![]() |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1409772068 ไหน ๆ ก็ลงไปแล้ว จึงช่วยกันทำความสะอาดไปเลย แม้ว่าจะมีป้าย “No passing on the carving” ปักอยู่ก็ตาม แต่เมื่ออาตมามองซ้ายมองขวา ไม่เห็นมีใครเลยนอกจากคณะของพวกเรา จึงลุยลงไปใน “แม่น้ำคงคาน้อย” เพื่อถ่ายรูปบรรดาศิวลึงค์และอุมาโยนี ที่บางช่วงก็เป็นอันเล็กประมาณสากตำน้ำพริก เรียงรายแน่นไปทั้งลำห้วย บางช่วงก็เป็นอันใหญ่เท่าเสาเรือน คนอื่น ๆ เลยตามลงมากันหมด... “ท่านนี่ไม่ค่อยจะดื้อเท่าไรเลยนะ..” มัคคุเทศก์เถื่อนได้ที “กัด” คืนบ้าง จะไปเรียกว่าดื้อได้อย่างไร ก็ Passing แปลว่า “ข้าม” นี่อาตมาแค่เดินไปเรื่อย ๆ ตามลำห้วย ไม่ได้เดินข้ามไปฝั่งโน้นสักหน่อย จอมคนแห่งกัมโพชเจอการเถียงแบบหน้าด้าน ๆ ของอาตมา ถึงกับส่ายพระเศียร แล้วฉวยโอกาส “แวบ” หายไปเลย... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1409856961 เตียงเถาวัลย์ อาตมาวักน้ำลูบแขนลูบขาเพื่อให้ได้ชื่อว่าอาบน้ำมนต์แล้ว จากนั้นเดินเก็บใบไม้ที่ลอยมาติดบริเวณที่น้ำตื้นทิ้ง ทุกคนจึงช่วยกันทำความสะอาดเป็นการใหญ่ ทำให้เห็นว่าบางช่วงมีรูปสลักพระนารายณ์บรรทมสินธุ์องค์ไม่ใหญ่นักอยู่ด้วย อาตมาก้ม ๆ เงย ๆ จนเมื่อยหลัง เลยกลับขึ้นฝั่ง เห็นเถาวัลย์กระไดลิงเส้นใหญ่เอนได้มุมพอดี จึงขึ้นไปนอนพักเสียเลย... การนอนบนเถาวัลย์เส้นเดียวแบบนี้ อาจจะเป็นของยากสำหรับคนอื่น แต่อาตมาที่ผ่านการฝึกท่าร่าง สะพานเหล็ก มาแล้ว กลับเห็นว่าเป็นของง่าย เพราะคนที่เก่ง ๆ เขานอนบนเชือกเล็ก ๆ เส้นเดียวด้วยซ้ำไป เถาวัลย์เส้นเท่าขาจึงเหมือนกับเตียงดี ๆ นี่เอง... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1409944112 แก่เกินกว่าที่จะเป็นเจนหรือทาร์ซานแล้ว แม่ป๋อมเห็นอาตมานอน เตียงเถาวัลย์ จึงย่องมาถ่ายรูป แล้วตีใบ้ชี้โบ๊ชี้เบ๊ให้คนอื่น ๆ ดู ทุกคนเลยขึ้นจากน้ำกันหมด พี่มุกดาถึงกับลืมความแก่ กระโดดโหนเถาวัลย์อีกเส้นที่อยู่ไม่ไกลนัก แต่ทาร์ซานหญิงไม่ประสบความสำเร็จ เพราะเถาวัลย์เส้นเท่าแขนทำให้โหนไม่ออก จึงเปลี่ยนไปขึ้นต้นกุเลนต้นใหญ่ ที่เอนต้นอยู่ปีนได้สะดวก แล้วตะโกนบอกแม่ป๋อมถ่ายรูปให้หน่อย... อาตมาลงจากเตียงเถาวัลย์แล้ว ถึงได้เห็นว่าคุณอารีหายไปไหนก็ไม่รู้ ? คุณราญขับรถตู้เข้ามาเทียบ คุณปัญญาเปิดประตูให้พวกเราขึ้นรถ กำลังสงสัยว่าจะไปที่ไหนต่อ พลขับก็พารถตู้วิ่งข้ามสะพานไม้ แล้วเลี้ยวไปทางขวามือ ซึ่งมีถนนดินลัดป่าเลาะไปตามลำห้วย ผู้คนเดินกันขวักไขว่ไปหมด พวกเรานั่งยังไม่ทันตูดร้อนก็ต้องลงเดินกันอีกแล้ว... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1410035569 ด้านนี้มีร้านค้ามากกว่าทางวัดอีก คุณราญเอารถตู้จอดอยู่ข้างร้านค้าที่ปูเสื่อแบกับดิน มีผลไม้จำพวกสับปะรด มะไฟ คอแลน วางขายกองพะเนิน ด้านหลังร้านมีศาลเล็ก ๆ แบบศาลตายายของบ้านเรา แต่ข้างในเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นลงสี หน้าตักประมาณ ๑ ศอก ตั้งอยู่ ๒ องค์... ส่วนร้านค้าที่ตั้งอย่างเป็นทางการ น่าจะเป็นเพิงที่ทางอุทยานสร้างไว้เก็บค่าเช่า มีพระพุทธรูป เทวรูป ทั้งที่แกะจากไม้ หินทราย และที่เป็นสัมฤทธิ์เลียนแบบของเก่า เครื่องประดับทั้งสายสร้อย แหวน ลูกประคำ พลอยเทียม ชิ้นส่วนของสัตว์ของป่าทั้งเขี้ยว เขา หนัง กระดูก ดีหมี (ปลอมชัด ๆ) กระเพาะเม่น กระเพาะค่าง ว่านยาต่าง ๆ วางขายอยู่เต็มไปหมด ฯลฯ |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...e>d=1410119994 เป็น "พระยาน้อย" ชมตลาด ร้านหนึ่งมีของเลียนแบบโบราณมากมาย ทั้งพระพุทธรูป ขัน ไห ตรีศูล พระขรรค์ ทำจากสัมฤทธิ์ทั้งนั้น แต่ฝีมือไม่ถึง เพราะดูด้วยตาก็เห็นว่าเนื้อใหม่เกินกว่าที่จะเป็นของเก่าแท้ อาตมาหยิบเอาพระขรรค์มาลองน้ำหนักดู เบากว่าพระขรรค์โสฬส ๘๔ พรรษาธรรมิกราชของอาตมาหน่อยเดียว เจ้าของร้านรีบโฆษณาสรรพคุณเป็นการใหญ่ ถึงขนาดผู้มีบุญยกแกว่งแล้วฟ้าจะผ่าด้วย อาตมาจึงรีบวางคืนไป ไม่อย่างนั้นอาจจะพาซวยทั้งเขาและเรา..! ผ่านร้านถ่ายรูปที่เสนอรูปน้ำตกพนมกุเลน และพระพุทธไสยาสน์ที่พวกเราเพิ่งไหว้มา อาตมาก็เพิ่งรู้ว่า พระพุทธไสยาสน์เรียกว่า "พระองค์ธม" (หลวงพ่อโต) สงสัยว่าร้านนี้นางกวักจะไม่ขลัง เพราะพวกเราเดินผ่านไปโดยไม่สนใจรูปภาพเลย ร้านขายหมวกสานประดับดอกไม้และริบบิ้นสารพัดสียังได้รับการสนใจมากกว่า... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1410207581 คุณอารีมาจองร้านอาหารเอาไว้ให้ ทางนี้ค่ะ คุณอารีกระโดดโลดเต้นโบกสองมือเรียก ที่แท้ย่องมาอยู่ทางด้านนี้นี่เอง พวกเราเดินตามคุณอารีกันเป็นขบวน ผ่านร้านค้าต่าง ๆ แล้วปีนข้ามกำแพงศิลาแลงเตี้ย ๆ ที่น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของโบราณสถานอะไรสักอย่าง มาถึงริมห้วยที่มี ศาลา หลังไม่ใหญ่นัก เป็นทรงสี่เหลี่ยมเปิดโล่ง หลังคามุงสังกะสีสีเขียว เรียงรายอยู่หลายหลัง... ที่แท้คุณอารีมาจองศาลา ปูเสื่อ เตรียมถ้วยชามและสั่งอาหารกลางวันไว้ให้พวกเรา แถมยังซื้อมะม่วงทั้งสุกและดิบเอาไว้สองถุง แต่ยังไม่ได้เวลาที่นัดกับทางร้านอาหาร พี่วิไลจึงให้พวกเราไปเดินชมสถานที่กันก่อน... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1410291664 สะพานแขวนข้ามลำห้วยสีชา ลำห้วยทางด้านนี้น้ำลึกกว่าทางด้านที่เราผ่านมา ถึงน้ำจะใสมากแต่เป็นสีน้ำชา หากใครเคยอยู่บ้านหลังคามุงจากมาก่อน แล้วรองน้ำฝนจากหลังคาเอาไว้ดื่ม ก็จะเห็นว่าเป็นสีเดียวกันเลย น่าจะเกิดจากการที่น้ำไหลผ่านดินหรือหินอะไรบางอย่าง แล้วทำปฏิกิริยาจนเป็นสีนี้ก็เป็นได้ มีผู้คนโดยเฉพาะเด็ก ๆ ลงไปว่ายน้ำเล่นสนุกสนานกันอยู่หลายคน... มีสะพานแขวนที่เป็นลวดสะลิงประกอบแผ่นไม้กระดาน ขนาดกว้างประมาณเมตรครึ่ง ทอดข้ามลำห้วยไปยังหมู่โบราณสถานที่ปรักหักพังอยู่ทางฝั่งโน้น นั่นเป็นเมืองเก่าที่สร้างมาตั้งแต่ยุคสมเด็จพระบรมมหาปัยกาเจ้าชัยวรมันที่ ๒ สมัยนั้นการเดินทางมาที่นี่นับว่าทุรกันดารที่สุด ต่อให้ข้าศึกยกทัพมาตี ก็สามารถที่จะหนีไปในพื้นที่ป่าได้รอบทิศทาง พระองค์ท่านจึงทรงประกาศอิสรภาพจากอาณาจักรศรีวิชัยของราชวงศ์ไศเลนทร์ที่นี่.. มัคคุเทศก์เถื่อนโผล่มาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง บรรยายเหมือนกลัวโดนใครแย่งพูดก็ไม่ปาน... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1410378743 ประวัติศาสตร์ตอนนี้ค่อนข้างจะ "ดราม่า" ไปหน่อย จนต้องหนีลงน้ำ “อ้าว..อาณาจักรไศเลนทร์ก็เป็นเชื้อสายเดียวกันไม่ใช่หรือ ? แล้วทูลกระหม่อมปู่ทวดของพระองค์ท่านทำไมถึงโดนพี่น้องกัน "ตื้บ" เสียเล่า ?” จอมคนแห่งกัมโพชสรวลหึ..หึ..ตามวิสัย ก่อนที่จะบรรยายประวัติศาสตร์ฉบับ “ผีบอก” ต่อไปว่า... “ท่านก็ศึกษาประวัติศาสตร์มามาก เคยเห็นว่าผู้มีอำนาจในยุคก่อนมีใครเห็นแก่พ่อแม่พี่น้องบ้าง ? มีแต่จะช่วงชิงกอบโกยผลประโยชน์ไว้กับตนเองให้มากที่สุด สมเด็จพระบรมมหาปัยกาเจ้าชัยวรมันที่ ๒ ทรงทนเห็นความเดือดร้อนของประชาชนต่อไปไม่ไหว จึงได้รวบรวมผู้คนประกาศอิสรภาพ ตั้งอาณาจักรกัมโพชขึ้นมา ตั้งแต่ก่อนข้าพเจ้าเกิดถึงสามร้อยกว่าปี..” โอหนอ..การกิน การนอน การเสพกาม การเสวยอำนาจ หากไม่ใช่ผู้ที่เห็นภัยในวัฏสงสารอย่างแท้จริงแล้ว ไม่มีใครเบื่อหน่าย มีแต่กระหายใคร่อยากมากขึ้นไปเรื่อย ๆ แม้แต่พ่อแม่พี่น้องร่วมสายเลือด ก็สามารถที่จะเข่นฆ่าเพื่อช่วงชิงอำนาจและสมบัติได้ จอมคนแห่งกัมโพชนิ่งไปเหมือนกับสะท้อนพระทัย อาตมาจึงเดินลุยลงในลำห้วยไปเพราะไม่อยากจะรบกวน... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1410460810 สงสัยว่าเขาล้อมอะไรไว้ น้ำช่วงนี้ลึกประมาณครึ่งแข้ง พื้นห้วยก็เป็นหินทรายไม่ลื่นมาก อาตมาเห็นเสาปูนทาสีขาวแดงสี่หลัก มีเชือกขึงกั้นเป็นรูปสี่เหลี่ยม จึงเดินเข้าไปดูว่าเป็นอะไร พี่มุกดา ป้ามอย แม่ป๋อม น้องเล็กและลูกปุ๊ก พากันลุยน้ำตามมาด้วย ส่วนพี่วิไลกับคนอื่น ๆ เคยมากันหลายหนแล้ว จึงนอนเขลงรออยู่ที่ศาลากันหมด... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1410550678 นารายณ์บรรทมสินธุ์กำเนิดพรหม ตามความเชื่อของศาสนาพราหมณ์ไวษณพนิกาย ตอนแรกดูไม่ออกว่าพื้นที่ซึ่งถูกล้อมไว้แกะสลักเป็นรูปอะไร จนกระทั่งวนมาอีกด้านหนึ่งถึงได้เห็นว่า เป็นรูปพระนารายณ์บรรทมสินธุ์ มีบัวดอกใหญ่งอกออกจากพระนาภี บนดอกบัวเป็นพระพรหม สองข้างเห็นเทพบริวารคอยรับใช้อยู่ใกล้ ๆ ทางขวามือมีศิวลึงค์และอุมาโยนีชุดไม่ใหญ่นักอยู่อีกชุดหนึ่งด้วย... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1410637650 ผลัดกันถ่ายรูป (ภาษาขแมร์ว่า "ถอดรูป") แม่ป๋อมถ่ายรูปให้กับอาตมา แล้วก็เป็นหน้าที่ของอาตมาที่ต้องถ่ายรูปให้กับทั้งหมดบ้าง จากนั้นเดินลุยกันต่อไปทางปลายน้ำ มีเสียงน้ำตกและเสียงคนเล่นน้ำกันอยู่อื้ออึง พวกเราต้องเดินกันแบบระมัดระวังเต็มที่ เพราะไม่ได้คิดจะมาเล่นน้ำกับใคร ผ้าที่จะเปลี่ยนก็ไม่มี ถ้าหกล้มก็แปลว่าต้องทนเปียกไปจนกว่าจะกลับถึงที่พักนั่นแหละ... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1410722505 ตกลงมาสีขาวใสแท้ ๆ ลงไปถึงข้างล่างก็เป็นสีชาเหมือนเดิม เมื่อไปถึงจึงเห็นว่าน้ำตกพนมกุเลนนี้แบ่งออกเป็นสองด้าน ด้านตรงเป็นชั้นน้ำตกที่มีลักษณะเหมือนกับบันไดสามขั้น แต่ละขั้นไม่สูงมากนัก คล้ายกับถูกคนสกัดขึ้นมาให้เป็นขั้นบันได ส่วนทางด้านซ้ายมือเป็นหน้าผาน้ำตกสูงเกือบสิบเมตร น้ำที่เทจากทางด้านตรงจะไหลต่อไปเป็นลำห้วย ซึ่งก็คือต้นแม่น้ำเสียมเรียบ ส่วนทางหน้าผาน้ำตกเป็นแอ่งใหญ่ เมื่อน้ำล้นออกมาก็ไหลไปรวมกับลำห้วยด้านตรง ภายในแอ่งมีญาติโยมเล่นน้ำกันอยู่มากมายทีเดียว... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1410819446 หน้าน้ำตกช่วงที่เป็นบันไดสามขั้น แม่ป๋อมให้น้องเล็กนั่งที่ริมน้ำตกตรงจุดที่ไม่เปียกแล้วถ่ายรูปให้ พี่มุกดาก็มาขอถ่ายด้วย จากนั้นแม่ป๋อมเดินตามมาอีก แต่อาตมาเดินเร็วกว่า เพราะสมัยธุดงค์ลุยน้ำลุยห้วยมามาก จึงเดินขึ้นไปทางฝั่งขวามือ แล้วอ้อมลงมาที่หน้าน้ำตก ตรงจุดนี้ก็มีคนทำชิงช้าไว้ให้นั่งถ่ายรูปเช่นกัน แต่ประดับดอกไม้ปลอมไว้ฉูดฉาดจนเกินทน อาตมาจึงเดินเลยไปถ่ายรูปบริเวณหน้าน้ำตก น้ำช่วงนี้มีแค่พอท่วมหลังเท้าเท่านั้น แต่เพราะตื้นจึงมีตะไคร่มาก แล้วก็ลื่นมากเช่นกัน ต้องเดินแบบระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1410896383 ถ่ายรูปข้างหน้าพร้อมกับถูกถ่ายด้านหลัง "หลวงพ่อ..ทางนี้ค่ะ" ลูกปุ๊กตะโกนมาจากทางด้านบนน้ำตก มีป้ามอย พี่มุกดากับน้องเล็กอยู่ด้วย อาตมาจึงถ่ายรูปหมู่ให้ ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักชอบใจทางด้านหลัง ก็รู้ว่าโดนแม่ป๋อมถ่ายทำ "เบื้องหลัง" ไปอีกแล้ว บอกเท่าไรไม่เคยฟัง ภาพพวกนี้เก็บไว้เป็นความภูมิใจเองก็ดี แต่บางภาพเมื่อหลุดออกไปแล้ว สาธารณชนจะเกิดคำถามขึ้นมาโดยใช่เหตุ เสียเวลาอธิบายเปล่า ๆ... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1410979672 ได้เวลาฉันเพลแล้ว "เพลแล้วค่ะ" พี่มุกดาตะโกนลงมา อาตมาจึงเดินลุยน้ำขึ้นฝั่ง แล้วอ้อมกลับมาทางเดิม เมื่อไปถึงศาลาที่จองเอาไว้ พี่วิไลเอามะพร้าวอ่อนลูกเบ้อเริ่มมาประเคนให้ เขาเฉาะเปิดฝามาแล้ว มีหลอดเสียบมาให้ด้วย อาตมารับแล้ววางเอาไว้ก่อน เพราะติดนิสัยก่อนฉันอาหารอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงจะไม่ฉันน้ำ ลูกปุ๊ก คุณปัญญา คุณอารี กับคุณราญ ลำเลียงอาหารตามมาติด ๆ... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1411070057 หาเพื่อนร่วมวงไม่เจอจึงต้องกินคนเดียว พี่วิไลรับอาหารมาประเคนให้ มีผัดผักบุ้งไฟแดง ไข่เจียว (แน่นอนว่าต้องใส่น้ำปลาร้ามาด้วย) ต้มยำทะเลที่ตักแบ่งใส่ถ้วยเล็ก เครื่องในไก่ผัดกระเพรา น้ำพริกมะขามพร้อมผักสด ไก่ปิ้ง และปลาช่อนเผาเกลือ ตามมาด้วยมะม่วงทั้งสุกและดิบที่ปอกใส่จานมาเรียบร้อยแล้ว อาตมามองหาจอมคนแห่งกัมโพช ไม่รู้ว่าไปแอบปลงอนิจจังอยู่ที่ไหน ว่าจะชวนพระองค์ท่าน "เหวย" อาหารกลางวันเสียหน่อย กลายเป็นต้องฉันคนเดียวตามเคย... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1411157413 วงนี้ครึกครื้นมาก "ไม่ต้องเหลือนะหลวงพี่ ทางด้านนี้มีแล้ว" พี่วิไลที่กำลังยกหม้อไฟของต้มยำทะเลตะโกนบอกมา พลางจัดการตั้งวงที่ศาลาด้านขวามือ หลังถัดไปก็มีหนุ่มสาวกำลังอร่อยกับอาหารกลางวัน กินไปก็ทำตาหวานใส่กันไปด้วย ส่วนอีกหลังหนึ่งมีทั้งพระทั้งเณรสิบกว่ารูปเหลืองไปหมด ญาติโยมทั้งหญิงและชาย ๖ - ๗ คนกำลังบริการแก่พระเณรอย่างกระตือรือร้น... ป้ามอยเห็นว่ามีมะม่วงเหลืออยู่อีกมาก จึงเอาไปถวายพระเณรวงนั้นด้วย อาตมาฉันเร็วจนเป็นนิสัย เพราะติดมาตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นนักเรียนทหาร ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีก็อิ่มเรียบร้อย จึงยกอาหารที่เหลือให้คุณปัญญากับคุณราญ แล้วเดินข้ามสะพานลอยไปดูซากปรักหักพังของเมืองเก่าทางฝั่งโน้น... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1411242233 บริเวณเมืองเก่าที่ปรักหักพัง เนื่องจากซากเมืองเก่าค่อนข้างจะรก อาตมาจึงไม่ได้เดินลึกเข้าไป แค่วนดูรอบนอกแล้วเดินดูร้านค้าของฝั่งนี้แทน ข้าวของเครื่องใช้ที่นำมาขายก็คล้าย ๆ กัน เพียงแต่ฝั่งนี้มีพวกเสื้อผ้า ผ้าพาด ผ้าถุง หมวก ย่าม มากกว่าทางฝั่งโน้น หยิบเขากวางคุดขึ้นมาอันหนึ่ง ก็เห็นว่าเป็นของปลอมทำขึ้นมาจากไฟเบอร์ เขี้ยวเสือก็เป็นไฟเบอร์ เขี้ยวหมีเป็นของแท้แต่ดันมีข้างเดียว เดินดูไปก็ไม่มีอะไรให้ซื้อ เห็นพอสมควรแก่เวลาจึงเดินกลับ... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1411333336 แจกขนมตามประสานางงามที่ต้องรักเด็ก..! สวนทางกับญาติโยมและพระเณรที่เพิ่งฉันเสร็จ และกำลังข้ามมาเที่ยวฝั่งนี้ เห็นคุณอารีนั่งห้อยขาอยู่ริมสะพานลอย ส่วนป้ามอยยงโย่ยงหยกอยู่ริมน้ำ กำลังส่งขนมให้กับเด็ก ๆ ที่เล่นน้ำกันอยู่สามสี่คน เมื่อกลับไปถึงศาลาก็เห็นพี่วิไลเอาอาหารที่เหลือเลี้ยงเด็กผู้ชายสามคน แต่เด็กแถวนี้คงกินจนไม่มีปัญญาจะกินแล้ว จึงนั่งจิ้ม ๆ เขี่ย ๆ ไก่ปิ้งเล่นมากกว่าที่จะรีบกิน... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1411413770 นอนภาวนา (เสื้อดำคือคุณราญ ส่วนคุณปัญญาเห็นแต่มือกับขาอย่างละข้างเดียว) เพิ่งจะเลยเพลไปสิบกว่านาที ยังไม่สามารถลงจากเขาได้ อาตมาจึงนอนภาวนา ตั้งใจอุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้าที่เจ้าทางทั้งหลาย จะเป็นอากาศเทวดา รุกขเทวดา หรือภุมมเทวดาก็ดี ตลอดถึงเหล่าสัมภเวสี เปรต อสุรกาย หรือสัตว์เดรัจฉานก็ดี "ขอให้ท่านทั้งหลายจงโมทนาส่วนกุศลที่อาตมาได้บำเพ็ญแล้วและอุทิศให้ ประโยชน์และความสุขจะเกิดแก่อาตมาเพียงใด ขอทุกท่านจงได้รับประโยชน์และความสุขนั้นด้วยเถิด.." |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1411503594 เดินทางกลับ (ทำไมไม่มีสาวน่ารักแบบนี้มาเดินด้วยบ้างหนอ ?) นอนหลับไปตื่นหนึ่ง ลุกขึ้นมาก็พอดีพี่วิไลชวนกลับ แต่มีผู้ประท้วงขอเข้าห้องน้ำก่อน บรรดาสาว ๆ จึงไปห้องน้ำกัน อาตมาเดินดูของเป็นการรอไปในตัว จนทั้งหมดตามมาทันจึงเดินไปหารถ ผ่านร้านถ่ายรูปเจ้าเก่า เจ้าของร้านหอบรูปในกรอบมาดักหน้า พลางส่งรูปมาเสนอให้ เฮ้ย..นี่รูปอาตมาเองนี่หว่า..! ไอ้เจ้านี่ร้ายกาจมาก แอบถ่ายรูปอาตมาตั้งแต่ตอนเดินเข้า แล้วเอาไปตัดต่อกับน้ำตกพนมกุเลน ใส่กรอบมาเรียบร้อยเลย ป้ามอยกับลูกปุ๊กก็โดนไปด้วย แต่พวกเราไปไหนก็ "เก็บไว้เพียงความทรงจำ ทิ้งไว้แต่เพียงรอยเท้า" จึงปฏิเสธไปว่าไม่ต้องการ แต่ขอคิดค่าลิขสิทธิ์ที่คุณเอารูปอาตมาไปหากินด้วย ทำเอาเจ้าของร้านถอยกรูด น่าจะรีบไปเปลี่ยนนางกวักใหม่ เพราะไม่ได้ลูกค้าซ้ำยังจะพาเสียเงินอีกด้วย..! |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1411590593 ประตูผาของอุทยานแห่งชาติพนมกุเลน มาถึงรถที่คุณราญติดเครื่องรออยู่ คุณปัญญาเปิดประตูให้พวกเราขึ้นจนครบ พอปิดประตูคุณราญก็นำรถออกทันที เลี้ยวขวาเพื่อเข้าทางหลัก มีรถกำลังลงหลายคัน มีอยู่คันหนึ่งจอดตายเกือบจะปิดทาง ต้องรอเขาเข็น แอบ ทางซ้ายมือ รถตู้ของเราจึงผ่านไปได้... มีรถหกล้อวิ่งนำหน้าอยู่คันหนึ่ง แม้จะกินฝุ่นตามหลัง แต่คุณราญก็ยังหาจังหวะแซงไม่ได้ จนเลยบริเวณประตูผาที่เป็นก้อนหินใหญ่ ทางช่วงนี้กว้างขึ้น คุณราญบีบแตรขอแซงขึ้นไป จึงเห็นว่าข้างหน้ามีรถอีก ๓ ๔ คันวิ่งนำหน้ารถหกล้ออยู่ พลขับของเราแซงไปรวดเดียวทุกคันเลย... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1411675559 คุณอารีพามาซื้อของที่ระลึก ลงมาถึงด่านของทางอุทยาน มีรถจอดเข้าห้องน้ำอยู่หลายคัน คันหนึ่งเป็นรถเก๋งโตโยต้า คัมรี เอารถแบบนี้ลุยป่าขึ้นเขาพนมกุเลน ถ้าไม่รวยจนสิ้นคิดก็นับว่ากล้าหาญมาก พวกเราวิ่งแซงออกมาจนถึงร้านที่คุณอารีลงไปซื้อมะม่วง ไม่รู้ว่าเจ้าของร้านแอบไปนอนที่ไหนแล้ว... ด่านบุญทั้งสองด่านก็เลิกทำงานไปแล้ว น่าจะไปนอนพักกลางวันเช่นกัน ขึ้นทางลาดยางได้คุณราญก็พาวิ่งยาวกลับเข้าเมืองเสียมเรียบ พี่วิไลให้แวะตลาดเพื่อซื้อของที่ระลึกกัน ซึ่งมีแต่พวกเสื้อผ้า เครื่องเงิน อัญมณี และของเก่า เจ้าของร้านพอเห็นก็ทักทายพวกเราเป็นภาษาไทยเกือบทุกร้าน ชักชวนให้ซื้อสินค้าของตนเป็นการใหญ่... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1411759431 บริเวณนี้ "หามจดร็วด" ไม่มีใครมีอารมณ์ซื้อ เพราะนอกจากราคาแพงเพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวแล้ว ยังต้องหอบขึ้นเครื่องบินกลับพนมเปญอีกด้วย พี่วิไลเห็น แขก อย่างพวกเราเดินดูของแบบเซ็ง ๆ จึงชวนไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์เมืองเสียมเรียบ แต่ก็ไม่มีใครสนใจอีก ท้ายสุดจึงต้องให้พลขับไปส่งคุณอารี เพื่อเปลี่ยนตั๋วรถกลับพนมเปญ เนื่องจากตั๋วเดิมรถออกตั้งหนึ่งทุ่ม... ในเมื่อจะจากกันแล้ว อาตมาจึง ถีบ ให้คุณปัญญากับคุณราญคนละ ๑๐ ดอลลาร์ แล้วแอบยัดให้คุณอารีไป ๑๐๐ ดอลลาร์ เพราะเหนื่อยมากกว่าเพื่อน คุณอารีทำตาโตแต่พอเห็นอาตมาตีใบ้เกรงว่าสองหนุ่มจะน้อยใจ จึงได้แต่ ขอบคุณค่ะ ลืมภาษาขแมร์เสียแล้วอีหนูเอ๊ย... คุณราญมาจอดที่หน้าบริษัทขายตั๋วรถ ตรงป้ายที่มีภาษาขอมว่า หามจด พอดีเลย เฮ้อ..ขืนอ่านตรง ๆ แบบนี้ฟังแล้ว เก๊กซิมซี่ คุณอารีไหว้ลาทุกคนแล้ว เข้าไปเปลี่ยนตั๋วและรอรถมารับ ส่วนคุณราญพาพวกเราตรงไปยังสนามบินเสียมเรียบเลย... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1411842162 ฝึกโยคะกับครู "ร้อนวิชา" ล่ำลากันแบบไม่ต้องอาลัย ข้าวของติดตัวของแต่ละคนอย่างมากก็เป็นแค่เป้ใบเดียว เดินเข้าไปในอาคารสนามบินยังคิดว่าผีหลอก เพราะหาคนไม่ได้เอาเลย ส่วนใหญ่คงจะเที่ยวจนหมดวันจึงเดินทางกลับ ที่ขนาดเที่ยวยังขี้เกียจแบบพวกเรานี่ไม่ค่อยจะมี... เข้าห้องน้ำกันแล้วก็ยึดมุมอาคารสนามบินไปมุมหนึ่ง แม่ป๋อมเห็นว่ายังมีเวลาเหลืออีกมาก จึงชวนพี่วิไลเล่นโยคะ เพื่อจะได้หุ่นสวยเป็นธิดาช้างบ้าง ทุกคนจึงไปยก ๆ ยืด ๆ ตามคุณแม่กันหมด ใครทำผิดทำพลาดก็ฮากันแบบไม่ต้องเกรงใจเจ้าหน้าที่ซึ่งนั่งมองตาปริบๆ ปล่อยให้อาตมานั่งอ่าน “คู่มือทหารอาชีพ” ไปคนเดียว... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1411936990 นักท่องเที่ยวเริ่มมากันมากขึ้น บ่ายสามโมงครึ่งเริ่มมีนักท่องเที่ยวเข้ามายังสนามบิน ทุกคนออกกำลังกายเล่นโยคะจนหมดสภาพไปตาม ๆ กัน อาตมาจึงชวนให้ไปตรวจตั๋วได้แล้ว พอได้บัตรขึ้นเครื่องมา พี่วิไลก็แจกให้กับทุกคน ของอาตมาเป็นหมายเลข 2D แปลว่าอยู่ด้านหัวเครื่องติดหน้าต่างเลย เพราะเครื่องบินเล็กจึงมีที่นั่งแค่ด้านละ ๒ แถว โดยทางซ้ายมือเป็นแถว A กับ B ทางขวามือเป็นแถว C กับ D... อาตมาเอากล้องถ่ายรูปกับหนังสือใส่ถาดส่งเข้าเครื่องตรวจ อาราธนาพระบารมีแล้วเดินผ่านเครื่องตรวจจับอัตโนมัติ ผ่านตลอดไม่มีเสียงตามเคย พี่วิไล แม่ป๋อมกับลูกปุ๊ก ที่ตามมาก็ไม่มีปัญหา เครื่องมาดังตอนน้องเล็กเดินผ่าน เจ้าหน้าที่เอาเครื่องตรวจมือถือมากวาดรอบตัว เจอเสียงดังตรงกระเป๋ากางเกง พอล้วงออกมากลายเป็นเศษสตางค์ไปเสียนี่... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1412019478 กะเม็ด..จากบ้านจ่าตุ่ม พี่มุกดาเอาเป้ใส่เข้าเครื่องตรวจ ตัวเองเพิ่งเดินผ่านไป เจ้าหน้าที่ซึ่งคอยดูจออยู่หน้าสายพานก็ตาเหลือก เอะอะกันใหญ่ กะเม็ด (มีด) .. กะเม็ด (มีด) เพราะภาพในจอมีทั้งมีดพับและกรรไกร แค่นี้ก็ทำเป็นตกใจ ถ้าเป็นที่เมืองไทยพี่เขาอาจจะพก กำเพลิง (ปืน) มาด้วยซ้ำไป... มีดพับเป็นฝีมือบ้านจ่าตุ่ม ของ ทำมือ ราคาแพงเสียด้วย อยากจะยึดก็ให้ยึดไปแต่กรรไกร เป็นตายพี่เขาก็ไม่ยอมให้ยึดมีดพับบ้านจ่าตุ่ม จึงต้องเอากระเป๋าเป้ไปโหลดเข้าท้องเครื่องแทน เสียเวลาไปตั้งนาน... ไปนั่งพักกันที่ห้องพักผู้โดยสาร พี่มุกดาบ่นเสียงอ่อย ๆ ว่า ลืมขอให้พระท่านช่วย หมั่นลืมบ่อย ๆ เข้า คงได้ไปนอนใน พันธนาคาร (คุก) เข้าสักวัน อาตมามองออกไปนอกห้องที่เป็นประตูกระจก เห็นเมฆมามืดไปหมด ลักษณะแบบนี้อีกสักครู่ต้องมีฝนตกหนักแน่ ๆ... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1412105953 ข้างนอกฝนกระหน่ำจนเป็นห่วงว่าเครื่องบินจะลงไม่ได้ ผู้โดยสารที่เป็นนักท่องเที่ยวทั้งจีนและฝรั่งเข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ อีกพักใหญ่สายฝนก็กระหน่ำลงมาอย่างหนัก... “พลิงคะลัง” อาตมาบอก พี่วิไลทำหน้างง ๆ “อะไรนะหลวงพี่ ?” “ฝนตกหนัก” “เฮ้ย..คำนี้วิไลยังฟังไม่ออก” อ้าว..แล้วกัน ดูท่าว่าครูชาวบ้านที่ชายแดน จะสอนภาษาเขมรให้เพื่อน ๆ ของอาตมามากกว่าที่คิด ลองว่าคนที่อยู่เขมรมาหลายปีอย่างพี่เขายังฟังไม่ออก แปลว่าอาตมา “ได้มา” มากทีเดียว... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1412194331 น้ำท่วมใครว่าดีกว่าฝนแล้ง ? ค่าเครื่องบินคนละเท่าไรคะพี่วิไล ? น้องเล็กถามขึ้น ๑๙๓ ดอลลาร์ คนละเกือบหกพันบาท ไม่ใช่ของถูกเลยนะนี่ มิน่าล่ะ..ถึงต้องให้คุณอารีนั่งรถทัวร์ทั้งขาไปและขากลับ อากาศเย็นจากฝนตก บวกกับความเย็นจากเครื่องปรับอากาศ ทำให้อาตมาปวดฉี่ จึงขอตัวไป ปุรุสะตบตึ๊ก (ห้องน้ำชาย) ก่อน... กลับออกมาจากห้องน้ำ เห็นสนามบินด้านนอกมีแต่น้ำเจิ่งนองไปหมด ซ้ำฝนก็ยังตกไม่เลิก อาตมาชักจะเป็นห่วง อย่ากังวลไปเลย ข้าพเจ้าขอรับรองว่าไปได้ และปลอดภัยด้วย จอมคนแห่งกัมโพชที่ผ่านเครื่องตรวจเข้ามาตอนไหนก็ไม่รู้ ช่วยบอกให้คลายกังวล... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1412281707 คนที่เตรียมพร้อมที่สุดในเที่ยวบินนี้ ๑๖.๔๐ น. เครื่องจากพนมเปญลงจอด มีรถบัสของทางสนามบินวิ่งไปรับผู้โดยสารแบบทุลักทุเล เพราะเจ้าหน้าที่ต้องกางร่มให้ผู้โดยสารลงมาขึ้นรถทีละคน แล้วค่อยวิ่งรถมาเทียบอาคารสนามบิน ส่งผู้โดยสารลงจากรถอีกที แบบนี้ทำงวงจอดเครื่องบินได้แล้ว... ต้องรอจนเขาทำความสะอาดเครื่องบินเสร็จ รถบัสจึงมารับพวกเราไปขึ้นเครื่อง เจ้าหน้าที่ขอดูบัตรขึ้นเครื่องตั้งแต่เดินเข้าประตูรถบัสเลย พอรถไปเทียบบันไดเครื่องบินก็กางร่มให้ขึ้นเครื่องทีละคน อาตมาซึ่งยืนอยู่ท้ายรถ เห็นมีคนใส่เสื้อกันฝนสีเหลืองมีที่คลุมหัว เดินขึ้นบันไดอย่างสง่างาม ไม่ต้องไปกังวลกับร่มที่บังตัวเองไม่ค่อยมิดเหมือนคนอื่น ๆ... ใครกันนะ.? เตรียมพร้อมดีจัง รำพึงกับตัวเองยังไม่ทันจบ แม่ป๋อมที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ก็บอกว่า มณีวรรณค่ะ หา..ป้ามอยเองหรอกหรือ ? นึกว่าเป็นคนอื่นเสียอีก พอดีถึงคิวของตัวเอง อาตมาจึงให้เขากางร่มเดินขึ้นเครื่องไปแบบตัวลีบ ๆ หน่อย เพราะร่มเล็กเกินไป... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1412363868 แม่น้ำโขงที่ขุ่นคลั่กเป็นสีกาแฟใส่นมเยอะ ๆ นั่งยังที่ของตัวเอง รัดเข็มขัดเรียบร้อยแล้ว ก็หลับตาส่งจิตถึงเจ้าที่เจ้าทางทั้งหลาย ที่รักษาตลอดเส้นทางเสียมเรียบ พนมเปญ ขอให้ช่วยดูแลรักษาความปลอดภัยให้ด้วย ลืมตาขึ้นมาพอดีเจ้าหน้าที่บนเครื่องเอาผ้าเย็นมาส่งให้ พอเขาสาธิตการช่วยชีวิตเสร็จเครื่องก็ออกทันที... มองออกไปทางหน้าต่าง เห็นแม่น้ำโขงที่คดเคี้ยวเป็นงูเลื้อย และโตนเลสาบซึ่งเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดของเขมร มีน้ำสีโคลนขุ่นคลั่ก คงมาจากฝนที่ตกหนักนั่นเอง ยังดีที่มาตกเอาตอนพวกเรากลับแล้ว ถ้าตกตอนกำลังเที่ยวอยู่มีหวังงานกร่อยแน่ ๆ จะ "ขอบพระทัยฝ่าบาท" ก็ไม่ทราบว่าฝ่าบาทไปอยู่เสียที่ไหน สงสัยว่าคงจะลืมซื้อตั๋วเครื่องบิน สักครู่หนึ่งเมฆหนาทึบก็บังทิวทัศน์ข้างล่างไปหมด... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1412451084 ภายในสนามบินโปเชงตง พนักงานสาวเอาอาหารกล่องมาส่งให้ อาตมาหยิบเอามาเฉพาะน้ำ ที่เหลือส่งให้แม่ป๋อมที่นั่งอยู่แถวหลังไป เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรน่าสนใจ อาตมาก็ส่งใจไปกราบพระ รักษากำลังใจให้สงบเย็นอยู่ที่นั่น จนกระทั่งได้ยินเสียงประกาศให้รัดเข็มขัด จึงลืมตาขึ้นมาดูโลกใหม่... กัปตันนำเครื่องลดระดับลงสู่สนามบินโปเชงตง พอลงจากเครื่องพวกเราก็เผ่นไปเข้า “ตบตึ๊ก” กันก่อน ไม่รู้ว่าตึกไปทำอะไรให้โกรธนักหนา ถึงได้โดนตบอยู่ทุกบ่อย พอตบเสร็จก็มารอกระเป๋าของพี่มุกดา กว่าจะมาได้ก็เล่นเอาเกือบค่ำ ออกมาเจอนายลอนมารอรับอยู่ "จุมเรียบซัวครับโลก" เออ..สวัสดี..ตกลงว่าคุณจะใช้ภาษาอะไรกันแน่วะ ? |
1 Attachment(s)
นายลอนกุลีกุจอช่วยหิ้วกระเป๋าขึ้นรถให้ ออกจากสนามบินมาก็เจอรถติดหนุบหนับ พี่วิไลบอกว่าที่นี่เขาถือว่าวันเสาร์เป็นวันเที่ยว วันอาทิตย์เป็นวันพักผ่อน วันนี้เป็นวันเสาร์ คนจึงเฮกันออกมาเที่ยวนอกบ้าน ทำให้รถติดมากเป็นพิเศษ ต้องกระดืบไปทีละคืบทีละศอก ยังดีที่ไป "ตบตึก" กันมาแล้ว ไม่อย่างนั้นคงทรมานน่าดู... เฮ้ย..กางเกงยีนส์ตัวละ ๔ เหรียญเอง แม่ป๋อมตะโกนพลางชี้ให้ดู เล่นเอาหลายคนทำท่าจะตะกายลงจากรถ พี่วิไลหัวเราะพลางบอกว่า "ใจเย็น ๆ ตรงนี้เรียกว่าตลาดรัสเซีย มีของดีราคาถูกเยอะแยะ พรุ่งนี้ค่อยมาดูก็ยังทัน วันนี้ค่ำแล้ว กลับไปบ้านกันก่อน เรื่องเสื้อผ้าราคาถูกจึงกลายเป็นจุดสนใจจนลืมรถติดไปเลย... |
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1412634517 กรุงพนมเปญในยามค่ำคืน ผ่านย่าน “กะบาลมอนไจย (ถนนหัวไก่)” จนเลี้ยวเข้าบ้านแล้ว ยังคุยกันเรื่องกางเกงยีนส์ไม่เลิก อาตมาเผ่นขึ้นลิฟท์ไปยังห้องพักชั้นดาดฟ้า ไม่ใส่ใจแม้แต่การลาของจอมคนแห่งกัมโพช รีบสรงน้ำเปลี่ยนผ้า แล้วหอบชุดเก่าลงมาหาที่ซัก พี่วิไลตะโกนบอกลูกน้องให้มารับเอาไปใส่เครื่องปั่นให้... อาตมาไปยืมที่ชาร์จแบตเตอรี่กล้องถ่ายรูปจากแม่ป๋อม แม้ว่าจะเป็นยี่ห้อเดียวกันแต่เป็นคนละรุ่น จึงไม่สามารถที่จะใช้แทนกันได้ ต้องกดให้จุดสัมผัสของก้อนแบตเตอรี่ไปชนกับเขี้ยวของแท่นชาร์จ แล้วเอาหนังสือทับไว้จึงยอมชาร์จให้... เกือบจะหนึ่งทุ่มแล้ว อาตมาฝากให้พี่วิไลช่วยเอาผ้าไปตากให้ด้วย แล้วกลับขึ้นไปยังห้องพัก นอนภาวนาแผ่เมตตาไปยังสรรพสัตว์ทั้งหลาย ขอให้ทุกชีวิตจงล่วงพ้นจากกองทุกข์ มีแต่ความสุขความเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป แล้วส่งใจไปกราบพระตามปกติ... |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 14:31 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.