กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=47)
-   -   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=4350)

เถรี 11-02-2015 20:40

พระอาจารย์กล่าวกับญาติโยมที่ไม่ได้พบกันหลายปีว่า "ก่อนหน้านี้อยู่ที่บ้านอนุสาวรีย์ฯ พอปี ๒๕๕๓ ก็ย้ายมาที่นี่ เพราะว่าทางด้านโน้นพื้นที่ไม่พอ ตอนกลางคืนเจริญกรรมฐานแทบจะขี่คอกัน เลยทำให้คนส่วนหนึ่งเสียโอกาส เพราะว่าพอเบียดกันมาก ๆ เขาก็ไม่มา ท้ายสุดก็เลยต้องหาที่ใหม่

พอหาที่ใหม่ก็กะว่าให้ญาติโยมเขาสะดวกหน่อย จึงหาที่มีรถไฟฟ้าผ่าน ปรากฏว่าคนอื่นรู้เร็วกว่า เมื่อรู้เร็วกว่าอาตมาเลยต้องซื้อตรงนี้แพง ๒๔๐ ตารางวา จะให้เขาสร้างเป็นศาลายาว ๆ แบบศาลาปฏิบัติธรรม ช่างไม่ยอมทำให้ บอกว่าไม่มีฝีมือ โห..ว่าเสียเลย เขาว่าแบบนั้นให้ใครทำก็ได้ ไม่ต้องให้เขาทำหรอก แล้วเขาก็ทำอีกอย่างหนึ่ง ไว้ฝีมือ..ไม่ยอมทำตามใจ จึงเท่ากับว่าเสียพื้นที่ไปส่วนหนึ่ง

ตอนนี้ช่วงปฏิบัติธรรมภาคค่ำก็เริ่มแน่นแล้ว ถ้ามีอีกครึ่งหนึ่งอย่างที่อาตมาต้องการ ก็จะใช้งานได้ดี ตอนนั้นซื้อตรงนี้ไป ๑๓ ล้าน ๕ แสนบาท เพราะเขารู้ว่ารถไฟฟ้าจะผ่านจึงขายแพง คราวนี้พอสร้างบ้านเสร็จ รัฐบาลนายกฯ ทักษิณโดนล้ม รถไฟฟ้าสะดุดไปปีกว่าเกือบสองปี เพิ่งมีปีที่แล้วกับปีนี้ที่สะดวกจริง ๆ ก่อนหน้านี้ก็เอารถมากันบ้าง นั่งแท็กซี่มากันบ้าง ตอนนี้มารถไฟฟ้า ใคร ๆ ก็มาได้สะดวก"

เถรี 11-02-2015 20:45

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีดหมอสมัยก่อนก็คือมีดใช้งานนั่นแหละ ส่วนใหญ่ชาวบ้านไปไหนก็มีมีดติดตัวไปเล่มเดียว ไปหากินเอาข้างหน้า ขุดเผือกขุดมันแทนข้าว หาหอยหาปูหาผักเป็นกับข้าว มีดเล่มเดียวเขาอยู่ได้

เวลาไปเจอพวกกะเหรี่ยงอาตมารู้สึกเขาสมถะกว่าพระอีก มีมีดอยู่เล่มหนึ่ง นุ่งกางเกงขาสามส่วน ผ้าขาวม้าเคียนหัว เสื้อบางทีก็ใส่บ้างไม่ใส่บ้าง แล้วมีย่ามเล็ก ๆ นิดเดียวประมาณ ๒ ฝ่ามือ ส่วนใหญ่ก็ใส่พวกยาสูบกับไฟแช็กก็ไปได้แล้ว ของอาตมามีทั้งกลด ทั้งบาตร ทั้งจีวรทั้งกระติกน้ำ โห..หนักอย่าบอกใครเลย

มาระยะหลังที่ออกธุดงค์ ส่วนใหญ่แทบจะไม่ได้พกอะไรไปเลย พระอื่นเจอเข้าก็ตกใจ ถามว่าพวกท่านมาทำอะไรกันนี่ ? “ก็มาธุดงค์เหมือนกับคุณนั่นแหละ” แล้วไม่มีอะไรเลยหรือ ? บอกไปว่า “มีเยอะแล้ว” เขาไม่รู้หรอกว่าที่ไม่มีอะไรเลยของอาตมา อยู่ป่าได้นานกว่าเขาอีก นี่ถ้าไม่ติดขัดด้วยพระวินัยว่า พระไปไหนจะต้องเอาผ้าไตรไป ดีไม่ดีผ้าไตรก็อาจเหลือแค่ชุดที่ใส่นี่แหละ

ที่อาตมาเป็นมาลาเรียก็เพราะอย่างนี้ เพราะว่าระยะหลังไม่ได้เอากลดไป ถึงเวลาก็ใช้จีวรตีโปงนอน ไปนึกถึงพระสมัยโบราณว่าท่านก็ไม่ได้ใช้กลด สมัยพุทธกาลท่านก็อยู่ใต้โคนไม้ ท่านจะเอากลดที่ไหนมา แล้วอากาศที่อินเดียร้อนหนาวดุเดือดกว่าเราตั้งเยอะ บทหนาวขึ้นมาก็หนาวจะแย่ ท่านยังอยู่กลางแจ้งกันได้"

เถรี 11-02-2015 20:48

พระอาจารย์กล่าวถึงพระปิดตามหาอุตม์รุ่นนี้ว่า “จะบอกว่าของใหม่ก็ไม่ใหม่หรอก เป็นพระปิดตามหาอุตม์ที่อาตมาซ้อมทำไว้หลายปีแล้ว เพิ่งจะไปค้นเจอ ด้านหลังที่เป็นเลข ๕ นั้นเป็นสัญลักษณ์ว่าพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ ถ้าหากว่าสัญลักษณ์นะโมตาบอดนั้นเป็นของหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม จังหวัดชัยนาท ใช้ได้ทั้งแคล้วคลาด คงกระพัน ล่องหนหายตัว หน้าตาอาจจะออกมาไม่สวยนัก เพราะว่าเวลาพิมพ์แล้วเนื้อเกินเขาก็ใช้มีดตัดเอา บางองค์ตัดมาเป็นเหลี่ยม ๆ เลย แต่ว่าคุณภาพคับแก้ว”


เถรี 11-02-2015 20:52

พระอาจารย์กล่าวว่า “หล่อพระงวดนี้อาตมามีชนวนประหลาดที่คาดว่าคนอื่นคงไม่มีกัน ก็คือปลอกกระสุนปืนชาตรีที่เข้าพิธีตั้งแต่สมัยหลวงพ่อวัดท่าซุง มีปลอกกระสุนเป็นลังเลย ถ้าอยากรู้ว่าทำไมมือปืนถึงเก่ง ก็เพราะเขายิงกันชนิดที่ปลอกกระสุนเป็นลัง ช่วงนั้นญาติโยมฝากปืนเข้าพิธี ๕ กระบอก ปืน ๕ กระบอกนี่ไม่ต้องถามว่ากระสุนปืนเท่าไร ส่วนใหญ่กล่องละร้อยนัด แล้วคนละ ๒-๓ กล่อง”

เถรี 11-02-2015 21:03

พระอาจารย์กล่าวว่า “ถ้ามีดหมอหลวมให้เอาผ้าแดงใส่ไปในฝักเลย เพราะว่าเรื่องของเทวดาโดยเฉพาะชั้นจาตุมหาราชนี่ สีแดงเป็นเครื่องหมายของท่าน ในเมื่อมีถุงแดงแล้วก็เอาผ้าแดงใส่ไปอีกชั้นหนึ่ง”

เถรี 11-02-2015 21:06

พระอาจารย์กล่าวว่า “มีดใช้งานจะสวยทุกเล่ม เพราะว่าพอใช้ ๆ ไปแล้ว ทั้งด้ามทั้งใบจะเข้าที่ไปเอง ด้ามจะลื่น ใบก็จะลับจนคมกริบ”

เถรี 11-02-2015 21:07

ทิดตู่มากราบเรียนว่าจะไปแสดงเป็นพระยาพิชัยดาบหัก พระอาจารย์จึงกล่าวว่า “อย่างไรก็จุดธูปบอกกล่าวท่านเป็นการต่างหากด้วยนะ ไม่อย่างนั้นหัวขาดไม่รู้ด้วย ท่านเองถ้าไม่มีอารมณ์ก็ไปนอนบนพรหม ถ้ามีอารมณ์ท่านก็ลงมาที่ชั้นจาตุมหาราช”

เถรี 12-02-2015 18:29

พระอาจารย์กล่าวว่า "ท่านที่เอามีดหมอไปเข้าพิธีเพชราวุธ ถ้าจะให้อานุภาพเหมือนมีดหมอเพชราวุธเลยก็ไม่ได้หรอกนะ เพราะว่าไม่มีตะกรุด ๓ กษัตริย์ ไม่มีตะกรุดมหาสะท้อน ขณะเดียวกันครูบาอาจารย์ท่านก็ไม่ได้สงเคราะห์ให้เหมือนกับที่ท่านตั้งใจให้มีดหมอเพชราวุธ แต่ไม่ต้องห่วงหรอก ระเบิดนิวเคลียร์พอ ๆ กันนั่นแหละ เพียงแต่ว่ามีดหมอเพชราวุธเหมือนกับเป็นสมาร์ทบอมบ์ ใช้งานได้สารพัดอย่าง แต่ของเราอาจจะต้องแบกวิ่งไปเอง อานุภาพเหมือนกัน เพียงแต่ต้องแบกวิ่งไปเอง แต่ว่าท่านให้ทุกด้านจริง ๆ แม้กระทั่งด้านลาภผล"

เถรี 12-02-2015 18:35

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้ทองคำได้ประมาณ ๓๑ กิโลกรัมกว่า ๆ แล้ว เหลือประมาณ ๘ กิโลกรัมเศษ ใครจะถวายให้ครบทีเดียวก็ยินดีรับ ...(หัวเราะ)... ไม่จำเป็นต้องไปหาซื้อทองหรอก ถวายเป็นปัจจัยก็ได้ เพราะว่าถึงเวลาจะได้สั่งซื้อทีเดียว กำลังรอช่วงหลังตรุษจีนนิดหนึ่ง ช่วงนี้ที่ราคาทองขึ้นแล้วทรงตัวอยู่ เพราะอยู่ในภาวะพร้อมที่จะเกิดสงคราม ในเมื่อจะเกิดสงคราม ประเทศต่าง ๆ ก็ตุนทองไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัย"

เถรี 12-02-2015 18:41

ถาม : ที่ผ่านมาท่านอาจารย์ผู้นำคณะมักจะพูดว่า เวลาที่เราทำอะไร ควรผลักดันให้คนเข้าใจในความสามัคคี ให้คนทำความดี ทำโดยเบื้องหลังซึ่งเขาไม่ได้กล่าวถึง คนเขาไม่รู้ว่าเราทำ เราก็ได้อานิสงส์ของความดีแล้ว แต่อย่างในบางคนที่เขายังไม่มั่นใจในตรงนี้ อยากถามว่า จะให้เขาเข้าใจได้อย่างไรคะว่าได้อานิสงส์แล้ว ?
ตอบ : ขอให้ได้ทำหน้าที่ก็พอแล้ว มีอยู่ ๒ อย่าง อย่างแรกคือตั้งใจทำก็เป็นบุญแล้ว อย่างสองคือ ทำโดยไม่ต้องหวังความสำเร็จก็ได้ แค่ได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ก็พอ เอาแค่นั้นเป็นหลัก อย่างอื่นไม่ต้องไปใส่ใจ

เถรี 12-02-2015 19:25

พระอาจารย์กล่าวว่า "คาถาเงินล้านดีตรงที่ว่ามีให้พร้อมทุกอย่าง มีลาภผล มีป้องกัน มีปัดอุปสรรค กลายเป็นว่าภาวนาคาถาเงินล้านอย่างเดียว ความปลอดภัยก็มาด้วย"

เถรี 12-02-2015 19:36

พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงนี้ที่จะเกิดภาวะสงครามเพราะว่าสหรัฐบ้าอำนาจ ไปแส่หาเรื่องด้วยการเข้าไปเปลี่ยนแปลงการปกครองในยูเครน ถ้าสหรัฐทำสำเร็จ นาโตจะเข้าไปตั้งขีปนาวุธได้ เท่ากับจ่อคอหอยรัสเซียเลย รัสเซียก็ไม่ยอมจึงต้องแทรกแซง คราวนี้พอรัสเซียแทรกแซง สหรัฐก็บีบรัสเซียด้วยการร่วมมือกับทางตะวันออกกลาง โดยเฉพาะซาอุดีอาระเบียด้วยการทำให้ราคาน้ำมันตก เพราะรัสเซียอยู่ได้ด้วยน้ำมันกับแก๊สธรรมชาติ พอราคาน้ำมันตก รัสเซียก็อยู่ไม่ได้

แต่เขาลืมของตัวเองไป ลืมไปว่าตัวเองปล่อยกู้ให้บริษัทต่าง ๆ ไปทำโครงการที่เกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง ๙ ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเขาประมาณการว่า ถ้าน้ำมันอยู่ในระดับ ๑๐๐-๑๓๐ ดอลลาร์ต่อบาเรล บริษัทถึงจะมีกำไร คราวนี้อยู่ ๆ ลดฮวบลงมาเหลือไม่ถึงบาเรลละ ๕๐ ดอลลาร์ดีกระมัง ? บริษัทที่เอาเงินกู้ไปจะทำอย่างไร ? ก็ไม่มีปัญญาจ่ายคืน เศรษฐกิจจะไปไม่รอด ฉะนั้น..มีทางเดียวคือต้องล้มรัสเซียให้ได้ก่อน ก่อนที่บริษัทพวกนี้จะเจ๊ง กลายเป็นภาวะครึ่ง ๆ กลาง ๆ ต้องบอกว่าให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว ลืมไปว่าตัวเองปล่อยกู้ให้บริษัทน้ำมันไปตั้ง ๙ ล้านล้านดอลลาร์"


ถาม : เดี๋ยวนี้คนฆ่ากันง่ายมาก ?
ตอบ : ต้องบอกว่าเกิดจากการกระทำของเรา ความดีความชั่วไม่ได้ไปไหน พลังงานพวกนี้รวมตัวกัน พอรวมตัวกันอยู่ ความดีก็ดึงดูดคนดี ความชั่วก็ดึงดูดคนชั่ว แต่ตอนนี้คนทำชั่วมีมากกว่า พลังงานจำนวนมหาศาล ทำให้สติสัมปชัญญะของคนน้อยลง ทำความชั่วได้ง่าย ถ้ายิ่งเป็นผู้นำประเทศ แค่ตัดสินใจกดปุ่มนิวเคลียร์ แค่นี้ก็บรรลัยแล้ว

