กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เทศน์ในวาระสำคัญต่าง ๆ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=40)
-   -   เก็บตกจากงานเป่ายันต์เกราะเพชร วันเสาร์ที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๒ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6687)

เถรี 10-07-2019 19:45

การรักษายันต์เกราะเพชรเอาไว้ อันดับแรก ต้องภาวนาทุกวัน จนกำลังใจทรงตัวแล้วกลืนน้ำลายสัก ๓ ครั้ง ยันต์เกราะเพชรจะคุ้มครองท่านได้ทั้งวัน และอย่าได้ละเมิดข้อห้ามสำคัญ ๒ ข้อ

ข้อที่หนึ่งคือห้ามลักขโมย จะหยิบฉวยสิ่งของของเขาราคามากราคาน้อยก็ดี ด้วยเจตนาขโมย ยันต์เกราะเพชรจะเสื่อม ไม่คุ้มครองบุคคลนั้น

อีกประการหนึ่งก็คือห้ามดื่มสุราหรือเสพยาเสพติด หลายรายที่ดื่มสุราบอกว่ายันต์เกราะเพชรหลุดจากตัวให้รู้ ๆ เลย ก็คือร้อนวาบกระชากออกจากตัวไป มีอยู่คนหนึ่งบอกรู้สึกเหมือนกับระเบิดออกจากตัวไปเลย อีกหลายคนบอกว่าเหมือนโดนถอดวิญญาณ คือโดนกระชากอะไรบางส่วนออกจากร่างกายไป ท่านที่ความรู้สึกชัด ๆ ก็จะได้รู้ว่าของดีไม่คุ้มครองแล้ว เพราะว่าเราไปละเมิดข้อห้าม

เถรี 10-07-2019 19:48

ในส่วนนี้ถ้าท่านระมัดระวังแล้วก็ยังมีโอกาสพลาดได้ เพราะว่าอาหารสมัยนี้ผสมเหล้าผสมบรั่นดีกันเป็นปกติ มีลูกศิษย์บางคน เอาไอศกรีมมาถวาย อาตมาเปิดปั๊บหงายหลังเลย ถามว่า "กินเข้าไปได้อย่างไร ? นี่เหล้า" เขาบอก "ไม่ใช่ค่ะอาจารย์ นี่รัมเรซิน" อีบ้า...! รัมคือเหล้า แล้วเป็นเหล้าเถื่อนของฝรั่งด้วย โอ้โห...แม่เจ้าประคุณ บอกว่ารัมไม่ใช่เหล้า เจริญมาก...! ยายนั่นยันต์เกราะเพชรหลุดหายไปตอนไหนก็ไม่รู้ แถมยังกินอร่อยอีกด้วย

หลายรายก็เป็นช็อกโกแล็ตไส้บรั่นดี ระวังให้มาก เพื่อนพระซื้อมาฝากอาตมาเอง ท่านอ่านภาษาอังกฤษไม่ออก อาตมาอ่านออก บอกว่า "เอ็งเอาเหล้ามาถวายพระแล้ว รู้ตัวไหม ?" ท่านบอกว่าไม่รู้เลย นึกว่าสอดไส้อะไรมา รสชาติซ่า ๆ กินแล้วหน้าแดงดี..!

ถ้าลักษณะอย่างนี้ยันต์เกราะเพชรหลุดหมด ที่อภัยให้อย่างเดียวก็คือ ท่านที่กินยาดองตามสูตร ยาโบราณต้องดองเหล้า เพื่อที่จะให้สารที่อยู่ในสมุนไพรออกมาอย่างเต็มที่ แต่ต้องกินตามสูตรจริง ๆ ก็คือ โบราณส่วนใหญ่ให้กินได้เป๊กเดียว ประมาณ ๓๐ ซีซี และในส่วนนี้ก็ห้ามพระด้วย ไม่ใช่ว่าเป่ายันต์เกราะเพชรแล้วกินยาดองได้ พระเราก็ฉันกันเพลิน นั่นโดนอาบัติเลย..ศีลขาด ไม่มีอะไรคุ้มตัวเลย ศีลพระที่จะคุ้มตัวก็ไม่มี ยันต์เกราะเพชรก็ไม่มี ฉะนั้น...ต้องระมัดระวังในเรื่องของอาหารให้มาก

เถรี 10-07-2019 19:55

ยันต์เกราะเพชรของเรา ถ้าหากว่าไม่ละเมิดแล้ว ก็จะอยู่รักษาเราไปตลอดชีวิต แล้วถามว่าจะรู้ได้อย่างไรว่าเรารับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว ยันต์รักษาตัวเราอยู่ ? ก็มีหลายวิธีด้วยกัน

วิธีแรกก็คือฝึกทิพจักขุญาณให้ได้ แล้วก็พิจารณาดู ก็จะเห็นว่ายันต์เกราะเพชรยังอยู่ที่กึ่งกลางกายของเราหรือเปล่า ?

อีกวิธีหนึ่งก็คือหาผู้หญิงที่ท้องครั้งแรกมาเข้าพิธีเป่ายันต์เกราะเพชร ถ้าคลอดลูกออกมาเป็นผู้ชาย จะมียันต์ติดตัวมาด้วย คราวนี้ คำว่ายันต์ติดตัวมานั้น ไม่ใช่ว่าติดตัวมาเป็นรูปยันต์เกราะเพชร แต่ว่าจะเป็นจุด เป็นขีด เป็นแต้ม อย่างไรก็ได้ เพียงแต่ว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ภายใน ๗ วัน จะหายเข้าไปอยู่ในกระดูก

เถรี 10-07-2019 19:58

มีอยู่รายหนึ่งติดตัวมาลายพร้อยเลย พยาบาลเขาเรียกว่าไอ้เด็กตุ๊กแก ส่วนอีกรายหนึ่งทำคลอดแบบโบราณ หมอตำแยบอกว่าลูกออกมาตัวลาย พ่อแม่เห็นแล้วตกใจ ลืมไปว่าตัวเองไปรับยันต์เกราะเพชรมาก ก็ถามว่า "ยายแล้วจะแก้ไขอย่างไร ?" หมอตำแยนั่นสุดยอดมาก บอก "ง่ายนิดเดียว" อมเหล้าพ่นพรวด หายเกลี้ยงเลย..! โห...สุดยอดมากเลยยาย แต่จริง ๆ ยันต์เกราะเพชรไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่หนีเหล้าเข้าไปอยู่ในกระดูกของเด็กแทน

ถ้าหากว่าเด็กคนแรก หรือที่เรียกว่าลูกหัวปี คลอดมาเป็นผู้ชาย จะมียันต์ติดตัวมา ที่อาตมาทำพิธีไป มีหลายรายที่ถ่ายรูปมาให้ เป็นเส้นยาว ๆ ติดตัวเต็มไปหมด แล้วก็เป็นจุด ๆ แต้ม ๆ ก็มี มีบางรายก็เหมือนตุ๊กแกจริง ๆ เพราะว่าเป็นทั้งสีน้ำเงินสีแดงสลับกันด้วย ก็เลยไปนึกถึงสมัยหลวงพ่อวัดท่าซุง มีโยมคนหนึ่ง พอรับยันต์ไปแล้ว คลอดลูกออกมา ยันต์ติดตัวมาเป็นสีแดง ปกติก็จะเป็นสีดำหรือน้ำเงินเข้ม ทำไมคนนี้เป็นสีแดง ?

หลวงพ่อวัดท่าซุงสอบถามว่า ทำตัวอย่างไรเมื่อรับยันต์ไปแล้ว ?เขาบอกว่าแยกห้องกับผัว ไปนอนห้องพระแทนเลย ตั้งใจรักษาศีล ๘ เพื่อลูกตัวเอง แล้วเด็กคนนั้นอัศจรรย์มาก เพราะว่าทุกพระใหญ่ขึ้น ๑๕ ค่ำ ยันต์เกราะเพชรจะปรากฏขึ้นทุกครั้ง แล้วถ้าหากว่าเป็นผู้ใหญ่ จะพิสูจน์อย่างไรว่าเราได้รับยันต์เกราะเพชร ? ก็ต้องรอ รอตายแล้วลูกหลานเผา จะมี
ยันต์ติดกระดูกอยู่

เถรี 10-07-2019 20:22

อาตมาแนะนำไป ๒ คนว่า ให้เก็บกระดูกพ่อที่มียันต์ติดอยู่เลี่ยมแขวนคอไปเลย ยันต์เกราะเพชรที่ติดกระดูกอยู่เป็นรูปยันต์ ไม่ใช่เป็นรอยต่อกระดูก เรื่องพวกนี้อาตมาเป็นคนเชื่อยากที่สุด ต้องพิสูจน์แล้วพิสูจน์อีก อย่างที่บอกว่าไปไล่จับงูพิษเล่น เพื่อที่จะพิสูจน์ว่ายันต์เกราะเพชรกันได้ไหม ? ปรากฏว่ากันได้จริง ๆ แต่ก็เจ็บแทบตาย เพราะว่างูพิษกัด ความเจ็บความปวดก็คือปกติของงูพิษเลย เพียงแต่ว่าเราไม่ตายแน่นอนเท่านั้น

เถรี 13-07-2019 09:45

ในระหว่างที่รับยันต์เกราะเพชร จะรู้ได้อย่างไรว่ายันต์เข้าตัวเราแล้ว ? ช่วงนั้นถ้ารู้สึกร้อนหู ร้อนหน้า หนักหัว หนักไหล่ บางท่านก็รู้สึกยุบยิบเหมือนมีตัวอะไรไต่อยู่ตามร่างกายของตัวเอง แรก ๆ ก็อาจจะไต่แค่ตัวสองตัว ต่อไปก็มากขึ้น ให้รู้ว่ายันต์กำลังเข้าตัวท่านแล้ว บางท่านเป็นไข้ไป ๒ วัน ๓ วันเลยก็มี

โดยเฉพาะอาตมานี่เป็นตัวอย่างที่ชัดที่สุด กราบเรียนถามหลวงพ่อวัดท่าซุงว่า "ผมมองเมื่อไร ผมก็เห็นว่ายันต์เกราะเพชรคลุมตัวผมอยู่ แล้วทำไมไข้จับเกือบตายครับ ?" ท่านบอกว่า "เพราะว่ากำลังใจของแกดื้อมาก พอมีสิ่งภายนอกแทรกเข้ามา ก็ต่อต้านโดยอัตโนมัติ ยันต์เกราะเพชรพยายามจะเข้า ก็ไปต้านเอาไว้ เลยกลายเป็นยื้อกันจนออกอาการเหมือนกับป่วยไข้" เมื่อทราบดังนั้น อาตมาก็เลยต้องเลิกยื้อ ก็คือปล่อยให้เป็นไปตามที่พระท่านจะสงเคราะห์ หลังจากนั้นก็ไม่เคยเป็นไข้อีก

เพราะฉะนั้น ใครมีนิสัยดื้อ เชื่อยาก ถ้ากลับบ้านไปแล้วไข้จับไปวันสองวัน ก็ให้รู้ว่าท่านเองนั่นแหละที่เป็นสาเหตุให้ยันต์เกราะเพชรเข้าลำบาก

เถรี 13-07-2019 09:47

มีบางรายที่มาขอให้อาตมาถอนยันต์ให้ ถามว่าทำไมต้องถอน เขาบอกว่ามีครูโนราห์อยู่ แล้วไม่รู้ว่าเป็นคู่ศึกกับยันต์เกราะเพชร เพราะว่าโนราห์มาทางไสยศาสตร์ ก็เลยทำให้เดือดร้อน ขออนุญาตถอนยันต์ อาตมาบอกว่าไม่ต้องถอน โยมอธิษฐานขอให้ครูโนราห์สามารถที่จะเข้าออกทำหน้าที่ของตนเองได้ตามปกติก็จบแล้ว โยมก็บอกว่าทำไม่เป็น ท้ายสุดอาตมา ก็เลยต้องทำให้แทน..ซวยไปอีก

ฉะนั้น...ถ้าหากว่าใครมีครูโนราห์ มีครูไสยศาสตร์หรือวัตถุที่เป็นไสยศาสตร์ติดตัวมา ถ้าเสียดาย ให้เอาไปฝากไว้ไกล ๆ ศาลาหลังนี้ แต่ถ้าไม่เสียดาย จะเปลี่ยนเป็นพุทธศาสตร์ ก็ติดตัวเอาไว้ เพียงแต่ว่าอานุภาพทางไสยศาสตร์จะหมดไป เนื่องจากว่าไสยศาสตร์กับพุทธศาสตร์นั้นเป็นคู่ศึกกันโดยปริยาย เหมือนความมืดกับแสงสว่าง

ไสยะ แปลว่าหลับ ไสยศาสตร์ ความรู้ที่ยังหลับอยู่ หรือถ้าหากว่าตามภาษาพระคืออวิชชา พุทธศาสตร์ ความรู้ของผู้ตื่น พุทธะคือ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ทั้งสองอย่างนี้เหมือนเหรียญเดียวที่มีสองหน้า อย่างไรก็อยู่คู่กันไปชั่วฟ้าดินสลาย เพียงแต่ว่าถ้าพุทธศาสตร์ที่เป็นความสว่างมาถึง ไสยศาสตร์ที่เหมือนกับความมืดก็จะต้องถอยออกไป

เถรี 13-07-2019 09:49

อย่างเมื่อเช้านี้ตอนพุทธาภิเษก อาตมาขึ้นไปกราบพระ ท่านชี้ลงมาให้ดู ให้เห็นว่าสมัยนี้ไสยศาสตร์นั้น มีความเจริญรุ่งเรือง มีจำนวนมากเป็นพิเศษ จึงกราบเรียนถามพระท่านว่าแล้วช่วยเขาได้ไหม ? ท่านบอกว่า ถ้าหากว่าใครตั้งใจรับยันต์เกราะเพชรในวันนี้ จะเป็นในที่นี้ ในที่อื่น ประเทศอื่น จังหวัดอื่นอะไรก็ตาม สามารถช่วยได้ แต่ถ้าไม่ตั้งใจรับด้วยความเคารพ ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยอย่างไรเหมือนกัน

ฉะนั้น ในส่วนนี้โยมต้องเข้าใจด้วยว่า ศรัทธาปสาทะเป็นพื้นฐานของศาสนาทั้งปวง ถ้าไม่มีศรัทธา...ความเชื่อ ปสาทะ...ความเลื่อมใส เราก็ไม่สามารถที่จะเข้าถึงได้ เลื่อมใสน้อย...เข้าถึงน้อย เลื่อมใสมาก...เข้าถึงมาก ถ้ามอบกายถวายชีวิตให้ได้ ก็จะเข้าถึงอย่างเต็มที่ เป็นต้น

เถรี 13-07-2019 09:54

ดังนั้น ในเรื่องของไสยศาสตร์หรือพุทธศาสตร์ก็ตาม ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับวิชาการ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับหลักสูตรนั้น ๆ ว่าต้องปฏิบัติอย่างไร แต่ขึ้นอยู่กับความเลื่อมใสเชื่อมั่นจริง ๆ

ถ้าท่านเชื่อมั่นอย่างมั่นคงว่า ทุกอณูของอากาศรอบกายของเราคือบารมีของพระ สามารถกำหนดใจให้ครอบลงมารักษาตัวเราเมื่อไรก็ได้ ถ้าท่านทำอย่างนี้ได้ ไม่ต้องมีวัตถุมงคลอะไรก็ใช้ได้ แต่ถ้าท่านทำไม่ได้ มีวัตถุมงคลติดตัวเอาไว้ จะปลอดภัยกว่า

เนื่องจากว่ากติกาที่อาตมาว่ามานี้ มีข้อหนึ่งก็คือห้ามเผลอ ถ้าหากว่าเราตั้งสตินึกถึงพระท่านได้ตลอดเวลา สามารถขอบารมีพระสงเคราะห์เราได้ตลอดเวลา แต่โอกาสเผลอนั้นมีอยู่ ขาดสติเพียงนิดเดียว วาระกรรมแทรกเข้ามา เราก็อาจจะโดนได้

เถรี 13-07-2019 09:58

อาตมาเองไปโดนไสยศาสตร์ที่วัดหนองบัว ประเทศพม่า ตั้งใจน้อมไทยธรรมและสิ่งก่อสร้างทั้งหมดถวายไว้ในพระพุทธศาสนา ถวายต่อคณะสงฆ์ที่นั่น แค่เผลอจิตละจากภาพพระนิดเดียวเท่านั้น รู้สึกเหมือนเสียงฟ้าผ่าลงมาบนหัวเลย ขาดสติไปประมาณ ๒ วินาทีก็ตั้งหลักได้ หันไปบอกกับพระครูน้อย ซึ่งปัจจุบันเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองบัวว่า

"คุณสังเกตดู เดี๋ยวถ้ามีใครป่วยหนักชนิดลุกไม่ขึ้นเลย นั่นแหละคนที่เล่นงานผม" พระครูน้อยเดินออกไปพักเดียว หน้าเหี่ยวเหลือ ๒ นิ้วกลับมา บอกว่า "อาจารย์ครับ พวกเดียวกันเองครับ" อาตมาก็มาวิเคราะห์ว่าทำไมพวกเดียวกันมาเล่นงานอาตมา ? ก็คือเขาอยากจะดึงอาตมาไปช่วยสร้างวัดให้เขา แต่อาตมาเองมัวแต่สร้างให้วัดหนองบัวอยู่ เขาก็เลยต้องใช้ไสยศาสตร์ช่วย แต่ว่าท่านทำได้ดีมากเป็นพิเศษ ก็คือรู้สึกเหมือนกับโดนฟ้าผ่าใส่หัวเลย

แต่ขอโทษ...โดนยันต์เกราะเพชรสะท้อนกลับ เดี้ยงไปเป็นเดือน ขยับไม่ได้ ลักษณะเป็นกึ่ง ๆ อัมพาต จะกินจะนอนต้องมีคนป้อน มีคนพาไปห้องน้ำห้องส้วม ท่านเองก็คงนึกไม่ถึงว่าอาตมาจะมีของแบบนี้คุ้มต้วอยู่

เถรี 13-07-2019 10:02

ท่านอาจารย์ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี รู้จักกันมาน่าจะ ๓๐ ปีหรือไม่ก็ใกล้เคียง ท่านบอกว่าเห็นกี่ครั้งหลวงพี่ก็เหมือนเดิม เรื่องนี้เป็นเวรเป็นกรรมของอาตมาเอง เชื่อหรือไม่ว่าเพื่อนร่วมชั้นมัธยมเจอหน้ากันจำอาตมาได้ทุกคน เพราะว่าเป็นนักเรียนก็ผมสั้น จากนักเรียนมาเป็นทหารก็ผมสั้น จากทหารมาเป็นพระ ยิ่งผมสั้นเข้าไปใหญ่ แล้วหน้าตาก็ไปช้ามาก ในเมื่อไปช้า พวกเห็นก็จำได้หมด

อาจารย์ธนิสร์ถามว่า ทำอย่างไรถึงหน้าตาไม่ค่อยจะแก่ ? ก็บอกท่านว่า "ทำงานให้เยอะเข้าไว้ เพราะลืมวันลืมคืน ไม่รู้สึกว่าเวลาผ่านไป ก็เลยไม่แก่" ส่วนคนไหน ถ้าเครียดมาก ๆ แหม...แต่ละวันอย่างกับเป็นปีนี่จะแก่เร็ว

เถรี 13-07-2019 10:03

ตอนนี้สะดวก ใครจะถ่ายรูปอย่างไรก็ได้ เพราะถ่ายอย่างไรก็ไม่หล่อขึ้น ได้แค่นี้แหละ สร้างเวรสร้างกรรมเอาไว้เยอะ คนจะเกิดมาหล่อเกิดมาสวย ก็ต้องมีศีล ๕ สมบูรณ์ ต้องมีพรหมวิหาร ๔ ส่วนอาตมาเองขาด ๆ วิ่น ๆ เพราะว่าเป็นทหารมาทุกชาติ ไม่ใช่ฆ่าเขาก็โดนเขาฆ่านั่นแหละ..!

เถรี 13-07-2019 10:05

ตอนนี้ทางวัดท่าขนุนของเราเป็นต้นแบบในการแยกขยะให้กับชาวบ้าน ขยะบางส่วนที่แยกออกมาก็เอาไปขาย บางส่วนก็เอาไปทำน้ำชีวภาพ น้ำหมัก บางส่วนก็เผาทำลาย ตอนนี้เรามีเตาเผาขยะของวัด ที่ชุมชนมาร่วมใช้งานได้ เผาขยะได้ชั่วโมงละ ๕๐ กิโลกรัม เผาซากสัตว์ได้ด้วย แต่กรุณาว่าอย่าเผลอ..ถ้าเผลอเมื่อไร เดี๋ยวจะเอาเด็ก ๆ เข้าไปเผา ต้องระมัดระวังให้ดี

เถรี 13-07-2019 10:07

สมเด็จองค์ปฐม หน้าตัก ๕ นิ้ว เป็นฝีมือปั้นของท่านอาจารย์สุชาติ เลิศภูมิปัญญา แรก ๆ ขอตั้งราคาไว้ที่ ๑๕,๐๐๐ บาท อาตมาบอกว่าไม่เอา ขอแค่ ๙,๙๙๙ บาทพอ ใครให้มาหนึ่งหมื่นทอนคืนไปบาทหนึ่ง ก็ปรากฏว่ามีคนที่จองแล้วทิ้งจองอยู่ ๗ - ๘ องค์ ก็เลยมีคนรวยมาบูชาไปในราคาองค์ ๑๕,๐๐๐ บาท

สรุปว่าสมเด็จองค์ปฐมรุ่นนี้มีราคา ๑๕,๐๐๐ บาท อยู่ ๘ องค์ นอกนั้นราคา ๙,๙๙๙ บาท เอาไปออกต่อ อย่าให้เกิน ๑๕,๐๐๐ บาทนะ สงสารคนเขาบ้าง

วันก่อนอาตมาเห็นพระหินเขียวแม่น้ำโขงของทางวัดท่าขนุน ซึ่งทางวัดให้บูชาองค์ละ ๕๐๐ บาท เขาเอาไปปล่อยต่อองค์ละ ๔,๖๐๐ บาท เห็นแล้วจะเป็นลม อะไรถ้าหากว่าแพง โยมก็อย่าไปติดตาม พยายามหักห้ามใจไว้หน่อย เดี๋ยวรุ่นหลัง ๆ ก็จะมีของดีมาเอง

เถรี 13-07-2019 10:08

อาตมาไปร่วมหล่อสมเด็จองค์ปฐมที่วัดแห่งหนึ่ง อย่าไปบอกชื่อวัดเขาเลย ญาติโยมไปร่วมกันมาก ต่างคนก็อยากได้บุญในการหล่อสมเด็จองค์ปฐม ก็เลยส่งถังปูนต่อ ๆ กันไป จนกระทั่งไปอ้อมรอบโบสถ์แล้ววนกลับมาอีกทีหนึ่งจึงจะมาถึงที่หล่อ ทั้ง ๆ ที่หล่อกับองค์พระจริง ๆ แล้วห่างกันอยู่แค่ ๑๐ กว่าเมตรเท่านั้น คนมามากเกินไป ทุกคนอยากได้บุญ ก็เลยต่อแถวไปเรื่อย กว่าจะย้อนกลับมานี่ ปูนแทบจะแห้งแล้ว

เถรี 13-07-2019 10:15

ญาติโยมทั้งหลายที่มาวัดท่าขนุนในวันเสาร์ ๕ เจตนาก็แบ่งเป็น ๒ ส่วนด้วยกัน ส่วนหนึ่งก็คือมาร่วมพิธีไหว้ครูและพุทธาภิเษก อีกส่วนหนึ่งก็ตั้งใจมารับยันต์เกราะเพชร คราวนี้ญาติโยมหลายท่านก็คงจะทราบข่าวว่า อาตมาเคยทำวัตถุมงคลชนิดหนึ่งที่ชื่อว่าตะกรุดมหาสะท้อน เป็นวัตถุมงคลชนิดเดียวที่อาตมาสร้างมากรุ่นที่สุด ก็คือได้ทำถึง ๖ รุ่นด้วยกัน

ปกติวัตถุมงคลของอาตมานี่ซ้ำสองก็ไม่ทำแล้ว...เบื่อ แต่เนื่องจากว่าตะกรุดมหาสะท้อนนั้นเป็นที่ต้องการมาก ญาติโยมเรียกร้องมาอยู่เรื่อย ราคาแพงแค่ไหนก็สู้ ก็เลยทำไปถึง ๖ รุ่น แต่ปัจจุบันนี้หยุดทำแล้ว เพราะว่าโดนสั่งห้าม เนื่องจากว่าญาติโยมเอาตะกรุดไปใช้ แล้วไปเล่นเขาตายไป ๒ ศพ..!

ศพแรกเป็นอาจารย์ใหญ่ ตอนแรกก็สอนกรรมฐาน ไป ๆ มา ๆ ก็ออกแนวไสยศาสตร์ พอถึงเวลาลูกศิษย์เห็นไม่ชอบมาพากล จะไม่อยู่ด้วย ก็ไปข่มขู่เขาว่าวันเดือนปีเกิดพวกแกอยู่ในมือข้า เดี๋ยวจะบังฟันให้ตายให้หมด บรรดาลูกศิษย์เขาก็เป็นลูกศิษย์ของอาตมาด้วย ก็เลยรวมหัวกัน ๗ - ๘ คนปลุกตะกรุดมหาสะท้อนพร้อม ๆ กัน อาจารย์ใหญ่เลยตายแทน..!

ส่วนอีกรายหนึ่ง เป็นการหักล้างกันในหน่วยงาน ผู้นำคนใหม่เห็นว่าอีกฝ่ายเป็นคู่แข่งสำคัญ ต้องเล่นงานกันให้ตายไปข้างหนึ่ง ไม่อย่างนั้นแล้วอาจจะโดนแย่งตำแหน่งได้ ก็เลยแจ้งตำรวจข้อหาว่าอีกฝ่ายฉ้อโกง เป็นเงินนับร้อยล้านบาท ตั้งใจว่าจะไม่ให้ผุดไม่ให้เกิดเลย ฝ่ายที่อยู่ ๆ โดนยัดข้อหาให้ ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร มีตะกรุดมหาสะท้อนเนื้อทองคำของอาตมาอยู่ ก็เลยขอบารมีพระแล้วนั่งภาวนา ปรากฏว่าอีกฝ่ายตายเอง..!

พอมีข่าวตายมาเข้าหู ๒ ศพ อาตมาเลยโดนสั่งห้ามไม่ให้ทำอีก ตะกรุดมหาสะท้อนนั้น ใครทำดีทำชั่วกับเจ้าของตะกรุดจะโดนย้อนคืนหมด ทำดีก็รับดีคืนไปหลายเท่า ทำชั่วก็รับชั่วคืนไปหลายเท่า

เถรี 13-07-2019 10:16

ที่กล่าวตรงนี้ก็เพราะว่า ตะกรุดมหาสะท้อนมีความคล้ายคลึงกับยันต์เกราะเพชร คล้ายคลึงกันตรงที่ว่า ถ้าใครทำอะไรมา ส่วนที่ไม่ดีก็คืนไปหมด ยันต์เกราะเพชรมีอานุภาพอย่างหนึ่ง ก็คือสะท้อนคืนไสยศาสตร์ทั้งหมด

ถ้าหากว่าใครอยากจะรู้ว่าตัวเองทำไสยศาสตร์มีผลเท่าไร ให้ไปขอคนที่มียันต์เกราะเพชรแล้วลองทำเขาดู โดนสะท้อนคืนไปแล้วจะรู้เองว่าตัวเองทำได้ขนาดไหน..!

เถรี 15-07-2019 09:04

อีกไม่กี่วันจะเข้าพรรษา หลังจากนั้นไม่กี่วันก็เป็นวันเฉลิมพรรษา อยากจะรู้ว่ามีใครเรียกพระนามในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ได้ถูกบ้าง ?

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระ - บาด - สม - เด็ด - พระ - ปะ - ระ - เมน - ทะ - ระ - รา - มา - ทิบ - บอ - ดี - สี - สิน - มะ - หา - วะ - ชิ - รา - ลง - กอน - พระ-วะ-ชิ-ระ-เกล้า-เจ้า-อยู่-หัว

จำกันไม่ได้หรอก เชื่อเถอะ

สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี
สม-เด็ด-พระ-นาง-เจ้า-สุ-ทิ-ดา-พัด-ชะ-ระ-สุ-ทา-พิ-มน-ลัก-พระ-บอ-รม-รา-ชิ-นี

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
สม - เด็ด - พระ - นาง - เจ้า - สิ - หริ - กิด พระ - บอ - รม - รา - ชิ - นี - นาด
พระ - บอ - รม - มะ - ราด - ชน - นะ - นี - พัน - ปี - หลวง

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี
สม - เด็ด - พระ - กะ - นิด - ถา - ทิ - ราด - เจ้า - กรม - สม - เด็ด - พระ
- เทบ - พะ - รัด - ราด - ชะ - สุ - ดา - สะ - หยาม - บอ - รม - ราด - ชะ - กุ - มา - รี

จำกันไม่ได้หรอก หัดเรียก ๆ ให้ชินไว้ เดี๋ยวไม่ชินกัน อย่าลืมว่าตอนนี้เรามีสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าเพิ่มขึ้นมา เพราะว่าพระราชบิดาขึ้นครองราชย์แล้ว ฉะนั้นที่เราเรียกพระองค์ภา ปัจจุบันนี้ไม่ได้แล้ว

ท่านคือ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี
สม - เด็ด - พระ - เจ้า - ลูก - เทอ - เจ้า - ฟ้า - พัด - ชะ - ระ - กิ - ติ - ยา - พา - นะ - เรน - ทิ - รา - เทบ - พะ - ยะ - วะ - ดี

สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา
สม - เด็ด - พระ - เจ้า - ลูก - เทอ - เจ้า - ฟ้า - สิ - หริ - วัน - นะ - วะ - รี
นา - รี - รัด - ราด - ชะ - กัน - ยา

หัดเรียกให้ชิน ๆ ปากไว้ ถ้าญาติโยมความจำเหมือนคอมพิวเตอร์อย่างอาตมาก็ดีไปอย่าง พอบันทึกปั๊บ ก็ไม่ไปไหนเลย

คราวนี้เรามีพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
พระ - บาด - สม - เด็ด - พระ - บอ - รม - ชะ - นะ - กา - ทิ - เบด - มะ - หา - พู - มิ - พน - อะ - ดุน - ยะ - เดด - มะ - หา - ราด - บอ - รม - มะ - นาด - ถะ - บอ - พิด ก็คือเป็นสมเด็จพระราชบิดาของรัชกาลปัจจุบัน

เถรี 15-07-2019 09:05

ส่วนใหญ่แล้วเห็นนักข่าวอ่าน บอ - รม เป็น บะ - รม กันหมด
บอ - รม บอ - วอน บอ - พิด
จำไว้เลยว่า บอ อย่างเดียว เป็น บะ ไม่ได้

แล้วก็เป็นสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ถ้าเรียกชื่อในหลวงเต็ม ๆ ยากหน่อยก็เรียกแค่ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็ย่อ ๆ นิดหนึ่ง แต่อย่าลืมคำว่า พระบาทสมเด็จ เพราะว่าได้รับพิธีบรมราชาภิเษกแล้ว ถ้ายังไม่ได้ผ่านพิธีบรมราชาภิเษกก็เป็นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

เถรี 15-07-2019 09:06

บางทีญาติโยมอาจจะสงสัยว่า พระเกจิอาจารย์ชื่อดังอย่างพระอาจารย์เล็กใช้ย่ามอะไร ? เก็บย่ามของพระใหม่เขามาใช้ คือพระใหม่บวชแค่เดือนสองเดือน ใช้แล้วก็ทิ้งไว้ อาตมาก็เก็บมาใช้ต่อ

เกิดเป็นพระอาจารย์เล็ก หยิบย่ามใบไหนมาใช้ก็ขลังหมด เพราะว่าใส่แต่เงิน เพราะฉะนั้น...ไม่ต้องไปดูหรอกว่าย่ามดีหรือไม่ดี สำคัญอยู่ตรงที่คนใช้ เขาบอกกระบี่อยู่ที่ใจ หยิบอะไรขึ้นมาก็ใช้ได้..ใช่ไหม ?

เถรี 15-07-2019 09:16

เขาบอกว่ารู้หนึ่งโปร่งร้อย ก็คือเป็นเสียทุกงานเลย มีผีฝรั่งกลายเป็นเทวดาได้ ถามว่าทำไม ? เขาบอกว่าตั้งใจสร้างผลงานศิลปะ ทรงสมาธิได้ไม่รู้ตัว ก็เลยกลายเป็นเทวดาไป

เดี๋ยวปีนี้จะไปคุยกับผีต่างประเทศอีก พวกนี้เวลาเห็นพระไทยเขาชอบ วิ่งเข้าหาเลย เพราะว่าอย่างไรก็ได้บุญแน่ ตอนแรกก็ไม่เข้าใจว่าเขารู้ได้อย่างไรว่าเรามีบุญ ปรากฏว่าพวกผี เขาเหมือนอย่างกับอยู่ในความมืดมิด ไม่มีกำลังบุญที่จะส่องทาง พอคนที่มีบุญมา บุญมากบุญน้อย ก็จะเป็นความสว่างมากน้อย ตามกำลังบุญของตัว

เพราะฉะนั้น..พวกนี้เหมือนอยู่ในที่มืด พอเห็นแสงสว่าง รู้ว่าตรงนี้ใช่แน่ ก็วิ่งเข้าหาเลย แต่ว่าน้อยรายที่เขาสามารถติดต่อได้ สามารถที่จะขอส่วนบุญส่วนกุศลได้ ก็เลยกลายเป็นว่าถ้าขอใครได้ก็กวนอย่าบอกใครเลย บางคนไปต่างประเทศบอกว่านอนไม่หลับ หารู้ไม่ว่าผีมาขอส่วนกุศลเป็นพัน ๆ เลย ในเมื่อเขาไม่ได้ เขาก็ไม่เลิก สรุปว่าไม่รู้เรื่องว่าทำไมนอนไม่หลับ นี่ถ้าไม่ได้คุยกับผีก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นอย่างนี้

โดยเฉพาะไปอินโดนีเซีย ประเทศอิสลาม ผีมาทีหนึ่งเจ็ดแปดพัน ถามว่าพวกแกตายทำไมไม่ลงนรก ? เขาบอกว่าเขาตายก่อนหมดอายุ เออ...รอดไป แล้วมาหาทำไม คนละศาสนากัน ? เขาบอก ตอนเป็นคนโง่พอแล้ว ตอนเป็นผีนี่รู้แล้วว่าอะไรดีอะไรชั่ว ก็ยังดีที่ฉลาดทัน ก็เลยอุทิศส่วนกุศลให้เขาไป เพราะถ้าไม่ให้เขาก็กวนทั้งคืน ไม่ต้องนอนกันพอดี

ล่าสุดไปที่ประเทศญี่ปุ่น ไปได้องครักษ์คอยเฝ้าให้ ประเทศญี่ปุ่นต้องบอกว่าน่าสงสารหรือเราน่าสงสาร เตียงก็สั้น ๆ ผ้าห่มก็สั้น ๆ นอนไปนี่ตีนโผล่ แล้วอากาศ ๕ องศา หนาวอย่าบอกใครเลย นอนไม่หลับ ท้ายสุดก็เลยต้องโวยกับพ่อองครักษ์ ขอให้เขาช่วยให้หายหนาวถึงนอนได้

เถรี 15-07-2019 09:22

อาตมามีเพื่อนเป็นด็อกเตอร์ เรียนจบด็อกเตอร์ ๒ ใบเลย พิการแบบนี้แหละ แต่ความสามารถสูงมาก อาตมาเห็นไม่ได้นึกว่าเป็นคนพิการ เขาเก่งกว่าเรา สอบได้คะแนนเท่ากันเป๊ะเลย คือวิทยานิพนธ์ท่านได้เกรดเอ แสดงว่าคะแนนต้องนำเยอะมาก แต่คอร์สเวิร์คของอาตมาน่าจะนำท่านมาก สองอย่างรวมกันแล้วตัดคะแนนมาได้เท่ากับเป๊ะเลย คนเก่ง ๆ มีความสามารถ ร่างกายพิการนิดหน่อย คนเขามองข้ามกันหมด เพราะว่าเขาดูที่ความสามารถของเรา

แบบเดียวกับครูไอซ์ที่ตาบอดแล้วสอนหนังสือที่โรงเรียนสตรีศรีสุริโยทัย ครูไอซ์สอนภาษาอังกฤษได้ยอดมาก เด็ก ๆ ทุกคนรักครูไอซ์ แต่ครูไอซ์ตาบอด มองอะไรไม่เห็น

คนที่พิการจะพัฒนาความสามารถด้านอื่นขึ้นมาแทน สายตาพิการจะพัฒนาประสาทสัมผัสอื่นขึ้นมาแทน ร่างกายพิการ มือพิการก็จะใช้เท้า เท้าพิการก็ใช้มือ ดูแล้วก็คืออยู่ในลักษณะว่าพัฒนาเพื่อให้อยู่รอด ซึ่งเป็นหลักของการดำรงชีวิตของสรรพสัตว์เลย

เถรี 15-07-2019 09:31

ท่านทั้งหลายเป็นผู้ที่ไม่ประมาท ตั้งใจปฏิบัติในทาน ในศีล ในภาวนาเป็นปกติ การให้ทานเกิดใหม่ก็ร่ำรวย การรักษาศีลเกิดใหม่ก็มีรูปร่างหน้าตาสะสวยหล่อเหลา การภาวนาเกิดมาก็มีปัญญาฉลาดมาก

ฉะนั้น...ในสามส่วนนี้ควรที่จะทำให้เสมอกัน เพราะว่าถ้าคนสวยคนหล่อ แต่ไม่มีปัญญา ก็อาจจะโดนเขาหลอกลวง คนหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่มีเงินเยอะเลย คนก็คงไม่สนใจเราเท่าไร อีกคนหนึ่งประเภทหน้าตาดี๊ดี แต่พูดอะไรซื่อบื้อไปหมด คนเขาคงไม่อยากจะคบหาด้วย ก็เลยกลายเป็นว่าควรที่จะทำทั้งสามอย่างให้เสมอกัน เมื่อถึงเวลาได้รับอานิสงส์ก็จะได้รับเหมือน ๆ กัน สวย รวย ดีเสมอกัน มีปัญญามากเสมอกัน

เถรี 15-07-2019 09:34

วันก่อนอาตมาไปรับรางวัลที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ทั้งดารา ทั้งนักร้องมากันตั้งหลายคน ถ่ายรูปกัน อาตมาก็..เออ...เด็กรุ่นใหม่ ๆ เขามารยาทดี หน้าตาก็หล่อเหลาสะสวยดี โยมเขาบอกว่า "นั่นดารานะหลวงพ่อ" อาตมาบอกไม่รู้จักหรอก ดาราคู่สุดท้ายที่รู้จัก ผู้ชายชื่อทูน ผู้หญิงชื่อจารุณี ถ้าอายุน้อยกว่านั้นไม่รู้จัก

จะมีรู้จักเป็นพิเศษอยู่ก็กึ่งดารากึ่งนางงาม ก็คือคุณอรอนงค์ ปัญญาวงศ์ นางสาวไทยปี ๒๕๓๕ อันนี้รู้จักเพราะว่ามีคลิปเกี่ยวกับการฟ้อนข้าวประดับดิน ส่วนอีกท่านหนึ่งก็น้องป๊อป (อารียา) อันนั้นเป็นญาติกันเอง ไม่รู้จักก็ไม่ได้ นอกนั้นมานี่ไม่รู้

บางทีอยู่วัด เด็ก ๆ เขาวิ่งมา "หลวงพ่อ ๆ รถเมล์มา" บอกว่า "รถเมล์มาก็ดู อย่าให้เกี่ยวสายไฟ เพราะว่าถ้ารถสองชั้นเข้ามา บางทีก็เกี่ยวสายไฟของวัดขาด" เด็กบอกว่า "ไม่ใช่หลวงพ่อ รถเมล์เป็นดารา" "รถเมล์เป็นดารา ? เขาเอาไปขับรับใครในหนังหรือ ?"

ฉะนั้น...อย่าเอาอะไรกับพระแก่ ถึงเวลาเขาแนะนำตัวดารา บอกตรง ๆ เลย ไม่รู้จัก ขอโทษด้วยนะ โตช้าไปหน่อย ถ้าโตเร็วกว่านี้ อาตมาอาจจะรู้จัก

เถรี 15-07-2019 09:44

ครูบาอาจารย์ท่านอธิบายว่า ยันต์เกราะเพชรเป็นบารมีพระพุทธเจ้า ในเมื่อเป็นบารมีพระพุทธเจ้าก็คือมาจากพุทธศาสตร์ ความรู้ของผู้ตื่น ก็คือตื่นจากกิเลสแล้ว ส่วนไสยศาสตร์เป็นความรู้ของผู้หลับ ผู้ถูกถ่วงหนักด้วยอวิชชา หลงงมงายเหมือนคนที่อยู่ในความหลับ ในเมื่อความตื่นกับความหลับ ความสว่างกับความมืด ก็เลยอยู่ด้วยกันไม่ได้โดยธรรมชาติ

เมื่อถึงเวลาผู้ที่รับยันต์เกราะเพชรไป ถ้ามีการภาวนาเป็นปกติ จากประสบการณ์ของอาตมาที่ลงปักษ์ใต้ไปครั้งแรกเมื่อเกือบ ๓๐ ปีที่แล้ว ไปอยู่ในดงไสยศาสตร์พอดี ก็สงสัยว่าสัมผัสปุ๊บก็หาย สัมผัสปุ๊บก็หาย ก็เลยตั้งใจพิจารณาดูก็รู้ว่า ด้วยความที่เรามียันต์เกราะเพชรอยู่ เมื่อผ่านไปก็เลยทำลายไสยศาสตร์เขาไปด้วย

ทันทีที่รู้สึกว่าเป็นไสยศาสตร์ ยันต์เกราะเพชรก็แสดงอานุภาพด้วยตัวเอง ก็เลยทำให้มั่นใจว่าไสยศาสตร์นั้นไม่สามารถที่จะสู้กับอำนาจของยันต์เกราะเพชรได้ แต่ก็มีบุคคลที่เคยรับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว กินไม่ได้ นอนไม่หลับหลายวัน จะตายเอา ไปหาครูบาอาจารย์ของตน เขาก็บอกว่าแกครอบครูโนราห์ แล้วดันไปรับยันต์เกราะเพชร ครูโนราห์มาทางสายไสยศาสตร์ ก็เลยทำให้เดือดร้อน

อาตมาก็แนะนำว่าให้อธิษฐานขอบารมีพระว่า ให้ครูโนราห์สามารถเข้าออก ทำหน้าที่ของตัวเองได้ ผู้ที่รับไปก็บอกว่าทำไม่เป็น ท้ายสุดอาตมาก็เลยต้องอธิษฐานแทน ไม่อย่างนั้นแล้วครูโนราห์โดนกดอยู่ข้างใน ออกไม่ได้ ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็เตือนผ่านลูกผ่านหลาน เจ็บไข้ได้ป่วย หัวไม่วาง หางไม่เว้น

เพราะฉะนั้น..ถ้าหากว่าใครครอบครูสายโนราห์ทางปักษ์ใต้มา ก็ขอให้รู้ว่าถ้ามารับยันต์เกราะเพชรไป อาจจะมีปัญหานี้ ถ้ามีปัญหานี้ วิธีแก้ก็คือจุดธูปบอกพระพุทธเจ้าว่าขอให้ครูโนราห์ ซึ่งเป็นครูตามสายวิชาของครอบครัวของตน หรือว่าสายวิชาตามสายครูบาอาจารย์ของตนสามารถเข้าออกได้ ไม่อย่างนั้นโดนกดอยู่ข้างใน เดี๋ยวอาละวาดอีก

เถรี 15-07-2019 09:46

อีกส่วนหนึ่งที่พบมาโดยประสบการณ์เลยก็คือ บรรดาวัตถุที่ปลุกเสกด้วยวิธีไสยศาสตร์ต่าง ๆ ที่เป็นของต่ำ พวกนี้ถ้าเข้ามาในพิธียันต์เกราะเพชรนี่สลายตัวหมด ถ้าใครเสียดาย เคยแนะนำหลายคนแล้วว่าอย่าเอามา ถ้าเอามาเท่ากับเราตั้งใจทำลายทิ้งด้วยตนเอง

บางทีเวลาเป่ายันต์เกราะเพชร ตั้งใจดู เห็นบารมีพระครอบลงไป บรรดาสิ่งไม่ดีต่าง ๆ ที่เป็นคุณผีคุณคน ไสยเวทย์อาคม วัตถุอาถรรพ์ต่าง ๆ ก็กระจายออกรอบข้าง เหมือนกับเราโยนถ่านร้อน ๆ ลงไปกลางฝูงมด มดก็แตกฮือไปรอบข้างในลักษณะอย่างนั้น

ในส่วนนี้ทำให้เข้าใจมากขึ้นว่า ในเรื่องของพุทธศาสตร์กับไสยศาสตร์นั้น ต่อให้ไม่ทำผิดคิดร้าย อย่างไรก็อยู่ด้วยกันไม่ได้ เพราะว่าเป็นสิ่งที่ต่อต้านกันโดยธรรมชาติ เหมือนความสว่างมา ความมืดก็ต้องหายไป

เมื่อเข้าใจในจุดนี้แล้ว ญาติโยมทั้งหลายที่รับยันต์เกราะเพชรไป ก็ขอให้มั่นใจว่าเรารับเอาความดี ความสว่างเข้าไป เมื่อถึงเวลาถ้ามีการรักษาไว้ถูกต้องตามวิธีกรรม ก็คือพยายามภาวนาไว้ทุกเช้า พออารมณ์ใจทรงตัวตั้งมั่นแล้ว ก็ให้กลืนน้ำลายสัก ๓ ครั้ง ยันต์เกราะเพชรจะคุ้มเราได้ทั้งวัน แต่ถ้าอยากให้มั่นใจก็ก่อนนอนว่าสักอีกรอบหนึ่ง ทำในลักษณะเดียวกัน ถึงเวลาเรานอนอยู่ ยันต์เกราะเพชรจะได้รักษาเราได้

เพราะว่าสมัยนี้เรื่องของไสยศาสตร์ลมเพลมพัดก็มีมาก กลางค่ำกลางคืนโดยเฉพาะวันอังคารและวันเสาร์ ประมาณ ๕ ทุ่มไปแล้ว ก็มักจะมีการปล่อยไสยศาสตร์ไป เพราะว่าถ้าไม่ปล่อย ตัวเองก็ร้อน อยู่ไม่ได้ ถึงเวลาได้ยินเสียงผิดปกติ โบราณถึงได้บอกว่าห้ามทัก เพราะว่าถ้าทักก็เหมือนกับเราเปิดประตูรับโจรเข้าบ้าน ตำรวจเห็นเราเปิดประตูรับ ก็คิดว่าโจรเป็นพวกเดียวกัน เลยไม่ช่วยป้องกัน

ในเรื่องของเจ้าที่เจ้าทางเทวดาผีบ้านผีเรือนก็ตาม ถ้าหากว่าเราทัก เท่ากับเราเปิดโอกาสให้เขาเอง ท่านก็ไม่กันให้เหมือนกัน ถ้าหากเป็นเช่นนั้น ท่านจึงจำเป็นที่จะต้องรับยันต์เกราะเพชรหรือมียันต์เกราะเพชรติดตัวเอาไว้ อาตมาเองก็ยังคงพกอยู่เป็นปกติ

เถรี 15-07-2019 09:49

(คุยกับนักศึกษาปริญญาตรี สาขาวิปัสสนาภาวนา) งานนี้เราเน้นตรงการรับศีลและภาวนา เป็นกุศโลบายอย่างหนึ่งที่ให้ทำความดี นี่เป็นแค่งานมุมเดียวของสำนักปฏิบัติธรรมเท่านั้น หลัก ๆ เลยเรายังมีจัดปฏิบัติธรรมอย่างน้อยปีละ ๖ รุ่น มีงานอุปสมบทหมู่ฟรีปีละ ๔ ครั้ง มีบวชสามเณรภาคฤดูร้อนฟรี เหล่านี้เป็นต้น แล้วก็พวกอบรมค่ายพุทธบุตร อบรมญาติโยมต่าง ๆ ฉะนั้นที่เราเห็นนี่แค่งานมุมเดียวเท่านั้น ค่อย ๆ เสนอเอา เก็บข้อมูลสัก ๒ ปีน่าจะหมด

วัดท่าขนุนของเราตั้งเป็นสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดกาญจนบุรี ปี ๒๕๕๑ ปลายปีด้วย จำได้ว่าเป็นเดือนตุลาคม พอมาปี ๒๕๕๓ รับรางวัลสำนักปฏิบัติธรรมดีเด่นเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งทั่วประเทศมี ๘๓ แห่งเท่านั้น บรรดานิสิตปริญญาตรีสาขาวิปัสสนาภาวนาเขามาเก็บข้อมูลกัน ว่าสำนักปฏิบัติธรรมที่ได้รับรางวัลดีเด่น มีการกระทำอะไรที่สมควรแก่การได้รับรางวัลบ้าง

เถรี 15-07-2019 09:51

ถ่ายไปกี่ครั้ง หลวงตาก็เหมือนเดิม พวกเอ็งน่ะแก่ไปเรื่อย พวกเหลน ๆ ถ่ายรูปไว้ดู คงเครียดไปตาม ๆ กันว่าตัวเองแก่ขึ้นเรื่อย ๆ หลวงตาก็อยู่เท่าเดิม

เดี๋ยวอีก ๒๐ ปีให้หลังมาดูรูปนี้ว่าโยมแก่ไปเท่าไร ส่วนอาตมานี่ไม่ต้องห่วง จะอยู่แค่นี้แหละ มีคนพยายามพิสูจน์ทราบมาเกิน ๓๐ ปีแล้ว

เถรี 15-07-2019 09:54

(บอกกับผู้ที่ช่วยงานใกล้ชิด) ต้องบอกว่าซักซ้อมไว้ให้ดีแล้วจะยืนระยะได้ ของคุณเผลอหน่อยเป็นหลุด ไปอารมณ์เสียใส่โยมเขาอยู่เรื่อย

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
งานบวงสรวงไหว้ครูประจำปีและเป่ายันต์เกราะเพชร ณ วัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๒

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 23:16


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว