หลวงพ่อบอกว่า "งูมันไม่ชอบมะนาว เขาบอกเวลาเข้าป่าให้พกมะนาวไว้ ก่อนนอนให้บีบมันช้ำ ๆ หน่อย ให้กลิ่นมันออก งูจะได้ไม่เข้าใกล้ "
|
หลวงพ่อบอกว่า "พวกเราเป็นนักปฏิบัติ ให้ระวังเอาไว้ตรงจุดนี้ เพราะว่าเวลาหิวมาก ๆ เหนื่อยมาก ๆ เจ็บไข้ได้ป่วย ง่วงนอน ไม่ได้พักผ่อน กำลังใจของเราถ้าไม่ทรงตัวจริง ๆ จะหลุดได้ง่าย แล้วพอหลุดได้ง่าย อารมณ์ราคะ โลภะ โทสะ โมหะ จะแทรกได้ง่าย"
|
หลวงพ่อบอกว่า "คาถาเงินล้านมีเคล็ดลับอยู่ตรงที่ว่าอย่าทำเพราะอยากได้ ให้ทำเพราะว่าเป็นของดีที่สุดครูบาอาจารย์ให้ไว้ หน้าที่ของเราก็คือรักษาสมบัติครูบาอาจารย์ด้วยการท่องบ่นภาวนาเป็นปกติ "
|
หลวงพ่อบอกว่า "เรื่องกรรมฐาน การบรรลุมรรคผล ไม่ต้องไปเที่ยวถามคนอื่น ถ้าเราทำจริงมีสิทธิ์ทุกคน เราจะต้องมั่นใจว่าเราคือหนึ่งในผู้ที่จะบรรลุมรรคผล ไม่ใช่ไปเที่ยวถามคนนั้นคนนี้ ถามไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะขึ้นอยู่กับการทำของเรา"
|
หลวงพ่อเล็กบอกว่า ลูกแก้วจักรพรรดินั้นให้ผลในเรื่องลาภโดยตรง ใช้คู่กับคาถาเงินล้าน ถ้าจะเอาให้ได้ผลจริง ๆ เลย ให้ควบกรรมฐาน โดยจับภาพลูกแก้วแล้วสวดคาถาเงินล้านไปพร้อม ๆ ด้วย จะยิ่งดีไปใหญ่
|
หลวงพ่อเจ้าคุณพระราชธรรมโสภณ รองเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี สอนหลวงพ่อเล็กว่า "จำไว้นะคุณ ผู้ใหญ่ให้อะไรรีบรับไปเถอะ เราจะเป็นคนน่ารักในสายตาของท่าน"
หลวงพ่อเล็กบอกว่า "ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาพอท่านให้อะไร ขนกลับหมด ผู้ใหญ่ให้ของเพราะท่านมีเหลือเฟือแล้ว เราไปปฏิเสธประเภทผมพอแล้ว ผมไม่อยากได้แล้ว เดี๋ยวก็โดนข้อหาหมั่นไส้ เพราะกำลังใจของแต่ละคนจะไม่เท่ากัน แต่ถ้าเรารีบกระตือรือร้นรับ จะเห็นเป็นบุญคุณเลยที่ท่านให้มา เห็นความดีของท่าน มันก็กลายเป็นว่าทำตัวน่ารักไป ท่านสอนเคล็ดลับของการอยู่ร่วมกับคนอื่น จำไว้ ผู้ใหญ่ให้อะไรรีบรับ" |
หลวงตาวัชรชัยเคยถามหลวงพ่อเล็กว่า "เล็ก เอ็งทำกำลังใจอย่างไรวะ งานคล่องดีเหลือเกิน"
หลวงพ่อเล็กก็บอกว่า "ผมตั้งใจจะนอน" |
หลวงพ่อบอกว่า "มืดมันคู่กับความสว่าง ตอนที่มืดที่สุดก็คือตอนที่ความสว่างใกล้จะมาถึง อันนี้เป็นสัจธรรมเลย ไม่ใช่เรื่องที่พูดให้เท่ ๆ ตอนที่ทุกข์ยากลำบากก็จะมีความสุขรออยู่ข้างหน้า ตอนล้มเหลวก็ขอให้รู้ว่าความสำเร็จมันอยู่ไม่ห่าง"
|
หลวงพ่อสมเด็จฯ วัดสระเกศ ได้กล่าวกับหลวงพี่เอ๊ด วัดเขาวง ว่า "องค์ที่ทำงานหนักที่สุดก็คือพระพุทธเจ้า ท่านนอนน้อย ทำงานมาก ทรงโปรดคนด้วยเมตตา ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง หลวงพ่อฤๅษีท่านก็ทำงานหนัก รู้ใจกัน...จนโดนด่าว่ามาด้วยกันก็มาก หลวงตานี่..ก็รู้จักท่านมานาน ท่านก็ทำงานมาก เป็นพระทำงาน ตัวท่าน(หมายถึงหลวงพี่เอ๊ด) อายุยังน้อย ยังมีแรงอยู่ ต้องทำงานมาก ๆ
งานของพระก็คือ เจริญศรัทธา ต้องทนทุกอย่างให้ได้.. คนรักคนเกลียดนี่..ต้องทนได้ ทำทุกอย่างเพื่องานพระพุทธศาสนาเขตที่เราอยู่ดูแล "ให้เป็นสถานที่ที่คนทั้งหลายเขาเอาทุกข์มากองทิ้งได้" |
นอกจากนี้หลวงพ่อสมเด็จฯ ท่านยังได้สอนอีกว่า "อย่าเดินนอกรอยครูบาอาจารย์....ไม่ควรมีมานะถือว่าเราเก่งหรือดีกว่าใคร...ให้มีปกติทนได้ทุกอย่าง! เพราะเราเป็นนักบวช ต้องขอบคุณตัวเองที่พามาถึงจุดนี้ได้ จุดที่มนุษย์พึงปรารถนา ได้บวชได้เรียนภายใต้ร่มกาสาวพัสตร์"
|
หลวงตาวัชรชัยสอนว่า "คนที่ไม่มีความอดทนต่อเรื่องต่าง ๆ จะไปต้านทานแรงของกิเลสได้อย่างไร อย่าไปคุยเรื่องฌาน สมาบัติ หรือคุณวิเศษอะไรเลย แค่ยกตัวเองขึ้นจากที่นอนมาทำกิจวัตร ทำความเพียร ยังทำไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงความเข้มแข็งของกำลังใจอื่นหรอก"
|
หลวงตาวัชรชัยบอกว่า "พระโสดาบันจะเกิดเฉพาะในยุคที่มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ เพราะใจของพระโสดาบันผูกพันกับพระพุทธเจ้า พระโสดาบันจะไม่เกิดในยุคที่ไม่มีพระศาสนา ท่านเกิดมาต้องได้ฟังธรรมเสมอ"
|
หลวงตาสอนว่า เวลามองอะไรควร 'มองโดยปรมัตถ์' คือ ไม่มีอะไรเป็นของเรา ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่เหลืออะไรที่เป็นตัวเราของเรา
|
ตอนต้นเดือนที่ผ่านมา ช่วงวันเสาร์เถรีใส่เสื้อตัวสีเขียวไปบ้านอนุสาวรีย์ ไปถึงก็ก้มกราบท่าน ปรากฏว่ากราบไม่ทันครบ ๓ ครั้ง หลวงพ่อพูดว่า "กุ๋ย เสื้อตัวนี้สวยนะ" ทักแบบนี้ เป็นเรื่องแล้ว....
ท่านก็พูดต่อว่า "วันหลังใส่เสื้อที่มันสวยน้อยกว่านี้หน่อยนะ หนุ่ม ๆ ที่ตบะยังอ่อนอยู่ เห็นเข้าเดี๋ยวกระเจิง" แล้วหลังจากนั้นท่านก็เล่าให้ฟังถึงเรื่องสมัยที่ท่านยังเด็ก ท่านได้เรียนวิชาลีลาศ แล้วต้องเต้นรำจับคู่กับเพื่อนผู้หญิง ท่านบอกว่าตอนที่จับโดนเนื้อผู้หญิงครั้งนั้น อารมณ์สัมผัสมันติดอยู่ในความรู้สึกไปเป็นเวลา ๒-๓ วันเลย นานขนาดนั้นกว่ามันจะหาย แล้วท่านก็ย้อนมาบอกเถรีว่า "เรื่องอย่างนี้บางทีเราไม่ได้เจตนา แต่กรรมมันเกิด" สรุปก็คือ เสื้อสีเขียวของเถรีตัวนั้น เวลาปกติก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แต่ตอนก้มนี่สิคะ มันมีที่ให้น่าตำหนิ - -" วันหลังจะพยายามระมัดระวังให้มากกว่านี้ค่ะ ขอให้ทุกท่านดูเถรีเป็นตัวอย่าง แต่อย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่างนะคะ |
หลวงตาวัชรชัยเล่าว่า "เคยเห็นพ่อ (หลวงพ่อฤๅษี) ตื่นนอนขึ้นมาตอนเช้าที่บ้านสายลม พ่อลุกขึ้นครองจีวรลงไปสงเคราะห์เด็กผู้หญิงเพียงคนเดียวที่มานั่งอธิษฐานขอพบ พ่อลงไปทำงานให้ลูกสาวตัวน้อยอิ่มใจ สบายใจ แล้วพ่อก็ขึ้นมานอนต่อ จำน้ำคำพ่อได้ติดใจนัก"
"แกจำไว้ หากมีดวงจิตแม้ดวงเดียวที่ปรารถนาธรรมะเพื่อพระนิพพาน เราจะต้องให้ชีวิตสงเคราะห์เขาไป แต่ถ้าใจคนที่ไม่ต้องการพระธรรมความหลุดพ้น แม้จะมากตั้งพันคนหมื่นคน อย่าไปตามใจเป็นขี้ข้าเขา.." |
หลวงพ่อวัดท่าซุงสอนว่า "ดูตัวอย่างพระพุทธรูป ทำใจของเราให้เหมือนใจพระพุทธรูป พระพุทธรูปท่านยิ้มตลอดเวลา หนาวก็ยิ้ม ร้อนก็ยิ้ม ใครเขาเอาอะไรไปถวายก็ยิ้ม เขาไม่ถวายก็ยิ้ม เขาด่าก็ยิ้ม เขาชมก็ยิ้ม พระพุทธรูปไม่มีจิตวิญญาณ แต่ทว่าเราที่มีจิตวิญญาณควรทำอาการของใจคือวางเฉยเช่นเดียวกับพระพุทธรูป"
|
ต้นเดือนที่ผ่านมาหลวงพ่อเล็กบอกว่า "เว็บวัดท่าขนุนเป็นเว็บเขี้ยวลากดิน ผิดแม้แต่ตัวเดียวก็โดน ถ้าไม่ยอมใช้เลขไทยก็โดน เพราะฉะนั้นไปฝึกภาษาไทยได้ในเว็บวัดท่าขนุน"
|
หลวงพ่อเคยบอกว่า "ถ้าความดีมีไม่พอ พระช่วยไม่ได้ "
เพราะฉะนั้นเป็นหน้าที่ของเรา ที่จะต้องสะสมทุนความดีไว้เยอะ ๆ ค่ะ |
หลวงพ่อเล็กเคยกล่าวเอาไว้ว่า " แม้แต่พระอรหันต์ก็มีความสามารถไม่เท่ากัน ที่เท่ากันคือความสามารถในการละกิเลส ดังนั้น การรู้เห็นอาจจะต่างกันได้ ส่วนการพยากรณ์มรรคผลเป็นหน้าที่ของพระพุทธเจ้าเท่านั้น ผู้อื่นถือว่าเสียมารยาท ยิ่งเป็นฆราวาสยิ่งไม่ควรแก่การเชื่อถือ.."
|
หลวงพ่อท่านเคยบอกว่า "จะบูชาพระองค์ไหนปางไหน ก็พระพุทธเจ้าเหมือนกัน อานิสงส์เหมือนกัน"
"ถ้ากำลังใจเรายึดในพระรัตนตรัยมั่นคงพอ ที่อยู่ในตู้นี่(ท่านชี้ที่ตู้วัตถุมงคลบ้านอนุสาวรีย์) องค์เดียวก็เหลือแหล่....ถ้าไม่มั่นคง....จะพกไปเป็นกล่องให้อุ่นใจก็ยังไหว..." |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 08:04 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.