![]() |
ถาม : พระรูปหนึ่งบนท่านปู่ท่านย่าและท่านแม่ทั้งสามไว้ แล้วเก็บผ้าไตรไว้ในห้องโดยวิกัปเป็นสองเจ้าของ ถ้ายังไม่ถอนวิกัป สามารถเก็บไว้ในห้องตัวเองไปเรื่อย ๆ เพื่อรอถวายได้ไหมครับ ?
ตอบ : วิกัปแล้วถ้ายังไม่ถอน จะเก็บไว้กี่ชาติก็ได้ ถาม : กระผมสามารถบังคับให้ตัวเองขนลุกตอนไหนก็ได้ตั้งแต่เด็ก ๆ โดยแค่นึกก็เป็นแล้ว อาการแบบนี้เป็นความสามารถทางร่างกายหรือว่าเป็นปีติครับ ? ตอบ : เป็นอาการปีติ แสดงว่ามีความคล่องตัวในสมาธิระดับนั้นมาก ถาม : ถ้าเป็นอาการปีติ ถ้าจำไม่ผิดหลวงพ่อบอกว่า ถ้าข้ามแล้วจะไม่เจออีก อย่างนี้ผมคือยังไม่ข้ามถูกไหมครับ ? ตอบ : ก็ไม่แน่ ถ้ามีความคล่องตัว เราต้องการสมาธิระดับไหน ก็สามารถเข้าออกได้ทันทีตามที่ต้องการ ถาม : โยมแม่ผมมีหนี้อยู่ ๔๐,๐๐๐ บาท กระผมนำวัตถุมงคลส่วนตัวไปปล่อยเพื่อหาเงินให้แม่ได้ไหมครับ ? ตอบ : ถ้าเป็นวัตถุมงคลส่วนตัวจริง ๆ ก็ได้เลย |
หมอกมืดมัวจนแทบมองไม่เห็นทาง อาตมาต้องช่วยน้องเล็กเพ่งดู คนหนึ่งสายตายาว คนหนึ่งสายตาสั้น เวลามีอะไรผิดปกติจะได้เตือนกันทัน หือม์..ผิดปกติ..??
"ใช่..ท่านจะไปรับบิณฑบาต ผมก็ต้องทำหน้าที่ขวางตามระเบียบ" โธ่..ไอ้เขี้ยวนี่เอง ไม่มีอะไรจะทำแล้วหรือวะ ? "มีครับ ก็ขวางท่านอยู่นี่ไง..!" |
"ถามจริง..มีความสุขมากใช่ไหม ที่ได้ขวางคนอื่นเขา ?" "ไม่ใช่ครับ นี่เป็นหน้าที่ซึ่งต้องทำต่างหาก ผมอุตส่าห์ไล่คนออกจากวัด เห็นไหมครับ..? งานพิธีทางศาสนาห้ามมีคนเกิน ๒๐ คน แต่งานรื่นเริงมีได้ ๒๐๐ คน ทำจนขนาดนี้แล้ว ท่านยังทำโครงการดึงคนเข้าวัดอีก ผมก็ต้องขวางเป็นธรรมดา" เอาวะ..เอ็งขวางได้ก็ขวางไป อาตมากลับไปถึงวัดท่าขนุนตีห้าเศษ กลัวว่าถ้านอนพักจะโดนพ่อเจ้าประคุณแกล้งให้เผลอหลับยาว จึงนั่งอ่านหนังสือจนหกโมงสิบห้านาที ก็นำพระเณรออกบิณฑบาตเลย แต่..พอเดินถึงหน้าตลาด รู้สึกง่วงจนแทบจะเดินไม่ออก..! |
"อะไรอีกวะนี่ ?" "ยาครับ..ยาที่ท่านฉันเมื่อตอนออกเดินทาง เพิ่งจะออกฤทธิ์ครับ..!" "เฮ้ย..ตั้งสามสี่ชั่วโมงมาแล้วนะ..?" "จำได้ไหมครับ ? เมื่อ ๒๙ ปีที่แล้ว หลวงพ่อของท่านแทบจะยืนไม่ติด ตอนที่ออกรับแขก ขนาดต้องหามใส่เก้าอี้ไป" นั่นก็ฝีมือเอ็งหรอกหรือ ? "รับด้วยความภูมิใจว่าใช่ครับ ผมทำหน้าที่อย่างเต็มที่เลยนะนั่น" |
"ถามจริงอีกที..เอ็งทำได้อย่างไรวะ ? ยากินลงไปตั้งนานเนกาเล แล้วไม่ออกฤทธิ์ ?" "ง่ายจะตายไป..ก็แค่ใช้พลังงานห่อหุ้มเอาไว้ก่อน พอจะให้ออกฤทธิ์ตอนไหนก็ค่อยปล่อยให้ละลาย อาศัยขันธมาร ๕ ส่วน อภิสังขารมาร ๔ ส่วน เทวปุตตมารอย่างผมออกแรงแค่ ๑ ส่วนเท่านั้น" "อภิสังขารมารเกี่ยวอะไรด้วยวะ ?" "ท่านอย่าทำเป็นความจำสั้น ออกรบมากี่ครั้ง ? วางยาข้าศึกไปเท่าไร ? ผมก็แค่เอาการกระทำของท่านมาส่งคืนให้ท่านเท่านั้นเอง..!" |
เออ..เอ็งเก่ง..! พยายามตั้งสติเดินให้ตรงทาง ร่างกายนี้ไม่ใช่ของเราจริง ๆ แทบจะบังคับให้เดินไม่ได้เอาเลย ต้องใช้กำลังกายกำลังใจแบบสุดความสามารถ ที่จะต้านฤทธิ์ยาเอาไว้ ไม่ให้หลับหรือล้มจนคนเขาแตกตื่นกันทั้งตลาด พยายามหายใจยาว ๆ เพื่อเรียกความสดชื่นให้กับร่างกาย แต่หน้ากากอนามัยก็ทำให้หายใจไม่ถนัดอีก นายแน่มากเลยว่ะ..!
มาถึงสวนสาธารณะหัวสะพานแขวนหลวงปู่สาย ท่านนายกฯ ประเทศ บุญยงค์ นำชาวบ้านและนักท่องเที่ยวมารออยู่แล้ว ทีข้าบ้างละนะ..! |
"สะหัสสะเนตโต เทวินโท ทิพพะจักขุง วิโสธายิ อิกะวิติ พุทธะสังมิ โลกะวิทู" แสงสว่างลำมหึมาแหวกม่านหมอกมืดมัวของ "พลังมาร" พุ่งตรงลงมาครอบคลุมทั่วบริเวณจนสว่างไสวไปทั่ว อาตมาให้ศีล ให้พร แล้วเดินรับบาตรแบบสบายใจเฉิบ..! |
"เก่งเหมือนกันนี่หว่า ถึงแม้ว่าจะขี้โกงด้วยการใช้กำลังของพระของเทวดามาช่วยก็เถอะ"
"แน่น้อนนน..ขืนแสดงตั้งแต่ต้นทาง เอ็งก็เปลี่ยนวิธีแกล้งอีก จึงต้องรอจนวินาทีสุดท้ายค่อยปล่อยไม้ตาย ขงเบ้งบอกว่า "แกล้งโง่ไม่เป็น เป็นใหญ่ไม่ได้โว้ย..!" |
ถาม : กรณีร้านอาหารเอารูปบุคคลคล้ายพระสงฆ์ สักลายทั้งตัว กินอาหารแบบมูมมามเลอะเทอะ รับอาหารโดยแตะมือผู้หญิง มาลงโฆษณา พระอาจารย์มีความเห็นว่าอย่างไรครับ ?
ตอบ : เรื่องนี้น่าจะยาว ต้องว่ากันทีละประเด็น ๑. ประเด็นจริยธรรมของร้านอาหาร เห็นได้ชัดว่าต่ำเตี้ยพอกับที่เคยมีผู้วาดภาพพระพุทธเจ้าให้มีพระเศียรเป็นอุลตราแมน ทั้งที่รู้ว่าทำโฆษณาแบบนี้ออกมา จะกลายเป็นกระแสทันที แต่เพื่อเรียกกระแสก็ยังขืนทำ ถ้าเป็นพระสงฆ์ก็จัดอยู่ในประเภทต้องอาบัติโดยไม่ละอาย รู้แล้วยังขืนทำ แปลว่าทั้งคุณและผมบกพร่องต่อหน้าที่เป็นอย่างมาก ที่ไม่สามารถอบรมญาติโยมให้มีต่อมจริยธรรมตื้นกว่านี้ จะได้รู้จักละอายชั่วกลัวบาป พวกเราต้องกลับไปทำหน้าที่ให้หนักกว่านี้..! |
๒. ประเด็นการ "กิน" ของบุคคลคล้ายพระสงฆ์ในโฆษณา แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ในสายตาของญาติโยมนั้น ภาพพจน์ของพระภิกษุสามเณรต่ำเตี้ยเรี่ยดินขนาดไหน..!?
ผมมีเพื่อนหลายรูป ที่มื้อไหนไม่ได้นั่งร้านอาหารหรู ๆ จะฉันไม่ลง ไม่มีกุ้งเผาฉันข้าวไม่ได้ บางรูปไปกิจนิมนต์ ถ้าเห็นว่าเจ้าภาพเลี้ยงอาหารไม่ดี รับไทยธรรมแล้วก็หาข้ออ้างเลี่ยงว่าต้องไปงานอื่นต่อ แล้วไปหาอาหารที่ตัวเองชอบมาฉัน ขืนไปกับผมที่ฉันแต่ข้าวกล่องร้านสะดวกซื้อมีหวังได้ขาดใจตาย จะไปตำหนิญาติโยมก็ไม่ถนัด เพราะว่าเราไปทำภาพพจน์แบบนั้นให้เขาเห็นจนฝังใจญาติโยมไปแล้ว พระพุทธเจ้าทรงสอนให้เรามี "โภชเนมัตตัญญุตา" รู้จักประมาณในการกิน กินเพื่อระงับเวทนาเก่า กินเพื่อป้องกันเวทนาใหม่ กินเพื่อให้มีกำลังพอที่จะประพฤติพรหมจรรย์ ไม่ใช่กินเพื่อความอร่อย กินเพราะมัวเมาในรสอาหาร กินอวดร่ำอวดรวย พวกนั้นผมถือว่ามีปมด้อยด้วยซ้ำไป น่าจะประมาณว่าตอนเด็ก ๆ คงจะอดอยากยากจน พอมีโอกาสถึงสวาปามแบบไม่ยั้ง เสียสมณสารูปหมด ถึงได้โดนเขาเอามาทำโฆษณาแบบนั้น..! |
๓. ประเด็น "กาม" ของบุคคลคล้ายพระสงฆ์ในโฆษณา นี่เขายังเกรงใจนะที่ทำให้เห็นแค่แตะมือกัน ระยะนี้คุณจะเห็นข่าวคราวเกี่ยวกับพระสงฆ์ ที่ไปเกี่ยวข้องยุ่งขิงกับสีกา จนถูกจับสึกไปบ้าง หนีสึกไปเองบ้าง มากมายหลายข่าวในแต่ละปี ภาพจำเหล่านี้เด่นชัดจนญาติโยมส่วนหนึ่งเสื่อมศรัทธา ขนาดไม่เข้าวัดกันแล้ว คุณรีบกลับไปทำโครงการอะไรก็ได้ ที่ดึงศรัทธาคนให้กลับมาเข้าวัดอีกที จะต้องใช้เวลานานแค่ไหนก็ต้องทำ แต่ต้องไม่ใช่ไปสร้าง "ไอ้ไข่" นะครับ..!
|
๔. ประเด็นการสักลายของบุคคลคล้ายพระสงฆ์ในโฆษณา เรื่องการสักลายของพระภิกษุสงฆ์นั้น ถ้าสักมาก่อนบวชก็แล้วไป แต่ถ้ามาสักหลังจากการบวชก็ต้องดูว่าสักเพื่ออะไร ?
๔.๑ สักเป็นเครื่องป้องกันตัว ตามสายครูบาอาจารย์ที่ศึกษามา อย่าลืมว่าบรรพบุรุษของเรา สามารถกู้ชาติกู้แผ่นดินมาพวกคุณเหยียบย่ำได้อย่างเต็มเท้า ไม่ต้องไปเป็นทาสใคร ก็ด้วยเครื่องรางของขลังที่ท่านทั้งหลายยึดมั่นเหล่านี้ แต่ก็ต้องระมัดระวัง ควรให้เป็นหัวใจพระคาถาที่มาจากพระไตรปิฎก หรือเป็นรูปที่ไม่ห่างไกลไปจากพระรัตนตรัย ไม่ใช่ไปสักเป็นรูปผู้หญิงแก้ผ้า สักปลัดขิก สักอีเป๋อ แบบนั้นก็เป็นเดรัจฉานวิชาจนกู่ไม่กลับ ไม่ว่าจะมองในแง่มุมไหนก็ไม่สมควร ๔.๒ สักเพื่อความสวยงาม แบบนี้ไม่สมควรอย่างยิ่ง อย่าลืมว่าสามเณรหรือญาติโยมที่ถือศีลแปด ก็ห้ามประดับตกแต่งร่างกายอยู่แล้ว ถ้าพระภิกษุเราไปสักเพื่อความสวยงาม ถือเป็นการตกแต่งร่างกาย เท่ากับโดนอาบัติกินอยู่ทุกวัน แล้วความเป็นพระจะเหลืออยู่หรือ ? แต่ผมว่าทั้งคุณและคนที่เข้าไปวิพากษ์วิจารณ์ตามกระทู้นั้น "ตาถั่ว" ว่ะ..! รูปวาดบนผิวหนังแท้ ๆ ดันเห็นเป็นรอยสักไปได้..! |
๕. ประเด็น "เกียรติ" ข้อนี้ผมเพิ่มเติมให้เอง เกียรตินั้นมาจากการยกย่องของผู้อื่น อย่างเช่นว่า ยศ ตำแหน่ง สมณศักดิ์ ถ้าเรื่องเหล่านี้มาถึง เราต้องไม่ลืมที่โบราณว่า "ยศช้าง ขุนนางพระ" ช้างได้ยศเป็นคุณพระ เป็นพระยา ก็ยังคงกินหญ้า กินกล้วย กินอ้อย เหมือนเดิม
พระเราได้ยศได้ศักดิ์มา ก็ยังคงต้องสำรวมระวัง ทำอะไรให้เหมาะสมกับสมณสารูป ไม่ใช่ไปขี่รถรุ่นใหม่ป้ายแดงราคาคันละหลายล้าน อยู่กุฏิทรงสเปนติดเครื่องปรับอากาศ ใช้โทรศัพท์มือถือรุ่นล่าสุด แบบนั้นผมไม่ถือว่าเป็นพระ บุคคลที่ทรงคุณความดี ไม่ต้องใช้ของเหล่านี้มายกฐานะของตน ฐานะ ยศศักดิ์ เป็นสิ่งที่คนอื่นเขายกย่องเรา โดยเฉพาะตำแหน่งนั้นมาพร้อมกับหน้าที่ ยศศักดิ์มาพร้อมกับเกียรติคุณ ต้องทำหน้าที่ให้สมกับที่ผู้บังคับบัญชาไว้วางใจ ต้องทำตัวให้สมกับยศศักดิ์ที่ท่านยกย่อง บาลีว่า "ยโส ลทฺธา น มชฺชเชยฺย" บุคคลได้ยศแล้วไม่พึงเมา ท่านเห็นความดีของเรา ท่านให้มาเราก็รับไว้ แต่อย่าไปดิ้นรนเพื่อให้ได้มา ไม่อย่างนั้นภาพพจน์ของพระภิกษุในพระพุทธศาสนาจะย่ำแย่ลงไปทุกวันเพราะการกระทำของพวกเราเองครับ |
ถาม : มีลาภตกที่อริในตำราพรหมชาตินั้น ลาภจะมาในลักษณะแบบไหนครับ ?
ตอบ : มาแบบไหนก็ได้ สำคัญตรงที่ว่า ผู้ที่ อริ ตก ลาภะ นั้น ได้มาเท่าไรก็มีอันหมดไปในเวลาอันรวดเร็ว จัดอยู่ในจำพวก "กระเฌอก้นรั่ว" ได้มาก็ตกเรี่ยเสียราดหมด |
ถาม : อ่านหนังสือเก่าพบข้อมูลหลวงพ่อฤๅษีฯ ตอบปัญหาว่า ในงานสะเดาะเคราะห์วัดท่าซุงครั้งหนึ่ง มีคนต้องการจะถวายพระพุทธรูปเพื่อป้องกันไฟไหม้ หลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านว่า พระยายมราชบอกว่า ถ้าต้องการป้องกันไฟไหม้ ให้เอากระดาษแดงรองพระพุทธรูป การถวายพระพุทธรูปที่มีกระดาษแดงรองเพื่อป้องกันไฟไหม้ ต้องทำเฉพาะในงานสะเดาะเคราะห์ถึงได้ผลเท่านั้น หรือทำตอนถวายสังฆทานปกติก็ได้ผลเช่นกันครับ ?
ตอบ : ทำเมื่อถวายสังฆทานที่มีพระพุทธรูปหน้าตัก ๕ นิ้วขึ้นไป จะถวายเมื่อไรก็ได้ |
ถาม : จากความเดิมศาลพระภูมิล้มที่บ้านอเมริกา เริ่มซ่อมแซมศาลแล้วค่ะ บังเอิญว่าฐานศาลพระภูมิเป็นเก้าอี้เหล็กและมีสนิมขึ้น เลยสั่งซื้อใหม่แล้วเอาของเดิมไปทิ้งถังขยะ แม่ทักว่าควรเอาไปไว้ที่วัดไม่ใช่ทิ้งถังขยะ แต่วัดไกลบ้านค่ะและอยู่ในช่วงปิดโควิดด้วย จึงขออนุญาตพระภูมิเอาใส่ถุงทิ้งถังขยะแทน จะมีโทษไหมคะ ?
ตอบ : ปัญหานี้ควรที่จะถามพระภูมิเองโดยตรง..! โบราณท่านให้ลอยน้ำไป หรือเอาไปไว้ที่โคนไม้ใหญ่ ซึ่งก็คือเป็นการแสดงออกซึ่งความเคารพ ถ้าไม่ใช่รูปพระไชยมงคล (พระภูมิ) หรือ ตายาย ถ้าเราไม่สบายใจก็จุดธูปบอกกล่าวท่านถึงข้อขัดข้อง ก่อนที่จะเอาไปทิ้ง แต่ถ้าเป็นรูปพระไชยมงคล (พระภูมิ) หรือ ตายาย ก็ควรทำตามแบบที่โบราณได้ให้ไว้ |
ถาม : เนื่องจากผมต้องการบวชพระ แต่มีเวลาว่างไม่มากครับ จึงตั้งใจจะบวชสัก ๑ เดือน ถ้าแบบนี้จะได้อานิสงส์มากน้อยเพียงใด และระยะเวลาในการบวชมีผลกับบุญกุศลที่ได้รับไหมครับ ?
ตอบ : การบวชนั้น เมื่อสำเร็จเป็นพระสงฆ์ อานิสงส์หรือบุญที่ได้ก็ครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว การอยู่ต่อจะมีอานิสงส์มากน้อยเท่าไร ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติของคุณเอง ถ้าทำดี ทำถูก อานิสงส์ก็เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ถ้าทำไม่ดี ทำไม่ถูก ก็ลดลงเป็นทวีคูณเช่นกัน ระยะเวลาที่บวชจึงไม่ใช่เครื่องชี้วัดใด ๆ ทั้งสิ้น |
ถาม : เวลาที่มีอาการหงุดหงิดโมโห ปกติคนเราจะมีกลิ่นเหม็นเขียวออกจากตัวไหมเจ้าคะ ? ถ้ามีเป็นเพราะอะไร ? แต่พออารมณ์ดีขึ้น ช่างมันกับสิ่งที่หงุดหงิด กลิ่นนั้นก็หายไป พยายามดมกลิ่นก็ไม่ได้กลิ่นแบบเดิมอีกเจ้าค่ะ
ตอบ : ในแต่ละอารมณ์ ร่างกายของเราจะหลั่งสารเคมีออกมาไม่เหมือนกัน เวลาดีใจก็อย่างหนึ่ง เวลาเสียใจก็อย่างหนึ่ง เวลาโกรธก็อย่างหนึ่ง ฯลฯ หายโกรธแล้วร่างกายเลิกหลั่งสารเคมี ทุกอย่างก็กลับคืนสู่สภาพเดิม |
ถาม : เวลาสวดมนต์บางครั้งพอช้าก็เริ่มฟุ้งซ่าน เลยเปลี่ยนเป็นเร็วขึ้นมีสมาธิดีขึ้น แต่พอเร็วขึ้นสักพักก็ฟุ้งซ่าน เปลี่ยนกลับมาช้าก็มีสมาธิดีขึ้นอีกพักหนึ่ง การสวดแล้วช้าบ้างเร็วบ้างเพื่อให้ไม่ฟุ้งซ่านตามสถานการณ์แบบนี้ กับเร็วหรือช้าอย่างใดอย่างหนึ่งไปเลยอันไหนดีกว่ากันครับ ?
ตอบ : อย่างไหนทำให้ใจสงบได้ ก็ให้ทำอย่างนั้น จะเปลี่ยนไปกี่แบบก็ให้เอาผลที่ใจสงบเป็นที่ตั้ง ถาม : นำเงินทำบุญวิระทะโยมาชำระหนี้สงฆ์ จะผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ครับ ? ตอบ : เงินวิระทะโยจัดเป็นสังฆทาน สามารถเอาไปชำระหนี้สงฆ์ได้ ถาม : ถ้าได้พระเครื่องที่ไม่แน่ใจว่าได้มาจากวัดอย่างถูกต้องมา ต่อมาคนที่ได้รับพระเครื่องได้ร่วมบุญสร้างพระพุทธรูป ๔ ศอกปิดทองชำระหนี้สงฆ์ไปแล้ว ยังต้องนำพระพุทธรูป ๕ นิ้วไปแทนพระเครื่องแต่ละองค์อีกหรือไม่ครับ ? ตอบ : ถ้าเจ้าของเดิมทำแล้วก็จบกันไป แต่ถ้าเรายัง "คาใจ" จะถวายพระพุทธรูปอีกก็ได้ |
ถาม : มารใช้วิธีกระตุ้นกิเลสที่มีอยู่แล้วในใจคนให้กำเริบขึ้น ทำให้คนเราทำความชั่วได้ง่าย ในทางกลับกัน เราพอจะมีวิธีกระตุ้นให้ความดีในใจคนให้รุนแรงขึ้น เพื่อที่คนเราจะได้มีกำลังใจในการทำความดีเพิ่มขึ้น แบบมีประสิทธิผลไม่แพ้มารบ้างไหมครับ ?
ตอบ : นั่งสมาธิให้ได้ตั้งแต่ปีติขึ้นไป กระตุ้นดียิ่งกว่าเสพยาบ้าอีก แต่ต้องระวัง..ถ้าขยันจนลืมการพักผ่อน มารจะแทรกเข้ามาได้ง่าย..! |
ถาม : ฆราวาสถือศีลแปด ชงนมเอนชัวร์กินตอนเย็น จะผิดศีลแปดไหมเจ้าคะ ? นมเอนชัวร์ใช้สำหรับผู้ป่วยพักฟื้น หรือขาดสารอาหารเจ้าค่ะ
ตอบ : เอนชัวร์จัดอยู่ในประเภทอาหาร ถ้าเลี่ยงได้ควรที่จะเลี่ยง ไปหาน้ำผึ้ง น้ำอ้อย น้ำตาล ฯลฯ หรือสิ่งอื่นที่กินได้ตั้งมากมายมาแทนจะดีกว่า |
"อิติปิ โส ภควา ยาตรายามดี ได้ยามพระศรี สวัสดีลาโภ นะโมพุทธายะ" ยกเบี้ยแก้ตัวครู หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้วขึ้นเหนือเศียรเกล้า น้อมจิตรำลึกถึงครูบาอาจารย์ตามสายวิชาการสร้างเบี้ยแก้ ภาวนาพระคาถาอาราธนา ๓ จบ เพื่อนำติดรถเดินทางในช่วงที่เชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ระบาด ตั้งใจขอให้ป้องกันโดยเฉพาะ |
"หลวงปู่ครับ เชื้อโรคก็ดี ผีก็ดี ไสยศาสตร์บางประเภทก็ดี ทำไมถึงกลัวเบี้ยแก้ด้วยครับ ?"
"ปรอทเป็นธาตุที่มีวิญญาณแล้ว ในสายตาคนทั่วไปก็คือธาตุกายสิทธิ์ สามารถไปได้ มาได้ กินอาหารได้ เพื่อเพิ่ม "พลัง" ในการพัฒนาตัวเองให้แกร่งกล้ายิ่ง ๆ ขึ้นไป ในส่วนของอาหารที่กินนั้น มักจะเป็น "พลังงาน" ต่าง ๆ โดยเฉพาะพลังชีวิตบางประเภทที่ยังไม่สมบูรณ์ เช่น เชื้อโรค หรือพลังปราณของสัตว์ในภพภูมิต่าง ๆ |
คราวนี้พลังปราณที่ปรอทกลืนกินง่ายที่สุด สะดวกที่สุด สามารถกลืนกินได้โดยตรงเลย ก็คือพลังของพวกผี หรือจิตวิญญาณขั้นต่ำ ซึ่งไม่มีแรงต่อต้านมากเหมือนกับพวกที่อยู่ในภพภูมิที่สูงกว่า
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ถ้าหากว่าพวกนี้มาอยู่ในเขตที่ธาตุปรอทส่งพลังงานถึง ก็อาจจะถึงกับสูญสลาย คือ ตายไปจากภพภูมินั้น ๆ เลย ในเมื่อเป็นเช่นนั้นเขาจึงพยายามหลีกเลี่ยงให้ไกล กลายเป็นว่าปรอทสามารถป้องกันพวกเชื้อโรคหรือพวกผีได้ |
ส่วนไสยศาสตร์นั้น ถ้าเป็นพวก "คุณผี" จะกันได้แน่นอน แต่ถ้าเป็นประเภทอื่น ก็ขึ้นอยู่กับความ "แรง" ที่เขาทำมาด้วย ถ้า "แรง" มาก บางทีก็กันไม่ไหวเช่นกัน"
"กราบขอบพระคุณอย่างยิ่งครับ" |
"ถ้าหลวงพ่อชอบ ผมถวายเลยครับ" พระครูเทพ (พระครูปฐมสาธุวัฒน์) เจ้าอาวาสวัดสี่แยกเจริญพร กล่าวขึ้นก่อนพิธีพุทธาภิเษก...
ของชิ้นที่ว่าก็คือ "งาช้างกำจัด" เป็นปลายงาชิ้นใหญ่เกือบเท่าฝ่ามือ..! ที่สุดยอดกว่านั้นก็คือ แกะสลักเป็นรูปพระพิฆเณศวรทรงช้าง ฝีมือระดับบรมครู งามสุดใจจริง ๆ... |
อาตมาเพิ่งจะซื้อ "พระพิฆเณศวรปางเสวยสุข" แกะสลักมาจากกระดูกกรามช้าง ซึ่งจำหน่ายอยู่ที่ ศูนย์คชศึกษา บ้านตากลาง จังหวัดสุรินทร์ ได้ไม่นาน ก็มาพบของสวยชิ้นนี้ที่พระครูเทพเอามาเข้าพิธี...
โดยปกติแล้วอาตมาจะไม่ "แย่งของรัก" ของใคร จึงไม่ตอบคำของพระครูเทพ เมื่อถวายเครื่องบวงสรวง กราบขอบารมีพระ พรหม เทวดา ครูบาอาจารย์ ทำการเสกวัตถุมงคล ช่วงท้ายของพิธี "ท่านพี่" ก็มาปรากฏตัว แต่ไม่ได้มีเศียรเป็นช้าง ซ้ำยังหล่อกว่า "โอ๊ปป้า" อีก..! |
"จำคาถาบูชาพระพิฆเณศวรได้ไหม ?" แหม..ถามแบบนี้ดูถูกสมองกันชัด ๆ "โอม ศรี คเณศายะ นะมะหะ" ถึงไม่เคยรับประทานสุกร ก็เคยเห็นสุกรมาบ้างนะเว้ย..! "นั่นแหละ..ต่อด้วย สัพพะธะนัง สัพพะโภคัง ประสิทธิ เม" "แล้วบอกผมทำไมวะ ?" อีกฝ่ายยิ้มแบบ "หล่อมาก" "เผื่อว่าจะได้ใช้ ถ้าภาวนาแบบนี้แล้วพี่จะมาช่วย" |
พี่ท่านน่าจะคิดผิด ไอ้น้องตัวแสบถึงซื้อรูปของพี่ไป ก็ทิ้งให้นอนเอ้เต้เสวยสุขอยู่ที่ห้องพักใน "อาคารปฐมา" เท่านั้น ถึงจะเอาเข้ากรรมฐาน ๓ วันมาแล้วก็เถอะ...
"หลวงพ่อเลือกเอาเลยครับ จะเอาเหรียญทองคำกี่เหรียญก็ได้" หลังจากพรมน้ำมนต์และถวายข้าวตอกดอกไม้บูชาแล้ว พระครูเทพก็ยกวัตถุมงคลมาเสนอทั้งถาด... |
อาตมาหยิบเอาเหรียญพญาเต่ามังกรพลิกชีวิต เนื้อทองคำขนาดใหญ่และเล็ก มาอย่างละ ๑ เหรียญ พระครูเทพหยิบพระพิฆเณศวรงาช้างกำจัดถวายมาด้วย...
"เขาขอบูชาผมแสนหนึ่งผมยังไม่ปล่อย หลวงพ่อช่วยผมมามากแล้ว ผมขอถวายบูชาครูเลยครับ" "พี่บอกแล้ว เผื่อว่าจะได้ใช้" เออ..ถึงเวลาจะเรียกให้ช่วยลูกศิษย์ทั่วโลกซะให้เข็ด..! |
ถาม : กราบเรียนพระอาจารย์ครับ ท่านอาจารย์สุชาติฝากเรียนถามเกี่ยวกับเรื่องแบบพระปางห้ามสมุทร ที่เคยคุยกันว่าจะให้ปั้นทรงเครื่องเป็นแบบรัตนโกสินทร์ ตอนนี้ท่านอยากจะขอปั้นปางห้ามสมุทรในแบบยุคสุโขทัย ทรงเครื่องน้อยชิ้น จะได้ไหมครับ..?
๑. จะได้สอดคล้องกับพระพุทธลีลาประทานพร ไม่โดดกันเกินไป ๒. เราต้องย่อขนาดลงมาเพื่อหล่อองค์ทองคำด้วย ถ้าเป็นของยุครัตนโกสินทร์ซึ่งมีรายละเอียดมาก องค์ที่ย่อก็จะไม่คมชัด ซึ่งถ้าจะให้คมชัดไม่เป็นปื้น ก็ต้องปั้นองค์ใหญ่ให้มีรายละเอียดที่หยาบ ซึ่งส่งผลให้องค์ใหญ่ไม่สวย ดังนั้น ท่านอาจารย์สุชาติจึงให้เรียนถามพระอาจารย์ดูก่อนที่จะขึ้นงานครับ ตอบ : ตามแต่ท่านอาจารย์สุชาติจะเห็นสมควรครับ สายตาระดับ "ครูช่าง" เหนือกว่าพวกเราจนประมาณไม่ได้ ท่านว่าอย่างไรเหมาะสมก็ต้องตามนั้นเลยครับ |
"๕๐๐ องค์" "ถ้าแค่นั้นมีรายการเหยียบกันตายแน่นอนครับ ขอเพิ่มสักหน่อยเถิดครับ" "แกลืมที่พวกมันเอาไป "เล่น" คนอื่นถึงตายมาแล้วหรือ ?" "ไม่ลืมครับ แต่นั่นเป็นแค่คนส่วนน้อยเท่านั้น จากครั้งก่อนที่พระท่านสงเคราะห์ช่วงเข้ากรรมฐานพิเศษ ๓ วัน ญาติโยมที่ต้องการตะกรุดมหาสะท้อนมีมากกว่าวัตถุมงคลหลายเท่า ยิ่งเป็นพระรูปสมเด็จองค์ปฐมอีกด้วย ต่อให้คนมีตะกรุดแล้วก็คงต้องการในส่วนของพุทธานุสติเพิ่มขึ้น ใจผมอยากได้สักหนึ่งหมื่นองค์ หลวงพ่อโปรดเมตตาลูกหลานที่ต้องช่วยงานพระพุทธศาสนาด้วยเถิดครับ" "ในเมื่อแกเอางานพระศาสนามาอ้าง เอาไปแค่ ๕,๐๐๐ องค์ก็แล้วกัน มากขนาดนี้เดือดร้อนท่านปู่ของแกต้องจัดเทวดาไปคุมประพฤติกันไม่หวาดไม่ไหวแล้ว" ในเมื่อหลวงพ่อท่านไม่ใจอ่อน อาตมาก็คงได้แต่ "ครับ" เท่านั้น..! |
"ช่วยขอเนื้อทองคำติดปลายนวมให้สัก ๕ องค์ด้วยครับ" ขอแค่ ๕ องค์..เอ็งไปขอเองเถอะ ขอแต่ละครั้งเสี่ยงชีวิตยิ่งกว่าไปเดินตลาดกลางกุ้งสมุทรสาครเสียอีก..! ขอไปทีโควตาก็หายไปครั้งหนึ่ง คราวก่อนเรื่องรูปหล่อพระปัจเจกพุทธเจ้าก็เกือบ "โดน" มาแล้ว เพราะท่านบอกไม่ให้ตั้งแต่แรก... "เหตุผลเดิมครับ เพื่อช่วยงานพระพุทธศาสนา" "ตีนแน่ะ..! เอ็งช่วยขนาดไหนวะ ? ช่วยแบบอยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ แล้วปล่อยข้าไปตายคนเดียว..!" "โธ่..!" "รอไปก่อนโว้ย..! ถ้าหลวงพ่อท่านมีเรื่องใช้งานแล้วค่อยขอ "รางวัล" กันทีหลัง" |
ระหว่างที่ลงฟังพระปาฏิโมกข์ มีเสียงเรอดังขึ้น พระอาจารย์จึงกล่าวว่า
"ไปดูในโทณปากสูตร สคาถวรรค สังยุตตนิกาย พระสุตตันตปิฎก จะเจอที่พระพุทธเจ้าตรัสกับพระเจ้าปัสเสนทิโกสลว่า ฯ..ผู้มีสติอยู่ทุกเมื่อ รู้จักประมาณในการกิน ย่อมมีเวทนาเบาบาง เขาย่อมแก่ช้า มีอายุยืนนาน..ฯ พระเจ้าปัสเสนทิโกสลชอบพระทัย สั่งให้สุทัสสนมาณพไปเรียนพระคาถานี้ไว้ แล้วท่องให้ฟังในขณะที่เสวยพระกระยาหาร จึงหายจากการ "ทรงพระอ้วน" ได้..!" |
บันทึกไว้เผื่อลูกหลาน มาตราการนับเลขโบราณ สิบ..............มีศูนย์......๑.........ตัว ร้อย.............มีศูนย์......๒.........ตัว พัน..............มีศูนย์......๓.........ตัว หมื่น............มีศูนย์......๔.........ตัว แสน............มีศูนย์......๕.........ตัว ล้าน............มีศูนย์.......๖.........ตัว โกฏิ............มีศูนย์.......๗.........ตัว ปโกฏิ..........มีศูนย์......๑๔.........ตัว โกฏิปโกฏิ.....มีศูนย์......๒๑.........ตัว นหุต...........มีศูนย์......๒๘.........ตัว นินนหุต........มีศูนย์......๓๕.........ตัว อักโขภิณี......มีศูนย์.......๔๒.........ตัว พินทุ...........มีศูนย์.......๔๙.........ตัว อพุทะ..........มีศูนย์.......๕๖.........ตัว นิระพุทะ........มีศูนย์.......๖๓.........ตัว อหหะ...........มีศูนย์.......๗๐.........ตัว อพพะ...........มีศูนย์.......๗๗.........ตัว อฏฏะ...........มีศูนย์.......๘๔.........ตัว โสคันธิกะ.......มีศูนย์.......๙๑.........ตัว อุปละ...........มีศูนย์.......๙๘.........ตัว กมุทะ...........มีศูนย์......๑๐๕.........ตัว ปทุมะ...........มีศูนย์......๑๑๒.........ตัว ปุณฑริกะ.......มีศูนย์......๑๑๙.........ตัว อกถาน..........มีศูนย์......๑๒๖.........ตัว มหากถาน.......มีศูนย์......๑๓๓.........ตัว อสงไขย.........มีศูนย์......๑๔๐.........ตัว หมายเหตุ : ตั้งแต่โกฏิขึ้นไป แต่ละหลักเพิ่มเลขศูนย์ ๗ ตัว ............: นหุต เคยใช้แทนเลขหลักหมื่น เช่น กรุงศรีสตนาคนหุต มาจาก สต = ๑๐๐ , นหุต = ๑๐,๐๐๐ , นาค = ช้าง , ช้างร้อยหมื่น คือ กรุงล้านช้าง ............: อุปละ กมุทะ ปทุมะ ปุณฑริกะ ใช้เป็นชื่อดอกบัว ............: อักโขภิณี สมัยอาตมายังเด็กถือว่าเป็นจำนวนมากที่สุด เช่น "มีทรัพย์นับอักโข ฯ" คือมีมากจนประมาณไม่ได้ ............: พินทุ สมัยนี้ใช้แทนคำว่า วงกลม น่าจะมาจากการที่มีแต่เลขศูนย์ถึง ๔๙ ตัว ............: อพุทะ พระพุทธเจ้าตรัสถึงในอินทกสูตร กล่าวถึงการกำเนิดมนุษย์ น่าจะมีการแบ่งเซลล์ได้จำนวนนี้พอดี |
"งานนี้หลวงพ่อรับรูปเดียวนะคะ" กำลังนั่งรอเวลาอยู่ในห้องประชุมแควใหญ่ ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี น้องคิด (นางสาววิจิตตรา หวังกุ่ม) นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรี ในฐานะผู้ประสานงานประจำอำเภอทองผาภูมิ ก็เข้ามาแจ้งให้ทราบ
"รางวัล CPOT (Cultural Product of Thailand ชุมชนคุณธรรมต้นแบบการพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย) นั้น ทางกระทรวงวัฒนธรรมมอบให้กับชุมชนคุณธรรมจังหวัดละชุมชนเดียวเท่านั้นค่ะ" อือม์..ไม่เป็นไร หลวงพ่อไม่เขินหรอก..! |
ปกติเวลามารับรางวัล อย่างน้อยก็ต้องมีพระสงฆ์รับด้วย ๓ ๕ รูป งานนี้ One Monk Show จริง ๆ รอจนนายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี นำข้าราชการทุกหน่วยงานไหว้พระเสร็จ เจ้าหน้าที่กลุ่มพิธีการฯ ก็รีบจัดสถานที่ แล้วนิมนต์อาตมาไปนั่ง...
"กราบขอบพระคุณหลวงพ่อมากนะครับ ที่ช่วยงานราชการมาโดยตลอด" ท่านผู้ว่าฯ กล่าวในขณะที่ถวายรางวัล "อาตมาขอขอบคุณท่านผู้ว่าฯ ด้วยเช่นกัน ที่สละเวลามามอบรางวัลให้" ปีที่แล้วรับไป ๑๐ รางวัล ปีนี้เพิ่งจะต้นปีคว้ารางวัลมาอีกแล้ว ยังจะมีตู้ใส่อีกไหมนี่ ? |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 08:01 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.