กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=47)
-   -   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนมีนาคม ๒๕๕๘ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=4381)

เถรี 13-03-2015 15:45

ถาม : เมื่อวานลูกไปทำบุญกรวดน้ำให้กับน้องหมาตัวหนึ่ง กลางคืนสวดมนต์ภาวนาหลับไป แล้วก็ฝันเห็นเขา ?
ตอบ : ถ้าฝันถึงเขาได้ แสดงว่าเขาไม่ลำบาก

เถรี 13-03-2015 16:19

พระอาจารย์กล่าวว่า "วันที่ ๒๙ มีนาคมนี้ ใครจะร่วมเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหาร แจ้งความจำนงได้ที่ป้ามอยและน้องเล็ก เอาอาหารมาให้พอกับคนด้วย ลองถามคนเก่า ๆ ดูว่าเขาเลี้ยงอะไร เราจะได้เอามาไม่ซ้ำกับเขา"

เถรี 13-03-2015 19:50

พระอาจารย์กล่าวว่า "เขียวส่องจัดเป็นมรกตประเภทหนึ่ง แต่ว่าสีเขียวออกเหลือง พวกเราจะเคยชินว่าถ้าเป็นมรกตต้องเขียวปี๋ พลอยเขียวส่องเป็นพลอยแถว ๆ ทางตะวันออกของเรา อย่างจันทบุรี แถวบางกะจะจะมีพลอยเขียวส่องมาก น้ำสีเขียวอมเหลือง ก็ถือว่าเป็นรัตนชาติที่ค่อนข้างจะหายากอยู่ ถ้าเขียวไปเลยเป็นมรกต เหลืองไปเลยเป็นบุษราคัม เขียวส่องนี่เขาจับมือกันคนละครึ่ง ก็เลยเป็นเขียวอมเหลือง หรือเหลืองอมเขียว"

เถรี 14-03-2015 10:44

ถาม : เราทำบุญตักบาตร เราจะทราบได้อย่างไรว่าจะถึงคนที่เราตั้งใจให้ ?
ตอบ : บอกเขาว่าถ้าได้รับแล้วให้ส่งไลน์มาบอกด้วย..! ทำบุญอันดับแรกคนที่ได้คือเรา ส่วนคนที่รับนั้นถ้าอยู่ในเขตที่ไม่ลำบาก และไม่ได้อยู่ในส่วนของอรูปพรหมหรืออสัญญีสัตตาพรหม เขาได้รับแน่ เพียงแต่ว่าพวกเรามักจะขี้สงสัย อยากรู้ว่าเขาได้รับจริงหรือเปล่า

วิธีที่ดีที่สุดก็คือไปฝึกทิพจักขุญาณให้ได้ แล้วก็ตามไปดูเลย ไม่อย่างนั้นไปเที่ยวถามคนอื่นซึ่งพาให้สงสัยไม่จบ พอถึงเวลาเขาบอกก็จะสงสัยต่ออีก

ถาม : ทำอย่างไรจึงจะทราบได้ ?
ตอบ : จริง ๆ แล้วก็ไม่ได้ยากมากมายอะไร ใช้กำลังใจนิดเดียว พวกเราส่วนใหญ่ใช้กำลังใจเกิน ในเมื่อใช้เกินเหมือนกับช่องอยู่ตรงนี้ เรายืดคอเลยมาตรงนี้แล้วจะไปเห็นอะไร ลองไปฝึกดู เผื่อได้กับเข้าบ้าง ไม่อย่างนั้นไม่หายสงสัยแน่

เถรี 14-03-2015 11:25

เรื่องการทำบุญไปแล้วคนตายจะได้รับหรือเปล่า อย่าเสียเวลาไปถามคนอื่น ถ้าเขาอยู่ในเขตที่โมทนาได้ เขาได้รับแน่ เพียงแต่ว่าเราเองมักจะขี้สงสัย ถ้าไปถามเจอท่านที่ทำมาหากินด้านนี้อยู่พอดี ก็จะบอกว่าทำแล้วยังไม่ได้รับ เพราะว่าทำน้อยเกินไป ต้องไปทำบุญกับเขาสัก ๙,๙๙๙ บาท ญาติถึงจะได้รับ เราก็ต้องเสียเงินมากขึ้น เป็นต้น

เพราะฉะนั้น..ได้โปรดระมัดระวังอย่าเที่ยวไปถามเขามั่วไปหมด ถ้าหากว่าสงสัยให้ไปปฏิบัติเอง ก็คือภาวนาไปจนจิตบริสุทธิ์ถึงระดับหนึ่ง ความผ่องใสของจิตที่มีอยู่จะทำให้ทิพจักขุญาณเกิดขึ้น สามารถเห็นผีเห็นเทวดาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ถามตรงกับเขาเลย หรือไม่ก็ฝึกทิพจักขุญาณในลักษณะของมโนมยิทธิก็ได้ ฝึกกสิณ ๓ อย่าง ก็คือ กสิณสีขาว กสิณไฟ หรือกสิณแสงสว่างก็ได้ ถ้าทำจนกำลังใจทรงตัวแล้ว ก็สามารถอธิษฐานขอเห็นเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ได้ แต่จะเสียเวลาในการฝึกนาน บางทีเราอาจจะเสียชีวิตเสียก่อนโดยที่ไม่ได้รับความดีอะไรเพิ่มเติม นอกจากแก้สงสัยตัวเองไปหน่อยเดียวเท่านั้น

ฉะนั้น..ตั้งหน้าตั้งตาทำไป เพราะว่าการทำความดีนั้น อันดับแรกคนที่ได้คือตัวเราเอง แล้วหลังจากนั้นจะอุทิศให้ใครก็แล้วแต่เรามีความสะดวก ถ้ารักในการปฏิบัติแล้วขี้สงสัยมาก ต้องฝึกทิพจักขุญาณ พอถึงเวลาก็จะรับรู้เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ได้ แล้วจะรำคาญเป็นพิเศษ เพราะว่าพวกผี ๆ พอรู้ว่าเราติดต่อได้ ก็จะแห่กันมาขอความช่วยเหลือ แล้วเราก็จะเบื่อไปเอง

เถรี 14-03-2015 11:26

ถาม : นั่งสมาธิแล้วหลับค่ะ แก้ไขอย่างไรดีคะ ?
ตอบ : ก็อย่าหลับสิจ๊ะ ถามมาได้ เอาสติจดจ่ออยู่กับลมหายใจเข้าออก ถ้าเผลอขาดสติหลุดจากลมหายใจก็จะหลับ เพราะฉะนั้น..อย่าเผลอ ถ้าหากว่าหลับก็ตั้งใจใหม่

ถาม : หลับไปเลยค่ะ ?
ตอบ : ถ้าหลับไปเลย ถึงเวลาทำก็ตั้งใจใหม่

เถรี 14-03-2015 11:27

โยมถามปัญหาว่านั่งสมาธิแล้วมักจะหลับ จะแก้ไขอย่างไร ? ความจริงเป็นปัญหาพื้นฐานของนักปฏิบัติทุกคน เพราะว่า ปกติการหลับเป็นธรรมชาติของมนุษย์และสัตว์ทั้งปวง สมาธิที่ถึงช่วงตอนที่เราหลับมีกำลังเท่ากับปฐมฌานขั้นหยาบ ถ้าใครเข้าถึงตรงนี้จะหลับทั้งนั้น

แต่คราวนี้การที่คนและสัตว์สามารถเข้าถึงตรงนี้แล้วหลับได้ จะไม่มีอานิสงส์ในการปฏิบัติธรรม เพราะไม่ได้เจตนาที่จะตั้งใจปฏิบัติเพื่อชำระจิตใจของตนให้บริสุทธิ์ แต่เป็นกรรมวิบาก คือกัมมวิปากชาฤทธิ์ ฤทธิ์ที่เกิดจากวิบากกรรม ทำให้เราสามารถหลับได้ เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อน คราวนี้สภาพจิตของเราถ้าไปตรงกับปฐมฌานหยาบเมื่อไรเราก็จะหลับ

วิธีที่จะไม่หลับก็ต้องเอาสติจดจ่ออยู่กับลมหายใจเข้าออก อย่าให้ขาด เผลอหลุดจากลมเมื่อไรจะหลับทันที จนกว่ากำลังใจจะก้าวผ่านไปถึงรับระดับปฐมฌานละเอียดก็จะไม่หลับอีก หรือไม่อีกทีหนึ่งก็ลุกขึ้นเปลี่ยนอิริยาบถไปเดินภาวนาบ้าง ไปสวดมนต์บ้าง แล้วแต่ว่าเราทำอิริยาบถอย่างอื่นอย่างใดที่ทำให้เราไม่หลับ และอยู่ในความดีของศีล สมาธิ ปัญญาได้ หรือไม่ก็ไปล้างหน้า ออกกำลังกาย เสร็จแล้วก็มาเริ่มต้นใหม่ ง่วงเผลอหลับเมื่อไรก็เริ่มต้นใหม่ ทำอย่างนี้บ่อย ๆ พอสภาพจิตละเอียดขึ้น ลมหายใจละเอียดขึ้น ก็จะก้าวพ้นไปได้เอง

เถรี 15-03-2015 12:04

ถาม : ตั้งใจดูลมหายใจเข้าออก รู้สึกหายใจไม่สะดวก ?
ตอบ : ไม่ต้องตั้งใจมาก ปล่อยให้หายใจตามปกติ แล้วเรามีหน้าที่คอยดูเท่านั้น ว่าหายใจไปสุดถึงไหน แล้วออกมาถึงไหน แค่นั้นแหละ หายใจตามปกติเหมือนกับตอนนี้ เพียงแต่เอาสติตามดูไปเท่านั้น

ถาม : ตามดูตรงไหนบ้าง ?
ตอบ : จมูก อก ท้อง หรือไม่ก็ที่เดียวที่ท้องก็ได้ ที่ปลายจมูกก็ได้ แต่ถ้าสติดี ๆ ก็จะรู้ตลอดเส้นทางเลย หรือจะเอา ๗ ฐานตามแบบสายหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ก็เพิ่มรายละเอียดเข้าไป ถ้ารู้ว่าสภาพจิตของเรายังหยาบอยู่ ยังตามได้ไม่ตลอด เอาแค่จุดเดียวที่ปลายจมูกก็ได้ หายใจเข้าผ่านปลายจมูก หายใจออกผ่านปลายจมูก พอสติละเอียดขึ้น รู้มากขึ้นแล้วค่อย ๆ ขยับเพิ่มขึ้นว่าจะเอากี่ฐาน

เถรี 15-03-2015 12:08

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีดหมอของหลวงพ่อรุ่ง ส่วนใหญ่โลหะเงินที่คาดปลอก ไม่ว่าจะมีลายหรือไม่มีลายก็ตาม การตีโลหะเงินช่างจะตีด้วยค้อน จะมีรอยบุบบิบบู้บี้อยู่เยอะมากเลย มีดหมอหลวงพ่อรุ่งส่วนใหญ่ไม่มีอักขระ เพราะช่างคนที่ทำไม่รู้หนังสือ ก็เลยตอกได้แต่ลายบนใบมีด ส่วนใหญ่จะเป็นลายเกล็ดปลา มีไม่มากนักที่มีอักขระ แต่ก็เป็นการตอกตามแบบ บางทีแทบจะอ่านไม่ออก

มารุ่นหลวงพ่อเดิม พวกช่างแม้น ช่างสอน ช่างไข่ ช่างฉิม ฯลฯ บางคนตีลายเป็นอย่างเดียว ตัวหนังสือตีไม่เป็น เพราะอ่านหนังสือไม่ออกเหมือนกัน เพียงแต่ว่าความประณีตของลายมีมากกว่า มีดหมอของหลวงพ่อรุ่งแผ่นเงินส่วนใหญ่ไม่ได้เชื่อม พอตีเสร็จเขาจับรัดกับปลอกแล้วตีพับทับไปเลย"

เถรี 15-03-2015 12:27

พระอาจารย์เล่าว่า "วันมาฆบูชา ตั้งแต่เช้ามาอาตมานั่งทำงานไปเรื่อยเปื่อย พอมาสาย ๆ หน่อยก็เทศน์ นำเจริญพระพุทธมนต์ รับภัตตาหารสังฆทาน หลังเพลบวชพระ อาตมาต้องเป็นคู่สวด จ้ำเสียเอง ๓ คู่ ใช้เวลาราว ๆ ๒ ชั่วโมง เสร็จสรรพก็ไปแบกฟืนขึ้นรถ ขนไปเก็บ เพราะจะใช้ลานธรรมในการวางผางประทีป

ตากแดดแบกฟืนอยู่เกือบ ๒ ชั่วโมง หลังจากนั้นก็ช่วยกันการวางผางประทีป กว่าจะเสร็จก็ประมาณ ๖ โมงครึ่งกว่า ๆ แล้วไปนำทำวัตรค่ำ เสร็จสรรพเรียบร้อยก็ไปนำญาติโยมเวียนเทียน ลอยโคม เสร็จแล้วกะว่าจะเดินขึ้นไปดูไฟบนยอดเขา ปรากฏว่าตอนลอยโคมกำลังของตัวเองหมด จะยืนหลับเอาเฉย ๆ ร่างกายตัดระบบเอง ก็เลยรู้ว่าคนเราก็แบตเตอรี่หมดได้เหมือนกัน นึกว่ามีแต่เครื่องไม้เครื่องมือที่แบตฯ หมด

ช่วงก่อนหน้านั้นสักอาทิตย์กว่า ๆ น่าจะวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ตอนช่วงเช้ากำลังแก้ไขวิทยานิพนธ์ อยู่ ๆ ก็รู้สึกว่าจอของโน้ตบุ๊กวูบ เหมือนกับมืดลง ก้มไปมองข้างล่างว่าได้เปิดสวิตช์ไฟไว้หรือเปล่า ปรากฏว่าตอนก้มลงนั่นแหละถึงได้รู้ว่า ไม่ใช่จอมืดหรอก แต่ตัวเองหน้ามืด..! เพราะก่อนหน้านั้นอาทิตย์หนึ่ง แก้ไขวิทยานิพนธ์ทั้งกลางวันกลางคืน แทบไม่ได้นอนเลย คืนหนึ่งนอนประมาณ ๑-๒ ชั่วโมง จำได้ว่าอาจารย์สั่งแก้วิทยานิพนธ์ส่งวันที่ ๑๕ ตรวจของวันที่ ๑๕ แก้ส่งวันที่ ๑๙ พอตรวจของวันที่ ๑๙ แก้ส่งวันที่ ๒๒ ไม่มีเวลาพักเลย

อาตมาเองกลางค่ำกลางคืนก็ไม่ได้ฉันน้ำปานะอะไรกับใคร นอกจากน้ำเปล่าอย่างเดียว ร่างกายจึงโทรมสุด ๆ ตอนที่อยู่ได้เพราะใจบอกอย่างเดียวว่างานต้องเสร็จ ถ้าไม่เสร็จอาตมาก็จะเสร็จเสียเอง จึงทำไปเรื่อย ๆ ไม่รู้ว่าตัวเองหมดแรง กำลังไม่มี อยู่ ๆ เห็นหน้าจอมืดไปวูบหนึ่ง ก็คิดว่าแบตเตอรี่หมด ไม่คิดว่าตัวเองหมดกำลัง ฉะนั้น..เรื่องพวกนี้ก็เป็นบทเรียนให้รู้ว่า ชะรา ธัมโมมหิ ชะรัง อะนะตีโต เรามีความแก่เป็นธรรมดา ไม่อาจล่วงพ้นความแก่ไปได้"

เถรี 15-03-2015 13:41

พระอาจารย์เล่าว่า "วันหล่อพระสมเด็จองค์ปฐม ๔ ศอก (๒๖ ก.พ. ๕๘) มีผู้ถวายทองคำร่วมหล่อพระมาประมาณ ๔ กิโลกรัม หล่อไปแล้วช่างบอกว่าสมบูรณ์ดีมาก ก็เหลือแค่ตัดสายชนวนแล้วก็แต่ง เดี๋ยวปลายเดือนนี้จะหล่อสมเด็จองค์ปฐมเนื้อเงินแท้ หน้าตัก ๙.๙ นิ้วอีก ๑ องค์

ปีหน้าจะหล่อพระถวายหลวงพ่อวัดท่าซุงเพราะว่าครบ ๑๐๐ ปีเกิดของท่าน จะสร้างรูปหลวงปู่ปานกับหลวงพ่อวัดท่าซุง ประมาณเท่าครึ่งของคนจริง แล้วก็สมเด็จองค์ปฐมองค์หนึ่ง บอกช่างว่าหน้าตัก ๓๐ นิ้วก็ได้ เพราะว่าพื้นที่จำกัด ช่างเขาบอกว่าน่าจะได้ถึง ๔๙ นิ้ว ขอไปดูพื้นที่จริงก่อนว่าจะปั้นหุ่นได้ขนาดเท่าไร

หมู่พิพิธภัณฑ์เรือนไทยที่สร้างเอาไว้ด้านบน มีหลังเล็กที่โบราณเขาเรียกว่าหอนก คือหมู่เรือนไทยเขาจะมีเรือนหลัก เขาเรียกหอกลาง แล้วก็มีเรือนซ้ายขวา เรียกว่าหอรีด้านซ้าย หอรีด้านขวา มีหอขวางทางด้านหลัง หลังเล็กเขาเรียกหอนก ส่วนใหญ่มีไว้เลี้ยงกล้วยไม้หรือไม่ก็เลี้ยงนกเขา

คราวนี้ของวัดท่าขนุนสร้างหอนกด้านหน้าไว้ ๓ หลัง ก็เลยคิดว่าจะเอาสมเด็จองค์ปฐมประดิษฐานไว้ตรงกลาง หลวงปู่ปานไว้ด้านขวา หลวงพ่อวัดท่าซุงไว้ด้านซ้าย ก่อนจะทำต้องรอดูว่าสถานที่สำหรับสมเด็จองค์ปฐมพอหรือเปล่า ? ช่างเขาไปดูแล้ว เขาว่าน่าจะได้ถึง ๔๙ นิ้ว ถ้ามีซุ้มด้วยก็สูงน่าดู แปลว่ายังต้องหล่อพระอีก ๒ รอบ เดือนหน้า ๑ รอบ ปีหน้าอีก ๑ รอบ"

เถรี 15-03-2015 13:57

"การหล่อพระรอบนี้คนทองผาภูมิซึ่งเป็นคนในพื้นที่มากันเยอะมาก ปกติที่วัดจัดงานเขาไม่ค่อยมาหรอก เพราะว่าตรงเวลาเกินไป ถ้าวัดมีงานมักจะเริ่มบวงสรวงไหว้ครูตอน ๗ โมงครึ่ง คนนั่งเต็มตั้งแต่ตีห้าแล้ว คนทองผาภูมิมา ๘ โมงครึ่ง เขาถือว่าอยู่ใกล้เลยมาช้าหน่อย แต่มาแล้วก็ไม่มีที่ให้นั่ง เขาก็เลยเบื่อกัน จึงไม่ค่อยมา

ปรากฏว่างานนี้มากันเยอะมาก อาตมาสงสัยว่าทำไม ? เขาบอกว่าไม่มีการหล่อพระแบบนี้มาหลายสิบปีแล้ว บางคนตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเจอเลย พอพวกเราไปเททองหล่อกัน เขาเห็นเข้าก็เลยมา ถอดทองคำถวายกันมาเยอะเลย

อาตมาเองก็เอาเข็มขัดนากของแม่หนัก ๓๐ บาท ใส่ลงไปหล่อด้วย เข็มขัดเส้นที่แม่ให้ใส่วันบวชเมื่อ ๓๐ ปีก่อน แม่เอามา
ให้คาดเอวตอนบวช ตอนนี้แม่เสียไป ๖-๗ ปีแล้ว ก็เลยเอาเข็มขัดมาหล่อพระให้แม่"

เถรี 15-03-2015 14:03

พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของบุญให้ทำไปเรื่อย ๆ แต่ว่าเรื่องของกำลังใจการตัดกิเลสเป็นเรื่องสำคัญ ต้องคอยระมัดระวังอยู่เสมอ ถ้าเผลอเมื่อไรก็จะเผลอเกาะร่างกายอีก

อย่างพวกเราป่วย พอรู้สึกแข็งแรงขึ้นมาหน่อยก็รู้สึก "อยากอยู่" อีกแล้ว แต่ตอนที่ป่วยกลับ "อยากตาย" คิดดูเอาก็แล้วกัน กลับกลอกหลอกลวงกันขนาดนั้น จึงต้องคอยระมัดระวัง คอยตอกย้ำหัวตะปูไว้เรื่อย ๆ ว่าอย่างไรก็ไม่เอาอีกแล้ว ไม่อย่างนั้นก็กลับไปกลับมาอยู่อย่างนั้น

เรื่องเหล่านี้พอย้ำจนถึงที่ ถ้าข้ามได้จะข้ามไปเลย ถ้าข้ามไม่ได้ก็ขึ้นหน้าถอยหลัง จะเป็นลักษณะนั้น เป็นกันทุกคน อาตมาเคยผ่านมาแล้วจึงรู้ว่าเป็นอย่างนี้ เหมือนกับอยู่ในช่วงที่กำลังสะสมกำลังอยู่ ถ้ากำลังพอก็จะก้าวข้ามไปได้เลย

ตอนนี้ให้ทำไปเรื่อย ๆ อย่าทิ้งลมหายใจเข้าออก และอย่าทิ้งการพิจารณา ทิ้งลมหายใจเข้าออกกำลังเราจะไม่พอสู้กิเลส ทิ้งการพิจารณาปัญญาจะถอยหลัง พอถอยหลังเดี๋ยวก็ไปเห็นดีเห็นงาม ยังอยากเกิดอยู่อีก"

เถรี 15-03-2015 14:18

ถาม : ขายที่บ้าน เมื่อไรจะขายได้ ?
ตอบ : บนพระวิสุทธิเทพ จุดธูป ๕ ดอกปักกลางแจ้ง กราบเรียนท่านว่า ถ้าขายได้แล้วจะรักษาศีล ๘ พร้อมกับเจริญกรรมฐาน ๗ วัน หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านแนะนำไว้นานแล้ว ท่านบอกว่าถ้าเกี่ยวกับเรื่องของอาชีพการงาน การทำมาหากิน ให้บนท่านได้เลย แต่ว่าท่านขอแรงหน่อย ท่านขอศีล ๘ กับกรรมฐาน ๗ วัน

หลวงพ่อท่านบอกว่า กรรมฐานช่วงเช้าเราภาวนาสักชั่วโมง แล้วรักษาศีลให้ได้ทั้งวัน ตอนค่ำภาวนาอีกชั่วโมงหนึ่ง ถือว่าเราเจริญกรรมฐานทั้งวันแล้ว เพราะว่าช่วงที่เราตั้งใจระมัดระวังรักษาศีล ก็คือเรารักษาในสีลานุสติกรรมฐาน คำว่าเจริญกรรมฐานทั้งวัน ไม่ใช่นั่งภาวนาทั้งวัน แต่ให้ใจอยู่กับความดีได้ทั้งวัน แค่ ๗ วันเอง อดข้าวไหวไหม ? ถ้าไหวเดี๋ยวกลับบ้านไปจุดธูปบอกท่านเลย บอกท่านว่าเบื่อเต็มทีแล้ว ขอให้ขายได้ไว ๆ หน่อย

ตอนที่อยู่ก็มีประโยชน์ แต่ตอนที่หมดอยากที่จะอยู่ ก็ไม่เห็นประโยชน์ ขาย ๆ ไปเถอะ อาตมาก็แก่เต็มทีแล้ว พอ ๕๗ ปี จะคลานไม่ไหวแล้ว กรรมเก่าทำไว้เยอะ โรคก็เยอะ สมัยก่อนหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า แกเป็นทหารมาหลายชาติ ฆ่าเขาเอาไว้เยอะ ไปปล่อยปลาเดือนละ ๑-๒ ตัว เอาชนิดที่เขาขายไว้ให้ฆ่า จะได้ชดใช้เขาไป ปล่อยมา ๓๐ ปี กว่าจะดีขึ้นมาหน่อยหนึ่ง นี่ขนาดทำต่อเนื่องเลยนะ ไม่มีหยุด แล้วก็ไม่ได้ปล่อยตัว ๑ - ๒ อย่างที่ท่านว่าด้วยนะ เจอทีหนึ่งเหมาหมดตลาดเลย ช่วงนี้จะตั้งงบไว้ที่ ๓๐,๐๐๐ บาทต่อเดือน ก็เลยกลายเป็นว่าทำมาประมาณ ๓๐ ปีกว่า เรื่องของโรคภัยไข้เจ็บเบาลงบ้าง แสดงว่าสมัยก่อนนี่เล่นเขาเอาไว้เยอะมาก

ถ้าตามหลวงพ่อท่านมา เรื่องที่จะไม่เคยทำอะไรใครเลยนั้นยาก ส่วนใหญ่เพื่อประเทศชาติ เพื่อศาสนาก็ต้องทำ แต่ทำไปแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าโทษจะไม่มี เศษกรรมตามมา ดูสิ..แผลเต็มตัวเลย นี่ขนาดไปขนฟืนแค่นั้นนะ พออาตมาทุ่มฟืนลงบนรถ ยังไม่ทันก็ชักมือกลับ พระท่านก็ทุ่มใส่มือพอดีเลย พอทุ่มใส่มือแล้วท่านก็เอามือมาลูบ ๆ "หลวงพ่อโดนไปแล้ว" “เอ็งไม่ต้องบอกข้าก็รู้ เจ็บจะตายห่.. ไม่รู้ได้อย่างไรวะ ?” ต่างคนต่างโยนฟืนเข้าไป คราวนี้อาตมาโยนไปมือไม่ทันดึงกลับ ของเขาก็ทับลงไปพอดี ไม้แต่ละท่อนใหญ่เบ้อเร่อ ยาวสักเมตรครึ่งได้ โดนเข้าไปทีเจ็บจนหูตาสว่างเลย..!

เถรี 17-03-2015 10:33

พระอาจารย์กล่าวว่า "บรรดาโรคมะเร็งต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอวัยวะสืบพันธุ์ เช่น มะเร็งปากมดลูก มะเร็งท่อรังไข่ ของผู้ชายก็มะเร็งต่อมลูกหมาก เกิดจากความเครียดแล้วทำให้ฮอร์โมนแปรปรวน ถ้าหายเครียดโรคเหล่านี้ก็หาย กลายเป็นว่าจริง ๆ แล้ว บุคคลที่เป็นโรคเหล่านี้ควรจะไปปฏิบัติธรรมมากกว่า

เมื่อวันหล่อพระ ลูกศิษย์หลวงปู่อำนวยมากราบเรียนถามปัญหา ว่า "หลวงป๋าวิวัฒน์เป็นมะเร็งกระดูก ท่านฝากมาถามว่าจะรักษาตามวิธีธรรมชาติดี หรือว่าจะยอมผ่าตัดดี ?" อาตมาเลยหัวเราะ บอกเขาว่า "หลวงป๋าตั้งใจแล้วว่าจะรักษาตามวิธีธรรมชาติ ถามหลวงปู่ดูสิ หลวงปู่ท่านก็รู้ ไม่ต้องมาถามอาตมาหรอก" พอหันไปบอกให้ถามหลวงปู่อำนวยดู หลวงปู่อำนวยก็ว่า "อ้าว..รู้เหมือนกันนี่" หลวงปู่รู้แล้วจะมาลองผมทำไม ? ปัญหาแค่นี้ยังจะมาลองกันอีก ...(หัวเราะ)... ลูกศิษย์สายหลวงพ่อวัดท่าซุงเล่นกันอย่างนี้แหละ ทั้ง ๆ ที่รู้แล้วก็ขอความแน่ใจหน่อยเถอะ"

เถรี 17-03-2015 10:49

"นับในสายหลวงพ่อวัดท่าซุงแล้ว ต้องบอกว่าเรื่องมโนมยิทธิอาตมาเป็นมือวางอันดับต้น ๆ เลย แต่สาเหตุที่อาตมาไม่สอนมโนมยิทธิ เพราะว่ามโนมยิทธิทำให้หลงทางได้ง่าย ที่หลงทางได้ง่ายเพราะแต่ละคนเชื่อเพราะเห็น เห็นด้วยตัวเองก็เลยเชื่อ โดยที่ไม่รู้หรอกว่าที่เห็นนั้นไม่จริง เราเห็นจริง ๆ แต่เรื่องที่เราเห็นไม่แน่ว่าจะจริง เคยเปรียบเทียบให้เขาฟังว่า เห็นคนไล่ยิงไล่ฟันกันมา เราก็เอามีดเอาปืนออกไปช่วย จะไปโดนเขากระทืบตาย เพราะเขาถ่ายหนังกันอยู่ เราเห็นเขาไล่ฆ่าไล่ฟันจริงไหม ? ก็จริง แล้วเรื่องที่เห็นนั้นจริงไหม ? ไม่จริง..เพราะเขาถ่ายหนังกันอยู่

หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสอนมโนมยิทธิ อาตมามั่นใจว่าส่วนหนึ่งที่ท่านสอนก็เพื่อพิสูจน์ในสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนว่าเป็นความจริง และอีกส่วนหนึ่งคือท่านมั่นใจว่าลูกศิษย์ท่านฉลาดพอที่จะเลือก แต่ขนาดท่านมั่นใจว่าฉลาดพอ อาตมายังโง่อยู่ตั้งหลายปี แม้กระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าฉลาดจริงหรือยัง ?

หลวงพ่อเคยชมกับเพื่อนพระว่า อาตมาเป็นคนสัญชาตญาณดี รู้ตัวเร็ว นี่ขนาดรู้ตัวเร็วยังติดอยู่ตั้ง ๓-๔ ปี ถ้าตอนนั้นตายเสียก่อน ก็ไม่ต้องได้ความดีอะไรเลย อย่างเก่งก็ติดอยู่แค่พรหม หลุดพ้นไม่ได้ หรือไม่หลวงพ่อท่านตั้งใจส่งลูกศิษย์แค่ดาวดึงส์ก็พอแล้ว รอพระศรีอริยเมตไตร..เดี๋ยวก็ไปได้

ส่วนที่อาตมาเห็นว่าหลงผิดทางจริง ๆ คือมโนมยิทธินั้น หลวงพ่อท่านสอนให้เรารู้จักพระนิพพานได้ ไปพระนิพพานตรง แต่ว่าส่วนใหญ่เขาไม่ได้ใช้ตรงนี้กัน เขาเอาไปดูว่าเธอเป็นอย่างนั้นกับฉัน เธอเป็นอย่างนี้กับฉัน แทนที่จะละได้ แทนที่รู้แล้วจะรู้จักเข็ด กลับไม่เข็ด ไปฟื้นความสัมพันธ์กันใหม่ กลายเป็นผูกแน่นยิ่งกว่าเดิม กำลังจะลอยคอเข้าฝั่ง กลายเป็นกอดคอจมน้ำตายทั้งขบวน..!

เท่าที่สังเกตมาเกิน ๘๐ เปอร์เซ็นต์เป็นอย่างนี้ แล้วที่เพี้ยนก็มีอีกเยอะเลย โดนผัวเขาเตะมาหลายคนแล้ว ประเภทไปตู่ว่าเมียเขาในอดีตเป็นเมียตัวเอง ในเมื่อเล็งเห็นโทษตรงนี้อาตมาก็เลยไม่สอนให้หมดเรื่องหมดราวไปเลย ขี้เกียจไปแก้ตอนหลงทาง เพราะในเมื่อสอนแล้วก็ต้องรับผิดชอบ"

เถรี 17-03-2015 14:25

ถาม : ที่หล่อพระเป็นอย่างไรบ้างคะ ?
ตอบ : ตอนนี้ช่างเขากำลังขัดแต่งอยู่ สมบูรณ์ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์เต็ม ไม่ต้องอุดเลย ช่างเขายอมติดสายชนวนมาก ๆ หน่อย ทำให้เนื้อทองไหลถึงกันหมด ถ้าติดสายชนวนน้อย ส่วนที่กว้าง ๆ บางทีก็ไหลไม่ถึงกัน แต่คราวนี้การติดสายชนวนมาก ทำให้เสียเวลาตอนขัดแต่ง เพราะต้องเลื่อยออกแล้วขัดให้เรียบ แต่เขายอมเสียเวลา จะได้ไม่ต้องไปปะไปอุดซึ่งยากกว่าหลายเท่า

วันเดียวกัน ฤกษ์เดียวกัน มีอีกองค์หนึ่งหล่อที่ อ.หนองปรือ จ.กาญจนบุรี ปรากฏว่ามีปัญหาตั้งแต่ชิ้นแรกจนถึงชิ้นสุดท้าย ช่างบอกว่าทำไมไม่เหมือนของวัดท่าขนุน ? ต้องบอกว่าเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนยอมไปตากแดดตัวดำปี๋เลยสบายหน่อย ถ้าเจ้าอาวาสนั่งบัญชาการในห้องปรับอากาศก็จะเป็นแบบนั้นแหละ..!

หล่อพระนี่ห้ามอากาศเย็น ต้องร้อนอย่างเดียวเลย องค์โน้นของเขา ตั้งแต่ยกฐานไปเพื่อพอกปูนก็ตกแตก ช่างต้องปั้นให้ใหม่ หล่อเศียรพระก็พรุนเป็นรังผึ้งเลย ต้องปั้นใหม่อีก เล่นเอาช่างเครียดไปหมด พูดง่าย ๆ ว่ามีปัญหาทุกชิ้น แล้ววันที่ ๒๖ ที่หล่อพร้อมกัน ปรากฏว่าปั๊มลมหอยโข่ง ๒ ตัวเสียทั้ง ๒ ตัว เลยต้องรอให้ของวัดท่าขนุนหล่อเสร็จ แล้วยกทีมไปช่วยที่หนองปรือ อาตมาเห็นเป็นเรื่องขำ แต่เจ้าของงานคงเครียดน่าดูเลย

คาดว่าคงจะไม่เข้าใจในเรื่องของการขอบารมีพระท่าน เห็นที่โน่นสร้างสมเด็จองค์ปฐม ที่นี่สร้างสมเด็จองค์ปฐม ก็อยากสร้างบ้าง บางทียังไม่รู้จักมักคุ้นอย่างแท้จริงเลยว่าสมเด็จองค์ปฐมท่านคือใคร

เถรี 17-03-2015 14:28

พระอาจารย์กล่าวว่า "วันที่ ๒๙ ฉลองบ้านวิริยบารมีและหล่อพระที่นี่ ใครจะเอาโรงทานมาเลี้ยงก็แจ้งที่ป้ามอยหรือน้องเล็กได้ ตีว่าเอามาเลี้ยงคนสัก ๓๐๐ – ๕๐๐ คน จะได้เฉลี่ย ๆ ไปกินที่ร้านอื่นบ้าง ถ้าเอามาเลี้ยงที ๓,๐๐๐ คน ก็กินกันอยู่ร้านเดียว"

เถรี 17-03-2015 14:39

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวันหล่อพระ มีใครลืมทองคำไว้ในห้องน้ำบ้าง ? แล้วก็มีกำไลอีก ๑ วง และมีดพับอีก ๑ เล่ม ไม่บอกว่ายี่ห้ออะไรหรอก ไปทวงคืนได้ที่วัด อาตมายังเก็บไว้ให้ แปลกมากเลย..วันงานประกาศตั้ง ๗-๘ รอบ ไม่มีคนมาขอรับคืน ประกาศแล้วว่าต่อให้ตั้งใจถวายหล่อพระ ก็ให้เอาคืนไปก่อนแล้วค่อยมาถวายใหม่ ไม่อย่างนั้นของหายในวัด หรือของหล่นตกอยู่ในวัด ศีลพระท่านบังคับเลยว่าต้องเก็บรักษาไว้ให้โยมจนกว่าเขาจะมาทวงคืน คราวที่แล้วเก็บไว้ ๕ ปี พอดี กว่าเจ้าของจะมาตาม คราวนี้ไม่รู้ว่าต้องเก็บไว้อีกกี่ชาติ..!"

เถรี 17-03-2015 15:21

พระอาจารย์เล่าว่า "มีอยู่วันหนึ่งใครไม่รู้เอาไม้เสากุฏิหลวงปู่มั่นมาถวาย อาตมาบอกว่า "ไอ้ห่..แบบนี้ยังไปแคะมาได้..บ้าชัด ๆ" กุฏิเก่าหลวงปู่มั่นยังอุตส่าห์ไปเลื่อยเอามุมเสามา เขาคงเอาไม้นั้นมาเพื่อไว้สร้างพระ

ถ้าญาติโยมสังเกตจะเห็นว่าอาตมาเองไม่เน้นเรื่องส่วนผสม ที่ไม่เน้นเพราะว่าวัตถุมงคลวัดท่าขนุน อาตมาอาราธนาบารมีพระพุทธเจ้าท่านสงเคราะห์ เลยไม่เน้นส่วนผสม แต่ว่าหลายที่จะเน้นเรื่องของส่วนผสมกันมาก

ตอนนี้อาตมากำลังให้เขาออกแบบเหรียญในหลวงรัชกาลที่ ๕ เอาแบบงามสุด ๆ ไปเลย โดยฝีมือช่างที่ปั้นรูปกวนเกษียรสมุทรที่สุวรรณภูมิ จะทำเพื่อหาทุนให้ห้องเรียน มจร.วัดไชยชุมพลชนะสงคราม ที่กาญจนบุรี ก็แปลว่าจะเป็นทั้งวิหารทานและธรรมทาน เพราะสร้างอาคารด้วย และเป็นทุนการศึกษาด้วย เอาไว้เสร็จแล้วค่อยมาบูชากัน"

เถรี 18-03-2015 12:50

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวานนี้ (๖ มี.ค. ๕๘) โอนเงินซื้อทองคำแท่งไป ๕.๕ ล้านบาท ปรากฏว่าเป็นเงินที่ตัวเล็ก (พัชรีภรณ์ หยกอุบล) หามาจากกระทู้เปิดให้บูชาวัตถุมงคล ๔ ล้านกว่าบาท เกือบจะพอของงวดนี้เลย"

เถรี 18-03-2015 13:31

ถาม : ที่เขากำลังฮิตเรื่องหินนำโชค มีผลจริงตามนั้นไหมคะ ?
ตอบ : เป็นเพราะคนอยากใส่จ้ะ เขาเชื่อว่ามีพลังงานบางอย่าง ประเภทตัดเคราะห์ หนุนดวง เสริมโชคลาภให้จึงใส่กันจัง ใส่แล้วรู้สึกสบายใจก็ใส่ไปเถอะ อย่าลืมนึกถึงพระด้วยก็แล้วกัน ไม่อย่างนั้นแทนที่ใจจะเกาะพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ก็ไปเกาะหิน เดี๋ยวตายแล้วกลายไปเป็นแมลงอยู่ใต้ก้อนหิน..!

เถรี 18-03-2015 13:49

พระอาจารย์กล่าวว่า "อัลปาก้า โบราณเรียกว่า ทองขาว คนจีนเรียกแปะตั๊ง แปลว่า ทองเหลืองสีขาว"

เถรี 18-03-2015 13:55

พระอาจารย์กล่าวว่า "คนเราถ้าไม่เห็นทุกข์ก็ไม่เห็นธรรม ในเมื่อเป็นอย่างนั้นก็ไปดูทุกข์ให้เยอะ ๆ ไว้"

เถรี 18-03-2015 14:03

ถาม : น้อง ๆ ของหนูตอนเด็ก ๆ เวลาเราบอกเขาให้สวดมนต์หรือพาไปทำบุญ เขาก็จะเชื่อฟังยอมทำตาม แต่พอเขาโตขึ้นเริ่มมีความคิดเป็นของตนเอง บางทีเราบอกเขา เขาก็จะต่อต้าน ไม่ยอมทำ ?
ตอบ : เราทำหน้าที่ของเราก็พอแล้ว ส่วนผลจะเป็นอย่างไรไม่ได้เกี่ยวกับเรา ทำงานไม่ได้แปลว่างานต้องสำเร็จ แต่แปลว่าขอให้ได้ทำ แค่นั้นแหละ ทำเต็มที่ของเราแล้ว ส่วนผลจะเป็นอย่างไรเป็นเรื่องของเขา ไม่ใช่เรื่องของเรา เราหว่านเมล็ดพันธุ์เอาไว้ อาจจะอีกหลายชาติกว่าจะงอกเงย แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องของเราแล้ว

เถรี 18-03-2015 14:23

ถาม : พระอะไรหรือคะ ?
ตอบ : หลวงพ่อพระเสริม วัดปทุมวนาราม องค์นี้ทำด้วยนิล เป็นพระสำคัญที่ไทยเรายึดมาจากประเทศลาว มีหลวงพ่อพระสุกจมอยู่ในแม่น้ำโขงตรง "เวินพระสุก" หลวงพ่อพระใสอยู่ที่วัดโพธิ์ชัย จังหวัดหนองคาย ส่วนหลวงพ่อพระเสริมท่านทันสมัย มาอยู่วัดปทุมวนารามในกรุงเทพฯ นี่เอง

เถรี 18-03-2015 14:28

ถาม : พระปัจเจกพุทธเจ้าท่านเป็นปัจเจกชนหรือคะ ?
ตอบ : ท่านไม่สอนคนให้ถึงมรรคผล รู้เองแต่ไม่ได้สอนใคร ส่วนใหญ่สอนแค่เบื้องต้นเท่านั้น เรื่องมรรคเรื่องผลเป็นหน้าที่ของพระพุทธเจ้าสอน ท่านก็เลยไม่ยุ่งด้วย ถึงเรียกว่าปัจเจกะ คือรู้เฉพาะตน ไม่ได้สอนคนอื่นให้รู้ตาม

ถาม : พุทธภูมิกับสาวกภูมิละคะ ?
ตอบ : พุทธภูมิคือบุคคลที่ตั้งใจปฏิบัติเป็นพระพุทธเจ้า สาวกภูมิคือบุคคลที่ตั้งใจเป็นสาวกของพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง ฉะนั้น..พุทธภูมิจะเรียนยากกว่ามาก

ถาม : อย่างไหนที่ไปพระนิพพาน ?
ตอบ : สาวกภูมิจะไปพระนิพพานเร็วหน่อย ส่วนพุทธภูมิก็ต้องรอจนว่าบรรลุความเป็นพระพุทธเจ้านั่นแหละ

เถรี 18-03-2015 15:05

ถาม : วันที่ไปงานพิธีพุทธาภิเษก พระที่เราห้อยคออยู่ เราไม่ได้เอาเข้าไปพิธีตรงกลางที่ทำพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคล อย่างนี้พระที่ห้อยคอก็ถือว่าทำพิธีพุทธาภิเษกเหมือนกัน หรือว่าไม่ใช่คะ ?
ตอบ : บางงาน "ท่าน" ก็ให้ บางงาน "ท่าน" ก็ไม่ให้ แล้วแต่ "ท่าน" จะสงเคราะห์

เถรี 18-03-2015 21:29

พระอาจารย์กล่าวว่า "ในพระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย เทวตาสังยุตต์ เทวดาท่านบอกว่า “คนมีบุตรย่อมรื่นเริงเพราะบุตร คนมีโคย่อมรื่นเริงเพราะโค” พระพุทธเจ้าต้องตรัสใหม่ว่า “คนมีบุตรย่อมทุกข์เพราะบุตร คนมีโคย่อมทุกข์เพราะโค”

ในส่วนของเทวตาสังยุตต์ พรหมสังยุตต์ และมารสังยุตต์ กล่าวถึงเรื่องของพรหม ของเทวดา ของมาร เป็นจำนวนมากมหาศาล ในส่วนของเปตวัตถุ วิมานวัตถุ ก็กล่าวถึงผู้ล่วงลับไปแล้ว อยู่ในภูมิต่ำบ้าง ภูมิสูงบ้าง แต่เหมือนกับว่านักวิชาการเขาทำเป็นไม่เห็นตรงนี้ อาจจะเป็นเพราะว่าไม่มีความเชื่อถือในเรื่องนี้ เวลากล่าวถึงก็อ้างว่าไม่มีในพระไตรปิฎก

เรื่องของภูมิละเอียด ไม่ว่าจะเป็นผี เป็นเทวดา เป็นนางฟ้า เป็นพรหม ไม่ใช่สิ่งที่จะยืนยันให้แก่คนทั่วไปรู้เห็นได้ ฉะนั้น..แม้แต่ในสมัยพุทธกาล พระมหาโมคคัลลานะพอไปเจอเทวดา นางฟ้า หรือว่าบรรดาเปรต สัตว์นรก ท่านก็ต้องนำ
ข่าวมาแจ้งแก่ญาติของเขาทั้งหลายเหล่านั้น

พระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ว่า "บุคคลผู้ตั้งใจเจริญอานาปานสติเป็นแสนคน จะยังฌานสี่ให้เกิดสักคนก็แสนยาก บุคคลที่ทรงฌานสี่ได้เป็นแสนคน จะยังทิพจักขุญาณให้เกิดสักคนก็แสนยาก" ก็เลยไม่ใช่ของทั่วไปที่เป็นสาธารณะ ทำให้นักวิชาการบางท่านกล่าวว่า อะไรที่คนทั่วไปทำไม่ได้อย่าเพิ่งเชื่อ

เหตุที่เป็นอย่างนั้นเพราะว่านักวิชาการส่วนใหญ่ขาดศรัทธา ศรัทธาในที่นี้ ก็คือ ตถาคตโพธิสัทธา ศรัทธาในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ว่าพระองค์ท่านรู้แจ้งเห็นจริงในทุกเรื่อง ทรงสอนให้เราเชื่อกรรม ถ้าหากว่าเรามีศรัทธาก็จะเชื่อตามท่าน ไม่อย่างนั้นแทนที่เชื่อกรรมเราก็ไปเชื่อการบวงสรวง การอ้อนวอนขอร้องแทน วิปากสัทธา เชื่อผลของกรรมว่าทำดีต้องได้ผลดี ทำชั่วต้องได้ผลชั่ว เป็นต้น"

เถรี 18-03-2015 21:30

"ในมหากัมมวิภังคสูตร พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า บุคคลผู้ตั้งใจปฏิบัติสมาธิภาวนา ยังฌานสมาบัติให้เกิด สร้างทิพจักขุญาณอันบริสุทธิ์ให้เกิดขึ้นได้ ไปเห็นนรกสวรรค์ แล้วกล่าวว่าบุคคลผู้ทำความชั่วลงนรกโดยส่วนเดียว บุคคลผู้ทำความดีขึ้นสวรรค์โดยส่วนเดียว ตถาคตขอกล่าวว่าไม่ใช่ ก็คือใครพูดว่าคนทำความชั่วลงนรกทั้งหมด คนทำความดีขึ้นสวรรค์ทั้งหมด พระพุทธเจ้าท่านว่าไม่จริง พระองค์ท่านตรัสว่า

บุคคลผู้ทำความดีในอดีต ทำความดีในปัจจุบัน ถ้าตายแล้วไปดีแน่นอน
บุคคลที่ทำความดีในอดีต ทำความชั่วในปัจจุบัน ตายแล้วไม่แน่ว่าจะไปไม่ดี
บุคคลที่ทำความชั่วในอดีต ทำความดีในปัจจุบัน ตายแล้วไม่แน่ว่าจะไปดี
บุคคลที่ทำความชั่วในอดีต ทำความชั่วในปัจจุบัน ตายแล้วไปที่ไม่ดีแน่นอน


จะเห็นว่าเราจะไปฟันธงทีเดียวไม่ได้ เพราะมีกรรมเก่ามาบวกด้วย อย่างมัฏฐกุณฑลีเทพบุตร ทำความดีไว้ในอดีต ปัจจุบันทำชั่วทุกเรื่อง ก่อนตายเห็นพระพุทธเจ้าหน่อยเดียว ใจเกาะพระ..ได้ขึ้นไปอยู่ข้างบน ก็แปลว่าทำชั่วไม่แน่ว่าต้องไปชั่ว เพราะในอดีตเคยทำความเอาดีไว้

ในเรื่องของการปฏิบัติธรรมจึงเกิดจากความเชื่อก่อน ต้องมีศรัทธาคือความเชื่อ ถึงจะมาตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติธรรม"

เถรี 20-03-2015 09:58

ถาม : มีเพื่อนคนหนึ่งค่ะ ของหายหมด ?
ตอบ : บอกเขาให้ไปปล่อยนก การปล่อยนกมีอานิสงส์พิเศษช่วยในเรื่องของที่จะหายได้ ถ้าอาตมาไปวัดเชียงมั่นเมื่อไรก็จะไปปล่อยนก แถวนั้นมีนกเขาเยอะ ไปขู่คนขายว่าจะซื้อมากิน ให้ขายถูก ๆ หน่อย ...(หัวเราะ)...

เถรี 20-03-2015 10:11

พระอาจารย์กล่าวว่า "วันที่ ๒๙ มีนาคมนี้ ถ้าใครว่างก็มาฉลองบ้านวิริยบารมีแล้วหล่อพระด้วยกัน ปกติก็ทำบุญเลี้ยงพระฉลองบ้านเฉย ๆ แต่ปรากฏว่าปีนี้จะหล่อพระเงินถวายกุศลแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพราะพระองค์ท่านเจริญพระชนมายุ ๖๐ พรรษาแล้ว ก็เป็นงานที่เพิ่มขึ้นมาหน่อยหนึ่ง

ลำบากที่ช่างไม่ได้ลำบากที่อาตมา ช่างเขาต้องขนเครื่องไม้เครื่องมือมาเตรียมหล่อพระที่นี่ คาดว่าบวงสรวงตอนเช้าเสร็จก็จะเริ่มได้เลย หล่อในสวนข้างล่าง ต้นไม้น่าจะแห้งตายหลายต้นเลยเพราะไฟร้อนมาก หล่อด้วยเงินทั้งองค์ มีโยมเขาถวายเงินมาแท่งหนึ่ง หนัก ๑ กิโลกรัม อาตมาเองซื้อเม็ดเงินนอกไปแล้ว ๕๐ กิโลกรัม ใครถวายเงินรูปพรรณ เงินแท่ง หรือเม็ดเงินมา ถือว่ามีส่วนบุญอยู่ในเม็ดเงินนอก ๕๐ กิโลกรัมนั้นด้วย ส่วนที่ถวายมาอาตมาขอนำไปทำอย่างอื่น ที่ต้องใช้เม็ดเงินนอกล้วน ๆ เพื่อให้งานออกมาสวยที่สุด"

เถรี 20-03-2015 11:23

ถาม : ได้ยินว่าถ้าสวดมนต์ในบ้าน แล้วจะมีเทวดามาสวดมนต์ด้วย จริงหรือไม่คะ ?
ตอบ : จริงบ้างไม่จริงบ้าง เพราะถ้าเทวดาในเขตนั้นท่านเป็นสัมมาทิฐิ สนใจในเรื่องของทาน ของศีล ของภาวนา ท่านก็ยินดีด้วย แล้วถ้าท่านชอบสวดมนต์ท่านจะมาสวดด้วย แต่ถ้าท่านที่ไม่ได้เป็นสัมมาทิฐิอย่างหนึ่ง หรือว่าท่านไม่ได้ชอบสวดมนต์ เอาสบายคอยโมทนาอย่างเดียว ท่านก็ไม่มาหรอก เป็นเรื่องเฉพาะสถานที่ ไม่ใช่ทุกที่

ถาม : แล้วเวลาท่านสวดมนต์ ท่านเอากายทิพย์มาสวดด้วยเลย หรืออยู่ข้างนอก ?
ตอบ : บางท่านก็ลงมานั่งสวดมนต์ด้วย บางท่านก็อาศัยผ่านตัวเรา ทำให้เรารู้สึกว่า เอ๊ะ..ทำไมสวดมนต์สนุกสนาน ไม่อยากเลิกสักที ส่วนบางท่านก็อยู่ข้างบน เอ็งสวดข้าก็สวดด้วย

ถาม : ท่านรู้เนื้อหาในบทสวดด้วยความเป็นทิพย์หรือเปล่า ?
ตอบ : ท่านแปลได้หมด ส่วนเราเองต่างหากที่แปลไม่ออก

ถาม : แล้วท่านจะมาตอนเที่ยงคืนหรือมาไม่เป็นเวลา ?
ตอบ : เรื่องของพรหมเทวดา ส่วนใหญ่ท่านจะมาก็หลังจากที่จิตมนุษย์เราฟุ้งซ่านน้อยแล้ว ก็ประมาณหลังเที่ยงคืน เพราะถ้าฟุ้งซ่านมาก ๆ ท่านสู้กระแสไม่ไหว ท่านก็ไม่มา

ถาม : ที่ว่าบทมหาสมัยสูตรไม่ควรสวดที่บ้าน ไม่เหมาะกับเทวดา เพราะบ้านรก ?
ตอบ : ที่ไหนก็สวดได้

เถรี 20-03-2015 11:25

ถาม : หนูเป็นผู้หญิง ถ้าแขวนพระเครื่องไว้แล้วไม่สวยงาม จะใช้วิธีใส่กระเป๋าถือไว้ ทำได้เหมือนกันไหมคะ ?
ตอบ : เหมือนกัน แต่ว่าอย่าเผลอวางให้ใครหยิบไป หรืออย่าเผลอเดินข้ามกระเป๋า ก็เหมือนกับเหน็บปืนติดเอวกับเอาปืนใส่กระเป๋านั่นแหละ

เถรี 20-03-2015 11:35

ถาม : หนูมีตะกรุดมหาสะท้อนแต่ไม่กล้าพก เพราะมีคนบอกว่าถ้าเราคิดไม่ดีแล้ว จะมีผล ?
ตอบ : ตะกรุดมหาสะท้อนไม่มีอะไรที่ให้ผลร้ายแก่ตัวเรา สิ่งที่ดีหรือร้ายนั้นมีผลกับคนอื่น คือถ้าใครทำดีกับเราความดีจะย้อนตอบไปหลายเท่า ถ้าใครทำไม่ดีกับเรา ส่วนไม่ดีก็ย้อนตอบไปหลายเท่า ถ้าพกเพราะกลัวว่าจะเป็นโทษแก่ตัวเองนี่ไม่ต้องกลัว มีแต่เป็นโทษหรือเป็นคุณกับคนอื่น ก็ต้องแล้วแต่ว่าเขาคิดดีหรือไม่ดีกับเรา

เรื่องของตะกรุดมหาสะท้อน อาตมายืนยันว่าตำราหลวงพ่อวัดท่าซุงระบุว่าต้องเป็นทองคำ นาก หรือเงิน หนักอย่างน้อย ๑ บาท ถ้าหากว่าหนักไม่ถึงก็ไม่มีผล แต่คราวนี้มีอีกวิธีหนึ่งไม่ต้องทองคำ นากหรือเงิน ก็คือภาวนาคาถาแทน ถ้ากำลังใจทรงตัวก็เป็นมหาสะท้อนเหมือนกัน

เถรี 20-03-2015 11:47

มีผู้สูงอายุมาถวายสังฆทานแล้วลุกลำบาก "เอ้า..ช่วยกันประคองหน่อย พอดูเสร็จก็ต้องคิดต่อว่า “เดี๋ยวเราก็เป็นอย่างนี้แหละ จะอยู่ถึงเป็นอย่างนี้หรือเปล่าเท่านั้นเอง”

เถรี 20-03-2015 12:26

พระอาจารย์กล่าวว่า "ท่านเจ้าคุณแย้ม (พระราชวิริยาลังการ) เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ต้องบอกว่าแข่งเรือแข่งพายแข่งได้ แต่แข่งวาสนาแข่งไม่ได้ เพราะว่าก่อนหน้านี้วัดไร่ขิงนอกจากหลวงพ่ออุบาลีคุณูปมาจารย์แล้ว มือวางอันดับหนึ่งก็คือท่านเจ้าคุณเมธีธรรมานันท์ เพราะว่าท่านเป็นเปรียญธรรม ๙ ประโยค แล้วจบด็อกเตอร์รุ่นแรก ๆ เลยจากอินเดีย ปรากฏว่าท่านเจ้าคุณเมธีธรรมานันท์ไปต้องอธิกรณ์มัวหมองเข้า ท่านก็โดนดองไปโดยปริยาย ทั้ง ๆ ที่ท่านเป็นรุ่นเดียวกับหลวงพ่อพระพรหมดิลก วัดสามพระยา

คราวนี้พอใกล้ที่จะสิ้นหลวงพ่อเจ้าคุณอุบาลีฯ ท่านเจ้าคุณแย้มก็ยังมีคู่แข่งคือท่านเจ้าคุณรวม (พระรัตนมุนี) แล้วท่านเจ้าคุณรวมเด่นกว่าเยอะ เพราะว่าเป็นนักเทศน์ เป็นโฆษกฝีปากกล้า พูดง่าย ๆ ว่าคะแนนนิยมเพียบ ท่านเจ้าคุณรวมจับไมค์พูดเข้าที่ไหน ต่อให้คนประเภทเสือยิ้มยากก็เฮ คะแนนนิยมท่านสูง แต่ปรากฏว่าถึงเวลาผู้บังคับบัญชาเลือกท่านเจ้าคุณแย้มเป็นเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง เพราะท่านเจ้าคุณแย้มเป็นคนเปิดเผยแบบนักเลงบ้านนอก ตรงไปตรงมา ต้องบอกว่าความดีของท่านมีอยู่ตรงนี้เอง เป็นคนเปิดเผยตรงไปตรงมา รักใครรักจริง ผู้บังคับบัญชาเลยชอบใจ

เมื่อครู่ท่านโทรศัพท์มาถามอาตมาอยู่วัดไหม ? ตอนนี้ท่านอยู่หน้าวัดท่าขนุน ถ้าอยู่จะแวะเข้าไปหา แล้วบอกว่าอย่าบอกพระเณรออกมารับนะ ขอถ่ายรูปก็พอ อาตมาถามว่า “แล้วไม่เข้าไปดูข้างในหรือครับ ?” ท่านบอก “เดี๋ยวดูก่อน..เข้าไปเดี๋ยวคนจำได้”

ทุกวันนี้ท่านแบกภาระของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ห้องเรียนวัดไร่ขิง ด้วยการรับภาระค่าใช้จ่ายเดือนหนึ่งประมาณสี่แสนบาท ก็คือค่าบริหาร ค่าเงินเดือนบุคลากร ค่าเงินเดือนอาจารย์พวกนั้น ถ้ารวมค่าน้ำค่าไฟด้วยน่าจะเกิน บางที่พวกเราก็ขำ ๆ เจ้าคุณอาจารย์เอาเงินที่ไหนมาเยอะแยะ ท่านบอกว่า “กูมีที่ไหนเล่า เงินหลวงพ่อวัดไร่ขิงท่านทั้งนั้น” อยากได้อะไรจุดธูปบอกหลวงพ่อวัดไร่ขิงอย่างเดียว"

เถรี 21-03-2015 16:24

ถาม : จะขออนุญาตสร้างวัตถุมงคลเป็นยันต์เกราะเพชร ...(ไม่ชัด)...?
ตอบ : เพื่อหาทุนสร้างสำนักใช่ไหม ? ทำได้เลย อาตมาไม่ได้ว่าอะไร ยันต์เกราะเพชรเป็นตำราของพระร่วง สืบสายมาทางหลวงปู่ปาน หลวงพ่อวัดท่าซุง อาตมาไม่ใช่เจ้าของลิขสิทธิ์ อย่างไรก็จุดธูปบอกท่านด้วยแล้วกัน

ถาม : จะนิมนต์พระอาจารย์ไป ?
ตอบ : ดูก่อนว่าช่วงนั้นสะดวกไหม ? ต้องแบ่งรับแบ่งสู้ก่อน ถ้าสะดวกถึงจะไป

เถรี 21-03-2015 18:43

ถาม : ลูกแก้วที่หลวงพ่อแจกในงานสวดพระคาถาเงินล้าน มีวิธีใช้อย่างไรครับ ?
ตอบ :ใช้อย่างไรก็ได้ อย่าเอาไปดีดเล่นก็แล้วกัน..! เขาเรียกว่า "ลูกแก้วสารพัดนึก" เพราะฉะนั้น..อยากใช้ก็นึกเอา วิธีที่ดีที่สุดก็คือภาวนาพระคาถาเงินล้านไปก่อน ยิ่งมากจบก็ยิ่งดี แล้วอธิษฐานเอาตามอัธยาศัย

เถรี 21-03-2015 19:00

มีโยมถวายปัจจัยใส่ซองมา "ใครจะสร้างสมเด็จองค์ปฐมเนื้อเงินหน้าตัก ๑๖ นิ้ว มาเอาคืนไปเลย อาตมาสร้างแค่ ๙.๙ นิ้วเท่านั้น และโปรดทราบ...อาตมาย้ำแล้วย้ำอีกว่าสร้างถวายกุศลแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ยังมีหลายคนเข้าใจว่าสร้างเพื่อน้อมเกล้าฯถวายพระองค์ท่าน นี่พูดชัดเจนขนาดนี้แล้วนะ

ใครเป็นเจ้าของเงินมารับคืนไปเลย ที่ทำบุญมาใหญ่เกินไปหลายนิ้วเลย พอ ๆ กับที่ร่วมสร้างพระพุทธรูปทองคำหน้าตัก ๕๐ ศอก คุณไปสร้างเองเถอะ..! รู้หรือเปล่าว่าพระพุทธรูปทองคำหน้าตัก ๕๐ ศอกใช้ทองกี่พันตัน ?"


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:11


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว