กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   ประวัติและปฏิปทาของพระสุปฏิปันโน (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=21)
-   -   หนังสือ...เย็นหิมะในรอยธรรม (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=1117)

ตัวเล็ก 04-11-2009 08:38

เรื่องที่ทราบอยู่แล้วนี้ หากสามารถทำให้เกิดเป็นความคิดขึ้น และปฏิบัติตามความคิดนั้น ก็กล่าวได้ว่า เป็นสิ่งประเสริฐ ซึ่งท่านผู้ปฏิบัติ ย่อมมีเหตุผลชัดเจนอยู่ในความรู้สึกแล้วทั้งนั้น ไม่จำเป็นจะต้องกล่าวเสริมในที่นี้ เพียงแต่ให้ทุกท่านที่ได้รับโอกาสนี้ ฝึกอบรมเพื่อไปปฏิบัติหน้าที่พระธรรมทูต ได้เห็นความสำคัญของความคิดและการปฏิบัติ ดังที่กล่าวมาแล้ว

เมื่อปฏิบัติได้เช่นนี้ ก็จะเป็นไปตามที่ท่านเจ้าคุณอธิการบดีได้กล่าวรายงานว่า งานส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัย คือ สนองงานของคณะสงฆ์ส่วนรวมตามที่ควรจะปฏิบัติได้

ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ในบ้านเมืองของเรา มีระบบการปกครองดูแลวัดวาอารามพระภิกษุสามเณร เป็นหลักปฏิบัติที่ชัดเจน แตกต่างจากเถรวาทด้วยกันในประเทศอื่น ๆ ทั้งนี้ทราบกันดีว่า เพราะพระเนตรยาวไกลขององค์พระมหากษัตริย์ ตั้งแต่ยุคต้น ๆ ของการเกิดขึ้นแห่งประเทศไทยในโลก จนกระทั่งถึงสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระปิยมหาราช รัชกาลที่ ๕ พระองค์ได้ทรงตราพระราชบัญญัติลักษณะปกครองคณะสงฆ์ เป็นเหตุให้คณะสงฆ์ในประเทศไทยมีหลักเกณฑ์ต่าง ๆ สามารถที่จะคุมให้เป็นกลุ่มเป็นก้อนสมกับคำว่า “สังฆมณฑล” ความเป็นกลุ่มเป็นก้อนที่คุมกันขึ้นนี้ ถ้าพิจาณาให้ดีแล้วก็จะเห็นว่า มีคุณมากทั้งแก่พระพุทธศาสนาเอง ทั้งแก่ประเทศไทย

ตัวเล็ก 05-11-2009 10:55

หากว่าขาดความเป็นกลุ่มเป็นก้อน ก็จะไม่สามารถมองเห็นความสำคัญของพระพุทธศาสนา ในบ้านเมืองเรา ที่องค์พระมหากษัตริย์ ได้ตราพระราชบัญญัติลักษณะการปกครองคณะสงฆ์ขึ้นไว้

สังฆมณฑลที่รวมกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน ในประเทศไทยของเรา ได้อาศัยสติปัญญาที่ลึกซึ้งของบูรพาจารย์ ที่ท่านเห็นความสำคัญแห่งความเป็นกลุ่มเป็นก้อน สมกับคำว่า สังฆมณฑล ท่านจึงช่วยกันประคับประคองพระศาสนา จนในบางครั้งบางคราว ถึงกับจะต้องเอาชีวิตเข้าแลก เพื่อรักษาพระศาสนา ตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยเป็นต้นมา และท่านได้แสดงความสามารถให้เห็นว่า แม้จะมีเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้นกับบ้านเมือง แต่ท่านก็แสดงความหนักแน่น ในการที่จะประคับประคองสังฆมณฑลนั้น ไม่ให้ถูกเปลี่ยนแปลง ยังคงหนักแน่นอยู่เหมือนเดิม จนกระทั่งในยุคปัจจุบัน

ตัวเล็ก 06-11-2009 08:32

ขณะนี้ ได้เกิดมหาวิทยาลัยทางศาสนาขึ้นแล้ว มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย อันประกอบด้วยพระเถรานุเถระผู้บริหารเป็นต้น สามารถที่จะปฏิบัติตามพระเถระบูรพาจารย์เหล่านั้น จึงสามารถดำเนินการด้านต่าง ๆ ให้เป็นไปสอดคล้องกับยุคสมัย สามารถที่จะปฏิบัติให้บุคลากรทางศาสนา คือ พระภิกษุสามเณรสามารถบำเพ็ญประโยชน์ ให้กว้างออกไปได้ ไม่ใช่จำกัดตัวเองให้อยู่แต่ในประเทศของตน หรือทำหน้าที่เฉพาะแต่ของตน ซึ่งเหมือนกับว่า เป็นการย่อตัวเองให้แคบลง จนกระทั่งกระดิกตัวไม่ได้

การที่เห็นกว้างออกไป ปรากฏดังที่กล่าวโดยย่อนี้ ทำให้เราทั้งหลายที่ร่วมกันในสมัยนี้ เกิดความยินดีในการปฏิบัติแห่งตนว่า เราจะใช้ความสามารถของตนอย่างเต็มที่ ในการที่จะรักษาสังฆมณฑล และทำความสำคัญของสังฆมณฑล ในประเทศไทยให้ออกไปสู่สายตาโลก

จะเป็นข้อที่น่ายินดี และ ภูมิใจร่วมกัน

ตัวเล็ก 07-11-2009 06:49

ขอให้พระธรรมทูตทุกรูป ได้ตระหนักในเรื่องนี้ให้สูง และ ทำความเข้าใจในเรื่องต่าง ๆ อย่างรอบด้าน ไม่ใช่มองแต่เพียงสองด้านหรือด้านเดียว ไม่ใช่มองด้านใดด้านหนึ่ง แต่ต้องมองให้รอบด้าน แล้วเราก็จะสามารถช่วยกันรักษาพระพุทธศาสนาไว้ได้ สามารถที่จะรักษาสถาบันที่สำคัญ คือสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ไว้ได้

ถ้าบ้านเมืองของเรา ไม่มีสถาบันทั้ง ๓ จะมีปัญหาอย่างไรนั้น ไม่มีใครพยากรณ์ได้ แต่นั่นก็หมายความว่า เราก็จะต้องประสบกับภาวะอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งจะเป็นไปอย่างไร ก็ไม่มีใครสามารถที่จะคาดเดาได้เช่นเดียวกัน แต่สภาพที่เป็นอยู่ขณะนี้ เห็นเป็นที่ปรากฏชัดเจนว่า เพราะเรามีสถาบันทั้ง ๓ คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราจึงพอจะมีความผาสุกสวัสดี อยู่กันอย่างน่าภูมิใจว่า เป็นคนไทยอยู่ในประเทศไทย แม้จะไม่สามารถพัฒนาด้านต่าง ๆ ได้สูง แต่ความสุขสวัสดีของเราทั้งหลายในประเทศ พอที่จะกล่าวได้ว่า เป็นที่ภูมิใจของเราแล้ว และยิ่งกว่านั้น ก็คือ ความมีคุณค่าทางจิตใจของเราทั้งหลายที่เรามีอยู่นั่นเอง

ตัวเล็ก 08-11-2009 06:44

นี่เป็นการกล่าวรวมทั่ว ๆ ไป ซึ่งท่านทั้งหลายผู้รับผิดชอบพระศาสนาร่วมกัน จะต้องมีความรู้สึกไปในทางเดียวกัน และช่วยกันจรรโลงพระศาสนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไว้ให้แก่ชาวโลก

โดยเฉพาะในส่วนของการปฏิบัติหน้าที่พระธรรมทูตในต่างประเทศนั้น ทุกองค์ได้รับการถวายความรู้ความเข้าใจในด้านต่าง ๆ แล้ว ทำให้ได้เห็นกว้างออกไปว่า จะต้องปฏิบัติอย่างไร

ตัวเล็ก 09-11-2009 07:23

การเป็นพระธรรมทูตไม่ใช่เรื่องง่าย
 
ท่านผู้มีความรู้ ท่านบัญญัติศัพท์ ในภาษาไทยว่า “ต่างประเทศ” เป็นคำที่เหมาะเหลือเกิน และเตือนใจเราทั้งหลายโดยเฉพาะพระธรรมทูต ท่านใช้คำว่า “ต่างประเทศ” ก็คือ ไม่ใช่ประเทศของเรา พอเหยียบอีกประเทศหนึ่ง นั่นก็คือ ไม่ใช่บ้านของเรา เราจะไปอยู่เพื่ออะไร จะไปอยู่ให้เขาเกิดความรู้สึกกับเราอย่างไร ให้เขาเกิดความรู้สึกต่อประเทศชาติบ้านเมืองของเราอย่างไร ให้เขาเกิดความรู้สึกต่อพระศาสนาของเรา ตลอดจนสถาบันพระมหากษัตริย์ของเรา ที่เกี่ยวข้องกับพระศาสนาโดยตรงอย่างไร ไม่ใช่ประเทศของเราเอง เป็นประเทศที่ต่างออกไป

ท่านที่เป็นนักปราชญ์บัณฑิต มีความรู้ความสามารถ ท่านจึงกล่าวว่า การไปปฏิบัติหน้าที่ในต่างประเทศนั้น เป็นการไปปฏิบัติหน้าที่แทนคนไทยทั้งประเทศ คนไทยทั้งประเทศ ต่างเพศ ต่างวัย ต่างความรู้ ต่างฐานะ ต่างกันโดยประการต่าง ๆ แต่ก็ต้องประยุกต์ลงในชีวิตของพระธรรมทูต เมื่อไปปฏิบัติหน้าที่เช่นนี้ ก็ยิ่งมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น ว่า จะต้องปฏิบัติให้เหมาะสมอย่างไร ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น

ตัวเล็ก 10-11-2009 01:24

ทุกองค์ทราบประวัติดี เฉพาะที่เมืองไทยนี้ องค์พระอรหันต์สองรูปมาประเทศไทยในยุคนั้น เดินทางมาจากประเทศอินเดีย มายังสุวรรณภูมิ ซึ่งขณะนั้นยังไม่เกิดเมืองไทยขึ้นในโลก

คุณสมบัติของพระอรหันต์สองรูปนั้น มีกล่าวไว้ในคัมภีร์อรรถกถาพระวินัยสั้น ๆ แต่ใจความชัดเจนเหลือเกิน ที่ทุกองค์ทราบดี ท่านใช้คำว่า “มหิทธิกา” เป็นคุณสมบัติโดยเฉพาะของพระอรหันต์สองรูป ท่านเป็นมหิทธิกะ ทรงฤทธิ์ที่ใหญ่หลวงสามารถที่เหยียบย่างลงที่สุวรรณภูมิได้

ภารกิจเบื้องแรกของท่านทั้งสอง ท่านจะต้องทำความเข้าใจกับคนในสุวรรณภูมินี้ ให้รู้ว่าท่านไม่ใช่ภูตผีปีศาจมาแต่ไหน แต่เป็นพระในพระพุทธศาสนา ที่มีสภาพการเป็นอยู่อย่างนี้ ให้คนในถิ่นสุวรรณภูมิ ได้เห็นความสำคัญขึ้นไปเรื่อย ๆ จนมั่นใจได้ว่า ท่านทั้งสองรูปนี้ เป็นผู้นำประโยชน์มาให้ เป็นผู้นำขุมทรัพย์อันใหญ่หลวงมาให้ ท่านจึงสามารถประดิษฐานพระพุทธศาสนาในสุวรรณภูมิได้

ตัวเล็ก 11-11-2009 07:46

เป็นเรื่องที่ทราบกันอยู่แล้ว เพียงนำมากล่าวเพื่อให้ท่านทั้งหลายที่เป็นพระธรรมทูตได้มีความเข้าใจ ในความสำคัญของพระธรรมทูตสองรูปนั้น อย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะคุณสมบัติที่ท่านกล่าวไว้ว่า เป็นมหิทธิกะ หรือ ทรงความเป็นมหิทธิกะ มีฤทธิ์อย่างใหญ่หลวง

การไปปฏิบัติหน้าที่เป็นพระธรรมทูตในต่างประเทศ ในยุคนี้แม้จะแตกต่างกันโดยกาลสมัย สถานที่ บุคคล แต่ว่าปัญหาที่จะต้องเผชิญ เข้าใจว่าคงอยู่ในลักษณะคล้าย ๆ กัน เพียงแต่ว่าต่างรูปแบบ

รวมความแล้ว การไปเป็นพระธรรมทูต ไม่ใช่เป็นเรื่องง่าย และไม่ใช่เป็นเรื่องสนุก ไม่ใช่เป็นเรื่องของการไปเที่ยว แต่เป็นเรื่องของการไปปฏิบัติหน้าที่ นำพระศาสนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปมอบแก่คนทั้งหลาย ซึ่งไม่ใช่เป็นบ้านของเรา แม้ส่วนหนึ่งจะเป็นคนไทย แต่ก็เป็นคนไทยในต่างแดน และเป็นคนไทยที่เกิดในต่างแดนไปแล้ว ยังดียู่ที่ว่า ความเป็นไทยยังมีอยู่ และสามารถที่จะทำความเข้าใจกันได้ง่าย

ตัวเล็ก 12-11-2009 06:56

การปฏิบัติหน้าที่ พระธรรมทูตในต่างประเทศ จะยากเย็นแค่ไหนเพียงไร เข้าใจว่า พระธรรมทูตรุ่นพี่ ๆ คงจะได้มาถวายความรู้อย่างกว้างขวางไปแล้ว เช่น ท่านเจ้าคุณพระพรหมวชิรญาณ วัดยานนาวา ซึ่งเป็นประธานเจริญชัยมงคลคาถา อยู่ขณะนี้ ท่านก็ได้ไปปฏิบัติหน้าที่เป็นพระธรรมทูตยาวนานพอสมควร ก็สามารถที่จะถ่ายทอดให้บรรดาท่านที่จะไปปฏิบัติหน้าที่พระธรรมทูต ได้รับทราบว่า จะต้องพบกับสิ่งใดบ้าง เป็นต้น

แต่ว่าความพร้อมที่ได้รับจากการถวายความรู้ รวมทั้งการปฏิบัติอื่น ๆ ทั้งสามภาค ดังที่ท่านเจ้าคุณอธิการบดีได้กล่าวในรายงานนั้น ทำให้มั่นใจได้ว่า ทุกรูปจะสามารถปฏิบัติหน้าที่พระธรรมทูตให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ได้ จึงขอโอกาสนี้ แสดงความยินดีไว้ต่อทุกท่าน

ขอขอบคุณมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ที่ได้แบ่งเบาภาระของคณะสงฆ์ ช่วยการจัดทำงานส่วนนี้ให้สำเร็จ ขออนุโมทนากรมการศาสนา ซึ่งในขณะนี้ มีท่านธำรง อมโร รองอธิบดีกรมการศาสนา มาร่วมในพิธีนี้ด้วย และขออนุโมทนาในกุศลศรัทธาของทุกท่าน ที่ได้ช่วยเหลือเกื้อกูลงานของพระธรรมทูตมาโดยลำดับ จนกระทั่งถึงรุ่นที่ ๘ ไม่ได้ขาดสายเลย มีแต่เพิ่มขึ้น ๆ โดยลำดับ และเพิ่มขึ้นด้วยน้ำใจ ไม่ใช่เพิ่มขึ้นโดยฝืน หากว่าฝืนใจทำ ก็คงจะเป็นไปไม่ได้อย่างนี้ ทุกท่านทำด้วยความเต็มใจ จึงทำให้งานการฝึกอบรม พระธรรมทูตได้เป็นไปด้วยดี บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้

ตัวเล็ก 13-11-2009 19:46

การปฏิบัติหน้าที่ พระธรรมทูตในต่างประเทศ จะยากเย็นแค่ไหนเพียงไร เข้าใจว่า พระธรรมทูตรุ่นพี่ ๆ คงจะได้มาถวายความรู้อย่างกว้างขวางไปแล้ว เช่น ท่านเจ้าคุณพระพรหมวชิรญาณ วัดยานนาวา ซึ่งเป็นประธานเจริญชัยมงคลคาถา อยู่ขณะนี้ ท่านก็ได้ไปปฏิบัติหน้าที่เป็นพระธรรมทูตยาวนานพอสมควร ก็สามารถที่จะถ่ายทอดให้บรรดาท่านที่จะไปปฏิบัติหน้าที่พระธรรมทูต ได้รับทราบว่า จะต้องพบกับสิ่งใดบ้าง เป็นต้น

แต่ว่าความพร้อมที่ได้รับจากการถวายความรู้ รวมทั้งการปฏิบัติอื่น ๆ ทั้งสามภาค ดังที่ท่านเจ้าคุณอธิการบดีได้กล่าวในรายงานนั้น ทำให้มั่นใจได้ว่า ทุกรูปจะสามารถปฏิบัติหน้าที่พระธรรมทูตให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ได้ จึงขอโอกาสนี้ แสดงความยินดีไว้ต่อทุกท่าน

ขอขอบคุณมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ที่ได้แบ่งเบาภาระของคณะสงฆ์ ช่วยการจัดทำงานส่วนนี้ให้สำเร็จ ขออนุโมทนากรมการศาสนา ซึ่งในขณะนี้ มีท่านธำรง อมโร รองอธิบดีกรมการศาสนา มาร่วมในพิธีนี้ด้วย และขออนุโมทนาในกุศลศรัทธาของทุกท่าน ที่ได้ช่วยเหลือเกื้อกูลงานของพระธรรมทูตมาโดยลำดับ จนกระทั่งถึงรุ่นที่ ๘ ไม่ได้ขาดสายเลย มีแต่เพิ่มขึ้น ๆ โดยลำดับ และเพิ่มขึ้นด้วยน้ำใจ ไม่ใช่เพิ่มขึ้นโดยฝืน หากว่าฝืนใจทำ ก็คงจะเป็นไปไม่ได้อย่างนี้ ทุกท่านทำด้วยความเต็มใจ จึงทำให้งานการฝึกอบรม พระธรรมทูตได้เป็นไปด้วยดี บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้

ตัวเล็ก 14-11-2009 06:50

ในโอกาสอันเป็นมงคลร่วมกันนี้ ขอพรจากพระศรีรัตนตรัยบุญบารมีเดชอำนาจแห่งบูรพาจารย์บรรพบุรุษ สิ่งที่ทรงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์สำคัญทั้งหลาย ทั้งในที่ใกล้และในที่ไกล ได้โปรดประทานพรให้พระธรรมทูตทุกท่าน ได้สามารถปฏิบัติหน้าที่พระธรรมทูต ให้ลุล่วงตามวัตถุประสงค์

ขอให้พระเถระเจ้าหน้าที่ ของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ได้ถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์ ในพระศาสนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอให้ท่านได้มีความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน และชีวิตของแต่ละท่านให้ได้ ประสบความสำเร็จในสิ่งที่ประสงค์ทั่วกัน เทอญฯ

ตัวเล็ก 15-11-2009 07:09

อุทิศกายอุทิศใจเพื่อพระรัตนตรัย
 
พุทธัสสาหัสมิ ทาโสวะ
เราเป็นทาสของพระพุทธองค์


ขอแสดงความยินดี ที่เพื่อนสหธรรมมิกผู้เข้ารับการฝึกอบรมรุ่นนี้ ได้ผ่านขั้นตอนมาโดยลำดับ จนได้รับวุฒิบัตรเป็นการยืนยันได้ว่า ทุกรูปมีความพร้อม ที่จะไปปฏิบัติงานพระธรรมทูตในต่างประเทศได้ และยังได้กล่าวคำปฏิญาณตนชัดเจน ซึ่งคำกล่าวปฏิญาณตนนั้น แม้ทุกรูปจะเคยกล่าวเป็นภาษาบาลีอยู่เป็นประจำว่า พุทธัสสาหัสมิ ทาโสวะ ธัมมัสสาหัสมิ ทาโสวะ สัมฆัสสาหัสมิ ทาโสวะ

แต่เมื่อได้กล่าวคำปฏิญาณเป็นภาษาไทยว่า เราเป็นทาสของพระพุทธเจ้า เราเป็นทาสของพระธรรมเจ้า เราเป็นทาสของพระสังฆเจ้า ดังนี้ อีกครั้งหนึ่ง ก็เป็นการยืนยันถึงความตั้งใจที่แน่วแน่ในการที่จะไป ปฏิบัติงานในต่างประเทศ เป็นการประกาศที่จะอุทิศกายอุทิศใจ อย่างแน่วแน่

ตัวเล็ก 16-11-2009 07:44

ท่านสาธุชนผู้ให้การอุปถัมภ์โดยประการต่าง ๆ ก็จะเกิดความโสมนัสปรีดาปราโมทย์ว่า ได้ให้การอุปถัมภ์แก่พระภิกษุ ผู้อุทิศกายอุทิศใจ เพื่อพระรัตนตรัย ในการไปปฏิบัติงานในต่างประเทศ ยิ่งทำให้เกิดปีติโสมนัส ซึ่งน่าจะอนุมานได้ว่า เหมือนกับพระราชโสมนัสของพระเจ้าอโศกมหาราช ที่ส่งพระสงฆ์สาวกออกไปประกาศพระศาสนาในต่างประเทศ และมาถึงแดนสุวรรณภูมิ ที่กล่าวกันในปัจจุบันนี้ว่า “นครปฐม” พระเจ้าอโศกมหาราช จะทรงมีพระราชโสมนัสมากแค่ไหนเพียงไร ไม่มีใครสามารถที่จะทราบได้ ทราบกันโดยประวัติว่า ทรงมีพระราชปณิธานแน่วแน่ที่จะให้พระพุทธศาสนาปรากฎอยู่ในโลกทุกแห่ง เท่าที่จะทรงปฏิบัติได้ ซึ่งก็เป็นไปตามพุทธปณิธานขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่จะให้พระสงฆ์สาวกจาริกไปในที่ต่าง ๆ ทั่วโลก

ความปีติโสมนัสของท่านทั้งหลายที่ให้การอุปถัมภ์จึงเป็นส่วนหนึ่งที่เกิดขึ้นในใจของท่านทั้งหลาย

เพราะความร่วมแรงร่วมใจ ของพระเถระทั้งภายในและต่างประเทศ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ที่ได้ช่วยกันเอาใจใส่ในงานนี้ ด้วยความตั้งใจแน่วแน่ฝ่าฟันอุปสรรคประการต่าง ๆ มากบ้างน้อยบ้าง เมื่อปรากฏผลสำเร็จในเบื้องต้น ก็ทำให้มีความตั้งใจว่า การประกาศพระศาสนาในต่างประเทศ คงจะสืบต่อไปได้เป็นระยะกาลยาวนาน และสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ที่จะทำหน้าที่ในด้านนี้

ตัวเล็ก 17-11-2009 21:59

ท่านพระเถรานุเถระของมหาวิทยาลัย ที่พยายามตั้งใจที่จะให้งานส่วนนี้สำเร็จลงตามวัตถุประสงค์ ซึ่งน่าอนุโมทนาเป็นอย่างยิ่ง

ในรายงานที่ท่านเจ้าคุณอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยได้กล่าวแล้วนั้น ทำให้ทุกท่านได้ทราบว่า การดำเนินการได้เริ่มต้นมาโดยลำดับอย่างไร พร้อมทั้งกล่าวถึงความจำเป็นในการที่จะต้องให้มีการฝึกอบรม เพื่อสนองงานของพระพุทธศาสนาโดยตรง

ข้อที่ท่านเจ้าคุณอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ในฐานะประธานอำนวยการกล่าวไปแล้วนั้น ทำให้เห็นโดยภาพรวมกว้าง ๆ อย่างชัดเจน โดยเฉพาะท่านที่จะไปปฏิบัติงานเป็นพระธรรมทูตในต่างประเทศว่า เป็นงานที่จะต้องบากบั่น วิริยะอุตสาหะอย่างมาก ไม่ใช่เป็นงานที่ต้องไปด้วยความรู้สึกว่าได้ไปต่างประเทศ

ถวายความรู้เป็นพุทธบูชา เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ชาวโลก

ตัวเล็ก 18-11-2009 07:35

แม้แต่เพียงการที่จะปรับตัว ให้เข้ากับขนบธรรมเนียมประเพณีของประเทศนั้น รวมทั้งกฎหมายแห่งประเทศนั้น ก็เป็นเรื่องที่ยาก แม้แต่ดินฟ้าอากาศซึ่งเป็นธรรมชาติ แต่ก็มีความแตกต่างกันสูง เช่น กลางวันเป็นกลางคืน กลางคืนเป็นกลางวัน สลับกันดังนี้ เป็นต้น

แต่ว่าทุกองค์ได้ปฏิญาณแล้ว พระอรหันต์เจ้าท่านก็ได้ปฏิบัติให้เห็นเป็นตัวอย่าง เช่น พระโสณะแลพระอุตตระ ดังที่ได้กล่าวแล้วข้างต้น

ตามประวัติที่ทราบกันอยู่แล้วว่า พระโสณะและพระอุตตระมาสู่สุวรรณภูมิ เหาะมา จะเหาะมาอย่างไรไม่สามารถที่จะนึกอนุมานได้ แต่ทำให้คิดได้ว่า ใจของท่านสูงยิ่งท่องไปในอากาศได้ และยังต้องมาปรับให้เข้ากันกับขนบธรรมเนียมประเพณีกฎหมายเท่าที่มีในยุคนั้น ให้เข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

ตัวเล็ก 19-11-2009 07:32

ตามประวัติว่า ถิ่นสุวรรณภูมิที่ท่านมา มีประชาชนที่ไม่รู้จักพระศาสนาเลย ซึ่งบาลีใช้คำว่า “ปิศาจ” คือ ยังเป็นมนุษย์เหมือนปิศาจ แล้วท่านก็สามารถเอาชนะได้ ทำให้เกิดความเข้าใจได้ อยู่กับเขาได้ การเดินทางของท่าน คงไม่ใช่เหมือนกับที่จะไปกันในปัจจุบัน เพียงยี่สิบกว่าชั่วโมงหรือไม่ถึง ก็ไปถึงอเมริกาแล้ว สิบชั่วโมงเศษ ๆ ก็ไปถึงยุโรปแล้ว ท่านเดินทางกันถ้าเหาะก็คงไม่ช้า แต่ถ้าเดินทางอย่างธรรมดาก็คงต้องเป็นแรมเดือน ซึ่งหากไปเปรียบเทียบกับการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๒ ทรงส่งพระเถระที่ทรงคัดเลือกไปสืบทอดพระศาสนาที่ประเทศศรีลังกา ไปอยู่ที่ศรีลังกาอีกหลายปี แล้วจึงเดินทางกลับมาเมืองไทยก็เดินทางแรมเดือน อีกทั้งยังได้นำเอาต้นพระศรีมหาโพธิ มาถวายพระเจ้าอยู่หัว โดยทางกษัตริย์ศรีลังกาได้ทูลถวายมา ได้นำไปปลูกไว้ที่วัดมหาธาตุต้นหนึ่ง วัดสุทัศน์ต้นหนึ่ง วัดสระเกศต้นหนึ่ง

พระเถระที่ไปในครั้งนั้น ท่านคัดเลือกอย่างดีแล้ว ตามที่ปรากฏก็มี ๒ รูป คือ พระอาจารย์เทพกับพระอาจารย์ดี เรียกกันว่า “พระอาจารย์” ตามหนังสือเรียกอย่างนั้น ท่านทำสำเร็จมาแล้ว ในการไปสืบทอดพระศาสนาในประเทศที่ไม่ไกลนัก

พระธรรมทูตทุกท่านจะต้องไปไกลกว่านี้มาก และเมื่อตั้งใจแน่วแน่ อาจจะท่องไปในโลกนี้เหมือนกับเหาะไปเช่นกัน ไม่เฉพาะเจาะจงว่าไปอเมริกาแห่งเดียว อาจจะหลาย ๆ ประเทศที่เห็นว่าควรจะไป และควรจะไปทำงานในที่นั้น ตามคำปฏิญาณที่ได้ปฏิญาณไว้แล้ว

ตัวเล็ก 20-11-2009 09:37

ที่กล่าวนี้ ก็เพื่อที่จะให้ท่านผู้ดำเนินการและพระธรรมทูต ได้มีความปลื้มปีติว่า ในอดีตพระสงฆ์สาวกได้ทำมาแล้ว มาถึงยุคนี้ห่างกันเป็นพัน ๆ ปี ก็ยังมีพระเถระที่จะทำงานนี้ได้

ความสามารถของทุกองค์ เมื่อได้รวมกันแล้ว ถวายเป็นพุทธบูชา ก็จะเป็นประโยชน์แก่ชาวโลก

ข้อที่น่าจะฝากไว้แก่พระธรรมทูตในที่นี้ ตามที่ได้เคยกล่าวมาเกือบจะทุกครั้ง เมื่อมีโอกาสมาร่วมด้วยนั้น ก็คือ ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของพระธรรมทูตที่ออกไปปฏิบัติงาน

เมื่อก่อนนี้พระธรรมทูตต่างคนต่างไป ในเวลานี้สถาบันรับรองแล้ว ทุกองค์มีความมั่นใจได้ว่า มีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยเป็นศูนย์รวม เป็นศูนย์กลาง ทุกองค์เป็นพระธรรมทูตของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ไม่ใช่ใครอื่น อยู่ในกลุ่มเดียวกัน

เมื่อไปปฏิบัติงานแล้ว ให้ใช้สื่อในการติดต่อประสานกันอยู่ตลอดเวลา เพื่อที่จะให้เห็นว่า เราไปทำงานร่วมกัน อยู่กันต่างที่แต่เราทำงานร่วมกัน คือ งานพระธรรมทูต

ตัวเล็ก 20-11-2009 19:23

เมื่อได้ประสานงานให้มีความเป็นเอกภาพสูง งานสำเร็จสูง ไม่แย่งกันทำงาน ไม่ชิงดีชิงเด่นกัน ตั้งใจทำงาน ถ้าจะพูดให้แคบเข้ามา ก็เพื่องานพระธรรมทูต ที่มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยกำหนดขึ้น กว้างออกไปอีกก็ทำงานถวายองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อความคิดรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ทำให้พระพุทธศาสนาเป็นประโยชน์เกื้อกูลและความสุขแก่ชาวโลก ตามพระพุทธปณิธานที่ทราบกันอยู่แล้ว

ความรู้ความสามารถที่ทุกองค์ได้รับ จากการรายงานของเจ้าคุณประธานได้กล่าวไว้ว่า มีความพร้อมเพรียงพอที่จะไปปฏิบัติงาน ความสำเร็จทั้งหลายทั้งปวง จึงสำคัญอยู่ที่ท่านพระธรรมทูตทุกองค์ที่จะออกไปปฏิบัติงาน เมื่อผ่านการอบรมและได้รับวุฒิบัตรแล้ว อย่านึกว่าจะไปได้ไปวันพรุ่งนี้ เดือนหน้า หรือก่อนเข้าพรรษานี้ ให้นึกว่าความพร้อมมีอยู่ แต่ว่าจะได้ไปเมื่อไรนั้น ต้องอาศัยเหตุปัจจัยอื่นอีก เช่น วัดที่ต้องการ ประเทศที่ต้องการ เป็นต้น เพราะได้ตั้งใจแต่เพียงว่า ให้ได้โอกาสที่จะได้ปฏิบัติงานพระธรรมทูต รับใช้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นสำคัญ

ตัวเล็ก 23-11-2009 00:16

นอกจากท่านพระเถรานุเถระของทางมหาวิทยาลัยแล้ว ท่านสาธุชนทั้งหลายที่ให้การอุปถัมภ์มีเป็นจำนวนมาก บริษัท ซี.พี.(เจริญโภคภัณฑ์) ได้อุปถัมภ์มาโดยตลอด ได้มีตัวแทนมาไม่ได้ขาดทุก ๆ ปี ผู้ที่อุปถัมภ์เป็นประจำมีมากท่าน ไม่สามารถที่จะกล่าวได้หมด ปีนี้ยังมีท่านผู้ได้อุปถัมภ์ในการสร้างกุฏิ ก็พอดีได้ใช้ชื่อของอาตมาที่ได้รับพระราชทานไปเป็นชื่อของกุฏิ ก็ดีใจว่า ท่านผู้ได้อุปถัมภ์ในการสร้างกุฏิ ท่านมีศรัทธาเป็นทุนอยู่มากแล้ว และมาทำตรงกัน คือ มีความคุ้นเคยกันมานาน โดยมากเข้าใจกันว่า ตระกูลอัศวเหมเป็นสกุลการเมือง แต่ว่าเท่าที่อาตมารู้จักและคุ้นเคยกันมา ในฐานะผู้นับถือพระพุทธศาสนา และมั่นคงมากตั้งแต่บรรพบุรุษมา คุณพ่อคุณแม่ก็หนักแน่น ชอบส่งเสริมพระพุทธศาสนาโดยประการต่าง ๆ จนกระทั่งถึงรุ่นลูก ก็ยังเอาใจใส่วัดวาอาราม โดยเฉพาะที่ปากน้ำได้ช่วยมาก จึงขออนุโมทนาไว้ในที่นี่อีกวาระหนึ่ง

ตัวเล็ก 23-11-2009 12:17

บัดนี้ การประกอบพิธีปัจฉิมนิเทศและมอบวุฒิบัตรสมควรแก่เวลา จึงขอถือโอกาสอันเป็นมงคลนี้ ขอพรจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงประทานพรให้ท่านพระเถรานุเถระ ของทางมหาวิทยาลัย พระเถรานุเถระผู้ร่วมงาน พระธรรมทูตทุกท่าน ถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์ ในพระศาสนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยิ่งด้วยจตุรพิธพรชัย พรั่งพร้อมด้วยปฏิญาณ คุณสารสมบัติทุกประการ โปรดประทานพรให้ท่านสาธุชนพุทธบริษัททั้งหลาย ได้มีความเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน และมีชีวิตประสบความสำเร็จในสิ่งที่งดงามตามที่ปรารถนาโดยทั่วกัน ขอให้พระศาสนาได้ตั้งมั่นอยู่ในประเทศไทย คู่กับสถาบันชาติ และสถาบันพระมหากษัตริย์ ขอให้สถาบันทั้งสาม ได้เจริญเป็นหลักอยู่ในบ้านเมืองของเรา ตามที่เราทั้งหลายมีความปรารถนาเหมือนกัน ความงดงามโดยประการต่าง ๆ ก็จะเกิดขึ้นพรั่งพร้อมแก่ประเทศชาติบ้านเมืองของเรา ตามที่เราทั้งหลายประสงค์เหมือนกัน

ขอให้สรรพความดีความงามทั้งหลายได้เกิดขึ้น ในประเทศชาติบ้านเมืองอย่างพรั่งพร้อมตลอดนิตยกาล เทอญฯ

ตัวเล็ก 24-11-2009 05:21

ขันติเป็นบรมธรรม
ผู้มีขันติจึงทำการใหญ่สำเร็จ

การประกาศพระศาสนายังเป็นสิ่งจำเป็นอยู่ตลอดกาล

ขอแสดงความดีใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้ร่วมกันจัดให้มีการฝึกอบรมพระธรรมทูต ที่จะไปปฏิบัติงานยังต่างประเทศ ขึ้นอีกวาระหนึ่งเป็นรุ่นที่ ๑๑ ที่ยินดีเป็นอย่างยิ่งนั้น เพราะว่าการปฏิบัติงานของพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะประเทศไทย และเน้นลงไปโดยเฉพาะมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มีภาระหน้าที่โดยตรงและโดยอ้อม ในการธำรงไว้ซึ่งพระพุทธศาสนา

ผู้ปฏิบัติงานอยู่ในมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มีท่านเจ้าคุณอธิการบดีเป็นประธาน ทราบถึงความรู้สึกที่จะต้องปฏิบัติต่อพระพุทธศาสนาดีอยู่แล้ว และได้ร่วมกันจัดร่วมกันทำอย่างน่าสรรเสริญ

โดยเฉพาะงานด้านพระธรรมทูต ที่จะต้องไปประกาศพระศาสนายังต่างประเทศ

ตัวเล็ก 25-11-2009 09:35

งานต่างประเทศในยุคปัจจุบัน มีความจำเป็นมากยิ่งขึ้น แม้จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เกิดขึ้นมาก สามารถที่จะเอื้ออำนวยให้ศึกษาพระพุทธศาสนาได้โดยไม่ลำบาก แต่พระสงฆ์สาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่จะไปประกาศพระพุทธศาสนานั้น ยังมีความจำเป็นสูง ซึ่งเกี่ยวเนื่องถึงการธำรงไว้ซึ่งพระพุทธศาสนา เพราะผู้ศึกษาที่จะให้เกิดความรู้ความเข้าใจ โดยอาศัยสื่อต่าง ๆ ย่อมสามารถทำได้

แต่ที่จะสัมผัสพระพุทธศาสนาอย่างใกล้ชิด จากพระสงฆ์สาวกนั้น ก็ยังมีความจำเป็นอย่างสูงยิ่ง และทางมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มีความเข้าใจกันดีอยู่แล้วว่า การประกาศพระศาสนานั้น ยังจำเป็นอยู่ตลอดกาล

ตัวเล็ก 26-11-2009 11:02

การที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ทรงสถาปนามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยไว้ ทรงมีพระราชประสงค์ที่ลึกซึ้งกว้างขวางอย่างไรนั้น ไม่มีใครสามารถจะกล่าวได้ แต่พอที่จะเห็นเป็นเค้าได้ว่า ด้านหนึ่งนั้น พระองค์ต้องการที่จะให้พระสงฆ์ในประเทศไทย ได้ธำรงไว้ซึ่งพระพุทธศาสนา

ดังนั้น การที่ได้ร่วมกันปฏิบัติ ในด้านการศึกษาก็ดี ในด้านอื่น ๆ ก็ดี นับว่า ได้ร่วมกันปฏิบัติ อย่างน่าสรรเสริญยิ่ง

ผมพูดทุกครั้งที่มามอบวุฒิบัตรว่า งานพระธรรมทูตนั้น เป็นเรื่องที่ผมมีความรู้สึกนึกคิดมาแต่เดิม ไม่ใช่คิดเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๔ มีความรู้สึกมาแต่เดิมว่า มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยเท่านั้น ที่จะสามารถทำงานนี้ได้ดี เพราะพระองค์ผู้ทรงสถาปนามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งนี้ ทรงปรารภไว้ชัดเจนว่า ให้ศึกษาวิชาอื่นด้วย ไม่ใช่เฉพาะแต่เพียงพระไตรปิฎกอย่างเดียวเท่านั้น วิชาใดที่จะเป็นประโยชน์มหาวิทยาลัยฯ ต้องจัดให้มี
จึงแน่ใจว่า มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เท่านั้น ที่จะช่วยงานการประกาศพระศาสนา ให้ไปทั่วโลกได้ ที่พูดอย่างนี้ ไม่ใช่ว่า เพราะผมมีส่วนเกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จึงพูด

ที่จริง ผมมีความรู้สึกมาแต่ไหนแต่ไรว่า การบริหารคณะสงฆ์ในประเทศไทย ที่มีมาโดยลำดับ มุ่งถึงการบริหารจัดการภายในประเทศเป็นสำคัญ ให้พระเณรภายในประเทศสามารถปฏิบัติให้เป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติบ้านเมือง

ตัวเล็ก 27-11-2009 06:59

ประเทศไทยส่วนที่ไกลออกไปนั้น ไม่ว่าจะโดยพระราชบัญญัติก็ดี โดยกฎมหาเถรสมาคมก็ดี ไม่ได้ปรากฏเรื่อง พระธรรมทูตต่างประเทศ อย่างชัดเจน แต่ไปปรากฏชัดเจนอยู่ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จะว่าคณะสงฆ์หรือคณะสงฆ์ไทยไม่สามารถทำหน้าที่เป็นพระธรรมทูตก็ไม่ใช่

แต่หน้าที่หลักของคณะสงฆ์ไทยก็คือการปกครอง การบริหารจัดการคณะสงฆ์ภายในประเทศเป็นหลัก
ดังนั้น การที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ได้ร่วมกันจัดร่วมกันทำนั้น จึงน่าสรรเสริญอย่างยิ่ง อาจจะกล่าวได้ว่า เป็นความจำเป็นมานานแล้ว

แต่บัดนี้โอกาสอำนวยมากยิ่งขึ้น เป็นเหตุให้สามารถดำเนินการด้านต่าง ๆ ได้

ตัวเล็ก 28-11-2009 07:00

ขอเล่านิดหน่อย ผมได้เดินทางไปยังอเมริกาครั้งแรก เมื่อ พ.ศ.๒๕๑๕ หลังจากเริ่มมีการประกาศพระศาสนาแบบพระธรรมทูตขึ้น เมื่อ พ.ศ.๒๕๑๔ รุ่งขึ้นอีกปี พ.ศ.๒๕๑๕ ผมก็ไปกัน ๓ องค์ คือ ท่านเจ้าคุณพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) และ ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ วัดปากน้ำ

ลำบากบ้างในบางครั้งแต่ได้ผลที่คุ้มค่า

ท่านเจ้าคุณพรหมคุณาภรณ์ มีวัตถุประสงค์โดยเฉพาะ ส่วนเจ้าประคุณสมเด็จฯ วัดปากน้ำ เมื่อทราบว่าผมจะไป ท่านก็บอกว่าท่านอยากจะไปด้วย ในฐานะที่ร่วมเรียนกันมา เป็นกัลยาณมิตรกันมาตั้งแต่ต้น ๆ ก็นึกว่า ควรจะได้เดินทางไปร่วมกัน ก็ตกลงเดินทางไปร่วมกัน

ไปในคราวนั้น จะว่าลำบากก็ลำบาก ก็จะว่าเป็นการผจญต่อสิ่งต่าง ๆ ก็กล่าวได้ว่าผจญ

แต่ที่พอใจที่สุดนั้น ก็คือ ที่ตั้งใจไว้นั้นสมความปรารถนา คือ ต้องการจะไปดูเองว่า ที่อเมริกาพระไทยจะไปอยู่ได้ไหม ที่ไปตามรัฐต่าง ๆ ก็เพื่อต้องการรู้เรื่องนี้เป็นหลัก แต่ไม่พูดกับใคร ต้องการที่จะให้เห็นค่อนข้างชัดเจนว่า พระจะไปอยู่ได้หรือไม่ได้ เพราะที่ไปเริ่มต้นไว้ที่ลอสแองเจลิสนั้น ก็ล่มสลายเสียแล้ว

ตัวเล็ก 29-11-2009 07:05

ไปบางแห่งที่ว่าลำบาก คือ ที่พักรวมอยู่ด้วยกันตั้งเกือบเดือน มีเตียงนอนอยู่เตียงเดียว ผมนอนอยู่บนเตียง ท่านเจ้าคุณสมเด็จฯ วัดปากน้ำนอนอยู่ปลายเท้า ท่านเจ้าคุณพรหมคุณาภรณ์นอนอยู่หน้าเตียง ถ้าผมรีบเดินลงมาก็เหยียบ ถ้าปลายเท้าก็เหยียบเจ้าคุณสมเด็จฯ ถ้าลงข้าง ๆ ก็เหยียบท่านเจ้าคุณพรหมคุณาภรณ์ ห้องน้ำก็มีห้องเดียว อยู่ด้วยกันอย่างนั้น นอนอย่างนั้น ฉันอย่างนั้น ประมาณเกือบเดือน แล้ววันหนึ่งเกิดร้อนจัดขึ้นมา ร้อนจนกระทั่งอยู่กันไม่ได้เหมือนขณะนี้ ต้องเปิดประตูหน้าต่างหมด

นี่พูดถึงความลำบากในบางครั้ง แต่ก็ได้ผลตามความรู้สึกของผมเองว่า คุ้มค่า เพราะต้องการที่จะไปดูให้แน่ใจด้วยตัวเอง

เวลานั้น ผมก็มีอายุยังไม่มาก เจ้าประคุณสมเด็จฯ วัดปากน้ำ ก็ไม่มาก ห่างกันเพียง ๓ ปี ท่านมากกว่าผม ๓ ปี ผมแน่ใจว่า พระไทยไปอยู่ได้แน่ และที่ไปอยู่ได้ไม่ใช่เพราะฝรั่ง แต่เพราะคนไทย

ในเวลานั้นที่ลอสแองเจลิส ยังมีคนไทยไม่ถึงแสน คิดดูก็แล้วกันว่า คนไทยไม่ถึงแสน ประเทศไทย บางจังหวัด ประชากรยังไม่ถึงแสน แล้วอย่างนี้ทำไมพระจึงจะไปอยู่ลอสแองเจลิสไม่ได้ จึงปักใจว่า ต้องทำ และในขั้นแรก ต้องพยายามส่งเสริมให้พระได้ไปต่างประเทศก่อน

ตัวเล็ก 30-11-2009 07:25

ตอนนั้นความรู้สึกของหลาย ๆ ฝ่ายเกือบจะทั้งหมด เรียกว่าถ้าพระไปต่างประเทศคือเสีย ถ้าพูดง่าย ๆ ก็คือเสียพระ เพราะต่างประเทศเขาไม่รู้เรื่องพระ ที่จริงเราชินกับเมืองไทย ก็นึกว่าพระจะไปทำอะไรที่เสีย ๆ หาย ๆ ไปอยู่กับชาวบ้าน เดี๋ยวก็เป็นคนเดี๋ยวก็เป็นพระ แล้วจะเหลืออะไร ก็เสียพระเท่านั้นเอง

นี่..ตอนนั้นคิดกันอย่างนี้

แต่ผมไม่ได้นึกอย่างนั้น ผมนึกว่า ที่จะเสียนั้นอยู่ที่เมืองไทยก็เสีย อยู่ที่ต่างประเทศก็เสีย เพราะมันอยู่ที่พระเอง ไม่ใช่ว่าสิ่งต่าง ๆ จะมีอำนาจเหนือหัวใจพระทั้งหมด จึงมั่นใจและสนับสนุน

แม้ถึงอย่างนั้น เวลาจะเสนอพระไปต่างประเทศแต่ละครั้งนั้นแสนลำบาก เพราะต้องผ่านมหาเถรสมาคม ตอนนั้นท่านก็ยังไม่ค่อยจะพร้อม ไม่ค่อยจะเห็นดีด้วย โดยมากก็ต้องยอมทนให้ท่านว่าหน่อย สู้ทนเอาไม่เถียงเลยแม้แต่คำเดียว ท่านว่า

จะไปทำไม เมืองไทยพระก็ไม่ค่อยจะมีแล้ว วัดในเมืองไทยร้างแล้ว จะไปไหนกันนักที่ต่างประเทศ

ผมเฉยเสีย ก็วัดมันร้างมานานแล้ว ไม่ใช่จะมาร้างเมื่อไปต่างประเทศ ไม่ใช่พระจะไปกันหมดทั้งประเทศ เดี๋ยวนี้ก็ยังเหมือนเดิม ตอนนั้นร้าง ตอนนี้ก็ร้างเหมือนเดิม แต่ผมไม่พูดเลย

ตัวเล็ก 01-12-2009 05:28

ผมพยายามถามผู้ใหญ่ในยุคนั้น ถามหลวงพ่อวัดสามพระยาว่า พระจะไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในต่างประเทศ หลวงพ่อท่านมีความรู้สึกอย่างไร ไปถามกันตัวต่อตัว ท่านก็บอกว่าทำไปเถอะ คือคำพูดไม่ชัดแต่แน่นอนว่า ทำได้ ผมก็ไปถามเจ้าประคุณสมเด็จพระธีรญาณมุนี วัดจักรวรรดิ ว่า ท่านเห็นด้วยไหมที่ให้พระไปต่างประเทศ ไปถามตัวต่อตัว ท่านก็ว่าเห็นด้วย ไปเถอะ ไม่เป็นไร ท่านเห็นชอบ เพราะท่านชอบภาษาต่างประเทศ

ถาม ๒ รูป ผมก็มั่นใจว่าทำได้แน่ แต่ว่าเสียงส่วนใหญ่ก็ยังไม่สนับสนุน ก็ค่อย ๆ ทำมาจนกระทั่งเกิดขึ้นมาได้ แล้วก็มีเรื่องอื่น ๆ เกิดขึ้นมาสนับสนุนด้วยหลาย ๆ อย่าง จนกระทั่งเปิดสำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ ได้มีการประชุมกัน ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราช องค์ปัจจุบัน ทรงเป็นประธาน เห็นว่า ให้มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และ มหามกุฏราชวิทยาลัยนี่แหละที่ช่วยกันทำ โดยตั้งวิทยาลัยขึ้นเป็นบัณฑิตวิทยาลัย ตั้งเค้าไว้อย่างนั้น แต่ว่า ผลที่สุดก็ดำเนินการไปไม่ได้ เพราะเหตุปัจจัยหลาย ๆ อย่าง

นี่เล่าเพียงแต่ให้เห็นว่า การที่จะไปทำงานต่างประเทศนั้น แม้แต่ริเริ่มครั้งแรกก็แสนที่จะลำบากแล้ว

ตัวเล็ก 02-12-2009 08:33

เวลานี้การริเริ่มไม่มีแล้ว มีแต่การปฏิบัติหน้าที่ แต่ว่าขณะไปปฏิบัติหน้าที่ ต้องเข้มแข็งนะ จิตใจต้องเข้มแข็งอย่างที่ปฏิญาณจริง ๆ คือ อย่าไปนึกอย่างที่ชาวบ้านเขานึกกันในส่วนที่ไม่เห็นด้วยว่า โดยมากก็ไปเที่ยวกัน และจะไปสอนอะไรได้ ภาษาก็งู ๆ ปลา ๆ แล้วจะไปสอนอะไร เราต้องเข้มแข็ง และต้องไม่เถียงเขาทั้งหมด อย่าไปเถียง ต้องนิ่งแล้วก็ทำอย่างเดียว ทำด้วยความตั้งใจแน่วแน่

ที่จริง พระโสณะกับพระอุตตระ ท่านก็พูดภาษาสุวรรณภูมิไม่ได้ เดี๋ยวนี้ก็คือนครปฐม เวลานั้นชาวสุวรรณภูมิจะพูดภาษาใดเราไม่รู้ แต่ท่านทั้งสองไม่รู้ภาษาของสุวรรณภูมิแน่ ท่านก็อยู่ถึงอินเดีย แล้วทำไมท่านจึงมาถึงสุวรรณภูมิได้ ท่านมาด้วยกันสององค์ แล้วทำไมพระไทยจะไปอเมริกาไม่ได้ ซึ่งขณะนี้คนไทยอยู่ที่อเมริกาหรือทั่วโลกเต็มหมดแล้ว ทำไมพระจะไปอยู่ไม่ได้

ต้องไปได้อย่างไม่ต้องสงสัย จึงเหลือแต่เพียงว่าจิตใจต้องเข้มแข็ง

ตัวเล็ก 03-12-2009 07:55

ประการแรก ถ้าจะพูดกันตรง ๆ ตามหลักธรรมที่รู้อยู่แล้ว ก็คือต้องมีน้ำอดน้ำทน ซึ่งเป็นขันติธรรมนั้นเอง ที่พระพุทธเจ้าตรัสเป็นโอวาทปาฏิโมกข์ขึ้นครั้งแรกว่า เป็นบรมธรรม “ขนฺติ ปรมํ ตโป ตีติกฺขา” ต้องทนจริง ๆ ทนทุก ๆ อย่าง เวลาท่านเจ้าคุณพระเทพโสภณ อธิการบดี จะออกไปเชื่อมประสานสัมพันธ์กับผู้นำศาสนาต่าง ๆ ก็ไม่ใช่ไม่มีอุปสรรค มีอุปสรรคนานาประการ ถ้าไม่มีน้ำอดน้ำทน ก็ทำไม่ได้เหมือนกัน อุปสรรคที่เกิดขึ้น บางทีก็พูดได้ บางทีก็พูดไม่ได้ เพราะฉะนั้นจึงต้องมีน้ำอดน้ำทน

นี่ข้อแรกเลย ต้องเข้มแข็งจริง ๆ ต้องทนจริง ๆ

ตัวเล็ก 04-12-2009 07:34

ประการที่สองอย่าถือเอาเรื่องที่คนอื่นพูดว่าเป็นสำคัญ แต่ให้คิดว่าที่เราจะทำผิดหรือถูก ที่เราจะไปสอนเขาผิดหรือถูก พระพุทธเจ้าให้เราสอนคน หรือว่าให้นั่งเฉย ๆ เรามั่นใจแน่แล้วว่า อบรมมาตั้งหลายเดือนเพื่อไปสอนคนอื่น นี่ถูก

ถ้าแน่ใจว่าถูกแล้ว ไม่ต้องกลัว เราก็ตั้งหน้าตั้งตาสอนอย่างเดียว แนะนำอย่างเดียว ใครจะว่าดีไม่ดีอย่างไร ก็ช่างเขา เราทำหน้าที่ของเราอย่างเดียว

พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า นินทากับสรรเสริญ เป็นของมีมาแต่เก่าก่อน สองอย่างนี้มันคู่กันมากับโลก มีมาแต่ไหนแต่ไร ไม่ใช่เราไม่เคยได้ยินคำนินทา แต่เราดับ ไม่ใช่ดับอย่างนิพพานสูงสุด แต่เราดับได้ “นิพฺพานัง ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา” ก็ตามโอวาทปาฏิโมกข์ ข้อที่สองนั่นแหละ เราดับ เราไม่สนใจ เราไม่ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้นะ ต้องรู้ว่าเขาว่าเราอย่างไร เราต้องรู้ เผื่อจะได้เอามาปรับปรุง อย่างที่พระพุทธเจ้าสอน

ตัวเล็ก 05-12-2009 08:39

ประการที่สาม ต้องทำงานร่วมกัน อย่าชิงดีชิงเด่น แต่ว่าแข่งกันดีแข่งกันเด่น ชิงดีชิงเด่นนั้น คือ แย่งความดีของคนอื่นมาเป็นของเราเสีย ว่า นี่ของฉันทำ การชิงดีชิงเด่นอย่างนี้เราไม่ทำ ใครจะทำก็ช่าง แต่เราเป็นพระธรรมทูตจะไม่ทำอย่างนี้ เราจะทำเพียงอย่างเดียวว่า เราทำดี และเราแข่งกันทำดี ต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่เป็นอย่างอื่น
โดยเฉพาะฝึกอบรมพระธรรมทูตอยู่ในกรอบของมหาจุฬาฯ แล้ว ให้พระธรรมทูตรู้สึกว่า เป็นพระมหาจุฬาฯ ไม่ใช่พระที่อื่น ไปทำงานที่ไหนก็เชื่อมโยงประสานกันให้ถึง เพื่อจะให้มหาจุฬาฯ โด่งดัง หรือเพื่องานเราต้องสามัคคีกัน เราพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นพระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่เป็นพระสาวกเฉย ๆ เป็นพระสาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระอรหันต์ท่านก็เปล่งวาจากันอย่างนั้น

จรรโลงพระพุทธศาสนาให้อยู่คู่โลก

เพราะฉะนั้น เราต้องรวมกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เชื่อมประสานกันให้ได้ ให้เป็นกลุ่มเป็นก้อน ไม่แย่งกันดี แต่ว่าแข่งกันดี มีอะไรก็บอกเล่าเก้าสิบกัน ให้เป็นที่เข้าใจ

ตัวเล็ก 06-12-2009 06:27

ถ้าเรายึดหลักเพียงคร่าว ๆ ตามที่กล่าวมานี้ เราก็จะเบาใจได้ว่า สู้ได้ทุกประเทศ อเมริกาก็สู้ได้ ประเทศไหนก็สู้ได้ เพราะเราดับแล้ว ดับสิ่งที่จะเป็นอุปสรรคต่าง ๆ ดับให้เหมือนไม่มี ดับไปตั้งแต่ต้นแล้ว ยังไม่ถึงก็ดับแล้ว ยังไม่เกิดก็ดับแล้ว เราดับของเรา ด้วยความตั้งใจว่า เราดับ ตามธรรมดาต้องเกิดแล้วดับ แต่ว่าเราดับไว้เสียก่อนว่าไม่ให้มี

งานพระธรรมทูต ถ้าตั้งใจให้ดีแล้วตามคำปฏิญาณที่ปฏิญาณพร้อมกันนั้น เป็นงานที่น่าทำเหลือเกิน

อาจมีบางท่านคิดว่า ผมพูดแล้วทำไมยังไม่ทำ ผมพูดอยู่เสมอว่า ผมพยายามที่จะให้พระออกไปเผยแผ่พระศาสนา แต่ว่าตอนนั้น ผมเริ่มต้นที่จะตั้งรกราก พอตั้งรากฐานได้ก็ไปไม่ไหวแล้ว

ท่านเจ้าคุณพระเทพสิทธิเมธี ประธานชยันโต เป็นมหาจุฬาฯ เหมือนกัน ผมได้เคยชวนไปด้วยกัน เพราะว่าท่านเจ้าคุณท่านชอบสอนกรรมฐาน ชอบสอนคน ให้ไปด้วยกันสิ บอกท่านว่า ไปสอนฝรั่งได้ไหม ไปแล้วก็เจอจริง พอผมไป เขาก็บอกว่า พรุ่งนี้ให้ไปสอนนักเรียน ไปอบรมนักเรียน ไปพบกับนักเรียน ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ ผมก็บอกว่า ท่านเจ้าคุณไปทีเถอะ เพราะท่านเจ้าคุณเรียนที่มหาจุฬาฯ ภาษาอังกฤษก็พอไปได้ เพราะฉะนั้น ท่านเจ้าคุณไปเถอะ

แต่ที่จริง ผมต้องการที่จะให้ท่านไปดู แล้วท่านก็กลับมาบอกผมว่า มันสายเหลือเกิน เสียดายมาก เป็นสมภารเสียก่อน ที่จริงควรจะมาเป็นพระธรรมทูตก่อน จึงค่อยเป็นสมภาร แต่พอมาเป็นสมภารก่อน ก็ไปเป็นพระธรรมทูตไม่ได้เสียแล้ว ท่านนั่งอยู่นี่ ท่านไปต่างประเทศกับผม ไปด้วยกัน ผมอยากให้ไปเห็นด้วยตัวเอง เพราะท่านชอบสอนเหมือนกัน

เพราะฉะนั้น อย่าท้อใจเรื่องงานพระธรรมทูต แล้วให้นึกดีใจอยู่เสมอว่า เกิดมาทั้งที ได้เป็นพระธรรมทูต ได้ไปสอนเขาในต่างประเทศ เหมือนกันพระอรหันต์เจ้า ลูกของพระพุทธเจ้าในยุคแรก ที่ออกไปประกาศพระศาสนาตามที่ต่าง ๆ ในดินแดนต่าง ๆ ถึง ๘ สายด้วยกัน

ตัวเล็ก 07-12-2009 08:02

ท่านทุกองค์มีโอกาสดีแล้ว ให้ดีใจ

แล้วให้นึกถึงพระคุณของท่านผู้ร่วมกันดำเนินการ คือ มหาจุฬาฯ ที่ได้คิดเรื่องนี้ แล้วให้โอกาสทุกท่านได้มารับการถ่ายทอดความรู้ทางด้านต่าง ๆ ให้ท่านได้สามารถไปปฏิบัติหน้าที่ได้

ที่ผมพูดมานี้ พูดด้วยความรู้สึกเป็นกันเอง ไม่ต้องการที่จะแสดงถึงความเก่งของผม แต่ต้องการที่จะให้ทราบว่า ท่านได้โอกาสดีแล้ว ท่านรีบทำ ทำด้วยความตั้งใจดีจริง ๆ ไม่ต้องรอใคร เมื่อมีโอกาสเมื่อไร เขาให้ไปก็ขอให้ไปด้วยความภาคภูมิใจ นึกว่าไปเมื่อไร ก็คือมหาจุฬาฯ ไป เพื่อนร่วมรุ่นมีอยู่จำนวน ๗๕ องค์ ก็ให้นึกว่า เราจะร่วมกันจรรโลงพระพุทธศาสนาของเรา ให้อยู่ในโลกนี้ได้ จึงขอกล่าวไว้เพียงย่อ ๆ เท่านี้

ขออนุโมทนาสาธุการชื่นชมยินดี ฝ่ายพุทธศาสนิกชนพุทธบริษัททั้งหลาย คนเก่าทั้งนั้น เห็นแล้วก็เรียกว่า ไม่ถึงกับเบื่อหน้ากัน คนพูดก็หน้าเก่า ยังไม่เป็นไร ยังไม่ตาย มาได้ก็อนุโมทนาสาธุการ เป็นอย่างยิ่ง ที่ได้ช่วยเหลือ และก็ขอให้ช่วยเหลือต่อไปอีก มีโอกาสแล้วก็ให้ช่วยเหลืออย่างเต็มที่ อย่างที่ช่วยมาแล้ว ขอแสดงความชื่นชมยินดีต่อทุก ๆ ท่าน ที่มีโอกาสได้เป็นพระธรรมทูต

ตัวเล็ก 08-12-2009 10:52

ประเทศไทยศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลก
 
น้ำหนึ่งใจเดียวกัน

ขอแสดงความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ท่านทั้งหลาย ได้มีความคิดเป็นอันเดียวกัน ทั้งฝ่ายเถรวาทและมหายานในการที่จะร่วมกันทำงานเพื่อจรรโลงพระพุทธศาสนา ให้เป็นประโยชน์แก่มวลมนุษยชาติ ตามที่พระพุทธองค์ได้ตรัสสอนไว้ ในครั้งพุทธกาล

การร่วมกันให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพื่อทำงาน ไม่ว่าในด้านใด ล้วนแต่มีความสำคัญมาก ทั้งในปัจจุบันและที่ล่วงมาแล้ว

ในปัจจุบัน ความเจริญก้าวหน้าในด้านต่าง ๆ มากขึ้น คนที่อยู่ในโลกในมุมใดของโลกก็ตาม สามารถที่จะสื่อติดต่อกันได้โดยไม่ยาก และคนทั้งหลายที่อยู่ในโลก ก็กำลังใช้วิธีการอย่างนั้น เพื่อที่จะให้ความมุ่งหมายของแต่ละองค์กร ได้สำเร็จตามที่กำหนดวัตถุประสงค์ไว้

ตัวเล็ก 09-12-2009 09:39

พระพุทธศาสนาเป็นองค์กรใหญ่ของโลกองค์กรหนึ่ง และพระพุทธศาสนาของเราทั้งหลาย ได้มีความร่วมมือกันมาโดยลำดับ มากบ้างน้อยบ้าง ไม่เคยแสดงอาการที่จะให้มีความขัดแย้งระหว่างกันและกัน

โดยเฉพาะระหว่างเถรวาทและมหายาน ปัจจุบันนี้มีความจำเป็นมากยิ่งขึ้นที่เราทั้งหลายที่นับถือพระพุทธศาสนา ต้องมีความใกล้ชิดกัน ต้องรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวร่วมใจกัน ปฏิบัติงานทางพระศาสนา ให้เป็นประโยชน์แก่มวลมนุษยชาติ

เถรวาทและมหายาน กระจายไปอยู่ในถิ่นที่ต่าง ๆ ในปัจจุบัน ก็กล่าวได้ว่าทั่วโลก ไม่ว่าส่วนใดของโลก ก็ต้องมีมหายานหรือเถรวาท แต่มหายานนั้น ได้ก้าวไปไกลอยู่ในที่ต่าง ๆ ทั่วโลก แม้มหายานจะมีวิธีปฏิบัติแตกต่างกันไปบ้างอีก แต่รวมแล้วก็คือมหายานนั้นเองที่กระจายอยู่ทั่วโลก ล้วนแต่ทำประโยชน์แก่ชาวโลกทั้งนั้น

สิ่งที่ท่านทั้งหลาย ควรจะดีใจอย่างยิ่งร่วมกัน นั่นก็คือ ทั้งเถรวาทและมหายาน ไม่ได้เคยคิดประโยชน์ส่วนตัวแต่ประการใด มุ่งอย่างเดียวว่า จะให้บรรดาคนทั้งหลาย ได้รับประโยชน์จากคำสอนในทางพระพุทธศาสนา มุ่งที่จะสร้างความอบอุ่นใจให้แก่คนทั้งหลาย

คนทั้งหลายที่มีทุกข์มีร้อน ก็ได้คลายทุกข์คลายร้อน ที่มีทุกข์น้อย เร่าร้อนน้อย ก็หายไป จึงเป็นความอบอุ่นที่สำคัญของโลกในปัจจุบัน

ตัวเล็ก 10-12-2009 07:12

โลกปัจจุบันร้อนอย่างไร ท่านทั้งหลายทั้งฝ่ายเถรวาท และมหายานทราบกันชัดเจนทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการเบียดเบียนกันถึงขั้นเป็นสงครามเล็ก ๆ น้อย ๆ ในที่ต่าง ๆ ล้วนแต่เป็นความเดือดร้อน และไม่มีใครจะหาจุดจบได้ แม้จะเรียกร้องเท่าไร ๆ แต่ผลสุดท้ายก็ยังรุ่มร้อนอยู่นั่นเอง

พระพุทธศาสนาทั้งสองฝ่าย จึงเข้าไปเป็นผู้มีส่วนสร้างความอบอุ่นให้แก่โลก

แม้จะเข้าไปไม่ถึงในที่นั้น ๆ ทั้งหมด แต่ก็เข้าไปถึงในที่ที่พอจะเข้าไปได้ จึงเป็นที่น่าดีใจสำหรับเราทั้งหลาย ที่นับถือพระพุทธศาสนาว่า เรานี่แหละเป็นผู้สร้างความอบอุ่นให้แก่โลกซึ่งโลกต้องการเป็นที่สุด

ในเวลานี้ การร่วมมือกันเพื่อสร้างความอบอุ่นให้แก่ชาวโลก จึงเป็นเรื่องสำคัญ

ตัวเล็ก 11-12-2009 07:11

การร่วมมือกันทำได้หลายวิธี แต่วิธีที่สำคัญนั่นก็คือ การปรึกษาหารือกัน มีการประชุมร่วมกัน อย่างที่จัดอยู่ในขณะนี้ ให้มีการร่วมมือกัน

เราแตกต่างกันบ้างก็เป็นส่วนย่อย แต่ส่วนสำคัญนั้นเหมือนกัน ก็คือสร้างความอบอุ่นให้แก่ชาวโลกนั่นเอง เราจึงต้องปรึกษาหารือกัน ครั้งนี้จึงกล่าวได้ว่า เป็นครั้งแรกที่เถรวาทและมหายานได้มาประชุมร่วมกัน เปิดเวทีที่จะแสดงความคิดเห็นร่วมกัน แล้วก็สร้างความเป็นมิตรที่ดีต่อกัน สร้างความเป็นญาติที่ดีต่อกัน เราจะมีความรักใคร่ซึ่งกันและกัน ไปมาหาสู่กันมากขึ้น สมกับที่โลกไปไหนมาไหนกันได้อย่างรวดเร็วแล้ว เราชาวพุทธก็จะไปมาหาสู่กันได้อย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน

การประสานงานให้เกิดสมานฉันท์ร่วมกันจึงเป็นเรื่องสำคัญ อย่างที่ท่านทั้งหลายทั้งสองฝ่ายทราบกันดีอยู่แล้ว เช่น ที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ความร่วมมือกัน คือ สามัคคีธรรมก่อให้เกิดความสุข สุขทั้งแก่ตนเอง สุขทั้งแก่ชาวโลก”

การร่วมแรงร่วมใจกันจนเป็นตบะอันยิ่งใหญ่ของเราทั้งหลาย จะนำความอบอุ่น นำความสุขมาสู่ชาวโลก

ตัวเล็ก 14-12-2009 10:58

เคยมีพระผู้ใหญ่ฝ่ายมหายานได้กล่าวมาเมื่อประมาณ ๓๐ ปีแล้ว ซึ่งเป็นความคิดของท่าน แต่ว่าเป็นความคิดที่น่าจับใจท่านว่า “พระพุทธศาสนาเหมือนต้นไม้ใหญ่และมีสองกิ่งใหญ่ ๆ กิ่งหนึ่งเป็นเถรวาท กิ่งหนึ่งเป็นมหายาน แต่เป็นต้นไม้ต้นเดียวกัน คือ พระพุทธศาสนา” เรามีความรู้สึกร่วมกันเช่นนี้ ก็จะทำให้เกิดพลังใหญ่

การประชุมครั้งนี้ จึงกล่าวได้ว่า มีส่วนสำคัญที่จะก่อให้เกิดความจริงดังที่กล่าวมาแล้ว จึงขออนุโมทนาสาธุการชื่นชมยินดีเป็นอย่างยิ่ง

และในโอกาสอันเป็นมงคลนี้ ขอพรจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงโปรดประทานพรให้เราทั้งหลาย ทั้งฝ่ายเถรวาทและมหายาน จากทั่วโลก ที่ได้มาประชุมกันในวันนี้ ได้มีจิตใจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน สามารถที่จะสร้างความอบอุ่นให้แก่โลก นำชีวิตแห่งตนไปสู่ความสำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ ให้มีกำลังดีทั้งกายและใจ เพื่อจรรโลงพระพุทธศาสนา ให้เป็นประโยชน์แก่มนุษยชาติ และขอให้การประชุมครั้งนี้ ได้บรรลุผลสำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ จงทุกประการ เทอญฯ

ตัวเล็ก 15-12-2009 11:03

พระพุทธศาสนา เพิ่มความอบอุ่นแก่ชาวโลก
 
คณะสงฆ์ไทย ขอแสดงความยินดี ที่ได้มีโอกาสต้อนรับพระเถระ ผู้นำศาสนา และชาวพุทธทั้งหลาย รัฐบาลไทยได้เห็นความสำคัญของวันสำคัญสากลของสหประชาชาติ คือ วันวิสาขบูชา จึงได้จัดงานขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อที่จะให้ความสำคัญสากลของสหประชาชาติ คือ วันวิสาขบูชา ได้ปรากฏยิ่ง ๆ ขึ้นไป ตามที่ท่านศาสตราจารย์ ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในรายงานแล้วนั้น ทำให้เห็นความสำคัญของการจัดงานครั้งนี้ชัดเจนว่า มีวัตถุประสงค์อย่างไร

ท่านพระเถระ ผู้นำทางศาสนา และชาวพุทธในประเทศต่าง ๆ ต่างมีความรู้สึกเช่นเดียวกันว่า เราจะทำอย่างไร จึงจะทำให้ความสำคัญขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ปรากฏแก่โลกมากที่สุด และความสำคัญนั้น ก็เป็นไปตามที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ คือ ทรงประสงค์ที่จะให้พระธรรมคำสอนของพระองค์ เป็นประโยชน์เกื้อกูลและความสุขแก่ชาวโลก


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:33


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว