![]() |
ถาม : สามีของหนูมีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไป คล้ายต้องการตัดทางโลก ไม่ทำหน้าที่พ่อของลูก หน้าที่สามี หรือลูกของพ่อแม่ ไม่ทำกิจการงานที่รับผิดชอบ แต่ให้เหตุผลว่าต้องการภาวนา ต้องการตัดทางโลกเพื่อพ้นทุกข์ แต่สิ่งที่เขาทำ ทำให้พ่อแม่ของเขา รวมทั้งตัวหนูเองและลูกเป็นทุกข์ เขายืนยันที่จะทำในสิ่งที่เขาต้องการ คือ สวดมนต์ภาวนา กินน้อย ๆ นอนน้อย ๆ และอยากบวชพระ
ล่าสุดเขาบอกว่าจะบวชไม่สึก ทำให้พ่อแม่ของเขาเป็นทุกข์และเครียดมากค่ะ กราบขอคำชี้แนะด้วยค่ะ หนูควรพูดคุยปรับความเข้าใจอย่างไรกับเขาดีคะ ? ตอบ : ปรับความเข้าใจเมื่อไรก็บ้านแตกอีก สรุปว่าที่เครียดไม่ใช่พ่อแม่หรอก คนถามต่างหากที่เครียด แล้วรู้ไหมว่าตัวเองเป็นสาเหตุให้สามีเป็นอย่างนั้น ? เพราะฉะนั้น...กลับไปปรับปรุงความประพฤติของตัวเองเสียใหม่..! |
ถาม : จิตทรงฌานได้แค่ฌาน ๑ ถึงฌาน ๒ เราจะมีโอกาสตัดกามราคะได้ไหมครับ ?
ตอบ : แค่ปฐมฌานก็ตัดได้แล้ว แต่อย่าให้หลุดออกมาแล้วกัน ถ้าหลุดเมื่อไรโดนกิเลสตีหงายท้องเมื่อนั้น..! |
พระอาจารย์กล่าวว่า "ญาติโยมที่จะถวายสังฆทานเป็นของหนัก ให้พยายามมาก่อนบ่ายสามโมงวันอาทิตย์ เพราะรถที่ขนสังฆทานกลับวัดจะมาช่วงประมาณนั้น หลังจากเวลานั้นแล้วอาตมาก็ต้องขนกลับไปเอง ซึ่งรถที่ใช้เป็นรถ ๗ ที่นั่ง หาที่วางของยากมาก"
|
พระอาจารย์กล่าวว่า "จากคำถามที่ว่ามาเมื่อครู่ในเรื่องของการปฏิบัติ มีอยู่รายหนึ่งที่น่าสงสารมากที่สุด ก็คือ การปฏิบัติตามหลักกาย เวทนา จิต ธรรม
มีหลักธรรมอยู่สองหมวดที่พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนคนทั่วไป ก็คือ มหาสติปัฏฐานสูตร ตามหลักกาย เวทนา จิต ธรรม พระพุทธเจ้าท่านสอนมนุษย์ต่างดาว..! ส่วนพระอภิธรรม ๗ บท ท่านสอนพรหมเทวดา แต่ก็ยังมีคนพยายามที่จะไปศึกษาเรียนรู้ ถ้าปัญญาของเราไม่ใช่อุคฆฏิตัญญูบุคคล มีหวังได้เครียดตายห่..! วิธีการง่าย ๆ เยอะแยะดันไม่ทำ มหาสติปัฏฐานสูตรตั้งแต่ต้นยันปลาย เราหยิบจุดใดจุดหนึ่งขึ้นมาทำจุดเดียวก็บรรลุมรรคผลได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปศึกษาครบทุกหมวด ไม่จำเป็นต้องไปศึกษาครบทุกหัวข้อ อย่างเช่นหมวดแรก กายในกาย แค่อานาปานสติ ถ้าทำถูกก็เป็นพระอรหันต์ได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องตามไปดูอิริยาบถสัมปชัญญะ ไม่จำเป็นต้องไล่ยาวจนกระทั่งถึงนวสี เวทนา จิต หรือธรรม จึงไม่จำเป็นต้องไปดูเช่นกัน แต่เรามักจะเข้าใจผิดว่าจะต้องทำทั้งหมด ก็เลยเก่งกันไปใหญ่ ให้สังเกตดูตอนท้ายของทุกบรรพ หรือทุกตอน พระพุทธเจ้าจะสรุปเอาไว้ว่า นะ จะ กิญจิ โลเก อุปาทิยะติ เราจะไม่ยึดติดอะไร ๆ ในโลกนี้ นั่นคืออารมณ์พระอรหันต์" |
ถาม : มีดหมอหลวงพ่อบุญมี เล่มนี้ไม้อะไรคะ ? ตอบ : ไม้โมกมัน ส่วนเล่มนี้ยังใหม่เอี่ยมแทบจะไม่ได้แตะเลย ปกติแล้วมีดหมอของหลวงพ่อบุญมี วัดเขาสมอคอน ส่วนใหญ่ทองจะลอกหมดเพราะโดนเช็ด แต่เล่มนี้ทองยังอยู่ครบเลยถาม : แล้วมีดหมอหลวงปู่รุ่ง วัดหนองสีนวล ? ตอบ : หลวงปู่รุ่งเล่มนี้ทรงมีดปาดตาล ฝังโลหะสามกษัตริย์ เล่มนี้หน้าตาหล่อที่สุด ถาม : ตอนแรกจะจองเล่มฝังทอง ๖ จุด แต่ไม่ทัน เลยเลือกเล่มนี้ที่หน้าตาหล่อ ? ตอบ : เล่มนี้เขาทำฝักสวยมาก ถักหวายรัดละเอียดยิบเลย ถาม : สวยมากค่ะ แล้วมีดสาลิกาของหลวงปู่ทองเฒ่า ทำไมเล็กมาก ? ตอบ : มีดสาลิกานะ เล่มเล็ก ๆ ให้เอาไปใช้งาน ไม่ได้ให้เราเอาไปฆ่าคน...! ยังอยู่หรือเปล่าวะ ? เล่มนี้หนีไปทีหนึ่งแล้ว อาตมาไล่จับกลับมาทัน มาไม่ถึงครึ่งทางเลย หนีไปแล้ว ต้องไล่ตะครุบกลับมา หากลูกหลานประพฤติไม่ดี หลวงปู่ก็ตีกบาลกันตรง ๆ เลยดีกว่า อย่าทำเป็นหนี ถาม : หนูแอบไปทำอะไรแสบ ๆ มานิดหนึ่ง ท่านคงรู้ก็เลยหนี ? ตอบ : นิดหนึ่งของเรา คนอื่นตายหรือเปล่า ? พกมีดเยอะขนาดนี้ ถ้าเกิดตำรวจเรียกตรวจจะว่าอย่างไร ? ถาม : โชคดีตรงที่ว่าเวลาขึ้นบีทีเอสเขาไม่ตรวจกระเป๋าของนักบวช เพราะเขาไว้ใจว่านักบวชคงจะไม่พกของอันตราย ? ตอบ : พอ ๆ กับหลวงพี่ประทีปนั่นแหละ สมัยก่อนบวช ท่านเรียนอุเทนถวาย ถึงเวลาตำรวจก็จับผู้ชายไปค้นหมด หลวงพี่ประทีปก็นั่งยิ้ม ถามว่าพี่ไม่กลัวหรือ ? พี่เขาบอกว่าจะกลัวอะไร กูฝากเพื่อนผู้หญิงเอาไว้ วันนั้นอาตมาเอามีดหมอมาล้าง เช็ดถู ตากแดด หมอฉลองดันมาถ่ายรูปไป คนเห็นเข้าก็ช็อก ก็เลยบอกว่าที่เอ็งเห็นประมาณ ๑ ใน ๔ เท่านั้นนะ...! ของสะสมมานาน ก็ต้องเยอะหน่อย มีดหมอของหลวงพ่อบุญมี วัดเขาสมอคอน อาตมาชอบใจช่างเขา ช่างเขาตีลายประณีตมากทุกเล่ม ตีลายแบบไว้ฝีมือเลย ถึงแม้เขาจะไม่ค่อยเข้าใจอักขระขอม แต่ช่างเขาก็พยายามสุดชีวิต จะตีผิดบ้าง แต่ลายเขาละเอียดยิบเลย ฝีมือเสมอกันทุกเล่ม ทำปลอมยากมาก |
1 Attachment(s)
ถาม : ลายจารนี้ คือ ยันต์กระบองไขว้หรือคะ ? ตอบ : ยันต์กระบองไขว้ ต้นตำรับคือหลวงปู่ศรี วัดอ่างศิลา ถาม : อ่านลายอักขระไม่ออกค่ะ คงต้องกลับไปฝึกอ่าน ? ตอบ : อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ พุ ภะ หัวใจอิติปิ โสฯ บางคนเรียก นวหรคุณ ด้านนี้มะอะอุ ยันต์นี้ก็นะโมพุทธายะ นี่ก็ลายเดียวกัน อะ สัง วิ สะ โล ปุ สะ ภุ พะ นะโมพุทธายะ นะมะพะธะ ฤ ฤๅ ฤ ฤๅ มีดหมอหลวงพ่อกวยลายบรมครูพระฤๅษี ท่านจะลง ฤ ฤๅ ให้ด้วย ถาม : มีพี่เขาบอกว่าทำไมไม่จองลายแม่พระธรณี ของหลวงพ่อกวย ? ตอบ : จองไม่ทัน ถาม : พี่เขาบอกช้าด้วย ? ตอบ : ลายบรมครูฤๅษีก็หายากพอ ๆ กันนั่นแหละ ลายแม่ธรณีกับลายลิงลมอาตมาเจออย่างละเล่มเดียว ลายพระฤๅษียังเจอตั้งสามเล่ม ถาม : อยากได้ลายเพชรพญาธร ทำไมไม่มีลงคะ ? ตอบ : ลูกศิษย์อีกคนอมไปแล้ว ...(หัวเราะ)... ถาม : เห็นลายลิงลมอยู่ตั้งนาน ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว บูชาเสียเลย อุตส่าห์ส่องอยู่ตั้งนาน ? ตอบ : มัวแต่นั่งเล็งก็ไม่ทัน คนอื่นจองไปก่อน ถ้าเห็นแล้วชอบต้องจองเลย ไม่ต้องไปรอเล่มอื่น บางคนรอให้ลงหมดแล้วค่อยดู เพื่อเปรียบเทียบราคา ดูว่ามีอะไรดีกว่า สวยกว่า ถ้าทำอย่างนั้นก็ไม่ได้กินหรอก โดนคนอื่นโฉบไปหมด ตอนนี้อาตมาแหย่เรื่องลูกอมคาไว้ ที่หายากจริง ๆ คือ ลูกอมหลวงพ่อไล้ วัดเขายี่สาร หลวงปู่ปาน วัดตุ๊กตา และหลวงพ่อทับ วัดอนงคาราม ถ้าลงนี่รีบคว้าเอาไว้เลย เพราะถ้าเป็นของที่อื่นจะราคาแพงมาก ถาม : ตอนนี้ก็รีเฟรชรัว ๆ ตอนตีสองและตีห้าค่ะ ? ตอบ : รีเฟรชตีห้ายังพอทัน ส่วนใหญ่ถ้าว่างงานอาตมาก็จะลง บางทีตอนเช้ามืดภาวนายาวแล้วหยุดไม่ได้ รอเสียจนกระทั่งสาย ๆ แล้วค่อยมาลง |
คนใจอ่อนไปเล่นมีดเล่นปืนไม่ได้หรอก ต้องคนใจแข็ง ๆ ตอนนี้มีดหมอที่เอาไปหลอมน้อยที่สุด คือ มีดหมอหลวงปู่ทองเฒ่า วัดเขาอ้อ ๑ เล่ม เป็นกริชอาคมยาวสักศอกได้ และมีดหมอหลวงปู่อิ่ม วัดหัวเขา ส่วนใหญ่หลวงปู่อิ่มท่านทำนางกวัก แหวนพิรอดนิ้ว แหวนพิรอดแขน มีกระทั่งพิรอดคอ ว่าจะเอาพิรอดคอไปหลอม อันนั้นน่าจะหนักเกิน ๒ กิโลกรัม
และมีดหมอของหลวงหลวงปู่ทบ วัดชนแดน จ.เพชรบูรณ์ เพราะมีอยู่แค่ ๒ เล่ม สละไปหลอม ๑ เล่ม หลวงพ่อแจ่ม วัดวังแดงเหนือ ๑ เล่ม ส่วนของท่านอื่นใส่ได้หลายเล่ม ของหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ ใส่ไป ๔ เล่ม บางทีคนเขาหวง อย่างของหลวงพ่อแจ่ม ตื๊อเท่าไรเจ้าของก็ไม่ค่อยยอมปล่อยหรอก เพราะเขาเห็นอานุภาพชัด พูดง่าย ๆ ก็คือ คนไหนที่ไปงานศพ พกมีดหมอของหลวงพ่อแจ่มไปด้วย ไม่มีทาง "ชง" หรอก ผีไม่กล้าเข้าใกล้ พลังงานพวกนี้จึงรบกวนไม่ได้ ไปนึกถึงเซียนสิงคโปร์ ได้มีดหมอหลวงพ่อแจ่มไป พอรู้ว่าไล่ผีได้ เขาตั้งตัวเป็นอาจารย์ใหญ่เลย แล้วเขาก็ดันไล่ได้จริง ๆ ด้วย |
2 Attachment(s)
ถาม : มีดของหลวงพ่อเดิมราคาสูง ?
ตอบ : ของหลวงพ่อเดิมต้องจองให้ทัน เพราะว่าจะแบ่งออกมาสักสองเล่มเท่านั้น เหลืออยู่ ๔-๕ เล่มที่จะเอาเข้าพิพิธภัณฑ์ แต่ถ้าเป็นพวกเซียน เล่มของป้าจี๋เขาตีเป็นของหลวงพ่อเดิม ถ้าไม่ใช่เขาแกล้งโง่ ก็ตั้งใจจะเอาเงิน เพราะว่าของหลวงพ่อเดิมปล่อยได้เป็นแสน ถ้ายิ่งอยู่กับเราแล้วเราหมั่นเช็ด หมั่นถู รู้สึกท่านจะสวยขึ้นเรื่อย ๆ แปลกมาก บางคนบอกมีดอยู่กับหลวงพ่อสวยมาก พอไปอยู่กับเขาทำไมจึงดูไม่ได้ ก็บอกว่าเอ็งเคยลูบ ๆ คลำ ๆ บ้างไหม ? ปล่อยให้ท่านหลับเฉยเลย ปลุกท่านบ้างสิ...! ถาม : แต่เล่มนั้นมีน้ำหนักเบานะคะ ? ตอบ : ถ้าเบาแสดงว่าผสมเหล็กน้ำพี้เยอะ เพราะเหล็กน้ำพี้มีน้ำหนักเบา ถ้าใครเอาดาบน้ำพี้มา จับแล้วหนักนี่ ฟันธงได้เลยว่าปลอม ส่วนใหญ่เป็นเหล็กทั่วไปที่เขาเอาไปชุบแบบรมดำปืน แล้วก็มาหลอกขายว่าเป็นเหล็กน้ำพี้ แต่เมื่อวานเล่มที่คุณฝุ่นเอาไป เล่มนั้นน่าจะหนักถึง ๓ กิโลกรัม มีดลักษณะอย่างนั้นแหละที่โบราณเขาใช้กัน ก็คือเอาไว้รบกัน ที่บอกว่าขุนแผนใช้ดาบยาวแค่หนึ่งศอกกำ แค่เราตะไบมาทำผงชนวนก็เหลือเกินแล้ว เพราะตะไบให้ตายเถอะ หนาขนาดนั้น คุณจะขัดจะแบ่งอย่างไรก็ได้อยู่แล้ว มีดสมัยก่อนที่เขาทำหนัก ๆ ก็เพื่อเอาไว้เล่นงานพวกหนังเหนียว ฟันไม่เข้าก็ต้องทุบให้ตาย |
1 Attachment(s)
เมื่อวานคุณแอ๊บเอาเล่มฝังนาก ๗ จุดของหลวงพ่อรุ่งไป เล่มนั้นทำประณีตสุด ๆ เลย ช่างเขาทำประณีตมาก นากกับใบมีดกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน ถ้าไม่สังเกตเลยจะไม่รู้ว่ามีฝังนากเอาไว้ตั้ง ๗ แห่ง
|
1 Attachment(s)
ชอบใจช่างของหลวงพ่อบุญมี ตีลายสุดยอดเลย เขาทำแบบไว้ฝีมือ เป็นอย่างนี้ทุกเล่ม ไม่มีมักง่ายเลย เล่มนี้ที่ได้มา รู้ไหมว่าเจ้าของเขามีอยู่ถึงสองร้อยเล่ม..! เขาเคารพหลวงพ่อบุญมีมาก และเคยเห็นประสบการณ์มาเยอะ เขาเลยบูชามา ยุคนั้นเล่มละ ๑,๕๐๐ บาท จำนวน ๒๐๐ เล่ม และเขาเก็บอย่างเดียวเลย ในเมื่อไม่ได้ใช้ก็สภาพ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ต้องดูแลด้วย ถ้าไม่หมั่นชักออกมาเช็ดเดี๋ยวสนิมก็กิน เพราะฝักมีดส่วนใหญ่มักจะอมความชื้น |
1 Attachment(s)
วัตถุมงคลบางบางชิ้นนี่ท่านเลือกเจ้าของนะ ถ้าไม่ถูกใจนี่ แหม...หนีจัง ต้องไล่จับไล่ต้อนกัน ลองคิดดู มีดหมอสาลิกาหลวงปู่ทองเฒ่า อาตมาเอาใส่กระเป๋าไปแล้ว ดันหลบไปอยู่ในมุมที่คิดไม่ถึง
พอดีอาตมาจะไปสำรวจดูว่าพระทองคำมีเหลืออยู่เท่าไร เพราะมีคนปวารณาไว้ว่า ทองคำหล่อพระขาด ๑๐๐ กิโลกรัมเท่าไรจะถวาย อาตมาก็ไปดู ปรากฏว่ามีดหมอหลบไปนอนอยู่ที่นั่น ต้องบอกว่าช่างเขามีอารมณ์ทำ แกะหัวหนังตะลุงมาให้ด้วย |
ถาม : มีคนจองเนื้อชินตะกั่วไป ไม่ทราบว่าหนุมานหักศรของหลวงพ่อกวย จะองค์ใหญ่ขนาดนั้น ? ตอบ : เนื้อชินหนักมาก ลองน้ำหนักดูแล้วใช่ไหม ? แต่เนื้อชินมีลายมือจาร ถาม : ลายมือของหลวงพ่อกวยหรือคะ ? ตอบ : ไม่ใช่ ลายมือของหลวงพ่อกวยอาตมาจำได้ นี่หลวงพ่อตี๋ลูกศิษย์ท่านจารแล้วให้ท่านเสก |
1 Attachment(s)
พระอาจารย์กล่าวว่า "มีดหมอหลวงพ่อกวย มีอยู่เล่มหนึ่งที่อาตมาใช้บูชาประจำเลย ยาวขนาด ๑๖ นิ้ว ลายหนุมานเหินหาว ที่ใช้เล่มนั้นเพราะว่าท่านเลือกเรา ไม่ใช่เราเลือกท่าน เวลาไปบูชาวัตถุมงคลต้องทำใจสบาย ๆ จะมีบางองค์หรือบางชิ้นเปล่งแสงเข้าตาเลย ลองสังเกตดูก็ได้ ว่าเห็นแล้วจะรู้สึกใช่เลย นั่นแหละ..ท่านเลือกเรา" |
พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของวัตถุมงคล บุคคลจะใช้แล้วเกิดผลได้ ต้องมีพื้นฐานของสมาธิพอสมควร บางทีโบราณเขาให้ปลุกด้วยการกลั้นลมหายใจ คือต้องกลั้นลมหายใจแล้วว่าคาถา
การกลั้นลมหายใจนี่ช่วยให้จิตเป็นสมาธิระดับหนึ่ง เพราะว่าพอกลั้นลมหายใจ เรารู้ตัวว่าไม่หายใจก็คือจะตาย พอจะตายจิตแกว่งขนาดนั้นก็ต้องนิ่ง" ถาม : เวลาตกใจจะกลั้นหายใจทันทีเลย ตอนแรกนึกว่าเป็นสัญชาตญาณ ? ตอบ : ไม่ใช่...บางทีจิตก็วิ่งไประดับสมาธิที่เราทำได้เอง |
ถาม : มีดหมอหลวงพ่อกวยลายลิงลมกับลายหนุมาน เหมือนกันไหมครับ ?
ตอบ : ไม่เหมือน ลิงลมท่านเน้นเอาตัวรอด แคล้วคลาดปลอดภัย หนุมานจะเน้นสู้คืออยู่ยงคงกระพัน ถาม : แล้วลิงลมนี่เน้นเคล็ดตรงชื่อ หรือลิงลมจริง ๆ ที่ช้า ? ตอบ : วิชาลิงลมไม่ใช่หมายถึงลิงลมตัวจริงที่ช้ามาก แต่แปลว่าเคลื่อนไหวไวเหมือนลม หลบหลีกเล็ดรอดได้สุดยอด |
พระอาจารย์กล่าวว่า "ใครจะซื้อหนังสือเพื่อสนับสนุนการปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนา เล่มละ ๒๐๐ บาท ตอนนี้งานแรกที่อาละวาดไปแล้วคือที่บึงกาฬ จ.หนองคาย ห้ามอิสลามสร้างมัสยิด บึงกาฬเป็นจังหวัดแรกในประเทศไทยที่ประกาศให้พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำจังหวัด ไม่ต้องสงสัยหรอกว่าฝีมือใคร ถ้าพวกเราไม่กล้าออกหน้า ก็ช่วยกันซื้อหนังสือสนับสนุนให้เขามีทุนทำงานกันหน่อย"
|
ถาม : เผลอทีไร อกุศลกรรมแทรกได้ทุกที ต้องทำอย่างไรจึงจะกันไม่ให้อกุศลกรรมแทรกได้ง่าย ?
ตอบ : ต้องปฏิบัติใน ศีล สมาธิ ปัญญา ให้ทรงตัว |
ถาม : มีดหมอเป็นอนุสติได้อย่างไรคะ ?
ตอบ : ก็นึกถึงครูบาอาจารย์ เป็นสังฆานุสติ แล้วถ้าเป็นตัวพระคาถาก็เป็นธัมมานุสติได้ ส่วนใหญ่สายหลวงพ่อกวยจะตีคาถาเป็นหัวใจพระไตรปิฎก หัวใจพระสูตร หัวใจพระอภิธรรม อย่างหัวใจพระสูตร ทีมะสังอังขุ (ทีฆนิกาย มหานิกาย สังยุตตนิกาย อังคุตรนิกาย ขุททกนิกาย) หัวใจพระวินัย อาปามะจุปะ (อาทิกัมมิกะ ปาจิตตีย์ มหาวรรค จุลวรรค ปริวารวรรค ) และหัวใจพระอภิธรรม สังวิธาปุกะยะปะ (พระธรรมสังคินี พระวิภังค์ ธาตุกถา ปุคคลบัญญัติ กถาวัตถุ ยมก มหาปัฏฐาน) ก็นึกเอาว่าเราจะนึกถึงพระพุทธ พระธรรม หรือพระสงฆ์ ส่วนนะโมพุทธายะนี่พระพุทธเจ้าแน่ ๆ มีดหมอทุกเล่มเว้นนะโมพุทธายะได้ยาก อาตมาเคยถามหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านบอกว่า "แล้วเอ็งจะเอาอะไรมาต้านคุณพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ได้ ? แค่พระองค์เดียวก็เหลือล้นแล้ว นี่ใส่ไปตั้ง ๕ พระองค์..!" |
1 Attachment(s)
ถาม : มีดหมอของหลวงปู่ยิ้มละคะ ? ตอบ : มีดหมอของหลวงปู่ยิ้มเล่มที่สวยที่สุดอยู่ที่อาตมา แต่เอาหลอมทำชนวนไปเล่มหนึ่งก็คือพระขรรค์เล่มที่เข้าพิธีฝ่าวิกฤติ หลวงปู่ยิ้มท่านทำมีดหมอน้อยมาก ท่านรอรวบรวมโลหะ แล้วท่านไม่ผสมเลย ได้โลหะมาแค่ไหน ท่านก็ทำแค่นั้น เพราะฉะนั้น...ครั้งหนึ่งก็จะทำได้แค่ ๒ - ๓ เล่มเท่านั้น สัญลักษณ์ของหลวงปู่ยิ้มที่ชัดที่สุดก็คือ ไม่ว่าจะด้ามหรือฝักท่านจะชุบรัก แล้วรักจะเก่ามาก และส่วนใหญ่จะแกะด้ามเป็นรูปพระฤๅษี เล่มที่อาตมาเก็บอยู่ด้ามไม่ได้ชุบรัก แต่ไปชุบที่ฝัก เล่มนี้อยู่ใต้หมอนที่กุฏิแดง เล่มนั้นชอบใจตรงที่เขาแกะรูปพระฤๅษีได้ประณีตสุด ๆ ส่วนพระขรรค์เล่มที่สละไป เพราะตอนได้มาจากเจ้าของเก่าเขาขาดการดูแล สนิมขุมขึ้นทั้งเล่มเลย อย่างกับเกล็ดปลา แต่เอามาเข้าพิธีฝ่าวิกฤต กริชของหลวงปู่ทองเฒ่าที่โยมบูชาไปก็ขึ้นสนิมในลักษณะนั้น แสดงออกถึงอายุเป็นร้อยปี หนังสือวัตถุมงคลของหลวงปู่ยิ้ม ที่ทางด้านคุณ....ทำออกมา อ่านแล้วอย่าไปเชื่อนะ เพราะวัตถุมงคลหลายชิ้นไม่ใช่ ประวัติบางส่วนก็มั่วเอา ระยะหลังพวกเซียนเขาใช้วิธีทำหนังสือของตัวเองออกมา แล้วลงรูปวัตถุมงคลของตัวเอง หลังจากนั้นก็ปล่อยให้บูชา อ้างว่าเป็นองค์ดารา ได้ลงหนังสือมาแล้ว ก็เอาลงทั้งปลอม ๆ นั่นแหละคนเห็นว่าองค์เดียวกับในหนังสือก็บูชากันไป |
ถาม : มีดหมอหลวงพ่อรุ่ง ลายพญานาค เวลาลงน้ำต้องคาบมีดด้วยไหมคะ ? ตอบ : เหน็บเอวไปก็ได้ ถาม : อยากคาบค่ะ ? ตอบ : ถ้าอย่างนั้นก็คาบไปสิ คนเห็นก็คงคิดว่าจะไปล่าตัวอะไร...! |
ถาม : ตอนที่เราไม่ใช้วัตถุมงคล วัตถุมงคลก็หนีไปเอง ?
ตอบ : แสดงว่าต้องมีปัญหาแน่ ๆ แต่สำหรับอาตมาแล้วไม่หวงของ ถ้าท่านหนีไป แสดงว่าท่านเห็นว่าคนอื่นเหมาะสมกว่า..! |
พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาแบ่งมีดหมอส่วนหนึ่งออกไปแล้ว เพื่อที่จะหลอมทำชนวนในการสร้างไม้เท้ากับบาตรน้ำมนต์ ส่วนหนึ่งก็แบ่งมาให้พวกเราบูชากัน ส่วนหนึ่งก็นำเข้าพิพิธภัณฑ์
มีดหมอหลวงพ่อกวยส่วนที่นำเข้าพิพิธภัณฑ์ จะเป็นรุ่นหลัง ๆ ที่คนส่วนมากจะรู้จักกัน ถ้าเป็นรุ่นแรก ๆ คนไม่ค่อยรู้จักหรอก แต่รุ่นแรก ๆ จะดีกว่า เพราะว่าเป็นโลหะอาถรรพ์ทั้งนั้น ถ้าเราดูเนื้อมีดจะเห็นชัดเลยว่าเนื้อมีดไม่เสมอกัน จะมีหลายสีปน ๆ กันอยู่ มีบางเล่มจะชัดมากคือเห็นเป็นหลายสี แต่พอถ่ายรูปออกมาแล้วดูเหมือนกับบุบ ๆ บี้ ๆ ที่อาตมาสะสมมีดหมอ มีเจตนาที่ชัดที่สุดก็คือตั้งใจว่า ถ้าทำวัตถุมงคลจะได้ใส่ลงไปด้วย เพราะตอนหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านทำมีดหมอดาบฟ้าฟื้นรุ่นแรก ท่านบอกว่า “เสียดาย...ถ้าอยู่ใกล้ ๆ จะไปตะไบดาบฟ้าฟื้นของจริงมาผสมด้วย” อุทัยธานีกับเขาชนไก่ตอนนั้นไกลกันมาก" |
ถาม : มีดต้องเหน็บเอวขนาดไหนคะ ?
ตอบ : ปกติเขาเหน็บหลังกัน เหน็บตามแนวกระดูกสันหลัง จะเรียบสนิท ถ้าเล่มเล็กแทบดูไม่รู้เลยว่าพกมีด เราแค่ปล่อยให้ตรงด้ามโผล่พ้นขึ้นมาเท่านั้นเอง ถ้าพวกเรามารับแล้วถือมีดออกไปพร้อม ๆ กัน คนเขาคงคิดว่าไอ้พวกนี้มาวัดจริง ๆ หรือเปล่าวะ ? เล่นแต่มีดแต่ไม้...! |
พระอาจารย์กล่าวว่า "หาอะไรมาห่อมีดหมอไปหน่อยสิ ถือไปแบบนั้นเดี๋ยวตำรวจเรียก จริง ๆ แล้วก็ไม่มีอะไรน่ากลัว เพราะตามกฎหมายแล้ว มีดไม่ใช่อาวุธโดยธรรมชาติ เขาถือเป็นของใช้ ตำรวจจะมาอ้างจับมีดนี่โดนอัดก่อนแน่ ๆ ถ้าหากว่าเป็นดาบหลวงพ่อรุ่ง อย่างนี้คืออาวุธ "
ถาม : คนเขาถือพร้าไปฟันที่สวน ยังทำได้เลย ? ตอบ : ได้..จุดหมายและงานเขาแน่นอน ที่ปักษ์ใต้สมัยก่อนเวลาเขาถือพร้าให้ใบบังหู กันคนฟัน ถ้าฟันคอจะติดพร้าก่อน ถาม : เขาถืออย่างนี้หรือคะ ? ตอบ : เขาก็ถืออย่างนี้จริง ๆ เพราะส่วนใหญ่แล้วคนจะย่องมาฟันข้างหลัง เท่ากับว่ากันไปได้ข้างหนึ่ง แล้วส่วนใหญ่คนมักจะถนัดขวา ก็จะฟันข้างขวานี้ ถ้าฟันมาก็ติดใบพร้า อย่างเก่งก็แค่เซ เรียกว่าถือพร้าปิดหู |
ถาม : ดาบฟ้าฟื้นปัจจุบันอยู่ในถ้ำเขาชนไก่หรือครับ ?
ตอบ : ไม่ใช่ถ้ำ ตอนนี้อยู่กลางแจ้งเลย คือขุนแผนท่านใส่ไว้ในโพรงไม้ฝากเทวดารักษาไว้ แต่ต้นไม้ตายผุไปนานแล้ว |
พระอาจารย์กล่าวว่า "ใครช่วยสัมภาษณ์คุณเถรีให้หน่อย ว่าไปทำอะไรไว้ มีดหมอ (สาลิกา) หลวงปู่ทองเฒ่าเล่มนี้ หนีไปทีหนึ่งแล้ว เกือบจะมาไม่ถึง"
ถาม : วันนั้นเขาก็บ่นว่าเสือหนี ? ตอบ : มีดหมอก็หนี เขาหนีไปที่ซึ่งนึกไม่ถึง แต่บังเอิญอาตมาเปะปะไปทำงานตรงนั้นพอดี อ้าว...มาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร ? ถาม : มีดหมอเล่มเล็กจัง ? ตอบ : มีดหมอสาลิกา เขาทำเป็นเล่มเล็ก ๆ ไว้ให้ติดตัว จะได้พกพาง่าย และไม่ดูเป็นอาวุธ แต่อานุภาพไม่ได้เล็กตามตัวนะ คำว่าสาลิกามาจากสมัยก่อนเขาแกะไม้เป็นรูปนก แล้วไม้ที่เขานิยมมาเอามาแกะมักจะเป็นกาฝากรัก กาฝากรักยม กาฝากมะรุม ก็ถือเอาเคล็ดลับของคำว่า "รัก" เป็นที่ "นิยม" คน "มะรุม" มะตุ้ม อะไรประมาณนั้น คราวนี้ถ้าแกะชิ้นใหญ่ก็ได้น้อย เขาจึงแกะตัวเล็กนิดเดียว เพื่อที่จะได้ประหยัดวัสดุ ก็เลยกลายเป็นว่า คำว่าสาลิกา ใช้แทนของเล็ก ๆ พอมารุ่นหลังนี้เขาใช้คำว่าสาลิกาแทนของเล็ก ๆ อย่างมีดหมอสาลิกา หรือไม่ก็เสือสาลิกา หลวงปู่ปาน วัดบางเหี้ย |
พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมากำลังจะทยอยลงลูกอม ที่ราคาสูงหน่อยก็เป็นลูกอมของหลวงปู่ปาน วัดตุ๊กตา และหลวงปู่ทับ วัดอนงคาราม เพราะว่านอกจากหายากแล้ว ในตลาดยังเล่นแพงมาก ที่เหลือก็พยายามเอาให้อยู่ในราคาที่พอรับกันได้
ลูกอมของหลวงปู่ปาน วัดตุ๊กตา ๓๐ กว่าปีได้มาแค่ ๖ ลูก ทั้ง ๆ ที่อาตมาเป็นคนนครปฐมเองแท้ ๆ ลูกอมของท่าน อาตมาขอยืนยันว่าไม่ใช่ลูกอมหรอก เป็นพระธาตุไปหมดแล้ว เนื้อเหมือนกับหินอ่อนเลย คนรุ่นหลังก็รู้อยู่ว่าท่านทำด้วยผง แล้วไม่สงสัยหรือว่าทำไมเป็นหินอ่อนไปหมด ? หลวงปู่ปานเป็นใครเราไม่ต้องรู้จักหรอก ลูกศิษย์ท่านก็คือหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว เจ้าตำรับเบี้ยแก้สายภาคกลางที่ดังระเบิดเถิดเทิง และหลวงปู่นาค วัดห้วยจระเข้ เจ้าตำรับพระปิดตาเนื้อโลหะอันดับหนึ่งของเบญจภาคีพระปิดตา นั่นเป็นลูกศิษย์ของท่านทั้งคู่" |
พระอาจารย์กล่าวว่า "บ้านใหม่ที่เขาไปดูไว้ ถ้าลงตัวตอนนี้ก็น่าจะเกิน ๙๐ เปอร์เซ็นต์แล้ว จะอยู่ที่สถานีรถไฟฟ้าบางรักใหญ่ (สายสีม่วง) เป็นส่วนของนนทบุรี แต่ถ้าเดินลงจากรถไฟฟ้าแล้วจะใกล้กว่าที่นี่ ที่นั่นลงจากรถแล้วบ้านอยู่ติดถนนใหญ่เลย
ถ้าใครเอารถไป ตลอดแนวถนนใหญ่ประมาณกิโลเมตรหนึ่งจอดได้หมด เลือกว่าจะเอารถส่วนตัวไป หรือว่าจะไปรถไฟฟ้า รถตู้ก็มีเพราะว่ารถตู้วิ่งจากบางหว้าไป Central Westgate ที่นั่นอยู่ก่อนถึง Westgate ๒ สถานี เพียงแต่ว่าจะหาบ้านหลังใหญ่อย่างบ้านวิริยบารมีนี้ไม่ได้หรอก เดี๋ยวหลังนี้จะดูว่าหลวงพ่อที่มาแทนท่านจะหาคนนั่งเต็มได้ไหม ? ต้องขอบคุณท่านเจ้าของบ้านวิริยบารมีที่อำนวยความสะดวกให้พวกเรามาเกือบจะ ๖ ปีเต็ม ๆ" |
พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อคืนวันพุธก่อนลงมาที่นี่ เถ้าแก่สมใจ มาโนช ประธานชมรมผู้สูงอายุทองผาภูมิ พาครอบครัวมาถวายทองคำ ๕ บาท เงินอีก ๓๐,๐๐๐ บาท และเข็มขัดเงิน ๒ เส้น บอกว่าขอร่วมสร้างพระกับอาจารย์ด้วย
เรื่องนี้ต้องบอกว่าเป็นเรื่องอัศจรรย์อย่างหนึ่ง เพราะปกติแล้วทางเถ้าแก่สมใจเป็นคนประหยัดกิน ประหยัดใช้มาก ค่อนข้างจะมัธยัสถ์ แม้กระทั่งทุกวันนี้เถ้าแก่สมใจก็ใช้รถกระบะเก่า ๆ ของเมื่อ ๔๐ ปีที่แล้ว ท่านเป็นลูกศิษย์รุ่นแรก ๆ ของหลวงปู่สาย พอสิ้นหลวงปู่สายก็ไปทางหลวงพ่ออุตตะมะ ในเมื่อเจอสุดยอดครูบาอาจารย์ลักษณะอย่างนั้น โอกาสที่ท่านจะทำบุญกับพระอื่นก็ยาก อาตมาไปอยู่ทองผาภูมิมา ๒๓-๒๔ ปี ทราบกิตติศัพท์ของท่านเป็นอย่างดี แล้วอยู่ ๆ ก็มาทำบุญ อาตมายังทึ่งอยู่เหมือนกัน แสดงว่าจริง ๆ แล้วท่านก็อยากทำบุญ เพียงแต่เล็งอยู่ว่าจะหาพระที่ไว้ใจได้ที่ไหน" |
พระอาจารย์กล่าวว่า "หนังสือเกี่ยวกับการหาทุนเข้าสมาพันธ์ชาวพุทธ ดำเนินการปกป้องพระพุทธศาสนา อันแรกที่เห็นผลอย่างชัดเจนที่สุด ก็คือ จังหวัดบึงกาฬ ประกาศเป็นจังหวัดที่มีพระพุทธศาสนาประจำจังหวัด ประกาศเลยเพราะว่าเขาตั้งหน้าตั้งตาจะสร้างมัสยิด แล้วพวกเจ้าหน้าที่ก็ข่มขู่ชาวบ้านว่า ถ้าขัดขวางจะมีโทษอย่างนั้นมีโทษอย่างนี้ คราวนี้ชาวบ้านเขาไม่ยอม ก็ประกาศเลยว่าบึงกาฬเป็นเขตพระพุทธศาสนา เป็นดินแดนของพระอริยสงฆ์ ไม่ต้องการมัสยิด แล้วก็ประกาศว่าบึงกาฬเป็นจังหวัดที่มีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำจังหวัด
เป็นจังหวัดที่ตั้งท้ายสุด แต่บังอาจประกาศแรกสุด เออ...เจ๋งว่ะ..! เพราะฉะนั้น...ไม่ต้องไปประกาศศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติหรอก ประกาศเป็นศาสนาประจำจังหวัดทุกจังหวัด เดี๋ยวก็เป็นศาสนาประจำชาติไปเอง จังหวัดอื่น ๆ ถ้ามีผู้ว่าหรือปลัดจังหวัดเป็นอิสลาม เขาจะขวางสุดชีวิตเลย ที่บึงกาฬปลัดจังหวัดเขาดันสุดลิ่มทิ่มประตู แต่ชาวบ้านรวมตัวกันประกาศเฉยเลย ต้องบอกว่าเป็นความกล้าหาญสมกับที่เป็นชาวพุทธ การพิทักษ์รักษาพระพุทธศาสนาไว้ แม้จะต้องเสียชีวิตลงก็ต้องทำ แล้วจะมีอะไรให้เราต้องกลัว ? อิสลามมีหยิบมือเดียว อาตมาไม่เห็นจะกลัวเลย สมัยยังเป็นฆราวาสตีกับเขาประจำ ทั้งซอยมีบ้านไทย ๒ หลัง นอกนั้นเป็นอิสลามหมด เขายกกันมาทั้งหมู่บ้าน อาตมาก็ไม่เคยเกี่ยง มาเท่าไรเจอมือเจอตีนเข้าก็ร่วงเหมือนกัน โดนมาก ๆ เข้าเขาสู้ไม่ได้ก็ไปแจ้งความ แจ้งความแล้วมีประโยชน์อะไร ตำรวจเขาฟังดูก็รู้อยู่แล้วว่าผิดปกติ มีเยี่ยงอย่างหรือ ? อาตมา ๒ คนไปรุมเขา ๓๐ กว่าคน คน ๒ คนรุมคน ๓๐ กว่าได้ด้วยหรือ ? ท้ายสุดตำรวจก็เลยต้องแจ้งข้อหาทะเลาะวิวาท ปรับฝ่ายละ ๔๐๐ บาท อาตมาก็เลยบอกกับน้องชายว่า ต่อไปมีเท่าไรเอาให้คุ้มกับค่าปรับ ไหน ๆ ก็ต้องจ่ายแล้ว...ใช่ไหม ? อิสลามมีนิสัยเรียกร้องสิทธิทุกอย่าง ด้วยความที่คนเขามีจำนวนน้อย เขาจำเป็นต้องสามัคคีกันเหนียวแน่น ส่วนคนไทยของเรามีลักษณะม้าอารี อะไร ๆ ก็แล้วแต่...ช่างเถอะ...ไม่เป็นไรหรอก จนกระทั่งเขาขี่คอเราอยู่แล้ว" |
พระอาจารย์กล่าวว่า "ในหนังสือกระโถนข้างธรรมาสน์เดือนตุลาคม ๒๕๕๙ นี้ หน้าที่ ๒๙ พูดถึงพระที่ยังไม่ถึง ๕ พรรษา ว่าห้ามพ้นไปจากครูบาอาจารย์ เพราะว่าจะไปปฏิบัติผิดพลาดแล้วเกิดโทษแก่ตนเองได้ แต่ว่าเมื่อ ๒ วันก่อนมีพระรูปหนึ่งพรรษาท่านเกิน ๑๐ แล้ว เป็นเจ้าอาวาสด้วย ไปที่วัดท่าขนุน ค้างคืนรอพบอาตมา ถามว่ามีธุระอะไรถึงได้ขอสัตตาหะฯ มา ท่านบอกว่า “จะมาขอให้อาจารย์จารตะกรุดให้ครับ” ก็เลยถามท่านว่า “แล้วคุณไปเอากติกาการสัตตาหะฯ มาจากไหน ว่าไปจารตะกรุดได้ พระพุทธเจ้าอนุญาตไว้หรือ ?”
ท่านบอกว่า “ผมจะมาหาหมอด้วยครับ” อาตมาบอกไปว่า “ไอ้ประเภทกะล่อนไปเรื่อยนี่ไม่ต้องมาหาผมหรอก” กฎเกณฑ์กติกาของการสัตตาหะฯ ได้ในช่วงเข้าพรรษา พระพุทธเจ้าท่านก็บอกชัดเอาไว้ว่า พ่อป่วย แม่ป่วย พระอุปัชฌาย์อาจารย์ป่วย ไปเพื่อรักษาพยาบาลได้ เพื่อนสหธรรมิกที่อยู่ต่างวัดจะสึก ไปเพื่อห้ามปรามได้ วัดพังไปหาทัพสัมภาระวัสดุต่าง ๆ มาซ่อมมาสร้างวัดให้ไปได้ ได้รับกิจนิมนต์ไปเพื่อเจริญศรัทธาไปได้ ถ้านอกเหนือจากนี้จำเป็นต้องพิจารณากับมหาปเทส ๔ ก็คือสิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านให้ไว้สำหรับพิจารณาว่า สิ่งนี้ถูกต้องตามพระวินัยหรือไม่ ท่านว่าสิ่งใดไม่สมควร พิจารณาแล้วไม่สมควร สิ่งนั้นย่อมไม่สมควร สิ่งใดไม่สมควร พิจารณาแล้วว่าสมควร สิ่งนั้นย่อมสมควร อย่างเช่นสมัยนี้พระต้องไปศึกษา ต้องไปเรียนหนังสือ เรียนมาเพื่อให้มีความรู้จะได้นำมาสอนตนเอง และไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาได้ดียิ่งขึ้น แม้ว่าไม่ได้รับอนุญาตเอาไว้ นับเป็นสิ่งที่ไม่สมควร แต่พิจารณาแล้วว่าสมควร ก็อนุญาตให้ไปได้ เป็นต้น แล้วของท่านจะมาให้จารตะกรุด พิจารณาแล้วสมควรไหม ?" |
"อย่าลืมว่าท่านเป็นเจ้าอาวาสแล้วนะ ถ้าลักษณะอย่างนั้นท่านก็จะไปสอนลูกศิษย์ผิด ๆ ไปเรื่อย ยิ่งสมัยนี้บรรดาพระต่าง ๆ ถึงเวลาบวชเข้าไปแล้วก็รื่นเริงบันเทิงใจมาก กูจะไปไหนก็สัตตาหะฯ อย่างเดียว ไม่ได้ดูเลยว่าพระพุทธเจ้าอนุญาตไว้หรือเปล่า ก็กลายเป็นว่าตัวเองต้องอาบัติอยู่ทุกวัน
ในส่วนนี้ที่กล่าวไว้ พอดีไปตรงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวัดจึงได้นำมาพูด เป็นที่น่าเสียดายว่าท่านบวชมานานขนาดนั้น ไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร พอโดนดุเข้า รุ่งเช้าก็เลยไม่ฉันเช้า รีบกลับไปเลย อาตมาอาจจะโหดสักหน่อย แต่ถ้านำไปพิจารณาก็คงจะได้ประโยชน์ของตัวเอง ถ้าไม่พิจารณาก็คงไม่ได้อะไรเลย แล้วก็ทำผิดไปอีก ก็เลยฉวยโอกาสอบรมพระในวัดท่าขนุนไปด้วย ในเมื่อมีตัวอย่างชัด ๆ แล้วก็บอกกับทุกท่านว่า อย่าให้มีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้น ถ้าหากว่าเจ็บไข้ได้ป่วย ก็ขอสัตตาหะฯ ไปอยู่โรงพยาบาล ไม่ใช่ตะกายมาวัดให้อาจารย์จารตะกรุดให้...! การเจ็บไข้ได้ป่วยพระพุทธเจ้าท่านไม่ได้อนุญาตไว้ เพราะท่านอนุญาตแค่ว่าพ่อป่วย แม่ป่วย พระอุปัชฌาย์อาจารย์ป่วย แต่การที่ตัวเองป่วย ถ้าหากว่าไม่รักษา เกิดโรคหนักขึ้นมาถึงแก่ชีวิตได้ พิจารณาแล้วว่าถึงไม่ได้รับอนุญาต เป็นเรื่องไม่สมควร แต่พิจารณาแล้วว่าสมควร ก็ให้ไปโรงพยาบาลโดยการขอสัตตาหะฯ ได้" |
"ก็มีผู้ตั้งปัญหาว่า ถ้าเกิดว่าป่วยหนักอยู่โรงพยาบาลเกิน ๗ วันจะทำอย่างไร ? จะให้หามมาขอสัตตาหะฯ ใหม่ไหม ? อาตมาบอกว่า ให้ทางวัดส่งตัวแทนพระไป ๔ รูป หรือเป็นตัวแทนของคณะสงฆ์ทั้งวัด ไปให้ท่านขอสัตตาหะฯ ที่โรงพยาบาลต่อ ป่วยหนัก ๆ หามกันมาอาจจะได้หามเข้าเมรุไปเลย...!
อยู่กับโรงพยาบาลนั่นแหละ ให้ทางวัดส่งตัวแทนสงฆ์ไป ๔ รูป ไปรับการขอสัตตาหะฯ ของท่านแล้วมาแจ้งกับทางสงฆ์ว่า ท่านขอลาต่ออีก ๗ วันเพื่อรักษาตัว สัตตาหกรณียะ แปลว่า กรณีอันจำเป็นไปได้ไม่เกิน ๗ วัน แต่มีหลายท่านสอนกันผิด ๆ อย่างเช่นสอนว่า ถ้ากลับเข้าวัดไม่ทันอรุณของวันที่ ๘ ก็คือเช้ามืดของคืนวันที่ ๗ ซึ่งถ้าสว่างก็จะเป็นวันที่ ๘ ท่านสอนว่าให้โยนผ้าครองเข้ามาในวัด ถือว่าไม่ขาดพรรษา...! อาตมาฟังแล้วก็ขำ ๆ สอนมาได้อย่างไรวะ ? ถ้าอย่างนั้นตัวขาดพรรษา เพราะว่าเกิน ๗ วัน แล้วผ้าก็ขาดครองเพราะห่างจากตัวเอง โดน ๒ เด้งเลย เพราะฉะนั้นอย่าทะลึ่งไปทำแบบนั้น...!" |
พระอาจารย์กล่าวว่า "คุณไปเอาเหรียญราชมิตราภรณ์มาจากไหน ? ที่แขวนอยู่นั่น อาตมาอยู่กับหลวงพ่อฤๅษี ทั้งชีวิตฆราวาสและชีวิตพระรวมแล้ว ๑๘ ปี ท่านให้มาแค่เหรียญเดียว
เชื่อเถอะ...คนรุ่นหลังก็ไม่รู้หรอกว่าเหรียญนี้ชื่ออะไร ท่านบอกไว้ส่วนใหญ่นอกจากจะไม่จดแล้ว ยังไม่จำอีกต่างหาก พอถึงเวลาก็มั่วกันไปเรื่อย ๆ รุ่นนั้นหลวงพ่อท่านสร้างแล้วมอบให้กับคนที่ทำบุญเข้ากองทุนสงเคราะห์ผู้ยากจนในถิ่นทุรกันดาร อาตมาเองไม่มีสตางค์เข้ากองทุนกับเขาหรอก สมัยนั้นเป็นเด็กกะโปโล แต่วิ่งรับใช้ท่าน ท้ายสุดท่านก็ให้มา ๑ เหรียญ เพราะไปนั่งทำท่าน้ำลายหกให้ท่านเห็น" |
ถาม : การปฏิบัติธรรม ถ้าเราจับหลักได้จะเป็นการข้ามขั้นหรือไม่ ?
ตอบ : ต้องถามว่าหลักอะไร ? ถ้าหากว่าหลักของศีล ก็ข้ามการให้ทาน ถ้าหลักของการภาวนาก็ข้ามทั้งทานทั้งศีล ท่านให้ทำใน ศีล สมาธิ ปัญญา ไปพร้อม ๆ กัน ไม่ใช่เน้นอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะเรื่องของ ทาน ศีล ภาวนา อานิสงส์นั้นต่างกัน เรื่องของทาน ถ้าเกิดใหม่จะมีโภคสมบัติมาก พูดง่าย ๆ ว่ารวยมาก เรื่องของศีลก็จะมีรูปสวย น้ำใจดี เรื่องของการภาวนา ก็จะมีปัญญามาก ดังนั้น...ในเรื่องของการที่เราจะปฏิบัติก็ควรที่จะทำให้ครบถ้วนทุกอย่าง |
ถาม : ทำไมแบ่งเป็นพระป่า พระบ้าน ?
ตอบ : ส่วนใหญ่พระสายหลวงปู่มั่นท่านจะอยู่ป่า ออกธุดงค์ เขาก็เลยเรียกกันง่าย ๆ ว่าพระป่า แต่ทั่ว ๆ ไปก็จัดเป็นพระบ้าน |
พระอาจารย์เล่าว่า "วันก่อนอาตมาไปงานออกนิโรธกรรมของครูบาวิฑูรย์มา หลายส่วนที่ด่าไปเมื่อปีที่แล้ว มาปีนี้ก็ปรับปรุงดีขึ้น แต่หลายส่วนที่ไม่ได้ด่าก็เละเหมือนเดิม จึงต้องด่ากันต่อ ทำไมเขาไม่ค่อยมีสายตาในการทำงานกันเลย ของที่ทำให้เร็วได้ ทำให้ง่ายได้ ก็มักจะทำให้ช้า ทำให้ยากกันหมด
อาตมาเสร็จจากด้านนั้นก็ไปเยี่ยมหลวงพ่อสมปอง ไปถึงลูกศิษย์ท่านก็ให้นั่งรอ อาตมาก็คิดว่าท่านป่วยเราควรจะขึ้นไปหาถึงที่ ปรากฏว่าท่านเดินลงมาเอง ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกัน ท่านบอกว่าตอนนี้ยังยืดตัวตรง ๆ ไม่ได้ เพราะว่าแผลผ่าตัดยังตึง แล้วก็ยังต้องแขวนถุงไว้ข้างตัว ไปไหนก็ได้พิจารณาไปด้วย" ถาม : ท่านยังไม่ได้เย็บปากแผล ? ตอบ : ท่านบอกว่าไม่เย็บหรอก ปล่อยไว้อย่างนั้นเลย แบบเดียวกับหลวงพ่อสมพงษ์ วัดใหม่ปิ่นเกลียว อาตมาไปเสกชูชกให้ท่าน ท่านเองนั่งรถเข็นมา แขวนถุงไว้อย่างนั้นแหละ ก็หัวเราะกันสนุกสนานเฮฮา ไม่เห็นท่านจะเครียดอะไร พระปฏิบัตินี่ได้เปรียบนะ ไม่ค่อยกังวลกับเรื่องของร่างกาย |
อาตมานั่งกำแขนกับหลวงพ่อสมปอง ดูว่าตอนนี้แขนใครใหญ่กว่า ผอมทั้งคู่เลย สมัยโน้นถึงจะผอมแต่กล้ามเป็นมัด ๆ ทั้งคู่ สมัยนี้แก่ตัวลงบ้าง ป่วยบ้าง ต่างคนก็ต่างเหี่ยว
จริง ๆ ถ้าลูกศิษย์บอกว่าท่านอยู่ที่ไหนก็จะขึ้นไปหาท่านเอง จะสะดวกกว่า แต่คราวนี้เขาไม่บอก เขาพาไปนั่งรอเฉย ๆ แล้วตัวเองก็ไปนั่งสวดมนต์ แต่อาตมาไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เพราะตั้งแต่ก่อนจะไป คนก็ถามว่าแล้วท่านจะเปิดบ้านรับหรือ ? อาตมาบอกว่าไปเถอะ เดี๋ยวท่านก็เปิดเอง ไปถึงไม่มีที่จอดรถ อาตมาก็ให้จอดขวางประตูบ้านไปเลย..! |
พระอาจารย์กล่าวว่า "โยมนามสกุลว่า กงตาล คำว่า กง คำนี้เป็นภาษาโบราณมากเลย กงตาลคือไร่ที่มีต้นตาลขึ้นอยู่ กงตัวนี้ไม่ได้หมายถึงวง ไม่ได้หมายถึงความกลม แต่กงตัวนี้ก็คือไร่ เป็นภาษาเก่า โบราณบางทีก็พูดติดกันว่าเป็นไร่เป็นกง ใช้ ๒ คำติดกัน"
|
ถาม : มีเพื่อนผมทำบุญวันเกิด เขาเจอแต่เรื่องให้เจ็บช้ำน้ำใจ แล้วเขาโทษว่า ทำไมคนเราไม่ยอมชดใช้กรรมให้หมดไปทีเดียวเลย แล้วมาเจอกรรมที่นี่อีก เขาตัดพ้อ มีวิธีการรับมืออย่างไร ?
ตอบ : ก็ไปตัดพ้อกับพระยายมราชสิ...! แสดงว่าเขาทำแต่กรรมใหญ่ ๆ ไม่เคยทำกรรมเล็กเลยใช่ไหม ? ใจคอจะไม่ให้คิดดอกเบี้ยเลย ถาม : เห็นว่าเป็นวันเกิดเขา ก็เลยชวนซื้อที่ดินสร้างสำนักสงฆ์ พอทำเสร็จก็โดนคนด่า ? ตอบ : คนเราถ้าอยู่ในลักษณะนั้น แสดงว่าถ้าตั้งใจทำดีก็จะได้ผลเร็วมาก มารจึงต้องขวางแรง ถาม : ใช่ครับ เขาโดนอย่างนี้ ผมไม่รู้จะอธิบายเขาอย่างไรดี ? ตอบ : ไม่ต้องอธิบาย ปล่อยเขาไปเถอะ |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 18:35 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.