คราวนี้ไม่ได้รบกันระหว่างรัสเซียกับอเมริกาเฉย ๆ เพราะว่าจีนที่ผูกค่าเงินตัวเองไว้กับดอลลาร์ก็จะดึงตัวเองออกมา ถ้าจีนดึงตัวเองออกมา ดอลลาร์จะกลายเป็นเศษกระดาษเลย กลายเป็นว่าอเมริกาต้องเปิดศึกสองด้าน โดยการที่ยุให้ใครสักสองสามประเทศไปเล่นงานจีน ก็ไปยุพวกที่มีเขตแดนติดต่อกัน หรือที่มีข้อพิพาทระหว่างแดน เช่น ญี่ปุ่น เวียดนาม ไปเล่นงานจีน

พอมองภาพรวมแล้ว ต้องบอกว่าพวกนี้ชั่วจริง ๆ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของตัวเอง ไม่คำนึงวิธีที่ใช้ ชาวโลกเขาจะเดือดร้อนแค่ไหนก็ไม่สนใจ อย่างที่ยื่นมือเข้ามาในเมืองไทย แล้วโดนด่าเช็ด แต่จะว่าไปแล้วก็คือไทยเราเชิงอ่อนมาก อย่างเรียกอุปทูตสหรัฐเข้ามาพบ จะมีประโยชน์อะไร ? ถ้าเขาไม่มาพบจะไปบังคับเขาได้ไหม ? หรือถึงเวลาถ้าเขามาแล้วยืนยันตามที่พูดไว้ แล้วไทยจะทำอะไรได้ไหม ?


ถาม : แล้วตลาดหุ้นละครับ ?
ตอบ : แค่ได้ข่าวว่ายกขีปนาวุธขึ้น หุ้นก็ตกแล้ว ไม่ต้องคิดถึงขนาดว่าจะยิงกันหรอก โลกทั้งใบเหมือนบ้านหลังเดียว ตีกันหลังบ้าน หน้าบ้านก็เจ๊งไปด้วย

เถรี 12-02-2015 19:47

ถาม : หลวงพ่อเก็บ วัดสวนลำใย ?
ตอบ : ท่านเองท่านไม่ค่อยแสดงตัว แต่วัตถุมงคลของท่านลูกศิษย์สายตรงเก็บเรียบไม่มีหลุดเลย ส่วนอาตมามีปรอทกับสีผึ้งจมน้ำ ต่อไปว่าจะทำบ้าง ถ้าสมมติว่าไปในป่าในดง ไม่มั่นใจความปลอดภัยว่าน้ำเป็นอย่างไร ก็หย่อนสีผึ้งลงไป ถ้าลอยก็ใช้ไม่ได้ ถ้าจมก็ใช้ได้ ถ้าหากจะทำกิจการงาน จะเดินทางให้อธิษฐานก่อน หย่อนลงน้ำถ้าจมก็ใช้ได้ ถ้าลอยก็ใช้ไม่ได้ เพราะว่าขี้ผึ้งปกติจะลอยน้ำอยู่แล้ว

เถรี 12-02-2015 19:49

พระอาจารย์กล่าวว่า "โลกเราร้อน ในเมื่อโลกร้อนเราก็ต้องเย็น ถ้าไม่เย็น ก็ไปต่อไม่ได้"

เถรี 12-02-2015 20:02

ถาม : มีข่าวว่ามีเหล็กไหลเงินยวง ?
ตอบ : จริง ๆ แล้วพวกนี้เป็นของปลอมทั้งนั้น เหล็กไหลจริง ๆ ดูง่ายมากเพราะมีแสงในตัว มืดแค่ไหนก็สว่างในตัว ถ้าเข้ามาในห้องนี้ไฟจะดับหมด เพราะอานุภาพไปตัดกำลังไฟหมด ขึ้นรถยนต์หรือพาหนะอะไร เครื่องยนต์ดับหมด มีวิธีเดียวที่จะทำได้ก็คือต้องหุ้มด้วยขี้ผึ้งให้หนา ๆ เพราะขี้ผึ้งสามารถตัดพลังงานของเหล็กไหลได้ ลักษณะเดียวกับยูเรเนียมที่แพ้ตะกั่ว

พวกที่เห็น ๆ ก็คือที่เขาตั้งชื่อกันขึ้นมาเอง แล้วพยายามจะสร้างประวัติ สร้างเนื้อหา ให้เข้ากับของที่ตัวเองมีอยู่ เพื่อที่จะได้ขายได้ อย่างเฮมาไทต์สมัยโบราณเขาเรียกว่าเหล็กตับเป็ด เป็นส่วนผสมของอาวุธในตำรามหาศาสตราคม เขาไปเรียกว่าเหล็กไหลตาแรด เขาจะเรียกเพื่อให้ขายได้ ถ้าเหล็กไหลหาได้ง่ายขนาดนั้นก็ดีสิ โบราณเขาบอกว่า "เหล็กไหลไพลดำ พูดพล่ามทำบ้า เล่นแร่แปรธาตุ ผ้าขาดตั้งวา คิดสะระตะโสฬส นอนอดเหมือนหมา" ไปทำเรื่องไม่เป็นเรื่อง ไม่ทำมาหากินก็อดสิ

เถรี 12-02-2015 20:08

พระอาจารย์กล่าวว่า "พ่อแม่เป็นครูคนแรก เขาเรียก บูรพาจารย์ บุรพ คือ ตะวันออกหรือแรกเริ่ม ก็คือทิศที่ตะวันเริ่มขึ้น เขาเลยถือเป็นทิศแรก บูรพาจารย์เปรียบเหมือนอาจารย์คนแรก หมายถึงพ่อแม่ เราอาจสงสัยว่าทำไมเวลาบวงสรวงขึ้น ปุริมัญจะ ทิสัง ราชา... เพราะว่าต้องขึ้นบูรพาก่อน"

เถรี 12-02-2015 21:16

ถาม : เปลี่ยนชื่อ แต่ไม่ได้เปลี่ยนนิสัย ?
ตอบ : อาตมายืนยันอยู่ตลอดว่าไม่ต้องไปเปลี่ยนชื่อหรอก แค่คุณเปลี่ยนความประพฤติก็ใช้ได้เลย ไม่ได้สำคัญที่ชื่อ สำคัญที่ความประพฤติ ถ้าความประพฤติไม่ได้เรื่อง เปลี่ยนชื่อไปก็เท่านั้น

เปลี่ยนชื่อไปก็มีแต่คนใหม่เขาเรียกกัน คนเก่าก็เรียกชื่อเดิม อาตมาเจอประสบการณ์ตอนเป็นทหาร จ่าสิบเอกแสวง ผินวงศ์ดวง เพื่อนร่วมรุ่นเป็นนายสิบอาวุโสเตรียมติดว่าที่ร้อยตรี จ่าแหวงไม่ได้อะไรกับใครเลย เพราะเมาทั้งวัน ท้ายสุดไปหาหมอดู หมอดูบอกชื่อเป็นกาลกิณีให้เปลี่ยน จึงเปลี่ยนเป็นมณเฑียร ทำหนังสือขออนุญาตกองร้อย กองร้อยส่งถึงกองพัน กองพันส่งถึงกองพล กองพลส่งถึงบก.สูงสุด เพราะตอนนั้นยัง พล.ร.๙ ยังไม่ได้สังกัดกองทัพภาค เสร็จแล้วพอทางบก.สูงสุดอนุมัติ ก็ส่งกลับมาที่กองพล ส่งกลับมาที่กองพัน ส่งกลับมาที่กองร้อยของตัวเอง ใช้เวลา ๖ เดือนกว่า

เปลี่ยนชื่อเสร็จเขาก็เรียกไอ้แหวงเหมือนเดิม ก็ไม่เห็นจะได้อะไรกับเขา เพราะยังเมาอยู่ทั้งวัน ต้องนึกถึงบรรพบุรุษของเรา ยุคเก่า ๆ ชื่อตาสี ตาสา ยายมี ยายมา นายหมู นายหมา ถ้าหากว่าชื่อมีอิทธิพลจริง ๆ พวกเราคงไม่ได้เกิดกันหรอก เพราะกว่าจะมาถึงเรา บรรพบุรุษคงตายหมดแล้ว..!

เถรี 12-02-2015 21:19

พระอาจารย์กล่าวว่า "สำหรับพระสมเด็จ หลวงพ่อวัดระฆังท่านให้พรไว้ว่า ถ้านึกถึงท่าน จะเก่าจะใหม่ จะจริงจะปลอม ก็มีอานุภาพเหมือนกัน ฉะนั้น..บูชาไปเถอะ ใครจะว่าปลอมก็ช่าง อยู่ที่ใจเรายึดมั่น

มีนายทหารอากาศยศนาวาโทคนหนึ่ง อยากได้สมเด็จวัดระฆังมากเลย แล้วไปโดนเซียนหลอก ขนาดต้องวิ่งไปเอาที่เชียงใหม่ จ่ายให้เขาไป ๖ หมื่นบาท ปรากฏว่าขากลับรถคว่ำ นายทหารคนนั้นไม่เป็นอะไรเลย แต่เซียนคนนั้นคอหักตาย นายทหารคนนั้นก็มั่นอกมั่นใจว่า "เป็นบุญของผมเหลือเกิน ถ้าไม่ได้ท่านคุ้มครองผมคงตายไปแล้ว" พอเอาไปให้เซียนคนอื่นดูกลับไม่ใช่ หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า หลวงพ่อวัดระฆังท่านให้พรไว้อย่างนี้ จะจริงจะปลอม จะแท้จะเทียม ถ้านึกถึงท่านก็ใช้ได้เหมือนกัน"

เถรี 12-02-2015 21:28

ถาม : แล้วที่เกาะพระฤๅษี ?
ตอบ : พอปรับปรุงเสร็จได้ ๒ วัน เขาก็มาตามให้ไปเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ที่เกาะทำไป ๒๐ กว่าล้าน ต้องให้คนอื่นอยู่แทน คนเขาไปก็นึกว่าสร้างรีสอร์ท สวยเกินไป มีการปรับทางน้ำใหม่ เอาเรือนไม้ไปลง ตอนนี้ให้ลูกศิษย์ไปอยู่ ๓-๔ รูป อาตมากะจะวางมือมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว แต่มาเจอวัดท่าขนุนต่อ ยังวางไม่ลงมาจนถึงป่านนี้ ศาลายังสร้างไม่เสร็จ หมดไปตั้ง ๕๐ กว่าล้านแล้ว ถ้ามีโอกาสต้องทำไปเลย คนรุ่นหลังเขาทำไม่ไหว หลังจากนั้นค่อยหากองทุนให้ไว้เขาดูแลรักษา

ในศาลามีของสำคัญ ๒ อย่างคือ พระประธานในศาลาที่เป็นสมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก ๔ ศอก จะหล่อวันที่ ๒๖ นี้ เวลา ๑๒.๓๙ น. ที่วัดท่าขนุน แล้วก็มณฑปตั้งพระพุทธรูปทองคำ เซ็นสัญญาไปแล้ว ๑๒ ล้าน ๕ แสนบาท ช่างเขากำลังเริ่มลงมือทำอยู่ เหลืออย่างเดียวคือรอจนอายุ ๖๐ ปี จะหล่อพระพุทธรูปทองคำไปตั้งในมณฑป ไม่ต้องสงสัยว่าจะเอาพระพุทธรูปไปตั้งได้อย่างไร ความสูงประมาณเกือบ ๗ เมตร ช่างคณะนี้คือช่างที่ไปซ่อมพระที่นั่งจักรีพระมหาปราสาท หาสุดยอดฝีมือมาเลย

ในรูปองค์นี้คือพระทองคำที่จะหล่อ สององค์นี้คือพระที่ในหลวงรัชกาลที่ ๗ ถวายไว้ตั้งแต่สมัยหลวงปู่พุกอดีตเจ้าอาวาส ส่วนองค์ที่ตั้งตรงกลางนี้จะหล่อเดือนหน้า เพื่อถวายกุศลสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่เจริญพระชนมายุ ๖๐ พรรษา ส่วนสององค์ข้างนี้มีอยู่แล้ว เป็นพระหยกองค์หนึ่งและพระเนื้อนากองค์หนึ่ง จึงให้เขาออกแบบมาอย่างนี้

โชคดีที่ลูกศิษย์เขาทำให้ฟรี ไม่อย่างนั้นค่าออกแบบ ค่าถ่ายแบบ ๑ ต่อ ๑ ราคาเป็นล้านเลย เพราะค่าออกแบบเขาคิด ๒ เปอร์เซ็นต์ของราคา ค่าถ่ายแบบอีก ๕ เปอร์เซ็นต์ของราคา

เถรี 12-02-2015 21:32

ถาม : หน้าตักเท่าไรคะ ?
ตอบ : หน้าตักพระพุทธรูปทองคำ หน้าตัก ๑๖ นิ้ว ต้องใช้ทองประมาณ ๔๐ กิโลกรัม ปีนี้อาตมาอายุ ๕๗ ยังมีเวลาอีก ๓ ปีไว้หาเงิน ทำโครงการต้องเผื่อ ๆ ไว้ก่อน

ตอนเรียนปริญญาโทเขาให้เขียนโครงการว่าภายในปีนี้จะทำอะไร ภายใน ๓ ปีจะทำอะไร ภายใน ๕ ปีจะทำอะไร ตลอดชีวิตจะทำอะไร อาตมาเขียนไปว่า ภายในปีนี้จะทำมณฑปหลังนี้ให้เสร็จ ภายใน ๓ ปี จะทำโครงการสร้างพระใหญ่ถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถครบ ๘๐ ปี ภายใน ๕ ปี จะสร้างศาลา ๑๐๐ ปีของหลวงปู่สายให้เสร็จ ตลอดชีวิตที่เหลือจะหาเงินเข้ากองทุนของวัด

อาจารย์ท่านดูแล้วบอกว่า นิสิตทั้งห้องมีของท่านเท่านั้นแหละที่เป็นโครงการที่ทำได้เลย ของคนอื่นมีแต่ใฝ่ฝันว่าจะทำโน่นทำนี่ คือของอาตมาทำได้จริง ของท่านอื่นประเภทจะสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรม ซึ่งที่ดินก็ยังไม่มี แล้วจะไปทำอะไรได้

แต่ละโครงการเสร็จแล้วก็คือจบไป ส่วนที่เหลือจะได้ทำหรือไม่ได้ทำก็ช่าง งานที่ทำอยู่จะเสร็จหรือไม่เสร็จก็ช่าง เราได้ทำแล้ว เอาแค่นั้นก็พอ

เถรี 13-02-2015 18:20

ถาม : รอยพระพุทธบาท ?
ตอบ : ของวัดท่าขนุนก็มี อยู่ในพื้นที่ของเทศบาลตำบลท่าขนุน รอให้โครงการในวัดเสร็จก่อน จะอาสาทำบันไดขึ้นไป แล้วทำเจดีย์หรือมณฑปครอบไว้สักหน่อย พระที่วัดท่าขนุนปีนขึ้นไปดูกันแทบทุกรูป ถึงเวลาใครอยากจะไปก็มีพระเณรช่วยนำทางให้ปีนขึ้นไป ไปนั่งกรรมฐานเสร็จแล้วก็ลงมา เดี๋ยวนี้สบาย ประเภทเดินกันจนเป็นร่อง สมัยเก่าของอาตมาต้องงมทางขึ้นไป ต้องเลาะก้อนหินก้อนโน้นก้อนนี้ ขึ้นไปใหม่ ๆ ต้องเอาสีฉีดบอกทางไว้ กลัวคนตามหลังจะไปไม่เป็น

ถาม : เจอมานานหรือยัง ?
ตอบ : ตั้งแต่ปี ๒๕๓๒

ถาม : ขนาดเท่าไรคะ ?
ตอบ : ๖๐ กว่าเซนติเมตร อยู่บนยอดเขา เหมือนกับเหยียบลงไม่เต็มรอยดี แต่มีอีกรอยหนึ่ง ขนาดเท่ากับรอยเท้าของพวกเรา รอยนี้ชัด ๆ เลย อย่างกับเหยียบลงในโคลน หลวงปู่สายเป็นผู้ที่แนะนำให้ขึ้นไป ก็เลยสงสัยว่า รอยเล็กนั่นท่านเหยียบไว้เองหรือเปล่า ?

เถรี 13-02-2015 19:11

พระอาจารย์กล่าวถึงหลวงพ่อรุ่ง วัดหนองสีนวล ว่า "ความสามารถไม่ได้ยิ่งหย่อนกว่ากัน แต่ว่าคนรู้จักแต่หลวงพ่อเดิม เพราะว่าวัดหนองโพไปง่าย ลงรถไฟที่สถานีหน้าวัดเลย ส่วนหลวงปู่รุ่ง ท่านย้ายไปวัดหนองสีนวล อยู่ในป่า เพราะทางด้านบ้านเกิดของท่านแล้ง ท่านก็เลยเดินป่าเสาะหาที่ใหม่ ไปเจอหนองสีนวลอุดมสมบูรณ์ จึงชวนญาติโยมย้ายตามไปอยู่ในป่ากันหมด

หนองน้ำนั้นมีนกเขาฝูงหนึ่งลงกินน้ำกันเป็นปกติ มีตัวหนึ่งสีประหลาด สีออกนวล ๆ แทนที่จะสีเหมือนนกเขาทั่วไป ชาวบ้านเรียกกันว่า "ไอ้นวล" ก็เลยเรียกหนองน้ำนั้นว่าหนองสีนวล

แต่ก่อนแถวบึงบอระเพ็ดมีจระเข้เยอะแยะ ชาวบ้านที่มีมีดหมอหลวงพ่อขำ มีดหมอหลวงพ่อเทศ
มีดหมอหลวงพ่อรุ่ง มีดหมอหลวงพ่อเดิม คาบใส่ปากว่ายผ่านไอ้เข้กันหน้าตาเฉย..!"

เถรี 13-02-2015 19:47

ถาม : ทำไมพวกมีดหมองาช้างอานุภาพถึงเอาไว้ตีรันฟังแทงโดยเฉพาะครับ ?
ตอบ : เขาถือว่าช้างเป็นสัตว์ใหญ่ มีอำนาจ อยู่ในป่าช้างยังต้องกลัวใครล่ะ ? มายุคหลวงปู่รุ่งนี่แหละ ที่ผลิตมีดหมอมีอานุภาพครอบจักรวาล มีดหมอรุ่นเก่าเขาเอาไว้รักษาโรคอย่างเดียว ถึงได้เรียกกันว่า "มีดหมอ" เพราะเป็นของที่หมอใช้รักษาโรค

เถรี 13-02-2015 20:21

พระอาจารย์ให้คุณตัวเล็กเอาเหรียญจตุคามไปออกในกระทู้ให้บูชา

"เป็นเหรียญรุ่นเดียวกับที่อาตมาหาไว้ใช้ อาตมาหาเหรียญจตุคามไว้ใช้เอง ๒ รุ่น ก็คือรุ่นอัครมหาเศรษฐีกับรุ่นปัญจบารมี ซึ่งเป็นฝีมือแพรนด้าจิวเวลรี่ทั้งคู่ เลี่ยมทองสวิสฝีมือบ้านอัมพวันเอาไว้สมัยโน้นเหรียญ ๕ หมื่นกว่าบาท เก็บไว้เพราะว่าขอให้ท่านช่วยงานมานานแล้ว ก่อนที่ท่านจะดัง เวลาลงปักษ์ใต้ก็ขออนุเคราะห์สงเคราะห์จากท่านมาตลอด"

เถรี 13-02-2015 20:25

ถาม : ในกลุ่มจะมีบางคนที่มีเวลาไม่พอที่จะมาช่วยงานตรงนี้ ทำให้กำลังใจบางคนในกลุ่มที่ไม่มาช่วยมีปมในใจ จะต้องวางกำลังใจอย่างไร ?
ตอบ : ทำแค่ที่ไปช่วยได้ ต้องโลกไม่ช้ำ ธรรมไม่เสีย ไม่ใช่ว่าเรามาทางด้านนี้จนกระทั่งงานส่วนตัวเสีย แบบนั้นก็บรรลัยสิ เอาแค่ที่ไปช่วยได้

เถรี 13-02-2015 20:36

พระอาจารย์กล่าวว่า "ส่วนใหญ่ญาติโยมมักจะเข้าใจว่า ทำความดีแล้วต้องได้ดี แสดงว่ายังวางกำลังใจผิด ความดีแค่ตั้งใจทำก็เป็นความดีของเราแล้ว ส่วนทำแล้วผลตอบแทนจะเป็นอย่างไรไม่ต้องไปใส่ใจ ขอให้ได้ทำก็พอ แค่ตั้งใจทำ มหากุศลก็เกิดขึ้นแล้ว

สมมติว่าตั้งใจจะมาถวายสังฆทาน มหากุศลเกิดขึ้นแล้ว อานิสงส์เป็นของเรา ถ้ายังมาไม่ถึงวัด เกิดมีอันเป็นไปก่อน พระก็ขาดทุน ฉะนั้น..เรื่องของการทำความดี ตั้งใจทำแล้วให้ได้ทำก็พอ ไม่ต้องไปใส่ใจว่าผลตอบแทนจะมีหรือไม่มี เพราะถ้าต้องการผลตอบแทนตรงนั้น เท่ากับว่ามีโลภเจตนา พอโลภเจตนาเกิดขึ้น ผลบุญจะโดนตัดไปเยอะเลย เพราะกำลังใจไม่บริสุทธิ์เสียแล้ว การให้ทานนั้น ต้องมีเจตนาบริสุทธิ์ วัตถุทานบริสุทธิ์ ผู้ให้บริสุทธิ์ ผู้รับบริสุทธิ์ ถึงจะมีผลเต็มร้อยส่วน

ฉะนั้น...ต่อไปให้วางกำลังใจเสียใหม่ เรื่องของความดี เมื่ออยากทำ ขอให้ได้ทำเท่านั้น ส่วนจะดีตอบหรือไม่ดีตอบก็ช่างเถอะ"

เถรี 13-02-2015 22:51

ถาม : พระพุทธเจ้า พระอรหันตเจ้า ย่อมมีความรักความเมตตา ต่อทุกคนที่อยู่รอบข้างเสมอกัน ไม่มีผิดเพี้ยนไปเลยใช่ไหมครับ ?
ตอบ : มีความรักเท่ากันหมด แต่วาระกรรมของแต่ละคนไม่เท่ากัน ทำให้ท่านต้องแสดงออกต่างกันไป บางคนวาระกรรมไม่เปิดจริง ๆ ท่านก็จะเหลือแต่อุเบกขาเท่านั้น

เถรี 13-02-2015 22:53

ถาม : ที่หล่อพระวันที่ ๒๖ นี่ใช้เฉพาะเนื้อเงินหรือครับ ?
ตอบ : เนื้อโลหะปกติ ช่างเขาเตรียมไว้พร้อมแล้ว ก็คือเอาทองเหลืองเป็นหลัก ทีนี้เราจะเอาเงิน เอาทอง เอานากไปร่วมหลอม ก็เอาไปร่วมในวันนั้นก็แล้วกัน ส่วนองค์เนื้อเงินล้วน เป็นสมเด็จองค์ปฐม ขนาด ๙.๙ นิ้ว จะหล่อวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๘ (วันทำบุญฉลองบ้านวิริยบารมี)

เถรี 14-02-2015 10:32

ถาม : คณะสงฆ์ประพฤติชอบหรือมิชอบ เราไม่สามารถตัดสินโดยการอ่านพระไตรปิฎก ไม่สามารถจะตกลงใจได้ว่าท่านผิดหรือไม่ผิด อย่างนี้ในฐานะที่ไม่ได้เป็นพระสงฆ์หรือพระสังฆาธิการ ควรจะวางตนอย่างไรดีครับ ?
ตอบ : อย่ายุ่งได้เลยเป็นดี เอาอย่างที่โบราณบอกว่า ชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์ เพราะส่วนใหญ่ที่ผ่านมา คนไม่รู้ว่าเรื่องจริงหรือเรื่องเท็จ แต่ช่วยกันด่าไปก่อนแล้ว ถ้าดูตัวอย่างของกปิลมัจฉา ที่ด่าพระแล้วลงอเวจีมหานรก เกิดมาใหม่เป็นปลาปากเหม็น แล้วจะรู้ว่าโทษที่ด่าพระเป็นอย่างไร

ถาม : ถ้าอุบาสกอุบาสิกาทุกคนปล่อยวางแล้วพระศาสนาจะเสื่อมไหมครับ ?
ตอบ : เรื่องของศาสนาไม่เสื่อม เป็นเรื่องเฉพาะคน พระพุทธองค์ยืนยันว่า พระศาสนาของพระองค์เหมือนอย่างกับมหาสมุทร ที่ซัดซากศพขึ้นฝั่งอยู่เสมอ เพียงแต่ว่าบางศพลอยลึกไปหน่อย ขึ้นฝั่งช้าไปนิดหนึ่ง เราก็ใจร้อน ไปช่วยกันยำเละเสียก่อน

ต่อให้พระท่านศีลขาด ๕ ข้อ ท่านก็ยังเหลืออีกตั้ง ๒๒๒ ข้อ ซึ่งมากกว่าเราเยอะ ต่อให้ท่านไม่เหลือสักข้อ สิ่งที่ห่มกายท่านอยู่คือธงชัยพระอรหันต์ การที่เราไปปรามาสล่วงเกินด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ มีโอกาสขาดทุนมาก ถ้าดูตัวอย่างพระยาฉัททันต์กับพรานโสณุดร พรานโสณุดรยิงพระยาฉัททันต์ด้วยธนูอาบยาพิษ พระยาฉัททันต์จับตัวได้ เห็นเคียนหัวด้วยผ้าเหลืองก็เลยปล่อยลง แม้จะตำหนิว่าคนอย่างท่านไม่สมควรกับการที่เอาผ้าเหลืองมาพันกาย แต่เห็นแก่ธงชัยพระอรหันต์ จะไม่เอาชีวิต

รายไหนถ้าเรารู้เห็นว่าผิดจริงจัง ก็สามารถเป็นโจทก์ฟ้องได้ ฟ้องต่อผู้บังคับบัญชา หรือ
ถ้าคดีเหล่านั้นเป็นคดีแพ่งหรือคดีอาญา ก็แจ้งความได้ แต่ถ้าไม่รู้ว่าท่านผิดจริงหรือไม่ผิดจริง ก็อย่าเพิ่งไปยุ่ง ไม่อย่างนั้นเราเองอาจจะขาดทุนมาก

ถาม : ใครเป็นพระอรหันต์หรือไม่เป็นพระอรหันต์บางทีเราไม่รู้ บางรูปท่านก็ห้าว บางรูปท่านก็เงียบเรียบร้อย รูปไหนท่านห้าว คนก็อาจจะไปปรามาสหรือว่าตำหนิในใจ ทีนี้เมื่อท่านนิพพานไปแล้วทำอย่างไรจึงจะปลดหนี้สงฆ์ครับ ?
ตอบ : ไม่ได้เป็นหนี้สงฆ์ แต่เป็นโทษในการล่วงเกินพระรัตนตรัย ให้กราบขอขมาต่อหน้าพระพุทธรูป ถ้าท่านมีชีวิตอยู่ เรารู้จริงก็ไปขอขมาตรงกับท่าน แต่ถ้าท่านมรณภาพหรือนิพพานไปแล้ว เราก็ไปกราบขอขมาต่อหน้าพระพุทธรูป

เถรี 14-02-2015 11:30

ถาม : หนี้สงฆ์ประกอบด้วยหนี้อะไรบ้างครับ ที่เราจะต้องสร้างพระหน้าตัก ๔ ศอก ปิดทองเพื่อปลดหนี้ ?
ตอบ : อะไรก็ตามที่เอาไปจากวัด ไม่ว่าจะมีค่ามากหรือมีค่าน้อย ถือว่าเป็นหนี้สงฆ์ทั้งหมด ยกเว้นว่าพระทั้งวัดพร้อมใจกันอนุญาตให้

ถาม : เราเด็ดมะยมในวัดแล้วเจ้าอาวาสอนุญาต ถือว่าเป็นหนี้สงฆ์ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าเป็นมะยมที่ท่านปลูกด้วยตัวท่านเองก็อนุญาตให้ได้ แต่ถ้าไม่ใช่ เป็นของวัดมาแต่เดิม ต้องพระทั้งวัดจึงอนุญาตให้ได้

ถาม : ก่อนตายเราไปชำระหนี้สงฆ์ โดยการสร้างพระขนาดหน้าตัก ๔ ศอก ไปขอขมาต่อหน้าพระพุทธรูปพระประธานในโบสถ์ ถือว่าเราได้ชำระหนี้สงฆ์และถือเป็นการขอขมาพระรัตนตรัยได้อย่างสมบูรณ์ไหมครับ ?
ตอบ : รู้ได้อย่างไรว่าจะตายเมื่อไร ? ต้องมีโอกาสแล้วทำเลย ไม่ใช่รอก่อนตาย ตอนก่อนตายอาจจะคลานไม่ไหวแล้วก็ได้..!

เถรี 14-02-2015 11:34

ถาม : บทสวดมนต์บางบท เช่น บทเมตตา ที่กล่าวว่าทำให้ผู้สวดมีบารมี จริงเท็จประการใดครับ ?
ตอบ : การสวดมนต์ได้สมาธิ สมาธิสูงเท่าไร บุญที่เราได้รับก็มากเท่านั้น การสั่งสมบุญมีมากเท่าไร บารมีก็เพิ่มขึ้นเท่านั้น

ถาม : ถ้าเราสวดเป็นประจำ จะทำให้เรา.. ?
ตอบ : สวดบทไหนก็ได้ ทำไปเถอะ

ถาม : จะทำให้เราเจริญสมาธิได้ดีขึ้นหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : การสวดมนต์เป็นสมาธิอยู่แล้ว ถ้าไม่มีสมาธิเราจะสวดผิด ถ้าคนที่มีความชำนาญจะอาศัยบทสวดมนต์แทนคำภาวนา สามารถทรงฌานในขณะสวดมนต์ได้ ท่านที่ต้องการทิพจักขุญาณ เวลาสวดมนต์ให้นึกถึงอักขระที่เราสวดขึ้นมาเป็นตัว ๆ สามารถเห็นได้ชัดเท่าไร ก็เห็นผีเห็นเทวดาได้ชัดเท่านั้น

ใครที่สามารถยกจิตขึ้นพระนิพพาน ยกจิตขึ้นไปสวดมนต์ถวายพระบนนั้น ถ้าตายตอนนั้นก็ไปพระนิพพานเลย ใครที่สามารถแปลออกว่า คำสวดของเราเป็นคำสอนให้ประพฤติปฏิบัติอย่างไร สามารถปฏิบัติตามนั้นก็สามารถหลุดพ้นจากกองทุกข์ เข้าสู่พระนิพพานได้ ถือว่าเป็นการสวดมนต์ที่ได้ประโยชน์สูงสุด ฉะนั้น..เรื่องของการสวดมนต์ได้สมาธิแน่นอนอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าสมาธิจะสูงจะต่ำ อยู่ที่เราว่าสามารถทำได้แค่ไหน

เถรี 14-02-2015 11:49

ถาม : ครั้งที่พระพุทธเจ้าเสด็จขึ้นไปโปรดพุทธมารดาที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีเทวดามาเข้าเฝ้า ซึ่งเทวดาท่านหนึ่งให้ทานตลอดหมื่นปี ส่วนเทวดาอีกท่านให้ทานกับพระสารีบุตรแค่ครั้งเดียว แต่มีอานิสงส์มากกว่า ถ้าอย่างนั้นทานที่พวกเราทำในครั้งที่เป็นมนุษย์ในพระพุทธศาสนานี้ ก็กินก็ใช้ไม่หมดแล้วสิครับ ?
ตอบ : สำคัญตรงที่ว่า เราทำแล้วเราจะไปกินไปใช้ตอนไหน ถ้าตั้งใจเพื่อพระนิพพานในชาตินี้ก็ยังไม่พอ แต่ถ้าจะเอาสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ก็เหลือกินแล้ว ก็เลือกเอาแล้วกันว่าจะเอาอะไร ?

เทวดาท่านนั้นไม่ได้ใส่บาตรกับพระสารีบุตร ท่านใส่บาตรกับพระอรหันต์ที่ธุดงค์ผ่านไป ๖ รูปด้วยกัน กลายเป็นสังฆทานใหญ่ นอกจากมีอานิสงส์สังฆทานแล้ว ผู้รับยังบริสุทธิ์อย่างแท้จริงด้วย ตัวท่านคือผู้ให้ก็บริสุทธิ์ วัตถุทานที่ท่านให้ก็เป็นของบริสุทธิ์ เจตนาที่ให้ก็บริสุทธิ์ อานิสงส์จึงเต็มที่ ส่วนอีกท่านหนึ่งนั้นให้ทานอยู่ตลอด ๒ หมื่นปี เปิดโรงทานตั้ง ๘๐ โรง เลี้ยงคนทั้งกลางวันกลางคืน แต่เป็นในช่วงที่โลกไม่มีพระพุทธศาสนา คนไม่ได้อยู่ในศีลในธรรม บุญที่ทำจึงดีกว่าทำกับสัตว์เดรัจฉานไม่เท่าไรเอง ต้องบอกว่าท่านเกิดผิดยุค ถ้าเกิดถูกยุค อานิสงส์ที่ท่านทำคาดว่าพระอินทร์สู้ไม่ได้แน่นอน

เถรี 14-02-2015 11:55

ถาม : ถ้าเรานั่งกรรมฐานตอนกลางวัน ๑๐-๑๕ นาที และระลึกถึงนิพพานก่อนนอนไปตลอด จะมีโอกาสเข้าถึงพระนิพพานไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าสามารถรักษากำลังใจมั่นคงแน่วแน่ ไม่เห็นว่าร่างกายนี้หรือโลกนี้เป็นสถานที่น่าสนใจมาเกิดอีก ก็สามารถไปได้ ไม่ต้องถึง ๑๐ นาทีหรอก เอาแค่ ๕ นาทีก็ได้ ให้เว้นได้จริง ๆ เท่านั้นแหละ ทำให้สม่ำเสมอทุกวัน

ส่วนใหญ่ "พุท" ไม่ทันจะ "โธ" ก็ฟุ้งซ่านแล้ว ยิ่งสมัยนี้โอกาส "พุทโธ" ไม่ค่อยจะมีหรอก เพราะมัวแต่นั่งเขี่ยจออยู่ โดนแย่งเวลาไปหมด..!

เถรี 14-02-2015 11:58

ถาม : คนบางคนมีโอกาสได้ทำบุญสำคัญในพระพุทธศาสนา ได้สร้างโบสถ์ที่ยิ่งใหญ่ ได้มีโอกาสทำบุญกับพระอรหันต์ กับพระผู้มีพระภาคเจ้า ด้วยบุญด้วยกุศลอะไรครับที่ทำให้เรามีโอกาสได้ทำบุญใหญ่ ๆ อย่างนั้น ?
ตอบ : ทำดีในอดีตแล้วอธิษฐานตั้งความปรารถนาอย่างนั้นไว้ ปัจจุบันจึงมีโอกาสได้ทำเช่นนั้นบ้าง แต่ถ้าทำชาตินี้แล้วหวังต่อไปว่าจะได้ทำอย่างนั้น ก็แปลว่าต้องเกิดแล้วก็ทุกข์อีก เลือกเอาแล้วกันว่าอยากทำอย่างนั้นไหม ? ถ้าอยากทำอย่างนั้นก็ทำบุญใหญ่ แล้วอธิษฐานขอไปเกิดแล้วให้ได้ทำอย่างนั้นบ้าง ส่วนใหญ่เวลาย้อนดูอดีต แต่ละท่านล้วนแต่ทำกุศลใหญ่แล้วตั้งจิตอธิษฐานเพื่อสิ่งนั้น ๆ เสมอ ฉะนั้น..อธิษฐานบารมีตัวนี้จึงส่งผลให้ท่านได้ทำในสิ่งที่ตั้งใจเอาไว้

เถรี 14-02-2015 12:07

ถาม : หนูนอนไม่หลับค่ะ
ตอบ : นอนไม่หลับ แต่อาตมานี่หลับแต่ไม่ได้นาน เอาเป็นว่าไปหาต้นไมยราบมาสัก ๔-๕ ต้น ล้างให้สะอาด ทั้งต้นทั้งรากใส่หม้อต้มกินแทนน้ำไปเลย คราวนี้จะนอนไม่ค่อยอยากจะตื่น ไมยราบโบราณเขาเรียก "กระทืบยอบ" เพราะสะเทือนแล้วใบจะหุบ

ถาม : แกงขี้เหล็ก ?
ตอบ : ขี้เหล็กก็ช่วยได้จ้ะ แต่ต้องมื้อเย็น ยกเว้นถ้าไม่กินมื้อเย็นก็ต้องมื้อกลางวัน

ถาม : ต้องกินเรื่อย ๆ ?
ตอบ : เรื่อย ๆ ช่วยผ่อนคลาย นอกจากนอนได้ดีแล้วก็ยังทำให้ถ่ายสะดวก เพราะขี้เหล็กเป็นยาระบายด้วย

ไม่ต้องไปใส่ใจหรอก อะไรที่เคยทำมา อาตมาปลงเสียแล้ว ตัวเองที่นอนไม่ค่อยได้ เวลานอนต้องมีคนกวนให้ตื่น เพราะสมัยก่อนไปรบกวนข้าศึกไม่ให้หลับไม่ให้นอน ตัวเองจะได้ไปตีเขาได้ง่าย อาศัยคนแค่ไม่กี่คนหรอก ส่งเสียงดังเอะอะโวยวายให้เขาคิดว่าจะเข้าตี พวกนั้นก็ตาลีตาเหลือกลุกมาป้องกัน ถึงเวลาเราก็ไปนอน พอเขาจะนอนเราก็มากวนใหม่ ไปทำเขาไว้แบบนี้ ถึงเวลาจะนอนจึงโดนกวนตลอด

เถรี 14-02-2015 17:34

ถาม : โยมมาทำบุญอุทิศให้กับผู้เกิดอุบัติเหตุตายหมู่ ?
ตอบ : พวกนี้เขาโชคดีอยู่อย่างหนึ่งว่าตายก่อนอายุ เราจะทำบุญอะไรไปให้เขาโมทนาได้หมด จะว่าเขาตายไม่ดีก็ไม่ได้หรอก ต้องถือว่าเป็นความโชคดีอย่างหนึ่ง

ถาม : เป็นกรรมอะไรคะ ?
ตอบ : ส่วนใหญ่ก็ปาณาติบาต ฆ่าคนหรือสัตว์ใหญ่ไว้ แล้วก็ไปทำพร้อม ๆ กัน ถึงเวลาก็โดนคืนพร้อม ๆ กัน

เถรี 14-02-2015 17:34

ถาม : คนที่มีนิสัยอาฆาตพยาบาท ทำกรรมอะไรมาคะ ?
ตอบ : พวกนี้อยู่ที่สภาพจิตของเขา ไม่ใช่เรื่องของการสร้างเวรสร้างกรรม ถ้าหากว่าสภาพจิตไม่ยอมให้อภัยคน ก็จะอาฆาตพยาบาทไปเรื่อย จนกว่าเขาจะเห็นทุกข์เห็นโทษของความอาฆาตแล้วคิดได้เอง ว่าจะอาฆาตหรือไม่อาฆาต อีกฝ่ายเขาก็มีทุกข์เป็นปกติอยู่แล้ว อาฆาตหรือไม่อาฆาตอีกฝ่ายเขาก็ต้องป่วยต้องตายเป็นปกติอยู่แล้ว ถ้ามีปัญญามาถึงระดับนี้ก็จะค่อย ๆ เลิกอาฆาตไปเอง

เถรี 14-02-2015 19:05

ถาม : เหล็กไหลคืออะไรครับ ?
ตอบ : เหล็กไหลคือโลหะธาตุอย่างหนึ่ง ที่เกิดจากการผสมผสานของแร่ธาตุโดยธรรมชาติ แต่ในส่วนที่ผสมผสานเข้าไปนั้น มีวิญญาณคือเครื่องรับความรู้สึกด้วย ก็เลยทำให้มีความรู้สึก กินได้ หนีได้ เพียงแต่ขาดดวงจิตที่เป็นธาตุรู้เท่านั้น ถ้ารออีกสักหน่อยก็อาจจะมีธาตุรู้เข้าไปผสมด้วย กลายเป็นตัวเป็นตนกำเนิดมนุษย์ขึ้นมาใหม่ แต่ก็อีกนานเหลือเกิน นานจนประมาณไม่ได้

เพราะฉะนั้น..การกำเนิดมนุษย์จากธรรมชาติก็ยังคงมีการกำเนิดเป็นปกติ เพราะพวกบรรดาธาตุ ๆ ต่างในจักรวาลโคจรหมุนเวียนชนกันไปผสมกันมา ท้ายสุดก็เกิดขึ้นมาเป็นธาตุโน้นธาตุนี้ เพียงแต่ว่าความเป็นมนุษย์ของเรามีธาตุรู้อยู่ด้วย การมีต้นธาตุคือตัวพ่อตัวแม่อยู่ทำให้เกิดได้ง่ายกว่า ทางการเกิดแบบธรรมชาติด้านโน้น อีกกี่หมื่นกี่แสนล้านปีก็ไม่รู้กว่าที่จะได้สักคน

ถามว่ายังมีไหม ? มี..ยังมีเกิดขึ้นเรื่อย ๆ เพียงแต่ว่าในช่วงอายุของเราคงไม่ได้เห็นการเกิดขึ้นหรอก พวกนี้เวลาเกิดขึ้นมาก็อยู่ในลักษณะของโอปปาติกะคือ พอได้ธาตุครบก็ผุดขึ้นมาเลย อย่างที่โบราณเขาว่าเกิดในกระบอกไม้ไผ่ ในพระไตรปิฎกก็มีนางเวฬุวดีเกิดในกระบอกไม้ไผ่ นางจิญจมาณวิกาที่มาผจญพระพุทธเจ้านั้นเกิดในโพรงต้นมะขาม


ถาม : ทำไมดวงจิตถึงเลือกธาตุมาเกิดแบบนั้น ?
ตอบ : เขาไม่ได้เลือก ธรรมดาเป็นอย่างนั้นเอง ผสมผสานกันไปเรื่อย ๆ แล้วมีธาตุรู้เข้าไปชนด้วยก็สำเร็จขึ้นมา เหมือนกับแร่ธาตุใต้โลกของเรา หมุนไปหมุนมา โดนหลอมไปหลอมมาก็เป็นธาตุโน้นบ้างธาตุนี้บ้าง

เถรี 14-02-2015 19:11

ถาม : โลกมีกี่จักรวาลครับ ?
ตอบ : มีนับไม่ถ้วนเลย ถ้าในมงคลจักรวาลที่อยู่ในสุริยจักรวาลของเรานี้ ก็มีอยู่แค่ ๔-๕ โลกนี้แหละ การนับจักรวาลของทางวิทยาศาสตร์กับการนับจักรวาลของทางพุทธศาสนา บางทีก็ตรงกันบ้างไม่ตรงกันบ้าง เพราะว่ามนุษย์เราศึกษาไปแค่สุดสายตาที่เห็น ก็คือใช้กล้องส่อง แต่ว่าทิพจักขุญาณของพระพุทธเจ้าไม่มีอะไรบดบังได้ พระองค์ท่านจึงรู้ได้ละเอียดกว่า ถึงขนาดกำหนดว่าจักรวาลขนาดเล็กประกอบไปด้วยดวงดาวแค่นี้ มีโลกธาตุเท่านี้ จักรวาลขนาดกลางมีเท่านี้ จักรวาลขนาดใหญ่มีเท่านี้ พระองค์ท่านบอกไว้ละเอียดมากเลย

เถรี 14-02-2015 19:14

ถาม : คำว่าโลกธาตุคืออะไรคะ ?
ตอบ : โลกธาตุในพระไตรปิฎก คือโลกที่มีสิ่งมีชีวิตอยู่ เพราะว่าจักรวาลประกอบไปด้วยดวงดาวที่มีทั้งมนุษย์และสัตว์และที่ไม่มี อย่างสุริยจักรวาลของเราก็ถือว่าเป็นจักรวาลหนึ่ง แต่ว่าในทางพุทธศาสนาเป็นเพียงส่วนประกอบส่วนเดียวเท่านั้น ยังไม่ใช่จักรวาลแท้ที่พระพุทธเจ้าท่านกล่าวถึง ถ้าสุริยจักรวาลยังเป็นแค่เสี้ยวเดียว แล้วลองคิดดูว่ามหาจักรวาลจะใหญ่ขนาดไหน ? มีตั้งหนึ่งแสนโลกธาตุ

ถาม : จักรวาลใหญ่ที่พระพุทธเจ้าบอก ที่อื่นก็ลักษณะคล้ายกับเรา ?
ตอบ : ก็คล้าย ๆ กันหมด เพียงแต่ว่าความหยาบความประณีตขึ้นอยู่กับสิ่งที่เขายึดถือปฏิบัติกัน ถ้าจิตใจอ่อนโยนก็มักจะสวยงาม ถ้าจิตใจโหดร้ายก็มักจะหน้าตาดูไม่ได้ ของบ้านเรานี่ผสมปนเปกันหมด


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 01:04


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว