กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   ซัวสะเดย..เนียงลออ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=59)
-   -   ซัวสะเดย..เนียงลออ ตอนที่ ๘ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=4189)

สุธรรม 26-11-2014 02:24

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1416946210
รอยพระพุทธบาทประดิษฐานซ้อนรอยพระพุทธบาท

ทุกมิติเหมือนกับพระพุทธบาทจำลองของวัดท่าขนุน แต่เป็นที่น่าเสียดายว่ารอยพระพุทธบาทของวัดท่าขนุนนั้น ยกออกมาให้คนปิดทองทุกวันมาฆบูชา ทำให้เกิดการชำรุดจนขอบฐานด้านล่างบิ่นไปเล็กน้อย และ รอยกงจักรกลางพระบาทที่ทำเป็นดอกจันทน์ถอดได้นั้น หลุดหายไปในสมัยท่านอาจารย์สมพงษ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนรูปก่อนอาตมานี่เอง...

พี่ปราณีที่ไม่รู้เรื่องของรอยพระพุทธบาทวัดท่าขนุนมาก่อน ถามผู้ดูแลหนุ่มใหญ่เหมือนกับรู้ใจอาตมาว่า "เป็นรอยพระพุทธบาทเก่าใช่ไหม ?" อีกฝ่ายรีบบอกว่าเป็นของที่สร้างมาตั้งแต่สมัยนครวัด มีอายุนับพันปี ฮ่า..มั่วแล้วลุง..! นครวัดเป็นศาสนสถานของฮินดู จะสร้างรอยพระพุทธบาทไปทำไม ? นอกจากลุงตั้งใจจะ "เพิ่มราคา" ให้กับรอยพระพุทธบาท ว่าเก่ากว่าของจริงอีกเป็นร้อยปีเท่านั้น...

เท่านี้ก็เป็นที่ปีติยินดีมากแล้ว เพราะได้รู้ว่ารอยพระพุทธบาทวัดท่าขนุนมีที่มาที่ไปอย่างไร ? พวกเรากราบสักการะ สวดมนต์ถวายเป็นพุทธบูชา ถ่ายรูปแล้วบริจาคเงินใส่ตู้กันตามอัธยาศัย จากนั้นเดินหลบนักท่องเที่ยวฝรั่งที่เข้ามาถ่ายรูปรอยพระพุทธบาทออกไปด้านนอก "ยายจ้อ" พาเดินตรงไปยังมุมหนึ่งของทางเดิน ซึ่งมีแผ่นหินอ่อนเหมือนกับอนุสาวรีย์ของอะไรสักอย่าง...

สุธรรม 27-11-2014 01:52

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1417030725
ตราแผ่นดินกัมพูชา

"นี่เป็นตราแผ่นดินกรุงกัมพูชาเจ้าค่ะ สร้างขึ้นในต้นรัชสมัยสมเด็จพระนโรดมสีหนุ ต่อมาสมเด็จพระนโรดมสุรามฤต พระราชบิดาของสมเด็จพระนโรดมสีหนุขึ้นครองราชย์ ทรงตำหนิว่าใช้ภาษาต่างชาติในตราแผ่นดิน จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใหม่ ของเก่าจึงถูกอัญเชิญมาประดิษฐานไว้ที่นี่เจ้าค่ะ" เมื่อเห็นอาตมาทำท่า "มึนตึ๊บ" คุณเธอก็รีบบรรยายต่อว่า...

"สมเด็จพระนโรดมสีหนุสละราชสมบัติถวายพระราชบิดาเจ้าค่ะ เป็นการสืบสันตติวงศ์กลับหลังที่ไม่เหมือนใครในโลก จนสมเด็จพระนโรดมสุรามฤตสิ้นพระชนม์แล้ว สมเด็จพระนโรดมสีหนุจึงขึ้นครองราชสมบัติอีกวาระหนึ่ง พระราชมารดาของสมเด็จพระนโรดมสุรามฤตเป็นชาวสยามนะเจ้าคะ ชื่อเจ้าจอมมารดาเอี่ยม เป็นหลานของเจ้าพระยาอภัยภูเบศวร์ (แบน) เจ้าค่ะ"

ยิ่งฟังก็ยิ่งมึนหนักเข้าไปอีก ตูยิ่งตกประวัติศาสตร์เขมรอยู่ด้วย เข้าไปดูใกล้ ๆ เห็นว่าตราแผ่นดินนี้คล้ายกับตราแผ่นดิน "สยาม" มีภาษาอังกฤษเขียนทับศัพท์ว่า "เพรียะเจ้ากรุงกัมปูเจีย" ลักษณะลายเส้นเหมือนกับร่างโดยฝีมืออองรี มูโอต์ แกะลงบนแผ่นหินอ่อนไม่ลึกนัก คาดว่าคงตั้งใจติดเอาไว้ในพระบรมมหาราชวัง แต่ตกกระป๋องมาตั้งอยู่ใต้ต้นไม้นี้แทน...

สุธรรม 28-11-2014 00:59

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1417113919
พระปรางค์ที่ข้างในเป็นพระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ

พวกเราชมตราแผ่นดินและถ่ายรูปกันแล้ว ก็ย้อนกลับลงมา เดินวนทักษิณาวรรตรอบเนินไปทางอุโบสถพระแก้ว มีอาคารหน้าตาเหมือนศาลาการเปรียญหลังหนึ่ง ด้านบนมีภาพพระพุทธเจ้าแกะสลักบนแผ่นไม้ทาสีทอง เป็นปางแปลก ๆ เหมือนกับให้ปัจฉิมโอวาทก่อนปรินิพพาน อีกภาพเป็นปางปฐมเทศนา แต่ประทับนั่งใต้ต้นโพธิ์แสดงธรรมจักรต่อปัญจวัคคีย์ สงสัยว่าคนแกะสลักคงจะค่อนข้างสับสนกับชีวิต ถึงได้แกะออกมาในลักษณะอย่างนี้...

ตรงหน้าภาพแกะสลักทั้งสองภาพ มีชั้นไม้ค่อนข้างประณีต ตั้งพระพุทธรูปทั้งเล็กและใหญ่ไว้หลายสิบองค์ ทางด้านขวาของศาลาการเปรียญเยื้องไปด้านหน้า ใกล้กับอุโบสถพระแก้ว มีพระปรางค์ลักษณะเหมือนกับพระปรางค์สามยอดที่ลพบุรี แต่พระปรางค์องค์นี้มียอดเดียว เปิดโล่งทั้งสี่ด้าน มีบันไดให้ขึ้นไปถึงข้างบนได้ เมื่ออาตมาขึ้นไปถึงจึงเห็นว่าเป็นพระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ตั้งอยู่บนฐานบัว ทั้งองค์พระเจดีย์และฐานบัว เป็นปูนปั้นทาสีทองเอาไว้ แต่ถูกฝุ่นจับจนค่อนข้างจะเก่าแล้ว...

กราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุแล้ว อาตมาก็เดินตามนักท่องเที่ยวทั้งหลายไป โดยมีคณะของเราตามมาเป็นพรวน ผ่านต้นสาละลังกาที่ออกดอกเต็มต้น ส่งกลิ่นหอมหวนไปไกล ใต้ต้นสาละเป็นพระพุทธรูปนาคปรกแกะสลักจากหินทราย ตั้งอยู่กับพื้นดินเลย มีแจกันดอกไม้ ๑ คู่กับกระถางธูปรูปกลีบบัวอีก ๑ ใบวางอยู่ข้างหน้า...

สุธรรม 29-11-2014 01:34

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1417202393
ศิวนาฏราชในห้องพิพิธภัณฑ์

ด้านซ้ายมือของต้นสาละ เป็นระเบียงคดที่มีข้าวของเครื่องใช้ในพระราชพิธีต่าง ๆ เช่น คันไถสำหรับงานจรดพระนังคัล (แรกนาขวัญ) ราชวัตร บังสูรย์ บังแทรก พัดโบก เป็นต้น ถัดไปเป็นกองเสาและคานไม้เก่า ๆ น่าจะรื้อมาจากพระตำหนักหลังใดหลังหนึ่ง แล้วใช้งานไม่หมด จึงเอามากองรวมกันไว้ที่นี่ สุดทางระเบียงคดเป็นห้องโถงใหญ่ มีนักท่องเที่ยวเดินเข้าไปไม่น้อย แต่ก็มีอีกจำนวนมากที่เดินเลยไป อาตมาขี้สงสัยอยู่แล้ว จึงเดินตามเข้าไปในห้องโถงบ้าง...

เจ้าหน้าที่เรียกตรวจ "สลากบัตร" เมื่อเห็นว่าพวกเรามีตั๋วเข้าชมกันแล้วทุกคน ก็ปล่อยให้เข้าไปข้างใน ตรงกลางห้องเป็นรูปหล่อสัมฤทธิ์ "ศิวนาฏราช" องค์ใหญ่ สวยงามสุดใจขาดดิ้น นอกจากศิลปะอันอ่อนช้อยงดงามแล้ว ยังได้ศูนย์ชนิดที่องค์เทวรูปขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนฐานเล็กประมาณ ๒ ฝ่ามือเท่านั้น ซ้ำเขายังอวดฝีมือด้วยการยกองค์เทวรูปตั้งไว้บนลูกกลึงไม้อีกทีหนึ่ง ให้เห็นชัด ๆ ไปเลยว่าศูนย์ดีถึงขนาด เนื้อโลหะสัมฤทธิ์ก็สวยฉ่ำติดตาติดใจ เห็นแล้วอยากอุ้มกลับไปเมืองไทยเดี๋ยวนั้นเลย..!

ด้านหลังองค์ศิวนาฏราช เป็นแท่นไม้สามชั้น ตั้งเทวรูปพระพิฆเณศวร์และพระนารายณ์หลายองค์ ชั้นบนสุดเป็นพระพุทธรูปศิลปะขอมทรงเครื่อง ขนาดหน้าตักประมาณ ๙ นิ้ว แต่ว่าโดนเทวรูปพระศิวะ "ขโมยซีน" ไปจนหมด ทั้งศิลปะการออกแบบ ทั้งเนื้อโลหะสู้กันไม่ได้เลย จนคนแทบจะไม่สนใจเทวรูปองค์อื่น ๆ บนชั้น เอาแต่รุม "ถอดรูป" ขององค์ศิวนาฏราชเป็นการใหญ่ ได้เห็นแค่เทวรูปพระศิวะองค์นี้องค์เดียว ก็คุ้มกับที่มากัมพูชาแล้ว..! จะถาม "ยายจ้อ" ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร ? เธอก็ "หายศีรษะ" ไปไหนไม่รู้ ? ทั้งเจ้านายทั้งลูกน้อง ชอบทำตัวเป็น "นินจา" เหมือนกันหมด...

สุธรรม 30-11-2014 02:52

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1417293468
ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองกัมพูชา

ถัดมามีรูปปั้นช้างเผือกเชือกใหญ่เท่าช้างจริง ๆ อยู่กลางห้อง ลูกปุ๊กวิ่งเข้าไปขอให้แม่ป๋อมช่วยถ่ายรูปกับช้างเผือกให้ด้วย รอบข้างเป็นกูบและสัปคับสำหรับผูกบนหลังช้างแบบต่าง ๆ มีทั้งแบบเปิดเหมือนกับเตียงโล่ง ๆ แบบมีหลังคาปิดทั้งทรงจั่วและทรงโค้ง แบบเปิดประกอบอาวุธและสัปทนสำหรับออกรบ แบบมณฑปทรงสูง น่าจะเอาไว้อัญเชิญพระพุทธรูปไปบนหลังช้างเวลามีเทศกาลงานพิธีสำคัญ...

สุดห้องก็เป็นทางออกพอดี เดินต่ออีกนิดเดียวก็พ้นกำแพงพระราชวังออกมายังท้องถนน ช่วงเวลานี้ถนนค่อนข้างจะโล่ง เมื่อพวกเราเดินข้ามถนนไปยังที่จอดรถ อาตมาจึงหยุดถ่ายรูปกลางถนนได้เลย พี่ปราณีชี้ไปยังอาคาร "ทรงไทย" สวยงาม หลังไม่ใหญ่นัก ๒ หลัง ที่อยู่ติดริมแม่น้ำโขง บอกว่า "ไปไหว้เจ้าพ่อหลักเมืองกันก่อนค่ะ" ว่าอะไรว่าตามกันอยู่แล้ว พวกเราจึงเดินไปยังอาคารหลังทางขวามือ (เมื่อหันหน้าลงแม่น้ำโขง) ก่อน...

