![]() |
ถาม : คนที่เกิดในสมัยปัญญาธิกะกับวิริยะธิกะ อารมณ์ใจของคนที่เกิดทั้งสองสมัยต่างกันหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ถ้าเปรียบกับปัจจุบันนี้ ก็เหมือนคนภาคเหนือกับคนภาคใต้ คุณจะรู้สึกว่า คนในสมัยวิริยะธิกะเหมือนกับคนภาคเหนือที่มีความสงบเยือกเย็นมากกว่า หรือถ้าเปรียบระหว่างคนสมัยโบราณกับคนสมัยนี้ คนสมัยโบราณรุ่นปู่ย่าตายาย มีความสงบร่มเย็น อยู่ในศีลกินในธรรมเป็นปกติ แต่รุ่นของพวกเรานี่หาดีได้ยาก คนในสมัยวิริยะธิกะเขามีศีล สมาธิ ปัญญาเป็นอัตโนมัติ เหมือนกับดอกบัวขึ้นเหนือน้ำ รอเวลากระทบแสงอาทิตย์เท่านั้น ถาม : แต่ก็มีคนไม่บรรลุธรรมอยู่ใช่ไหมครับ ? ตอบ : ถ้าเป็นศรัทธาธิกะ อาจจะเหลือบ้าง แต่ถ้าเป็นวิริยาธิกะ น่าจะบรรลุหมด ช่วงนั้นเป็นช่วง "อบายภูมิปิด" เพราะทุกคนทรงความดีสูงมาก โอกาสที่จะลงไม่มี |
ถาม : ตอนที่ผมนั่งสมาธิ แล้วเห็นกายในลอยออกไป นึกไปนิพพานก็ไม่ไปครับ รู้สึกว่าเป็นร่างที่ต้องเดินไปเดินมา
ตอบ : กายในที่ออกไปแล้ว แต่ขาดการพิจารณาตัดร่างกาย เมื่อขาดการวิปัสสนามักจะหาทางไปไม่ถูก วนเวียนไปวนเวียนมาอยู่พักหนึ่ง หาทางไปไหนไม่ถูก..ก็กลับดีกว่า..! |
ถาม : ทำไมเด็กบางคนถึงบอกหวยได้ถูก ?
ตอบ : จะบอกว่ามั่วได้ไหม ? จริง ๆ แล้วพื้นฐานทิพจักขุญาณเดิมของเขามีอยู่ ตอนเด็ก ๆ จิตเขายังผ่องใสอยู่ ไม่โดนกิเลสเบียดบังมากเหมือนผู้ใหญ่ |
ถาม : พอดีน้าจะเปิดร้านที่ต่างประเทศ
ตอบ : เปิดร้านวันไหนก็ได้ เว้นวันศุกร์ |
ถาม : การที่เราไปเข้าพิธีบวงสรวงที่เขาบอกว่าเป็นสิริมงคลแก่ตัวเอง มันเป็นสิริมงคลเพราะว่าอะไรหรือคะ ?
ตอบ : นึกถึงพระก็เป็นอนุสติ นึกถึงเทวดาก็เป็นอนุสติ มีการสมาทานศีล ภาวนา ล้วนแล้วแต่เป็นความดีทั้งนั้น ถาม : มีอย่างอื่นอีกไหมคะ ? อย่างรับน้ำมนต์ ได้พรจากเทวดา ตอบ : อย่างนั้นอยู่ที่เราขอ |
ถาม : เวลาที่หนูนึกถึงพระพุทธรูป หนูเคยอ่านหนังสือเจอว่า อย่าทิ้งอานาปานสติ แล้วอย่างนี้หนูต้องทำอย่างไรคะ ?
ตอบ : นึกถึงภาพพระไปด้วยและกำหนดลมหายใจไปด้วย ภาพพระไหลตามลมหายใจเข้าไปและไหลตามลมหายใจออกมา จะองค์เล็กองค์ใหญ่ตามแต่ที่เรานึก หายใจเข้า...เล็กปรื๊ดลงไป หายใจออก...ใหญ่ปรื๊ดขึ้นมา นึกไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวภาพพระชัด คราวนี้ถ้าภาพพระชัดขึ้น ข้อสอบจะออกอะไรมาก็ถามพระท่านได้ |
ถาม : แล้วหนูจะนึกถึงภาพพระองค์ไหนดีคะ ?
ตอบ : หนูชอบพระองค์ไหนละ ? ถาม : ตอนแรกหนูก็นึกได้ พอนาน ๆ ไปก็ลืม พอเริ่มต้นองค์ใหม่ก็ลืมอีกค่ะ ? ตอบ : ต่อไปหาเวลาว่าง เอาพระพุทธรูปองค์หนึ่งตั้งไว้ตรงหน้า มองท่านแล้วหลับตานึก พอเลือนก็ลืมตาดูใหม่แล้วมอง หลับตานึกถึง ทำอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ เอาพระแก้วใสก็ได้ อย่าให้องค์ใหญ่มาก ทำอย่างนั้นบ่อย ๆ เดี๋ยวก็ติดตาเอง |
ถาม : ถ้าหนูนึกถึงพระศรีศากยทศพล ถ้าหนูตายแล้วหนูจะได้ไปนิพพานไหมคะ ?
ตอบ : เราต้องคิดด้วยว่าพระพุทธเจ้าท่านอยู่บนพระนิพพาน เราเห็นท่านก็เท่ากับเราอยู่กับท่าน เราอยู่กับท่านก็เท่ากับเราอยู่บนพระนิพพาน แล้วเอาจิตกำหนดรูปท่านไปเรื่อย ๆ |
ถาม : ถ้าคนบนโลกที่จะต้องแต่งงาน มีวิธีลดความทุกข์ในการแต่งงานได้อย่างไรบ้าง ชีวิตคู่จึงจะดี ?
ตอบ : ปฏิบัติให้เป็นพระโสดาบันทั้งคู่ ถาม : ถ้าทำไม่ได้ พอจะมีอย่างอื่นไหมครับ ? ตอบ : ไม่มี ความทุกข์ทุกอย่างมีอยู่เป็นปกติอยู่แล้ว ถ้าหากเราไม่เห็นทุกข์จนเป็นพระอริยเจ้า แล้วปล่อยวางได้บ้าง ก็แปลว่ายังทุกข์เท่ากับคนอื่นเหมือนกัน |
ถาม : ที่บอกว่าให้ภาวนาควบคู่กับงานเฉพาะหน้า ถ้าเราไม่ภาวนาแต่เราอาศัยจับลมหายใจเข้าออก จะเหมือนหรือต่างกันไหมคะ ?
ตอบ : การภาวนาก็คือ การจับลมหายใจเข้าออก..! |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:49 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.