กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๒ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6607)

นายกระรอก 08-05-2019 23:31

“อย่าไปเล่นกับพระปฏิสัมภิทาญาณนะ ท่านไปของท่านได้เรื่อย แบบเดียวกับหลวงปู่พระครูโวทานธรรมาจารย์ หลวงพ่อวัดท่าซุงกะหวดตกธรรมาสน์เลย แต่ท่านหลบไปได้ลื่น ๆ ต่อหน้าต่อตา ไปเทศน์ช่วงสงคราม พอหวอขึ้น ชาวบ้านก็เผ่นลงจากศาลา ไปหมอบกันอยู่กลางทุ่ง เพราะว่าส่วนใหญ่พวกตัวอาคารจะเป็นเป้าทิ้งระเบิด หลวงปู่พระครูโวฯ ก็เผ่นไปอยู่กลางทุ่งกับชาวบ้านด้วย หลวงพ่อวัดท่าซุงนั่งอยู่บนธรรมาสน์ไม่ไปไหน พอถึงเวลาเสียงหวอปลอดภัยขึ้น ชาวบ้านก็กลับมาศาลา หลวงปู่พระครูโวฯ ก็หิ้วย่ามเดินตุ้มต๊ะตุ้มตุ้ยมา ก็คือท่านอ้วน ถึงเวลาก็หอบแฮ่ก ๆ ขึ้นธรรมาสน์เทศน์ต่อ

หลวงพ่อวัดท่าซุงก็หวดหน้าแงเลย บอกว่า "ไอ้คนไร้สัจจะ..!" "มึงว่าใครวะ ?" "ใครก็ไม่รู้ ถึงเวลาบอกกับญาติโยมเขาว่า ยอมตายเพื่อพระพุทธศาสนา เสียงหวอขึ้นหน่อยเดียววิ่งหนีไปอยู่กลางทุ่งโน่น" ปรากฏว่าหลวงพ่อพระครูโวฯ ท่านว่า "มึงเห็นไหมนี่อะไร ?" ล้วงจากย่ามออกมา พระเครื่องพวงเบ้อเร่อเลย "นี่พระพุทธ แล้วในมือกูนี่เห็นไหม ? คัมภีร์พระธรรม ตัวกูเองพระสงฆ์ กูไปครบพระรัตนตรัย ไปคุ้มครองญาติโยมถึงกลางทุ่ง มึงน่ะ..อกตัญญู ญาติโยมเขาเดือดร้อนแทนที่จะไปช่วยคุ้มครองป้องกัน ดันนั่งหัวโด่อยู่บนธรรมาสน์" ตกลงว่าใครตีใครก็ไม่รู้..?!

อย่าไปเล่นกับพระอย่างนั้น ไม่สำเร็จหรอก ปฏิสัมภิทาญาณ ๔ มีอยู่อย่างหนึ่งเรียกว่า "ปฏิภาณปฏิสัมภิทา" มีไหวพริบปฏิภาณคล่องแคล่วมาก ไล่ไม่จนหรอก..!”

นายกระรอก 08-05-2019 23:33

ถาม : (ไม่ชัด) ใส่รองเท้าเข้าไปในโบสถ์ ซึ่งเป็นเขตใบเสมา จะโดนกันหมดไหมคะ ?
ตอบ : ก็เรื่องของท่าน โดนไม่โดนจะตามไปดูก็ได้

ที่อื่นเขามีใส่กันเยอะ แต่วัดท่าขนุนไม่มี ใครแหลมเข้ามานี่ เจ้าอาวาสจับไมค์ด่าเลย "โคตรพ่อโคตรแม่มึงไม่ได้สั่งสอนใช่ไหม ? อยู่ที่บ้านมึงใส่รองเท้าเข้าห้องนอนหรือเปล่า ?"

อะไรที่ผิดก็แก้ให้ถูก แต่แก้ในขอบเขตอำนาจของเรา อย่าไปยุ่งกับคนอื่น ไม่ดูกาลเทศะเดี๋ยวจะซวยเอา

นายกระรอก 08-05-2019 23:36

พระอาจารย์กล่าวกับโยมว่า “อย่าไปนั่งขวางทางเข้าออก พอคนมาก็ต้องขยับอีก เขาเรียกว่านั่งให้เป็นสุข ถึงเวลาจะได้ไม่ต้องขยับ

แต่อาตมาเห็นว่านั่งแล้วทุกข์นะ เพราะว่าขยับกันทุกคนเลย บาลีเขาบอกว่า "อิริยาบถปิดบังทุกข์" ก็คือนั่งแล้วเมื่อย ความทุกข์เกิดขึ้น พอขยับก็หายไปชั่วคราว”

นายกระรอก 08-05-2019 23:38

พระอาจารย์กล่าวว่า “ต้องบอกว่าหลวงปู่โต วัดระฆัง ท่านเกิดมาคู่บุญกับในหลวงรัชกาลที่ ๔ เล่นกันหนัก ๆ ชนิดโดนถอดยศไปหลายรอบ ก็ไม่เห็นท่านจะหวั่นไหวอะไร พระดีระดับนั้นแล้ว ท่านถอดก็คืนให้ ถวายก็รับใหม่

มีอยู่งวดหนึ่ง โดนถอดยศตอนเป็นสมเด็จพระราชาคณะนี่แหละ ท่านเองก็ไม่ได้ว่าอะไร ถวายพัดคืนเสร็จเดินมาลงเรือ จะแจวเรือกลับวัดระฆัง รัชกาลที่ ๔ ทรงหายพิโรธแล้ว ให้สังฆการีถือพัดวิ่งไล่ตามมาประเคนคืน ท่านบอกว่า "นี่พ่อคุณ รู้จักธรรมเนียมไหม ? การแต่งตั้งเป็นหน้าที่ของพ่อคุณหรือ ? หรือว่าเป็นหน้าที่ของในหลวง ?" "หน้าที่ของในหลวงครับ" "เอ้อ..ถ้าอย่างนั้นต้องให้ในหลวงตั้ง ไม่ใช่อยู่ ๆ เอามาคืนแบบนี้" เป็นอันว่ารัชกาลที่ ๔ เสียท่า ต้องพระราชทานตั้งใหม่ จ่ายอีกรอบ ...(หัวเราะ)...”

นายกระรอก 08-05-2019 23:39

พระอาจารย์กล่าวว่า “เมื่อไม่กี่วันก่อนบิณฑบาต แม่ก็พาลูกมาใส่บาตรวันเกิด เด็กก็เป็นวัยรุ่น น่าจะ ๑๗-๑๘ ปีแล้ว ใส่บาตรนี่จับทัพพี ๓ นิ้ว แล้วก็ตักข้าวใส่บาตร อาตมาเองก็ เออหนอ..ปีหนึ่งใส่บาตรวันเกิดครั้งเดียว จับได้ ๓ นิ้วก็บุญโขแล้ว..!

ทำให้เห็นชัดว่า เด็กรุ่นใหม่ห่างวัด บางคนมาก็เก้ ๆ กัง ๆ ทำอะไรไม่ถูกสักอย่าง เดี๋ยวก็จะเจอแบบที่อาตมาเจอนั่นแหละ ตอนนั้นขี่รถป้ายแดงมาเลย เลี้ยวเข้ามา ลงจากรถมาด้วยความมั่นใจมาก ยกมือไหว้ "ท่านเจ้าคะ ช่วยนิมนต์พระให้ ๕ รูปด้วย อาตมาจะถวายสังฆทาน" อาตมาตอบไปว่า "ถ้าอย่างนั้นไปนั่งรอในศาลา เดี๋ยวโยมจะไปนิมนต์พระให้..!" ก็เขาแย่งของเราไปแล้วนี่ เราก็ต้องเอาของเขามาใช้บ้าง ไม่เจอกับตัวเองก็ไม่คิดหรอกนะว่าจะมี..!”

นายกระรอก 10-05-2019 19:53

ถาม : พระพุทธเจ้าโปรดอสุรินทราหูที่วัดพระเชตวันหรือครับ ?
ตอบ : กลางทาง เชตวันนี่ราหูเข้าไปไม่พอให้นั่งหรอก ...(หัวเราะ)...

ถาม : พระพุทธเจ้าท่านเนรมิตกายให้ใหญ่กว่าพระราหูอีกหรือครับ ?
ตอบ : ต้องบอกว่าให้ตัวใหญ่กว่า หรือบางทีอสุรินทราหูอาจจะโดนท่านทำให้เล็กกว่าก็ได้ สรุปว่าราหูเห็นว่าท่านใหญ่กว่าเยอะก็แล้วกัน

ถาม : ที่ว่ากลางทางนี่หมายถึงอย่างไรครับ ?
ตอบ : ท่านเสด็จไปดัก เพราะว่าราหูไม่ยอมมา ในเมื่อไม่ยอมมาก็ต้องไปหาเอง เนื่องจากเห็นว่าจะโปรดได้ เพราะราหูว่า
เมื่อเปรียบกับตัวเองแล้วพระพุทธเจ้าองค์เล็กนิดเดียว ถ้าไปแล้วต้องก้มมองก็เป็นการไม่เคารพ ก็เลยไม่กล้าไป พระพุทธเจ้าเห็นว่าจะเสียประโยชน์เปล่า ๆ จึงเสด็จไปดักกลางทาง

นายกระรอก 10-05-2019 19:53

ถาม : วัดพระเชตวันอยู่พม่าหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : อยู่ชมพูทวีป สมัยนั้นมีพม่า อินเดีย เมื่อไรกันเล่า ? มีแต่ชมพูทวีป ของเราชอบเอาไปปนกันกับปัจจุบัน ก็เหมือนกับประเทศไทยก็เพิ่งจะมีในสมัยรัชกาลที่ ๖ ก่อนหน้านี้ก็เป็นสยาม ก่อนจะสยามก็ เป็นธนบุรี เป็นอยุธยา เป็นสุโขทัย

นายกระรอก 10-05-2019 19:55

ถาม : ปัญญาบารมีสร้างอย่างไรครับ ?
ตอบ : มี ๒ อย่างด้วยกัน อย่างแรกคือพยายามศึกษาเรียนรู้ ศึกษาเรียนรู้แล้วได้มา ก็พินิจพิจารณาให้เกิดความแคล่วคล่องชำนาญ ส่วนนี้เป็นโลกียปัญญา ส่วนโลกุตรปัญญานั้นเป็นการใช้กำลังของสมาธิช่วยให้จิตสงบ แล้วก็พิจารณาเห็นความเป็นจริง ถ้าหากว่าจะแยกก็มีอีกเยอะ แต่ว่าเอาง่าย ๆ ๒ อย่างก่อนก็แล้วกัน

นายกระรอก 10-05-2019 19:56

พระอาจารย์ท่องบทอาการ ๓๒ ให้ฟังแล้วกล่าวว่า “พระพุทธเจ้าท่านแสดงอาการ ๓๒ ให้คนพิจารณาเห็นว่ามีแต่ความไม่เที่ยงเป็นปกติ ถ้าไปยึดถือมั่นหมายก็เป็นทุกข์เป็นปกติ แต่ว่าส่วนหนึ่งแทนที่จะไปพิจารณาให้เห็น ก็เอาไปนั่งท่องเป็นคาถาศักดิ์สิทธิ์ เสกโน่นเสกนี่โดยเติมอาการ ๓๒ เข้าไป ถือว่าผิดวัตถุประสงค์ ...(หัวเราะ)...”

นายกระรอก 10-05-2019 19:58

ถาม : ตอนนี้ที่ปฏิบัติจะพิจารณาธรรมในเรื่อง ...(ไม่ชัด)... ?
ตอบ : จริง ๆ ก็คือควรจะดูร่างกายของเรา เพราะว่าเป็นส่วนหยาบที่เห็นได้ง่าย ให้เห็นว่าอย่างไรก็ไม่เที่ยง อย่างไรก็เป็นทุกข์ ไม่มีอะไรเป็นเราเป็นของเรา ย้ำบ่อย ๆ จนสภาพจิตยอมรับว่าความจริงเป็นอย่างนี้ ถ้าสภาพจิตยอมรับแล้วก็จะเห็นเองว่า ร่างกายคนอื่นก็เป็นแบบนี้ สัตว์อื่นก็เป็นแบบนี้ โลกนี้ก็เป็นแบบนี้ ไม่มีอะไรที่น่ารัก น่าใคร่ น่ายึดถือมั่นหมาย ใจก็จะปลดออกไปเอง เพียงแต่ว่าซ้ำแล้วซ้ำอีก ย้ำแล้วย้ำอีก เบื่อไม่ได้

ถาม : ถ้าเราปฏิบัติแล้วเราอาราธนาพระ ...(ไม่ชัด)... ?
ตอบ : เราก็ยกขึ้นมาพิจารณาของเราเอง จะขอพระท่านช่วยหรือไม่ช่วยก็ไม่เป็นไร

ถาม : (ไม่ชัด) ?
ตอบ : ไม่มี เร่งทำเข้าไว้ เวลามีน้อย

นายกระรอก 10-05-2019 20:00

พระอาจารย์กล่าวกับญาติโยมที่ไม่ได้ยกพระมาว่า “จำไว้เลยว่า สังฆทานห้ามขาดพระเด็ดขาด อานิสงส์หายไปมหาศาลเลย”

นายกระรอก 10-05-2019 20:04

พระอาจารย์กล่าวว่า “เวลาเห็นพวกเราทำอะไรถูก ๆ ผิด ๆ ก็ไปนึกถึงสมัยที่ตัวเองเรียนหนังสือใหม่ ๆ ครูสั่งให้ทำอะไรก็ทำ ผิดบ้างถูกบ้าง ยุ่งไปหมดเหมือนกัน พยายามพิจารณาดู เอ๊ะ..ทำไมอารมณ์ใจเป็นลักษณะอย่างนี้ ? อ๋อ..ที่แท้ก็อยู่ในพรหมวิหาร ก็คือเห็นตัวเขาเหมือนกับเรานี่แหละ เพราะฉะนั้น..ผิดพลาดมาก็พออภัยกันได้ ถ้าไม่ถึงกับส่วนรวมเสียหายอาตมาก็ยังไม่งับหัวหรอก ...(หัวเราะ)...

แต่ว่าตัวเมตตานี้ก็มีราคะเป็นศัตรูใกล้ ๆ ในวิสุทธิมรรคบอกเอาไว้ชัด ถามว่าทำไม ? เพราะว่าการเมตตาต่อกัน โดยเฉพาะถ้าเป็นเพศตรงข้าม เผลอเมื่อไรจะเป็นราคะทันที แบบเดียวกับกรุณา ก็มีความเสียใจเป็นศัตรูรออยู่ใกล้ ๆ สงสารเขามากเกินไป ตัวเองก็แบกเอาความทุกข์ความเสียใจของคนอื่นไว้ด้วย กลายเป็นใจเศร้าหมองเอง ฟังดูแล้วน่ากลัวนะ ...(หัวเราะ)...”

นายกระรอก 10-05-2019 20:06

พระอาจารย์กล่าวถึงบทที่ ๔ ในพุทธชัยมงคลคาถาว่า “สงสัยไหมว่าทำไมเป็น "ชะนะปะถังคุลิมาละวันตัง" ? ไม่ใช่ อังคุลิมาล แต่กลายเป็น ถัง คือเป็นคำที่สนธิ คือเชื่อมคำว่า ชนบท หรือชะนะปะถะ + อังคุลิมาล ก็เลยกลายเป็น ชะนะปะถัง

เวลาเชื่อมกันเข้าไป เขาบอกว่า ให้ลบสระหน้าเหลือสระหลังไว้ เพราะฉะนั้น..ชะนะปะถะ สระอะข้างหลังโดนลบออก ก็เหลือแต่ตัวหน้าคือ อัง ของอังคุลิมาล ก็เลยกลายเป็น ชะนะปะถัง”

นายกระรอก 10-05-2019 20:11

ถาม : อะติเรกะวัสสะสะตัง ชีวะตุ หมายความว่าอย่างไรครับ ?
ตอบ : แปลว่าให้อายุยืนเกินร้อย อติเรกก็คือเหลือ เหลือกว่าร้อย วัสสะก็คือหน้าฝน ฤดูฝน เขาหมายถึงปีหนึ่ง สะตังคือร้อย เราจะเห็นว่าทำไมถึงใช้หน่วยสตางค์ ? ก็ ๑๐๐ สตางค์เท่ากับ ๑ บาท

ทีฆายุโกโหตุ ขอจงมีอายุยืน คือ ความอายุยืนจงมีแก่ท่าน อโรโคโหตุ ความไม่มีโรคจงมีแก่ท่าน ถ้าฟังบาลีออกก็แปลได้ คนแปลไม่ออกก็ฟังขลัง ๆ ไป ...(หัวเราะ)...

นายกระรอก 10-05-2019 20:14

พระอาจารย์กล่าวว่า “ถ้าเราไปอ่านพระไตรปิฎก การถวายอาหารจะมีอยู่คำหนึ่ง เขาว่า "อังคาสด้วยมือ" อังคาสด้วยมือจะอยู่ในลักษณะที่คอยเติมอาหารให้ อย่างอาตมานี่ถ้าหากว่าไปศรีลังกาหรืออินเดีย จะต้องพยายามฉันให้ช้าที่สุดในโลก เร็วไม่ได้ เพราะว่าถ้าเขาเห็นจานว่างเมื่อไร เขาจะตักเติมทันที ประเภทฉันหน่อยเดียวอย่างอาตมาไปเจออย่างนั้นก็ปางตาย..!

เพราะฉะนั้น..ถ้าหากว่าเห็นภาชนะเริ่มว่างเขาก็ตักเติม เราจะไปปฏิเสธก็ไม่ได้ พระพุทธเจ้าถึงได้บอกว่า "ห้ามภัตอันมาทีหลัง" แต่คราวนี้ไม่ได้มาทีหลังนะ มาพร้อมกัน เพราะว่านั่งอยู่ข้างที่ฉันตรงนั้นเลย”

นายกระรอก 10-05-2019 20:17

พระอาจารย์กล่าวว่า “เดี๋ยววันเสาร์ที่ ๑๑ พฤษภาคม มีงานทำบุญบ้านที่ระยอง ชื่อว่าบ้านใจดี เดี๋ยวนี้บ้านเยอะมาก นอกจากบ้านสายลม ซึ่งเป็นต้นตำรับแล้ว ก็มีบ้านเติมบุญที่นี่ มีบ้านลูกอินทร์ของตุ๊พ่อสิงห์ มีบ้านลูกหลวงพ่อของพระสมุห์อำนวย มีบ้านใจดีที่ระยอง มีบ้านสุมโนของพระอาจารย์มหาเอ มีบ้านเทวาสถิตของคุณปาน

บ้านใจดีอยู่ตรงไหนของระยองอาตมาก็ยังไม่รู้เลย เดี๋ยวไปงมเอาข้างหน้า เขาให้ไปบวงสรวงเวลา ๐๙.๓๐ น. นั่งฟังพระสวด ฉันเพลเสร็จก็กลับ”

นายกระรอก 10-05-2019 20:21

“ถามว่าแล้วทำไมไม่ให้สวดด้วย ? อ๋อ..ส่วนใหญ่แล้วพระอาจารย์ไม่ค่อยสวดหรอก สวดมามากพอแล้ว..! สมัยบวชใหม่ ๆ สองพรรษาแรก ออกงานแทบไม่เว้นวัน บางวันสวดมนต์เย็น ฉันเช้า สวดมนต์ ฉันเพล สวดมนต์เย็น พูดง่าย ๆ ก็คือ ออกวันหนึ่ง ๓ รอบ เหตุที่เป็นอย่างนั้นเพราะว่า ส่วนใหญ่แล้วพี่ ๆ ที่อยู่วัดท่าซุง ท่านเอาแต่ภาวนา ไม่ได้ซ้อมสวดมนต์ ก็เลยสวดไม่ค่อยได้ พอสวดไม่ค่อยได้ก็ไม่อยากไปกิจนิมนต์

ถึงเวลาให้อาตมาไปแทน อาตมาเองไปเป็นนาคอยู่วัด ๓๗ วัน สวดได้หมดเกลี้ยงแล้ว ก็เลยกลายเป็นว่าไปเพื่อดูว่าแต่ละงานเขาใช้บทไหนบ้าง ขึ้นบ้านใหม่ใช้อะไรบ้าง งานแต่งงานใช้อะไรบ้าง งานทำบุญ ๗ วัน ๕๐ วัน ๑๐๐ วัน ใช้อะไรบ้าง ทำบุญวันเกิดใช้อะไรบ้าง สองปีออกงานจนชำนาญ

โดยเฉพาะเป็นพระใหม่ก็นั่งห้อยท้าย ถึงเวลาโยมเขาขอให้เจิมบ้าน ขอให้ทำอะไร ส่วนใหญ่แล้วหลวงพี่โอ ท่านพระครูสมุห์พิชิต ฐิตวีโร ตอนนั้นก็ยังเป็นพระพิชิตอยู่ มาถึงก็ "ท่านเล็ก..ทำให้เขาหน่อย" กี่งาน ๆ ก็ "ท่านเล็กทำให้เขาหน่อย" เหนื่อยอย่าบอกใครเลย บางวันเหนื่อยขึ้นมาก็บ่น "พี่อยู่กับหลวงพ่อกันมาคนหนึ่ง ๑๐ ปี ๒๐ ปี ไม่ได้คิดจะเอาอะไรบ้างเลยหรือ ?" ท่านบอกว่า "เป็นแล้วมันเหนื่อย" ของท่านเป็นแล้วเหนื่อย ส่วนอาตมาเป็นซะแล้ว ก็เลยต้องยอมเหนื่อย..!”

นายกระรอก 10-05-2019 20:26

“มีอยู่บ้านหนึ่ง ๒ ปี อาตมาไปสวดมนต์ที่บ้านนั้น ๑๘ ครั้ง บ้านเดียวเลย เพราะฉะนั้น..พอพรรษาที่สาม อาตมารู้งานหมดแล้ว ก็เริ่มโบ้ยให้รุ่นน้องไปบ้าง ไม่ไปเองแล้ว โดยเฉพาะถ้าเป็นงานที่ลานตะโกนี่ ไม่มีใครอยากไปเลย แปดโมงครึ่งแล้วยังไม่เริ่มสวดมนต์ โดยเฉพาะผู้ใหญ่จันทร์ แกเป็นทายก แกก็เอ้อระเหยลอยชายไปเรื่อย พระหิวไส้แขวนแล้ว..! บางทีหิวมาก ๆ ก็ "ผู้ใหญ่..เมื่อไรจะสวดมนต์สักที ?" "รออีกสักหน่อยสิ คนยังมาไม่ครบ จะหิวอะไรนักหนาเชียว" ไอ้เราก็นึกในใจว่า "มึงตื่นขึ้นมา มึงก็แดกกาแฟปาท่องโก๋ไปแล้ว แต่กูนี่อดมาตั้งแต่เพลเมื่อวานนี้..!"

โดยเฉพาะของพระ ตามพระธรรมวินัยแล้วก็คือ ถ้าหากว่าฉันอยู่ ลุกแล้วก็หมดสิทธิ์ไปเลย ไม่ใช่โยมที่นึกจะกินเมื่อไรก็ได้ ในเมื่อเป็นอย่างนั้น ถึงเวลาก็ไม่มีใครอยากไปงานผู้ใหญ่จันทร์ แล้วก็ดันจัดเป็นงานประจำปีทำบุญลานตะโก อาตมาไปอยู่ ๓ ครั้งก็เลิกไปเลย

ท้ายสุดต้องไปเอาพระที่วัดตรงท่าน้ำมโนรมย์ ก่อนหน้านี้ชื่อวัดเสริมศรีสุขสวัสดิ์ เพราะว่าเป็นวัดที่ท่านเจ้าคุณเสริมกับแม่อ๋อยช่วยกันสร้างขึ้นมา คราวนี้มาตอนหลัง เจ้าอาวาสใหม่ไปทำเละเทะ ท่านไม่สนับสนุนอีก วัดก็โทรมหมดสภาพไป พอเจ้าคณะจังหวัดส่งพระรูปใหม่มาเป็นเจ้าอาวาส เขาก็เลยเปลี่ยนชื่อวัดไปด้วย ไม่รู้ว่าปัจจุบันนี้ใช้ชื่ออะไร ? ลานตะโกพอพระวัดท่าซุงไม่ไป เขาก็ไปเอาพระที่วัดตรงท่าน้ำมโนรมย์ไปแทน”

นายกระรอก 10-05-2019 20:28

“ถามว่าพระประท้วงโยมได้ไหม ? มีการประท้วงมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้ว เขาเรียกว่าคว่ำบาตร ก็คือถึงเวลาใส่บาตรแล้วไม่รับ หันก้นบาตรขึ้น มีปัญญาก็ใส่ไปสิ..! ถ้าหากว่ามาขอขมา รับปากว่าจะแก้ไข ก็มีการสวดประกาศ เขาเรียกว่าสวดหงายบาตร คืออนุญาตให้ใส่บาตรได้ คำว่าคว่ำบาตรนี่มาจากพระพุทธศาสนานี่แหละ ดังนั้น..อย่าให้พระประกาศคว่ำบาตรใคร เห็นมีเพื่อน ๆ หลายคนประกาศคว่ำบาตรคนชื่อไพบูลย์ บอกว่า "ตายแล้วอย่ามาเผาที่วัดกูนะมึง" อาตมาก็ไม่รู้ว่าไพบูลย์ไหน ? เพราะว่าเพื่อนตัวเองก็มีที่ชื่อไพบูลย์..!”

นายกระรอก 12-05-2019 23:35

ถาม : เคยเห็นในอินเตอร์เน็ต เขามีขอรับบริจาคพวกโทรทัศน์เก่า เครื่องใช้ไฟฟ้าเก่า ของใช้มือสอง เพื่อนำมาส่งต่อให้เด็กยากไร้ หนูก็เอาไปบริจาคให้เขา แต่พี่ชายเห็นว่าไม่ควรเอาไปบริจาคเพราะกลัวว่าจะบาป ?
ตอบ : บาปตรงไหน ?

ถาม : กลัวว่าชาติหน้าจะได้ของที่ไม่ดีค่ะ ?
ตอบ : ได้ของที่ไม่ดีกับไม่ได้ทำ อย่างไหนจะแย่กว่ากัน ? บุญจะเป็นอย่างไรก็ช่าง ขอให้ได้ทำไว้ก่อน เพราะว่าผลตอบแทนออกมาด้านดีทั้งนั้น

ให้ของเก่า ให้ของใช้แล้ว เขาเรียกว่า "ทาสทาน" พอถึงเวลาเราได้มา ไม่ใช่ว่าสิ่งนั้นไม่ดี เพียงแต่ว่าสิ่งที่เราได้มานั้น จะทำให้เราไม่อยากใช้ของใหม่ หันไปใช้ของเก่าแทน

การทำทานมีโอกาสให้ทำไว้ก่อน จะเป็นของกินแล้วใช้แล้วก็ดี ของที่ดีเท่าที่เรากินเราใช้ก็ดี หรือว่าดีกว่าที่เรากินเราใช้ก็ตาม ให้ได้ทำเท่านั้น ไม่ใช่ว่าเรามีของไม่ดีแล้วเราไม่ทำ กลายเป็นตัดโอกาสตัดทางบุญตัวเองเสียเปล่า ๆ สำหรับคนที่เขาขาดหรือคนที่เขาไม่มี ของไม่ดีของเราคือของดีที่สุดที่เขามี คราวนี้พอเรามีของเก่า เราไม่กล้าทำบุญ เพราะกลัวว่าถึงเวลาเกิดใหม่เราจะได้แต่ของเก่า ๆ อันนั้นคิดผิดมาก

นายกระรอก 12-05-2019 23:37

พระอาจารย์กล่าวว่า “ระยะนี้วันไหนมีงานเดียวนี่ดวงดีมากเลย โยมโทรไปถามว่า วันนั้นวันนี้ว่างไหม ? บอกไปว่า "ตอนนี้ว่าง" โยมฟังเข้าใจหรือเปล่าก็ไม่รู้ ? คำว่าตอนนี้ว่างก็คือตอนนี้ยังไม่มีงาน แต่อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าอาจจะมีแล้ว..!