รอบเทวาลัย "ทรงไทย" เล็ก ๆ หลังนี้ มีรั้วปูนปั้นล้อมรอบ เปิดช่องให้เข้าได้ทั้งสี่ทิศ ข้างในมีเทวรูปพระนารายณ์องค์ใหญ่ สูงเกือบจรดเพดาน ปกติรูปปั้นพระนารายณ์ จะมี ๔ หรือ ๘ กร แต่องค์นี้กลับเลือกมัชฌิมาปฏิปทามี ๖ กรแทน ทั้งซ้ายขวาขององค์เทวรูปเป็นเทพบริวารที่นั่งแปะอยู่กับพื้น ตรงหน้าเทวรูปเป็นเครื่องบูชามากมาย ทั้งมะพร้าวอ่อนที่มีดอกบัวปักอยู่ผลละ ๓ ดอก กล้วยน้ำว้า และดอกบัวที่อยู่ในแจกันดินเผาขนาดเกือบโอบ แถมยังมีถังอะลูมิเนียมอีก ๒ ใบ ตั้งไว้รอรับดอกบัวได้อีกมาก...

สุธรรม 01-12-2014 03:42

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1417380111
เกือบโดนฟาด "กบาล" ด้วยพระขรรค์ไปแล้ว..!

"อยู่ที่นี่ "ท่านพี่" กินเจหรือ ?" อาตมากำหนดใจถาม "ฮ่วย..ทำอย่างกับท่านไม่รู้ว่าฮินดูเขาถือมังสะวิรัติ..!" อยู่เขมรแต่ "ท่านพี่" เล่นภาษาลาวนำประโยคมาเลย "เห็นเวลาที่พวกผมทำบวงสรวง มีทั้งไก่ต้ม มีทั้งหัวหมู ก็เลยนึกว่า "ล่อ" มังสะเป็นปกติ" อีกฝ่ายถอนฉิว เกือบจะฟาดกบาล (คำนี้เป็นภาษาขแมร์แท้ ๆ เลย) อาตมาด้วยพระขรรค์เข้าแล้ว..!

"ใครจะไปกินวะ ? นั่นเป็นการกำหนดเพื่อแยก "สาย" การสงเคราะห์ให้ชัดเจนเท่านั้นโว้ย..! ถ้าทั่ว ๆ ไปส่วนมากก็ใช้เครื่องบูชาเหมือนกับที่นี่" อยู่ "ข้างบน" ท่านเป็นใหญ่เป็นโต แต่ดันมี "ไอ้น้อง" ที่ไม่ค่อยรู้จักที่สูงที่ต่ำคอยกวนอยู่เรื่อย ขืนถามซอกแซกต่อ อาจจะโดน "พระบาท" อันเป็นมงคลเข้าก็ได้ อาตมาจึงตั้งใจอุทิศส่วนกุศลไปให้ "ท่านพี่" และบริวารทั้งหมด ขณะที่พี่ปราณีกับพี่วิไลนำพวกเราไปซื้อเครื่องบูชามาไหว้ขอพรกัน...

อาตมาไม่รอคณะเพราะรู้ว่านานแน่ ๆ จึงตรงไปยังอีกเทวาลัยหนึ่ง "ท่านพี่" ดันเดินตามมาด้วย "เฮ้ย ๆ..! เล่นเดินตามมาแบบนี้แล้วพวกน้อง ๆ เขาจะไหว้ใคร ?" อาตมาประท้วง "ก็ไหว้รูปปั้นไปก่อนสิวะ..เอ๊ย..สิครับ" ท่านตอบมาหน้าตาเฉย นาน ๆ ผู้ใหญ่ขนาด "ท่านพี่" จะได้ "อู้งาน" เสียที มิน่าล่ะ.."ยายจ้อ" ถึงได้ "หายศีรษะ" ไป ก็เจ้านายของเจ้านายมาเองแบบนี้ ใครจะอยู่ให้เสียเวลาโดยใช่เหตุ เป็นอาตมาก็หลบไปนอนเหมือนกันแหละ...

สุธรรม 02-12-2014 02:05

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1417460694
กลัวคนไม่รู้ว่าเป็นใคร จึงมาเหมือนกับรูปปั้นเลย

เทวดาในชุดขาวระยิบระยับ ๓ องค์ ออกจากเทวาลัยมาต้อนรับ น้อมตัวไหว้อาตมาอย่างนอบน้อม แล้วหันไปไหว้ "ท่านพี่" อย่างงาม อีกฝ่ายโบกพระหัตถ์เป็นเชิงว่า "ไปทำหน้าที่ต่อ" จึงหายกลับเข้าไปในเทวาลัยตามเดิม "ลูกพี่" อู้งาน แต่บังคับให้ลูกน้องทำงาน ไม่ยักมีปากมีเสียงบ้าง "จะมีก็ได้นะ..ตูจะได้ส่งไปเฝ้า "ถานพระ (ห้องส้วมสำหรับพระ)" ให้เข็ด" แบบนั้นก็โหดเกินไป๊..!

ทางด้านนี้แทบจะหาคนไม่ได้เลย แสดงว่าโดน "ท่านพี่" ขโมยซีนไปหมด พอเข้าไปด้านในเทวาลัย เห็นทั้งสามท่านยืนพนมมือต้อนรับ "จุมเรียบซัว..โลกเอิว สุขเพียบลออ" อาตมารับ "พร" ที่ถือว่าเป็นการ "ประทานพร" จริง ๆ เห็นข้างในเป็นรูปปั้นเจ้าที่นั่งเรียงกัน ๓ องค์ องค์กลางไว้หนวดเฟิ้ม ถือตะพดอันใหญ่ พ่อเจ้าประคุณองค์กลางที่ยืนต้อนรับ หน้าตาเหมือนรูปปั้นกับอย่างกับแกะ เพียงแต่ไม่ได้ถือตะพดเท่านั้น "ต้องทำหน้าเหมือนขนาดนี้เลยหรือ ?" อาตมาถาม...

"เผื่อว่ามีใครที่ "เห็น" พวกกระผมจริง ๆ จะได้รู้ว่าเป็น "ตัวจริง" ขอรับพระคุณท่าน" เฮ้อ..เป็นเทวดาก็ยังลำบากขนาดนี้ โดนมนุษย์ขี้เหม็นเคี่ยวเข็ญอยู่ทุกวัน "ท่านพี่" ถึงได้ฉวยโอกาส "อู้งาน" แบบถูกกฎหมาย อ้างว่าต้องพาน้องเที่ยวอะไรประมาณนั้น ปกติเทวดาเขาจะใส่ชฎาบ้าง พระเกี้ยวบ้าง รัดเกล้าบ้าง แต่เทวดาแถวนี้จนแฮะ..ไม่มีใครใส่เลยสักองค์เดียว แม้แต่ "พี่ตู" ก็ไม่มี "เป็นการแสดงความเคารพต่อพระคุณท่านขอรับ จึงไม่ได้ใส่มา" อีกฝ่ายชี้แจง "บอกไปเลยว่ากลัวโดนท่านขโมย เลยไม่ได้ใส่มา..!" ลูกพี่ยุส่ง แต่ลูกน้องไม่กล้า ได้แต่ยิ้มกระเรี่ยกระราดแบบไม่แน่ใจ วันนี้ลูกพี่อยู่ในอารมณ์ไหนก็ไม่รู้ ?

สุธรรม 03-12-2014 11:50

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1417582001
โขงสีปูน โตนเลบาสักสีคราม

พอดีพี่ปราณีพาพวกเรามาถึง พร้อมเครื่องบูชาคนละกำสองกำ ไหว้และอธิษฐานกันตามอัธยาศัย โดยเฉพาะพี่ปราณีกับพี่วิไล ที่อธิษฐานแบบเอาจริงเอาจัง ดูจากสีหน้ายิ้ม ๆ ของบรรดา “ผู้ประสาทพร” ทั้งหลายแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าพร้อมจะให้ทุกอย่างตามที่ขอหรือเปล่า ?

เมื่อถวายเครื่องบูชาเสร็จแล้ว พี่ปราณีก็หันมาบอกกับพวกเราว่า “เดี๋ยวพี่จะพาไปไหว้พระพรหมที่สถานทูตไทย พี่เป็นคนไปสร้างเอาไว้เอง ก่อนที่สถานทูตไทยจะโดนเผา “โกเฮง” ได้บอกกับพี่ว่า ฮวงจุ้ยของสถานทูตไทยมีธาตุไฟมากเกิน จะเกิดไฟไหม้เข้าสักวัน พี่บอกกับท่านทูตแล้ว แต่ท่านเป็นคนสมัยใหม่ ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ พอสถานทูตโดนเผาถึงได้ยอมรับ ติดต่อให้พี่พา “โกเฮง” มาดูและแก้ไขให้ “โกเฮง” ให้เพิ่มศาลเพื่อประดิษฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกจุดหนึ่ง ทางสถานทูตต้องรองบประมาณ พี่เลยเป็นเจ้าภาพสร้างศาลพระพรหมให้เอง”

คุณณรงค์บอกว่า “ทุกคนรออยู่แถวนี้แหละครับ ผมจะไปเอารถมารับ” ว่าแล้วก็เร่งเดินไปที่รถ อาตมากล่าวคำอำลา “ท่านพี่” กับ “ลูกน้อง” ทั้งหลายที่ทำท่าอาลัยอาวรณ์ เพราะยังอู้งานได้ไม่เท่าไร ขอบคุณที่ทุกท่านช่วยสงเคราะห์ แล้วหันไปตะโกนเรียกแม่ป๋อม ซึ่งชะเง้อชะแง้ถ่ายรูปอยู่ริมฝั่งโขง จนแทบจะตกลงไปในน้ำอยู่แล้ว คุณแม่เดินกลับมาแบบไม่ค่อยยินยอม เพราะยังถ่ายรูปไม่ได้อย่างใจเลย...

สุธรรม 04-12-2014 11:53

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1417668779
บ้านของท่านนายกรัฐมนตรีแห่งกัมพูชา

เมื่อขึ้นรถกันครบคนแล้ว คุณณรงค์ก็พารถตู้ออกจากลานจอดรถ ตัดการจราจรขึ้นสู่ถนน “หน้าพระลาน” มุ่งตรงไปยังวงเวียนที่เป็นรูปพระปรางค์ขนาดใหญ่ ซึ่งก็คืออนุสาวรีย์แห่งอิสรภาพ ที่ภาษาขแมร์เรียกว่า "วิเมียนเอกะเรียด" หรือวิมานเอกราชในภาษาไทยนั่นเอง พี่ปราณีชี้ให้ดูบ้านสี่ชั้นทรงเสปนหลังคากระเบื้อง “ซีแพ็ก” สีน้ำตาลดำ ที่หน้าบ้านกว้างสาม “ห้อง” มีสองชั้น แล้วมีหลังคายกระดับขึ้นไปเป็นชั้นที่สาม จากนั้นเป็นหลังคายกระดับขึ้นไปเป็นชั้นที่สี่อีกชั้นหนึ่ง จนเหมือนกับเอาบ้านสามหลังมาปลูกติดกันเป็นหลังเดียว พลางบอกว่า...

“นี่คือบ้านของท่านสมเด็จเดโช ฮุนเซน พี่เคยมาหลายครั้งแล้ว ถ้าท่านจัดงานอย่างเป็นทางการ จะไปจัดที่ทำเนียบรัฐบาล แต่พวกงานวันเกิด งานฉลองปริญญาของลูก ท่านจะจัดที่นี่ อย่าคิดว่าหลังใหญ่นะ บ้านของเลขาฯ กำนัน... (คนดังแห่งภาคตะวันออก) ...ใหญ่กว่านี้หลายเท่า เชื่อกันว่ากำนัน...หนีมากบดานอยู่ที่บ้านเลขาฯ นี่แหละ..” แหะ..แหะ..พี่จ๋า..เอาไอ้ที่ไกล ๆ ลูกปืนหน่อยจะดีกว่าจ้ะ เดี๋ยวเจออาวุธสงครามเข้าแล้วจะยุ่ง..!

เพิ่งคุยกันได้ไม่กี่ประโยค คุณณรงค์ก็นำรถชิดเลนซ้ายที่หน้าประตูรั้วแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นกำแพงก่ออิฐสูงประมาณ ๒ เมตร ช่วงบนเป็นเหล็กยื่นยาวขึ้นไปอีกเป็นเมตร ดูแล้วโปร่งตาแต่กลับปลอดภัยอย่างคาดไม่ถึง เพราะว่าน้อยคนนักที่จะปีนเหล็กเปล่า ๆ เรียบ ๆ ขึ้นไปได้ พี่ปราณีพูดใส่โทรศัพท์มือถือว่า “อยู่หน้าสถานทูตแล้วค่ะ รบกวนพี่ช่วยให้คนเปิดประตูให้หนูหน่อยค่ะ”...

สุธรรม 05-12-2014 17:49

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1417776559
ท่านทูตพาณิชย์ประจำประเทศกัมพูชาให้การต้อนรับ

ครู่ต่อมาประตูหน้าก็เลื่อนเปิดออก แต่..เพิ่งเลี้ยวรถเข้าไปก็เจอประตูเหล็กโปร่งอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งมีป้อมยามรักษาการณ์อยู่ด้วย เจ้าหน้าที่เอาเครื่องตรวจวัตถุระเบิดไปกวาดหาที่ใต้ท้องรถโดยรอบ “นี่..พ่อคุณเถอะ..ระเบิดอยู่ในตัวอาตมานี่ ไม่ใช่อยู่ที่ใต้ท้องรถ..!” อาตมาหยอกเล่น แม่ป๋อมทำหน้าพิกล “อยู่ดีไม่ว่าดี..เดี๋ยวก็โดนเขาจับแก้ผ้าตรวจหรอกค่ะ” ก็แค่อยากลองดูว่าเขาจะเอาจริงเอาจังแค่ไหนเท่านั้นเอง...

เมื่อเดินกวาดรอบแล้วเห็นแต่ขี้ฝุ่นใต้ท้องรถ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็พูดใส่วิทยุ แล้วประตูเหล็กชั้นที่ ๒ ก็เลื่อนเปิดออกโดยอัตโนมัติ นี่แปลว่าถึงอาตมาจะจับพ่อเจ้าประคุณคนนี้ไว้ แล้วบังคับให้เปิดประตูก็ไม่มีทางสำเร็จ เพราะคนเปิดดันไปอยู่ด้านในโน่น คุณณรงค์จอดรถตู้เมื่อเข้าไปในประตูชั้นที่ ๒ แล้วเปิดประตูให้อาตมากับคณะลงจากรถ พอดีกับสาวใหญ่นางหนึ่งที่รูปร่างค่อนข้างท้วม ใส่เสื้อสีเทากางเกงสีดำ หน้าตาสวยสง่าสมวัย ปราดเข้ามายกมือไหว้ทั้งกระเป๋าถือ แล้วแนะนำตัวแบบยิ้มแย้มแจ่มใส...

“ดิฉัน จีรนันท์ วงษ์มงคล เป็นทูตพาณิชย์ประจำกัมพูชาค่ะ ได้ยินคุณสิริกร (พี่ปราณี) กับคุณจีรภา (พี่วิไล) กล่าวขวัญถึงพระอาจารย์มานานแล้ว เพิ่งมีโอกาสได้กราบพบ ขอเชิญพระอาจารย์กับคณะที่ห้องพระของสถานทูตเลยค่ะ” แหะ..แหะ..นาน ๆ จะได้รับเชิญสักครั้ง ปกติมีแต่คน “นิมนต์” มากกว่า อาตมาเดินตามท่านทูตพาณิชย์ไปยังประตูหน้าของสถานทูตไทย มีคณะของพวกเราเดินตามมาเป็นพรวน...

สุธรรม 06-12-2014 08:50

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1417830632
ถ่ายรูปหมู่กับศาลพระพรหม

“ปกติแล้วที่นี่จะมีคนมาติดต่องานต่าง ๆ คับคั่งมาก แต่วันนี้เป็นวันหยุดราชการ ท่านเอกอัครราชทูตและท่านอื่น ๆ กลับไปพักผ่อนที่บ้านพักกันหมด ดิฉันได้รับการติดต่อจากคุณสิริกรเมื่อวานนี้ ว่าพระอาจารย์จะมาเยี่ยมสถานทูต จึงมารอต้อนรับค่ะ” ท่านทูตพาณิชย์แจงเมื่อเห็นอาตมาเหลียวซ้ายแลขวาแล้วหาใครไม่เจอ นอกจาก “คุณแม่บ้าน” ที่จูงลูกสาวตัวเล็กมา เปิดประตูกระจกบานใหญ่ยักษ์หน้าสถานทูตให้...

“ขอแวะไหว้พระพรหมก่อนนะคะพี่จีรนันท์” พี่ปราณีที่เพิ่งหาจังหวะแทรกได้ ขออนุญาตทำภารกิจที่ตั้งใจเอาไว้ “ได้เลยค่ะ เชิญคุณสิริกรทำหน้าที่แทนพี่ด้วยนะคะ พี่จะไปสั่งให้แม่บ้านเขาเตรียมน้ำดื่มและเปิดเครื่องปรับอากาศเอาไว้ให้ก่อน” เมื่อท่านทูตแยกไปแล้ว พี่ปราณีก็พาคณะของพวกเราตรงไปที่ศาลพระพรหมหลังใหญ่ ที่อยู่ไม่ไกลจากประตูชั้นที่สองนัก...

ศาลพระพรหมตั้งอยู่บนลานหินแกรนิตสีออกแดง องค์พระพรหมนั้นก็ปกติดี แต่พระกรทั้ง ๔ ทรงจักรไป ๒ ตรีอีก ๑ ที่เหลืออีก ๑ เป็นดอกบัวสองดอก แสดงว่าเตรียม “ลุย” โดยเฉพาะ ปกติไม่เคยเห็นพระพรหมทรงจักรมาก่อน ที่นี่เล่นทรงทีเดียวสองพระกรเลย อาตมาน้อมจิตอุทิศส่วนกุศลถวายแก่ท่าน เห็นพระพักตร์ของจอมคนแห่งกัมโพชปรากฏขึ้นมาแวบหนึ่ง แสดงว่าใครมาไหว้หรือบนบานศาลกล่าวที่นี่ พ่อเจ้าประคุณกวาดเรียบ...

สุธรรม 07-12-2014 05:47

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1417906067
ท่านทูตจีรนันท์ขอทำบุญก่อน

ป้ามอย พี่มุกดา น้องเล็กและลูกปุ๊ก ไหว้พระพรหมเสร็จแล้ว ก็นั่งเรียงกันที่บันไดหน้าศาล อาตมาช่วยถ่ายรูปให้ โดยมีแม่ป๋อมถ่ายภาพเบื้องหลังการถ่ายทำอีกทีหนึ่ง “ณรงค์..ช่วยถ่ายรูปให้พี่หน่อยสิ” พี่ปราณีที่เพิ่งไหว้พระพรหมเสร็จ เรียกน้องชายพลางส่งโทรศัพท์มือถือให้ จึงมีรายการฝากกันอุตลุด เสร็จแล้วอาตมาให้คุณณรงค์ไปเข้ากลุ่มเพื่อถ่ายรูปบ้าง...

จากนั้นอาตมาเดินนำคณะเข้าไปในสถานทูต คุณแม่บ้านกับลูกสาวตัวเล็กที่ยืนรออยู่ จัดการไขกุญแจล็อกประตูกระจกบานใหญ่ไปเลย แล้วพาพวกเราตรงไปที่ลิฟท์ “ห้องพระอยู่ชั้นไหนจ๊ะ ?” อาตมาถาม พี่ปราณีตอบแทนว่า “ชั้นสองค่ะ” ถ้าอย่างนั้นจะไปขึ้นลิฟท์ให้เสียเวลาทำไม ? อาตมาเดินขึ้นบันไดทางขวามือของลิฟท์ แต่คุณแม่บ้านกับลูกสาวมั่นคงต่อการกระทำของตัวเองมาก จัดการกดเปิดลิฟท์แล้วไปกันแค่สองคนแม่ลูก..!

พ้นบันไดช่วงที่สามก็เป็นชั้นที่สองของสถานทูต คุณจีรนันท์มายืนรอรับอยู่แล้ว “ขอเชิญที่ห้องทำงานของดิฉันก่อนนะคะ ขอทำบุญให้เป็นมงคลกับที่ทำงานหน่อยค่ะ” ว่าแล้วก็เดินนำไปจนสุดทาง พลางเลี้ยวไปทางซ้ายมือ พลางเปิดประตูเข้าไปในห้องแรกตรงหัวมุม ข้างในห้องปูพรมสีเทาลายจุด เปิดเครื่องปรับอากาศไว้เย็นฉ่ำ ท่านทูตพาณิชย์ผายมือไปที่โต๊ะกลางห้อง “ขอเชิญพระอาจารย์ที่โต๊ะเลยค่ะ” คุณแม่บ้านนำน้ำเย็นมาเสิร์ฟให้กับทุกคน ส่วนท่านทูตหยิบซองปัจจัยออกจากกระเป๋าถือ ยกขึ้นจบอธิษฐานแล้วถวายให้กับอาตมา ซึ่งเลื่อนกล่องกระดาษเช็ดหน้าไปรับ...

สุธรรม 08-12-2014 16:53

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1418032445
ห้องพระของสถานทูตไทยในกรุงกัมพูชา

อาตมาอวยชัยให้พรทั้งภาษาบาลีและภาษาไทย แล้วแนะนำตัวป้ามอย แม่ป๋อม พี่มุกดาและลูกปุ๊กแก่ท่านทูตพาณิชย์ อีกฝ่ายถึงกับอุทานเมื่อทราบว่า แม่ป๋อมกับลูกปุ๊กขาดอีกปีเดียวก็จะครบ ๔ รอบ ไม่ทราบว่าท่านเห็นทั้งสองคนแก่กว่าที่คิดหรือเปล่า ? เมื่อเห็นว่าแขกทั้งหมดดื่มน้ำกันแล้ว ท่านทูตพาณิชย์ก็ “เชิญ” อาตมาและคณะไปยังห้องพระที่อยู่มุมถัดไปของตัวตึก...

ภายในห้องพระที่ปูพรมลายสีน้ำเงินนั้น มีโต๊ะหมู่บูชาที่ตั้งติดกับผนังด้านใน ๓ ชุด ชุดตรงกลางเป็นโต๊ะหมู่ ๓ สีดำ ประดิษฐานพระพุทธรูปปางสมาธิศิลปะสุโขทัย หน้าตักประมาณ ๑๒ นิ้ว องค์พระปิดทองตั้งอยู่บนฐานสูงสีดำ มีฉัตร ๕ ชั้น ลายทองฉลุโปร่งอยู่ด้านหลัง ทางขวามือเป็นโต๊ะหมู่ ๕ สีดำ บนสุดประดิษฐานพระเจดีย์แก้วบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และมีผอบแก้วบรรจุพระบรมสารีริกธาตุรายรอบอยู่ ๖ ใบ อีกชั้นถัดลงมาก็เป็นพระเจดีย์แก้วบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ขนาดเล็กกว่าองค์ด้านบนเล็กน้อย มีผอบแก้วบรรจุพระบรมสารีริกธาตุตั้งอยู่ด้านหน้า ๖ ใบ ชั้นที่สามเป็นผอบแก้วบรรจุพระบรมสารีริกธาตุขนาดใหญ่ ๑ ใบ ขนาดเล็กกว่า ๘ ใบ ด้านล่างสุดเป็นแผ่นป้ายพระคาถาสำหรับสวดบูชาพระบรมสารีริกธาตุ...

ทางซ้ายมือเป็นโต๊ะหมู่ ๕ แกะลายปิดทองร่องชาด บนสุดประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยทาสีทอง ขนาดหน้าตักประมาณ ๒๐ นิ้ว พระพักตร์ค่อนข้างเคร่งขรึมแบบสมัยอู่ทอง ชั้นถัดลงมาเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หน้าตักประมาณ ๗ นิ้ว แกะสลักจากหินสีชมพูม่วง และพระพุทธรูปนาคปรก ๗ เศียรศิลปะแบบขอมลพบุรี ขนาดหน้าตักประมาณ ๕ นิ้ว แกะจากหินทรายฝีมือละเอียดทีเดียว อาตมาคุกเข่าลงบนพรมลายเครือเถาสีน้ำตาลออกขาวผืนใหญ่ ที่ปูซ้อนอยู่บนพรมลายสีน้ำเงิน เพื่อกราบพระพร้อมกับทุกคน...

สุธรรม 09-12-2014 02:54

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1418068470
ถ่ายรูปหมู่ร่วมกับท่านทูตพาณิชย์ประจำประเทศกัมพูชา

“พระพุทธรูปองค์กลาง ได้รับความเมตตาจากจากหลวงพ่อปรีชา วัดเขาอิติสุคโต มอบให้แก่ทางสถานทูตค่ะ” อ้าว..ที่แท้ “เพื่อน” แอบย่องมาก่อนอาตมาเสียแล้ว เมื่อท่านทูตทราบว่าอาตมาเรียนปริญญาโทรุ่นเดียวกับหลวงพ่อปรีชาก็ดีใจใหญ่ บอกว่าถ้ากลับไปเมืองไทย แล้วได้ไปกราบหลวงพ่อปรีชาเมื่อไร จะกราบเรียนให้ทราบว่า ได้พบ “เพื่อน” ของท่านที่นี่...

“พี่จีรนันท์..หนูรบกวนพี่หน่อยเถอะ ช่วยติดต่อกับเลขาฯ ของสมเด็จพระสังฆราชด้วย ถามว่า “หลวงพี่” จะขอเข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราชวันนี้ จะสะดวกเวลาไหน ? เอาทั้งสองพระองค์เลยนะคะ” พี่ปราณีเอ่ยเรื่องที่อาตมาไม่เคยแม้แต่จะนึกถึง ท่านทูตพาณิชย์พอได้ยินก็กุลีกุจอกดโทรศัพท์มือถือ ติดต่อให้เดี๋ยวนั้นเลย หลังจากส่งภาษาไทยแท้ ๆ คุยกันพักใหญ่ก็หันมาสรุปว่า “สมเด็จพระสังฆราชบัวคลี่ท่านเพิ่งกลับมาจากฮ่องกงค่ะ อนุญาตให้เข้าเฝ้าได้ตอนเที่ยงครึ่ง ส่วนสมเด็จพระสังฆราชเทพวงศ์ไปกิจนิมนต์นอกวัด จะกลับมาประมาณบ่ายสามโมง เลขาฯ ท่านนัดตอนบ่ายสามโมงเลยค่ะ”

เรื่องใหญ่ที่จะได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราชทั้งสองนิกายของกัมพูชาจบลง ท่านทูตพาณิชย์ก็ขอถ่ายรูปด้วย โดย “เชิญ” อาตมาไปนั่งที่ชุดรับแขก ที่อยู่ชิดผนังทางด้านซ้ายมือของห้อง โดยแม่ป๋อมรับโทรศัพท์มือถือของท่านไปช่วยถ่ายรูปให้ เสร็จแล้วทุกคนก็เฮละโลเข้ามาถ่ายรูปด้วย ผู้เสียสละเป็นตากล้องให้ก็คือ “ชายเดียว” ในคณะนั่นแหละ...

สุธรรม 10-12-2014 04:02

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1418158982
บ้านของเลขาฯ ท่านกำนันผู้ยิ่งใหญ่แห่งภาคตะวันออก

“จวนเพลแล้ว ขออนุญาตพาหลวงพี่ท่านไปฉันเพลก่อนนะคะ ขอบคุณพี่จีรนันท์มากเลยค่ะ ที่กรุณาให้การต้อนรับ” พี่ปราณีเอ่ยขึ้นเมื่อถ่ายรูปเสร็จแล้ว พอท่านทูตพาณิชย์ได้ยิน ก็รีบควักเงินออกมายัดใส่มือพี่ปราณี ๒๐๐ ดอลลาร์ บอกว่าขอร่วมถวายอาหารเพลด้วย อาตมาขอบคุณและโมทนาแล้ว ก็เดินย้อนกลับลงบันไดมา มีคุณแม่บ้านมารอไขประตูกระจกให้ เมื่อขึ้นรถตู้เรียบร้อยปรากฏว่าเจ้าหน้าที่เปิดประตูทั้งสองชั้นไว้หราเลย ไม่ยักกลัวใครบุกเข้ามาถล่มตอนนี้..!

ออกจากสถานทูตได้ คุณณรงค์ก็เลี้ยวขวา ซึ่งเป็นการเลี้ยวที่สะดวกที่สุด เพราะบ้านนี้เขาวิ่งรถชิดขวากัน ออกมาได้หน่อยเดียว พี่วิไลก็ชี้ไปทางซ้ายมือริมถนนฝั่งตรงข้าม ที่มีตึกสามชั้นหลังมหึมา หลังคากระเบื้องซีแพ็กสีบานเย็น ประกอบด้วยชั้นลอยที่รองรับด้วยเสาแบบโรมัน ๘ ต้น มีรั้วรอบขอบชิด บานประตูเป็นอัลลอยด์สีน้ำเงินเข้มตัดทอง ดูเลิศหรูอลังการมาก พลางบอกว่า "นี่แหละ บ้านของเลขาฯ กำนัน ... (คนดังแห่งภาคตะวันออก) ... หลังใหญ่กว่าบ้านของท่านฮุนเซ็นอีก"

อาตมาได้แต่ยินดีด้วย ที่ท่านเลขาฯ ร่ำรวยด้วยลาภยศ มีที่อยู่อาศัยหลังใหญ่โตสวยงาม ท่านต้องทำบุญเก่ามาดีถึงได้รับผลตอบแทนที่ดีแบบนี้ ถ้าไม่รู้จักสร้างบุญต่อก่อบุญใหม่ ถึงเวลาเมื่อบุญเก่าหมดลง ก็คงต้องไปรับกรรมตามที่ตนได้กระทำเอาไว้เอง คนอื่นเห็นอาตมาไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์ก็เลยพลอยเงียบกันหมด...

สุธรรม 24-03-2015 03:17

1 Attachment(s)

คุณณรงค์พารถเลี้ยวซ้ายจากถนนที่มีป้ายภาษาอังกฤษว่า "พระสุรามฤต" เข้าถนนอีกเส้นหนึ่ง ที่มีป้ายชื่อภาษาขอมซึ่งพอจะอ่านทันว่า "มหาวิถีสุธารส" วิ่งชิดขวาไปหน่อยเดียวก็จอดที่หน้าตึกใหญ่โตสวยงามทันสมัยแห่งหนึ่ง มีป้ายภาษาอังกฤษอยู่ตรงบริเวณที่จัดเป็นสวนหย่อมขนาดเล็กด้านหน้าว่า the Regent Park แถมยังมีศาลพระภูมิอยู่ที่มุมหนึ่งของสวนหย่อมด้วย "นิมนต์ลงที่นี่เลยค่ะ เจ้าของโรงแรมปวารณาถวายอาหารเพลแก่หลวงพี่" พี่ปราณีที่ลงจากรถแล้วหันมาบอกพวกเราทุกคน...

"ช่วยรับศรัทธาเขาหน่อยเถิดเจ้าค่ะ ไม่ถือว่าเป็นการรบกวนอย่างที่ท่านมักจะเกรงใจไม่กล้าขอหรือเรียกใช้ไหว้วานใคร" คงเห็นอาตมาทำหน้าเบื่อโลก "ยายจ้อ" จึงโผล่ศีรษะมาบอก นั่น..รู้ไปถึงความคิดตูอีก ผู้หญิงนี่ไว้ใจไม่ได้เลย พอทุกคนลงมาครบ คุณณรงค์ก็นำรถตู้เข้าไปจอดยังลานเล็ก ๆ ข้างตัวอาคาร ซึ่งเป็นที่ว่าง (space) เพื่อให้อาคารดูกว้างขวางขึ้น ไม่ใช่ที่จอดรถสักหน่อย แต่พนักงานมาชี้ให้เข้าไปจอดได้ ดูท่าตูจะเป็น V.I.P. (Very Idiot Person) ก็งานนี้แหละ...

สุธรรม 25-03-2015 02:10

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1427224176
ภายในส่วนหน้าของโรงแรม the Regent Park

อาตมาเดินผ่านประตูกระจกที่พนักงานหนุ่มหล่อผิวคล้ำ ซึ่งอยู่ในชุดเสื้อแขนยาว ผูกหูกระต่าย ใส่เสื้อกั๊กเปิดให้ เข้าไปยังพื้นที่ส่วนหน้า (Lobby) ที่กว้างขวางและโปร่ง สว่างไสวเพราะเป็นกระจกใสเสียส่วนใหญ่ มีชุดรับแขกไม้ประกอบเบาะผ้าแบบทันสมัยอยู่หลายชุด บางมุมเป็น "ตั่งฝรั่ง" คือแท่นไม้สี่เหลี่ยมยาว ๆ ที่มีเบาะอยู่ด้วย ด้านชิดผนังมีการก่อเป็น "แปลง" จัดสวนให้ดูเป็นธรรมชาติน่านั่งเล่น พี่ปราณีกับพี่วิไลพาเดินเลี้ยวขวาเข้าไปด้านในแบบคุ้นเคย พวกเราตามกันไปเป็นพรวน ยกเว้นแม่ป๋อมที่ยกโทรศัพท์ถ่ายรูปมุมต่าง ๆ ไปเรื่อย คุณแม่เธอทำงานด้านนี้ เจออะไรที่เกี่ยวกับงานเป็นต้องเก็บข้อมูลไว้ก่อน...

สุธรรม 26-03-2015 03:12

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1427314254
นั่งจดบันทึกประจำวันพร้อมน้ำชา ๑ กา

"นั่งตรงนี้ก่อนนะคะ" พี่ปราณีชี้ไปที่โต๊ะอาหารขนาดเล็กหลายชุด อาตมาเลือกมุมในสุดเพื่อที่จะได้ไม่เกะกะใครเขา เพิ่งนั่งลงก็มีสาวร่างท้วมในเสื้อยืดสีม่วง กางเกงขายาวสีนวล กับสาวน้อยอีก ๑ นางที่ใส่เสื้อยืดสีดำมีลายขาวแดงกับกางเกงขาสั้นสีนวลเข้ามากราบ "คุณนลินรัตน์กับลูกสาวค่ะ เจ้าภาพอาหารเพลวันนี้" โอ้พระเจ้า..เจ้าของโรงแรมใหญ่โตกลางกรุงพนมเปญ แต่งตัวเรียบง่ายสุด ๆ ทั้งแม่และลูก "เป็นอย่างไรบ้างจ๊ะ กิจการดีมากใช่ไหม ?" อาตมาชวนคุย "ช่วงนี้ดีมากค่ะ นักท่องเที่ยวจากเมืองไทยเยอะมาก ของต่างชาติก็มากเช่นกัน" นับว่าโชคดีเซ็งลี้ฮ้อทีเดียว "เจ้าตัวเล็กเรียนชั้นไหนจ๊ะ ?"

สาวน้อยยิ้มเขิน "ม. ๓ แล้วค่ะ" คุณนลินรัตน์บอกว่า "ให้เรียนเมืองไทยก็ไม่เอา บอกว่าอยากอยู่ใกล้แม่ จึงต้องให้มาเรียนที่วิทยาลัยนานาชาติที่นี่ค่ะ" ลูกอยากอยู่ใกล้พ่อแม่ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ พอดีพนักงานเอาชาร้อนมาถวาย ๑ กา ดีจริง ๆ พ่อคุณเอ๋ย..ขืนขาดน้ำร้อนนาน ๆ อาตมาจะเฉาตายเสียก่อน "ที่นี่ห่างจากพระราชวังเขมรินทร์หน่อยเดียวเท่านั้นค่ะ ถ้าวิ่งตรงมาเลยอย่างเก่งก็ไม่เกิน ๕ นาที แต่คณะของเราต้องไปที่สถานทูตไทยก่อนแล้วค่อยมาที่นี่ ก็เลยกลายเป็นวิ่งรถอ้อมไปตั้งไกล" พี่ปราณีช่วยชี้แจงแถลงไข...

สุธรรม 27-03-2015 05:07

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1427407618
ผัดไทยกุ้งสดมาก่อนเพื่อนเลย

ชวนคุยสัพเพเหระอยู่พักหนึ่ง เจ้าภาพก็ขอตัวเพื่อไปจัดแจงเรื่องอาหารเพล พี่ปราณีกับพี่วิไลและคนอื่น ๆ แยกกันไปนั่งรอที่โต๊ะอาหารใหญ่กลางห้อง อาตมาควักสมุดมาบันทึกเหตุการณ์ที่ผ่านมา แต่เขียนไม่ค่อยถนัด เพราะติดแผ่นรองจานที่ค่อนข้างหนา...

พนักงานนำเอา "ปาท่องโก๋ไดเอ็ต" กับน้ำผักสีออกม่วง ๆ มาถวาย ปาท่องโก๋ที่ว่าใส่มาในแก้วทรงสูง ตัวยาวเป็นคืบแต่ใหญ่ประมาณนิ้วมือเท่านั้น สงสัยว่ากำลังอยู่ในช่วงลดน้ำหนัก มีน้ำจิ้ม "บ๊วยกอ" ใส่มาในถ้วยเล็กด้วย อีกสักครู่ก็ตามมาด้วยผัดไทยกุ้งสดจานใหญ่ น้ำพริก ปลาทู ผักสด แกงป่าวุ้นเส้น ผัดผักรวมมิตร กุ้งก้อนเทมปุระ ปลากระพงนึ่งมะนาว ปอเปี๊ยะทอดและข้าวอีกจานใหญ่ อาตมารับประเคน ให้พรแก่เจ้าภาพแล้วลงมือฉันผัดไทยกุ้งสดไปสองคำก็หันมาฉันข้าวแทน ของแปลกก็คือแกงป่าวุ้นเส้น รสชาติเหมือนแกงป่าดี ๆ นี่เอง แต่วุ้นเส้นตักยากมาก ต้องเอาส้อมม้วน ๆ ขึ้นมาถึงจะได้กิน...

สุธรรม 28-03-2015 02:59

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1427486315
ข้าวเหนียวมะม่วง

ปอเปี๊ยะทอดและกุ้งก้อนเทมปุระใช้น้ำจิ้มถ้วยเดียวกับปาท่องโก๋ไดเอ็ต ฮ่า..ประหยัดดีเหมือนกัน ผัดผักรวมมิตรก็สามารถราดด้วยน้ำพริกได้ ฉันแบบอาตมาคนเห็นต้อง "ทำใจ" หน่อย เนื่องจากไม่เอาระเบียบแบบแผนอะไรทั้งนั้น เห็นว่าอะไรน่าจะไปกันได้ก็จับ "ยำ" รวมกันทันที เพราะท้ายสุดก็ลงไปรวมอยู่ในที่เดียวกัน ส่วนเรื่องรสชาติไม่มีปัญหา ถึงจะจับอะไรมารวมกันก็สามารถแยกรสออกมาได้ รู้สึกว่าอร่อยอยู่ดี...

ส่งอาหารที่ฉันแล้วออกไปโต๊ะใหญ่ "สาวใหญ่" น้ำหนักตัวน่าจะใกล้เคียงคุณนลินรัตน์ ในเสื้อยืดคอปกสีเหลืองที่เพิ่งมาถึงบ่นว่า "แทบไม่ยุบเลย" คุณนลินรัตน์บอกว่าเป็นเพื่อนที่มาทำธุรกิจอยู่ในกัมพูชาด้วยกันชื่อคุณเสนอ ขุขันธิน อาตมารับข้าวเหนียวมะม่วงที่คุณเธอยกมาถวาย ดูท่าว่าจะไม่ยุบอีกเช่นกัน เพราะอาตมาแพ้ข้าวเหนียว ฉันทีไรร้อนในทุกที แล้วนี้ยังราดกะทิมาจนเกือบท่วมจาน จึงหันไป "จัดการ" กับมะม่วงในข้าวเหนียวและองุ่นไร้เมล็ดเป็นหลัก ขณะที่คณะของเรา ๘ คนเข้าประจำการที่โต๊ะใหญ่ คุณนลินรัตน์กับคุณเสนอก็ลงไปลุยกับแขกด้วย พนักงานเอาเก้าอี้มาเสริมหัวท้ายให้กลายเป็นสิบที่นั่งพอดี...

สุธรรม 29-03-2015 01:50

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1427568577
สามัคคีชุมนุม..กินกระจาย..!

ฉันของหวานเสร็จพนักงานก็ยกออกไป แล้วเอาชาร้อนกาใหม่มาถวาย เมื่อจดบันทึกเสร็จอาตมาก็ลุกไปบันทึกภาพคณะที่โต๊ะใหญ่ ด้านขวามีคุณเสนอ คุณนลินรัตน์ พี่ปราณี พี่วิไล ด้านซ้ายเป็นแม่ป๋อม พี่มุกดา ป้ามอยและน้องเล็ก มีลูกปุ๊กกับคุณณรงค์นั่งปิดหัวท้าย กินไปคุยไปเสียงค่อนข้างดังทีเดียว แต่บรรดาลูกค้าโต๊ะอื่น ๆ ทั้งไทยและฝรั่งก็ไม่มีใครถือสา อาตมาเดินเลยไปดูการตกแต่งภายในรอบโรงแรม เห็นมีพานดอกบัวสวย ๆ ตั้งอยู่สองพาน จึงถ่ายรูปไปด้วย จะถ่ายรูปแหม่มสาวคนสวยที่นอนเอกเขนกอ่านหนังสืออยู่บน "ตั่งฝรั่ง" ก็เกรงใจ กลัวว่าจะเป็นการเสียมารยาทและรบกวนเขา...

สุธรรม 30-03-2015 05:24

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1427667805
คุณเก่งผู้ดูแลธนาคารคนเดียว ๔ สาขา..!

เพิ่งกลับมาถึงที่นั่งพี่ปราณีก็พาหนุ่มใหญ่ในเสื้อเชิร์ตแขนสั้นลายตารางหมากรุก มีแว่นกันแดดเสียบอยู่ที่อกเสื้อมาแนะนำตัว ว่า "นี่คือคุณเก่งค่ะ เป็นกรรมการผู้จัดการทั่วไป ดูแลธนาคารไทยพาณิชย์ในกัมพูชา ๔ สาขา คือพนมเปญ เสียมเรียบ พระตะบอง และสีหนุวิลล์ เป็นคนทำงานเก่งสมชื่อเลยค่ะ" อีกฝ่ายถามว่าอาตมามีบัญชีของธนาคารไทยพาณิชย์หรือเปล่า ? ต้องบอกไปตามตรงว่าไม่มี เพราะทองผาภูมิเป็นอำเภอหลังเขา มีธนาคารอยู่แค่ออมสิน กรุงไทย นครหลวงไทย (โดนควบกิจการเป็นธนชาติ) และธนาคารเพื่อการเกษตร แต่ลูกปุ๋ม (ชุติมา พยัตเทพินทร์) ลูกสาวคนรองของอาตมาเป็นหัวหน้าฝ่ายสินเชื่อ ทำงานอยู่ที่สำนักงานใหญ่ธนาคารไทยพาณิชย์ เมื่อเสวนากันเสร็จพี่ปราณีก็พาคุณเก่งไปกินข้าวด้วยกัน...

"จะนอนพักก่อนก็ได้นะคะหลวงพี่ รอเวลาใกล้บ่ายโมงแล้วค่อยออกไปถวายสักการะสมเด็จพระสังฆราชด้วยกัน" พี่วิไลชี้มือยัง "ตั่งฝรั่ง" ที่ยังว่างอยู่ แฮ่..มิบังอาจจ้ะ พระจะนอนต้องอยู่ในห้องที่มีประตูปิดมิดชิด ศีลข้อนี้มีที่มาจากการที่พระถูกผู้หญิง "ลักหลับ" มาแล้วในสมัยพุทธกาล และพระหลายรูปเวลานอนแล้วขาดสติ มีอาการพิลึกพิลั่นจนทำให้ชาวบ้านเสื่อมศรัทธา ยิ่งสมัยนี้เขานิยมถ่ายคลิปโพสต์ลงยูทูบออกไปทั่วโลก ทำอะไรไม่ระมัดระวังจะพาให้พระพุทธศาสนาเสียหายหนัก อาตมายังไม่อยากจะดังด้วยวิธีการแบบนี้...

สุธรรม 31-03-2015 01:52

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1427741472
พานดอกบัวที่เตรียมไว้ถวายสักการะสมเด็จพระสังฆราชกัมพูชา

นั่งลงที่เก้าอี้ข้างโต๊ะเล็กที่วางพานดอกบัว "ยายจ้อ" ยื่นหน้ามาใกล้ ๆ "กัมพูชามีสมเด็จพระสังฆราชสองพระองค์เจ้าค่ะ เพราะมีพระสงฆ์สองนิกายเหมือนกับประเทศไทย แต่แรกก็มีแค่มหานิกายอย่างเดียว ต่อมาพระมหาวิมลธรรม (ทอง) ได้ไปศึกษาในประเทศไทย แล้วนำเอารูปแบบการปฏิบัติแบบพระสงฆ์ฝ่ายธรรมยุตของประเทศไทยมาเผยแผ่ในกัมพูชา จนเกิดเป็นนิกายธรรมยุตขึ้นมา และได้รับพระราชศรัทธาจากสมเด็จพระนโรดมหริรักษ์รามาธิบดี (นักองค์ด้วง) สถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชฝ่ายธรรมยุตในพ.ศ. ๒๓๙๘ ตั้งแต่นั้นมากัมพูชาก็มีพระสังฆราชของทั้งสองนิกาย" มี "ยายจ้อ" อยู่ด้วยนี่ดีจริง ๆ ประวัติศาสตร์ยุคไหน ๆ ก็รู้ไปหมด...

"พ.ศ. ๒๕๒๑ เขมรแดงร่วมมือกับเวียดนามบุกยึดกรุงพนมเปญ จับพระสงฆ์ฆ่าบ้าง ติดคุกบ้าง ส่วนใหญ่ถูกบังคับใช้แรงงานเหมือนกับคนทั่วไป จนต้องสึกหรือลี้ภัยไปอยู่ในประเทศไทยและฝรั่งเศส ทำให้การปกครองคณะสงฆ์ในกัมพูชาสลายตัวลง มาถึง พ.ศ. ๒๕๒๔ เหตุการณ์ต่าง ๆ คลี่คลายไปในทางที่ดี พระสงฆ์ที่ลี้ภัยกลับมาสู่กัมพูชาใหม่ ซึ่งมีแต่พระสงฆ์ฝ่ายมหานิกายเท่านั้น สมเด็จพระมหาสุเมธาธิบดี (เทพวงศ์) จึงได้รับจากการยกย่องจากคณะสงฆ์ให้ดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชโดยไม่มีการสถาปนา เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์ถูกล้มล้างไปแล้ว" เด็กท็อปวิชาประวัติศาสตร์เขมรดำเนินการ "ต่อยหอย" ต่อไป...

สุธรรม 01-04-2015 03:11

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1427832655
สมเด็จพระสังฆราชกัมพูชาทั้งสองพระองค์

"ล่วงเลยมาจนถึงพ.ศ. ๒๕๓๔ สมเด็จพระนโรดมสีหนุทรงสถาปนาสมเด็จพระอภิสิรีสุคันธามหาสังฆราชาธิบดี (บัวคลี่) ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชฝ่ายธรรมยุต กัมพูชาจึงมีสมเด็จพระสังฆราชทั้งสองนิกายอีกวาระหนึ่ง พอปีพ.ศ. ๒๕๔๙ สมเด็จพระนโรดมสีหมุนีจึงได้สถาปนาสมเด็จพระมหาสุเมธาธิบดี (เทพวงศ์) ขึ้นเป็นสมเด็จพระอัครมหาสังฆราชาธิบดี ประมุขสงฆ์ฝ่ายมหานิกายมาจนถึงปัจจุบัน" แสดงว่าหลวงปู่เทพวงศ์ท่านได้รับการยกย่องจากทางคณะสงฆ์ให้ดำรงตำแหน่งพระสังฆราชแบบลูกน้องตั้งถึง ๒๕ ปี จึงได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชตัวจริงเสียงจริงอีกวาระหนึ่ง...

"นั่งหลับหรือหลวงพี่ ? เตรียมเดินทางได้แล้วค่ะ" พี่วิไลถามอาตมาที่กำลังนั่งหลับตาฟังบรรยายจาก "ยายจ้อ" อยู่ มัวแต่เพลินกับประวัติพระพุทธศาสนาในกัมพูชา จึงไม่ทันสังเกตว่าทุกคนมาห้อมล้อม ยกพานดอกบัวเตรียมเดินทางกันแล้ว "ใช่..หลับและฝันถึงสมเด็จพระสังฆราชเขมรด้วย" อาตมา "ตามน้ำ" ไปเลย เพื่อไม่ให้ใครสงสัย เรื่องแบบนี้ถ้าพูดออกไปก็มีผลแค่สองอย่าง คือคนเห็นว่า "ขลัง" แล้วมารบกวนไม่เลิก กับคนเห็นว่า "บ้า" แล้วเลิกคบกับเราไปเลยซึ่งไม่ใช่เรื่องดีทั้งคู่ จึงต้อง "ไหล" ตามเหตุการณ์เฉพาะไปเรื่อย ๆ...

สุธรรม 02-04-2015 03:03

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1427918519
ตำหนักสมเด็จพระสังฆราชฝ่ายธรรมยุต

คุณนลินรัตน์ถวายซองปัจจัยเพื่อร่วมทำบุญในครั้งนี้ด้วย ลักษณะอย่างนี้แหละที่เคยมีเด็ก ๆ ถามเมื่องานเจริญพระพุทธมนต์และฉันเพลจบแล้วว่า "แม่..แม่จ้างพระมากินข้าวหรือ ?" เล่นเอาทั้งพระทั้งแม่ "จุก" สนิทไปกับความ "ร้ายเดียงสา" ของลูก คนอื่น ๆ ควักกระเป๋าคนละหนุบคนละหนับ ได้เงินไทย ๒,๐๒๐ บาทและเงินดอลลาร์ ๒๓๙ ดอลลาร์ อาตมาควักเพิ่มให้ครบ ๓,๐๐๐ บาทและ ๓๐๐ ดอลลาร์ เอาใส่รวมกันในซองของคุณนลินรัตน์นั่นแหละ...

ทุกคนบอกลาและขอบคุณเจ้าของโรงแรมใจดีแล้ว แทนที่พี่ทั้งสองจะต้อนพวกเราขึ้นรถ กลายเป็นพวกเราเกี่ยงให้ผู้อาวุโสขึ้นรถก่อน แล้วค่อยตามขึ้นไปทีหลัง โบกมืออำลาผู้มาส่งแล้ว คุณณรงค์ก็พารถเข้าสู่การจราจรบนท้องถนน เพิ่งลับจากโรงแรมมานิดเดียว ก็เป็นซุ้มประตูวัด มีรั้วสีน้ำตาลอ่อนตัดขอบขาว ด้านบนเป็น "ลูกกรงแก้ว" สีน้ำตาล พลขับกิตติมศักดิ์จอดรถข้างประตูที่เป็นเหล็กทาสีเหลือง มีฉัตรโลหะ ๙ ชั้นอยู่บนซุ้ม ตรงกับประตูเป็นตัวอาคาร ๓ ชั้นที่ดูเหมือน "กล่อง" มีเชิงชายโล้น ๆ หลังหนึ่ง พลางบอกว่า "พระตำหนักสมเด็จพระสังฆราชครับ" อาตมาลงจากรถโดยมีทุกคนตามลงมาเป็นพรวน...

สุธรรม 03-04-2015 02:58

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1428004647
ถวายสักการะสมเด็จพระสังฆราชกัมพูชาฝ่ายธรรมยุต

พี่ปราณีเดินนำหน้าในฐานะที่เคยมาแล้ว ประตูหน้าอาคารที่เป็นเหล็กทาสีเหลืองเปิดอยู่ ไปถึงมีพระหนุ่มในชุดจีวรสีกรักแบบพระวัดป่า เปิดประตูกระจกชั้นในที่ติดม่านโปร่งออกมายกมือไหว้ พูดไทยอย่างชัดเจนว่า "นิมนต์ท่านอาจารย์พระครูด้านในครับ พระองค์ท่านประทับรออยู่แล้ว" พลางแหวกม่านให้ อาตมาขอบคุณแล้วเดินเข้าไปด้านในก่อน พี่ปราณีและคณะตามหลังมาแบบใกล้ชิด...

ห้องด้านในกว้างประมาณ ๖ X ๘ เมตร ทั้งสองฝั่งมีหน้าต่างกระจกติดม่านโปร่งอยู่ด้านละสองชุด ด้านในสุดเป็นผ้าม่านจีบสีกรักยาวถึงพื้น ตรงกลางมีพระพุทธรูปหน้าตักประมาณ ๒ ศอก พระพักตร์คล้าย "หลวงพ่อเมตตา" ที่อินเดีย แต่ฐานพระเหมือนกับ "พระไพรีพินาศ" ของวัดบวรนิเวศวิหาร ด้านบนของพระพุทธรูปเป็นฉัตร ๕ ชั้นสีเหลือง ปักลวดลายสวยงามทีเดียว แต่อ้วนม่อต้อไปหน่อย ทางซ้ายของพระพุทธรูปเป็นพัดยศสมเด็จพระสังฆราช สีเหลืองอ่อนคล้ายพัดยศ "ชั้นธรรม" ของบ้านเรา พื้นห้องปูเสื่อจนเต็ม มีพรมผ้าชนิดบางขนาด ๓ X ๕ เมตรปูอยู่สามผืน...

สมเด็จพระสังฆราชบัวคลี่ประทับอยู่บนอาสนะแบบเก้าอี้ พระพักตร์แจ่มใสอ่อนโยน ดูแล้วน่าจะมีพระชันษาประมาณ ๖๐ ปีเศษ อาตมารับพานดอกบัวจากคุณณรงค์ คลานเข่าเข้าไปจนใกล้ ยกพานขึ้นแล้วน้อมตัวลงถวาย "เกล้าฯ พระครูวิลาศกาญจนธรรม เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน จังหวัดกาญจนบุรี ขอประทานโอกาสถวายเครื่องสักการะเหล่านี้ด้วยครับ" พระองค์แย้มยิ้มอย่างมีเมตตา ยกพระหัตถ์พนมรับการกราบของอาตมา "ขอให้เจริญไพบูลย์ในพระพุทธศาสนาตลอดไปเทอญ"...

สุธรรม 04-04-2015 02:11

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1428088257
ประทานโอกาสให้คณะของเรา "ถอดรูป" ด้วย

อาตมารับพรแล้วรับพานธูปเทียนกับซองปัจจัยมาถวายอีกครั้ง พระองค์แตะพระหัตถ์ที่พานเป็นการรับ แล้วให้อาตมาเอาพานวางลงที่โต๊ะเล็กข้างองค์ท่าน "มาถึงตั้งแต่เมื่อไรครับ ?" เสียงของพระองค์ค่อนข้างเบา "สามวันแล้วขอรับ แต่เดินทางไปชมนครวัดก่อน วันนี้จึงขอโอกาสมาเข้าเฝ้า ได้ยินว่าพระองค์เพิ่งกลับมาจากฮ่องกง ต้องกราบขอบพระเดชพระคุณที่เมตตาให้เกล้าฯ และคณะได้เข้าเฝ้าในครั้งนี้เป็นอย่างยิ่งขอรับ"

"ด้วยความยินดี พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนานอกจากเป็นพี่น้องกันในทางธรรมแล้ว พระสงฆ์ไทยและกัมพูชายังมีไมตรีอันดียิ่งต่อกันเสมอมา" อาตมากราบขอประทานโอกาสให้คณะของเราได้ "ถอดรูป" ด้วย ซึ่งได้รับความเมตตาอนุญาตเป็นอย่างดี พี่ปราณีกับแม่ป๋อมใช้กล้องจากโทรศัพท์มือถือ ส่วนคุณณรงค์ใช้กล้องของอาตมาเอง จัดการ "ถอดรูป" ให้อาตมาก่อน เสร็จแล้วทุกคนเข้าไปนั่งเรียงสองข้าง โดยมีอาตมาเป็น "เจียงถอดรูป" บ้าง...

สุธรรม 05-04-2015 02:21

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1428175205
ธุตังคเจดีย์วัดปทุมวดีราชวราราม

เสร็จแล้วอาตมากราบลาด้วยความเกรงใจ ปล่อยให้พี่ปราณีกับคนอื่น ๆ สนทนากับพระองค์ท่านตามสะดวก ออกมาเดินถ่ายรูปบริเวณวัด มีพระเจดีย์ ๑๓ ยอดขนาดไม่ใหญ่นักแต่สวยงามทีเดียว น่าจะสร้างในลักษณะธุตังคเจดีย์ คือสรรเสริญคุณของธุดงวัตร ๑๓ ประการ มาถึงซุ้มประตูวัดที่ค่อนข้างเรียบง่าย เห็นภาษาขอมเขียนไว้ว่า "วัดปทุมวดีราชวราราม" มองดูแล้วที่เหลือเป็นกุฏิพระไม่มีอะไรเด่น จึงกลับมารออยู่ที่รถ สักครู่หนึ่งพี่ปราณีก็พาทุกคนออกมาขึ้นรถ...

พอออกรถพี่ปราณีก็บอกว่า "เพิ่งจะบ่ายโมงเอง อีกตั้งสองชั่วโมงกว่าจะได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราชเทพวงศ์ พี่พาพวกเราไปไปซื้อของที่ตลาดรัสเซียก่อนดีกว่า" ทุกคนได้ยินก็เฮลั่น สนับสนุนกันเป็นเสียงเดียว อาตมาจะไปคัดค้านอะไรได้ นอกจากติดรถไปด้วยแต่โดยดี คุณณรงค์พารถวิ่งไปถึงวงเวียนวิมานเอกราช แล้วเลี้ยวเข้าถนน "เพรียะนโรดม" ตรงไปทางทิศใต้ไกลทีเดียว จนไปตัดกับถนนสายค่อนข้างใหญ่ ที่มีป้ายภาษาขอมว่า "มหาวิถีเมาเซตุง" จึงเลี้ยวขวาวิ่งยาวไปอีกเกือบสิบห้านาที ก็เห็นร้านรวงเรียงเป็นตับ ผู้คนรถราแน่นไปหมด...

สุธรรม 06-04-2015 03:05

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1428264278
"เนียงลออ" ที่ตลาดรัสเซีย

"ถึงตลาดรัสเซียแล้วค่ะ เชิญทุกคนซื้อของกันตามสบาย ต่อได้ทุกร้านนะคะ" พี่วิไลเอ่ยขึ้น รถของเราจอดอยู่แถวบริเวณร้านขายของเก่า อาตมามองข้ามฝั่งไปทางร้านขายของที่ระลึกอื่น ๆ ทั้งเสื้อผ้า อัญมณี ภาพเขียน ฯลฯ ที่เป็นซอยเล็กซอยน้อย คล้าย ๆ คลองถมบวกกับตลาดโบ๊เบ๊แล้วก็ถอดใจ ทางก็แคบ คนก็มาก ตูจะไปเบียดกับใครไหว ?

"ทุกคนไปเลือกซื้อของตามสบายเถอะ เดี๋ยวจะเดินดูของแถวนี้แหละ กลับเมื่อไรมาเรียกด้วยก็แล้วกัน" ทั้งหมดเฮข้ามถนนไปยังร้านขายเสื้อผ้า ไม่มีใครห่วงใยอาลัยอาวรณ์หลวงตาแก่อย่างอาตมาเลย "ตลาดนี้เปิดเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๓ ตอนแรกมีคนรัสเซียเอาสินค้าจากรัสเซียมาขาย ส่วนมากเป็นพวกยุทธปัจจัยทางทหาร จึงเรียกกันว่าตลาดรัสเซีย เมื่อมีคนมาหาซื้อกันมากเข้า ร้านค้าประเภทอื่น ๆ ก็ตามมา ช่วงนี้ข้าวของจากรัสเซียจริง ๆ มีน้อยมากเจ้าค่ะ ส่วนใหญ่เป็นสินค้าจากจีนและไทย และเป็นสินค้าเลียนแบบทั้งนั้น" เออ..อย่างน้อยก็ยังมี "ยายจ้อ" ที่ไม่ทิ้งอาตมา ฟัง "ยายรอบโลก" นี่แล้วได้ความรู้เพิ่มขึ้นอีกเพียบเลย...

สุธรรม 07-04-2015 03:06

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1428350739
สารพัดของที่วางขาย ส่วนมาก "แกล้งเก่า" แทบทั้งนั้น

ร้านของเก่าร้านแรก มีพวกเทวรูปเขมร เทวรูปกรีก เทวรูปอินเดีย เทวรูปจีน ล้วนแต่เป็นของ "แกล้งเก่า" ทั้งนั้น พวกโคมไฟแก้วแขวนเพดานมีของเก่าแท้บ้าง แต่อาตมาไม่รู้ว่าจะซื้อไปทำอะไร ร้านที่สองมีพวกเครื่องเงินรูปพรรณต่าง ๆ จำพวกตลับ พาน คนโท ใหม่เอี่ยม แต่ดูแล้วผสมทองขาว (อัลปากา) มากไปหน่อย พวกวัสดุหินแกะยังฝีมือค่อนข้างหยาบ ส่วนไม้แกะสลักเป็นศิลปะแบบจีน จำพวกเต่ามังกร พระสังกัจจายน์ ดูดีมีสกุล แต่ราคาที่ติดไว้แพงหูดับเลย...

ร้านถัดไปมีพวกเขี้ยวสัตว์ เขาสัตว์ ของจริงทั้งนั้น แสดงว่าที่เขมรยังหาของพวกนี้ง่าย จึงไม่คุ้มค่าที่จะปลอมเหมือนกับทางบ้านเรา เจอร้านหนึ่งที่มีเทวรูปเขมรล้วน ๆ แต่ก็เป็นของแกล้งเก่าตามเคย ยกเว้นชิ้นหนึ่งที่เป็นพญานาค ๗ เศียรที่เป็นของแท้ เจ้าของร้านบอกราคาหมื่นสองพันดอลลาร์ ขออภัย..ราคานี้ถึงเป็นของแท้ก็ไม่มีปัญญาที่จะซื้อโว้ย..!

สุธรรม 08-04-2015 02:55

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1428436446
ลองเสื้อผ้าและต่อราคาแบบไม่ดูฟ้าดูดินเลย

เดินดูจนหมดทุกร้านแล้ว เห็นฝั่งโน้นมีซอยที่คนค่อนข้างน้อย อาตมาจึงข้ามถนนไปดูของบ้าง เดินหลบหลีกผู้คนทั้งฝรั่งทั้งคนไทยเข้าไป ทางนี้มีพวกเสื้อผ้าเป็นส่วนใหญ่ พวกอัญมณีเครื่องประดับที่น่าสนใจก็มีแต่พวกประคำ แต่ก็อย่างว่านั่นแหละ ประคำเทอร์คอยส์ดูไกลร้อยเมตรก็รู้ว่าปลอมแบบไม่มีฝีมือเอาเลย พวกฆ้อง ระฆังก็ไม่มีของแท้ ยกเว้นพวกกระดึงคอควายที่เป็นไม้ บางร้านรับจ้างวาดรูป บางร้านขายอาหารเฉยเลย รอบข้างมีแต่ร้านเสื้อผ้า แล้วกลิ่นอาหารไม่ติดเข้าไปหมดหรือ ? เพิ่งผ่านไปสองซอยก็ได้ยินเสียงพวกเราต่อราคาเสื้อผ้ากันอุตลุด...

อาตมาเดินไปถึง ถ่ายรูปไปสองรูปแล้ว พวกเราที่เมามันกับการต่อราคาถึงได้เห็น ที่นึกไม่ถึงก็คือ คุณเก่งกับคุณนลินรัตน์ก็อยู่ที่นี่ด้วย ตอนกินข้าวได้ยินพี่วิไลบอกว่าจะพาพวกเรามาที่ตลาดรัสเซีย จึงตามมาบ้าง และเป็นคนแนะนำร้านนี้ให้ อาตมาบอกกับทุกคนว่าเบียดนักท่องเที่ยวไม่ไหว ขอออกไปรอที่เดิม แล้วมุดออกมาทางที่คนน้อยที่สุด มัวแต่ถ่ายรูปเจ้าของร้านคนสวย เลยโดนแหม่มถ่ายรูปเอาบ้าง ข้ามถนนมายืนรออยู่ข้างรถตู้เลย สักครู่หนึ่งพี่วิไล พี่มุกดา น้องเล็ก และลูกปุ๊กก็ออกมาก่อน...

สุธรรม 09-04-2015 02:51

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1428522660
ตามไปตามมา กลายเป็นไปซื้อของกันใหม่

พี่ปราณี คุณณรงค์ ตามมาบอกว่าคุณเก่งกับคุณนลินรัตน์ยังหาซื้อของฝากอยู่ คุณณรงค์ซื้อน้ำอ้อยกับน้ำเปล่าแช่เย็นมาถวาย อาตมาบอกว่าไม่รับ เพราะฉันของหวานแล้วความดันขึ้น ส่วนน้ำเย็นเจอเข้าไปเมื่อไรก็มาลาเรียถามหา กลายเป็นคนเลี้ยงง่ายไปโดยปริยาย รอป้ามอยกับแม่ป๋อมอยู่พักใหญ่ ก็ยังไม่ออกมาเสียที พี่มุกดา น้องเล็กและลูกปุ๊กจึงไปตาม กลายเป็นหายไปด้วย สักพักป้ามอยกับแม่ป๋อมออกมา คนที่ไปตามก็ยังหายจ้อย แม่ป๋อมกลับเข้าไปใหม่ ครู่ใหญ่ก็เดินหัวเราะออกมา บอกว่าคณะนั้นกลับไปซื้อของรอบสอง เผื่อคนขายจะใจอ่อน ยอมลดราคาให้อีก เฮ้อ..การจ่ายทรัพย์เป็นความสุขอย่างที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้จริง ๆ...

กลับมากันครบแล้วก็เอาข้าวของออกมาอวดกัน เสื้อยืดตัวละ ๔ ดอลลาร์ ผ้าคลุมไหล่ผืนละ ๓.๗๕ ดอลลาร์ ราคานี้ไม่ถือว่าถูกนะ เมื่อขึ้นรถกันหมดแล้วพี่ปราณีบอกว่า เพิ่งจะบ่ายสองกว่าเอง เมื่อครู่โทรถามคุณจีรนันท์แล้ว ได้รับแจ้งว่า สมเด็จพระสังฆราชเทพวงศ์จะกลับถึงตำหนักราวสี่โมงเย็น ให้พวกเรากลับไปพักที่บ้านก่อนดีกว่า ทุกคนเห็นด้วยอย่างยิ่ง โดยเฉพาะพวกที่ไปเดินซื้อของ อยากอาบน้ำกันเต็มแก่แล้ว...

สุธรรม 10-04-2015 03:04

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1428609834
ถ้าเป็นบ้านเราก็ใช้แรงงานเด็กชัด ๆ

พลขับหนึ่งเดียวคนนี้พาพวกเรากลับตามมติของเสียงข้างมาก พอเลี้ยวรถเข้าบ้านไปก็เห็นเด็ก ๆ วัยรุ่นนับสิบคนกำลังล้อมดูโทรทัศน์กันอยู่ พี่ปราณีบอกว่าเป็นพวกคนงานช่วยเย็บผ้า วันหยุดอยู่กับบ้านคงจะเบื่อ จึงมาดูโทรทัศน์กันที่นี่ นอกจากไม่โดนพ่อแม่ด่าแล้ว ยังได้เจอเพื่อนฝูงอีกด้วย พวกเรากลับขึ้นห้องพัก อาตมาวางสมุดบันทึกได้ก็เข้าห้องน้ำ จัดการ "ลอกคราบ" ตัวเองออกไปชั้นหนึ่ง แล้วห่มดองพาดสังฆาฏิ รัดอกเรียบร้อยพร้อมเข้าเฝ้าได้ทันที...

กำลังนอนภาวนาอยู่ได้ยินเสียงเคาะประตู เปิดออกไปเจอแม่ป๋อม จึงชวนไปนั่งตรงระเบียงด้านนอก คุณแม่มาปรึกษาเรื่องไปเมืองจีน ถามว่าอาตมาอยากไปที่ไหนบ้าง ? ฮ่า..อยากไปทั้งประเทศเลยครับ ? "หลวงพ่อก็พูดไปเรื่อย..จะเอาเวลาที่ไหนมา" ก็จริง..เอาเป็นว่าป้าปุ๋มอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ ก็ขอไป Buddhist Palace ไหว้หลวงพ่อโตที่เขาหลิงซาน (Mt. Lingshan Grand Buddha) แล้วกัน เพราะไม่ห่างกันมากนัก ที่อื่นแล้วแต่จะแถมให้ตามสมควร ระยะเวลาไม่น่าจะเกิน ๗ วัน มากกว่านั้นก็เสียงานอื่น ๆ หมด...

สุธรรม 11-04-2015 15:27

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1428740812
"ยายวรรณ" ที่ตอนเด็ก ๆ เคยสร้างวีรกรรมมุดจีวรมาแล้ว

เสียงลิฟท์เลื่อนขึ้นมา "หลวงน้าาาา...วรรณมาแล้วค่ะ คิดถึงหลวงน้ามากกกก..!" เสียงดังมาก่อนตัวนั่นคือยายวรรณ (ทิวาวรรณ ภูมิธเนศ) ไม่ดูตาม้าตาเรือว่าใครเป็นใคร ถลาเข้ามาก่อนเลย "เฮ้ย..เฮ้ย..เอ็งไม่ใช่เด็กเหมือนเมื่อก่อนนี้แล้วนะเว้ย..!" จะไม่ให้อาตมาเอ็ดตะโรห้ามได้อย่างไร ก็ยายนี่เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน เคยสร้างวีรกรรมด้วยการมุดจีวรมาแล้ว จนทุกวันนี้ทางบ้านยังเล่ากันไม่รู้จบ...

"มาถึงตั้งสามวันแล้ว ไม่ได้เจอหน้าหลวงน้าเลย คิดถึงหลวงน้ามากค่ะ พอหลวงน้าออกจากวัดท่าซุงไปอยู่ป่า พวกหนูก็ต้องทำงาน กำลังจะมีโอกาสไปหา น้าไลก็ให้ย้ายมาอยู่ขแมร์ด้วย เลยไม่ได้เจอกันเสียที วันก่อนหนูออกไปหาลูกค้า กลับมาหลวงน้าก็หนีไปเที่ยวเสียมเรียบแล้ว" ยายวรรณ "จ้อ" น้ำไหลไฟดับ ทำเอาแม่ป๋อมนั่งตาปริบ ๆ คงสงสัยว่าลูกศิษย์แต่ละคนนี่ไม่มีอะไรต้องปิดบังหลวงพ่อเลยใช่ไหม ? แต่อีกฝ่ายไม่รู้ตัวหรอก ยังคง "ฉอด ๆ" ไปเรื่อย "เดี๋ยวหนูขอไปด้วยนะคะ จะได้เป็นไกด์ให้หลวงน้าด้วย" เออ..ถ้าไม่ถึงกับตะกายขึ้นตักหรือมุดจีวรเหมือนสมัยก่อน จะไปด้วยก็ได้...

สุธรรม 12-04-2015 03:03

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1428782531
วัดอุณาโลม ที่ประทับสมเด็จพระสังฆราชกัมพูชาฝ่ายมหานิกาย

เห็นว่าเกือบบ่ายสามครึ่งแล้ว อาตมาจึงชวนแม่ป๋อมกับยายวรรณลงไปข้างล่าง เจอพวกเรากับคุณอารีที่มารออยู่ด้วย บอกว่าจะไปช่วยเป็นล่ามให้ เพราะสมเด็จพระสังฆราชเทพวงศ์พูดไทยได้ไม่กี่ประโยค เมื่อพร้อมแล้วพี่วิไลก็ต้อนให้ขึ้นรถ บอกว่าพี่ปราณีไปพบลูกค้า พวกเราจึงต้องไปกันแค่นี้ คุณณรงค์ขับตรงไปยังวงเวียนวิมานเอกราชตามเคย เลี้ยวขวาตรงหน้าวงเวียนไปตามถนน "เพรียะสีหนุ" แล้วมาเลี้ยวซ้ายเข้าสู่มหาวิถีสุธารส ซึ่งด้านนี้มีป้ายภาษาอังกฤษเขียนว่า "Samdach Sothearos Blvd." หรือ ถนนสมเด็จสุธารส วิ่งผ่านหน้าพระราชวังเขมรินทร์ มาถึงสี่แยกถนนสาย ๑๗๘ ที่ด้านซ้ายมือมีป้ายบอกว่าพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติกัมพูชา เลยไปอีกแยกหนึ่งก็มาถึงวัดใหญ่ที่มีรั้วทาสีน้ำตาลยาวเหยียด คุณณรงค์เลี้ยวซ้ายตัดถนนเข้าซุ้มประตูที่มีรูปปั้นนูนต่ำของพระพุทธเจ้า ที่กำลังแสดงปฐมเทศนาโปรดพระปัญจวัคคีย์ ลวดลายปูนปั้นเหมือนกับศิลปะสมัยพุกาม...

"วัดอุณาโลมนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. ๑๔๔๓ เจ้าค่ะ ใกล้เคียงกับยุคสมัยอาณาจักรพุกาม ถ้าจะติดศิลปะพุกามมาบ้างก็ไม่น่าแปลกใจนะเจ้าคะ" เฮ้ย..เก่าแก่ขนาดนั้นเชียวหรือ ? แล้วทำไมอาคารสถานที่ต่าง ๆ ใหม่อย่างนี้เล่า ? "อ๋อ..เกิดจากช่วงเขมรแดงปกครองประเทศ ได้ทำลายศาสนาสถานต่าง ๆ ไปมากมาย วัดนี้เป็นวัดที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชฝ่ายมหานิกาย จึงเป็นเป้าหมายแรก ๆ ในการทำลายของเขมรแดง อาคารสถานที่ต่าง ๆ ที่พระคุณท่านเห็น ส่วนมากเพิ่งจะมาสร้างใหม่หลังจากรัฐบาลเขมรแดงถูกล้มล้างไปแล้ว โดยสร้างให้เหมือนกับของเดิมมากที่สุด จึงเป็นของใหม่ในศิลปะยุคเก่าเจ้าค่ะ" อือม์..ตอบได้ทุกปัญหาจริง ๆ เลยแม่คุณ...

สุธรรม 13-04-2015 01:55

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1428864907
ถ่ายรูปหมู่กับ "ลิงอุ้มแตง"

พวกเราลงจากรถโดยมีคุณอารีกับยายวรรณประคองพานพุ่มดอกบัวลงมาด้วย การบูชาด้วยพุ่มดอกบัวแบบนี้ ในกัมพูชาถือว่าเป็นการบูชาด้วยความเคารพสูงสุด เนื่องจากแต่ละพานมีดอกบัวนับร้อยดอก สองสาวจึงทำท่าเหมือน "ลิงอุ้มแตง" ก็ไม่ปาน ข้างหน้าที่จอดรถของเรา เป็นอาคารหลังใหญ่ หน้าตาเหมือนโบสถ์วัดพระแก้วเขมรเลย เพียงแต่ลวดลายและฝีมือหยาบกว่าเท่านั้น น่าจะเป็นโบสถ์ของวัดอุณาโลมนี่เอง แต่ประตูปิดสนิท บันไดหน้าโบสถ์เป็นปูนซีเมนต์ขัดเรียบแบ่งเป็นสองตอน ช่วงล่างเป็นขั้นบันไดเปลือยจากใหญ่ไปหาเล็กรวม ๘ ขั้น มีกระถางดอกไม้วางปิดหัวท้ายของขั้นบันได กันคนเดินตกลงไป ช่วงบนมีราวบันไดสกัดทำให้ ๗ ขั้นนี้กว้างเท่ากัน ข้างบันไดมีรูปปั้นวัวขาวกับควายดำขนาดเท่าตัวจริงหมอบอยู่ข้างละตัว...

ที่เด่นสะดุดตาก็คืออาคารจตุรมุขทรง "กล่อง" ซึ่งด้านบนเป็นยอดปรางค์ เพราะนอกจากหลังคากระเบื้องเกล็ดปลาสีเหลืองจัดจ้านแล้ว ยอดปรางค์และช่องว่างของหน้าบันทาสีแดงสด จึงดูโดดเด่นกว่าใครเพื่อน คุณอารีอุ้มพานดอกบัวไปวางที่ซุ้มเยื้องกับโบสถ์ที่มีพระเจดีย์เล็ก ๆ ตั้งอยู่ แล้วเดินเข้าไปหา "สัปปุรุสะ" คนหนึ่งสอบถามรายละเอียด เขาชี้ไปที่อาคารข้าง ๆ หลังใหญ่ซึ่งมีสองชั้นผนังทาสีเหลืองเข้ม น่าจะเป็นศาลารับแขก แต่เจ้าประคุณรุนช่องเถอะ..บันไดสูงลิบโลกเลย อาตมาเดินขึ้นพร้อมกับนับไปด้วย กว่าจะถึงระเบียงหน้ามุขชั้นสองนับได้ตั้ง ๒๕ ขั้น..!

สุธรรม 14-04-2015 02:09

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1428952124
น่าจะเป็นรูปหล่ออดีตสมเด็จพระสังราชฮวนตาลแห่งกัมพูชา

ยังดีที่น้องเล็กหอบพานดอกบัวขึ้นมาแทน ขืนปล่อยให้คุณอารีที่เอวบางร่างน้อยหอบขึ้นมาเองอาจจะถึงกับเป็นลม พระหนุ่มผู้ดูแลสถานที่ซึ่งใส่แว่น ห่มดองพาดสังฆาฏิเรียบร้อย ไหว้อาตมาแล้วชี้เข้าไปในศาลา อาตมารับไหว้แล้วจึงเดินนำคณะเข้าไปด้านใน ที่ผนังฝั่งตรงข้ามกับประตูเป็นภาพเขียนสีพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ขนาดใหญ่ติดอยู่ ๕ รูป ข้างใต้รูปเป็นตู้กระจกขนาดใหญ่มีพระพุทธรูปหลายองค์ สองข้างตู้น่าจะเป็นเทียนพรรษาต้นใหญ่ ติดกระดาษสีจนแทบมองไม่ออกว่าเป็นต้นเทียน ด้านซ้ายของตู้เป็นรูปหล่อ ซึ่งน่าจะเป็นอดีตสมเด็จพระสังฆราชฮวนตาล ซึ่งสมัยเขมรแดงเรืองอำนาจ รูปหล่อนี้โดนอุ้มไปทิ้งแม่น้ำโขง หลังจากเขมรแดงสิ้นอำนาจมีคนหาปลาไปพบเข้า จึงช่วยกันอัญเชิญกลับมาไว้ที่เดิม...

คุณอารีส่งภาษาขแมร์ถามพระท่านเร็วจนอาตมาฟังไม่ทัน เมื่อได้ความแล้วจึงหันมาบอกพวกเราให้นั่งรอไปก่อน สมเด็จพระสังฆราชเทพวงศ์ท่านไปเทศน์ จะกลับมาถึงราวห้าโมงเย็น เออ..ดีแฮะ ยิ่งมาก็ยิ่งกลับช้าลงไปเรื่อย ๆ แต่ข่าวนี้น่าจะตรงที่สุด เพราะตอนนี้สี่โมงครึ่งแล้ว ยังไม่เห็นวี่แววของพระองค์เลย...

สุธรรม 15-04-2015 02:51

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1429040930
ระหว่างที่รอก็ดูข้าวของไปเรื่อย

อาตมาเดินดูข้าวของในศาลาไปเรื่อย มีตู้ไม้แบบเก่า ๆ ที่ทั้งหนักทั้งแข็งแรงอยู่หลายใบ ภายในมีทั้งพระไตรปิฎก ผ้าจีวร ข้าวของพวกพานและชุดน้ำชา อีกด้านเป็นแท่นมีพระพุทธรูปแบบพระแก้วมรกตทรงเครื่องฤดูร้อนของเราประดิษฐานอยู่ ข้างหน้าพระพุทธรูปเป็นงาช้างคู่หนึ่งที่เล็กเรียวมาก ยาวประมาณ ๑ เมตร กระหนาบข้างด้วยหม้อน้ำมนต์ ถัดออกมาเป็นกลองเล็ก ๑ คู่ และฆ้องวงที่เป็นทองเหลืองอีกชุด ถัดไปทางขวามือเป็นหัวกระทิงทำจากไม้ตั้งอยู่บนลูกกลึงไม้ แต่ติดเขากระทิงของแท้ลงน้ำยาไว้เงาวับเลย...

มีโยมผู้หญิง ๓ คนขึ้นมาศาลา คนหนึ่งใส่เสื้อขาวกระโปรงดำแบบนักศึกษาด้วย มาถึงก็จัดข้าวของใส่พานเตรียมไว้ถวายพระ พี่วิไลจึงไปถามหาพานจากพระเจ้าหน้าที่ ซึ่งท่านก็นำมาให้แบบทันใจ อาตมาเอาซองปัจจัยที่เตรียมไว้ใส่ลงไป ทับหน้าด้วยธูปญวนทั้งห่อ เพิ่งจะเตรียมของเสร็จสมเด็จพระสังราชเทพวงศ์ก็เสด็จออกมาจากประตูข้างศาลา พระองค์มีรูปร่างเล็ก ผิวคล้ำ แต่ดูแข็งแรงแบบไม่น่าเชื่อ เพราะเจริญพระชนมายุถึง ๘๐ พรรษาแล้ว...

สุธรรม 16-04-2015 08:13

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1429146749
ทรงบัญชาให้จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย

ทรงมีบัญชาให้อาตมายกพานดอกบัวขึ้นตั้งแทนพานเดิมที่พระผู้ดูแลยกลง แล้วให้จุดธูปเทียนบูชาพระ เมื่อกราบพระเสร็จแล้ว พระองค์จึงประทับลงบนอาสนะเตี้ย ๆ ลักษณะคล้ายกับอาสนะสำหรับสวดพระปาฏิโมกข์ ซึ่งกั้นกลางด้วยตั่งแปดเหลี่ยมแกะลวดลายศิลปะจีนตัวเตี้ยติดพื้น...

อาตมากราบถวายความเคารพแล้ว น้อมเอาไทยธรรมเข้าไปถวาย พระองค์รับแล้วให้พรเป็นภาษาบาลี ก็คือบทสัพพีติโยฯ นั่นแหละ เสร็จแล้วถอยออกมาให้พี่วิไลพาน้อง ๆ เข้าไปกราบรับพร ทรงโปรยข้าวตอกและกลีบดอกบัวแทนน้ำมนต์ โดยมีโยมสามคนที่มาทีหลังเข้าไปรับด้วย...

สุธรรม 17-04-2015 01:59

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1429210737
ในห้องรับแขกส่วนพระองค์

จากนั้นเสด็จนำพวกเราไปยังประตูที่เสด็จออกมาในตอนแรก พระผู้ดูแลซึ่งน่าจะเป็นเลขานุการในพระองค์กันโยมสามคนเอาไว้ ให้เฉพาะคณะของเราเข้าไปข้างใน ซึ่งเป็นห้องปิดทึบติดเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำ ตรงกลางด้านในสุดเป็นตู้ไม้ใบใหญ่บรรจุพระพุทธรูปทั้งยืนและนั่งหลายองค์ สองข้างตู้เป็นประตูไม้ซึ่งไม่ทราบว่าเปิดออกไปไหน...

พระองค์ประทับลงบนเก้าอี้รับแขกลาย "หลุยส์" ตัวกลางหน้าตู้ พลางชี้ให้พวกเรานั่งบนเก้าอี้ตัวอื่น ๆ ที่เหลือ อาตมานั่งด้านในใกล้องค์ท่านที่สุด ถัดไปเป็นลูกปุ๊ก ป้ามอยและยายวรรณ มีคุณอารีนั่งคุกเข่าอยู่ใกล้องค์ท่านอีกฝั่งหนึ่ง ต่อด้วยพี่วิไล พี่มุกดา แม่ป๋อม ส่วนน้องเล็กทำหน้าที่ "ยายกล้อง" งานนี้คุณณรงค์ไม่ได้ขึ้นมาด้วย ต้องอยู่คอยขยับรถเผื่อมีใครเข้าออก วัดใหญ่ขนาดนี้แทบจะไม่มีที่ให้จอดรถเลย...

อาตมากราบทูลว่าเป็นอาจารย์พิเศษของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ที่พระองค์เคยเสด็จไปร่วมงานของทางมหาวิทยาลัยมาแล้ว อยากทราบข้อมูลเกี่ยวกับการปกครองคณะสงฆ์กัมพูชาเพื่อนำไปสอนพระนิสิต กราบขอประทานอนุญาตทูลถาม ตอนแรกทรงตอบเป็นภาษาไทย แต่ค่อนข้างจะติดขัด คุณอารีจึงเป็นล่ามคอยแปลให้...


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:08


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว