![]() |
"๔. ระบบเกษตรทฤษฎีใหม่ ตามทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ซึ่งแบ่งพื้นที่สมมติว่า ๑๐ ไร่ ออกเป็น ๑ : ๓ : ๓ : ๓ นั้นสามารถช่วยให้เราอยู่รอดได้ทุกสถานการณ์
๑ ส่วน สำหรับสร้างบ้านเรือนและปลูกผักสวนครัวรั้วกินได้ ๓ ส่วน ขุดบ่อน้ำซึ่งสามารถเลี้ยงปลาได้ ใช้น้ำในการเกษตรได้ เลี้ยงไก่บนบ่อปลาได้ ๓ ส่วนต่อมา ปลูกข้าวซึ่งเป็นอาหารหลักของเรา บนคันนาก็สามารถแซมไม้ใช้สอย เอาไว้สำหรับสร้างบ้านหรือสำหรับใช้ทำเป็นเชื้อเพลิง ๓ ส่วนสุดท้าย ปลูกพืชผลไม้แบบสวนสมรม คือมีหลายอย่าง สามารถหมุนเวียนเปลี่ยนกันออกสู่ตลาดได้ เป็นการประกันความเสี่ยงว่า ถ้าอย่างใดอย่างหนึ่งราคาตก อย่างอื่นก็จะขายได้ราคา รอบบ้านและพื้นที่ปลูกผักสวนครัวนั้น ก็ให้ปลูกพวกมะละกอ กล้วย ซึ่งมีระยะการให้ผลยาวนานกว่าพืชผักสวนครัวอื่น ๆ ทำให้ใช้สับเปลี่ยนหมุนเวียนเป็นพืชอาหาร หรือว่าสามารถนำออกสู่ตลาดได้โดยที่ทุกอย่างไม่ต้องไปประดังกันทีเดียวทำให้ราคาตก" |
"๕. สุขภาพอนามัยเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ถ้าเราสุขภาพดี ร่างกายแข็งแรง โอกาสที่จะติดเชื้อก็น้อยลง หลายท่านทุ่มเทกับการงานทั้งชีวิต โดยไม่ใส่ใจกับสุขภาพของตน แล้วก็ต้องเอาเงินเก็บทั้งหมด ไปใช้ในการรักษาร่างกายที่ชำรุดทรุดโทรมทีหลัง ซึ่งถ้าไม่มีการประกันสุขภาพไว้ ก็อาจจะใช้จ่ายเกินเงินที่เก็บไว้อีกต่างหาก เราจึงควรที่จะบริหารร่างกาย ออกกำลังกาย เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง เป็นเครื่องประกันว่า เราจะไม่ต้องใช้เงินเก็บของเราไปในการซ่อมสุขภาพจนหมด
๖. สุขภาพจิตที่ดีช่วยให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง และช่วยให้คนรอบข้างมีความมั่นคงทางจิตใจไปด้วย คนที่มีสุขภาพจิตดีจากการฝึกฝนตนเอง ตามหลัก ศีล สมาธิ ปัญญา ย่อมมีสติในทุกเมื่อ มีความมั่นคงทางจิตใจที่ผู้อื่นต้องอาศัยเป็นที่พึ่งพา มีปัญญาหาช่องทางให้พ้นจากวิกฤตการณ์ได้เร็วกว่าคนอื่นเขา ดังนั้น..การปฏิบัติธรรมที่คนจำนวนมากในยุคก่อนไวรัส covid - ๑๙ ระบาด เห็นเป็นเรื่องงมงายเหลวไหล เป็นเรื่องของคนแก่ เป็นเรื่องของพวกไดโนเสาร์เต่าล้านปี มาในสถานการณ์เช่นนี้จะเห็นได้ชัดว่า หลักธรรมของพระพุทธเจ้านั้น ถ้ารู้จักนำมาประยุกต์ใช้ สามารถช่วยเราและคนรอบข้างได้ในทุกสถานการณ์" |
"เรื่องทั้งหลายเหล่านี้เป็นข้อคิดบางส่วนที่ได้จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-๑๙ ในครั้งนี้ ทำให้ท่านทั้งหลายได้มีโอกาสใช้บทเรียนเหล่านี้ เตรียมตัวในการรับสถานการณ์ที่ย่ำแย่แบบนี้ในคราวหน้า โดยเฉพาะความมีระเบียบวินัย เชื่อฟังผู้นำ เห็นแก่ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน จะช่วยให้ท่านทั้งหลายมีโอกาสหลุดพ้นจากสถานการณ์วิกฤตได้เร็วกว่าผู้อื่นเขา"
|
"เราทั้งหลายพึงพิจารณาเนือง ๆ ว่า "กาย วาจา ใจ ที่ดีกว่านี้ยังมีอยู่อีก เราต้องทำ กาย วาจา ใจ เหล่านั้นให้ได้"
ขอคุณพระศรีรัตนตรัยคุ้มครองป้องกัน ให้ทุกท่านผ่านพ้นจากสถานการณ์นี้ไปได้โดยเร็ว และนำเอาประสบการณ์ชีวิตในช่วงนี้ ไปปรับใช้ในการดำเนินชีวิตของตน เป็นการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ได้แก้ไขปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจของเรา ให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือพระนิพพาน เป็นที่ไปในเบื้องหน้ากันทุกท่านทุกคนเทอญ" |
พระอาจารย์กล่าวว่า "ทองผาภูมิเป็นเมืองเก่าแก่ ชื่อเดิมคือเมืองท่าขนุน เป็นเมืองหน้าด่านที่มีความสําคัญปรากฏชัดในประวัติศาสตร์ไทย แม้ในปัจจุบันก็เป็นเมืองสำคัญทางการท่องเที่ยว โดยมีคำขวัญประจำอำเภอว่า
"พุน้ำร้อนหินดาด ตลาดอีต่อง โบอ่องเจดีย์ ราชินีปูไทย เพลินใจแควน้อย เกินร้อยภูผา งามสุดตาเขื่อนวชิราลงกรณ" |
"พุน้ำร้อนหินดาด ถูกค้นพบโดยทหารญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ในพื้นที่บริเวณตำบลหินดาด เนื่องจากคนญี่ปุ่นมีวัฒนธรรมออนเซ็น คือ การแช่น้ำร้อนเป็นปกติ เมื่อได้พบแหล่งพุน้ำร้อนแบบนี้เข้า ก็เป็นสวรรค์ของทหารญี่ปุ่นในยุคนั้นดี ๆ นี่เอง ถ้าใครโดนโยกย้ายไปที่อื่น ก็แทบจะนั่งร้องไห้หรือไม่ก็ทำพิธีเซ็ปปุกุ คว้านท้องตัวเองให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย..!
เมื่อผ่านพ้นยุคสงครามโลกครั้งที่ ๒ ได้มีการพัฒนาพุน้ำร้อนหินดาดเป็นแหล่งท่องเที่ยว เมื่อ ๓๐ กว่าปีที่แล้วซึ่งอาตมาไปทองผาภูมิครั้งแรกนั้น พุน้ำร้อนหินดาดยังมีอยู่แค่ ๒ บ่อ แบ่งแยกเป็นบ่อผู้หญิงและบ่อผู้ชายเท่านั้น จนเมื่อมีการตั้งองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นขึ้นมา องค์การบริหารส่วนตำบลหินดาด จึงได้ยื่นมือเข้ามาพัฒนาเป็นการใหญ่ และสนับสนุนจนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งของทองผาภูมิ นักท่องเที่ยวที่มายังอำเภอทองผาภูมินั้น โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่นและชาวรัสเซีย จะไม่พลาดในการไปแช่พุน้ำร้อนหินดาดอย่างเด็ดขาด" |
"ตลาดอีต่องนั้น ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านอีต่อง เขตตำบลปิล็อก ติดชายแดนพม่าแถบเมืองกาเลอ่อง ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของทองผาภูมิขึ้นมาได้ ก็เนื่องจากมีเหมืองแร่อีต่อง ซึ่งเป็นเหมืองแร่วุลแฟรม ในยุครุ่งเรืองนั้น กุลีในเหมืองแร่อีต่อง จิบเบียร์คลอสเตอร์หรือไฮเนเก้นกันเป็นว่าเล่น..!
เมื่อเหมืองแร่อีต่องต้องปิดตัวลง เพราะว่าราคาแร่ตกมากจนไม่คุ้มที่จะทำต่อไป ก็มีการปรับมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวแทน โดยมีเนินช้างศึกซึ่งเป็นฐานทหารไทยที่ตั้งประจัญอยู่กับกองทัพพม่า น้ำตกจ๊อกกระดิ่ง และยอดเขาช้างเผือก เป็นองค์ประกอบที่ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมายไปยังสถานที่นั้น มีอยู่ช่วงหนึ่งยังมีปิล็อกฮิลล์ เป็นสถานที่ปลูกดอกไม้เมืองหนาว ที่จัดพื้นที่ได้สวยงามมาก นอกจากตัดดอกไม้เมืองหนาวขายแล้ว ยังเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมสถานที่อันงดงามอีกด้วย แต่แล้วก็สู้เศรษฐกิจตกช่วงปี ๒๕๔๐ ไม่ไหว จนต้องปิดตัวลงไปอย่างน่าเสียดาย" |
"โบอ่องเจดีย์ เป็นพระเจดีย์กลางน้ำเก่าแก่ มีมาตั้งแต่ก่อนที่จะมีเขื่อนวชิราลงกรณ เป็นศูนย์รวมใจของพี่น้องมอญ พม่า กะเหรี่ยง ในชีวิตอย่างน้อยต้องไปไหว้พระเจดีย์โบอ่องให้ได้สักครั้งหนึ่ง
เมื่อมีการปิดเขื่อนวชิราลงกรณเพื่อเก็บกักน้ำในปี ๒๕๒๖ ทำให้น้ำท่วมทั่วไปเป็นบริเวณกว้าง การจะไปยังพระเจดีย์โบอ่องนั้น จึงกลายเป็นต้องนั่งเรือไปแทน จะไปขึ้นที่บริเวณวัดพระธาตุโบอ่องเลย หรือว่าจะไปขึ้นที่ตัวหมู่บ้านแล้วค่อยเดินไปยังพระเจดีย์ก็ได้ วัดพระธาตุโบอ่องนั้นน่าสงสารมาก มีมาเก่าแก่โบร่ำโบราณใกล้เคียงกับการตั้งองค์พระเจดีย์ แต่ว่ากลับตกสำรวจ ไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นวัดในพระพุทธศาสนาอย่างถูกต้อง แม้แต่สำนักสงฆ์ที่ถูกต้องตามระเบียบราชการก็ไม่ได้เป็นเช่นกัน ปัจจุบันนี้วัดพระธาตุโบอ่องยังเป็นเพียงที่พักสงฆ์อยู่ ทั้งที่มีพระภิกษุสงฆ์จำพรรษาอยู่เป็นจำนวนมากทุกปี และชาวบ้านรอบบริเวณวัดก็ให้การอุปถัมภ์ค้ำชูที่ดีมาก เป็นภาระให้ทางคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ ต้องดิ้นรนผลักดันกันต่อไป จนกว่าจะได้เป็นสำนักสงฆ์หรือว่าเป็นวัดอย่างถูกต้องตามกฎหมายไทยเสียที" |
"ราชินีปูไทย เป็นปู ๕ สี ปรากฏมีแห่งเดียวในโลก ที่บริเวณพุปูราชินี ตำบลห้วยเขย่ง อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี
ปูชนิดนี้มีสีสันต่าง ๆ คือ ขาว แดง ม่วง ส้ม และดำ สลับสีกันอย่างสวยงาม เป็นปูที่ได้รับการค้นพบใหม่ และได้รับพระราชทานนามจาก สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ว่า "ปูราชินี" ในบริเวณพุปูราชินีนั้น อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ นอกจากปูราชินีซึ่งจะปรากฏตัวให้เห็นได้ง่ายในช่วงฤดูฝนแล้ว บริเวณใกล้เคียงยังมีค้างคาวกิตติ ซึ่งเป็นค้างคาวชนิดที่เล็กที่สุดในโลก ค้นพบโดยนายกิตติ ทองลงยา เป็นค้างคาวที่ตัวโตประมาณหัวแม่มือเท่านั้น" การจะไปดูปูราชินีควรที่จะไปในช่วงฤดูฝน และควรจะมีรถยนต์ขับเคลื่อน ๔ ล้อส่วนตัวมาด้วย โดยทำหนังสือขออนุญาตเข้าเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิมาจากกรุงเทพฯ ก็จะได้รับการอำนวยความสะดวกในการเข้าชมปูราชินีจากเจ้าพนักงานป่าไม้ในพื้นที่ตามสมควร" |
"เพลินใจแควน้อย หมายถึงแม่น้ำสำคัญของอำเภอทองผาภูมิ ซึ่งไหลผ่านอำเภอไทรโยค ลงไปจนถึงอำเภอเมืองกาญจนบุรี แล้วไหลรวมกับแม่น้ำแควใหญ่ บริเวณที่เรียกว่าแพรก จนกลายเป็นแม่น้ำแม่กลอง ไหลผ่านราชบุรีไปออกปากอ่าวที่สมุทรสงคราม
ตลอดสายของแม่น้ำแม่กลองนั้น นักท่องเที่ยวสามารถตกปลา ขี่ช้าง ล่องแพ ไม่ว่าจะเป็นแพไม้ไผ่ หรือว่า "แพเธค" ตั้งแต่บริเวณท่าน้ำเทศบาลตำบลทองผาภูมิ ผ่านวัดท่าขนุนยาวลงไปตลอดอำเภอไทรโยค จนถึงหน้าเมืองกาญจนบุรี แม่น้ำแควน้อยและแม่น้ำแควใหญ่ เป็นสายเลือดสำคัญของจังหวัดกาญจนบุรี เมื่อรวมตัวกันเป็นแม่น้ำแม่กลอง ก็ยังคงความสำคัญยาวไปจนถึงราชบุรีและสมุทรสงคราม สายน้ำนี้ใช้ทั้งในการปั่นไฟฟ้าเพื่อเศรษฐกิจ เป็นแหล่งประปาสำคัญของอำเภอทองผาภูมิและไทรโยคในการผลิตน้ำดื่ม ตลอดถึงเป็นแหล่งน้ำทางการเกษตรตลอดสายไปจนถึงปากอ่าวแม่กลอง ในช่วงที่ไหลผ่านอำเภอไทรโยค ยังมีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญได้แก่น้ำตกไทรโยคใหญ่ ซึ่งเป็นที่มาของบทเพลงอมตะ "เขมรไทรโยค" จนท่วงทำนองการไหลของสายน้ำ "จ็อก..จ็อก..โครม..จ็อก..จ็อก..จ็อก..โครม" กลายเป็นจังหวะอมตะไปเสียแล้ว" |
"เกินร้อยภูผา หมายถึงบรรดาขุนเขาต่าง ๆ ที่ลดหลั่นกันอย่างงดงามตา โดยเฉพาะในส่วนที่โอบล้อมตัวอำเภอทองผาภูมิ ได้รับการขนานนามว่า "ขุนเขาพระศิวะ" ซึ่งมาจากนิยายของ "พนมเทียน" เรื่อง "เพชรพระอุมา" อมตะนิยายที่ได้รับการยอมรับว่ามีเนื้อหายาวที่สุดในโลก..!
คำว่า ทองผาภูมิ หมายถึง ถิ่นแห่งขุนเขาที่มีแหล่งแร่ทองคำ จึงไม่น่าแปลกใจว่าอำเภอทองผาภูมินั้นมีที่ราบน้อย ส่วนใหญ่แล้วเป็นภูเขาสลับซับซ้อน มีจุดสูงสุดอยู่ที่ยอดเขาช้างเผือกในเขตบ้านอีต่อง ตำบลปิล็อก ซึ่งมีความสูงประมาณ ๑,๒๐๐ เมตร มีอากาศเย็นสบายทั้งปี ส่วนภูเขาอื่น ๆ นั้นก็สูงต่ำลดหลั่นกันไป ไม่ว่าจะเป็นเขาแหลม ซึ่งเคยเป็นชื่อของเขื่อนเขาแหลมมาก่อน ภายหลังจึงได้เปลี่ยนชื่อเป็นเขื่อนวชิราลงกรณ ตลอดจนเขาเย็น เขาเขียว เขาใหญ่ เขาโทน เขาก่องก๊อง เขาไถ่ผะ ฯลฯ และอีกมากมายนับไม่ถ้วน จนต้องสรุปรวมง่าย ๆ ว่าเกินร้อยภูผานั่นเอง" |
"งามสุดตาเขื่อนวชิราลงกรณ หมายถึงเขื่อนเขาแหลมในชื่อเดิม ซึ่งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตได้พล็อตจุด กำหนดสถานที่สร้างเขื่อนขึ้นในอำเภอทองผาภูมิตามแผนที่ทางทหาร ซึ่งระบุว่า บริเวณที่สร้างเขื่อนนั้นคือเขาแหลม ครั้นขออนุญาตสร้างไปและได้ผ่านการอนุมัติลงมาแล้ว เมื่อไปสำรวจสถานที่จริงปรากฏว่า พื้นที่บริเวณนั้นคือเขาเย็น ห่างจากเขาแหลมที่ชาวบ้านรู้จักกันเกือบ ๖ กิโลเมตร แต่ในเมื่องบประมาณอนุมัติลงมาให้ก่อสร้างเขื่อนเขาแหลม จึงต้องใช้ชื่อเขื่อนเขาแหลมไปโดยไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้
จนกระทั่งพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในสมัยที่ยังดำรงพระอิสริยยศที่ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเจริญพระชนมายุ ๕๐ พรรษา สมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ซึ่งยังครองราชย์อยู่ ได้มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อเขื่อนเขาแหลม เป็นเขื่อนวชิราลงกรณ เพื่อเฉลิมพระเกียรติในวาระอันเป็นมหามงคลนั้น ส่วนเขื่อนวชิราลงกรณเดิมในเขตอำเภอท่าม่วง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อเป็นเขื่อนแม่กลอง เขื่อนเขาแหลมจึงได้หายไปจากโลกตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา เขื่อนวชิราลงกรณมีพื้นที่บรรจุน้ำ ๘,๖๖๐ ล้านลูกบาศก์เมตร ติดตั้งเครื่องผลิตไฟฟ้า ๓ เครื่อง ให้กำลังการผลิต ๓๐๐,๐๐๐ กิโลวัตต์ น้ำจากเขื่อนสามารถช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรได้ประมาณ ๒,๕๐๐,๐๐๐ ไร่" |
"ในช่วงไวรัส covid-๑๙ ระบาด คนทองผาภูมิมีผลกระทบน้อยมาก จนป่านนี้ก็ยังเป็นอำเภอที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง ไวรัสวายร้ายไม่สามารถที่จะเจาะไข่แดงได้ มีเพียงบุคคลเสี่ยงที่เดินทางกลับภูมิลำเนาเนื่องจากตกงาน ได้รับการกักตัว ๑๔ วันเพื่อดูอาการประมาณ ๗๐๐ คน และพ้นจากช่วงอันตรายได้กลับสู่บ้านช่องของตนเองกันหมดแล้ว
ส่วนผลกระทบในเรื่องการทำมาหากินนั้นมีน้อยมาก เพราะว่าคนทองผาภูมิทั้งที่เป็นคนพื้นที่เดิม และคนจากที่อื่นโดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร ซึ่งมาซื้อที่สร้างบ้านนั้น ก็มักจะมาด้วยแนวคิดว่า จะมาทำการเกษตรกันทั้งนั้น น้อยรายที่จะมาทำมาหากินในตัวเมือง คนพื้นที่ซึ่งอยู่ในตัวเมืองที่เรียกว่าตลาดนั้น แทบทุกบ้านจะมีไร่เป็นของตัวเองหลายสิบถึงหลายร้อยไร่ ส่วนมากก็ทำสวนผลไม้บ้าง สวนยางบ้าง ปาล์มน้ำมันบ้าง ถึงแม้ว่ากิจการงานในตลาดโดนปิดลง ก็ยังอาศัยอยู่ในไร่ในสวนของตนเองได้" |
"ส่วนที่น่าจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง เพราะว่าการท่องเที่ยวทุกอย่างหยุดชะงักหมด ก็คือบรรดาร้านอาหารและที่พักต่าง ๆ แต่ก็ดังที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้นว่า ส่วนใหญ่ทุกคนมีที่ดินเป็นของตนเอง ทำการเกษตรมากบ้างน้อยบ้างอยู่แล้ว กิจการงานอื่นเป็นเพียงงานเสริมเท่านั้น จึงได้รับผลกระทบน้อยมาก
ส่วนที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ก็คือพี่น้องต่างด้าว ซึ่งความจริงแล้วก็คือคนไทยนั่นเอง เพราะว่าแทบทุกคนเกิดในเมืองไทย หลายครอบครัวเกิดในเมืองไทยถึง ๓ - ๔ ชั่วคนแล้ว แต่ที่ไม่ได้บัตรประชาชนไทยก็เพราะว่า ถ้าขืนให้บัตรประชาชนตามระเบียบคนต่างด้าว เพื่อนบ้านเราคงจะอพยพมาอยู่เมืองไทยจนเกือบหมดประเทศ..!" |
"พี่น้องต่างด้าวทั้งหลายเหล่านี้ส่วนมากทำงานรับจ้าง ในเมื่อกิจการงานทุกอย่างปิดตัวลงหมด จึงกลายเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่ว่ากลับเป็นผู้เดือดร้อนน้อยที่สุด เนื่องเพราะนิสัยที่สั่งสมกันมานานหลายชั่วคน
พี่น้องมอญพม่าเหล่านี้เมื่อทำงานแล้วได้เงิน พอซื้อทองได้ ๑ สลึงก็ซื้อทอง ๑ สลึง พอซื้อทองได้ ๑ บาทก็ซื้อทอง ๑ บาท ทุกคนเก็บทรัพย์สินเป็นทองเสียส่วนมาก แทบจะไม่มีใครถือเงินสดไว้เลย พูดง่าย ๆ ว่าทุกคนมีเงินออมเป็นกอบเป็นกำ ในรูปของทองคำแท่งหรือทองคำรูปพรรณ เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะว่าทุกคนมีญาติพี่น้องอยู่ในประเทศพม่า เมื่อกลับบ้านไปเยี่ยมญาติของตน ถ้าถือเป็นเงินสดไป ความไม่แน่นอนของอัตราแลกเปลี่ยนย่อมทำให้ขาดทุนได้ง่าย ทุกคนจึงซื้อทองคำไว้เป็นหลัก โดยเฉพาะน้ำหนักทองคำไทยและทองคำพม่านั้นต่างกัน ทองคำไทย ๑๐ บาทคิดเป็นทองคำพม่าได้ ๑๑ บาท เรียกว่าซื้อทองคำเอาไว้มีแต่กำไรไม่มีขาดทุน" |
"ในเมื่อเป็นเช่นนี้คนทองผาภูมิ ไม่ว่าจะเป็นคนในพื้นที่ หรือว่าพี่น้องต่างด้าวก็ตาม จึงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-๑๙ น้อยมาก โดยเฉพาะพี่น้องต่างด้าวซึ่งรู้จักประกันความเสี่ยง ประหยัดกินประหยัดใช้ เก็บไว้แต่ทองคำ อยู่กันอย่างไม่ประมาท ตามหลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้รับผลกระทบน้อยกว่าคนไทยเสียอีก สมควรที่จะได้รับการยกย่องชื่นชมจริง ๆ"
|
ถาม : ไหนท่านว่ามีวิชาปราบไวรัส แล้วทำไมยังใส่หน้ากากอนามัยอีก ? แบบนี้แสดงว่าอวดอุตตริมนุสสธรรม สมควรที่จะโดนปรับอาบัติปาราชิก..!
ตอบ : Take it easy. ท่านพระครูด็อกเตอร์ ในเมื่อจบปริญญาเอกด้วยกัน ผมก็ขอตอบไปในแนววิชาการดังนี้ Listen up, please. ๑. ผมไม่เคยบอกว่าตัวเองมีวิชาปราบไวรัส ถ้าท่านมีหลักฐานที่ไหน โปรดยกมาอ้างอิงให้ชัดเจน ถ้าจะให้ดีเข้าไปดูใน www.watthakhanun.com ห้องเก็บตกจากบ้านเติมบุญ กระทู้เก็บตกจากบ้านเติมบุญเดือนเมษายน ๒๕๖๓ ก็จะได้ข้อมูลอ้างอิงปฐมภูมิ ซึ่งเชื่อถือได้มากที่สุด ๒. การอวดอุตตริมนุสสธรรมที่ไม่มีในตน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงปรับอาบัติปาราชิก แต่ถ้ามีในตนแล้วอวด ทรงปรับแค่อาบัติปาจิตตีย์ ซึ่งสามารถแสดงคืนอาบัติได้ ดูได้จากอาทิกัมมิกวรรค พระวินัยปิฎก อย่าว่าแต่ผมไม่เคยพูดโอ้อวดว่ามีวิชาปราบไวรัสดังที่ท่านกล่าวมาเลย เข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่าครับ ? ๓. การใส่หน้ากากอนามัยนั้น เป็นการปฏิบัติตามหลักธรรมข้อไม่ประมาทขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดูได้ในมหาปรินิพพานสูตร ทีฆนิกาย พระสุตตันตปิฎก ถ้าท่านพระครูด็อกเตอร์บอกว่าไม่เคยรู้เรื่องตรงนี้ ก็ควรที่จะเอาปริญญาบัตรไปคืนให้กับทางบัณฑิตวิทยาลัยนะครับ..! ๔. ข้อนี้เป็นการถวายคำแนะนำครับ ผมมีอายุมากกว่า พรรษามากกว่า สมณศักดิ์สูงกว่า จบด็อกเตอร์ก่อนท่านหลายรุ่น ถ้าจะกราบขอขมาผมก็ยินดีรับไว้และให้อภัย แต่ถ้าไม่มีเวลาที่จะทำเช่นนั้น กรุณาแสดงอาบัติกับเพื่อนพระภิกษุ ที่ได้ล่วงเกินผู้เป็นภันเต เพื่อที่จะได้ไม่มีโทษติดตัวไปนะครับ ถ้ามีอะไรสงสัยข้องใจ สามารถสอบถามเป็นธัมมัสสากัจฉากันได้อีก ผมยินดีที่ได้สนทนากับผู้ที่เป็นบัณฑิตระดับสูงสุดเช่นท่านเป็นอย่างยิ่งครับ |
พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงนี้มีหลายคนพยายามเรียกร้อง ให้ทางรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการปิดเมืองตาม พรก.ฉุกเฉิน โดยยกเหตุขึ้นมาอ้างว่า ถ้าไม่มีงาน ไม่มีเงิน ก็อดตาย โดยไม่ได้ใส่ใจว่าถ้าติดเชื้อโรคร้ายก็ตายได้เช่นกัน
คนทั้งหลายเหล่านี้โดยส่วนตัวคือมีความอดทนน้อย โดยส่วนรวมแล้วหลายคนอยู่ในลักษณะอยากดัง บางคนก็อยู่ในลักษณะหาเสียงบนความเดือดร้อนของคนอื่น แทนที่จะช่วยกันแบ่งเบาความเดือดร้อนของประชาชน ให้ความร่วมมือกับทางรัฐบาลด้วยดี กลับกลัวว่าสถานการณ์จะไม่วุ่นวายพอ พยายามเรียกร้องโน่นนี่นั่นอยู่เสมอ การที่จะผ่อนคลายมาตรการฉุกเฉินนั้น อย่างน้อยต้องควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสได้อย่างเด็ดขาดแล้ว ไม่เช่นนั้นถึงเวลาเกิดการระบาดขึ้นมาใหม่ ก็จะเสียทั้งเวลา เสียทั้งทรัพย์สินเงินทอง ตลอดจนกระทั่งเสียชีวิต ในการไปกระทำสิ่งที่วัยรุ่นสมัยนี้เรียกว่า "วนลูป" ซึ่งถ้ายอมทนอีกหน่อยหนึ่ง ก็ไม่ต้องมาเจอกับอะไรซ้ำ ๆ ซาก ๆ อย่างนี้" |
"สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (อมฺพรมหาเถร) มีดำรัสว่า "ถ้ามีเงินให้ช่วยด้วยเงิน ถ้ามีแรงให้ช่วยด้วยแรง ถ้าไม่มีเงินไม่มีแรงให้ช่วยด้วยกำลังใจ ถ้าทำอะไรไม่ได้เลยก็ให้นิ่งไว้" แต่คนเหล่านี้กลับนิ่งไม่เป็น ซ้ำยังคอยขัดมือขวางเท้า เป็นเหตุให้คนอื่นต้องทำงานลำบากขึ้นไปอีก
ทำให้นึกถึงภาพหนึ่งในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ที่ทหารต้องแบกลาเดินฝ่าทุ่งไป ซึ่งทหารก็ไม่ได้รักอะไรลาตัวนั้นเป็นพิเศษ แต่ว่าในทุ่งนั้นเต็มไปด้วยกับระเบิด ทหารจึงต้องแบกลาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้วิ่งส่งเดชจนไปเหยียบกับระเบิด แล้วจะพาให้ตัวเองพร้อมทั้งคนอื่นตายไปด้วย..! น่าเสียดายที่ปัจจุบันนี้บ้านเรามี "ลา" มาก รัฐบาลจึงทำงานด้วยความยากลำบาก อย่างวันก่อนก็มี "ลา" ไปแจกเงินที่หน้าวัดแห่งหนึ่ง ทำให้คนแห่กันไปรับเป็นจำนวนพัน โดยไม่ได้ติดต่อทางราชการให้ช่วยจัดระเบียบ ไม่ได้สนใจว่าจะทำให้ใครติดเชื้อโรคหรือไม่ ? ถ้าตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันกระโดดจากหลักไม่เกิน ๓๐ กลายเป็นตัวเลขที่เกินจำนวน ๑๐๐ ต่อวัน ก็จะรู้ชัดว่าเป็นฝีมือของ "ลา" ทั้งหลายเหล่านี้เอง" |
"คนโง่ที่ว่าตัวเองฉลาดนั้นน่ากลัวมาก เพราะว่าอาจจะทำให้ส่วนรวมเสียหายหรือพาไปตายกันหมด โดยที่ตัวบุคคลผู้นั้นก็ยังภาคภูมิใจว่าตัวเองทำดีทำถูก ดังเช่นที่อาตมาได้พบมาด้วยตนเอง
ปกติแล้วเวลาบิณฑบาต ก็จะมีญาติโยมส่วนหนึ่งที่ซื้อหาอาหารมาใส่บาตรไม่ทัน นำเงินสดมาใส่บาตรมาแทน ซึ่งจะว่าไปแล้วก็เป็นการผิดพระวินัย แต่เราต้องเข้าใจเสียก่อนว่า พระวินัยที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบัญญัติขึ้นข้อนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้พระภิกษุสงฆ์เกิดความโลภ แล้วไปสะสมเงินทองเพื่อความร่ำรวย ประกอบกับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่มีญาติโยมคอยตามสงเคราะห์พระเหมือนกับสมัยพุทธกาล ซึ่งช่วงนั้นยังมีพระภิกษุสงฆ์น้อย มีญาติโยมผู้ศรัทธาในพระพุทธศาสนามาก จึงทำให้ติดตามสงเคราะห์ด้วยปัจจัย ๔ ได้ครบถ้วน สมัยนี้นอกจากพระเณรมากแล้ว ญาติโยมยังตกอยู่ในกระแสสังคมที่ต้องแข่งขันกันสูง ไม่มีเวลาที่จะไปสงเคราะห์ในลักษณะแบบนั้น จึงมอบเงินทองแทนปัจจัย ๔ ให้พระภิกษุสามเณรไปดำเนินการกันเอง" |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 09:25 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.