ใครที่ติดตามงานพระอาจารย์เล็ก วัดท่าขนุน จากในเฟซบุ๊ก ก็ลุ้นเข้าไปว่าวันนี้จะมีกี่งาน แต่ขอบอกให้ว่า ที่ลง ๆ นี่บางทีไม่ครบหรอกนะ บางวันไป ๓-๔ งาน แต่เขาลงให้งานเดียว..!”

นายกระรอก 12-05-2019 23:42

พระอาจารย์กล่าวว่า “มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งของฝรั่ง เขาบอกว่าแมวเป็นของเหลว แล้วก็มีผลงานอ้างอิงเยอะแยะไปหมด โดยเฉพาะรูปภาพ คือแมวสามารถอยู่ในภาชนะทุกแบบได้ เพราะฉะนั้น..สิ่งที่เปลี่ยนรูปตามภาชนะได้ มีแต่ของเหลว ซึ่งเป็นงานวิจัยที่มีคนอ่านเป็นล้านเลย ไม่ว่าจะเป็นกล่องเป็นถังเป็นกาละมัง แมวเข้าไปได้หมด ก็เลยบอกว่าแมวเป็นของเหลว..!

จริง ๆ แล้วตระกูลแมวนี่ตั้งแต่สิงโตลงมาก็เป็นแมวทั้งหมด สิงโตเอเชียกับสิงโตแอฟริกาเป็นคนละสายพันธุ์กัน เราจะเห็นว่าในพระไตรปิฎกมีกล่าวถึงราชสีห์เยอะแยะไปหมด แม้กระทั่งเนื้อต้องห้ามที่ไม่ให้พระฉัน ๑๐ อย่างก็มีเนื้อราชสีห์ ซึ่งก็คือเนื้อสิงโต ปรากฏว่าอินเดียจนถึงปัจจุบันนี้ ยังมีสิงโตอยู่ในธรรมชาติเป็นปกติ โดยเฉพาะที่อุทยานแห่งชาติกี (Gir National Park) ลองไปค้นชื่อนี้ในกูเกิ้ลดู จะบอกสิงโตพันธุ์เอเชียมาเลย ชัดมาก

แอฟริกามีสิงโต มีเสือดาว เสือจากัวร์ จากัวร์นี่ตอนสมัยอาตมาเด็ก ๆ เขาเรียกว่าเสือลายตลับ แล้วก็เสือชีตาห์ นอกนั้นก็เป็นตระกูลแมว”

นายกระรอก 12-05-2019 23:45

ถาม : เนื้อ ๑๐ ชนิดที่ไม่ให้พระฉัน อันนั้นรวมฆราวาสด้วยไหมคะ ?
ตอบ : ฆราวาสไม่เกี่ยว ห้ามแต่พระ ที่ห้ามพระเพราะว่าสมัยก่อนพระอยู่ป่า ลองกินเนื้อสัตว์อะไรลงไป ตัวเราจะมีกลิ่นเหมือนสัตว์ชนิดนั้น คราวนี้พอเราเข้าไปก็กลายเป็นสัตว์แปลกหน้า วิสัยของสัตว์เขาจะหวงถิ่นที่อยู่ของเขา กลัวว่าสัตว์อื่นเข้าไปจะไปแย่งอาหารหรือแย่งคู่ของเขา ในเมื่อเขาหวงที่ พอเราเข้าไป กลายเป็นสัตว์แปลกหน้า เขาก็ไล่ฟัดเอา

เนื้อ ๑๐ ชนิดมี เนื้อคน
เนื้อช้าง เนื้อม้า เนื้อหมา เนื้องู เนื้อเสือโคร่ง เนื้อเสือเหลือง เนื้อเสือดาว เนื้อหมี เนื้อราชสีห์ แต่ละอย่างล้วนแล้วแต่น่ารักทั้งนั้น..! เข้าป่าขืนมีกลิ่นตัวเดียวกับพวกนี้ ถ้าเห็นเราเป็นช้างแปลกหน้า เดี๋ยวก็โดนไล่กระทืบเอา..!

สมัยก่อนที่วัดท่าซุง มีลุงปรุง ตุงคะเศรณี อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำฮ่องกง ท่านอยู่ฮ่องกงหลายปี กินหมาตุ๋นไปเยอะ ลุงปรุงออกจากกุฏิไม่ได้เลย โดนหมารุมเห่าเป็นร้อย เพราะว่าหมาเห็นว่าลุงปรุงเป็นหมาแปลกหน้า..!

ลุงปรุงอยู่ตึกกลางน้ำ คอยช่วยดูแลหลวงพ่อวัดท่าซุงอยู่ มาตอนหลังหลวงพี่ประทีปกับท่านน้อยช่วยกันดูแลด้วย งานลุงปรุงก็เบาลง พอท่านว่างเดินออกมาข้างนอกเมื่อไร หมาก็ไล่เห่าทั้งวัด

นายกระรอก 12-05-2019 23:49

ถาม : บ้านที่ติดกันมีนกพิราบมาขี้เยอะมากเลยค่ะ แล้วเป็นบ้านแถวเดียวกัน ๔ หลัง จะทำอย่างไรได้บ้างคะ ?
ตอบ : เลี้ยงเหยี่ยว ๑ ตัว เอาใส่กรงแขวนไว้ใกล้ ๆ แถวนั้น วัดท่าขนุนสิ่งก่อสร้างเยอะมาก แต่นกพิราบเกาะอยู่แค่ในตลาด เพราะว่าวัดท่าขนุนเก็บต้นไม้ไว้เยอะ มีเหยี่ยวมาหากินบ่อย นกพิราบไม่กล้าเข้าวัดเลย เพราะถ้าเข้ามาก็กลายเป็นอาหารเหยี่ยว เหยี่ยวมาคอยกินไก่ที่วัด เผลอเมื่อไรก็เอาไปกิน เพราะฉะนั้น..เลี้ยงเหยี่ยวสักตัวหนึ่ง แขวนกรงไว้ใกล้ ๆ แถวนั้นแหละ เดี๋ยวนกพิราบก็เปิดหมด

หรือไม่ก็ทำสะพานแมว รู้จักสะพานแมวไหม ? เอาไม้ขนาดหน้าสามก็ได้ แล้วก็ตอกลูกคั่นไว้หน่อยหนึ่งให้แมวขึ้นได้ พาดเอาไว้ ถ้าแมวขึ้นหลังคาได้ นกก็จะไม่มา

นายกระรอก 12-05-2019 23:50

ถาม : แล้วถ้าเป็นพวกหนูละคะ คือเขาไปหากินบ้านอื่น แต่มาอยู่ใต้หลังคาบ้านเรา ?
ตอบ : เอากิ่งยี่โถหั่นเป็นท่อน ๆ ยาวสักนิ้วสองนิ้วก็ได้ โยนขึ้นไปในฝ้าเยอะ ๆ

นายกระรอก 12-05-2019 23:51

ถาม : เป็นโรคที่สารเคมีในสมองหลั่งมากผิดปกติ ไปหาหมอกินยามา ๕ ปีแล้วก็ยังไม่หาย ?
ตอบ : ทำสมาธิแทน ถ้าสมาธิทรงตัว สารเคมีจะปกติ

ถาม : รู้สึกเหมือนเป็นกระแสอะไรวนไหลอยู่ในร่างกายตลอดเวลา ?
ตอบ : ก็ปล่อยไป ถ้าสมาธิทรงตัว พวกนี้ก็กวนอะไรเราไม่ได้อยู่แล้ว

นายกระรอก 12-05-2019 23:53

ถาม : พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ มีความหมายว่าอย่างไร เพราะว่าหาแต่ละเว็บแล้วความหมายไม่เหมือนกัน ?
ตอบ : พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ เป็นธรรมะที่พระพุทธเจ้าท่านสอนเทวดา สอนพรหม ไม่ได้สอนคน เพราะฉะนั้น..คนตีความให้ตายก็เข้าไม่ถึงจริง ๆ หรอก ท่านขึ้นไปเทศน์โปรดพระพุทธมารดา ก็คือโปรดพรหม โปรดเทวดาด้วย ใช้เวลาถึง ๓ เดือนของโลกมนุษย์ ทั้ง ๆ ที่เทศน์แค่หัวข้อ เพราะฉะนั้น..ใครที่ไปเรียนอภิธรรมโปรดทราบ ท่านเก่งกว่าพรหมเทวดาหรืออย่างไรถึงได้ไปเรียนกัน ?

ถาม : ยากจนสอนถึง ๓ เดือนเลยหรือคะ ?
ตอบ : นั่นแหละ สามเดือนมีใครฟังได้จบบ้างไหม ? คงเป็นลมตายเสียก่อน ไม่ได้กินไม่ได้นอน

ถาม : คือไม่ต้องเข้าใจความหมายก็ได้ ถ้าฆราวาสจะสวด ก็สวดได้ใช่ไหมคะ ?
ตอบ : อยากจะสวดก็สวดไป แต่อย่าพยายามไปตีความ เหนื่อยเปล่า ๆ

ถาม : สวดที่บ้านโดยที่ไม่ใช่วันสำคัญก็ได้ใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ได้ทุกวัน

นายกระรอก 12-05-2019 23:54

ถาม : เคยไปที่วัดหนึ่ง พระท่านบอกว่าห้องสมุดจะทุบทิ้งแล้ว ท่านก็เลยให้หนังสือมา จะติดหนี้สงฆ์ไหมคะ ?
ตอบ : ติดแน่นอน

ถาม : ถ้าไม่สะดวกเอาไปคืน ใช้วิธีชำระหนี้สงฆ์หยอดตู้ได้ไหมคะ ?
ตอบ : ได้

ถาม : ไม่จำเป็นต้องเป็นวัดนั้นใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ไม่จำเป็น ชำระหนี้สงฆ์ทำที่วัดไหนก็ได้ บอกพระท่านก่อนก็แล้วกัน

นายกระรอก 12-05-2019 23:57

ถาม : พระอาจารย์บอกว่า การสวดเป็นคลื่นพลังงานแผ่กระจายออกไป ซึ่งภพภูมิอื่น ๆ สามารถรับได้ แต่ทำไมคนสวดเองถึงรับรู้พลังกระแสคลื่นที่ดีแบบนี้ไม่ได้เลย ?
ตอบ : ต้องบอกว่าเครื่องรับของตัวเองห่วย ถ้าเครื่องรับดี ๆ ก็ต้องรู้ได้สิ

ถาม : บทสวดที่พระพุทธเจ้าตรัสด้วยพระองค์เอง บางบทก็มี เอวัมเม สุตังฯ คือพระอานนท์ได้ฟังมา บางบทก็ไม่มี ทำไมถึงแตกต่างกันคะ ?
ตอบ : ที่ต่างกันก็เพราะว่าโดนตัดตรงหัวออก เอาแต่เนื้อข้างใน โดยเฉพาะบางบทเขาสวดย่อ ๆ อย่างเช่นว่า ขันธปริตร เขาก็ตัดแค่ "
อัปปะมาโณ พุทโธ อัปปะมาโณ ธัมโม อัปปะมาโณ สังโฆ ฯ" หัวก็ไม่มี ท้ายก็ไม่มี หรือไม่ก็กรณียเมตตสูตร เขาก็ตัดเอาแค่ "เมตตัญจะ สัพพะโลกัส๎มิงฯ" ทั้ง ๆ ที่ตอนหน้ามีอีกบานตะเกียงเลย ในเมื่อเขาตัด ๆ มา ก็เลยไม่มี ถ้าไม่ได้ตัดมาก็จะมี

ถาม : พระอานนท์ฟังมาทั้งหมดเลยใช่ไหมคะ ?
ตอบ : บางทีพระอานนท์ก็ฟังจากมหาสาวกท่านอื่น ๆ อย่างพระมหากัจจายนะบ้าง เสร็จแล้วไปกราบทูลถาม พระพุทธเจ้าท่านรับรองให้ ในเมื่อพระพุทธเจ้าท่านรับรองให้ ก็เลยบรรจุไว้ในพระไตรปิฎกด้วย

ถาม : เวลาสวดมนต์ถ้าเกิดใจสวด ...(ไม่ชัด)... ภพภูมิอื่นเขาจะได้ยินสิ่งที่เราคิดและเสียงที่เราสวดทั้ง ๒ อย่างหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : เขารู้ แต่ว่าพวกท่านทั้งหลายฉลาด ท่านเอาแต่ส่วนดี ๆ ไอ้ที่ไม่ดีของเราท่านก็ไม่สนใจหรอก

นายกระรอก 12-05-2019 23:59

พระอาจารย์กล่าวว่า “สัปดาห์ก่อนมีโยมมาหา อาตมาก็ว่า "ทำไมแก่กันหมดแล้ววะ ?" ไล่ไปไล่มา อ๋อ ๒๗ ปีผ่านไปแล้ว ตัวเล็กที่สุดตอนนั้นอายุ ๑๒ ปี ตอนนี้ก็ ๓๙ ปีเข้าไปแล้ว ที่เหลือไม่แก่ก็ไม่ได้หรอก..!

เด็ก ๆ บอกว่า "หลวงลุงไม่แก่เลย" อาตมาบอกว่า "แก่..แต่ว่าแก่ช้าหน่อย" ส่วนสามีเขาตอนแรกก็นั่งตาปริบ ๆ ไอ้นี่เรียกหลวงลุง ๆ คงต้องแก่มากแน่ ๆ เลย ปรากฏว่าตัวเองหัวไปครึ่งบ้านแล้ว หลวงลุงยังผมไม่ร่วงเลย ...(หัวเราะ)...”

นายกระรอก 13-05-2019 00:04

“สมัยโน้นที่ยังไปช่วยงานหลวงพ่อวัดท่าซุงที่บ้านสายลม มีอยู่วันหนึ่งนั่งรถ ปรากฏว่าฝรั่งเขาโวยวายว่า "ทำไมรถคันนี้ไปผิดทาง ?" อาตมาถามว่า "คุณจะไปไหน ?" "ไปสถานทูตฟิลิปปินส์" เขาก็ขึ้นสาย ๒ ตามคำแนะนำ แต่ทำไมถึงขึ้นทางด่วนไปคนละทิศกัน เพราะว่าเขากางแผนที่ดูอยู่ ก็เลยบอกเขาว่า "ถ้าคุณจะไปสถานทูตฟิลิปปินส์ต้องขึ้นสาย ๒ ป้ายสีฟ้า คุณขึ้นสาย ๒ ป้ายเหลืองนี่ไป Expressway แล้ว"

แล้วเขาถามว่าจะทำอย่างไร ? อาตมาก็บอกว่า "นั่งไปจนสุดทาง เดี๋ยวจะพากลับให้ พอดีวันนี้ไม่มีธุระอะไร" ก็ไปลงที่สุขุมวิท ๖๒ แล้วพาเขานั่งย้อนกลับมาใกล้ ๆ ซอยอโศก ตรงสถานทูตฟิลิปปินส์ เขาถามว่า "ยูยังเรียนไฮสคูลอยู่ใช่ไหม ?" ถามเขาว่า "ดูจากตรงไหน ?" เขาบอกว่า "ผมสั้นมาก" คือเขาไม่รู้ว่าเป็นทหาร ไล่ไปไล่มาอาตมาแก่กว่าเขา ๓ ปี ถามเขาว่า "แล้วคุณไปทำอะไรที่สถานทูตฟิลิปปินส์ ?" เขาบอกว่า "จะไปแสตมป์พาสปอร์ต เพราะว่าพ่อมีกิจการอยู่ที่ฟิลิปปินส์ให้ไปดูแลแทน" เขาให้คนอายุ ๒๒ ปี ดูแลกิจการต่างประเทศแล้ว ส่วนคนอายุ ๒๕ ปีหน้าตาเด็กกว่าเขาตั้งเยอะ ...(หัวเราะ)...”

นายกระรอก 13-05-2019 00:06

“ที่แก่ช้านั้นมีส่วนหนึ่งก็คือว่า ชาติก่อน ๆ ตายตั้งแต่อายุน้อย ๆ บ่อยมาก เพราะว่าสร้างเวรสร้างกรรมด้วยการเป็นทหารออกรบบ่อย ก็เลยอายุสั้นพลันตาย มีชาตินี้แหละที่อายุเกิน หลวงพ่อท่านจะเก็บเอาไว้ใช้งาน ก็เลยอายุเกินมาเรื่อย ๆ กำลังรอว่าตัวจริงเขาจะมาเมื่อไร ? จะได้บ๊ายบายเสียที..! แต่ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ๓๕ ปีแล้ว ยังไม่เห็นตัวจริงมาเลย”

นายกระรอก 13-05-2019 00:09

พระอาจารย์กล่าวกับโยมคนหนึ่งว่า “เป็นผู้หญิงพยายามเป็นช้างเท้าหลังหน่อย อย่าพยายามเป็นควาญช้างบ่อยนัก..! คือต่อหน้าเพื่อนฝูงคนอื่น ผู้ชายเขามีศักดิ์ศรีของเขาอยู่ เราก็ทำเป็นยอม ๆ เขาบ้าง พอลับหลังอยู่ในบ้านแล้วค่อยอาละวาด..! ต้องบอกว่าอยู่ให้เป็น ไม่ใช่อยู่ที่ไหนเราก็จะเป็นควาญช้างอย่างเดียว ถ้าลักษณะนั้นก็คืออยู่ไม่เป็น

ที่เตือนโยมเพราะว่าโหงวเฮ้งข่มผู้ชาย ใครแต่งงานด้วยซวยทั้งนั้นแหละ ...(หัวเราะ)... ต้องทำใจเลย ถ้าแต่งงานนี่เราได้เป็นผู้นำ ตำแหน่งผบ.ทบ. ยกให้ไปเลย..!”

นายกระรอก 13-05-2019 00:12

พระอาจารย์กล่าวว่า “ญาติโยมจะเห็นว่า คนรุ่นเก่า ๆ มักจะแข็งแรง เพราะว่าทำงานหนัก รุ่นใหม่หนักก็ไม่เอา เบาก็ไม่สู้..ใช่ไหม ? สมัยก่อนเขาทำไร่ทำนากัน ถึงเวลาก็จับจอบ จับเสียม จับคราด จับไถ จึงแข็งแรง อยู่กับดินฟ้าอากาศที่เป็นธรรมชาติ มารุ่นหลัง ๆ นี้ เครื่องไม้เครื่องมือช่วยเยอะมาก แต่รายจ่ายก็เยอะขึ้นด้วย ใช้ปุ๋ยก็จ่ายค่าปุ๋ย ใช้ยาจ่ายค่ายา ใช้รถไถจ่ายค่าน้ำมัน จ่ายค่าแรงเขา ใช้รถเกี่ยวยิ่งหนักเข้าไปใหญ่

อย่างที่เพลงเขาว่า "ถึงหน้านาทำนา หน้าแล้งน้องจ๋า พี่จะหาน้ำตาล" น้ำตาลนี่กว่าจะขึ้นได้แต่ละต้นนี่ปางตายเลยนะ อาตมาขึ้นต้นมะพร้าวมาตั้งแต่เด็ก ๆ ก็เลยซาบซึ้งมาก ถ้าแขนไม่แข็งแรงก็ขึ้นไม่ได้ แขนต้องรับน้ำหนักตัวได้ เท้ามีหน้าที่ส่งตามอย่างเดียว โยมแม่ปลูกมะพร้าวไว้ร้อยกว่าต้น อาตมากินจนไม่เหลือมะพร้าวแก่ให้ทำกับข้าว แม่โกรธมากเลย ก็ขึ้นไปกินทุกต้นแหละ..!”

นายกระรอก 13-05-2019 00:15

“ไปที่พม่าริมหาดแซตแซ มีมะพร้าวอ่อนขาย คราวนี้ยังไม่เลยเที่ยง ครูบาน้อยท่านอยากฉันน้ำมะพร้าว ไปถึงก็ชี้ "เอามา ๒ ใบ" อาตมาบอกว่า "เฮ้ย ๆ ไม่เอา" ท่านถามว่าทำไม ? ก็บอกว่า "พวงนี้แก่แล้ว ก้นกะลาดำแล้ว" ท่านถามว่า "พระอาจารย์ดูออกหรือ ?" "ดูออก" พอถามว่าเอาพวงไหน ก็พลิก ๆ ให้เขา ไม่มีพอดีด้วย มีแต่อ่อนไป จึงบอกว่า "อ่อนไปดีกว่า แต่น้ำจะเปรี้ยวหน่อย" แล้วก็ชี้ให้เขา เขาก็สงสัยว่ารู้ได้อย่างไร ? อ๋อ..ถ้ากินขนาดอาตมานี่ต้องรู้ มะพร้าวร้อยกว่าต้น กินจนไม่เหลือลูกแก่ นึกเอาก็แล้วกันว่ากินไปขนาดไหน ไม่ถึงหมื่นลูกก็คงใกล้เคียงแหละ..!

อาตมาเสียอย่างเดียวคือลับมีดไม่คม ลับอย่างไรก็ไม่คม เขาบอกว่าผู้ชายลับมีดไม่คมไม่กลัวเมีย เขาว่าอย่างนั้น ไอ้เราก็ไม่เคยแต่งงานอีก เลยไม่รู้ว่ากลัวหรือเปล่า ? คราวนี้พอจะกินมะพร้าวก็ไปขอร้องพี่สะใภ้ให้ช่วยลับมีดให้ ...(หัวเราะ)... แม้กระทั่งปัจจุบันนี้อยู่วัดท่าขนุน ถึงเวลาจะใช้มีดต้องไปขอยายมะเขาลับให้ "มะ..ลับมีดให้หลวงพ่อหน่อย" ยายมะไปพักเดียว คมกริบกลับมาเลย แสดงว่ามะไม่กลัวผัวเพราะว่าลับมีดคม..!”

นายกระรอก 14-05-2019 21:51

พระอาจารย์กล่าวว่า “วัตถุมงคลสักองค์สององค์ก็พอแล้ว เอาที่เรามั่นใจ ขอให้ยึดมั่นจริง ๆ เท่านั้น”

นายกระรอก 14-05-2019 21:53

พระอาจารย์กล่าวว่า “หลังพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเมื่อไร ถ้าประกาศรัฐบาลใหม่ไม่ได้นี่จะยุ่งมากเลย แล้วก็จะมีประเภทดึงฟ้าต่ำ ทำให้ระคายใต้เบื้องพระยุคลบาท ก็คือจะไปขอรัฐบาลพระราชทาน กติกาประชาธิปไตยเขาเลือกตั้งมาแล้ว ว่าที่ ส.ส. มีเพียบ แต่จะเอารัฐบาลพระราชทาน ไม่รู้เหมือนกันว่าใช้หัวแม่เท้าข้างไหนคิด..!

ถ้าหากว่าประกาศตั้งรัฐบาลไม่ได้ วันที่ ๙ พฤษภาคมนี้ใช่ไหม ? ให้เวลา ๓ เดือนก็แล้วกัน สามเดือนถ้ายังไม่ได้นี่ยุ่งบรรลัยเลย ทหารเขาเตรียมรอ ปะทะกันเมื่อไรก็ปฏิวัติยึดอำนาจใหม่ ...(หัวเราะ)... อาตมาขอย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า ปี ๒๕๒๔ อยู่ชายแดนพม่า เงินไทย ๒ บาท แลกเงินพม่าได้ ๑ จั๊ต คือเงินพม่าใหญ่กว่าเราสองเท่า รัฐบาลทหารดูแลประเทศพม่ามา ๓๐ กว่าปี ตอนนี้เงินไทย ๑ บาท แลกเงินพม่าได้ ๔๗ จั๊ต เงินพม่าเล็กกว่าเรา ๔๗ เท่า..! เพราะฉะนั้น..ขอให้รัฐบาลทหารจงเป็นสุข ๆ เถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย รีบ ๆ กลับกรมกลับกองไปเถอะ..!

ทหารเขามีเอาไว้รบ มีไว้ป้องกันประเทศ ไม่ได้มีไว้บริหารประเทศ โดยเฉพาะทหารเคยชินกับการสั่งแล้วต้องทำ เขามีคติว่า คำสั่งผู้บังคับบัญชาเหมือนเสียงสวรรค์ ทหารต้องทำตามโดยไม่มีข้อแม้ ในเมื่อเป็นลักษณะอย่างนั้นแล้ว บรรดาทหารจะมีจุดเดือดต่ำ ก็คือประเภทโดนใครขัดคำสั่งไม่ได้ จะไม่พอใจ ไม่อย่างนั้นจะออกอาการแบบลุงตู่ซินโดรม..! ก็คือประเภทผีเข้าผีออกอย่างกับคนวัยทอง ลุงตู่แกก็เลยวัยทองมาแล้วนะ

แต่จริง ๆ ลุงตู่มาเป็นรัฐบาลก็ช่วยประเทศชาติได้เยอะมาก อย่างน้อย ๆ ก็ช่วยให้ประหยัดไฟไปได้ทุกวันศุกร์..!”

นายกระรอก 14-05-2019 21:55

ถาม : ช่วงนี้ความเปลี่ยนแปลงทางด้านอารมณ์สูงมากเลยครับ ต้องทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : กลัวอารมณ์เปลี่ยนแปลงก็ทำสมาธิให้ทรงตัว แล้วควรจะทรงตัวระดับใช้งาน ก็คือต้องการเมื่อไรต้องได้เมื่อนั้น ถ้าอย่างนั้นอารมณ์จะเปลี่ยนแปลงน้อย หากว่าทำได้ จะวัยทองหรือวัยเพชรก็ไม่มีปัญหา ทำไม่ได้ถึงเวลาก็กลุ้มใจอีกแล้ว ใจไม่ได้อยู่กับสมาธิก็ฟุ้งซ่านอีกแล้ว ฟุ้งไปเรื่อย...ลูกจะเป็นอย่างไร ผัวจะเป็นอย่างไร ไม่ได้เคยคิดเลยว่าตัวเองจะเป็นอย่างไร

นายกระรอก 14-05-2019 21:57

ถาม : องค์ดาไลลามะที่ท่านทรงสมาธิแล้วรู้ว่าใครมาจากไหนเป็นเพราะของเก่าไหมครับ ?
ตอบ : ต้องไม่ทิ้งด้วย คุณได้อ่านกิจวัตรประจำวันของพระองค์ท่านไหม ? พระองค์ท่านทรงสมาธิวันละ ๒ ชั่วโมง ของเราทำงานหน่อย กูไม่เอาแล้ว..!

ถาม : สองชั่วโมงคือปฏิบัติในรูปแบบ ?
ตอบ : เป็นเวลาที่ต้องเว้นราชกิจอื่น ๆ เพื่อที่จะไปทำสมาธิโดยเฉพาะ

ก่อนหน้านี้ดาไลลามะเป็นแค่ผู้นำศาสนา คราวนี้ยุคกุชรีข่าน ดาไลลามะไปพยากรณ์ให้แล้วท่านเลื่อมใส ก็เลยถวายอำนาจให้ปกครองทั้งอาณาจักรและศาสนจักร กลายเป็นว่ามีอำนาจทางการเมืองไปด้วย

อาตมาไปทิเบตตั้งใจไปดูสังขารเก่า ๆ ของตัวเอง กลับมาให้พระอาจารย์บ๊ะยืนยัน ท่านบอกว่าใช่ ...(หัวเราะ)... แต่ขอโทษ..กลับมาได้ไม่นาน วัดโจคังโดนไฟไหม้ ตูไปที่ไหนเขาก็บรรลัยหมด..! แต่จริง ๆ วัดแถวนั้นก็น่าจะไฟไหม้ง่าย เพราะว่าเขาตามประทีปกันทั้งวันทั้งคืน โดยใช้ไขมันวัวและไขมันจามรี

นายกระรอก 14-05-2019 22:00

พระอาจารย์กล่าวกับโยมคนหนึ่งว่า “กระเป็นสัญลักษณ์ว่าอายุยืนมาก อย่าไปเอาออกนะ มีกระแปลว่าอายุยืน ยิ่งเยอะยิ่งอายุยืนมาก บางคนไม่เข้าใจก็ไปคุ้มคลั่งอยู่นั่นแหละ จะพยายามไปให้หมอลบออก นั่นเป็นธรรมชาติของเขาเอง สังเกตดูว่าคนอายุ ๘๐-๙๐ ปีนี่กระขึ้นทั้งตัวเลย ...(หัวเราะ)...”


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 08:51


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว