพะ สิ่งของนั้น ๆ ก็จะไหลออกมาเอง ท่านมีเงินทองมากนับไม่ได้ ต้องตวงใส่เกวียนแล้วค่อยนับเป็นเล่มเกวียน

หลานสาวคือนางวิสาขาแต่งงาน ท่านให้สินเดิมติดตัวหลานไป เป็นเงิน ๕๐๐ เล่มเกวียน ทองคำ ๕๐๐ เล่มเกวียน ไม่ต้องพูดถึงข้าวของเครื่องใช้และผู้คนที่ยกให้ไปใช้สอย แค่ฝูงวัวที่ให้ไป นางวิสาขาก็แจกคนได้ทั้งเมืองสาเกตแล้ว

ลองพิจารณาทบทวนดูว่าท่านวางกำลังใจในการทำบุญอย่างไร ?

เถรี 11-05-2020 19:51

ถาม : บุคคลบางคนเกิดมาเพียบพร้อมไปด้วยมนุษย์สมบัติในทุก ๆ ด้านบริบูรณ์ไปด้วยทรัพย์สมบัติ รูปสมบัติ สติปัญญา บริวารมากมาย ชาติตระกูลสูงส่ง แต่ก็ “ชั่วร้ายเลวทราม” เบียดเบียน เอารัดเอาเปรียบ ทำร้ายและเข่นฆ่าชีวิตผู้อื่นเป็นอาจิณมาโดยตลอดชีวิตของบุคคลผู้นั้น (อดีตถึงปัจจุบันมีบุคคลประเภทนี้ให้เห็นอยู่มาก)

ที่สงสัยคือ...บุคคลใดจะเกิดมาบริบูรณ์ไปด้วยมนุษย์สมบัติได้ย่อมต้องเคยสร้างบุญมาในกาลก่อน ยิ่งเกิดมาเพียบพร้อมมาก ย่อมต้องเคยสร้างบุญมามาก แล้วเหตุใดผู้ที่สร้างบุญมามากเช่นนี้ในด้านสภาพจิตใจกลับเลวทรามต่ำช้า ไม่มีศีลมีธรรมอยู่เลยแม้แต่น้อย ?

หรือว่าการสร้างทานบารมีอันเป็นเหตุแห่งความบริบูรณ์ในมนุษย์สมบัติเป็นคนละเรื่องกับการพัฒนาในด้านของจิต ? กล่าวคือคนชั่วที่ไม่เคยฝึกจิตให้อยู่ในศีลธรรม ไม่เคยรักษาศีล ไม่มีความละอายชั่วกลัวบาป ทำชั่วได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตนต้องการ หากแต่คนคนนั้นรู้จักหมั่นให้ทานอันมีอานิสงส์ใหญ่ในเขตพระพุทธศาสนา เช่น สังฆทาน วิหารทาน ธรรมทาน สร้างพระ เจ้าภาพบวชพระ ฯลฯ เป็นต้น ก่อนตายจิตมั่นคงในบุญคือทานบารมีที่ทำ ผลแห่งทานก็ส่งผลให้เกิดมาใหม่บริบูรณ์ไปด้วยมนุษย์สมบัติตามเหตุแห่งบุญที่เคยสร้างมา แต่ด้วยความที่ไม่เคยสนใจที่จะพัฒนาในด้านจิตใจของตนเลยจากที่ชาติก่อนเลวยังไงเกิดมาใหม่จิตใจก็เลวดังเดิม กลายเป็น “คนชั่วแต่ชีวิตดีและสุขสบาย”

ในขณะที่บางคนมีศีล ๕ และกรรมบท ๑๐ ครบถ้วน ไม่ได้เบียดเบียนใครเลย ประกอบสัมมาอาชีพ มีใจทรงพรหมวิหาร ๔ เป็นปกติ แต่กลับมีความอัตคัดในชีวิตความเป็นอยู่ ยากจน ขาดแคลนในมนุษย์สมบัติทุกอย่าง ถ้าเป็นไปตามเหตุแห่งบุญกรรมแสดงว่าคนประเภทนี้มุ่งเน้นแต่ในด้านรักษาศีล ฝึกจิตให้ทรงไว้ซึ่งคุณความดี ปฏิบัติภาวนา แต่...ไม่ได้สร้างทานบารมีมาในกาลก่อน เมื่อเกิดใหม่เลยมีสภาพจิตที่ดีแต่ไม่มีความสมบูรณ์ในมนุษย์สมบัติ กลายเป็น “คนดีแต่มีชีวิตที่ลำบาก”

ความเข้าใจเช่นนี้ถูกต้องหรือไม่ หากไม่ถูกแล้วสิ่งที่ถูกต้องแท้จริงเป็นอย่างไร ?

ตอบ : ในเทวภูมิยังมีมารและอสูร นับประสาอะไรกับมนุสสภูมิ บุคคลที่มีโอกาสทำทาน ไม่ใช่ว่าจะต้องมีจิตใจดี พร้อมในการสละออกทั้งหมด มีทั้งทำทานเอาหน้า ทำทานแบบตกกระไดพลอยโจน ทำทานเพราะถูกพ่อแม่บังคับ ฯลฯ แต่บังเอิญได้เนื้อนาดี ผลรับย่อมอุดมสมบูรณ์ แต่สภาพจิตใจยังไม่ได้รับการพัฒนาตามไปด้วย เนื่องจากจิตใจนั้น ต้องขัดเกลาด้วยศีลและภาวนา ถึงจะปรากฏผลอย่างชัดเจน

เถรี 11-05-2020 19:52

ถาม : บุคคลคนหนึ่งมีความเคารพในพระรัตนตรัยแนบแน่นเต็มหัวใจอย่างไม่ลังเลสงสัย หมั่นทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาอยู่เป็นนิจ ปฏิบัติในทาน ศีล ภาวนาอยู่ทุกวัน มีความรู้ตัวอยู่เสมอว่าชีวิตนี้ไม่ยั่งยืนตลอดกาลสมัยมีเกิดและมีดับ รักษาศีล ๕ ได้บริสุทธิ์สมบูรณ์ หากแต่บุคคลนั้นยังไม่มีความปรารถนาในพระนิพพาน ยังมุ่งหวังให้ผลของทานบารมี ศีลบารมี และบุญพระกรรมฐานที่เพียรปฏิบัติส่งผลให้พบกับความสุขในมนุษย์สมบัติในทุก ๆ ชาติเพื่อรื่นรมย์กับความสุขจากบุญที่เพียรสร้าง

คุณสมบัติที่ละสังโยชน์ ๓ ได้ดั่งเช่นบุคคลดังกล่าวหากแต่ยังไม่ปรารถนาในพระนิพพาน จะยังถือว่าเป็นพระโสดาบันได้หรือไม่ ?

ตอบ : โสดาบันแปลว่าผู้เข้าถึงกระแสพระนิพพาน ถ้ายังไม่มีความปรารถนาในพระนิพพาน คุณสมบัติย่อมไม่ครบถ้วน ไม่สามารถที่จะเป็นพระโสดาบันได้

เถรี 11-05-2020 19:52

ถาม : จากที่ได้อ่านในเก็บตกฯ ท่านโดนไสยศาสตร์เล่นงาน ทำไมหุ่นพยนต์ไม่เข้าปะทะไว้ให้ครับ ?

ตอบ : เพราะว่าหุ่นพยนต์อยู่ในย่ามที่วัดท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ส่วนอาตมาอยู่ที่บ้านเติมบุญ อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี หุ่นพยนต์คงติดด่านตรวจ covid ๑๙ จึงมาช่วยไม่ทัน..!

เถรี 11-05-2020 19:55

ถาม : ข้าพเจ้ามีความตั้งใจที่จะทรงภาพพระให้สว่างไสวในดวงจิต พร้อมภาวนาพระคาถาบทหนึ่งให้ได้ในทุกขณะของวัน หากมีสิ่งให้ต้องใช้ความคิดก็หยุดใจออกมาคิด หากมีคนชวนคุยก็หยุดใจออกมาพูดคุยกับผู้นั้น เมื่อจบเรื่องแล้วค่อยกลับใจเข้ามาสู่การภาวนาและทรงภาพพระต่อ

เมื่อลองปฏิบัติแล้วพบว่าในขณะนั่งกรรมฐานอารมณ์จะชัดเจนทรงภาพพระได้แจ่มใส ภาวนาได้ทรงตัวที่สุด พอออกจากกรรมฐานมาทำกิจวัตรต่าง ๆ ภาพพระบางครั้งก็ชัด บางครั้งก็ไม่ชัด แต่โดยรวมก็ยังสามารถกำหนดภาพพระได้อยู่ ในด้านคำภาวนาก็ไม่มีปัญหาอะไร ถ้ามีคนชวนคุยหรือต้องใช้ความคิดกลางคันในขณะที่ยังไม่จบบท ก็ค่อยกลับมาเริ่มภาวนาใหม่ตั้งแต่คำแรกของบทพระคาถา

เวลาเดินภาวนาแล้วจับภาพพระด้วยอารมณ์เบา ๆ อาจมีแบ่งบางส่วนของจิตมาคิดหรือมองสิ่งรอบตัวไปด้วย ในขณะที่อีกส่วนของจิตก็ภาวนาพร้อมจับภาพพระตรงนี้รู้สึกจะใจสบายเป็นพิเศษ

แต่ที่เป็นปัญหาก็คือพอจะนอนหลับกลับไม่สามารถภาวนาให้ใจสบายแล้ว “ตัดหลับ” ไปได้อย่างที่พระอาจารย์แนะนำ จับภาพพระกำหนดลมหายใจพร้อมคำภาวนาโดยใช้อารมณ์ไม่หนักพยายามให้ใจสบายเหมือนตอนเดินหรือทำกิจวัตรต่าง ๆ ในตอนกลางวัน แต่ผลก็คือเมื่อร่างกายอยู่นิ่ง ไม่มีการเคลื่อนไหว พอภาวนาอารมณ์กลับเหมือนเวลานั่งกรรมฐานมันจะหยุดนิ่งตั้งใจกับการภาวนา ไม่รู้สึกผ่อนคลายแบบพร้อมจะตัดหลับ อารมณ์มันจะตั้งใจอยู่กับการภาวนาตลอดไม่ยอมหลับเสียที แต่พอลองคลายอารมณ์ออก เลิกภาวนาคิดเรื่องโน่นเรื่องนี้เรื่อยเปื่อยเหมือนแต่ก่อนกลับหลับ !

การปฏิบัติตลอดวันที่ผ่านมาถูกต้องหรือไม่หรือควรเพิ่มเติมปรับปรุงอย่างไร หากไม่ถูกแล้วสิ่งที่ถูกควรทำแบบไหน ? แล้วต้องวางอารมณ์ใจอย่างไรจึงจะสามารถภาวนาจน “ตัดหลับ” ไปได้ ?

ตอบ : ตั้งใจที่จะทรงภาพพระให้สว่างไสวในดวงจิต แต่อยากจะหลับ..! การภาวนาจุดมุ่งหมายก็เพื่อการตื่นรู้ คือ ให้มีสติอยู่ทุกเวลา เพื่อที่จะได้ระมัดระวังไม่ให้กิเลสกินใจเราได้ แต่เมื่อเข้าถึงได้ในระดับหนึ่ง จิตเริ่มตื่นรู้กลับอยากจะหลับ เป็นความต้องการที่ขัดแย้งกันเอง ถ้าไม่ใช่เหลวไหลไร้สาระ ก็ประเภท "หัวมังกุท้ายมังกร" ไปตัดสินใจให้เด็ดขาดก่อนว่าจะเอาอย่างไร หรือไปศึกษาให้ดีก่อนว่าภาวนาแล้วเป็นอย่างไร จะได้ไม่ถามอะไรที่เหลวไหลแบบนี้อีก..!

เถรี 12-05-2020 05:29

"ใกล้เวลาแล้วนะ"
"ในหรือต่างประเทศครับ ?"

"ทั้งในและนอก น่าเสียดายที่ข้าบอกให้รักษาที่ดินและปลูกผักปลูกหญ้าเอาไว้ ถึงเวลาจะได้ไม่เดือดร้อน กลับไม่มีใครทำกัน"
"ส่วนใหญ่เขาเห็นว่าเหนื่อยครับ สู้ขายที่ดินแล้วเอาเงินไปซื้อกินไม่ได้ สบายกว่ากันเยอะเลยครับ"

"คิดกันแบบมักง่ายทั้งนั้น ถ้ามีเงินแต่หาซื้อไม่ได้ล่ะ ?"
"ก็นั่นนะสิครับ มีแต่คนซื้อหาคนขายไม่ได้ หาข้าวปลาอาหารไม่ได้ ถึงเวลานั้นจะกลับตัวก็ไม่ทันแล้ว"

"อย่าลืมบอกให้ญาติโยมของแกแขวนพระติดตัวไว้ด้วย"
"ผมบอกพระเณรไปหลายเดือนแล้วครับ แต่ก็เหมือนกับฟังผ่านหูไปเฉย ๆ"

"ถ้าอย่างนั้นก็ต้องปล่อยวาง กรรมใครกรรมมัน"
"ผมพกสมเด็จองค์ปฐมเนื้อเขียวเหล็กไหลหน้ากากเงินเป็นปกติครับ แต่สงสัยว่าทำไมไม่สั่งให้พกสมเด็จองค์ปฐมของหลวงพ่อเอง ?"

"แกคิดว่าหาง่ายนักใช่ไหม ? เดี๋ยวนี้องค์หนึ่งราคาเป็นแสน แล้วจะมีสักกี่คนที่มีปัญญาหาได้ ก็ต้องเอาที่ราคาถูกและพอที่จะหาได้ง่ายหน่อย"
"คนเขาเกี่ยงกันว่าท่านองค์ใหญ่และหนักมาก สมเด็จองค์ปฐมพลิกชีวิตก็น่าจะใช้แทนได้นี่ครับ ?"

"แกจะเอานักเศรษฐศาสตร์ไปรบแทนนักการทหารใช่ไหม ? เรื่องของความปลอดภัยในชีวิตตัวเอง ถ้ามันยังเกี่ยงอยู่ก็ปล่อยมันไปตามเวรตามกรรม"
"อะไรเป็นตัวจุดชนวนในครั้งนี้ครับ ?"

"เศรษฐกิจตกไปทั่วโลก น้ำมันขายไม่ออก เงินดอลลาร์ลดความสำคัญลง ประเทศอื่นมีท่าว่าจะแซงหน้าไปชนิดตามไม่ทัน"
"ญาติโยมควรที่จะวางกำลังใจอย่างไรดีครับ ?

"พิจารณาให้เห็นทุกข์เห็นโทษของการเกิดมาในโลกแล้วพบกับเรื่องเช่นนี้ การมีชีวิตอยู่แบบนี้ขอเป็นชาติสุดท้าย ตายเมื่อไรขอไปพระนิพพานแห่งเดียว"
"กราบขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งครับ"

เถรี 12-05-2020 05:41

"พยัคโฆ พยัคฆา สุญญาสัพพะติฯ"

"โฮ่งงง..โฮ่งง..แฮ่..ฮื่อ..!!"


ตีสองกว่าเดินจากกุฏิเจ้าอาวาส มายังกุฏิเรือนไทยซึ่งเป็นสำนักงานเจ้าอาวาส เนื่องจากไปค้นเอาเสือหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว ซึ่งทิดเฟิร์สขอบูชาไว้ เอาติดตัวมาด้วย จึงภาวนาคาถาปลุกเสือไปในตัว


ยังไม่ทันจะเดินพ้นหน้าศาลาร้อยปีหลวงปู่สาย แก๊งค์หมาเด็กหน้ากุฏิเจ้าอาวาสที่มี ชานม ชาเย็น โอเลี้ยง ช็อกโก (ชื่อเต็มว่า ช็อกโกแลตปั่นใส่นมผสมวิปครีม) ซึ่งปกติไม่เคยเห่าเวลาอาตมาเดินมากลางดึกแบบนี้ กลับเห่ากรรโชกเสียงดังสนั่นลั่นวัด..!

เป็นการเห่าที่แปลกมาก คือเห่ากรรโชกแบบเอาเป็นเอาตาย แต่เดินถอยหลังห่างไปเรื่อย ประมาณว่า "กูสู้นะ..แต่ก็กลัวอยู่เหมือนกัน..!"

ปกติถ้าหากว่าใช้คาถาหัวใจราชสีห์ หรือว่าคาถาหัวใจเสือสมิง ตำราว่าหมาจะร้องและวิ่งหนี แต่เจ้าพวกนี้อาจจะอยู่กับเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนมา จนตบะแก่กล้ากว่าหมาที่อื่น ถึงได้แค่เห่าไปถอยหลังไป


"ทำไมหลวงพ่อถึงชอบเครื่องรางครับ ?"

"เพราะว่าสร้างยากมาก ทั้งต้องอาศัยวัสดุ ฤกษ์ยาม พิธีกรรม คาถา อุปเท่ห์ในการใช้ โดยเฉพาะว่าต้องปลุกอยู่เสมอ เท่ากับว่าบังคับให้เราต้องภาวนานั่นเอง"

"แล้วถ้าไม่เอาเครื่องราง ไม่เอาพระเครื่อง ขอแต่คำสอนที่เป็นแนวปฏิบัติแท้ ๆ ละครับ ?"

"ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทางใจทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม"

"แหะ..แหะ..ศิลาแท่งทึบล้วนปราศจากช่องว่าง เคี้ยวไม่เข้าครับ กลับไปพกพระและเครื่องรางกันเหนียวไว้ดีกว่า"

"ส้นตีนแน่ะ..! ท่าดีทีเหลวชัด ๆ"

เถรี 13-05-2020 14:46

ถาม : วันก่อนผมขอให้หลวงตาเจช่วยตัดผมให้ จะมีโทษไหมครับ ?
ตอบ : ทำไปแล้วมาถามทำ "เอี้ย" อะไรวะ ?

ถาม : ผมจะบาปมากไหมครับ ?
ตอบ : อ๋อ..จะเอาให้ได้ ว่าอย่างนั้นเถอะ..! ก็ไม่บาปอะไรมากมายหรอก แค่เกิดเป็นคนรับใช้เขา ๕๐๐ ชาติก็จบแล้ว..!

ถาม : ผมต้องกราบขอขมาพระไหมครับ ?
ตอบ : ไปเอาหัวแม่ตีนข้างซ้ายคิดเอง ในเมื่ออยากได้ความเครียดก็ช่วยแจกความเครียดให้แล้ว เรื่องอื่นไปจัดการเอาเองตามอัธยาศัย

เถรี 13-05-2020 14:48

ถาม : ปัจจุบันได้ฝึกกรรมฐานที่บ้าน โดยได้ศึกษาอาการของสมาธิตามหนังสือกรรมฐาน ๔๐ ใช้คำภาวนาว่า “พุทโธ” เมื่อมีความรู้สึกว่าคำบริกรรมหนักไป ก็เลยปลดคำบริกรรมออก และหลังตรงตั้งเอง ไม่เมื่อย เหมือนจะลอย ร่างกายเบาดี ไม่มีเหน็บชา แล้วเป็นว่าง ๆ โหวง ๆ ซึ่งตรงนี้ก็มาทราบจากหนังสือว่า คืออาการของฌาน ๒ ไปต่อเนื่อง ๓ เพราะเหตุผลว่า คำบริกรรมก็คือ ตัววิตกวิจาร และตัวพองกับความเบาสบายใจ ก็คือตัวปีติกับสุข ได้หายไปแล้ว เหลือแต่เอกัคคตารมณ์และมีอุเบกขาเข้ามาเพิ่ม แต่เป็นได้เพียงชั่วขณะไม่เกิน ๑ ลมหายใจ เพราะกลัวลมขาด พอจะนิ่งในสมาธิระดับนี้ แต่ร่างกายต้องการลมก็เลยหายใจ พอหายใจก็รู้ตัวว่าสมาธิลดลง ผมอยากทราบว่าตรงช่วงที่ลมหายในเวลาสั้น ๆ นั้นคือฌาน ๔ ใช่หรือไม่ครับ ?

ตอบ : เป็นการ "มโนฯ" เอาล้วน ๆ การภาวนานั้น ลมหายใจจะเบาลงเอง หรือว่าหายไปเอง ไม่ใช่เราไปปลดลมหายใจทิ้ง..! ในเมื่อกลัดกระดุมเม็ดแรกไม่ถูก ที่เหลือก็ย่อมผิดทั้งหมด..!

ถาม : สงสัยในอาการของฌาน ๔ ที่สงสัยเพราะว่าเมื่อมาถึงฌาน ๓ จะเข้าสู่ฌาน ๔ มันเบาอย่างที่กล่าวไปแล้วนั้น จิตมันเลยกลับไปหาคำภาวนาอีก และพอไปหาคำภาวนาก็ย้อนไปหาลมอีกและกลับไปที่ร่างกายอีก มันก็เท่ากับว่าย้อนคืนกลับมาหาฌาน ๓ หรือลงไปเรื่อย ๆ ในทางกลับกันพอฌาน ๓ เต็มที่เข้า ก็ดิ่งไปหาฌาน ๔ สลับกันไปมาอยู่อย่างนี้ ถ้าเราหาจุดให้จิตจับและสามารถทรงแต่เอกัคคตารมณ์อย่างเดียว ก็เป็นวิธีเลี่ยงไม่ให้จิตสนใจลมหายใจ ที่ทำอยู่ถูกไหมครับ ?

ตอบ : ดูคำตอบข้างบนแล้วคงจะหายสงสัย

ถาม : มีโอกาสได้ไปฝึกมโนมยิทธิ โดยเปลี่ยนไปใช้คำภาวนา "นะมะพะธะ" ที่วัดท่าซุงแบบเต็มกำลัง ซึ่งอาจารย์ผู้สอนกล่าวว่ามันคือการใช้กำลังของฌาน ๔ ผมก็สามารถฝึกตามที่อาจารย์สอนได้บ้าง จึงคิดถึงส่วนที่ยังสงสัยมาตอบคำถามตัวเองว่า อาการของฌาน ๔ ตอนใช้มโนมยิทธิ เท่ากับว่าการออกไปนี่ มันก็คืองานที่เราหาให้จิตทำ ทำให้เราไม่สนใจกับลมหายใจและเลี้ยงจิตให้อยู่ในอารมณ์ฌาน ๔ ได้ดีกว่าตอนภาวนาดูลมเฉย ๆ และได้ทดลองกลับไปทำแบบแรก ก็ยังเหมือนเดิมคือพอจิตไม่มีอะไรให้รู้หรือมีงานให้ทำ มันก็หล่นลงไปฌาน ๓ แสดงว่ามโนมยิทธิในอีกมุมมองหนึ่งก็คือการหาอะไรให้จิตทำอีกอย่างหนึ่งใช่ไหมครับ ?

ตอบ : คำว่าฝึกตามที่อาจารย์สอนได้ ไม่ได้เป็นการรับรองว่าเราจะทำถูก เพราะว่าถ้าอยู่ในลักษณะ "คนตาบอดขี่ม้าตาบอด" ก็มีหวังตกเหวตายในเวลาอันไม่นาน..!

ถาม : เทคนิคที่ผมประยุกต์จากการนำมโนมยิทธิมาใช้เพื่อให้ข้ามการกังวลกับลม คือหางานให้จิตทำ เป็นความเข้าใจ ที่ถูกต้องหรือไม่ครับ ?

ตอบ : "ถูกของคุณ" ไม่ใช่ของคนอื่น

ถาม : ถ้าผมอยากทรงอารมณ์ฌาน ๔ เฉย ๆ ให้ได้ตามที่ต้องการ เพื่อฝึกต่อไปในอรูปฌานอีก ๔ ซึ่งก็ได้ลองทำเองไปบ้างแล้ว ก็เหมือนกับการที่เราเอาจิตจับประเด็นนามธรรมต่าง ๆ อีก ๔ อย่างตามที่หนังสือสอน ก็พบว่าก็พอทำได้บ้างเล็กน้อยและไม่รู้ว่าคิดเองเออเองหรือเปล่า ก่อนจะผ่านไปแต่ละขั้นเราใช้อะไรเป็นจุดสังเกตว่าฌาน ๕,๖,๗ และ ๘ นี้เราได้แน่นอนแล้ว

ตอบ : การฝึกอรูปฌาน ต้องเริ่มจากกสิณกองใดกองหนึ่งใน ๙ กอง ยกเว้นอากาสกสิณที่คล้ายอากาสานัญจายตนฌาน จนหลายคนแยกไม่ออก ถ้าไม่มีพื้นฐานกสิณเหล่านี้ก็ได้แต่ "มโนฯ" ต่อไป

เถรี 13-05-2020 20:28

"เจ้าดีใจบ้างหรือไม่ ? ว่าสิ่งที่เพียรพยายามอธิษฐานมานานเกิน ๔๐ ปี บัดนี้เริ่มปรากฏเด่นชัดขึ้นแล้ว"

"เรื่องอันใดขอรับ ?"

"เรื่องของตู้ปันสุข ที่ปรากฏขึ้นตามคำอธิษฐานทุกครั้งที่เจ้าแผ่เมตตา"

เรื่องของ "ตู้ปันสุข" ความจริงมีมาประมาณ ๒ ปีแล้ว เพิ่งจะได้รับการรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ ต้องขอชมเชยผู้ที่เป็นต้นคิดอย่างยิ่ง ว่าท่านเป็นผู้มีความรัก ความเมตตา และความไว้วางใจในเพื่อนมนุษย์อย่างแท้จริง ถึงได้คิดทำตู้ปันสุขนี้ขึ้นมา

เป็นเรื่องปกติที่ทุกหนทุกแห่งต้องมีคนเห็นแก่ตัว งก โลภมาก แต่อย่าให้คนส่วนน้อยเช่นนี้ มาทำลายกำลังใจในการทำความดีของท่านทั้งหลายลงได้ ถ้าท่านรู้สึกไม่ดีต่อคนประเภทนี้ แล้วเกิดความท้อถอย ไม่อยากทำความดีอีกต่อไป ก็กลายเป็นว่าตัวท่านเองนั่นแหละ ที่ไปรับเอาความไม่ดีของคนอื่นเข้ามา แล้วทำให้ตัวเองเศร้าหมอง ทิ้งโอกาสในการทำความดีไปอย่างน่าเสียดาย

การตั้งตู้ปันสุขขึ้นมา เป็นการแสดงออกถึงจิตใจของเรา ที่ประกอบไปด้วยพรหมวิหาร ๔ มีเจตนาสงเคราะห์ต่อผู้อื่น เป็นการสละออก ช่วยตัดความโลภในจิตในใจของเรา ที่เป็นรากเหง้ากิเลสใหญ่ลงได้

นอกจากนั้นยังเป็นการช่วยให้ชุมชนของเรา มีความรักใคร่สามัคคี รู้จักสละออกเพื่อคนอื่น ฝึกฝนให้เป็นคนมีวินัย หยิบไปแต่พอดี ถ้ามีก็นำมาแบ่งปัน ผลดีที่เกิดขึ้นทั้งต่อตัวเรา ต่อคนอื่น ต่อชุมชน ต่อสังคม และต่อประเทศชาตินั้น มีมากมายมหาศาล

ขอให้ทุกท่านตั้งใจทำต่อไป เพื่อฝึกฝนตนเอง เพื่อเสริมสร้างบารมี เพื่อช่วยขัดเกลาทั้งตนเองและผู้อื่น อย่าท้อถอยอะไรง่าย ๆ ในพระบาลีกล่าวไว้ว่า "อตฺตาหิ กิร ทุทฺทโม" ขึ้นชื่อว่าการฝึกตนนั้นช่างยากจริงหนอ ฝรั่งเขาก็บอกว่า "กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จภายในวันเดียว"

จงอดกลั้น อดทน ขัดเกลากาย วาจา และใจของเราไปเรื่อย ๆ กิเลส ตัณหา อุปาทาน และอกุศลกรรม จะเบาบางลงไปเรื่อย ชีวิตนี้จะมีแต่ทางเจริญขึ้น ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า


"สัพเพสัตตา สัตว์ทั้งหลาย ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น พึงเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่กันและกัน เสียสละให้ปัน ช่วยเหลือเกื้อกูลแก่ผู้ที่ตกอยู่ในความทุกข์ยากยิ่งกว่าตนให้พ้นทุกข์ เพื่อยังโลกทั้งหลายไปสู่สันติสุขอันสมบูรณ์ด้วยเถิด"

เถรี 13-05-2020 20:44

"เอาจริงแล้วหรือครับท่านย่า ?"

"เวลาที่ต่างกันมาก ย่าจึงต้องให้เตรียมพร้อมไว้ก่อน ถ้ารอให้มีเหตุก่อนค่อยขยับ เวลาของพวกเจ้าอาจจะเลยไปเป็นปี ถึงเวลาก็จะมีคนมาโวยกับย่าอีกจนได้"

มองดูท่านย่าและบรรดาพี่น้องทั้งหลาย ในชุดแดงพร้อมออกศึกแล้วสะท้อนใจ ก่อนนี้อาตมาก็เคยอยู่ในสภาวะเช่นนี้ แต่ปัจจุบันนี้ไม่ใช่เช่นนั้นอีกแล้ว

"ช่วยกำชับลูกหลานของย่าให้หน่อย ว่าอย่าลืมพระคาถาเงินล้าน ใครทำมากได้มาก ใครทำน้อยได้น้อย ใครไม่ทำก็อย่ามาบ่นให้ย่าต้องรกหู"

"นอกจากศรัทธา (ความเชื่อ) ปสาทะ (ความเลื่อมใส) ภาวนาโดยตัดความอยากรวยออกจากใจ และต้องทำบุญอย่างสม่ำเสมอแล้ว ยังมีเคล็ดลับอะไรอีกไหมครับ ?"

"ความมุ่งมั่นที่เป็นอธิษฐานบารมี ความเอาจริงเอาจังที่เป็นสัจบารมี ความสม่ำเสมอที่เป็นศีลบารมี ความพากเพียรภาวนาที่เป็นวิริยบารมี ความอดทนจนกว่าจะประสบความสำเร็จที่เป็นขันติบารมี การทำบุญที่เป็นทานบารมี การรู้จักผ่อนสั้นผ่อนยาวให้พอเหมาะกับตนเองที่เป็นปัญญาบารมี การตั้งหน้าภาวนาโดยไม่สนใจผลที่จะเกิดขึ้นที่เป็นอุเบกขาบารมี การตั้งอารมณ์ภาวนามั่นคงจนกดกิเลสเอาไว้ได้ที่เป็นเนกขัมมบารมี การวางอารมณ์ใจให้ผ่องใสเยือกเย็นในระหว่างภาวนาที่เป็นเมตตาบารมี เคล็ดลับแค่นี้ถ้าพวกเจ้าทำได้ ก็สามารถใช้ผลของพระคาถาเงินล้านได้อย่างเต็มที่ทุกคน"

"เอิ๊กกก...เป็นลม..!"

อาตมาก็ไม่เคยคิดว่าสิ่งที่ตนเองทำแล้วประสบความสำเร็จนั้น ที่แท้จริงแล้วประกอบไปด้วยบารมี ๑๐ อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ เพิ่งจะมารู้เอาตอนที่ท่านย่าเมตตาเฉลยให้ทราบนี่เอง แสดงว่าก่อนหน้านี้เป็นการ "ขี้ตรงร่อง" ทำแบบโง่ ๆ ตามที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเมตตาสอนไว้ บังเอิญกลายเป็น "โง่แล้วได้ดี" อย่างทุกวันนี้..!

เถรี 13-05-2020 20:52

"ไอ้ตัวเล็ก...รบกวนเอาสมเด็จองค์ปฐมเนื้อเขียวเหล็กไหลลงกระทู้สร้างพระทองคำให้หลวงพ่อหน่อย ลดราคาเหลือองค์ละ ๑,๕๐๐ บาท เพื่อให้คนมีแรงบูชาไหว จะได้กระจายไปในหมู่ลูกศิษย์ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้"

"คนที่บูชาไปแล้วละคะ ?"

"ถ้ายังไม่ส่งก็เพิ่มให้เขาไป ๑ เท่าตัว เช่น ใครบูชา ๑ องค์โอนเงินมา ๓,๐๐๐ บาท ก็ส่งให้เขาไป ๒ องค์ ส่วนใครที่บูชาไปก่อนหน้านี้ก็ให้กิน "ยาทำใจ" ถือว่าเขาโชคดีที่ได้ร่วมทำบุญกับหลวงพ่อมากกว่าคนอื่น ถึงเวลาจะได้อะไรก็ได้มากกว่าคนอื่น"

"จำกัดให้บูชาได้คนละกี่องค์เจ้าคะ ?"

"ไม่จำกัด..ใครจะเหมาหมด ๗,๙๐๐ องค์เลยก็ได้ หลวงพ่อต้องการเงินเพื่อซื้อทองคำเพิ่มเติมอีกประมาณ ๙๐ ล้านบาท อย่าลืมแจ้งให้เขาทราบด้วยว่า นำเข้าพิธีพลิกชีวิตมาแล้ว"

ปกติแล้ววัตถุมงคลทุกประเภทของวัดท่าขนุน มีแต่ขึ้นราคาไปเรื่อย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกและครั้งเดียว ที่ตั้งใจลดราคาเพื่อให้คนสามารถบูชาได้มากที่สุด จะได้เฉลี่ยไปคุ้มครองป้องกันทุกคนให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ถ้า "ไอ้ตัวเล็ก" ตัดยอดกระทู้กลางเดือนเสร็จ ก็จะนำลงให้ทันที โปรดรอคอยด้วยความระทึกในดวงหทัยพลัน..! (สำนวนใครหว่า ? คุ้น ๆ อยู่นะ)

เถรี 15-05-2020 03:16

"หลวงพ่อคะ..รายนี้ทำอย่างไรดีคะ ?"

ปกติอาตมาให้อำนาจในการจัดการทุกอย่าง ตามกฎเกณฑ์กติกาของเว็บวัดท่าขนุนที่ได้ตั้งไว้ แก่บุคคลที่รับหน้าที่ไปดำเนินการ แต่บางทีบางรายก็ตัดสินใจได้ยาก จึงมีการส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์มาสอบถาม

"กฎเกณฑ์ก็คือกฎเกณฑ์ กติกาก็คือกติกา ถ้าไม่มีกฎเกณฑ์กติกา ไม่มีระเบียบวินัย ต่อให้เป็นสังคมพระก็วุ่นวายไม่รู้จบ"

"รายนี้บอกว่าขอดก้นกระเป๋ามาเลยค่ะ"

"ถ้าผิดกฎเกณฑ์กติกา ต่อให้เป็นเงินบาทสุดท้ายของเขา เราก็ทำไปตามกฎเกณฑ์ที่ตั้งไว้ พรหมวิหาร ๔ ไม่ได้มีแต่เมตตากรุณา แต่มีอุเบกขาอยู่ด้วย ถ้ายกเว้นให้คนหนึ่งก็ต้องยกเว้นให้ทั้งหมด ความวุ่นวายฉิบหายก็จะเกิดขึ้น ถือว่าข้ออ้างนี้เป็นแค่ลมผ่านหูไปก็แล้วกัน"

"ส่วนรายนี้มีสาปแช่งมาด้วยนะคะ"

"ทำงานมาจนขนาดนี้ยังไปหวั่นไหวอะไรกับคำสาปแช่ง ? บุคคลที่กำลังใจต่ำจนขนาดนี้ คำสาปแช่งไม่มีผลอะไรกับเราหรอก มีแต่จะโดนสะท้อนกลับไปเพราะว่ากำลังใจของเราสูงกว่า

เราไม่สามารถทําให้ทุกคนพอใจได้ทั้งหมด แต่เราต้องบริสุทธิ์ยุติธรรมต่อคนส่วนใหญ่ กมฺมํ สตฺเต วิภชฺชติ กรรมย่อมเป็นเครื่องจำแนกสัตว์ กลฺยาณํ วา ปาปกํ วา ไม่ว่าจะดีหรือชั่วก็ตาม ตสฺสทายาโท ภวิสฺสามิ เขาทั้งหลายเหล่านั้น ย่อมได้รับผลกรรมนั้นแล"


"บุคคลที่ทำงานสาธารณประโยชน์ ถ้าวางกำลังใจเป็นจะได้มรรคผลเร็ว"

คำสอนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ดังขึ้นมาในใจ คาดว่ากว่าจะหมดงาน ด้วยกำลังใจที่ต้องฝ่าฟันมาประดุจตะลุมบอนอยู่ท่ามกลางศึกสงคราม ต้องวางเฉยกับเรื่องทั้งหมด ดำเนินการตามกฎเกณฑ์กติกาอย่างยุติธรรมเสมอหน้ากัน "ไอ้ตัวเล็ก" ของเราคงจะเข้าถึงสังขารุเปกขาญาณ บรรลุมรรคผลไปแล้วอย่างแน่นอน..!

เถรี 15-05-2020 03:17

ถาม : คนที่ไม่มีความมั่นใจในตนเองในการทำงานหรือเรื่องต่าง ๆ กลัวจะทำไม่สำเร็จหรือผิดพลาด หากจะแก้ไขตนเองในจุดนี้ขอความเมตตาหลวงพ่อช่วยแนะนำหลักธรรมหรือวิธีแก้ไขให้ด้วยครับ

ตอบ : ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติในอานาปานุสติกรรมฐาน ตามดูตามรู้ลมหายใจเข้าออกของตนเอง ถ้าทรงฌานได้เมื่อไร ความมั่นใจจะไหลมาเทมา

เถรี 15-05-2020 03:19

ถาม : ตอนที่ผมบวชเป็นพระครั้งแรก ผมได้เคยต้องอาบัติสังฆาทิเสส ๑-๓ ข้อ (วัดที่บวชไม่ใช่สำนักปฏิบัติ เป็นสำนักเรียน เลยทำให้ผมไม่เคร่งครัดในพระวินัย) แต่ผมก็ปลงอาบัติเมื่อรู้ว่าตัวเองทำผิด ไม่ได้ปิดบัง บางทีก็ไม่ได้ปลงอาบัติ ทำให้จำจำนวนวันได้ไม่แน่นอน ว่ากี่วันที่ไม่ได้ปลงอาบัติ และได้สึกออกมาโดยที่ยังไม่ได้เข้าปริวาสเพื่อชำระอาบัติสังฆาทิเสสก่อน หลังจากนั้นก็ใช้ชีวิตฆราวาส ๑๐-๑๑ ปี แต่ผมก็นึกถึงความผิดอันนี้มาตลอด แล้วได้กลับไปบวชใหม่เพื่อเข้าปริวาส กระผมเข้าปริวาสในวันแรกที่บวชเลย รวมแล้วเข้าปริวาสทั้งหมดประมาณ ๑๕-๑๖ วัน (สุทธันตปริวาส) อยู่ปริวาสแล้วหลังจากนั้นก็ขึ้นมานัตและอัพภาน พอเข้าปริวาสเสร็จ ออกอัพภานเรียบร้อยผมก็สึกภายในวันนั้นเลย

๑.จึงขอกราบเรียนถามหลวงพ่อว่า กระผมจะทราบและมั่นใจได้อย่างไรครับ ว่าอาบัติสังฆาทิเสสที่ต้องตอนบวชครั้งแรกนั้น หลุดไปแล้วหรือยังไม่หลุด เพราะผมไม่มั่นใจเรื่องวัน ว่าได้ปกปิดหรือไม่ได้ปกปิด หรือปกปิดไว้กี่วัน (ผมเข้าปริวาสแบบสุทธันตปริวาส)

๒.ถ้าหากอาบัติสังฆาทิเสสยังไม่หลุด หรือสงสัยว่ายังไม่หลุด อาบัติที่ต้องอยู่นั้น จะทำให้ไม่ก้าวหน้าในการฝึกสมาธิและบรรลุมรรคผลนิพพานในชาตินี้หรือไม่ครับ

๓.ผมตั้งใจอยากจะกลับไปบวชอีกครั้ง แล้วเข้าปริวาสแบบสุทธันตปริวาสตามจำนวนวันที่เคยบวชในครั้งแรก (นับตั้งแต่วันแรกที่บวชจนถึงวันที่ลาสิกขา รวมแล้วประมาณปีกว่า) เพื่อจะได้มั่นใจว่าตัวเองบริสุทธิ์ กระผมควรทำอย่างนี้หรือไม่ หรือว่าตอนนี้อาบัติสังฆาทิเสสที่ผมเคยต้องตอนบวชครั้งแรกได้หลุดไปหมดแล้ว เพราะผมเข้าปริวาสแบบสุทธันตปริวาส

ตอบ : เพื่อที่จะได้ไม่ไปคิดฟุ้งซ่านอีก ให้ทำตามความตั้งใจในคำถามข้อที่ ๓

เถรี 15-05-2020 03:21

ถาม : ผมเป็นคนกลัวหมามาก วันหนึ่งอยู่ในวัดป่าแห่งหนึ่ง ตอนเที่ยงถึงบ่ายพระเณรท่านพักผ่อนในกุฏิ รวมถึงคนงานที่ก่อสร้างเสนาสนะหยุดทำงานหายไปหมด เข้าใจว่านอนพักกลางวัน หมาวัดตัวหนึ่งมาทำเสียงประหลาด ๆ รู้สึกว่าต้องเดินตามมันไป ไปพบหมาอีกตัวหนึ่งตกลงไปในสระน้ำที่อยู่แถวพระอุโบสถ ผมไม่เห็นใครที่จะอยู่แถวนั้น คิดว่าเป็นโอกาสที่ได้บำเพ็ญบารมี ได้อธิษฐานปรารถนาพระสัมมาสัมโพธิญาณหากต้องสละอวัยวะหรืออาจจะมากกว่านั้น หากหมาวัดตัวนั้นกัดผม แล้วกระโดดน้ำลงไปช่วยหมาวัดตัวดังกล่าว ในขณะที่กำลังพยายามดันหมาขึ้นมา ด้วยความที่ไม่คุ้นเคยกับหมา ประกอบกับตลิ่งมีความชันระดับหนึ่ง รวมถึงมีปุ่มจำนวนมากยื่นออกมา ทำให้การช่วยเหลือหมาลำบาก เหลือบไปเห็นเหมือนคนงานเดินอยู่ ตอนนั้นเข้าใจว่าต้องช่วยเหลือหมาด้วยตัวเองถึงจะได้บารมี อีกใจหนึ่งก็เกิดสงสารว่า เราอาจจะอุ้มแรงเกินไปทำให้มันเจ็บ รวมถึงมันจะแช่น้ำนานเพื่อความต้องการของเราคนเดียว ก็เลยตั้งใจว่าบารมีข้อนี้ยังไม่เอาก็ได้ เดี๋ยวโอกาสหลังถ้าสถานการณ์อำนวยกว่านี้ค่อยบำเพ็ญใหม่ ตัดสินใจไปเรียกคนงานมาช่วย ตอนนี้เกิดสงสัยว่าความคิดแบบนั้นจะทำให้กุศลบุญบารมีที่ควรได้หายไปหรือไม่ครับ ?

ตอบ : จะใครช่วย หรือช่วยแบบใด ถ้าช่วยให้ผู้อื่นพ้นจากความทุกข์ได้ ถือว่าเป็นการช่วยทั้งนั้น สำหรับคุณแสดงว่าบารมีอ่อนไปหน่อย จึงไม่สามารถที่จะตัดสินใจในระดับเสียสละอวัยวะหรือชีวิตอย่างเด็ดขาดลงไปได้

ถาม : การบำเพ็ญเพื่อพระนิพพานไม่ว่าจะนิพพานในฐานะใดก็ตาม สามารถหยุดชั่วคราว โดยไม่ได้ถอนความปรารถนาเดิมไปปรารถนาฐานะใหม่ได้หรือไม่ครับ ?

ตอบ : ไม่ใช่แค่หยุดเฉย ๆ ยังมีอีกมากต่อมากด้วยกัน ที่ไปพักช่วงในนรก เปรต อสุรกาย อีกด้วย..!

ถาม : การยุ่งเรื่องชาวบ้านของพุทธภูมิ มีหลักใดที่พิจารณาว่าเป็นการยุ่งเพื่อพุทธภูมิจริง หรือถูกหลอกให้เข้าใจว่ายุ่งเพื่อพุทธภูมิ ทั้งที่ไม่ได้เป็นประโยชน์แก่พุทธภูมิครับ

ตอบ : ทำไปเรื่อย ๆ ถ้าจบได้ก็ของจริง ถ้าไม่จบก็ของปลอม..!

เถรี 15-05-2020 03:22

ถาม : ขออนุญาตเรียนถามเพิ่มเติมว่า จากคำถามก่อน บารมีของผมอยู่ในขั้นสามัญบารมี อุปบารมี ปรมัตถบารมี ต้น กลาง ปลาย ประมาณไหนของผู้ปรารถนาพุทธภูมิ และควรจะพัฒนาต่ออย่างไรครับ ?

ตอบ : พุทธภูมิตั้งแต่อุปบารมีขั้นกลางขึ้นไป ส่วนมากจะตัดศีรษะ ตัดแขน ตัดขา ควักดวงตา ควักหัวใจ เชือดเนื้อตัวเอง เพื่อผู้อื่นได้ ส่วนพุทธภูมิปรมัตถบารมี จะมาเน้นในเรื่องของอารมณ์พระอริยเจ้า โดยเฉพาะศึกษาพระนิพพานให้แจ้ง ลองเดาดูว่าของคุณอยู่ในระดับไหน ? ส่วนการพัฒนาต่อไปก็คือเกิดแล้วเกิดอีก บำเพ็ญไปเรื่อย ต้องมีสักวัน..ต้องมีสักวัน..!

เถรี 15-05-2020 03:24

ถาม : ขออนุญาตสอบถามพระอาจารย์เรื่องการทำฤกษ์พรหมประสิทธิ์ครับ คือผมทำตามปฏิทินไปแล้ว มีโยมมาขอฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ ตามที่พระอาจารย์บอกว่า วันที่ ๑๙ มิ.ย.๖๓ เป็นแรม ๑๔ ค่ำเป็นวันพระ วันที่ ๒๐ มิ.ย.๖๓ ต้องเป็นขึ้น ๑ ค่ำ แต่ในปฏิทินทั่วไปเป็นแรม ๑๕ ค่ำเป็นวันพระ ผมตรวจสอบกับปฏิทิน ๑๕๐ ปี โดยศักดิ์สิทธิ์ สิทธินันท์แล้วตรงกับที่พระอาจารย์บอก คือปี ๒๕๖๓ นี้มีแค่แรม ๑๔ ค่ำเดือน ๗ แล้วไปขึ้น ๑ ค่ำเดือน ๘ เลย
คำถามคือ ตั้งแต่วันที่ ๒๐ มิ.ย.๖๓ เป็นต้นไป ผมควรทำฤกษ์พรหมประสิทธิ์ใหม่ตามความเป็นจริง แล้วให้ฤกษ์ที่ถูกต้องกับโยมไป หรือควรยึดฤกษ์ตามปฏิทินที่ผิดครับ

ตอบ : เชื่อถือแบบไหน ให้ใช้แบบนั้น

ถาม : ตามฤกษ์ปีนี้ วันพฤหัสบดี เป็นธงชัย วันอาทิตย์ เป็นอธิบดี วันพุธ เป็นอุบาทว์ วันอังคาร เป็นโลกาวินาศ ถ้าฤกษ์พรหมประสิทธิ์ตรงกับวันไม่ดีเหล่านี้ เราควรเลี่ยงใช่ไหมครับ ?

ตอบ : หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่า พรหมประสิทธิ์เป็นฤกษ์ใหญ่ คลุมฤกษ์ทั้งหมด ถ้าฤกษ์อื่นบอกว่าไม่ดี แต่ฤกษ์พรหมประสิทธิ์บอกว่าดี ให้ใช้ตามฤกษ์พรหมประสิทธิ์ เพื่อป้องกันพวกที่รู้มากแต่รู้ไม่จริง ถ้าเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง

ถาม : ถ้าโยมนิมนต์พระ ๕ รูป แล้วระบุชื่อพระมาทั้ง ๕ รูป โยมจะได้อานิสงส์ สังฆทานไหมครับ ?

โยมเคยให้ผมนิมนต์พระ ๙ รูป แล้วผมระบุชื่อพระ ๔ รูป อีก ๕ รูป แล้วแต่วัดจะจัด ผมเข้าใจว่าโยมจะได้อานิสงส์สังฆทานครับ

ตอบ : จะระบุเจาะจงอย่างไร ถ้าได้ ๔ รูปขึ้นไปก็เป็นสังฆทาน

เถรี 15-05-2020 03:24

ถาม : เงินที่สวดพระคาถาเงินล้าน สามารถนำมาบูชาวัตถุมงคลในเว็บวัดท่าขนุน ได้หรือไม่ครับ ?

ตอบ : ต้องดูว่าวัตถุมงคลที่เราจะบูชานั้น ท่านจะเอาเงินไปทำอะไร ? เงินจากการสวดพระคาถาเงินล้าน ปกติแล้วหลวงพ่อวัดท่าซุงแนะนำให้ถวายสังฆทาน ถ้าถือตรงจุดนี้ งานบุญอะไรที่เป็นสังฆทาน และสูงกว่าสังฆทาน เช่น วิหารทานหรือธรรมทาน ก็ใช้เงินก้อนนี้ได้

เถรี 15-05-2020 06:52

"ไม่ต้องใช้อำนาจกสิณหรอก แค่คาถาก็พอแล้ว"
"ไหวหรือครับท่านปู่ ?"

"อวี้หวงต้าตี้" กวักพระหัตถ์ ก็มีเทวดาหลายองค์เดินออกมาข้างหน้า
"นอกจาก "พี่จุก" กับ "แม่มณี" แล้ว ที่เหลือมีใครบ้างครับนี่ ?"

"ผมวรุณเทพครับ ส่วนท่านนี้วายุเทพ ท่านนี้สีตเทพ ท่านนี้วลาหกเทพ ท่านนี้ปชุนเทพครับ"

"กฎเกณฑ์กติกาในการช่วยเหลือครบถ้วนไหม ?" ท่านปู่หันไปถาม "พี่จุก" เลขานุการส่วนพระองค์

"ครบถ้วนสมบูรณ์ครับ สถานที่นี้มีการสวดมนต์ไหว้พระเป็นประจำ ทุกรูปทุกคนปฏิบัติใน ศีล สมาธิ ปัญญา อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะการอุทิศส่วนกุศลให้กับเทวดาทั้งหลายมีเป็นปกติครับ"

"ถ้าอย่างนั้นอนุญาตให้ดำเนินการได้"

วลาหกเทพเปล่งรัศมีสีน้ำเงินเข้ม มหาเมฆปรากฏขึ้นรอบทิศ วายุเทพหมุนฝ่ามือรอบเดียว พลังสีใสกระเพื่อมบังเกิดลมหอบเอาหมู่เมฆเข้ามารวมกัน สีตเทพโอบสองมือเข้าหากัน พลังงานสีฟ้าใสเย็นยะเยือกกดหมู่เมฆลงต่ำ จากมุมมองนี้เห็นว่าแทบจะติดพื้น วรุณเทพและปชุนเทพผลักสองมือกดซ้ำ ปรากฏสายฟ้าสีม่วงอ่อนแลบแปลบปลาบและฟ้าร้องครืนครั่น พลังงานจากเทพทั้งห้าหมุนวนผสมกลมกลืน ห่อหุ้มหมู่เมฆเอาไว้เหนือเป้าหมาย

"จังหวะนี้แหละลูก" "แม่มณี" ให้สัญญาณ

"สัมมาธารัง ปะเวจฉันโต กาเลเทโว ปะวัสสะตุ"

พระคาถาขอฝนประหนึ่งการหมุนเปิดก๊อก สายฝนพร่างพรูลงสู่พื้นพสุธาในทันใด

"เมื่อมีสิ่งที่ง่ายกว่าก็อย่าไปทำสิ่งที่ยาก"
"ผมว่าสิ่งที่ท่านปู่และทุกท่านทำยากกว่านะครับ ถ้ากฎเกณฑ์กติกาไม่ครบก็ทำไม่ได้ การใช้อานุภาพอาโปกสิณใช้เวลาแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น ง่ายกว่าตั้งเยอะครับ"

"แต่เจ้าก็ต้องไปรับกฎของกรรมที่ฝืนธรรมชาติ ในเมื่อสามารถ "ของบประมาณ" ได้ ก็ควรที่จะขอ"

"กราบขอบพระคุณทุกท่านเป็นอย่างยิ่งครับ ขอสัก ๑ ชั่วโมงนะครับ ที่ผ่านมาตกแบบพื้นไม่ทันจะเปียกบ้าง ยังไม่ทันจะทำให้ความร้อนหมดไปบ้าง อากาศยิ่งระอุมากขึ้นไปอีกครับ"

"ได้ตามนั้น"

เสียงระฆังเรียกให้เตรียมตัวทำวัตรเช้าดังขึ้นพอดี ทำไมระยะนี้ฝันบ่อยแท้วะ ?!!

เถรี 16-05-2020 06:58

"พลิกชีวิตกันจริง ๆ ครับ ขายกันกระจายเต็มเฟซฯ เลย ผมว่าหลายคนน่าจะเปลี่ยนอาชีพไปขายวัตถุมงคลของหลวงพ่อเลยครับ"

"ช่างเขา..ถือว่ารู้จักทำมาหากิน แต่ละคนย่อมมีบริษัทบริวารของตน เขาจะได้อำนวยความสะดวกให้ด้วย"

"ผมทึ่งตรงที่ว่า วัตถุมงคลวัดไหนก็ขายไม่ได้สักแห่ง ยกเว้นของวัดท่าขนุนและวัดที่หลวงพ่อเมตตาไปช่วยเสกให้"

"เป็นบุญของเขาที่พระท่านช่วยเมตตาสงเคราะห์ วัดเหล่านี้ส่วนใหญ่ก็ทำงานเพื่อศาสนาอย่างเข้มแข็งจริงจัง สมควรที่จะได้รับการช่วยเหลืออยู่แล้ว"

"ของผมเองพรรคพวกส่งรถมาขอข้าวของเครื่องใช้จนถึงที่วัด ปกติแล้วผมจะเป็นคนส่งให้เอง ทั้งวัดและสำนักสงฆ์หลายสิบแห่ง มาปีนี้เจอโควิดอาละวาด ทำไม่ได้เหมือนเดิม แต่ในเมื่อเขามาขอก็ต้องหาให้ครับ"

"ดีแล้ว.. ทำไปเถอะ ถึงเราจะเดือดร้อนก็ยังเดือดร้อนน้อยกว่าคนอื่นเขา"

"ถ้าผมไม่ได้เกาะแข้งเกาะขาหลวงพ่อผมก็ตายสนิทเหมือนกันครับ ได้บารมีของหลวงพ่อช่วย ก็ยังพอที่จะตื๊อต่อไปได้"

"ต้องบอกว่าเราเคยสร้างบุญร่วมกันไว้ แล้วคุณก็ทำงานเพื่อพระศาสนาอย่างเข้มแข็งจริงจัง ผมเห็นแล้วก็อยากจะช่วย ถือว่าบุญสัมพันธ์ทำให้ทุกอย่างลงตัวพอดี"

"บอกตรง ๆ ว่าอิจฉาหลวงพ่อครับ ผมโฆษณาจนปากจะฉีกถึงหูกว่าที่จะขายวัตถุมงคลได้สักชิ้น ของหลวงพ่อมีแต่คนแย่งกันเอาไปขายให้ เสียดายที่หลวงพ่อไม่เล่นเฟซฯ ครับ ไม่อย่างนั้นจะได้เข้าไปดูเองเลย"

"รักษาใจให้ดี เอ่ยวจีอย่าบกพร่อง ตั้งสติให้ตรงช่อง ความเศร้าหมองจะหมดไป"

เถรี 16-05-2020 07:01

"ที่สโตร์ยอดขายพุ่งกระฉูดเลยค่ะ จากเดิมประมาณวันละ ๗ - ๘ แสนบาท บางวันก็ได้แค่ ๔ - ๕ แสนบาท ตอนนี้ไม่ต่ำกว่าวันละ ๑ ล้าน ๓ แสนบาท กราบขอบพระคุณหลวงพ่อมาก ๆ เลยนะคะ มีโอกาสขอนิมนต์ไปเหยียบที่สโตร์อีกสักครั้ง ต้องการอะไรเท่าไรหลวงพ่อเลือกได้เลยค่ะ หนูเต็มใจถวายทุกอย่าง"

"กิจการดีก็ดีใจด้วย อย่าลืมสวด อิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ ๓ จบทุกวัน การภาวนาพระคาถาเงินล้านก็ทำให้สม่ำเสมอ เราต้องสร้างสิ่งที่ดีเอาไว้รองรับด้วย ความดีอื่น ๆ ถึงจะเข้ามาได้"

เถรี 16-05-2020 07:02

เออหนอ..ดูท่าท่านย่าจะผลักลูกหลานออกไปเป็น "ควายเผือก" กันหมดแล้ว คนอื่นทำมาหากินไม่ได้ ต้องพึ่งโครงการเราไม่ทิ้งกันบ้าง พึ่งตู้ปันสุขบ้าง พึ่งโรงทานของวัดบ้าง แต่ลูกหลานท่านย่าไม่ต้องพึ่งใคร ทำมาหากินกันแบบเพลิดเพลินเจริญใจมาก รวยแล้วจะนึกถึงอาตมาบ้างไหมนี่ ?

อย่าลืมว่าการที่จะเป็น "ควายเผือก" ได้ ก็ต้องมีกฎเกณฑ์กติกาของการเป็น "ควายเผือก" ด้วย ถ้าปฏิบัติไม่ครบตามกฎเกณฑ์ กลับกลายเป็นควายดำหรือควายแท้ ๆ ที่ไม่มีวัวปนเลย ก็อย่าได้โทษท่านย่าและอาตมาเชียวนะ..!

เถรี 17-05-2020 10:35

ท่านอาจารย์วิชชุ อารมณ์ดี ประธานชมรมรวมใจภักดิ์ นำคณะมาค้างคืนที่วัดท่าขนุน ช่วยกันทำความสะอาดวัด จัดเก็บสถานที่ตามความเคยชินที่ทำมาอยู่บ่อย ๆ เป็นระยะเวลาหลายปีติดต่อกันมาแล้ว

"พวกเรายังดีที่มาวัดกัน วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ปกติแล้วนักท่องเที่ยวทั้งไทยและฝรั่งจะเข้ามาเต็มวัด แต่ตอนนี้ก็อย่างที่เห็น ทั้งที่เปิดวัดแล้วก็ยังเงียบเหงา หาคนมาไหว้พระได้ยากเต็มที...

อย่างที่เคยบอกเอาไว้ว่า มารใช้คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว ในการขัดขวางไม่ให้เราสร้างความดี จะได้ไม่สามารถหลุดพ้นไปจากเงื้อมมือของเขา สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-๑๙ ก็เช่นเดียวกัน...

ในระยะแรกก็เกิดอาการระแวง พระกลัวโยม โยมก็กลัวพระ ต่างคนต่างกลัวว่าจะติดเชื้อไวรัสจากอีกฝ่ายหนึ่ง พอเวลาผ่านไป คำสั่งจากหน่วยราชการก็ดี จากคณะสงฆ์ก็ดี แม้ว่าจะออกมาเพื่อความปลอดภัยของทุกคน แต่ก็ซ้ำเติมให้สถานการณ์ของพระพุทธศาสนาย่ำแย่ลงไปเรื่อย...

งานสงกรานต์ไม่สามารถที่จะจัดทำบุญได้ตลอดทั้ง ๓ วัน งานวิสาขบูชาที่ถือว่าเป็นวันสำคัญที่สุดวันหนึ่งของพระพุทธศาสนา ก็ต้องระงับการจัดกิจการงานบุญทั้งหมด ญาติโยมไม่สามารถที่จะไปวัดได้ เพราะว่ามีคำสั่งห้ามตาม พรก.ฉุกเฉิน..!

ต้องบอกว่า "เพื่อนเก่า" ของอาตมาแสบมาก ฉวยโอกาสให้เป็นประโยชน์แก่ตนเองได้ในทุกสถานการณ์ ทำให้ผู้คนซึ่งปกติไม่ค่อยจะเข้าวัดอยู่แล้ว ห่างวัดห่างวาออกไปเรื่อย คนที่เข้าวัดเป็นปกติก็ไม่สามารถที่จะเข้าไปได้...

เราอาจจะคิดว่าสามารถทำบุญออนไลน์ได้ แต่ว่าการทำบุญออนไลน์นั้น บั่นทอนกำลังใจและบารมีของเราลงไปเท่าไรมีใครรู้หรือไม่ ?

ก่อนหน้านี้การไปวัดแต่ละครั้ง ต้องใช้กำลังใจในการเพียรพยายามเป็นอย่างสูง ต้องมีการตั้งกำลังใจที่เป็นบุญกุศลขึ้นมาก่อน แล้วหาค่ารถค่ารา ค่ากินค่าอยู่ ปัจจัยในการทำบุญ กว่าจะไปวัดได้กำลังใจต้องจดจ่ออยู่กับบุญกุศลตลอดเวลา...

ยิ่งถ้าโดนคนในครอบครัวหรือในที่ทำงานขัดขวาง ก็ต้องใช้สติ สมาธิ และปัญญาเป็นอย่างสูง ในการที่จะหาทางไปวัดให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานล่วงหน้าเพื่อสะสมวันลา ต้องใช้ปัญญาในการหาข้ออ้างที่น่าฟังเพื่อให้คนอื่นไม่ขัดขวาง ต้องมีสติที่จะไม่หลุดไปจากกองบุญการกุศลที่ตั้งใจเอาไว้ ต้องมีสมาธิจิตที่เข้มแข็งเพื่อรองรับการกระทบกระแทกจากรอบด้าน เรียกว่าการไปวัดคือการฝึกฝนตนเองให้มีบารมีเข้มแข็งแกร่งกล้ายิ่งขึ้นไปทุกวัน...


แต่ตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว ทุกคนคิดว่าทำบุญออนไลน์ก็ได้ ไม่ต้องไปวัดเปิด YouTube ฟังก็ได้ เปิดมือถือดูการถ่ายทอดสดจากวัดก็ได้ ซึ่งก็ได้ตามนั้นจริง ๆ แต่กำลังใจที่ควรได้นั้นไม่มีเหลือ ไม่ต้องใช้สติ สมาธิ หรือปัญญาอะไรเลย..."

เถรี 17-05-2020 11:53

มีดเมื่อไม่ได้ลับ จะหาความคมกล้ามาจากไหน ? เราก็เหลือเพียงการสร้างบารมีโดยการให้ทาน จากการทำบุญออนไลน์ หรือถ้าใครเข้มแข็งพอก็สามารถปฏิบัติสมาธิภาวนาที่บ้าน แต่บรรยากาศก็ไม่ค่อยจะเอื้อให้การปฏิบัติของเราก้าวหน้า ไม่ต้องพูดถึงการใช้กําลังปัญญาฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ เพื่อให้ได้เดินทางไปวัด...

ยิ่งการไปวัดเพื่อสร้างบุญสร้างกุศลยากเท่าไร เราก็ยิ่งเห็นทุกข์เห็นโทษในการเกิดมากขึ้น ขนาดบุคคลที่ใฝ่บุญใฝ่กุศลอย่างพวกเรา ยังต้องประกอบด้วยความทุกข์ยากเห็นปานนี้ บุคคลอื่นที่ขึ้นชื่อว่าจะไม่ทุกข์นั้นย่อมไม่มี...

แต่ตอนนี้สถานการณ์ทำให้การฝึกฝนเพื่อให้เกิด สติ สมาธิ ปัญญา น้อยลงจนถึงขนาดสิ้นหนทาง..! การสร้างบารมีเพิ่มขึ้นให้กับตนเองด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา ก็อาจจะเหลือแต่ศีลและสมาธิในเบื้องต้น ไปไม่ถึงปัญญาที่จะช่วยให้เราหลุดพ้นจากกองทุกข์ได้...

การสร้างกองบุญการกุศลด้วยทาน ด้วยศีล ด้วยการภาวนา ก็อาจจะขาดตกบกพร่อง เพราะว่าบรรยากาศไม่เอื้ออำนวย หรือพาให้เข้าใจไขว้เขวไปว่า การทำบุญอย่างเดียวก็พอแล้ว โดยลืมไปว่าการให้ทานนั้นเป็นเพียงกำลังใจของบุคคลในระดับบารมีต้นเท่านั้น ส่วนการให้ทาน รักษาศีล ซึ่งเป็นกำลังใจของบุคคลในระดับบารมีขั้นกลาง และการให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ซึ่งเป็นกำลังใจของบุคคลที่มีบารมีขั้นสูงสุดนั้น ย่อมห่างไกลเกินฝัน...

ได้แต่หวังว่าเมื่อรู้ลีลาของมารแล้ว พวกเราจะได้วางกำลังใจในการต่อสู้ได้ถูกต้อง ขออนุโมทนาในความดีที่ทุกท่านได้ร่วมกันทำในครั้งนี้ อย่าปล่อยให้ New Normal มาสร้างช่องว่างให้พวกเราห่างวัดห่างวา จนขาดการเสริมสร้างบุญบารมีของตน...

หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านตั้งฉายาให้กับอาตมาว่า "สุธมฺมปญฺโญ" พร้อมกับแปลให้เองเสร็จสรรพว่า "เป็นผู้มีปัญญาในการปฏิบัติธรรมดีมาก" ขอให้ญาติโยมทั้งหลายซึ่งเคยร่วมบุญกันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เป็นผู้มีปัญญาเห็นได้เช่นกันว่า หนทางใดเป็นทางที่ถูกที่ควรในการสร้างบุญบารมีของเรา เพื่อให้ก้าวพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน ขอให้ทุกท่านทุกคนมีพระนิพพานเป็นที่ไปในเบื้องหน้าโดยทั่วกันเถิด"

เถรี 18-05-2020 06:38

พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงการปิดเมืองเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-๑๙ แทบทุกบ้านค่าไฟจะพุ่งกระฉูด ยกเว้นบ้านเติมบุญและวัดท่าขนุน เพราะว่าไม่ได้เปิดบ้านเติมบุญ ทำให้การใช้ไฟฟ้าน้อยลงไปมาก

ส่วนของวัดท่าขนุนนั้น ได้งดจัดงานสำคัญไปหลายอย่าง เช่น งานบวงสรวงไหว้ครูประจำปีและเป่ายันต์เกราะเพชร งานทำบุญสงกรานต์ทั้ง ๓ วัน งานวันวิสาขบูชาซึ่งมีทั้งการทำบุญ การมอบทุนการศึกษา การบวชพระ การวางผางประทีป และการเวียนเทียน โดยเฉพาะการหล่อพระพุทธลีลาประทานพรเนื้อเงินปิดทอง ที่โดนทางราชการขอให้จำกัดคนเข้าวัดไม่เกิน ๕๐ คน

ในเมื่อคนน้อย การใช้น้ำใช้ไฟย่อมน้อยลงไปด้วย บ้านเติมบุญและวัดท่าขนุนจึงสวนกระแส แทนที่จะจ่ายค่าไฟมากขึ้น ก็กลายเป็นจ่ายน้อยลง ความจริงการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค น่าจะมีรางวัลให้สำหรับกับผู้ที่ใช้ไฟฟ้าน้อยลงบ้าง ไม่ใช่ไปลดค่าไฟให้เฉพาะผู้ที่ใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเท่านั้น"

เถรี 18-05-2020 06:40

"เรื่องที่น่าตกใจก็คือเรื่องของครูข่มขืนศิษย์..! ซึ่งผิดจรรยาบรรณวิชาชีพของความเป็นครูอย่างร้ายแรง เหมือนกับสำนวนไทยที่ว่า "สมภารต้องไม่กินไก่วัด" ที่แสดงถึงจรรยาบรรณของเจ้าอาวาสว่า ถึงจะเป็นไก่ในวัดที่ตนเองดูแลอยู่ ก็ห้ามผิดมารยาทไปกินเข้าอย่างเด็ดขาด..!

ที่ตกใจนั้นไม่ใช่เรื่องของครูข่มขืนศิษย์ แต่เป็นเรื่องของเพื่อนครูที่ออกมาปกป้องครูด้วยกันว่า การที่ลูกศิษย์ซึ่งถูกข่มขืนไปแจ้งความจับครูนั้นเป็นความอกตัญญู เนรคุณต่อครูอย่างแรง..!

ถ้าอาตมาเป็นผู้มีอำนาจในกระทรวงศึกษาธิการ จะสั่งไล่ครูผู้ที่ออกมาปกป้องครูด้วยกันเช่นนี้ออกทันที ในเรื่องที่มีความผิดทางอาญาชัดเจนอย่างนี้ ผิดจรรยาบรรณในวิชาชีพอย่างร้ายแรงขนาดนี้ กลับมีแนวคิดบิดเบี้ยว เห็นผิดเป็นชอบ เห็นว่าผู้ถูกทำร้ายเป็นคนเนรคุณ

ถูกต้องที่ว่าบางทีอาจจะไม่ใช่การข่มขืน อาจจะเป็นการสมยอมกันก็ได้ แต่อย่าลืมว่านี่คือเยาวชน อายุยังไม่เกิน ๑๕ ปี ถึงจะสมยอมอย่างไรก็ผิดคดีอาญาร้ายแรง คนเป็นครูจะต้องมีกำลังใจที่หนักแน่น เข้มแข็ง ช่วยป้องกันไม่ให้ศิษย์หลงเดินไปในทางที่ผิด ไม่ใช่ไปช่วยลูกศิษย์ทำชั่วเสียเอง

แม่พิมพ์ที่บิดเบี้ยวอัปลักษณ์เช่นนี้ จะผลิตบุคคลที่ออกมาเป็นกำลังของชาติในภายหน้าได้บิดเบี้ยวเละเทะขนาดไหน ? คนเป็นครูมีหน้าที่ในการสอนศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรม แก่เด็ก ๆ แต่ตนเองกลับบกพร่องทางศีลธรรม คุณธรรม และจริยธรรมอย่างร้ายแรงเช่นนี้ สมควรที่จะถูกกำจัดออกไปจากวงการครูอย่างรวดเร็ว จะได้ไม่เอาแนวคิดชั่วร้ายเช่นนี้ไปเผยแพร่แก่เด็ก ๆ จนเติบโตขึ้นไปเป็นกากเดนของสังคมในภายหน้า"

เถรี 18-05-2020 06:43

"เรื่องของการฟื้นฟูบริษัทการบินไทย ที่มีหลายคนใช้คำว่าสายการบินแห่งชาติ จนเกิด "ดราม่า" ขึ้นมาทั่วประเทศ เพราะทุกคนเห็นว่ายิ่งบริหารก็ยิ่งเละ มีแต่ขาดทุนไม่มีกำไร แล้วจะเก็บรัฐวิสาหกิจเน่า ๆ แบบนี้เอาไว้ทำไม ?

เรื่องการบริหารรัฐวิสาหกิจแล้วขาดทุนย่อยยับนั้น เป็นเรื่องปกติสำหรับประเทศไทย แต่ไม่มีใครคิดที่จะแก้ไข เพราะว่าเท่ากับไปทุบหม้อข้าวคนอื่น มัวแต่เกรงใจในเรื่องที่ไม่ควรเกรงใจ จึงปล่อยให้มะเร็งร้ายลุกลามไปทั่วประเทศ..!

เอาแค่ขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร (ขสมก.) ก็แล้วกัน บริหารกันได้เละเทะขาดทุนย่อยยับอยู่ทุกปี แต่รถร่วมบริการกลับมีกำไร เลยมีคนแปลอักษรย่อออกมาว่า "เขาสั่งมาโกง" หรือว่า "เขาส่งมากิน" จนเป็นที่อับอายขายหน้าไปทั่ว

การรถไฟแห่งประเทศไทยที่เป็นอันดับ ๑ ในเอเชียตั้งแต่สมัยล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๕ ก็ยังคงแทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากสมัยนั้น รอบบ้านผ่านเมืองเขามีรถไฟความเร็วสูงกันหมดแล้ว บ้านเราแค่รถไฟรางคู่ยังหาได้ยากเลย

โดยเฉพาะการบินไทยที่ขึ้นแท่นเป็นสายการบินอันดับ ๑ ของโลกมาหลายปี ทุกชาติทุกภาษาใช้บริการแล้วล้วนแต่ติดใจ พอเปลี่ยนผู้บริหารไม่นานก็เริ่มเละเป็นโจ๊ก หลังจากนั้นก็เละต่อเนื่องกันมาหลายสิบปี เป็นเรื่องที่ชาวบ้านทุกคนเข้าใจได้ว่าเป็นเพราะเหตุใด ? แต่รัฐบาลและผู้บริหารกลับทำท่าโง่สนิท ซ้ำยังคิดที่จะเอาเงินจากภาษีอากรของคนทั้งประเทศไปอุ้มอีก จึงได้เกิด "ดราม่า" อย่างที่เห็นกันอยู่ในทุกวันนี้

"พึงสละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ พึงสละทั้งทรัพย์และอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต พึงสละทั้งทรัพย์ทั้งอวัยวะและชีวิตเพื่อรักษาธรรม" ถ้าสละไม่ได้ท่านทั้งหลายก็ต้องยอมรับผลร้ายที่เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน..!"

เถรี 18-05-2020 06:47

"เรื่องเศร้าเคล้าน้ำตา "ดราม่าสุด ๆ" ก็คือการที่ผู้ปกครองพาเด็กนักเรียนไปหาซื้อโทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟน ที่ราคาไม่เกิน ๒,๐๐๐ บาท เพื่อให้ลูกเอาไว้ใช้เรียนหนังสือออนไลน์ ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-๑๙ นี้ เหตุที่ต้องกำหนดราคาว่าไม่เกิน ๒,๐๐๐ บาท เพราะว่าทั้งบ้านมีเงินเหลืออยู่แค่นี้..!

นี่คือการบริหารแบบสั่งงานจากห้องปรับอากาศ หรือที่สมัยก่อนเรียกกันว่า "หอคอยงาช้าง" เป็นการบริหารแบบ "ไม่เข้าใจ ไม่เข้าถึง มุ่งแต่พัฒนาอย่างเดียว" ซึ่งยังต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกมาก

บ้านเรานั้นหายากที่ผู้บริหารจะลงไปคลุกกับงานด้วยตัวเอง ทั้งที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงทำให้เห็นเป็นปกติ ตลอด ๗๐ ปีที่ครองราชย์มา แต่ก็หาคนทำตามได้ยาก เพราะว่าเหนื่อย ลำบาก สู้สั่งการจากห้องปรับอากาศไม่ได้

เมื่อไม่ได้ไปดูไปเห็นด้วยตาตนเอง ก็ไม่ "เข้าใจ" ว่าบริบทของสังคมนอกเมืองหลวงนั้นเป็นอย่างไร เมื่อไม่ยอมลงไปคลุกกับงานก็ย่อมไม่ "เข้าถึง" สภาพของงานที่แท้จริง แล้วจะไป "พัฒนา" ประเทศชาติให้ดีนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้

องค์ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงแสดงพระองค์เป็นตัวอย่าง ตลอดระยะเวลาทรงครองราชย์ เสด็จไปแทบจะทั่วทุกตารางนิ้วของประเทศไทย พระองค์ท่านจึง "เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา" ประเทศของเราได้ตรงกับความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง

มิหนำซ้ำพระองค์ท่านยังแสดงให้เห็นชัดว่า "เราต้อง "เสียสละ" เมื่อทำบ่อย ๆ กำลังใจมั่นคงขึ้นก็จะลืมคำว่า "เสีย" เหลือไว้แต่คำว่า "สละ" อย่างเดียว ครั้นสละบ่อย ๆ ก็จะเหลือแต่คำว่า "ละ" เมื่อนั้นสภาพจิตก็จะไม่ยึดติดกับสิ่งใด นอกจากทำความดีเพื่อความดีเท่านั้น"

ได้แต่หวังว่าข้าราชการทุกคน จะนำเอาสิ่งที่พระองค์ท่านทำมาตลอด ๗๐ ปีใส่ไว้ในใจบ้าง ไม่ต้องทำถึงร้อยเปอร์เซ็นต์อย่างของพระองค์ท่าน สักแค่ ๑ หรือ ๒ เปอร์เซ็นต์ก็เชื่อว่าจะช่วยให้ประเทศชาติของเราเจริญรุ่งเรืองขึ้นไปกว่านี้อีกหลายเท่า

เรื่องของจิตสำนึกสาธารณะ การเสียสละเพื่อส่วนรวมนั้นทำได้ยากยิ่งนัก แต่ถ้าทำได้ก็จะเกิดความปีติ อิ่มเอิบใจ ภาคภูมิใจ สามารถทุ่มเทให้กับส่วนรวมโดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ส่วนตน เท่ากับเป็นการสร้างเสริมบุญญาบารมีของตน ซึ่งจะมีแต่ผลดีแก่ตนทั้งในชาตินี้และชาติหน้า

รอยพระบาทของพระองค์ก้าวนำไปหลายสิบปีแล้ว เมื่อไรข้าราชการซึ่งเป็นผู้รับสนองงาน จะ
ได้ก้าวตามไปอย่างแท้จริงบ้าง ?"

เถรี 19-05-2020 08:06

"เฮ้ย...ทำอย่างนี้หมายความว่าอย่างไรวะ ?!!"

น้องเล็กโวยขึ้น เมื่อเจ้าหน้าที่ทหารประจำด่านทั้ง ๒ นายซึ่งตรวจรถคันหน้าอยู่ พร้อมใจกัน "หันก้น" ให้ ทำเอาพวกอาตมารีบใส่หน้ากากฟรี โดยไม่ได้ใช้งานซะอย่างนั้น

"เฮ้ย..ลืมยกเลิกภารกิจ พี่ท่านทั้งสองเลยจัดให้เหมือนเดิม ฮ่า.ฮ่า..ฮ่า..!"

อาตมานึกขึ้นมาได้ก็สะดุ้ง แล้วอดขำไม่ได้ มิน่าล่ะ..หลายวันนี้ผ่านด่านตรวจทีไร ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ ทหาร หรือพลเรือน มีแต่คนหันหลังให้ ลืมไปว่ายังไม่ได้ยกเลิกคำสั่ง "แหกด่าน" กับพญาแมลงภู่คำทั้งสอง..!

"ด่านแถวนี้ไม่ต้อง "แหก" ก็ได้จ้ะท่านพี่ ปล่อยให้เขาได้ทำหน้าที่บ้าง เอาไว้ต้องข้ามจังหวัดเมื่อไรแล้วค่อยว่ากันใหม่"

ตั้งแต่ด่านตรวจสามแยกทองผาภูมิไปจนถึงวัดท่าขนุน อาตมากับน้องเล็กหัวเราะกันจะเป็นจะตาย เพราะว่าไปนึกถึงภาพการสั่งงานชาวขมุในสมัยก่อน ที่ให้ตักน้ำใส่ตุ่ม น้ำเต็มแล้วก็ยังตักกันไม่เลิก จนกว่าที่จะสั่งให้หยุดเท่านั้น..!


"เออหนอ..พี่กู ช่างตรงไปตรงมาเหลือเกิน อะไรจะน่ารักได้เบอร์นี้วะ ?!!"

เถรี 19-05-2020 08:09

"จะมีไอ้พวกโง่แล้วอวดฉลาด พยายามจะมาร่วมงานหล่อพระ ด้วยการขอเข้าพักในวัดก่อนวันงาน แล้วตีมึนอยู่ยาวจนถึงวันงานไปเลย"

"แนวที่ ๕" ส่งข่าวด่วนมา จนอาตมาต้องรีบประกาศให้พระเณรในทีมงานวัดท่าขนุน ห้ามรับคนเข้าพักตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่างานหล่อพระจะสำเร็จลงแล้ว และให้ประกาศในเว็บไซต์วัดท่าขนุน โดยเนื้อหาใจความเดียวกัน

"ไม่ให้พักในวัด เขาก็ไปพักตามรีสอร์ทข้างนอกครับ" เออ..ถ้ายังมีความพยายามขนาดนั้น ก็คงต้องเป็นหน้าที่ของท่านผู้กำกับและลูกน้องแล้ว

อาตมาลืมไปว่าเมื่อท่านย่าทำให้คนในคณะกลายเป็น "ควายเผือก" สันดานควายก็ต้องดื้อเป็นธรรมดา แต่ไม่เป็นไร..ถึงเวลาบรรดาควายทั้งหลาย จะได้รู้ว่ารสชาติของประฏักและไม้ตะพดนั้นเป็นอย่างไร ? ขอให้มาจริงเท่านั้นแหละ..!

เถรี 19-05-2020 08:19

"น้องเล็ก.. ขอยืมโทรศัพท์ด่วนเลย..!"
อาตมาเผ่นออกจากห้องน้ำมา ขอโทรศัพท์จากน้องเล็ก เพื่อส่งข่าวด่วนที่เพิ่งได้รับคำสั่ง ก่อนที่จะเลือนหายไปจากใจ ยังดีที่พระวินัยห้ามพระแก้ผ้าอาบน้ำ ไม่อย่างนั้นคงได้วิ่งโทง ๆ ออกมาให้เขาแตกตื่นกันทั้งวัด..!

หลายคนคงคิดว่าอาตมาบ้า สรงน้ำให้เสร็จก่อนแล้วค่อยออกมาส่งข่าวก็ได้ แต่จากประสบการณ์หลายสิบปีที่ผ่านมา เรื่องที่พระ หรือพรหมเทวดา ตลอดจนกระทั่งครูบาอาจารย์ท่านสั่ง ถ้าไม่รีบจดเอาไว้หรือไม่รีบสั่งการต่อ ก็จะเลือนหายไปจากใจในเวลาไม่นาน หายไปชนิดที่งมเท่าไรก็หาไม่เจอเสียด้วย..!

"พระกริ่งสะท้านไตรภพได้เริ่มบรรจุเกศาหรือยัง ?"
"ดำเนินการไปบ้างแล้วครับ"

"ให้รอช้าไว้หน่อย พระท่านให้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุลงไปด้วย มีเวลาเมื่อไรจะรีบอัญเชิญไปให้"
"ครับ"

อนุสนธิ์สืบเนื่องมาจากการที่ ดร.จักรกฤช ศีลาเจริญ ประธานมูลนิธิสามสมเด็จ ปรารภกับอาตมาว่าจะสร้างพระกริ่งสะท้านไตรภพ เพื่อหาทุนสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชพร้อมด้วยพระตำหนักที่ประทับ เพื่ออาศัยบารมีขององค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ตรึงสถานการณ์ของประเทศชาติไม่ให้เลวร้ายลงไปกว่านี้

โดยขอนำไปปลุกเสกปิดท้ายที่วัดท่าขนุน อาตมาเห็นว่าเป็นความตั้งใจที่ดี ยินดีให้ความร่วมมือด้วย และ "ขอพ่วง" ด้วยการสร้างพระกริ่งสะท้านไตรภพในส่วนของวัดท่าขนุน นำไปเข้าพิธีด้วยกัน ซึ่งท่านประธานมูลนิธิสามสมเด็จก็อนุญาตด้วยดี

สาเหตุเพราะว่าทางวัดท่าขนุนจะหล่อพระพุทธลีลาประทานพรเนื้อเงินปิดทอง ด้วยเม็ดเงิน ๑๕๐ กิโลกรัม ถึงเวลาแล้วจะเหลือชนวนหลายสิบกิโลกรัม อาตมาไม่อยากเหลือทิ้งไว้เปล่า ๆ จึงกราบขออนุญาตพระท่านเพื่อสร้างวัตถุมงคลจากชนวนที่เหลือนี้สักรุ่นหนึ่ง

ก็พอดีกับธรรมะจัดสรร ให้ท่าน ดร.จักรกฤชมาปรึกษาเรื่องการสร้างวัตถุมงคลของทางมูลนิธิพอดี ทุกอย่างจึงลงตัวแบบไม่ได้นัดหมาย

ตามที่พระท่านเมตตาบอกว่า พระบรมสารีริกธาตุนั้นถือว่าเป็นวัตถุมงคลที่มีพุทธานุภาพสูงสุด เพราะว่าเป็นส่วนหนึ่งของพระวรกายองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีวัตถุมงคลชนิดใดจะมีอานุภาพยิ่งไปกว่านี้อีกแล้ว เมื่อบรรจุ "พระบรมสารีริกธาตุของแท้" ลงในวัตถุมงคลชนิดใดก็ตาม ย่อมมีอานุภาพครอบฟ้าคลุมดิน ชนิดที่องค์เดียวเที่ยวทั่วจักรวาลได้เลย..!

เถรี 20-05-2020 05:57

"รบกวนแจ้งทางวัดพุทธพรหมยานให้ช่วยเปลี่ยนเวลาพุทธาภิเษกมาเป็นช่วงเช้าด้วยครับ" พระเอกลิเก เอ๊ย..ท่านท้าวทศรถขอความอนุเคราะห์มา...

นาน ๆ จะมีเทวดาระดับ "ซูเปอร์บิ๊ก" มาขอแบบนี้ ก็ต้องรีบดำเนินการให้โดยด่วน แต่ทางผู้ดำเนินงานกลับสงสัยว่าทำไม ?

"งานของเขากำหนดพิธีปลุกเสกหลังเที่ยง ถ้าเป็นเช่นนั้นพวกผมส่วนใหญ่ก็จะไม่มีใครได้ไปเลย เพราะว่าติดประชุมเทวสภาครับ"

อาตมาก็ลืมเรื่องนี้ไปเหมือนกัน ว่าเทวดาไม่ได้ว่างทุกเวลา ทุกท่านล้วนแล้วแต่มีหน้าที่เต็มมือ ถ้าผิดเวลาถึงอยากสงเคราะห์ก็ทำอะไรไม่ได้ เนื่องจากหน้าที่ในความรับผิดชอบบังคับเอาไว้

"เขาไม่สงสัยกันบ้างเลยนะครับ ว่าท่านทำอะไรก็ "ปัง" คนอื่นทำอะไรก็ "แป้ก" สำหรับพวกผมแล้วเรื่องเวลาสำคัญที่สุดเลยนะครับ"

เนื่องจากอาตมาเองได้รับกำหนดการบวงสรวงและปลุกเสกวัตถุมงคลโดยเฉพาะในส่วนของตนไปแล้ว ก็ทำตามนั้นมาโดยตลอด จนลืมไปแล้วในเรื่องของเทวดาที่จะต้องติดงานติดการตามหน้าที่ของท่าน เมื่อท่านมาสงเคราะห์ไม่ได้ ต่อให้สร้างอะไรมาเข้าพิธีก็ "แป้ก" หมด

"งานนี้ทางเจ้าภาพสร้างรูปของพวกผมด้วย ในงานถ้าขาดพวกผมไปก็เป็นอันว่าจบกัน เห็นว่าทางนั้นเคารพนับถือท่าน พอที่จะตักเตือนแก้ไขกันได้ จึงมาแจ้งให้ทราบครับ"

ขอบคุณท่านเป็นอย่างยิ่ง ภาษิตจีนเขาเรียกว่า "ฆ่าไก่แต่ใช้มีดโค" เล่นเอาระดับผู้บัญชาการเหล่าทัพมาส่งข่าว รู้สึกว่าผิดฝาผิดตัวและเกรงใจเป็นอย่างยิ่ง

ขอให้ทุกท่านมีแต่ความสุขความเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป แล้วพบกันในวันงานนะครับ

เถรี 22-05-2020 19:56

"ฝากให้ช่วยประคับประคองด้วยนะ ถ้าอยู่ต่อได้ จะได้เป็นกำลังใหญ่ของพระพุทธศาสนา"

"หลายรายเต็มทีแล้วครับท่านปู่ ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นธนาคารรับเด็กฝากไปแล้วครับ"

ท่านผู้เป็นใหญ่ในสรวงสวรรค์ยิ้มอย่างเมตตา "ก็เหมือนกับสมัยก่อนที่ปู่ฝากพวกเจ้าไว้กับพ่อฤๅษีของเจ้านั่นแหละลูก มาสมัยนี้ก็ขอฝากลูกพระหลานพระไว้กับเจ้าบ้าง"

งานบวงสรวงพุทธาภิเษกวัตถุมงคลที่วัดพุทธพรหมยาน เมื่อถวายเครื่องบายศรีสักการะเสร็จแล้ว อาตมาก็กราบขอบารมีพระ พรหม เทวดา ครูบาอาจารย์ทั้งหมด โดยเฉพาะหัวหน้าเทวดาอย่างท่านปู่พระอินทร์ ที่ต้องรับภาระส่งเทวดาติดตามดูแลวัตถุมงคลแต่ละชิ้น จึงได้เด็กฝาก เอ๊ย..พระฝาก เพิ่มมาอีก ๑ ราย

"เบี้ยแก้นิมนต์พระคุณเจ้าดำเนินการขอรับ" ท่านปู่หันไปพนมมือไหว้พระภิกษุชราร่างผอมห่มผ้าสีคล้ำซึ่งนั่งบนเถรอาสน์สูงกว่าท่านไปอีกระดับ...

"เบี้ยแก้ตัวครูอยู่ในย่ามแล้วครับ" เมื่อสายตาคมกริบเต็มไปด้วยจิตตานุภาพประดุจตาเสือกวาดมา อาตมาก็รีบรายงานทันที "ดี" ท่านกวักมือนิดเดียวประกายสีเงินยวงของโลหะธาตุศักดิ์สิทธิ์ ก็แผ่กระจายออกจากเบี้ยครูไปรอบข้างเหมือนกับหว่านแห ครอบลงบนตัวเบี้ยทั้งหมดที่มาเข้าพิธี จนทุกลูกเปล่งประกายวาววับเหมือนกับดาวรุ่งประดับฟ้า...

"พวกที่เอาเบี้ยแก้วัดอื่นมาเข้าพิธี จะเหลืออานุภาพแค่สายวิชาเดียวนะ ให้ไปค้นหาคาถากำกับและวิธีใช้เอาเอง"

"ขอบพระคุณหลวงปู่เป็นอย่างยิ่งครับ"

"ส่วนโน้นเป็นภาระของท้าวมหาราชทั้ง ๔" ท่านปู่ชี้ไปที่รูปเหมือนท้าวจาตุมหาราชหลายร้อยองค์ "ขอรับกระผม" ท้าวมหาราชทั้งสี่รับคำ เสียงกระหึ่มปานฟ้าคำรณ...

จตุรเทพอาวุธยกขึ้นพร้อมกัน พลังที่แผ่ซ่านออกมาเหมือนกับจะกวาดภูเขาถมทะเล ประสานเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทั้งสี่ทิศ แล้วครอบคลุมลงบนกองวัตถุมงคลทั้งปวง...

"พวกที่เอามีดเอาดาบเอาไม้เท้าไม้ถือมาเข้าพิธี ถือว่าโชคดีไปก็แล้วกัน" เสด็จ เอ๊ย..ท่านท้าววิรุฬหกเอ่ยขึ้น...

"รูปเหมือนชุดนี้มีอานุภาพทางไหนครับ ?"

"ปกป้องคุ้มภัยในทิศทั้งสี่ตามแต่จะอธิษฐาน แต่ต้องขยันหมั่นสวดมนต์ไหว้พระทุกวัน ถ้าใครตั้งใจปฏิบัติในอารมณ์พระโสดาบัน พวกผมจะตามคุ้มครองป้องกันให้ตลอดชีวิต" ทั้งสี่ท่านตอบพร้อมกันเหมือนท่องหนังสือ

"ใครที่ไม่ทันตะกรุดคู่ชีวิตครั้งก่อน ให้เอาชุดนี้ไปใช้แทน ส่วนของประเภทหนุ่มรักสาวหลงอะไรพวกนั้น แล้วแต่ความประพฤติของแต่ละคน ถ้าผิดท่าผิดทางขึ้นมา ข้างล่างยังมีที่ว่างให้พวกเจ้าอีกมาก..!"

ท่านปู่เตือนทุกคนแล้วนะ โปรดระมัดระวังกันเอาเอง เมื่อกราบลาท่านปู่ที่งานนี้ได้รับหน้าที่ "ประธานอำนวยการ" แล้ว อาตมาก็ได้เวลาตื่นพอดี เมื่อคืนนอนน้อยไปหน่อย เผลอหลับและฝันไปอีกแล้ว

เถรี 23-05-2020 14:36

วันเสาร์ที่ ๒๓ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๓ อาตมาออกบิณฑบาตตามปกติ พร้อมกับแจ้งญาติโยมว่า พรุ่งนี้ขอหยุดการบิณฑบาต ๑ วัน เพื่อหล่อพระพุทธลีลาประทานพรเนื้อเงินปิดทอง...

ฉันเช้าแล้วพระเณรช่วยกันออกไปตั้งมณฑลพิธี การที่อาตมาปล่อยให้ทุกคนทำงานด้วยตัวเอง หลังจากที่ทำให้ดูสักครั้งสองครั้งแล้ว ทำให้ทุกคน "เป็นงาน" เร็วมาก...

นี่เป็นวิธีการของ "ครูโบราณ" คือ "สอนให้จำ ทำให้ดู อยู่ให้เห็น ตายให้เป็น" ถ้าเป็นยุคนี้ก็คือ บอกวิธีการ แสดงตัวอย่าง คอยควบคุมอยู่ห่าง ๆ เมื่อเขาจดจำและทำทุกอย่างได้ ถึงเราตายไปแล้วก็ยังเหมือนกับมีชีวิตอยู่...

วิธีการแบบนี้เรียกอีกอย่างว่า "สอนแบบลูกเสือลูกจระเข้" ซึ่งตัวแม่จะแสดงตัวอย่างให้ดูแค่ ๒ - ๓ ครั้งเท่านั้น หลังจากนั้นแล้วลูกก็ต้องไปฝึกหัดเลียนแบบเอาเอง ถ้าทำไม่ได้ก็อดไป ท้ายสุดเมื่อท้องหิวมาก ๆ เข้า ก็บีบบังคับให้ตัวลูกต้องล่าเป็นจนได้...

ทุกหน่วยงานทุกองค์กรถ้ามีความไม่ประมาทก็ควรที่จะเป็นเช่นนี้ เพราะว่าไม่มีใครสามารถอยู่ค้ำฟ้าได้ ถ้าไม่มีการฝึกหัดบุคคลรุ่นต่อไปเตรียมพร้อมเอาไว้ ถึงเวลาก็จะเกิดการชะงักงัน แล้วในยุคสมัยที่ทุกอย่างวิ่งไปข้างหน้ารวดเร็วเช่นนี้ เราอาจจะโดนทิ้งจนกระทั่งตามใครไม่ทันไปเลยก็เป็นได้...

เถรี 23-05-2020 14:41

การที่รัฐบาลประกาศเลื่อนการบังคับใช้ พรก.ฉุกเฉิน ออกไปอีก ๑ เดือนนั้น สามารถมองออกไปหลายแง่หลายมุม บ้างก็เห็นเป็นเรื่องของการเมือง ทำไปเพื่อรักษาอำนาจตนเองล้วน ๆ บ้างก็เห็นดีเห็นงามตามรัฐบาลไปด้วย...

เราต้องไม่ลืมว่าการต่ออายุ พรก.ฉุกเฉิน ออกไปอีก ๑ เดือนนั้น นอกจากจะเป็นมติของ สมช. (สภาความมั่นคงแห่งชาติ) แล้ว ยังผ่านการเห็นชอบของ ศบค. (ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า ๒๐๑๙) อีกด้วย...

ถ้ามองกันอย่างเป็นธรรมก็คือ สมช. อาจจะหวงอำนาจ เล่นการเมือง แต่ ศบค.ที่ส่วนใหญ่เป็นคุณหมอมืออาชีพ ที่ต้องรบกับเชื้อไวรัส covid-๑๙ มาตลอดสามเดือนนั้น คงไม่มีอารมณ์ที่จะมาเล่นการเมืองด้วย นอกจากทำเพื่อควบคุมสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสให้อยู่ในกรอบที่รับมือได้อย่างดีที่สุด...

ต้องไม่ลืมคำพูดที่ว่า "ทำอะไรตามใจคือไทยแท้" แม้แต่อุ้มหมาเข้าร้านสะดวกซื้อก็ยังทำตามใจตัวเองได้ ถ้าหากไม่มีอะไรมาคอยควบคุมเอาไว้ สถานการณ์ที่ช่วยกันประคับประคองจนอยู่ในระดับที่ดีมาก ก็อาจจะกลับพังเละเทะไม่เป็นท่าเหมือนกับหลายประเทศที่ยกเลิกการควบคุมไป...

อดทนกันอีกนิดเพื่อสร้างขันติบารมี ระมัดระวังกันอีกหน่อยเพื่อสร้างปัญญาบารมี ขอเพียงไม่ประมาทเท่านั้นทุกอย่างจะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้นแล้วพวกคุณจะทำให้สถานการณ์ประเทศชาติเละเทะขนาดไหนก็เชิญทำไป จะชวนใครออกไปตายกลางถนนก็เชิญ เพราะว่าไม่มีเชื้อโรคร้ายมาคอยกระทืบซ้ำอยู่เหมือนกับตอนนี้...

อย่าเพิ่งรีบแสดงบทบาท การแสดงนั้นมีทั้งการแสดงที่เฉลียวฉลาด และการ "โชว์โง่" ที่คนเห็นแล้วเวทนาสงสาร รอให้สถานการณ์ดีขึ้นกว่านี้แล้วค่อยออกมาแสดง เราจะได้ผ่านวาระที่ยากลำบากนี้ไปด้วยกัน...


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 23:27


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว