![]() |
"ทหารมีกำหนดหลักสูตร ๗๒ ชั่วโมง ก็คือ ๓ วัน จะต้องแก้ปัญหาที่ทางครูฝึกเขากำหนดเอาไว้ แล้วมีข้าศึกคอยตามตีอยู่ตลอดเวลา มีชุดของอาตมาที่ไม่เหมือนชาวบ้านเขา ปกติชุดอื่นเขาก็จะโดนข้าศึกจับได้ โดนจำหน่ายตายกันเยอะแยะ สอบตกกันมาก รุ่นของอาตมาไม่มี ถามว่าทำไมไม่มี ? เพราะว่าเขาปล่อยหมู่ละ ๑๕ นาที อาตมาเข้าไปถึงก็ซุกเงียบ อีก ๑๕ นาที เพื่อนมา กวักมือเรียก "เฮ้ย..ทางนี้" แอบอยู่ด้วยกัน อีก ๑๕ นาทีมา กวักมือเรียก "มาทางนี้" จนครบทั้งกองร้อย แล้วก็ไปพร้อมกัน
คราวนี้ข้าศึกสมมติเป็นรุ่นพี่ ส่วนใหญ่เขามาประมาณไม่เกิน ๓๐ คน ส่วนของเราไปกองร้อยหนึ่ง แน่จริงมึงมาสิ..! เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่ไม่สูญเสียกำลังพลเลย ทุกคนไปถึงจุดหมายปลายทางโดยสวัสดิภาพ ถามว่าทำไม ? ก็เขาไม่ได้บังคับไว้นี่ เขาบอกว่าปล่อยตอนประมาณหนึ่งทุ่มชุดแรก ก่อนตี ๕ ต้องไปถึงที่ เราก็รอพวกได้ เขาไม่ได้ห้าม เพียงแต่รุ่นอื่นโง่ไปหน่อย ไม่รอพวกกันเอง ปล่อยเข้าไป ๑ หมู่ ๑๒ คน รุ่นพี่มา ๓๐ ก็เสร็จเขาหมด..! ส่วนของอาตมาร้อยกว่าคน มา ๓๐ มีแต่พวกเราจะรุมทุบเขา..! ไม่รู้ว่าหลังจากรุ่นอาตมาแล้ว เขาเปลี่ยนระเบียบนี้หรือเปล่า ? แต่รุ่นของอาตมา รุ่นพี่แยกเขี้ยวยิงฟันกันเลย โห...แสบสะเด็ด..! คืออาตมาเป็นหัวหน้าตอนนักเรียน หัวหน้าตอนนักเรียนก็คือหัวหน้านักเรียนทั้งกองร้อยนั่นแหละ จะสั่งอย่างไรเพื่อนเขาต้องทำตาม ถึงเวลามา "หลบก่อน..มาอยู่ตรงนี้เลย เดี๋ยวกูพาไปเอง" |
"เพราะฉะนั้น...ทำอะไรอย่าตรงไปตรงมา แต่อย่าแหกคอก อย่าแหกระเบียบมาก ถึงเวลาเท้าข้างหนึ่งก็ต้องเหยียบเส้นเอาไว้ ถ้าไม่ผิดระเบียบ เขาทำอะไรเราไม่ได้หรอก
เรื่องของกฎหมาย เรื่องของศีลธรรมก็แบบเดียวกัน ถ้ามีความจำเป็น เราไปแค่กรอบของศีล ถ้าไปติดกรอบของศีลแล้วเราไม่ไปด้วย อาตมาเป็นทหารอยู่ เขาจะกินเหล้าเมายาอะไร ไปกับเขาหมด เขากินเหล้า เราก็กินกับ เขาเมาหมดสภาพ เราก็แบกเขากลับ เขาไปเที่ยวซ่อง เราก็นั่งเฝ้าหน้าห้องให้ ไปกับเขาได้ทุกงาน เขาเล่นการพนัน เราก็เป็นกองเชียร์ อย่างไรเพื่อนเขาก็รังเกียจอาตมาไม่ได้ เพราะว่าอาตมาเรียนเก่ง เขาต้องอาศัยเรา" |
พูดถึงจิ้งจกหลวงพ่อหน่าย "คาถาว่า อะอิอะมะ อะมะอะอิ อะอิจะหัง อะมะสวาหะ นะมะพะทะ ปิยะธิตา มานี่มานะ จุ๊..จุ๊..จุ๊..จุ๊
วันก่อนท่องเสร็จ พออาตมาจุ๊ จิ้งจกก็จุ๊ด้วย ก็เลยขำ ๆ น้องเล็กบอกว่าเอาใหม่ ๆ พอเอาใหม่เพื่อลอง จิ้งจกรู้ก็ไม่จุ๊ด้วยแล้ว" |
พระอาจารย์กล่าวว่า "ถ้าไปเจอสิงห์ตาแดงแบบนี้ก็อย่าไปเหมาเขามา สิงห์ตาแดงนั่นของหลวงพ่อหอม วัดชากหมาก แต่นี่เขาบอกว่าเป็นของหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ กูจะบ้า..! เขาลงเอาไว้ว่าหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ เต็ม ๆ เลย อยากจะร้องไห้ ถ้าอย่างนี้ของหลวงพ่อเดิม แสดงว่าความรู้ที่อาตมาศึกษามานี่ใช้ไม่ได้เลย"
|
พระอาจารย์อ่านข่าว "‘ศธ.ลงโทษครู ห้ามตัดผมนักเรียน’ เรื่องนี้ต้องจำเอาไว้ว่า แม้กระทั่ง ส.ส. ที่ไปเรียกร้องเรื่องการที่ครูลงโทษนักเรียนไม่ยอมตัดผม ต้องบอกว่าเหลวไหล..!
เรื่องของเด็กเราต้องปลูกฝังระเบียบวินัยให้ชัดเจนตั้งแต่เล็ก แล้วทุกอย่างก็จะสะดวกขึ้น..ง่ายขึ้น จะได้รู้ว่าการเข้าสังคมในแต่ละสังคมนั้น เขามีกฎเกณฑ์กติกาอย่างไร ถ้าจะทำอะไรตามใจตัวเองอย่างเดียว ก็ไม่ควรที่จะเข้าไปในสังคมนั้น ๆ ถ้ารับไม่ได้ว่าเวลาไปโรงเรียนลูกต้องตัดผมสั้น ก็อย่าส่งลูกไปเรียน ถูกต้องอยู่..ที่บอกว่าผมสั้นหรือผมยาวไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องของสมองเด็ก แต่ก็ทำให้เสียเวลาในการจัดการดูแลมากขึ้น ถ้าเด็กมัวแต่สนใจกับหัวตัวเองอยู่ การจดจ่อกับการเรียนก็จะมีน้อยลง บรรดา ส.ส. ที่เขาหวังดีเรื่องนี้เราก็จะสังเกตว่า ถ้าในลักษณะของผู้ใหญ่รุ่นเก่าก็คือเป็นพวกนอกคอก ไม่ค่อยจะถือกฎเกณฑ์กติกาอะไร จะเอาแต่สิ่งที่ตัวเองคิดว่าดี โดยไม่ดูผลกระทบส่วนใหญ่ของส่วนรวมว่าเป็นอย่างไร ซึ่งเรื่องอย่างนี้ถ้าเราจะวิพากษ์วิจารณ์กัน ต้องพูดในลักษณะของการเป็นกลาง ไม่ได้เกี่ยวข้องหรือว่ายึดติดกับพรรคการเมืองฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือด้านใดด้านหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นพรรครัฐบาลหรือว่าพรรคฝ่ายค้าน อาตมาเองอาจจะสลดถึงขนาดสังเวชใจกับฝ่ายรัฐบาล ที่เห็นพรรคฝ่ายรัฐบาลแย่งเก้าอี้เหมือนหมากัดกัน แต่ก็ไม่ได้เห็นด้วยกับพรรคฝ่ายค้านที่จะมาทำลายกฎเกณฑ์ระเบียบวินัยที่เด็ก ๆ ควรจะมี ควรจะได้ ควรจะอบรมปลูกฝังกันตั้งแต่เด็ก" |
"เรื่องทุกอย่างถ้าเรามองด้วยใจเป็นกลาง จะเห็นต้นตอของปัญหาอย่างชัดเจน ก็แปลว่าในครอบครัวนั้น ไม่ได้มีกฎเกณฑ์กติกาอะไรที่จะสร้างสรรค์ความสงบสุขให้กับสังคมเลย แล้วก็ยังไปเรียกร้องเอาจากที่อื่น ซึ่งเขามีกฎเกณฑ์ที่ดีในการที่จะสร้างความสงบเรียบร้อยให้กับสังคม ถ้าหากว่าลักษณะอย่างนี้ เรามองด้วยใจเป็นกลางจะเห็นว่าอะไรควร อะไรไม่ควร
แล้วบุคคลที่เป็นแม่ซึ่งออกมาเรียกร้องว่าลูกโดนครูตัดผม แล้วทำไมถึงโดนโซเชียลกระหน่ำเสียจนอยู่ไม่ได้ ก็เพราะว่าไม่ได้ดูในเรื่องของกฎเกณฑ์กติกาอะไร ไม่ได้คำนึงถึงส่วนรวม เอาแต่ตามอารมณ์ของตนเอง ซึ่งเรื่องอย่างนี้ทางด้านฝรั่งต่างประเทศมีงานวิจัยว่า ทำไมบุคคลที่เป็นอัจฉริยะจึงตัดสินใจผิดพลาดอยู่บ่อย ๆ ? สามารถที่จะสรุปได้ง่าย ๆ ว่า การตัดสินใจนั้นเป็นการตัดสินใจไปตามอารมณ์เสียส่วนมาก ไม่ได้เป็นไปโดยสมองที่ฉลาด เพราะความฉลาดของสมองนั้นเป็นแค่ความจำ คือ ไอคิว แต่ว่าในส่วนของการตัดสินใจนั้นเป็นวุฒิภาวะทางอารมณ์ คือ อีคิว ถ้าบุคคลที่มีไอคิวสูงแล้วอีคิวต่ำ การตัดสินใจย่อมมีโอกาสผิดพลาดได้อยู่แล้ว" |
" IQ คือ Intelligence Quotient ส่วน EQ คือ Emotional Quotient บางคนบอกว่าหลวงพ่อรู้ศัพท์ภาษาอังกฤษเยอะเกิน ก็ไม่ได้เยอะเกินหรอก แค่เล่นเอาอาจารย์ที่สอนภาษาอังกฤษต้องรีบเปิดดิกชันนารีดู ท่านบอกให้คิดศัพท์ที่เกี่ยวกับปากมา ก็สารพัด ไม่ว่าจะพูด ไม่ว่าจะกิน ฯลฯ ก็เลยบอกว่าอาจารย์ Gobble up ท่านอาจารย์ถามว่าอะไรนะ ? แล้วรีบเปิดดิกฯ ดู “อ๋อ...อาการขยอกกลืนแบบงูหรือจระเข้”
ท่านอาจารย์บอกว่า “ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย ท่านเอามาจากไหน ?” บอกว่า “ขอโทษครับ บังเอิญผมได้ยินมาตั้งแต่เด็ก” เพราะว่าสมัยโน้นเรียน ป. ๕ เขาให้ท่องอาขยาน Five Little Monkeys เป็นเรื่องของลิง ๕ ตัวไปยั่วจระเข้ ก็เลยโดนจระเข้กระเดือกลงคอไปเลย" |
พระอาจารย์กล่าวว่า "หนังสือกระโถนข้างธรรมาสน์ประจำเดือนกรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๓ ความจริงแล้วต้องเป็นฉบับที่ ๑๙๗ แต่เนื่องจากว่าเราปิดบ้านไป ๓ เดือน จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ ก็เลยกลายเป็นฉบับที่ ๑๙๔
ขอยืนยันว่าหนังสือของเรายังไม่เคยขาดช่วงตลอดระยะเวลา ๑๐ กว่าปีที่ผ่านมา เราออกปีหนึ่ง ๑๒ ฉบับ ในเมื่อปีหนึ่ง ๑๒ ฉบับ นี่ก็จะเป็นปีที่ ๑๖ แล้ว" |
พระอาจารย์เล่าว่า "วันก่อนมีคนบอกว่า เพิ่งจะได้เจอหน้าครั้งแรกชอบท่านมากเลย ถามว่าทำไม ? เวลาคนถามอะไรแล้วท่านกล้าด่ากลับ..! เขาบอกท่านไม่กลัวโยมโกรธ กล้าด่ากลับ อ๋อ...ถ้าไม่ด่าเขาก็ไม่รู้ตัว เอาไว้เดี๋ยวโควิดผ่านไปก่อน จะถามอะไรแล้วค่อยว่ากัน หรือไม่ก็ไปฝากคำถามในเว็บวัดท่าขนุน
โควิดทำให้ห่างเหินกันไปเยอะ เพราะว่าต้องเพิ่มระยะ แล้วถ้าเราไม่เข้มงวดเข้าไว้ เดี๋ยวทางด้านกรมควบคุมโรคติดต่อเขาจะมาเล่นงานเอาอีก โดยเฉพาะว่าพระของเราโชคดีมาก ทั่วประเทศไม่มีพระเณรติดโควิดแม้แต่รูปเดียว อาตมาก็เลยสรุปว่า ถ้าใครไม่อยากติดโควิด ให้โกนหัวเสีย เชื้อโรคจะได้คิดว่าเป็นพระเป็นเณรจะได้ไม่มาหาเรา" |
"การดำเนินชีวิตพระเณรของเรา ถ้าเป็นไปตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ เป็นการเว้นระยะห่างทางสังคมอยู่แล้ว ที่ท่านบอกว่าให้ปลีกตัวออกจากหมู่ อยู่ในที่สงัด ระบุไว้ชัดเลย
แม้กระทั่งการเดินบิณฑบาต ท่านก็บอกว่าให้เว้นระยะห่างให้คนวิ่งลอดได้ เพราะว่าสมัยพุทธกาลมีโจรขโมยของแล้ววิ่งมา เจอแถวพระแล้วไม่กล้าแทรกผ่านไป เพราะว่าพระเดินไม่ห่างพอ เนื่องจากว่าเขาเห็นว่าพระคือพวกกาลกิณี เพราะว่านุ่งห่มผ้าย้อมน้ำฝาดแล้วก็ผมสั้น สมัยนั้นพวกมีวรรณะจะไว้ผมยาวทั้งนั้น ก็เลยกลัวว่าจะโดนกาลกิณีมากกว่ากลัวโดนชาวบ้านทุบตาย ท้ายสุดหนีไม่ทันจึงโดนชาวบ้านเขาทุบตาย พระพุทธเจ้าจึงต้องให้พระเดินเว้นระยะประมาณ ๓ ก้าว ก็เท่ากับว่าการดำเนินชีวิตของพระเรา ส่วนใหญ่เป็นการเว้นระยะห่างทางสังคมอยู่แล้ว นี่อาจจะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ไม่ติดโรค ๒-๓ วันก่อนที่จะลงมาสอนกรรมฐาน โรคภัยไข้เจ็บก็มะรุมมะตุ้มอาตมาเสียเต็มที่ เพราะว่าตอนบิณฑบาตเปียกฝนทุกวัน บางทีพระเณรก็ตาละห้อย หลวงพ่อทำไมไม่ห้ามฝน ? ได้ไม่คุ้มเสีย..จะไปห้ามทำไม ?" |
ถาม : ถ้าเรารู้สึกจิตใจหม่นหมอง ตั้งสติไม่ได้ ควรทำอย่างไรคะ ?
ตอบ : ภาวนา ถ้ากำลังใจทรงตัวก็จะหายหม่นหมองไปเอง แสดงว่าเราไปฟุ้งซ่านแทน ต้องอยู่กับลมหายใจเข้าออกเฉพาะหน้า เลิกคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาแล้ว ผู้ชายคนเดียวหาใหม่เมื่อไรก็ได้ ถ้าไม่อยากใจเศร้าหมอง ภาวนาไม่ได้ก็ต้องได้ แปลว่าอย่างไรเสียก็ต้องพยายาม แรก ๆ ก็จะฟุ้งซ่าน แต่ถ้าเรารู้ตัวดึงกลับมาอยู่กับลมหายใจเข้าออก รู้ตัวแล้วดึงกลับมาอยู่กับลมหายใจเข้าออก ไม่นานใจยอมสงบเอง แต่ เราต้องสู้จริง ๆ ถาม : (ไม่ชัด) ตอบ : ไม่ต้องรู้สึกหรอก ถ้ามัวแต่รู้สึกอยู่ก็ไม่รอด ถ้ารักที่จะปฏิบัติธรรมต้องเริ่มตายด้าน ไม่เอาความรู้สึกใด ๆ ทั้งสิ้น อารมณ์ใจอยู่กับปัจจุบัน คืออยู่กับลมหายใจตรงหน้าเท่านั้น อยู่กับตอนนี้ อยู่กับเดี๋ยวนี้ ที่ผ่านมาไม่คิด ที่ยังมาไม่ถึงไม่คิด พักเดียวใจก็นิ่งแล้ว |
วันก่อนอบรมพระ บอกกับท่านว่า "ที่ผมให้พวกคุณทำแบบนี้เพราะว่าผมเองทำมาแล้ว ในปัจจุบันนี้ผมพยายามลองบังคับให้ตัวเองคิดชั่ว ยังคิดไม่ออกเลย" บังคับแล้วยังคิดไม่ออกเลย ใจไม่เอาด้วย ไปทางดีอย่างเดียว ก็เลย เออ...เรื่องแบบนี้มีครูบาอาจารย์คนไหนเขามาลองบ้า ๆ แบบเราบ้างวะ ? พยายามบังคับให้คิดชั่วแล้วใจไม่เอาด้วย
ต้องค่อย ๆ คิดดีไปเรื่อย ๆ พอใจชินกับดีก็จะไม่เอาชั่วแล้ว |
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้ทางองค์กรอนามัยโลกประกาศความเห็นเกี่ยวกับการแพร่ระบาดจากเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ ว่า สามารถแพร่กระจายทางอากาศได้ ก่อนหน้านี้ยังไม่ยอมรับ บอกว่าต้องไปกระทบสารคัดหลั่งจากตัวคนที่เป็นอยู่ถึงจะติดเชื้อ ตอนนี้ยอมรับแล้วว่าแพร่กระจายทางอากาศได้"
|
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้ยังเหลือรายชื่อที่สมัครเป็นสมาชิกเว็บวัดท่าขนุน เข้ามารอยืนยันตัวตนอยู่ประมาณ ๒,๒๐๐ ชื่อ จากที่จัดการไป ๒,๖๐๐ กว่าชื่อ สรุปว่ามีสมัครซ้ำมาเป็นร้อย ๆ ชื่อเลย ทำให้ต้องเสียเวลาไปคัดออก
เนื่องจากว่าท่านคงคิดว่าเป็นระบบอัตโนมัติ สมัครปุ๊บต้องได้รับคำตอบปั๊บ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ เพราะว่าต้องรอเจ้าหน้าที่ซึ่งมีงานประจำทำเต็มเวลา ว่างจากงานประจำก่อนแล้วค่อยมาจัดการเรื่องยืนยันตัวตนให้กับท่าน แล้วก็มีหลายท่านที่ส่งรูปยืนยันตัวตนมาได้ทุเรศมาก ก็คือถ่ายรูปแบบไม่ใส่เสื้อมา ถ้าเป็นสาว ๆ ทรงอึ๋ม ๆ หน่อยจะไม่ว่าสักคำ ปรากฏว่าเป็นสุภาพบุรุษ แล้วหุ่นดูไม่ได้เลย จะมี กล้ามเนื้อล่ำ ๆ ให้ดูเสียหน่อยก็ไม่มี มีแต่พุงหลามมาเลย ต้องเรียกว่าขาดจิตสำนึกเป็นอย่างมาก ไม่ได้ดูความเหมาะสม คิดอยู่อย่างเดียวว่าแค่ถ่ายรูปมาก็พอ" |
กล่าวกับโยม "หาอะไรที่เป็นรูปพระใส่ด้วยนะ แล้วค่อยเอาตะกรุดคล้องไว้ ก็คือให้มีพระไว้ด้วย เรานึกถึงเป็นอนุสติได้ง่ายกว่า ถ้ามีแต่ตะกรุดอย่างเดียว เราต้องคิด ๒ ชั้น ๓ ชั้น สิ่งนี้พระพุทธเจ้าท่านสอนมา ครูบาอาจารย์ท่านจึงทำมาให้ กว่าจะถึงพระก็หลายยก"
|
พระอาจารย์กล่าวว่า "ความจริงเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ก็ดีนะ ช่วยให้มีความเป็นระเบียบมากขึ้น ทำให้รัฐบาลไทยได้หน้ามาก สถาบัน Johns Hopkins เจ้าของสารพัดสถิติ ยกให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีระบบสาธารณสุขดีที่สุดในโลก
ความจริงไม่ใช่ฝีมือของรัฐบาลหรอก ฝีมือชาวบ้านช่วยกันเอง แต่ต้องบอกว่ารัฐบาลดำเนินนโยบายเกี่ยวกับเรื่องเชื้อโควิด ๑๙ ระบาดได้ถูกต้อง ก็คือยกให้หมอเป็นใหญ่ เสร็จแล้วก็ปล่อยให้หมอทำงาน บางคนก็โวยวายว่าทำไมถึงไม่ปลดล็อก พรก.ฉุกเฉิน เพราะว่าถ้าหากว่ายกเลิกไปแล้ว ถึงเวลาประกาศใหม่ก็ยาก กว่าจะเล็งจังหวะได้ เพราะฉะนั้นพอถึงเวลาถ้าสามารถคงเอาไว้ได้ การป้องกันการแพร่ระบาดของโรค สามารถที่จะบังคับใช้ได้เลยก็จะง่ายกว่า เราต้องเข้าใจด้วยว่าความยากลำบากของคนทำงานเป็นอย่างไร โดยเฉพาะในต่างประเทศ อย่างสหรัฐอเมริกา ขนาดประกาศว่าให้ใส่หน้ากากก็ยังไม่ยอมใส่ บอกว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน แล้วที่ร้ายกว่านั้นอีกก็คือบางคนไม่ยอมเชื่อว่ามีโรคนี้ บอกว่าเป็น Fake News ทั้ง ๆ ที่ตายกันโครม ๆ ยังบอกว่าเป็นข่าวปลอม โดยเฉพาะท่านประธานาธิบดีทรัมป์ บอกว่าเป็นแค่ไข้หวัด พอมีภูมิคุ้มกันก็หายแล้ว..!" |
"เดี๋ยวนี้เขามี Travel Bubble ก็คือการจับคู่กับประเทศอื่น ๆ ที่เห็นว่าปลอดภัยจากเชื้อโรค เพื่อดึงเอานักท่องเที่ยวมาเที่ยวบ้านเรา ปรากฏว่าอินเดียกำลังจะจับคู่กับอเมริกา อาตมาได้ยินแล้วยังว่าบ้าหรือเปล่า ? ประเทศที่มีการแพร่ระบาดเป็นอันดับ ๓ จะจับคู่กับประเทศที่แพร่ระบาดเป็นอันดับ ๑ ก็ดีเหมือนกันนะ..!
เชื้อโควิด ๑๙ นี่อันตรายมาก ระยะเวลา ๖ เดือน เปลี่ยนรหัสพันธุกรรมมาแล้ว ๖ ครั้ง ต่อให้เราสามารถทำวัคซีนขึ้นมาได้ก็น่าจะไล่ไม่ทัน ปัจจุบันนี้ที่แพร่ระบาดอยู่ในปักกิ่งเป็นคนละสายพันธุ์กับที่แพร่ระบาดในอู่ฮั่น แล้วมีพวกนักระบาดวิทยาระดับสุดยอดของโลก เขาคาดว่าเชื้อนี้แพร่กระจายมาหลายปีแล้ว เพียงแต่ว่าเพิ่งปรากฏอาการชัดเจนขึ้นมา ส่วนอาตมาไปคิดว่าเรื่องของสงครามโลกสมัยนี้ สงครามใหญ่สมัยนี้ สงครามเชื้อโรคก็น่าจะเป็นอย่างหนึ่ง แต่ปัจจุบันนี้มีเรื่องประหลาดก็คือ แขกรบกับแขก ความจริงที่เรารู้กันก็คือ อิสลามนี้จะรักใคร่สามัคคีเหนียวแน่นกันมาก แต่ในปัจจุบันถ้าเราอ่านข่าวจะเห็นว่า เยเมนตั้งเป้าโจมตีซาอุดิอาระเบีย ตุรกีตั้งเป้าโจมตีซีเรีย ถ้ามีอิรักกับอิหร่าน หรืออิรักกับคูเวตเข้าไปอีกจะสนุกกว่านี้ ยังดีว่าปาเลสไตน์กับอิสราเอลตอนนี้ยังเป็นยิวกับมุสลิม ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นว่าอิสลามรบกันเอง นับถือพระเจ้าองค์เดียวกัน แต่ทำไมความเชื่อที่ต่างกันถึงทำให้ต้องมารบราฆ่าฟันกันเองก็ไม่รู้ ?" |
"โชคดีที่หลวงพ่อองค์ปฐมเขียวเหล็กไหลออกไปยันไว้ได้ทัน ถ้าหากว่าช้า รับประกันได้ว่าติดไวรัสกันกระจาย พระรุ่นนี้สรุปสั้น ๆ ว่า ปลอดโรค ให้ลาภ ศัตรูพินาศ แต่ต้องลำบากภาวนา อิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ รวม ๓ ห้องทุกวัน วันละอย่างน้อย ๓ จบ แล้วอาตมายังเอาไปเข้าพิธีพลิกชีวิตมาด้วย
เพราะฉะนั้น..ใครรู้สึกว่าไม่ไหว เบ้าตาจะกระเด็นแล้ว ไม่ใช่เลือดตากระเด็น ตั้งใจภาวนา อิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ เป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา ๑๐๘ จบ เสร็จแล้วอธิษฐานขอให้ท่านช่วยสงเคราะห์ แต่ว่าเรื่องพวกนี้ถึงได้พรมาตั้งแต่สมัยหลวงพ่อวัดท่าซุง อาตมาก็ไม่เคยใช้ เป็นบุคคลประเภท 'ศรีทนได้' ถ้าศรียังทนได้ ศรีจะไม่ขอความช่วยเหลือ นิสัยอาตมาไม่เหมือนกับคนอื่น ถ้ายังสู้ได้อยู่นี่สู้ตลอด ไม่เรียกให้ใครช่วยเลย ถึงได้ว่าตอนเป็นพระใหม่อยู่วัดท่าซุง โดนผีไล่ตีอยู่ ๓ ปีเต็ม ๆ ทุกวัน ซ้อมจนน่วมเลย ไม่เคยเรียกพระช่วย ไม่เคยนึกถึงพระเลย นึกอยู่อย่างเดียวว่า มึงมากูสู้..!" |
ถาม : ไม่ใช่ว่าลืมนะครับ ?
ตอบ : ไม่ได้ลืม แต่มั่นใจว่ากูสู้ได้ ในเมื่อมั่นใจว่าสู้ได้ก็เลยสู้ สุดท้ายก็ผีระอาไปเอง ตีกับผีอยู่ ๓ ปี ไม่เคยนึกถึงพระ ไม่เคยนึกถึงพระนิพพาน ไม่เคยนึกถึงความดีอะไรเลย สู้อย่างเดียว ตึงตังโครมครามทุกวัน ป้ากิมกีก็ถามว่า "ท่านย้ายของอะไรเสียงดังทุกวัน ?" ย้ายของกับแมวอะไรล่ะ ? โดนผีไล่อัดสิไม่ว่า..! ทำให้มั่นใจเลยว่า เรื่องของผีนี่เวลาเขามาในกายหยาบ ก็เป็นเนื้อ ๆ จริง ๆ เราจับเขาก็ได้เป็นเนื้อ ๆ เขาเตะเรามาก็เจ็บพอกับคนเตะนั่นแหละ..! |
ถาม : สิ่งที่ยันกันตอนนั้น คือ...?
ตอบ : ส่วนใหญ่ก็สมาธิ ไม่ไหวขึ้นมาก็ขอบารมีพระสงเคราะห์ ขีดวงไว้ เขตนี้ห้ามเข้า แล้วก็นอน ถาม : แต่ไม่ได้ไล่ ? ตอบ : ไม่ไล่ อยู่กันแบบพร้อมที่จะสู้กันใหม่ ถาม : แล้วถ้าจะนอน ? ตอบ : ขอพักก่อน กูไม่ไหวแล้ว ขอพักก่อน นอนตื่นขึ้นมาค่อยตีกันใหม่ แล้วก็เป็นเรื่องแปลกนะ ย้ายที่ก็จบแล้ว แต่ไม่ย้าย ก็โดนอยู่นั่นแหละ...รู้สึกว่าชีวิตมีรสชาติดี พอย้ายไปนี่นั่งเซ็งเลย ไม่มีใครมาเล่นด้วยแล้ว |
พระอาจารย์กล่าวว่า "พอเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ อาละวาด ญาติโยมส่วนหนึ่งก็ใช้วิธีโอนเงินทำบุญแทน บอกว่าสะดวกดี ไม่ต้องไปถึงวัด หรือไม่ต้องไปถึงบ้านเติมบุญ แต่อาตมาอยากจะบอกว่าขาดบารมี คือความมุ่งมั่นของกำลังใจ เพราะว่าไม่ต้องใช้เวลาหรือความพยายามในการตะเกียกตะกายอะไรเลย โอนเงินปั๊บก็จบแล้ว เหมาะสำหรับบุคคลที่เป็นปรมัตถบารมีเท่านั้น ถ้าบารมียังอ่อน ๆ นี่ไม่ได้ช่วยเสริมกำลังใจตัวเองเลย ชวนให้ขี้เกียจอีกต่างหาก..!"
|
ถาม : เศรษฐกิจจะดีเมื่อไรครับ ?
ตอบ : ถ้าหากเราทำเป็นก็ดีเดี๋ยวนี้แหละ ทำไม่เป็นก็ช้าหน่อย เสียดายรัฐบาลของเราไม่เก่งเศรษฐกิจ บ้านเมืองสงบเรียบร้อย แต่เศรษฐกิจไม่ดี ชาวบ้านก็จะไม่มีกิน ก็ได้อย่างเสียอย่าง รัฐบาลที่เก่งเศรษฐกิจคนก็ไม่เกรงใจ ถึงเวลาก็ประท้วง ๆ สถานการณ์ก็เลยไม่เรียบร้อย จะเอาประเภทครบเครื่องจริง ๆ ก็ต้องรอรัฐบาลต่อ ๆ ไปจนกว่าจะได้มา |
พระอาจารย์กล่าวว่า "แจ้งให้ญาติโยมทราบอย่างไม่เป็นทางการว่า การหล่อพระพุทธลีลาประทานพรเนื้อทองคำ หล่อวันอาทิตย์ที่ ๑ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๓ หลังลอยกระทง ๑ วัน จะเป็นวันที่พระจันทร์เต็มดวงที่สุด ทั้ง ๆ ที่เขาบอกว่าเป็นข้างแรม
ตอนนี้ช่างคำนวณน้ำหนักทองออกมาแล้วไปคนละทวีปเลย ใช้ทอง ๓๕ กิโลกรัมเท่านั้น มีเหลือเฟือเลย ใครจะถวายรับถวายถึงแค่วันที่ ๓๑ ตุลาคมนี้เท่านั้น หลังจากนั้นก็จะปิดกระทู้ ไม่รับแล้ว เพราะว่าพระทองคำเราจะสร้างเสร็จ ความจริงให้ท่านอาจารย์สุชาติปั้นหุ่นขยายขึ้นมาน่าจะได้อีก เพราะว่าตอนนี้ทองเรามีอยู่เกือบ ๆ ๗๐ กิโลกรัม ได้ขึ้นมาอีกเกือบเท่าตัว แต่ไม่เป็นไร ทองคำที่เหลือก็เก็บไว้เป็นทุนสำรองของวัด มีโอกาสก็จะหล่อพระทองคำต่อไปเรื่อย ๆ เพราะว่าสมัยนี้เขาไม่ต้องการให้พระมีเงิน ในเมื่อเขาไม่ต้องการให้มีเงิน เราก็หล่อเป็นพระพุทธรูปทองคำฝากไว้ในพระพุทธศาสนาให้หมด" |
"งานต่อไปก็ประมาณเดือนกุมภาพันธ์หรือมีนาคม ๒๕๖๔ จะหล่อพระพุทธรูปปางห้ามสมุทรเนื้อเงิน ซึ่งก็จะโตประมาณหลวงพ่อพระพุทธลีลาประทานพรเนื้อเงินที่หล่อไปแล้ว
หลังจากนั้นปลายปีจะหล่อพระปัจเจกพุทธเจ้าเนื้อเงิน หน้าตักประมาณ ๔๐ นิ้ว คนอื่นจนช่างเขา ของเรารวยเราจึงทำได้ ก็แปลว่าไม่ว่าโควิด ๑๙ จะอาละวาดขนาดไหน วัดท่าขนุนไม่มีความลำบากเดือดร้อนเรื่องเงินเลย ขอให้สิ่งที่เกิดกับวัดท่าขนุนเกิดกับญาติโยมทุกคนด้วย เพราะว่าตรงส่วนนี้ของเราเองถือว่าเป็นสายบุญเดียวกัน พอถึงเวลาถ้าภาวนาพระคาถาเงินล้านเอาไว้โดยไม่ทิ้ง โดยเฉพาะที่อาตมาขอมากกว่าครูบาอาจารย์หลายเท่า คือขอวันละ ๑๐๘ จบไปเลย ไหน ๆ ทำแล้วก็ทำเอารวยกันไปเลย สมัยหลวงปู่ปานเขามีตัวอย่างนายห้างประยงค์ ตั้งตรงจิตร์ เจ้าของร้านขายยาตราใบโพธิ์ หรือไม่ก็นายแจ่ม เปาเล้ง ชาวราชบุรี ท่านทำพระคาถาพระปัจเจกโพธิโปรดสัตว์ได้ เรียกว่าทำขึ้นได้ผลดีมาก เงินทองไหลมาเทมา มาสมัยหลวงพ่อวัดท่าซุงไม่มีใครเป็นตัวอย่าง อาตมาก็เลยต้องทำเป็นตัวอย่างด้วยตัวเอง" |
"ภาวนาสูงสุดถึงวันละประมาณ ๑,๒๐๐ จบ แต่ว่าไม่ต้องทำมาหากินอะไรเลย ภาวนาอย่างเดียว มีเวลาแค่ฉันอาหารมื้อเดียวประมาณ ๑๐ กว่านาทีเท่านั้น แม้กระทั่งเข้าห้องน้ำห้องส้วมก็ภาวนา เป็นการภาวนาควบกับการจับลมหายใจเข้าออก ก็เลยทำให้เร่งเร็วไม่ได้ ไปช้า ๆ เอาคุณภาพ ตั้งแต่ประมาณตี ๓ ถึง ๑ ทุ่มของทุกวัน ได้แค่ประมาณ ๑,๒๐๐ จบเท่านั้น ส่วนช่วงที่ ๙๖๐ จบ ๙๐๐ จบ ๘๔๐ จบ ๗๒๐ จบ ๖๐๐ จบลงมา จนถึงประมาณ ๓๐๐ จบนี่ไม่ต้องคิดถึง คิดถึงช่วงประมาณวันละ ๓๐๐ จบนี่ทำอยู่ประมาณ ๓ ปีเต็ม ๆ
เพราะฉะนั้น..สิ่งที่ทำเอาไว้ถึงเวลาเกิดดอกออกผล ช่วงโควิด ๑๙ อาละวาด วัดท่าขนุนช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับบรรดาเจ้าอาวาสและเลขานุการของคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิไป ๒ เดือน เดือนละครั้ง ถวายไปรูปละ ๕,๐๐๐ บาท หมดไปเดือนละ ๔๐๐,๐๐๐ กว่าบาท แล้วก็เปิดโรงทานไปเกือบ ๒ เดือนเต็ม ลงทุนประมาณเดือนละ ๑๕๐,๐๐๐ บาท จะเห็นว่าขณะที่คนอื่นเขาลำบาก เขาเดือดร้อน วัดท่าขนุนไม่มีอะไรให้เดือดร้อนเลย บรรเทาความเดือดร้อนของพระภิกษุ สามเณร แม่ชีในวัด ถวายไปรูปละ ๒,๐๐๐ บาท ถ้าหากว่าโยมไม่ได้เจอพระในวัด ๓๐-๔๐ รูปก็คงไม่รู้หรอก ว่ารูปละ ๒,๐๐๐ บาทนั้นหมดไปเท่าไร แล้วก็หล่อพระพุทธลีลาประทานพรเนื้อเงิน ตั้งแต่ต้นจนจบนี่เกือบ ๓ ล้านบาทด้วยกัน แล้วก็ยังมีการช่วยเหลือทางสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าวัดสระแก้ว ที่อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง ไป ๑ ล้านบาท ช่วยโรงเรียนหมู่บ้านเด็กไป ๓๐๐,๐๐๐ บาท ในเบื้องต้น ถ้าสร้างอาคารจนเสร็จก็น่าจะเป็นล้านเหมือนกัน มอบข้าวสารอาหารแห้งช่วยเหลือเขาทั่วไปหมด เรื่องพวกนี้ต้องบอกว่าของทุกอย่างดีจริง สำคัญตรงที่ว่าเราต้องทำจริงด้วย" |
"เมื่อวันที่ ๘ ประชุมคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ เลขานุการเจ้าคณะอำเภอท่านเอาเอกสารมาให้เซ็น ก็คือเซ็นเข้าร่วมประชุม พอเซ็นเสร็จก็ควักให้ท่านไป ๒๕,๐๐๐ บาท บอกว่าเป็นค่าเซ็น คือท่านกำลังสร้างโบสถ์ บอกว่าช่วยเป็นเจ้าภาพเสาโบสถ์หน่อย เลยบอกกับท่านว่าผมไม่ได้เอาเสาอย่างเดียว ผมเอาฐานโบสถ์ทั้งหมดเลย ลงรากปักฐานให้แน่นหนาไปเลย จึงควักไปให้ท่าน ๒๕,๐๐๐ บาท
นอกจากนี้ เจ้าคณะอำเภอท่านสร้างเมรุ ได้ช่วยท่านไป ๓๐๐,๐๐๐ บาท เดี๋ยวนี้หนังสือขอความช่วยเหลือไหลมาเทมา แต่ว่าบางอย่างก็ช่วยไม่ได้จริง ๆ อย่างมีโรงเรียนหนึ่งบอกว่าจะถมสระน้ำ เพื่อสร้างเป็นอุทยานการเรียนรู้ของเด็ก มีรูปถ่ายมีอะไรมาเรียบร้อยมาก แต่ระบุงบประมาณว่า "จำนวนมาก" แล้วก็แจ้งยอดที่ตนเองได้รับการช่วยเหลือมา ๓๐,๐๐๐ กว่าบาท อาตมาต้องแทงหนังสือส่งกลับไปว่า ตัวเลขงบประมาณไม่ชัดเจน ทำให้ตัดสินใจช่วยเหลือไม่ได้ เขาไม่ได้บอกว่าต้องใช้เงินเท่าไร เขาบอกแค่ว่า "จำนวนมาก" แม้จะระบุส่วนที่มีคนช่วยมาแล้ว โดยมีชื่อมีนามสกุลและจำนวนเงินชัดเจน แต่ว่าจำนวนที่ต้องใช้มีเท่าไร ? หักกลบลบล้างแล้วยังขาดอีกเท่าไร ? อาตมาควรที่จะตัดสินใจช่วยเท่าไร ? ก็ไม่มี ในเมื่อไม่มีตรงจุดนี้ ก็ต้องแทงหนังสือกลับไปว่า งบประมาณไม่ชัดเจน ไม่สามารถที่จะตัดสินใจช่วยเหลือได้" |
พระอาจารย์กล่าวว่า "เหมือนหลวงพ่อมีเวรมีกรรมติดคุก แล้วพวกเราก็มาเยี่ยม ต้องมองผ่านกระจกกัน อาตมาคิดเสียว่าติดคุกก็หมดเรื่อง โยมมาเยี่ยมได้เห็นหน้าก็มีความสุข เรื่องของโรคภัยไข้เจ็บเป็นเรื่องที่พวกเราจะประมาทไม่ได้ เพราะว่าในอดีตเราทำกรรมอะไรไว้ ซึ่งเราส่วนใหญ่ก็ไม่รู้กัน ในเมื่อไม่รู้ก็อาจจะพลาดเมื่อไรก็ได้ จึงต้องระมัดระวังอย่างมาก อย่าการ์ดตก"
|
พระอาจารย์กล่าวว่า "วันที่ ๒๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๓ ถ้าคิดตามปฏิทินของอาตมาจะเป็นวันเสาร์ ขึ้น ๕ ค่ำ แต่คราวนี้อีกคณะหนึ่งเขาคำนวณแล้วไม่ตรงกัน แล้วทางราชการประกาศให้ใช้ของคณะนั้น วันที่ ๒๒ ที่วัดท่าขนุนก็เลยจัดให้มีการพุทธาภิเษกพระกริ่งสะท้านไตรภพแทน
คราวนี้เรื่องของพระกริ่งสะท้านไตรภพนั้น มีเนื้อทองแดง เนื้อเงิน เนื้อทองคำ เนื้อทองคำจองหมดแล้ว แล้วก็มีเนื้อเงินที่ใช้ชนวนหล่อหลวงพ่อพระพุทธลีลาประทานพรเนื้อเงิน กับหลวงพ่อสมเด็จองค์ปฐมเนื้อเงิน หล่อออกมาได้ประมาณ ๒,๐๐๐ องค์เศษ คือใช้ชนวนล้วน ๆ ไม่ได้ปนอย่างอื่นเลย มีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ แล้วคนทำเขาขอเกศาอาตมาไปบรรจุด้วย คราวนี้จะไม่ให้จองเพื่อเอาเงิน แต่ว่าท่านใดที่ไปวัดวันนั้น ถ้าหากว่านำเม็ดเงินนอก ๑ กิโลกรัมไป จะแลกพระกริ่งได้ ๓ องค์ ให้แลกได้รายละไม่เกิน ๓ องค์เท่านั้น แปลว่ารายหนึ่งจะใช้เม็ดเงิน ๑ กิโลกรัม ก็น่าจะได้ประมาณ ๗๐๐ คน เพราะฉะนั้น..ถ้าใครไปร่วมงานวันนั้นแล้วตัวเองไม่ได้จอง อาจจะมีเพื่อนฝูงฝากจองไป ก็พูดง่าย ๆ ว่าของทำเสร็จแล้ว เสร็จพิธีก็แลกกันตรงนั้นได้เลย อาตมาจะเอาเม็ดเงินไปหล่อพระปางห้ามสมุทรทรงเครื่องเนื้อเงิน ๑ องค์ ความสูงประมาณ ๑๕๕ เซนติเมตร แล้วก็หล่อพระปัจเจกพุทธเจ้าเนื้อเงินหน้าตัก ๔๐ นิ้วอีกหนึ่งองค์ ในส่วนนี้ก็แจ้งให้ทราบตรงนี้ว่า ถึงเวลาแล้วก็หาเม็ดเงินรอไว้ ใครเข้าแถวก่อนก็ได้ก่อน" |
พระอาจารย์กล่าวว่า "เขาบอกว่ากระจกนี้ปืนยิงไม่ผ่าน แต่ว่ากระจกอาจจะล้มมาฟาดหัวหลวงพ่อตาย..! ความจริงกระจกกันกระสุนนี้เกินความจำเป็น แม้ว่าระยะนี้ทางทองผาภูมิจะมีคนคิดยิงกบาลพระอาจารย์เล็กอยู่ก็เถอะ ชอบมากเลยที่มีเรื่องสนุก ๆ เพราะว่างานที่ทำบางส่วนทำให้คนอื่นเขาเสียประโยชน์
โดยเฉพาะช่วงเปิดโรงทานข้าวกล่อง ๑๐ บาท ๒ เดือน แทนที่เขาจะขายได้ คนก็แห่มาซื้อทางด้านนี้แทน จึงมีคนเสียประโยชน์มาก แล้วตอนนี้ไปสร้างศูนย์ร้านค้าชุมชนก็มีคนเสียประโยชน์ เพราะว่าต้องให้เขาออกจากพื้นที่ไป แต่ว่าทำอะไรถ้าหากเป็นประโยชน์สำหรับส่วนรวม อาตมาไม่ค่อยได้ใส่ใจหรอก ถ้าหากว่าไม่ได้ทำผิดศีลผิดธรรมก็ทำไปเลย คราวนี้การขอใช้พื้นที่ เราก็ขอใช้อย่างถูกต้อง ในการที่ให้เขาย้ายออกก็เป็นผู้บังคับบัญชาเป็นคนบอกให้ย้าย...ไม่ใช่เรา คุณจะมาอ้างว่าทำไอ้โน่นไม่ทัน ทำไอ้นี่ไม่ทัน นั่นไม่ใช่เรื่อง ผู้บังคับบัญชาสั่ง ถ้าไม่ทำตามคุณก็ซวยเอง เมื่อเป็นอย่างนั้น อาตมาก็จะได้ทดสอบด้วยว่าเหนียวจริงหรือเปล่า ? สมัยหนุ่ม ๆ ไปลุยกับลูกปืนที่ทางวัดท่าซุงมา สมัยตอนแก่นี่จะมีคนเอาลูกปืนมาถวาย เพราะเขาทำไสยศาสตร์แล้วไม่สำเร็จ เขาก็เอาทุกท่าเหมือนกันนะ ต้องบอกว่า ถ้าจะเล่นงานพระอาจารย์เล็กสำเร็จมีอยู่อย่างเดียว คือต้องมือเปล่า ๆ เข้ามา" |
ถาม : เจ้าหน้าที่ข้างล่างบอกว่า คนที่มาทำบุญ ให้เข้าได้แค่ครั้งเดียว ถ้าพรุ่งนี้ว่าง ไม่เต็ม ๒๕ คน เราสามารถมาใหม่ได้ไหมคะ ?
ตอบ : ก็น่าจะได้ ถาม : กรรมการเขาเข้มงวด เขาบอกว่าเข้ามาทำบุญได้แค่ครั้งเดียว ถ้าใครมาซ้ำไม่ได้ ? ตอบ : ควรจะเป็นเช่นนั้น ถาม : ถ้าหนูคิดต่าง เขาเอาไปคุยหรือประชุมได้ไหมว่า ถ้าว่างก็ให้เข้ามาได้ ? ตอบ : ว่างก็ไม่ให้เข้า เพราะว่าหลวงพ่อขี้เกียจรับ..! ถาม : แต่เมื่อครู่หลวงพ่อบอกว่าว่างก็มาได้ ? ตอบ : มาได้ ยืนรอหน้าบ้าน มาแค่หน้าบ้านเห็นหลังคา ทำไมจะไม่ได้ ? ตั้งใจจะปิดบ้านนี้อยู่แล้ว ใครทำให้เงื่อนไขสำเร็จนี่จะชอบใจมากเลย เพราะฉะนั้น..อนุญาตให้รั้นได้ทุกรูปแบบ เพราะรู้สึกว่าชราแล้ว ก็เลยไม่อยากเดินทางไกล ๆ มานั่งทั้งวัน ต้องหาเรื่องปิดบ้านให้ได้ ใครจะรั้น ใครจะฝ่าฝืนระเบียบ ใครจะทำอะไรเชิญเลย ถ้ากติกาพอ ก็ปิดบ้านไปเลย..! |
ใครที่จองมาแล้วไม่ตรงรอบตัวเอง ถ้าหากว่ารอบที่มาถึงยังไม่เต็ม สามารถเข้ามาได้โดยใช้สติ๊กเกอร์สีเดียวกับเจ้าของรอบเขา
แต่ถ้ามาแล้วเหลือนาทีสองนาที แล้วขึ้นมาถวายไม่ทัน ก็ต้องยอมรับว่าเราผิดพลาดเอง ใครมาแล้วมัวแต่เข้าห้องน้ำอยู่ ใครมาแล้วมัวแต่คุยกับเพื่อนจนเวลาไม่พอ อันนั้นเป็นปัญหาของคุณเอง ของที่นี่ก็คือ ถ้าหมดเวลาก็เป็นอันว่าต้องกลับเท่านั้น |
โยมถวายทองคำ "ทองคำที่ถวายมานี่ไม่ใช่ทองคำแท้นะจ๊ะ เป็นลักษณะของทองคำที่เคลือบอยู่บนกระดาษ ก็แปลว่าเป็นทองคำเปลวนั่นแหละ เพราะว่าช่วงที่หล่อพระคราวที่แล้ว ช่างเขาตัดออกมาให้ดูเลย ด้านในเป็นกระดาษแข็งขึ้นรูปเป็นก้อนทองคำ ด้านนอกมีแปะไว้นิดเดียว แล้วที่แปะเอาไว้ก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็นทองคำแท้หรือว่าเป็นกระดาษสีทองเฉย ๆ"
ถาม : เขาบอกหนูว่า ๙๙.๙๙ นะคะ ? ตอบ : ๙๙.๙๙ % ตามที่เขาบอกนั่นแหละ อาตมาโดนมาแล้ว ถ้าไม่โดนกับตัวเองก็ไม่รู้ว่ามีของปลอมเยอะขนาดนั้น มีหลายรายถวายกำไลทองคำมาเป็นสิบ ๆ วง ปรากฏว่าเป็นสเตนเลสชุบทอง หลอมไม่ละลาย สเตนเลสต้องใช้อุณหภูมิสูงกว่านั้น แล้วหลายรายที่ส่งมาก็เป็นลักษณะที่เขาเรียกว่าทองจังโก หรือทองลำอู่ เป็นสีทองเฉย ๆ แต่เป็นโลหะอื่น ซึ่งโยมก็ไม่รู้ เพราะว่าถ้าไม่ได้ทดสอบหรือไม่ได้เป็นผู้ชำนาญ ก็จะไม่รู้ว่าไม่ใช่ทองคำ อาตมารับเอาไว้เยอะมากเลย |
พระอาจารย์กล่าวว่า "ปกติเขาจะมีบอกว่าราศีไหนที่กำลังจะรวยใช่ไหม ? ก็บอกว่าราศีที่กำลังจะรวยคือราศีที่ลบ Application Shopee กับ Lazada ทิ้งเสีย ไม่ต้องไปเสียสตางค์ให้เขาก็จะรวยเอง..!"
|
พระอาจารย์กล่าวว่า "เชื้อโควิด ๑๙ มีคุณูปการอย่างยิ่ง ทำให้พวกเราบารมีเข้มแข็งขึ้น เพราะถึงเวลาต้องรีบถวายทาน ต้องรีบถอยออก ไม่มีเวลามาอ้อยอิ่ง ยืดยาด เชื่องช้าเหมือนก่อนนี้ ใครที่ทำใจไม่ได้ก็ต้องไปหัดทำใจให้ได้..!"
|
พระอาจารย์กล่าวว่า "ในสายตาของโยม ข้าวของที่ถวายเป็นของมีราคา หาได้ยาก ตั้งใจเอามาถวาย ถือว่าเป็นทานอันประณีต ในสายตาคนรับอย่างอาตมาเห็นเป็น ดิน น้ำ ลม ไฟเหมือนกันหมด สรุปว่าไม่มีราคา ถ้าโยมถวายทองแท่ง ๕ บาท กับถวายขนมครก ๕ บาท อาตมาหยิบขนมครกก่อน เพราะว่ากินได้เลย"
|
พระอาจารย์กล่าวว่า "ทำอะไรช้าก็ได้ แต่มีเวลาให้แค่นั้น จะเห็นได้ชัดเจนว่าบารมีของเรามีแค่ไหน พวกเชื่องช้ายืดยาดอืดอาด ก็แปลว่ายังต้องเกิดอีกนาน ถึงเวลาตัดใจไม่ได้ ต้องรอคนโน้น ต้องคอยคนนี้"
|
โยมเอาผ้าขาวมาขอบังสุกุล "ผ้าขาวเก็บไปเลย...ทำให้ไม่ได้แล้ว จะรับผ้าอีท่าไหน ติดกระจกอยู่ตรงนี้ บอกแล้วว่าสร้างสมเด็จฯ พลิกชีวิตเมื่อไร ผ้าขาวจะไม่รับอีกแล้ว"
|
ถาม : คาถาเงินล้าน ภาวนาไปแล้วการเงินก็คล่องตัวครับ ?
ตอบ : ทำให้สม่ำเสมอ ถ้าทำไม่สม่ำเสมอ เดี๋ยวก็มา ๆ หาย ๆ |
ถาม : ที่บ้านมีปัญหาเรื่องมดเรื่องแมลงเยอะครับ ?
ตอบ : ฉีดยากันไว้สิ ที่วัดนี่ยิ่งกว่าเยอะ แต่พอถึงเวลาฉีดยากันไว้ก็ไม่เข้ามา อาตมาฉีดยาใส่ข้างฝาใส่อะไรก็ได้ พอได้กลิ่นเขาก็ไม่ออกมา พอตัวเขาไม่ออกมาเราก็ฉีดใส่พื้นได้ |
ถาม : หนูมีอาการลำไส้บีบตัวดีมาก ถ่ายบ่อย หนูควรจะกินยาสมุนไพรอะไรคะ ?
ตอบ : ถ่ายบ่อยเป็นเรื่องดี อาหารจะได้ไม่ตกค้างให้ลำบากทีหลัง แล้วจะไปกินยาทำไม ? ถ้าอยากจะกินให้หยุดถ่าย ก็หาของฝาดกินเข้าไป พวกกล้วยดิบ ๆ ก็ได้ |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 23:30 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.